- STEP 42 -
“หลบหน่อย...”ผมเอ่ยเสียงเนือยด้วยความรำคาญ ก่อนจะหรี่ตามองคู่กรณีที่ยังยืนปักหลักขวางทางผม ดูท่าทางแล้วอยากจะเล่นสงครามประสาทกับผมน่าดู ก็เอาสิ...ผมเองก็ว่างอยู่พอดี ถือว่าแก้เบื่อระหว่างรอพี่เภาละกัน เพราะระหว่างเราสองคนก็มีเรื่องที่ต้องชำระความกันพอดี และไม่ใช่เรื่องเดียว มันหลายเรื่องซะด้วย
ที่ผ่านมา ผมถือว่าผมอดทนมามากพอแล้ว กับผู้หญิงที่แสดงท่าที่อย่างเปิดเผยว่าชอบแฟนผม แถมยังพูดจาใส่ร้ายป้ายสีลับหลังผมอีก แล้วยังเรื่องที่เป่าหูพี่เภาว่าผมจะสวมเขานั่นก็ด้วย สงสัยว่า...ผมจะอารมณ์เย็นเกิน จนบางคนเขาเลยพลอยคิดเองเออเองว่าผมกำลังรับบทเมียหลวงแสนดี ที่จะเที่ยวใจดีกับทุกคนที่เข้ามาประกาศว่าจะแย่งแฟนผม
“แก! แกเป็นคนบอกพี่เภาเรื่องขอเปลี่ยนนางเอกใช่ไหม?” ถ้อยคำกล่าวหาหลุดมาจากริมฝีปากบางที่เคลือบด้วยลิปสติกสีอ่อน ที่ดูท่าแล้วคงจะ
‘สวยแต่รูป จูบแล้วเหม็นเปรี้ยว’“ถ้าจะกล่าวหากัน ก็ช่วยพูดเรื่องที่มีมูลหน่อยครับ พี่เองก็เพิ่งรู้ว่านางเอกโดนเปลี่ยนตัวหลังจากหวานออกมานี่เอง ไปทำอีท่าไหนล่ะครับ...ถึงโดนโละจากบทนางเอก”
“มันต้องเป็นเพราะ...เพราะแกนั่นแหล่ะ เพราะแกหมั่นไส้ฉัน แกเห็นว่าฉันชอบพี่เภา แกกลัวว่าพี่เภาจะมาชอบฉันใช่ไหมล่ะ” ถ้อยคำกล่าวหาถูกพ่นออกมาเป็นชุดตามอารมณ์ของคนพูด
ผมถอนหายใจเสียงดังให้อีกฝ่ายได้ยินกันไปเลย ว่าผมเหนื่อย ผมเซ็ง ผมเบื่อ ถึงผมจะไม่ใช่คนดี แต่ผมก็ไม่ใช่คนลอบกัดเหมือนใคร ผมยังจำได้ ว่าหวานเอาผมไปพูดลับหลังว่ายังไง แต่โชคร้ายที่ผมกับเวย์บังเอิญผ่านมาได้ยินพอดี คราวนี้ก็คงต้องเคลียร์กันให้ชัดไปเลย ถ้ามีเรื่องจะคุยกัน ก็มาพูดต่อหน้านี่เลย อย่ามาลับหลัง เพราะผมไม่ชอบ
ผมยอมรับว่าตัวผมเองก็มีด้านดีและด้านเลวปะปนกัน เพราะผมก็เป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่น และจะมีซักกี่คนกันที่ยอมยืนนิ่งถูกด่า ผมบอกเลยว่า...ไม่ใช่ผมแน่!!
ผมพยายามบอกตัวเองแล้วว่า...อีกฝ่ายเป็นผู้หญิง อีกฝ่ายเป็นรุ่นน้อง ตัวผมเองเป็นผู้ชาย ถ้าเกิดมีเรื่องกันก็จะถูกหาว่ารังแกผู้หญิง ผมเลยต้องพยายามอดทนและควบคุมตัวเอง แต่อย่างที่รู้กัน ว่าความอดทนของคนเราก็ย่อมมีขีดจำกัด ถ้าดีมา ผมก็จะดีตอบ ถ้าแรงมา ผมก็จำเป็นต้องแรงกลับ บทนางเอกแสนดี ปล่อยให้มีตัวตนอยู่แค่ในละครหลังข่าวเถอะครับ
“แค่เที่ยววิ่งไล่ตามแฟนคนอื่น ทั้งที่เขาไม่สนใจไยดีตัวเองก็ทุเรศพอแล้วนะ นี่ยังมาเที่ยวกล่าวหาชาวบ้านอีก ทำไมไม่คิดบ้างว่านอกจากพี่แล้ว ก็มีคนอื่นที่ไม่พอใจหวานอยู่เหมือนกัน”
หน้าเผือดสีไปเลยครับ ที่ผมพูดมาเป็นความจริงล่ะสิ ถึงได้สะดุ้งขนาดนั้น ดูท่าแล้วคงจะสร้างศัตรูไว้เยอะ ก็สมควรแล้วล่ะที่จะต้องมาคอยหวาดระแวงเป็นคนมีชนักปักหลัง เพิ่งรู้เหมือนกันว่า เดี๋ยวนี้คนเราจะดูกันที่หน้าตาอย่างเดียวไม่ได้ ดูอย่างคุณน้องหวานนี่สิ หน้าตาก็ดีสมตำแหน่งดาวคณะ แต่ที่เหลือน่ะเหรอ อย่าให้ต้องพูดออกมาเลย
“แกไม่ต้องมาทำอ้างคนอื่นเลย แกกลัวว่าพี่เภาจะหันกลับมาชอบผู้หญิงล่ะสิ”
“ไร้สาระ!”
“แกมันวิปริต มาเอาผู้ชายด้วยกันเอง แล้วก็ทำพี่เภาวิปริตผิดเพศไปกับแกด้วย หน้าไม่อาย ที่พ่อแม่แกเลี้ยงมายังไง ทุเรศสิ้นดี!!”
พอกันที!! เส้นความอดทนผมขาดไปเรียบร้อย กับคนแบบนี้คงไม่ต้องพูดดีกันอีกต่อไปแล้ว จะว่าผม ผมก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์พอรับฟังได้ แต่ถ้าคิดจะมากล่าวหากันถึงที่บ้าน ถึงครอบครัว ก็คงต้องเคลียร์กันยาวแล้วล่ะ ผมรักคุณป๋ากับคุณแม่มาก แล้วนี่กำลังคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงจะมาพูดจาดูถูกคนที่ผมรัก
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!!” ผมเอ่ยเสียงเรียบ มือคว้าไหล่อีกฝ่ายเอาไว้แน่น
“ทำไมฉันต้องเชื่อแก ฉันไม่ถอนคำพูด ฉันจะพูด ไอ้ตุ๊ด ไอ้กะเทย พ่อแม่แกเลี้ยงมายังไงให้เป็นตุ๊ด น่าไม่อาย ทุเรศที่สุด!!”
เพียะ!!“แกกล้าตบฉันเหรอ ไอ้ตุ๊ด!!”
“ขอโทษที พอดีที่บ้านสอนมาว่า ถ้าพูดจาหยาบคายต้องตบปากน่ะ” ผมบอกหน้าตาเฉย
“แก...”
“เอาสิ พูดอีกก็จะตบอีก เพราะที่บ้านเธอก็คงไม่สั่งสอนเหมือนกัน ว่าหัดมีสัมมาคารวะกับรุ่นพี่ซะบ้าง แล้วก็ปากดีอย่างนี้ ระวังเถอะ...เลือดจะกบปากไม่รู้ตัว จำไว้ จะได้เลิกปากดีใส่คนอื่นซะที”
“พวกแกไม่ต้องหลบแล้ว ออกมาจัดการกับมันซะทีสิ จะรอให้ฉันโดนมันตบอีกรอบก่อนเหรอไง”
พวกมัน...อย่าบอกนะว่า...
.
.
“แกนั่นแหล่ะ ที่อย่ามาอวดดีกับฉัน”
คนที่เมื่อกี้เป็นฝ่ายตกเป็นเบี้ยล่าง ตอนนี้กำลังยืนลอยหน้าลอยตาด้วยท่าทีของผู้กุมชัยชนะ ผมมองด้วยสายตาเรียบเฉย ขณะที่หัวสมองกำลังประมวลถึงสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำ ริมฝีปากก็ขยับตอบโต้
“อย่างเธอมันก็ถนัดแต่วิธีลอบกัดอยู่แล้วนี่”
“แกไม่ระวังตัวเองต่างหาก ฉันอยากรู้เหมือนกัน ถ้าแกโดนย่ำยีแล้ว พี่เภาเขาจะเอาแกลงหรือเปล่า ในเมื่อแกอยากมีผัวเป็นผู้ชายมากนัก ฉันก็เลยสงสาร อุตส่าห์สงเคราะห์หาผัวให้แกทีเดียวสองคนเลยเป็นยังไง ขอบใจฉันซะสิ”
ผมปรายตามองแขนสองข้างของตัวเองที่โดนไอ้หน้าเถื่อนสองตัวจับไว้อยู่ ผมเคยบอกหรือยังว่า...ถ้าไม่สนิท อย่าได้คิดที่จะมาแตะตัวผม ยัยหวานนี่คงไม่รู้จักผมดีพอ ถึงได้กล้ามาทำให้ผมโกรธ
“แกสองคนจะจัดการอะไรก็ตามสบายเลยนะ ฉันไม่อยากจะยืนดูผู้ชายเอากันให้ทุเรศสายตาตัวเอง เสร็จแล้วค่อยตะโกนเรียกละกัน ฉันจะได้มาถ่ายรูปเก็บเอาไว้ให้พี่เภาดู”
“ที่พูดนั่นคิดดีแล้วใช่ไหม?” ผมถามย้ำอีกครั้ง
“ลองแกถูกรุมโทรมขึ้นมา ต่อให้เป็นพ่อพระอย่างพี่เภา เขาก็ไม่เอาแกหรอก เชิญพวกแกหาความสุขกันให้ตามสบายเถอะ” ยัยน้องหวานไม่พูดเปล่า แสยะยิ้มแล้วเดินมาตบแก้มผมสองที ก่อนจะปล่อยผมให้อยู่กับไอ้พวกน่ารำคาญสองตัว
ลับร่างยัยน้องหวานแล้ว มันสองตัวก็หันมาหาผม เห็นสายตาพวกมันแล้วก็รู้สึกขยะแขยงทันที ยัยน้องหวานแม่งเล่นแรง อยากรู้ว่าถ้าตัวเองเป็นคนโดนบ้างจะรู้สึกยังไง มันใช่เรื่องที่ควรเอามาล้อเล่นกันเหรอ ถ้าเป็นคนอื่นที่เค้าเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายอย่างผม ผู้หญิงที่โดนนี่คงไม่พ้นว่าต้องมีตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต ผมล่ะเกลียดไอ้พวกที่แก้แค้นคนอื่น ด้วยการจ้างคนมาข่มขืนที่สุด รวมถึงไอ้พวกที่เที่ยวข่มขืนคนอื่น ไม่ว่าคนที่โดนจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็เถอะ คนพวกนี้อยู่ไปก็รกโลก เป็นขยะสังคม เมื่อไหร่กฎหมายบ้านเราจะจัดการไอ้พวกนี้อย่างเด็ดขาดซะที
“เรามาความสุขกันดีกว่า อยากมีผัวทีละคนหรืออยากควบสองดี”
“พ่องตายเหอะ สัด!!” ผมตะโกนใส่หน้ามัน
“แหม...ปากดีแบบนี้ ชอบแนวตบจูบเหรอไง อยากให้ใช้อะไรตบปากดีล่ะ หึหึ” เสียงหัวเราะแม่งจัญไรได้อีก
ถ้าคิดว่าผมจะมามัวใช้มารยาหลอกล่อมันให้ตายใจ แล้วหาจังหวะหนีก็ขอบอกว่าผิดครับ เกิดมาเป็นตัวเป็นตนถึงสิบเก้าปี สถานการณ์น้ำเน่าแบบนี้ผมผ่านมานักต่อนัก ไม่อย่างนั้นจะอยู่รอดจนมาเจอพี่เภาเหรอครับ กับไอ้พวกสวะพวกนี้ พูดกันด้วยปากมันไม่รู้เรื่องหรอก มันต้องฟาดฟันกันด้วยตีนอย่างเดียว
“พวกมึงจะเข้ามาก็เข้ามาทีละคน อย่ามาหมาหมู่กับกู”
“เรียกร้องมา ก็จัดให้ ขอกูก่อนละกัน เสร็จแล้วค่อยตามึงนะ”
มันเข้าใจตรงกันกับผมหรือเปล่าวะ ว่าผมเรียกมันเข้ามาทำอะไร คอยดูเถอะ...เดี๋ยวกูจะเอาให้มึงสองตัวเป็นผัวใครไม่ได้อีกเลย ระยำดีนัก
.
.
ถึงพวกไอ้เวย์จะเป็นฝ่ายออกหน้าทุกทีที่มีเรื่อง แต่ผมเคยบอกเหรอครับ...ว่าผมชกต่อยไม่เป็น ผมก็ไม่เคยบอกนะ แต่แค่ไม่มีคนถามผมเท่านั้นเอง วีรกรรมสมัยเรียนมัธยมที่เคยก่อร่วมกันมา เพื่อนผมสามตัวมันก็รู้กันดีครับ พวกมันว่า...อย่าให้ผมมีเรื่องนั่นแหล่ะดีที่สุด แต่วันนี้ผมคงทำตามที่พวกมันบอกไม่ได้
จังหวะที่ไอ้คนแรกมันพุ่งเข้ามาหมายจะรวบตัวผม ผมก็เหวี่ยงมัดอัดกระแทกหน้ามันจนเบลอไปวูบหนึ่ง ก่อนจะอาศัยจังหวะที่มันมึนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก แทงเข่าอัดลูกรักของมันซะเต็มแรง จนมันหน้าเขียว ถึงกับต้องลงไปนอนกุมเป้าร้องโอดครวญกันทีเดียว
อีกคนพอเห็นเพื่อนมันพลาด มันก็รีบปรี่เข้ามาหาผม แต่...ขอโทษเหอะ พอดีว่าผมเองก็ไม่ใช่หมูที่จะยืนให้มันเคี้ยวได้ง่ายๆ
“เมื่อกี้มึงสองคนว่ายังไงนะ จะเป็นผัวกูเหรอ เอาสิ...กูจะเอาให้แม่งเป็นผัวใครไม่ได้เลย”
จังหวะที่มันจะเข้ามาหาผม ผมก็เตะขัดขามันจนล้มกลิ้งลงไป ก่อนจะกระแทกปลายเท้าลงไปที่กลางลำตัวมัน พอมันเห็นปลายเท้าผมที่กำลังเหยียบอยู่บนลูกชายมัน ก็หน้าซีดรีบละล่ำละลักพูดแก้ตัวทันที
“มึงอย่านะ กูไม่รู้เรื่อง ยัยนั่นมันจ้างกูมา”
“เรื่องนั้นกูรู้อยู่แล้ว แต่บังเอิญกูโคตรเกลียดพวกเหี้ยที่คิดจะข่มขืนคนอื่นหว่ะ”
ถ้าผมกดน้ำหนักเท้าลงไปอีกหน่อย รับรองว่ามันได้ร้องจ๊ากแน่
“เฮ้ย!! ไม่เอา ไม่ล้อเล่นนะมึง จะให้กูทำอะไรกูยอม ขอร้อง อย่าเล่นแบบนี้”
“จริงเหรอ?” ผมแกล้งเลิกคิ้วถาม ไอ้สองตัวที่นอนหมดสภาพ ความจริงก็แค่คนเดียวล่ะครับที่นอนหมดสภาพ ส่วนอีกคน ไอ้ลูกชายมันกำลังอยู่ใต้อุ้งตืนของผมอยู่
“จริง สั่งมาเลย พวกกูยอมทุกอย่าง”
“ตะโกนเรียกยัยหวานมันเข้ามาดูผลงานพวกมึงหน่อยสิ บอกมันว่าเสร็จแล้ว” ผมสั่งมัน
“เฮ้ย!! พวกกูจัดการเสร็จแล้วนะ”
ดูท่ายัยหวานมันจะไม่ได้อยู่แถวนี้แล้วล่ะสิครับ ผมสั่งให้พวกมันตะโกนอีกสองสามทีก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ สงสัยคงต้องโทรเรียกแล้วล่ะมั้ง แต่ก่อนอื่นคงต้องทำให้มันสงบทั้งสองตัวก่อน
“เอาล่ะ...กูไม่กระทืบลูกชายมึงก็ได้ แต่ถ้ากระทืบมึงสองตัวแทนระหว่างรอยัยหวานนั่นคงไม่เป็นไรใช่มั้ย”
ผมไม่ได้ถามพวกมัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรอคำตอบ ถ้าเรื่องคราวนี้รู้ถึงหูคุณแม่ มีหวังผมตายแน่ แต่ผมไม่กลัวหรอก เพราะผมมีเหตุผล ผมอธิบายได้ว่าทำลงไปทำไม ผมไม่ได้ไปเที่ยวหาเรื่องใครก่อน แต่พวกมันต่างหาก ที่แส่มาหาเรื่องผมก่อนเอง ผมก็แค่ป้องกันตัว
ผมยืนพิงกำแพงดูพวกมันที่นอนหมดสภาพ ก่อนจะเอามือล้วงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมา กดอยู่สองสามที แล้วก็ถามหาเบอร์ยัยหวานจากพวกมัน พอได้เสร็จเรียบร้อยก็กดโทรออก แล้วเปิดสปีคเกอร์ให้พวกมันเป็นคนคุย ยัยหวานมันรับคำก่อนจะทิ้งท้ายเอาไว้
((เดี๋ยวอีกไม่เกินสิบนาทีฉันจะไป พวกแกจัดท่าทางมันรอไว้ได้เลย))
ผมฟังแล้วก็อยากจะหัวเราะ ก่อนจะก้มลงมองพวกมันสองตัว ที่นอนกองกันอยู่ที่พื้น เอ่ยเสียงเรียบเหมือนกำลังพูดกับพวกมันเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่เล่นเอาพวกมันหน้าซีด
“สงสัยระหว่างที่รอยัยหวาน กูคงต้องออกกำลังกายแก้เบื่อหน่อยหว่ะ”
.
.
“แอล!! เกิดอะไรขึ้น??”
ยัยหวานนี่โคตรเจ้าแผนการเลย อย่าบอกนะว่าที่หายไปนี่ไปลากพี่เภามาด้วย แต่ที่สะใจ ก็ตอนที่แม่คุณเดินมาเห็นสภาพคนที่ตัวเองจ้างมาโดนผมทำร้ายจนลงไปนอนกองกันที่พื้น ก็ถึงกับหน้าซีดเผือด ส่วนพี่เภา...วิ่งเข้ามารวบตัวผม ที่กำลังยืนกอดอกพิงกำแพงเข้าไปกอดทันที
“ยัยหวานเขาบอกพี่เภาว่ายังไงล่ะ” ผมที่อยู่ในอ้อมกอดพี่เภาเรียบร้อย เงยหน้าถามพี่เภาเสียงเรียบ
“ก็บอกว่าแกกำลังจะสวมเขาพี่เภา เอากับผู้ชายอีกสองคนอยู่น่ะสิ” คนตอบไม่ใช่พี่เภาหรอกครับ ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหล่ะ
ผมแสยะยิ้มออกมา ใช้ปลายเท้าเขี่ยไอ้สองตัวที่นอนอยู่ มันผงกหัวขึ้นมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปนอนต่อ ตามตัวมีแต่รอยฟกช้ำ ผมเลยใช้เท้าสะกิดพวกมันอีกที
“พวกมึงก็ช่วยพูดความจริงหน่อยสิ อย่ามัวแต่มานอนขี้เกียจ”
ผมเห็นสายตาพี่เภาแล้วผมก็เข้าใจทันที ถ้าเป็นผมผมก็สับสนครับ ในเมื่อตอนวิ่งมาถึง ไอ้หน้าเถื่อนสองตัวนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้น ส่วนผมยืนกอดอกพิงกำแพง สภาพสมบูรณ์ ไม่มีส่วนไหนบุบสลาย จนคาดเดาเหตุการณ์กันไม่ออกเลย ว่าก่อนที่พี่เภาจะมานี่เกิดอะไรขึ้น แต่ยัยน้องหวานนี่ก็โคตรร้าย คราวก่อนก็เรียกมาเห็นตอนผมอยู่กับพี่กานต์ คราวนี้กะให้มาเห็นตอนผมโดนพวกมันกระทำชำเราล่ะสิ ถ้าเป็นคนอื่น แผนการของยัยน้องหวานอาจจะได้ผลก็ได้ แต่บังเอิญว่าเป็นผม คนที่ยัยหวานยังรู้จักไม่ดีพอ
“เอ้า...รีบสารภาพบาปมาซะทีสิ หรือต้องให้เอาตีนง้างปาก” ผมกระตุ้นพวกมันอีกที เพราะเห็นยังมัวแต่นอนเงียบกริบกันอยู่
“ยัยนั่นมันจ้างพวกกู ให้มาข่มขืนไอ้หน้าหวานนี่ แต่พวกกูไม่ได้ข่มขืนหรอก โดนมันเล่นงานก่อน จนสภาพก็เป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหล่ะ” ไอ้คนที่สภาพดีกว่าเป็นคนเปิดปากพูด
“พี่เภาอย่าไปเชื่อพวกมันนะคะ พวกมันตอแหล หวานไม่ได้จ้างพวกมันนะคะ” ยัยน้องหวานรีบตะโกนทะลุกลางป้องขึ้นมาทันที
ผมเหยียดริมฝีปากออก เห็นพี่เภากัดฟันกรอด คงไม่ต้องอธิบายว่าพี่เภาเชื่อใคร ในเมื่อหลักฐานมันเห็นกันอยู่ทนโท่ แต่เอาเถอะ...เดี๋ยวจะสงเคราะห์หลักฐานให้อีกชิ้น เอาให้ดิ้นไม่หลุดเลย
“แล้วถ้าเป็นเธอพูดเองล่ะ พอเชื่อได้หรือเปล่า”
ผมล้วงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดยุกยิกเล็กน้อย ก่อนมันจะเล่นคลิปเสียงที่ผมเป็นคนอัดเอาไว้
“แกสองคนจะจัดการอะไรก็ตามสบายเลยนะ ฉันไม่อยากจะยืนดูผู้ชายเอากันให้ทุเรศสายตาตัวเอง เสร็จแล้วค่อยตะโกนเรียกละกัน ฉันจะได้มาถ่ายรูปเก็บเอาไว้ให้พี่เภาดู”
“ลองแกถูกรุมโทรมขึ้นมา ต่อให้เป็นพ่อพระอย่างพี่เภา เขาก็ไม่เอาแกหรอก เชิญพวกแกหาความสุขกันให้ตามสบายเถอะ” แย่จัง...พอเป็นเสียงตัวเองนี่ยัยหวานถึงกับหน้าซีดเผือดเลยนะ สงสัยจะปฏิเสธไม่ออก ดิ้นไม่หลุด พี่เภาค่อยๆคลายวงแขนที่โอบกอดผมแน่นออก ผมมองพี่เภาด้วยความสงสัย พี่เภาเดินผละห่างออกจากผมไปเรื่อยๆ แล้วก่อนที่ผมหรือคนอื่นจะทันคาดคิด
เพียะ!!!ฝ่ามือหนาที่เมื่อครู่ยังแตะเอวผมอยู่ ตอนนี้ฟาดกระทบใบหน้าสวยนั่นเต็มแรง จนถึงกับสะบัดไปตามแรงตบ แล้วปรากฏรอยแดงเป็นปื้นใหญ่
เอิ่ม...แรงกว่าที่ผมตบปากยัยน้องหวานอีกนะนั่นน่ะ พี่เภาแม่งน่ากลัวชิบ
“พี่เภาตบหวาน...”
หน้าพี่เภาตอนนี้ แทบจะฆ่ายัยหวานให้ตายคามืออยู่แล้วครับ ผมมองแล้วยังต้องเผลอกลืนน้ำลายเลย ไม่เคยเห็นพี่เภาน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน ยัยหวานเองก็ยืนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“ฉันทำได้มากกว่าตบอีก ถ้าขืนเธอยังไม่เลิกมาระรานแฟนฉัน คงไม่ต้องให้บอกซ้ำนะว่าเธอควรจะทำตัวยังไง พรุ่งนี้คลิปเสียงของเธอกับเรื่องที่เธอทำถึงหูคณบดีแน่”
กลายเป็นเรื่องร้ายแรงไปแล้วครับ ลองว่าถ้าคลิปเสียงกับเรื่องถึงคณบดี อนาคตของยัยน้องหวานคงมืดมนแน่ ไม่พ้นต้องโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัยแน่นอน แค่มองตาพี่เภา ผมก็รู้ว่าพี่เภาเอาจริง และทำตามที่พูดอย่างแน่นอน
“พี่เภา...อย่านะคะ หวานขอโทษ” ยัยหวานถลาเข้ามาเกาะแขนพี่เภา ก่อนจะโดนสะบัดทิ้งอย่างแรง จนคนที่ถลาเข้ามาเกาะถึงกับเซไปเลย
“เก็บคำขอโทษของไว้ซะเถอะ ถ้าไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงนะ ฉันจัดการจนเธอมีสภาพเหมือนไอ้สองตัวนั้นแน่”
พอผมเป็นฝ่ายเดินมาหาพี่เภา ก็ถูกพี่เภาดึงตัวไปกอดอีกรอบ พี่เภาหยิบมือถือตัวเองออกมา กดโทรศัพท์หาใครซักคน ได้ความว่าเดี๋ยวปลายสายจะรีบมา ก่อนจะวางสายไป
“พี่แอลช่วยพูดกับพี่เภาหน่อยสิคะ ถ้าหวานโดนไล่ออก...”
“หุบปาก!! แล้วก็เลิกมายุ่งวุ่นวายกับแอลได้แล้ว ถ้าเธอยังไม่เลิก ฉันสาบานเลยว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่ไล่ออกแน่ ทั้งบ้านเธอเดือดร้อนแน่ แล้วรับรองเลยว่า พ่อแม่เธอก็จะต้องรู้เรื่องระยำตำบอนที่เธอทำอย่างแน่นอน”
ผมไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากพูดอะไรแล้วล่ะครับ เพราะพี่เภาไม่ปล่อยให้ผมพูด กอดผมแน่น จับหน้าผมซุกอยู่กับอกพี่เภาอย่างเดียว ผมเองก็เหนื่อย ไม่ได้ออกแรงมานาน ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งล้าเลยครับ เลยได้แต่กอดพี่เภาแน่น ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นดังเข้าหู แต่มันก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก ในเมื่อหวานเป็นฝ่ายทำตัวเอง ทำอะไรเอาไว้ ก็คงต้องรับกรรมที่ตัวเองก่อ
.
.
ผมกับพี่เภายืนรอกันอยู่ซักพัก คนที่พี่เภาโทรหาก็มาถึง พี่จอมนั่นเอง มาพร้อมนายตำรวจในเครื่องแบบอีกสองนายด้วย ผมเลยได้รู้ว่าความจริงแล้วพี่จอมนี่เป็นลูกนายตำรวจใหญ่ ไอ้สองคนนั่นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปดำเนินคดี ส่วนน้องหวาน ก็ถูกพี่จอมจับตัวไว้แน่น ท่าทางคงไม่รอดแล้วล่ะ
“จะไม่มีการยอมความอะไรทั้งสิ้น กูต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ที่แอลทำไป ถือว่าเป็นการป้องกันตัว”
“เดี๋ยวกูจัดการให้ มึงพาแอลกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ น้องคงเหนื่อยน่าดูแล้ว”
พี่เภาคุยกับพี่จอมอยู่อีกสองสามประโยคก่อนจะล่ำลากัน ก่อนจะไปพี่เภาก็ไม่วายหันไปพูดทิ้งท้ายกับน้องหวาน
“ถ้าฉันรู้ว่าเธอยังมายุ่งกับแอลอีก ฉันเอาเธอตายแน่!!”
ตลอดทางที่เดินมาที่รถ พี่เภาจับมือผมแน่นมาตลอดทาง ผมรู้สึกว่าตัวของพี่เภาสั่น แต่ระหว่างเราสองคนไม่มีใครพูดอะไร ผมยอมรับเลยว่า ตอนที่เห็นพี่เภาเดินเข้ามากับหวาน ผมดีใจที่เห็นพี่เภาจนน้ำตาแทบไหล ถึงที่ผ่านมา ผมจะเคยแก้ปัญหาและจัดการอะไรด้วยตัวเอง พอตอนนี้ที่ผมมีพี่เภา ผมยอมรับเลยว่า แค่เห็นพี่เภาก็ทำให้ผมอุ่นใจมากกว่าเดิม จนแทบจะลืมความเหนื่อยล้าไปจนหมด
ตอนที่พี่เภาตบหน้าหวาน ผมยอมรับว่าผมเองก็กลัวเหมือนกัน ผมไม่เคยรู้สึกว่าพี่เภาน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน หน้าพี่เภาตอนนั้น แทบจะฆ่าหวานให้ตายคามือ โชคดีที่พี่เภายังควบคุมอารมณ์อยู่ ถ้าพี่เภาเกิดควบคุมอารมณ์ไม่ได้ขึ้นมา ผมเองก็ยังนึกไม่ออกเลยว่า หวานจะมีสภาพเป็นยังไง
ส่วนหวาน...ผมว่าหวานคงไม่มายุ่งกับผมแล้วล่ะ ในเมื่อมีหลักฐานมัดตัวทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำจนดิ้นไม่หลุดขนาดนั้น และผมก็เชื่อว่า พี่เภาคงไม่ปล่อยให้หวานกลับมาลอยหน้าลอยตาในมหาวิทยาลัยได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม
พอเดินมาถึงที่รถ พี่เภาก็ปลดล็อค รอผมนั่งจนเรียบร้อยก็ออกรถ แล้วมุ่งหน้ากลับคอนโดเลย ระหว่างทาง เราสองคนไม่ได้คุยอะไรกัน ผมเองก็ไม่กล้าพูดอะไร พี่เภาเองก็ไม่ปริปากพูดอะไรกับผม จนกระทั่งกลับมาถึงห้อง พี่เภาก็เดินหายเข้าห้องน้ำไปเลย โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับผมแม้แต่คำเดียว
ผมคิดว่าอาจจะลืมบางอย่างไป...
นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เภาเห็นผมมีเรื่อง ผมไม่รู้ว่าพี่เภาจะรับได้หรือเปล่า เพราะผมไม่เคยทะเลาะวิวาทให้พี่เภาเห็น ถ้าผมไม่ได้เป็นอย่างที่พี่เภาคิด พี่เภาจะรับได้ไหม ผมไม่ใช่คนดี ผมก็เป็นคนปกติธรรมดา ถ้ามีคนมาทำร้ายผม ผมก็ต้องสู้กลับ
นาน...กว่าพี่เภาจะเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ยังไม่มีการพูดอะไรกันระหว่างเรา ผมเหลือบตามองพี่เภาด้วยความอึดอัด ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ได้แต่หวังว่าน้ำเย็นๆจะทำให้ผมใจเย็นขึ้น แล้วผมกับพี่เภาจะได้คุยกันรู้เรื่อง
ผมไม่เคยต้องการปิดบังพี่เภา ผมเคยเกเร สมัยเรียนผมมีเรื่องทะเลาะวิวาทประจำ
แต่ผม...ก็เป็นตัวของตัวเองทุกครั้งที่อยู่กับพี่เภา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำเวลาอยู่กับพี่เภา นั่นก็คือตัวผม
ผมก็เหมือนเหรียญ...มีสองด้าน และผมรู้ว่าพี่เภาเองก็เป็นเหมือนกัน.
.
พอผมเดินออกมาจากห้องน้ำอีกที พี่เภาก็นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงแล้ว คิ้วเข้มขมวดจนแทบชนกัน ผมถอนหายใจยาว ก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปนอนเบียดอยู่บนเตียง ผมเอนหัวไปพิงไหล่พี่เภา รู้สึกทันทีเลยว่าพี่เภาชะงักไปนิดหนึ่ง ผมใจเสียทันที แต่ถ้าผมไม่คุยกับพี่เภาให้รู้เรื่อง ผมก็คงนอนไม่หลับ ผมไม่ชอบอะไรที่ค้างคา ถ้าพี่เภาไม่เริ่ม ผมก็จะเป็นคนเริ่มเอง
“พี่เภา...โกรธที่แอลไปมีเรื่องเหรอ”
“เปล่า”
“แล้วทำไมพี่เภาไม่คุยกับแอลเลย”
พี่เภาวางหนังสือลงข้างเตียง ก่อนจะพลิกตัวมารวบตัวผมเข้าไปกอดแน่น อ้อมกอดของพี่เภาอบอุ่น แต่ไม่อึดอัด ตัวของพี่เภาสั่นระริก ผมกอดตอบพี่เภา เพื่อให้รู้ว่าพี่เภายังอยู่กับผม และผมยังอยู่กับพี่เภา เรายังมีกันและกันอยู่
“พี่โกรธ...โกรธตัวเองที่ปกป้องแอลไม่ได้ จนต้องให้แอลเป็นคนจัดการแก้ปัญหาเอง แล้วพี่ก็กลัว ถ้าเกิดเมื่อกี้แอลจัดการกับพวกมันไม่ได้ ถ้าเกิดพวกมันทำร้ายแอลขึ้นมา พี่...พี่คงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต” เสียงของพี่เภาสั่นสะท้าน มันปะปนกันระหว่างความโกรธและความกลัว เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตาลูกผู้ชายที่ชื่อ
‘พี่เภา’ ไหลออกมาจากดวงตาคม
“พี่เภา...แอลยังอยู่ตรงนี้ แอลไม่ได้เป็นอะไร ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แอลปลอดภัยดี แอลยังอยู่กับพี่เภานะครับ แอลไม่มีทางยอมให้ตัวเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
“พี่รู้...แต่ถ้าเกิดแอลเป็นอะไรไป พี่คงเกลียดตัวเองไปตลอด แค่คิดว่าถ้าเกิดแอลถูกมันย่ำยี พี่ก็กลัวไปหมด จนมือไม้สั่น ทำอะไรไม่ถูก พี่...พี่อ่อนแอมากเลยใช่ไหม”
“ไม่จริงหรอก สำหรับแอลแล้ว พี่เภาเข้มแข็งที่สุด สุดท้ายพี่เภาก็เป็นคนจัดการปัญหาทุกอย่าง แอลก็ดีแต่ใช้กำลัง” ผมยืดตัวขึ้นไปจูบแก้มพี่เภาแผ่วเบา ก่อนจะซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นที่คุ้นเคย
ผมซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของพี่เภานิ่งนาน โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร เราปล่อยให้เสียงหัวใจของเราสองคนสื่อสารกัน ผมรับรู้ถึงจังหวะหัวใจของพี่เภาที่เต้นระรัว มันมาจากความกลัวของพี่เภา ที่กลัวว่าผมจะถูกทำร้าย ยิ่งรู้ ผมก็ยิ่งกอดพี่เภาแน่น เป็นการยืนยันว่าผมยังอยู่กับพี่เภาตรงนี้
“พี่เภาไม่ได้โกรธเรื่องที่แอลใช้กำลังใช่ไหม”
“พี่ไม่ได้โกรธเรื่องนั้น แต่พี่โกรธตัวเองที่ปกป้องแอลไม่ได้” เสียงพี่เภายังสั่นเครือ ผมคิดไม่ผิดเลย ที่รักผู้ชายคนนี้
“พี่เภาไม่จำเป็นต้องปกป้องแอลตลอดเวลาหรอก เพราะแอลก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แอลขอแค่...”
“แค่อยู่ข้างแอลตลอดไปก็เพียงพอแล้ว”ไม่ต้องเดินนำหน้า...เพราะผมไม่อยากมองตามแผ่นหลังของพี่เภา
ขอแค่...อยู่เคียงข้างผม แล้วก้าวไปพร้อมกัน...แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว- END STEP 42 -
๐ รีบปั่นมาลงสุดชีวิต เป็นตอนที่เขียนนานมาก ถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ
๐ โฮก...น้องแอลร้ายกาจมาก พี่เภาก็ร้ายกาจกว่า สาสม เอ๊ย เหมาะสมกันมาก
๐ จ่ายค่าตัวน้องหวานสำหรับฉากสุดท้าย แล้วก็โบกมือบ๊ายบายน้องหวาน
๐ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ รักคนอ่านทุกคน ถ้ามีคำผิดเดี๋ยวมาแก้นะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ 