ตอนพิเศษ
"วันที่ฉันป่วย"
ช่วงเวลาที่เจ็บป่วย คือช่วงเวลาที่คนเราอ่อนแอที่สุด
และเวลาที่เรารู้สึกอ่อนแอ เราก็มักจะงี่เง่าและเอาแต่ใจให้ถึงที่สุด
ผม...ก็เป็นเหมือนกันการที่ตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองเป็นไข้สูงในเช้าวันหยุด จนไม่สามารถกระดิกตัวไปไหนได้ ได้แต่นอนซมอยู่บนเตียง เป็นเรื่องที่น่าเบื่อที่สุด และต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย นอกเสียจาก...
ตัวผมเองครับ! คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ ตัวผมเองนี่แหล่ะที่เป็นต้นเหตุให้ตัวเองป่วย
ใครจะไปรู้ว่าในวันที่ฟ้าใส จะมีฝนตกลงมาแบบไม่ทันคาดคิด ก่อนเดินออกจากคอนโดแดดก็ยังเปรี้ยงดีอยู่หรอก ผมเลยคว้าไปแค่กระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ กะจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ระหว่างรอพี่เภากลับมาจากมหาวิทยาลัย แต่พอซื้ออะไรจนเสร็จเรียบร้อยแล้วนี่สิ ฝนก็ตกโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ผมก็ชะล่าใจ เห็นฝนปรอยๆ ก็เลยขี้เกียจโทรเรียกพี่เภามารับ กะว่าวิ่งแปบเดียวก็ถึงคอนโด
แต่...ในความแน่นอนคือความไม่แน่นอนครับทั้งที่เห็นทางเข้าคอนโดอยู่ข้างหน้า สายฝนที่โปรยปรายก็เปลี่ยนเป็นฝนห่าใหญ่ แบบไม่มีสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าเลยซักนิด แล้วจะทำยังไงล่ะ อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงคอนโดแล้ว จะถอยหลังกลับก็ไม่ได้ ก็ต้องวิ่งฝ่าฝนเข้าไปจนตัวเปียกม่อล่อกม่อแลก เรียกว่ากลายเป็นลูกหมาตกน้ำดีๆนี่เลย
ผมเดินลากเท้า หิ้วข้าวของที่ซื้อมาไปกดลิฟต์ พยายามไม่สนใจสายตาที่มองมา ผมไม่ได้อารมณ์ดีอยากเล่นน้ำฝน แต่มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ต่างหาก โผล่หัวออกมาจากลิฟต์ ก็เห็นพี่เภายืนกอดอกรออยู่หน้าห้อง แต่ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เพราะตอนวิ่งกลับมา ก็รู้สึกว่าโทรศัพท์ตัวเองสั่น แต่เวลานั้น ไม่มีใครบ้าพอจะหยิบขึ้นมากดรับสายหรอกครับ
“ทำไมไม่โทรเรียกพี่ไปรับ วิ่งตากฝนมาทำไม” พี่เภาถามผมเสียงดุ หน้านิ่วคิ้วขมวด ขณะแย่งถุงในมือผมไปถือไว้ ก่อนจะเปิดประตู
“ก็ตอนแรกมันตกปรอยๆนี่ แอลก็นึกว่าไม่เป็นไร” ผมอดเถียงไปไม่ได้
“แล้วถ้าไม่สบายขึ้นมาจะเป็นยังไง”
“ไม่สบายก็กินยาสิ”
“ดื้อ!”ผมเบ้ปาก ไม่ได้ดื้อซะหน่อย พี่เภานั่นแหล่ะ ดุเกินไปต่างหาก พอเห็นพี่เภาวางของที่ซื้อมาลงบนเคาน์เตอร์ ผมก็ปรี่จะเข้าไปจัดการ แต่ก็ถูกดันออกมา ก่อนจะโดนลากมาที่ห้องน้ำ พร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่โยนมาโปะลงบนหัว
“ให้แอลจัดของก่อนพี่เภา” ผมประท้วงทันที เมื่อพี่เภาเอาแต่รุนหลังผมเข้าห้องน้ำ
“ไม่ต้องเลย รีบเข้าไปอาบน้ำสระผมเดี๋ยวนี้ จะรอให้ไม่สบายก่อนเหรอไง”
“แต่ของ...”
“เดี๋ยวพี่จัดเอง แอลจะเข้าไปอาบน้ำเอง หรือจะต้องให้พี่อาบให้”
ถ้ามามุกนี้ ก็ไม่ต้องถามแล้วครับ ผมคว้าผ้าเช็ดตัวมาแล้วปิดประตูใส่หน้าพี่เภาทันที ก็รู้อยู่หรอกว่าพี่เภาเป็นห่วง แต่ไม่เห็นต้องทำเหมือนผมเป็นเด็กเลย กะอีแค่วิ่งตากฝนมา ไม่เป็นอะไรหรอก ผมป่วยยากจะตาย
พออาบน้ำเสร็จออกมา ก็เห็นข้าวของอันตรธานหายไปแล้ว สงสัยพี่เภาคงจัดการเรียบร้อย ผมเดินมาเปิดตู้เย็น กำลังคิดๆว่าจะทำอะไรกินตอนเย็นดี ก็โดนลากออกมาอีก
“ฮึ้ย...จะลากไปไหนเนี่ยพี่เภา”
“มาเป่าผมให้แห้งก่อน”
“ไม่เอา แอลจะทำกับข้าวก่อน ปล่อยให้มันแห้งก็ไม่เป็นไรหรอกน่า”
สุดท้าย พี่เภาก็ยอมแพ้ ถอยหลังกลับไปนั่งที่โซฟา ความจริงผมคิดรายการอาหารที่จะทำไว้ตั้งแต่ตอนซื้อของแล้ว แต่พอวิ่งตากฝนเข้าหน่อยเลยลืมไปหมด ต้องเปิดตู้เย็นดูว่าซื้ออะไรมามั่ง
สุดท้ายก็คว้ากุ้งกับยอดมะพร้าวมาผัดพริกแกง แล้วก็เอาหมูที่หมักไว้มาทอดกระเทียมอีกหน่อย หุงข้าวสวยร้อนๆก็พร้อมกินทันที พอกินเสร็จ พี่เภาก็รับอาสาเป็นคนล้างจาน ก่อนจะกำชับผมให้กินยากันไว้ก่อน เผื่อไม่สบาย ผมก็กะว่าจะกินยาอยู่หรอก ถ้าไม่เดินไปเปิดกล่องยา แล้วเห็นว่ามันหมด ถ้าบอกพี่เภา พี่เภาก็ต้องออกไปซื้อมาให้อีก ผมเลยเงียบซะ
นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงรอพี่เภาล้างจาน แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเช้าโน่นเลย ไม่ได้ตื่นเองหรอกนะครับ แต่ตื่นเพราะเสียงโวยวายของพี่เภา ที่ทำเหมือนกับว่าผมเป็นไข้หวัดนก
“แอล!! เมื่อคืนไม่ได้กินยาใช่ไหม” พี่เภาแตะหน้าผากผมที่ร้อนจัด ก่อนจะถามเสียงเขียว
“อือ ยามันหมด”
“แล้วทำไมไม่บอก พี่จะได้ออกไปซื้อมาให้”
พี่เภาทำท่าจะบ่นๆๆ ผมที่ทั้งเพลีย ทั้งปวดหัว ทั้งตัวร้อน เลยพลิกตัวหนีด้วยความรำคาญ ตอนนี้อยากนอนพักอย่างเดียว ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น ได้ยินเสียงพี่เภาคุ้ยอะไรกุกกักก็ขี้เกียจหันไปมอง มารู้ว่าพี่เภาหาอะไร ก็ตอนที่พี่เภาเอาปรอทมาจ่อที่ปากผม ให้ผมอ้าปากรับ พอพี่เภาดึงปรอทวัดไข้ออกไป เสียงบ่นก็ตามมาอีกเป็นกระบุง
“สามสิบเก้า นี่มันสูงมากเลยนะแอล นอนรออยู่นี่นะ เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อยา แล้วจะรีบกลับมา”
ผมพยักหน้าอือๆออๆไปตามเรื่อง ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ร่ำๆจะหลับไปอีกรอบ แต่ได้ยินเสียงพี่เภาพึมพำอยู่ตลอด ถึงจะจับใจความไม่ได้ เสียงพี่เภาค่อยๆห่างออกไป พร้อมๆกับที่ผมเลยเข้าสู่ห้วงนิทราอีกรอบด้วยความอ่อนเพลีย
.
.
ผมตื่นมาอีกที ตอนได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากในครัว ถึงจะไม่มีแรงแต่ก็ต้องผุดลุกขึ้น เพราะไม่รู้ว่าโจรห้าร้อยมันบุกเข้ามาในคอนโด แล้วกำลังรื้อค้นทรัพย์สินอยู่หรือเปล่า ค่อยๆลากสังขารตัวเองลงจากเตียงด้วยความอยากลำบาก พอยืนได้ไม่เท่าไหร่ ก็หวิดจะหน้ามืด ทรุดลงไปกองที่พื้น
ผมค่อยๆเดินไปที่ห้องครัว ที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียง คิดอยู่ในใจว่า ต่อให้เป็นโจรจริงๆ แต่ถ้าผมอยู่ในสภาพแบบนี้ คงมีหวังโดนฆ่าหมกคอนโดไปด้วยแน่ๆ แค่เดินยังลำบากเลย ทั้งๆที่เห็นห้องครัวอยู่ข้างหน้า แล้วก็เดินเข้าเดินออกอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ระยะทางมันไกลจนหงุดหงิด สุดท้ายผมก็เดินมาเกาะประตูห้องครัวจนได้ แล้วก็เห็นภาพที่ทำเอาต้องเบิกตากว้าง
แผ่นหลังที่คุ้นเคยกำลังก้มๆเงยๆอยู่ในห้องครัว เครื่องดูดควันกำลังทำงานอย่างหนัก สภาพในห้องครัวเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมินรกที่อิรักมา หม้อ ชาม จาน ไหวางระเกะระกะ หนังสือคู่มือทำอาหารถูกเปิดวางทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์
นี่พี่เภากำลังจะพังห้องครัวเหรอวะครับ??ผมรวบรวมสติ ก่อนจะเปล่งเสียงแหบระโหยถามพี่เภา
“พี่เภา...ทำอะไรอยู่น่ะ” ถึงเสียงผมจะเบา แต่ก็ทำเอาพี่เภาสะดุ้ง ก่อนจะรีบหันกลับมา พี่เภาทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาผม จนผมต้องรีบชี้มือไปข้างหลังพี่เภา
“ปิดแก๊สก่อน”
พอพี่เภาปิดแก๊สเรียบร้อยแล้ว ก็พุ่งเข้ามารวบตัวผม ที่กำลังหวิดจะล้มไม่ล้มแหล่ไว้ทันที ผมกำลังมึนๆ พอพี่เภาเข้ามาประคองเลยปล่อยตัวให้พี่เภาประคองไปเลย มือหนาที่มีแต่กลิ่นปลา จนผมหวิดจะอาเจียน แตะหน้าผากผมเพื่อวัดไข้ เสียงทุ้มห้าวดังอยู่ข้างหู
“ออกมาทำไมเนี่ยแอล ทำไมไม่นอนพัก”
“ก็ได้ยินเสียงดัง นึกว่าขโมย เลยลุกมาดู พี่เภาทำอะไรน่ะ”
พี่เภาไม่ได้ตอบคำถามผม แต่ช้อนตัวผมขึ้นอุ้ม แล้วก็เดินดุ่มๆกลับเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะวางผมลงบนเตียง จัดแจงห่มผ้าให้ผมเสร็จสรรพ จนผมต้องนิ่วหน้าออกมา แล้วถามซ้ำอีกครั้ง
“พี่เภา ทำอะไรในครัวน่ะ”
“ทำข้าวต้มให้แอล เดี๋ยวกินเสร็จแล้วจะได้กินยา”
ผมเบิกตากว้างเท่าไข่นกกระจอกเทศ พี่เภาที่ปกติเข้าครัวเพื่อใช้แค่ไมโครเวฟกับล้างจานเนี่ยนะ จะทำข้าวต้ม ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมห้องครัวถึงมีสภาพแบบนั้น
“ทำไมไม่ซื้อล่ะ...”
“ตอนแรกกะว่าจะซื้อ แต่คิดไปคิดมา ทำเองน่าจะสะอาดกว่า แต่แอลไม่ต้องห่วงนะ พี่ซื้อคู่มือทำอาหารมาด้วย รับรองกินได้แน่นอน” พี่เภาพูดรัวเร็วจนผมแทบจับใจความไม่ทัน ก่อนจะยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเอง เหมือนว่ากำลัง...เขิน
ใช่ครับ...พี่เภากำลังเขิน
พอผมขยับตัวจะลุกลงจากเตียง พี่เภาก็รีบปราดเข้ามากดให้ผมนอนลงกับเตียงเหมือนเดิม จนผมต้องบอกช้าๆชัดๆว่า
“เดี๋ยวแอลไปช่วยดูให้”
“ไม่ต้อง นอนเนี่ยแหล่ะ เป็นคนป่วยนอนไป เดี๋ยวเอามาให้ ห้ามลุกเด็ดขาด ถ้าลุกมานะ จะทำให้ลุกไม่ขึ้นไปอีกหนึ่งอาทิตย์เลย” พี่เภาขู่ผมเสร็จก็เดินออกไป ปล่อยให้ผมต้องทิ้งตัวลงนอนกับเตียงอย่างหมดแรง
เสียงโครมครามยังดังมาให้ได้ยิน ทั้งที่เพลียอยู่ แต่ผมกลับข่มตาหลับไม่ได้ ความรู้สึกมากมายมันหลากหลายประเดประดังเข้ามา
พี่เภาไม่เคยทำกับข้าว และพี่เภาทำกับข้าวไม่เป็น แค่เจียวไข่ได้ก็เก่งแล้ว เพราะคนอย่างพี่เภาไม่เคยต้องทำกับข้าวให้ใครกิน แต่...
ผมคงเป็นข้อยกเว้น และผมคงเป็นคนแรก ถ้าเมื่อกี้มองไม่ผิด มือหนาที่อุ้มผมมา มีแต่รอยมีดบาดเต็มมือ
มันเป็นความรู้สึกดีกึ่งๆกับโมโห รู้สึกดีเมื่อรู้ว่าเราเป็นคนสำคัญของใคร และมีใครที่กำลังพยายามทำอะไรเพื่อเราอยู่ แต่ก็รู้สึกโมโห เมื่อรู้ว่าคนๆนั้นกำลังพยายามทำอะไรที่เกินตัว
แต่เห็นแก่ความตั้งใจนะ จะยอมลดโทษให้กึ่งหนึ่งก็ได้
.
.
พี่เภากลับเข้ามาอีกทีพร้อมชามข้าวต้มที่มีควันลอยฉุยมาเชียว พอวางชามข้าวต้มลงข้างเตียงเสร็จ ก็ประคองผมให้ลุกขึ้นมานั่งเอนหลัง ผมมองข้าวต้มในชาม เป็นข้าวต้มปลา และโชคดีที่พี่เภาไม่บ้าพอที่จะซื้อปลามาแล่เอง แต่ซื้อเนื้อปลาที่เค้าแล่ไว้แล้วมา
สภาพข้าวต้มเละๆ จนแยกไม่ออกว่าจะเป็นโจ๊กหรือจะเป็นข้าวต้มดี ผมนิ่วหน้าเล็กน้อย ขณะที่พี่เภาตักข้าวต้มมาจ่อปากตัวเอง แล้วค่อยๆเป่าจนหายร้อน เสร็จแล้วก็ยื่นมาจ่อตรงปากผม ผมชั่งใจอยู่เสี้ยววินาทีว่า ถ้ากินลงไป จะต้องไปหาหมอเพราะอาหารเป็นพิษหรือเปล่า แต่เพราะเห็นท่าทางตั้งใจของพี่เภาที่มองมาอย่างรอคอย ผมเลยอ้าปากงับอย่างไม่ลังเล
อืม...ดีกว่าที่จินตนาการไว้เยอะเลย
“เป็นยังไงบ้าง” พี่เภาถามเสียงตื่นเต้น เหมือนเด็กที่ส่งการบ้าน แล้วรอคุณครูตรวจให้คะแนน
“ก็พอกินได้ ถึงหน้าตาจะแย่ไปหน่อย” ผมตอบแล้วก็แทบจะหัวเราะขำ ที่พี่เภาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะกินไม่ได้ซะแล้ว นี่หม้อที่ห้าแล้วนะเนี่ย หม้อแรก พี่ชิมเองแล้วยังแทบอ้วกเลย มีหม้อนี้ที่ค่อยดีขึ้นหน่อย” พี่เภาเล่าด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
ผมมองพี่เภาเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก พี่เภาบ้ามากๆเลย ถ้าเป็นผมนะ คงยอมแพ้ตั้งแต่หม้อที่สอง แล้วเดินลงไปซื้อที่เขาทำขายมาแทน นี่ทำแล้วทำอีกตั้งห้าหม้อ ถ้าพี่เภาไม่บ้ามากๆ พี่เภาก็รักผมมากๆ
ข้าวต้มรสชาติธรรมดา ที่พี่เภาตักขึ้นมาเป่าแล้วป้อนผม กลายเป็นข้าวต้มที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยกิน ทั้งที่กินอะไรไม่ค่อยลง กะว่าจะกินแค่ไม่กี่คำให้อยู่ท้อง แล้วค่อยกินยา แต่สุดท้ายแล้ว ชามข้าวต้มที่พี่เภายกมา ก็เหลือแต่ชามเปล่าๆให้คนทำยิ้มปลื้ม
“พี่เภา ถ้าจะไปหยิบยา หยิบกล่องปฐมพยาบาลมาด้วย” ผมบอกพี่เภาที่กำลังจะเอาชามไปเก็บ เห็นพี่เภาทำหน้างง แต่ก็ไมได้ถามอะไร
ซักพักพี่เภาก็กลับมาพร้อมกับยา แก้วน้ำ และกล่องปฐมพยาบาล ผมคว้ากล่องปฐมพยาบาลมาวาง หยิบของที่จะใช้ออกมา ก่อนจะคว้ามือพี่เภาหมับ ทำความสะอาดแผลให้เรียบร้อย ใส่ยา แล้วก็ปิดพลาสเตอร์ ที่กว่าจะปิดครบทุกรอยบาด ก็หมดพลาสเตอร์ไปเกือบสิบอัน
“คราวหลังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำเลยนะพี่เภา” ผมบ่น ก่อนจะส่ายหัวอย่างระอา
“ทำเพื่อแอล ถึงทำไม่ได้ พี่ก็จะพยายามทำ” พี่เภาบอกยิ้มๆ
ผมไม่ตอบอะไร ก้มหน้าก้มตาเก็บอุปกรณ์ลงกล่องปฐมพยาบาล กำลังจะล้มตัวลงนอน พี่เภาที่เมื่อกี้ยังยิ้มๆอยู่ ก็โน้มตัวมาทำตาดุใส่ผมทันที
“ลืมอะไรไปหรือเปล่าแอล”
เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะยาสีสวยเหมือนลูกกวาดหลายเม็ด ถูกส่งมาพร้อมกับแก้วน้ำ ให้ผมมองอย่างเซ็งๆ เกลียดที่สุดก็คือการกินยา แต่จะไม่กินก็ไม่ได้ ได้แต่ทำใจ ก่อนจะกล้ำกลืนฝืนทนกินเข้าไป พี่เภายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเอ่ยประโยคทิ้งท้ายที่ทำเอาผมไม่พอใจทันที
“นอนพักผ่อนไปก่อนนะแอล ถ้าตอนเย็นยังไม่หาย คงต้องไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ”
.
.
ดูท่าว่าเชื้อไข้หวัดมันจะอยากมีเรื่องกับผมแน่ๆ เพราะหลังจากที่ผมทั้งกินข้าว กินยา นอนพักผ่อนตามที่หมอเภาสั่ง พอพี่เภาเดินเข้ามาวัดไข้อีกทีตอนเย็น ก็ปรากฏผลที่น่าพอใจว่า...
“สามสิบแปดจุดห้า คงต้องไปโรงพยาบาลจริงๆแล้วล่ะแอล”
ผมส่ายหัวดิก ไม่ยอมท่าเดียว ถึงจะรู้ว่าสภาพร่างกายตัวเองไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย เหมือนจะแย่ลงนิดๆด้วยซ้ำ แต่จะให้ไปโรงพยาบาลที่เกลียดแสนเกลียด ยังไงๆก็ไม่มีทางยอมไปเด็ดขาด
พี่เภาทำท่าจะเข้ามาช้อนตัวผม ผมก็พลิกตัวหนี ไม่ยอมให้จับลูกเดียว ถึงจะไม่มีแรง แต่พอคิดถึงกลิ่นยาที่โรงพยาบาล คุณหมอที่ชอบจับผมนอนให้น้ำเกลือ นางพยาบาลที่ถือเข็มยืนรอ ผมก็ดิ้นขลุกขลัก แต่สุดท้าย คนป่วยหรือจะสู้คนแรงดีได้
ผมนอนแผ่หมดแรงอยู่บนเตียง มีพี่เภาคร่อมอยู่ข้างบน ดวงตาคู่ที่คุ้นเคยมองมาที่ผม ก่อนจะก้มลงแตะจูบลงบนแก้มผมแผ่วๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะตัวผมร้อน หรือเพราะริมฝีปากพี่เภาเย็นกันแน่ เพราะสัมผัสที่ได้จากพี่เภามันเย็นวาบ แต่พาลทำให้อุ่นไปทั้งหัวใจ เสียงทุ้มๆ เอ่ยออดอ้อนผมอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก และที่สำคัญ...ไม่เคยทำกับคนอื่น!!
“ไปหาหมอเถอะนะ พี่เป็นห่วง”คำว่าเป็นห่วง พี่เภาพูดมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เห็นก็หลายต่อหลายหน และทุกครั้งที่ได้ยิน ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน สุดท้ายผมก็ได้แต่ปล่อยให้พี่เภาอุ้มผมไปไว้ที่โซฟา ก่อนที่พี่เภาจะไปสาละวนเตรียมของอะไรให้เรียบร้อย
ชุดนอนที่ผมสวมตั้งแต่เมื่อคืน ถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ให้ดูเหมาะสำหรับออกไปข้างนอก ถึงจะแค่ไปหาหมอก็เถอะ แล้วพี่เภาก็ประคองผมออกจากห้องจนลงมาถึงรถ พอผมขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย เบาะก็ถูกปรับให้เอนลง ให้ผมได้นอนพักผ่อนอย่างสบายๆ
“ไม่นอนโรงพยาบาลนะ...” ผมบอกเสียงเบา รู้ดีว่าพี่เภาได้ยิน แต่ทำหูทวนลม ไม่รับปากผม
“ไม่ฉีดยาด้วยนะ...”
ไม่มีคำตอบจากเลขหมายที่ท่านเลข ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะมองออกนอกรถ ได้ยินเสียงพี่เภาหัวเราะแผ่วๆ เลยต้องหันหน้ากลับมาดู พี่เภาก็ยังมองถนนอยู่เหมือนเดิม
“ถ้าต้องนอนโรงพยาบาล ยังไงพี่ก็นอนเป็นเพื่อน”
“ถ้าต้องฉีดยา เดี๋ยวจะกอดแอลไว้แน่นๆ”
“แล้วถ้าต้องกินยา เดี๋ยวพี่จะถือแก้วน้ำให้”
อันสุดท้ายนี่ไม่ซึ้งและไม่โรแมนติกเท่าไหร่นะครับพี่เภา
.
.
สุดท้าย ผมก็รอดพ้นจากการนอนโรงพยาบาลและฉีดยา เพราะเป็นแค่ไข้หวัด แต่ที่ไข้สูงเพราะนอกจากจะตากฝนแล้ว ยังหลับไปตอนที่ผมเปียกๆอีกต่างหาก ตื่นมาอีกวันเลยไข้ขึ้นเลย คุณหมอถามด้วยว่าเช็ดตัวไปหรือยัง ผมกับพี่เภาก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพราะวันนี้ทั้งวันยังไม่โดนน้ำเลยซักหยด
กลับมาถึงคอนโด ผมก็ถูกสั่งให้นอนเฉยๆ ก่อนพี่เภาจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ แล้วออกมาพร้อมกาละมังใบเล็กกับผ้าขนหนู ผมก็นอนให้พี่เภาเช็ดตัวตามสบาย ค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย เพราะเมื่อเช้าตัวร้อนจนเหงื่อออก ต้องนอนตัวเหนียวๆตั้งหลายชั่วโมง
พอเสร็จเรียบร้อยพี่เภาก็มานอนกอดผมไว้หลวมๆ ตอนแรกผมก็ดันๆพี่เภาออก เพราะกลัวพี่เภาจะติดไข้ แต่มันก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงนั่นแหล่ะครับ เลยต้องยอมนอนอยู่เฉยๆ แต่ก็อดบ่นไม่ได้
“เดี๋ยวก็ติดไข้หรอกพี่เภา”
“ไม่เป็นไร แอลจะได้หายไวๆ”
“รักนะ...”
“รักเหมือนกันครับ”
“ตอนเย็น ทำข้าวต้มให้กินอีกนะ”
“ได้ตามต้องการเลยครับ”
ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆอย่างมีความสุข ปกติเวลาป่วยผมมักจะงี่เง่า แต่แปลก...พออยู่กับพี่เภากลับไม่เป็น
อาจจะเป็นเพราะ...ข้าวต้มรสชาติธรรมดา หน้าตาไม่น่ากิน ที่ใส่ความตั้งใจเต็มเปี่ยม
หรืออาจจะเป็นเพราะ...บุรุษพยาบาลที่เอาใจใส่คนไข้เกินร้อย ถึงขนาดมานอนกอดผมอยู่ข้างๆ
จะอะไรก็แล้วแต่ แต่วันที่ผมป่วยอย่างวันนี้ มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกนานๆที...ป่วยบ้างก็ดีเหมือนกัน...ไม่มีใครที่ล้ำค่า ไม่มีใครสำคัญกว่า
คนที่คอยห่วงหา คอยห่วงใยทุกลมหายใจ
เมื่อหลับตาลงในคืนที่อ่อนล้า
ตื่นมามีเธอไม่ห่างหาย
อยู่ข้างเคียงกายตลอดมา...[วันที่ฉันป่วย : อาร์มแชร์]จบตอนพิเศษ
TALK
แฮ่...เป็นตอนพิเศษแบบป่วงๆค่ะ แนะนำว่าควรฟังเพลง 'วันที่ฉันป่วย' ประกอบด้วย ไม่มีอะไรมากเลย เขียนเพราะอยากเขียนอย่างเดียว พี่เภาน่ารักเนอะ... >///< ตอนแรกจะมาลงตอนพิเศษวันลอยกระทง แต่ขอลัดคิวเอามาลงหน่อยละกันค่ะ ขอโทษคนที่รอตอนพิเศษเวย์จีนด้วยน๊า แอบแซงคิวมา
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ หวังว่าจะมีความสุขกับตอนพิเศษเลี่ยนๆ ตอนหน้าน่าจะเป็นวันลอยกระทงค่ะ รอหนุ่มๆเค้านัดแนะวันเวลากันก่อน 
มีคนถามเรื่องรวมเล่มหลายคน เลยอยากถามบ้างว่า...
ถ้าจะรวมเล่มน้องแอลและผองเพื่อนสนใจกันหรือเปล่าคะ??
แต่เท่าที่คำนวณดูแบบคร่าวๆแล้ว คิดว่าจะอยู่ที่ประมาณสองเล่มจบค่ะ ความหนาน่าจะพอสมควร น้องๆสารานุกรมเลย
นี่เป็นการถามความเห็นเฉยๆนะคะ เพราะเรามีข้อจำกัดในการรวมเล่มพอสมควร แต่อยากได้เองด้วยเป็นการส่วนตัว ฮ่าฮ่า
1) ราคาน่าจะพอสมควร ตามความหนา Y_Y สองเล่มแน่ะ แถมจำนวนหน้าก็จะแปรผันตรงกับจำนวนตอนพิเศษ
2) ยังไม่ได้หนังสือเร็วๆนี้แน่ เพราะเราทำงานประจำ และอยากเขียนตอนพิเศษเยอะๆ ฮ่าฮ่า ซึ่งมันต้องใช้เวลา
ถ้ามีคนสนใจพอสมควร เดี๋ยวจะมาอัพเดทรายละเอียดอีกทีค่ะ
ถ้าไม่มี...เดี๋ยวปริ้นท์ที่ทำงานแล้วใส่สันรูดเป็นที่ระลึกของตัวเองแทน 