.
.
เรามาถึงวัดกันตอนเกือบเที่ยง เพราะเป็นวันแรกของปี คนที่มาทำบุญและไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่จึงหนาตา ชนิดที่ว่าผมต้องปล่อยให้พี่เภาคว้ามือผมไปจูงไว้กันคลาด เช่นเดียวกับไอ้เวย์ที่ตามประกบน้องจีนไม่ห่าง
ไอ้แทนกับไอ้เพียวเป็นคนจัดการเรื่องธูป เทียน และดอกไม้ จนได้มาพอดีกับจำนวนคน และไม่ลืมที่จะหย่อนเงินทำบุญลงกล่องบริจาคของทางวัด เสร็จแล้วก็มาแจกจ่ายให้แต่ละคน พี่เภารับเอาของผมไปถือไว้ ก่อนจะส่งธูปให้ผมไปจุด ส่วนตัวเองเดินไปจุดเทียนให้
ทางวัดจัดวางกระถางธูปไว้ด้านนอก เราเลยไหว้กันอยู่ข้างนอกอุโบสถ แล้วก็ปักธูปและปักเทียนให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปวางดอกไม้ลงบนพานข้างในอุโบสถ เดินแปะทองคำเปลวที่องค์พระพุทธรูป เสร็จแล้วก็พร้อมใจกันมาก้มกราบพระประธาน
ผมไม่ได้ขออะไรมากมาย นอกจากขอให้ปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมาพอกราบพระประธานกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว น้องจีนจะเสี่ยงเซียมซี ไอ้เวย์เลยนั่งรอ ส่วนผมและคนอื่นก็เดินเลี่ยงออกมาข้างนอก เพราะคนค่อนข้างเยอะ เลยหลบออกมา ให้คนอื่นได้เข้าไปในอุโบสถบ้าง ยืนรออยู่ซักพัก น้องจีนก็เดินหน้าบานออกมาพร้อมใบเซียมซี ที่คงให้ไอ้เวย์ดูแล้วด้วยเหมือนกัน เพราะเห็นไอ้เวย์ก็เดินอมยิ้มมาเลย น้องจีนเดินมาหาผม แล้วก็ยื่นมาให้ผมอ่าน
“สงสัยจะได้มาเป็นรุ่นน้องกันแน่ๆเลยจีน เพราะเซียมซีเขียนไว้ว่า คิดหวังอะไรไว้ จะได้ตามที่ประสงค์”
“สาธุ...สมพรปากนะพี่แอล จีนอยากเป็นรุ่นน้องพี่แอลมากเลย”
“อ้าว...อยากเป็นรุ่นน้องพี่แค่คนเดียวเหรอ ไม่อยากเป็นรุ่นน้องเวย์ด้วยเหรอ”
“พี่เวย์เหรอ...ไม่อยากเป็นรุ่นน้องหรอก อยากเป็นแฟน”น้องจีนตอบอุบอิบเสียงเบาหน้าแดงก่ำ ผมเลยหัวเราะทันที ไอ้เวย์ก็ยื่นมือมาผลักหัวน้องเบาๆแก้เขิน เพราะเห็นมันทำเป็นหันหน้าไปอีกทาง แต่หูแดงเชียวนะ
พอมารวมกันครบแล้ว พวกผมก็เดินเลยไปที่ท่าน้ำกัน วัดที่เรามาอยู่ติดกับแม่น้ำครับ แล้วทางวัดก็ทำเป็นทางเดินลงไปที่โป๊ะไว้สำหรับเลี้ยงปลาด้วย มีขายขนมปังกับอาหารเม็ด รายได้ก็เข้าวัด พี่เชนกับพี่จอมเลยไปอุดหนุนขนมปังมาหลายแถวเลย ก่อนจะหยอดเงินลงตู้ทำบุญ แล้วก็เอาขนมปังมาแจกจ่ายพวกผม
เวลาโยนขนมปังลงไปที ปลาสวายก็จะว่ายเข้ามาแย่งกันเป็นพัลวัน ไอ้เวย์มันแกล้งน้องจีนครับ เพราะมันเล่นโยนขนมปังลงไปทั้งแถว จนปลามารุมตอดขนมปัง ตีน้ำกระจายเปียกน้องจีน ส่วนตัวมันเองกระโดดหลบออกมายืนหัวเราะอยู่ข้างหลัง ท่าทางมันจะเอาคืน ที่เมื่อกี้น้องจีนทำมันเขินแน่ๆ
“พี่เวย์ เปียกหมดแล้วนะ” น้องจีนหน้าบูดเรียบร้อย เปียกน้ำอะไรไม่เปียก เปียกน้ำในแม่น้ำด้วย
“โทษปลาโน่น ปลามันตีน้ำใส่ เกี่ยวอะไรกัน”
“แล้วใครที่เป็นคนโยนขนมปังลงไปทั้งแถวเล่า เขาให้ฉีกเป็นชิ้นแล้วโยน”
น้องจีนทำงอนหันหน้าหนี ก่อนจะเนียนๆ โยนขนมปังลงไปทั้งแถว แล้วให้ปลาตีน้ำใส่ไอ้เวย์บ้าง สรุปมันเลยเปียกกันทั้งคู่ พี่เภาหันมาเห็นก็ต้องส่ายหัว ที่เล่นอะไรกันเป็นเด็กๆ
ความจริงแล้วผมชอบช่วงเทศกาลนะครับ ถึงคนจะเยอะไปหน่อย เพราะไปที่ไหนก็คึกคักไปหมด บางคนก็มากับครอบครัว บางคนก็มากับเพื่อน บางคนก็มากับคนรัก เห็นแล้วก็รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขไปด้วย การเริ่มต้นทำสิ่งดีๆตั้งแต่วันแรกของปีก็ดีเหมือนกันครับ เพราะถ้าเริ่มต้นดีแล้ว ผมเชื่อว่าต่อๆไปก็น่าจะดีด้วยเหมือนกัน
มองซ้ายก็เห็นเพื่อน มองขวาก็เห็นเพื่อน เห็นแล้วก็มีความสุขเหมือนกัน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้พวกเราจะมีโอกาสอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาได้อีกแค่ไหน เพราะปีหน้าพวกพี่เภาก็อยู่ปีสุดท้าย ไหนจะต้องวุ่นเรื่องฝึกงาน ไหนจะต้องเรื่องหนักอีก ส่วนผมกับเพื่อนคนอื่นก็ขึ้นปีสาม ซึ่งแน่นอนว่าภาระและความผิดชอบก็มากตามไปด้วย เลยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันครบเก้าคนบ่อยแค่ไหน
“เฮ้ย!!” ผมที่นั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ ต้องอุทานเสียงหลงออกมาทันที ก็พี่เภาเล่นเอาขนมปังเลี้ยงปลามาทิ่มปากผม
“เห็นเงียบๆ นึกว่าหิวซะอีก”
“ตลกเหอะ นี่มันขนมปังเลี้ยงปลานะพี่เภา ไม่ได้มีไว้เลี้ยงคน” ผมแย่งขนมปังในมือพี่เภามา แล้วฉีกเลี้ยงปลาจนหมดเลย
พอเริ่มบ่ายคล้อย เราก็เลยเดินออกมาจากโป๊ะ หลังจากที่มัวแต่นั่งรับลมเย็นๆ พี่เภาไม่ลืมที่จะไปหยิบขนมถุงใหญ่ลงมาจากรถ ก่อนจะเอามาแจกเด็กวัดละแวกนั้น ผมเองก็ไปช่วยพี่เภาด้วย น้องๆตัวเล็กๆเข้ามารุมกันใหญ่ แต่ละคนพอได้ขนมก็ดีใจกัน ยกมือไหว้ขอบคุณกันทุกคน
สิ่งที่เล็กน้อยสำหรับบางคน อาจจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนบางคนหน้าตาของน้องๆ ตอนที่ยิ้มอย่างดีใจหลังจากได้ขนมถุงละห้าบาทสิบบาท ทำให้ผมมีความสุขอย่างไม่บอกถูก โอกาสของคนเรามีไม่เท่ากัน เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ และเช่นเดียวกัน ในเมื่อเรามีโอกาสมากกว่าคนอื่น เราก็มีสิทธิ์ที่จะหยิบยื่นหรือแบ่งปันให้คนอื่นเช่นกัน
ความสุข...ไม่มีขาย แต่เราสร้างมันขึ้นมาเองได้.
.
จุดหมายปลายทางของพวกเรา หลังออกจากวัดก็คือการหาข้าวกลางวันลงท้อง แม้ว่าตอนออกที่เดินทางออกจากวัดจะเริ่มบ่ายคล้อยแล้วก็ตาม
ร้านอาหารที่เราเลือก เป็นแพริมน้ำที่บรรยากาศค่อนข้างดี โชคดีที่เรามากันตอนบ่ายแก่ เลยไม่ต้องเบียดเสียดกับคนอื่นในช่วงเทศกาล ที่ร้านทำเป็นซุ้มริมน้ำเรียงราย พวกเราเก้าคนก็ปักหลักยึดเอาซุ้มในสุด เพราะมากันเก้าคน แน่นอนว่าต้องเสียงดังอยู่แล้ว จะได้ไม่ไปรบกวนคนอื่น
ที่นั่งในซุ้มเป็นเบาะรองนั่งกับพื้น แล้วก็โต๊ะไม้เตี้ยๆ พวกเราเก้าคนก็นั่งล้อมวงกันเลย สั่งอาหารกันมาเยอะแยะ ชนิดที่ว่า พนักงานทวนรายการจนงง
“เร็วเนอะ ผ่านไปแล้วอีกปี เหมือนกูเพิ่งเป็นเฟรชชี่เลย” พี่จอมพึมพำ
“มานั่งรำลึกความหลังกันแบบนี้เหมือนคนแก่เลยหว่ะ ปิดเทอมนี้มึง ไอ้เภา แล้วก็กูต้องฝึกงานกันแล้วนะเว้ย”
ปกติปิดเทอมผมก็ต้องกลับไปอยู่กับที่บ้าน และปีนี้ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าผมจะมีพี่เภาเพิ่มเข้ามาก็เถอะ ยังไงผมก็ต้องกลับไปอยู่กับที่บ้านอยู่ดี พี่เภาเองก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาฝึกงาน ถ้าถามว่าต้องห่างกันแล้วจะคิดถึงไหม คำตอบก็คือคิดถึงแน่นอน แต่มันก็เป็นอีกก้าวให้เราโตขึ้น
มือหนาเอื้อมมากุมมือผมแล้วกระชับไว้แน่น เหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร ผมเองก็หันไปมองพี่เภา ก่อนจะส่งยิ้มให้ แล้วบีบกระชับมือพี่เภากลับ
“แน่ะๆ จะจับมือกันก็จับแบบเปิดเผยไปเลย ไม่ต้องมาแอบจับใต้โต๊ะ” พี่เชนมันแซวทันทีครับ ไม่มีปล่อยให้ผ่านไปหรอก
“กูหวังดี กลัวคนไม่มีคู่อย่างมึงตาร้อน” พี่เภาเชือดกลับนิ่มๆ พี่เชนเลยสนองให้ แหกปากร้องเพลง
‘คนมีคู่ไม่รู้หรอก’ ซะเลย จนพี่จอมทนไม่ได้ ต้องหยิบกระดาษทิชชู่มายัดใส่ปากพี่เชน
“เชี่ยเชน เดี๋ยวลูกค้าคนอื่นนึกว่าควายออกลูกพอดี ว่างมากมึงก็แทะขาโต๊ะ แทะช้อนส้อมเล่นไปก่อนละกัน”
“ใช่ซี กูไม่ได้หล่อเหมือนไอ้เภา เสียงไม่ดีเหมือนไอ้เวย์นี่” พี่เชนมันทำงอน
“มึงมีดีอยู่อย่างนะเชน”
“อะไรวะ?”
“ปากไง...ปากดี”ฟังคำตอบของพี่จอมเข้าไป เลยหัวเราะครืนกันรอบวงเลยครับ ผมไม่อยากแกล้งอะไรพี่เชนมากหรอก ชุดซานตี้สุดเซ็กซี่กับกุญแจมือสุดซาดิสต์ ยังทำผมขยาดพี่เชนไม่หาย วันดีคืนดี เกิดพี่เชนหาอะไรประหลาดๆมาให้พี่เภาอีก มีหวังผมซวยพอดี
“พอตอนแก่ พวกเราจะเป็นยังไงกันวะ?” พี่เชนสรรหาคำถามแปลกๆมาสงสัยได้ตลอด
“กูว่ามึงคงเป็นเฒ่าหัวงูหว่ะเชน”
“เออ! งั้นแอลก็คงจะมีลูกมีเมีย มีครอบครัวที่น่ารัก”
เฮ้ย...อย่ามาพาดพิงผมครับพี่เชน ผมอยู่ของผมดีๆ จะโยนขี้มาทำไม แต่พี่เชนมันหัวเราะได้ไม่นานหรอก เพราะไอ้เวย์มันช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นของพี่เภาให้ทันที
“หน้าอย่างไอ้น้องแอลเนี่ยนะ จะไปเป็นผัวใครได้” แม่ง!...แทบสำลักน้ำลายเลยครับ
“โลกนี้มันไม่แน่ไม่นอนเว้ย ควงหญิงมาเป็นร้อยอย่างมึง ยังต้องมายอมน้องจีนเลย”
“เนี่ย ในนี้ก็เหลือโสดอยู่อีกตั้งหลายคน พี่ก็เลือกเอาซักคนละกันว่าจะเอาใคร” ไอ้เวย์เสนอทางเลือกให้พี่เชน แต่พวกที่ตกเป็นตัวเลือกนี่ตาเหลือกกันเลยครับ พี่เชนก็รีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน
“เฮ้ยๆ กูไม่นิยมเอากันเองเว้ย”
“อ้าว ตอนขามาพี่เชนยังบอกอยู่เลยว่า ผู้ชายหน้าตาดีกินกันเอง” ผมแกล้งถามพี่เชนเสียงใส
“ถึงผู้ชายหน้าตาดีจะกินกันเอง แต่กูกินไอ้จอม ไอ้เพียว ไอ้แทนไม่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ไอ้น้องภาม ไม่ไหวจะเคลียร์ ปล่อยกูไปหาผู้หญิงโชคดีคนอื่นเถอะ”
“กลัวว่าจะเป็นผู้หญิงโชคร้ายมากกว่า” ไอ้เวย์กัดพี่เชน
“กูว่าคงไม่มีใครโชคร้ายกว่าน้องจีนแล้วหว่ะเวย์”ก๊ากกกกกกก ณ จุดนี้ ทุกคนแทบอยากจะกระทืบไลค์ให้พี่เชน ที่นั่งกอดอกด้วยท่าทางภูมิใจ ไอ้เวย์หน้างอทันที น้องจีนเลยปลอบ(?)ไอ้เวย์ว่า...
“ไม่เป็นไร ถึงจีนจะโชคร้าย แต่พี่เวย์โชคดีที่มีจีนเป็นแฟน”.
.
พอกินข้าวเสร็จ ยังไม่เย็นเท่าไหร่ ไอ้เพียวเลยเสนอไอเดียลดโลกร้อน ด้วยการให้ไปปั่นจักรยาน พอไปถึงสวนสาธารณะ ก็เลือกเช่าเอาจักรยานกันคนละคัน ก่อนที่เสี่ยเภาจะเป็นคนจัดการจ่ายเงิน ใจป้ำตลอดอ่ะคนนี้ ทุกคนมีจักรยานเป็นของตัวเองกันหมด ยกเว้นอยู่คนเดียว น้องจีนที่ต้องนั่งซ้อนท้ายไอ้เวย์ ด้วยเหตุผลเดิมๆที่น่าหมั่นไส้ของคนปากร้ายใจดี
“มาซ้อนนี่มา ขาสั้นๆแบบนี้ กว่าจะปั่นไปถึง คนอื่นรอจนหลับพอดี”
ถ้าเป็นแต่ก่อนน้องจีนคงอาละวาดไปแล้ว แต่ผมว่าเดี๋ยวนี้น้องจีนคงรู้ล่ะครับ ว่าความจริงแล้วไอ้เวย์มันก็หมาแค่ปาก แต่จริงๆแล้วมันใจดีมาก เพราะผมเองก็รับรู้มาตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกับมัน น้องจีนเลยเดินไปนั่งซ้อนท้ายไอ้เวย์ ก่อนคนที่ทำหน้าที่ปั่น จะคว้าเอามือเล็กมาเกาะไว้ที่เอวมัน บอกเสียงเรียบๆว่า
“เดี๋ยวทำตกกลางทาง ไม่มีไปคืนแม่”
พอเรียบร้อยแล้ว ไอ้เวย์ก็เป็นคนปั่นออกไปก่อนเป็นคันแรก ก่อนที่คนอื่นๆจะตามกันไป ผมมองตามแผ่นหลังของเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ห่างออกไปอย่างมีความสุข แล้วก็รู้สึกถึงฝ่ามือที่วางลงบนไหล่ผม ผมเลยหันไปเลิกคิ้วใส่พี่เภาที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว
“อยากซ้อนท้ายบ้างไหม”
“ไม่ล่ะ แอลไม่อยากเห็นแค่หลังของพี่เภา ปั่นไปพร้อมๆกัน อยู่ข้างๆกันดีกว่า”
“หึหึ...เป็นคำตอบที่สมกับเป็นแอลตลอดเลย”
ผมหัวเราะออกมาทันที ก่อนจะก้าวคร่อมจักรยานตัวเอง ส่วนพี่เภาก็เดินไปที่จักรยานของพี่เภา ความรักมีหลายรูปแบบ และความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับผม...ผมก็ไม่อยากเป็นคนที่เฝ้าดูแต่แผ่นหลังของพี่เภา ถ้าจะไปด้วยกัน ผมก็อยากจะอยู่ข้างๆพี่เภา แล้วก้าวไปพร้อมๆกัน
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมก็ยังยืนยันคำเดิม เราสองคนไม่ใช่ช้าง ไม่จำเป็นต้องมีเท้าหน้าหรือเท้าหลัง ผมแค่อยากเป็นเท้าซ้าย ให้พี่เภาเป็นเท้าขวา ที่พร้อมจะก้าวไปพร้อมๆกัน เผชิญหน้าทุกๆอย่างพร้อมๆกัน
ไม่ต้องเดินนำหน้า เพราะผมไม่อยากเดินตาม
ไม่ต้องเดินตามหลัง เพราะผมไม่ได้อยากเป็นผู้นำ
แค่เดินไปข้างๆกัน พร้อมๆกัน แค่นั้นก็เพียงพอแล้วเพราะชีวิตคือการเดินทางที่ยาวไกล อาจจะมีบ้างที่เหนื่อยและล้า อาจจะมีบ้างที่ล้มลุกคลุกคลาน แต่ผมรู้ดีว่า...ปลายทางที่รออยู่มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยง
เราอาจจะรู้ว่าปลายทางมีอะไรที่รออยู่ แต่เราไม่อาจจะรู้ ว่าระหว่างทางเราจะเจออะไรบ้าง ถ้าเหนื่อยก็พัก ถ้าพร้อม ก็เดินทางต่อ หนทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ก็ต่อเมื่อเรากล้าที่จะถางขวากหนาม
ผมยิ้ม...ยิ้มให้กับพรุ่งนี้ที่ยังมาไม่ถึง
แต่ผมเชื่อ...เชื่อว่าพรุ่งนี้ ผมก็จะยังมีพี่เภาอยู่ข้างๆ หนทางมันไกลแค่ไหนไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าพี่เภาจะเดินไปพร้อมๆกับผม
ความรักระหว่างผู้ชายสองคน ถึงจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในสังคม แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากอยู่ดี แต่ผมกับพี่เภาก็ได้ผ่านจุดที่ยากที่สุดมาแล้ว ซึ่งนั่นก็คือครอบครัว ในเมื่อคนที่ผมและพี่เภาแคร์มากที่สุด ยอมรับในสิ่งที่เราสองคนเป็นได้ เราก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีก เพราะถึงวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็มั่นใจว่า เราสองคนยังมีครอบครัวที่เข้าใจเราอยู่เสมอ
ทุกการเดินทางมีจุดหมายปลายทาง และตอนนี้...ที่จุดหมายปลายทางของผม ผมเห็นทุกคนที่รักรอผมอยู่ ไม่เฉพาะพี่เภา แต่ยังรวมถึงรอบครัว รวมถึงเพื่อน ทุกคนล้วนเป็นความสุขของผม ความสุขที่ผมหวงแหน
ส่วนสุดปลายสายตาของผมตอนนี้ คือเพื่อน พี่ และน้องอีกเจ็ดคนที่ยืนรอเราอยู่ และข้างๆ...คือคนที่ผมจะมองเห็นทุกครั้งที่มองหา แล้วผม...จะยังต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีก
THE END
ฮิ้วววววว...จุดพลุฉลอง จบแล้วค่ะ สำหรับนิยายวายเรื่องแรก ขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ ขอบคุณมากๆ และขอบคุณจริงๆค่ะ เป็นตอนจบที่เขียนยาก เพราะเราคาดหวังกับตอนจบพอสมควร แต่ก็...ได้แค่นี้แหล่ะเนอะ
ตอนพิเศษ...เดี๋ยวมีมาแน่นอนค่ะ แต่ขอเวลาซักหน่อยนะคะ แล้วจะเอามาลงแน่นอน เพื่อความสมบูรณ์ อะไรๆที่รอคอยอาจจะอยู่ในตอนพิเศษ (หรือเปล่า?...)
รวมเล่ม...ยังเป็นโครงการในฝันอยู่เลยค่ะ เห็นมีคนถามมาเหมือนกัน ฮา...คิดนานเหมือนกัน ว่าจะมีใครอยากได้น้องแอลไปรองขาโต๊ะกินข้าวหรือเปล่า
สุดท้ายก็...ขอบคุณอีกทีนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ เป็นเรื่องแรก และไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุด แต่ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจค่ะ เริ่มต้นจากความอยากเขียนเอามันส์อย่างเดียว หวังว่าเรื่องต่อๆไป (ุถ้ายังจะมี) คงจะดีกว่านี้แน่ๆ เราอ่านทุกคอมเม้นท์บ่อยกว่าอ่านทวนนิยายอีก อยากหาโอกาสตอบคอมเม้นท์เหมือนกัน แต่...เป็นคนที่พูดไม่เก่งมากๆ (เร๊อะ?) เลยไม่รู้จะตอบยังไง แต่ยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งที่อ่านคอมเม้นท์ จนคนข้างๆบอกว่า...อ่านคอมเม้นท์ แล้วทำหน้าฟิน 
ขอบคุณค่ะ
ด้วยรักจากน้องแอล พี่เภา และชาวคณะ