...อสงไขย... แจ้งข่าว[13-02-2559 แจงรายละเอียดหนังสือ หน้า๑๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...อสงไขย... แจ้งข่าว[13-02-2559 แจงรายละเอียดหนังสือ หน้า๑๒]  (อ่าน 171474 ครั้ง)

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


**************************





                                                  ฉุยฉายเอย                                    ช่างงามขำช่างรำโยกย้าย
                                         
                                                สะเอวแสนอ่อนอรชรช่วงกาย             วิจิตรยิ่งลายที่คนประดิษฐ์

                                          สองเนตรคมขำแสงดำมันขลับ            ชม้อยเนตรจับช่างสวยสุดพิศ ฯ

                                                   สุดสวยเอย                                    ยิ่งพิศยิ่งเพลินเชิญให้งงงวย

                                          งามหัตถ์งามกรช่างอ่อนระทวย           ช่างนาดช่างนวยสวยยั่วนัยนา

                                          ทั้งหัตถ์ทั้งกรก็ฟ้อนถูกแบบ                ดูยลแยบสวยยิ่งเทวา ฯ

                                                   น่าชมเอย                                      น่าชมเจ้าพราหมณ์

                                                   ดูทั่วตัวงาม                                   ไม่ทรามจนนิด

                                                   ดูผุดดูผ่อง                                     เหมือนทองทาติด

                                                   ยิ่งเพ่งยิ่งพิศ                                   ยิ่งคิดชมเอย ฯ

                                                   น่ารักเอย                                       น่ารักดรุณ

                                                   เหมือนแรกจะรุ่น                         จะรู้เดียงสา

                                                   เจ้ายิ้มเจ้าแย้ม                                แก้มเหมือนมาลา

                                                จ่อจิตติดตา                                   เสียจริงเจ้าเอย ฯ

   
ทำนองขับขานแปลกหู  ท่าทางแปลกตาหากงดงามน่าดูให้ผู้ชมในห้องต่างนิ่งเงียบ    เนื้อความนั้นช่างตรงกับคนรำยิ่งนักเมื่อจับใจความให้ถนัดถนี่     ผิวขาวลออ  แป้งขาวไม่อาจบดบังปรางค์เนียนสีเรื่อได้มิด  รอยยิ้มที่ยิ่งมองก็ยิ่งพาให้ใจเต้น  ยามดวงตาสีเข้มนั้นเหลือบมองมาอย่างไม่ตั้งใจ  จังหวะหนึ่งในอกคนมองระรัวเร็วเสียยิ่งกว่ากลองของวงพาทย์

ดวงหน้าหวาน  ยิ้มละไมงดงาม  ท่าทางอ่อนช้อยนวยนาดตรึงสายตาคมให้จับจ้องนิ่งไม่รู้ตัว  ปลายนิ้วกรีดกรายและดวงตาระยับพราวพาให้ใจของคุณพระนายหนุ่มแห่งวังหลวง *1 ที่เพิ่งมีโอกาสเข้าเฝ้าเสด็จออกขุนนางครั้งแรกตะลึงนิ่งด้วยอาการคล้ายถูกกระชากบางอย่างในอกให้หายไป

เครื่องประดับสะท้อนแสงยังไม่เท่าดวงตาคู่นั้น...ชุดสีขาวยิ่งขับให้คนสวมใส่แลดูอ่อนหวาน ริมฝีปากคู่งามทาชาดสีสดแย้มยิ้มชวนพิศเสียยิ่งกว่าพวงมาลาข้างแก้ม  เอวอ่อนคอดกิ่วชวนให้ใจเต้นยามเยื้องย่าง

“คนของกรมพิณพาทย์หลวงอย่างนั้นรึ?”  เสียงทุ้มเอ่ยถามคนสนิทที่ตามมาเข้าเฝ้า

“เห็นว่าอย่างนั้นขอรับ  รู้สึกจะเป็นคนของท่านหลวงเสนาะดุริยางค์*2 ที่ฝึกรำฉุยฉายในสมเด็จฯโดยเฉพาะขอรับ”

“งดงามเสียจริง...”  เสียงทุ้มรำพึงเพียงให้ได้ยินกันสองคน  เด็กหนุ่มยิ้มกับท่าทางนั้นของคนเป็นนาย  เหลือบมองดวงหน้าอ่อนหวานของร่างอรชรผู้ที่กำลังรำฉุยฉายตรงหน้าก็ต้องหันกลับมามองนายหนุ่มอีกครั้ง  ดวงตาคมจับนิ่งร่างเล็กนั้นไม่วางตา  ดวงหน้าอ่อนเยาว์  ร่างบอบบางชวนทนุถนอมประคอง   ท่าทางร่ายรำเป็นหนึ่งเดียวกับเสียงดนตรีนั้นชวนลุ่มหลงไม่ยากนัก    อ่อนหวานสมกับเป็นกุลสตรี  น่ารักน่าดูชมจนไม่อาจถอนสายตา   เห็นทีหัวใจของพระนายหนุ่มแห่งวังหลวงคงจะโดนขโมยไปเสียแล้วเป็นแน่แท้

“กระผมจะลองสอบถามให้นะขอรับ”  เด็กหนุ่มเอ่ย  ให้คุณพระนายผงกศีรษะรับเลื่อนลอย    ดนตรีจบลงหากขุนนางหนุ่มยังคงมองไล่ตามหลังเล็กออกไปจนสุดสายตา  เมื่อนั้นแหละเขาจึงเรียกความสนใจกลับมายังภายในงานพิธีได้เสียที

รอยยิ้มพึงใจยังคงประดับวาดบนริมฝีปากอิ่มของชายหนุ่มไม่จางพาให้บรรดาลูกท่านหลานเธอที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าถึงกับละเมอเพ้อไปตามๆกัน  ใบหน้าหล่อเหลา จมูกโด่งและผิวขาวเฉพาะตัวโดดเด่นบ่งบอกว่าไม่ใช่คนไทยแท้  หากคงมีเชื้อสายของชาวจีนหรือต่างชาติเจือปน  กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดจะคิดว่าผิดแผกแปลกแยกเพราะถึงขนาดที่สามารถเป็นเจ้าหมื่นเสมอใจราช*3 ได้ตั้งแต่ยังหนุ่มแน่นเพียงนี้นั้นคงเก่งอย่างที่ร่ำลือและเป็นที่วางพระราชหฤทัยยิ่งนัก  ร้ายกว่านั้นคือใบหน้าคมสันเป็นที่หมายปองก็พาให้ทุกคนมองข้ามอย่างอื่นไปเสียหมดสิ้น

คุณใหญ่..เจ้าหมื่นเสมอใจราชแห่งวังหลวง

ยิ่งกว่าหน้าตาคือความเก่งกาจไปเสียทุกอย่างที่พระยาทั้งหลายอยากจะได้ตัวมาทำงานเป็นคนของตัวกันเสียทั่วพระนคร     พระยาพระคลังบิดาบุญธรรมถึงกับเป็นปลื้มเสียยิ่งกว่าลูกแท้ๆจนออกนอกหน้ามาตั้งแต่ยังเล็ก  หมายมั่นปั้นมือว่าคงฝากทุกอย่างเอาไว้ได้

สอนมาดี...ขุนน้ำขุนนางต่างเอ็นดูเสียเป็นส่วนใหญ่...




หากหลังจากนั้นไม่เกิดเรื่องแสนเศร้าขึ้นมา...เจ้าหมื่นเสมอใจราช...ก็คงอาจได้ขึ้นเป็นพระยาอย่างที่บิดาบุญธรรมหวังเอาไว้...







____________________________________________________________________________


*1หัวหมื่นมหาดเล็กวังหลวงในสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
*2ผู้ช่วยเจ้ากรม  กรมพิณพาทย์วังหลวงในสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
*3เจ้าหมื่นเสมอใจราช  ยศเทียบเท่าพันเอกในทหารปัจจุบัน





Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-02-2016 01:56:22 โดย sine »

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #1 เมื่อ08-08-2012 14:52:18 »

เรื่องใหม่ น่าติดตามมากค่า

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #2 เมื่อ08-08-2012 15:05:08 »


เอามาฝากครับ :3123:

    http://youtu.be/puGGHiuOCYY

:mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

    http://youtu.be/cIa3He4154M

 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2012 21:49:49 โดย srikoon »

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #3 เมื่อ08-08-2012 16:44:23 »

อื้อหือ เปิดด้วยรำฉุยฉาย .... อลังการมากครับ

ออฟไลน์ beautjang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #4 เมื่อ08-08-2012 16:48:06 »

น่าอ่านมากค่ะ

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #5 เมื่อ09-08-2012 16:28:58 »

อั่ยยะ ประโยคสุดท้ายพาให้ใจหาย คุณหลวงท่านจะเป็นอะไรนะ หรือจะไปฉุดใครเข้าจนผิดอาญาแผ่นดินกัน! :z3:

honeystar

  • บุคคลทั่วไป
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #6 เมื่อ09-08-2012 16:44:58 »

ประโยคสุดท้าย หมายความว่ายังไงนะ
มันจะเกิดอะไรขึ้น =='
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #7 เมื่อ09-08-2012 17:14:25 »

เรื่องแสนเศร้าคืออะไร


รอติดตามจ๊ะ

luvsin

  • บุคคลทั่วไป
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #8 เมื่อ09-08-2012 21:03:38 »

น่าติดตามมาก

Dry iCe

  • บุคคลทั่วไป
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #9 เมื่อ10-08-2012 11:51:37 »

อ่านมาลื่น เจอประโยคสุดท้าย.....ช็อคคุ  เศร้าแหงมๆ :sad4:
แต่ว่า  เรื่องไทยแท้แบบนี้ ยอมเศร้าค่ะ
แต่.....ถ้าไม่เศร้าก็จะดีนะค่ะ

สู้ๆคร้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
« ตอบ #9 เมื่อ: 10-08-2012 11:51:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ osava

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #10 เมื่อ10-08-2012 14:51:31 »

ขอกรี๊ดสามตลบคะ "อสงไขย"
อ่านเวอร์ยูซูมา แต่กรี๊ดเวอร์นี้อ่ะนะ  :-[

ออฟไลน์ Non_stop

  • Until we meet again
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #11 เมื่อ10-08-2012 15:52:29 »

 :-[ :impress2:


น่าติดตามมากๆเลยค่ะ รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ  o13

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: ...อสงไขย...เริ่มกาล...[8-8-55]
«ตอบ #12 เมื่อ12-08-2012 14:35:06 »

...อสงไขย...
...กาลที่๑...






สายลมพัดเอื่อยอ่อน    เจ้าวงกลมสีส้มลูกโตเคลื่อนคล้อยใกล้ขอบฟ้าสะท้อนบนระลอกคลื่นลูกเล็กๆพราวระยับดูสวยหากไม่อาจเรียกความสนใจจากคนที่นั่งริมแม่น้ำได้   เสียงขีดเขียนจากปลายดินสอดังขึ้นไม่ขาดสาย  สีดำของถ่านกลายเป็นภาพร่างดูแปลกตาเพราะยังเป็นเพียงเค้าร่าง  หากมองดูครู่เดียวก็รู้ว่าโครงเส้นนั้นจะกลายเป็นรูปชายหนุ่มอย่างแน่นอนแม้มันไม่ชัดเจนก็ตาม

มือเล็กเคลื่อนไหวไม่หยุดบ่งบอกว่าเจ้าของมือขาวนั้นจมอยู่ในความนึกคิดของตัวเองจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาทางด้านหลัง  ไหล่เล็กสะดุ้งไหวเมื่อเสียงทุ้มทักขึ้น

“ขอโทษนะขอรับ”

“?”  มือเล็กละจากกระดาษ  เอี้ยวตัวมามองชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคมคายที่ยืนส่งยิ้มใจดีมาให้ก็ต้องยอมตัดใจจากความเงียบสงบแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อหันมาทางคนทัก

“คุณรู้จักบ้านหลังนี้ไหมขอรับ?”  กระดาษแผ่นเล็กถูกยื่นมาให้   เด็กหนุ่มรับมันมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนถามอีกครั้งแล้วพยักหน้ารับ

“เข้าไปสุดซอยนี้ก็เจอแล้ว  ว่าแต่คุณมีธุระอะไรกับบ้านนั้นหรือครับ?”  เสียงที่เอ่ยถามนั้นกังวานหวานช่างน่าฟังยิ่งนัก  หากดวงตาสีเข้มมองมาอย่างไม่ไว้ใจรอฟังคำตอบ

“กระผมมีธุระกับคนที่บ้านนั้นขอรับ”  ชายหนุ่มตรงหน้าก็ฉลาดพอที่จะเลี่ยงตอบ  พลางยิ้มอ่อนโยนให้คนตัวเล็กกว่า

“.....ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมพาไป”

“ไม่รบกวนหรอกขอรับ  เชิญคุณวาดรูปต่อเถอะ”  คำปฏิเสธแสนสุภาพกับท่าทางนอบน้อมให้เด็กหนุ่มเจ้าของผิวขาวเอียงคอมองหวาดระแวง

“บ้านนั้นรกไปด้วยต้นไม้  กว่าคุณจะเจอเจ้าของบ้านน่ากลัวคงโดนงูฉกตายก่อนแน่  ผมจะไปส่งคุณเองก็แล้วกัน”  ไม่ว่าเปล่า  คนตัวเล็กหันไปเก็บอุปกรณ์วาดรูปโดยไม่ฟังคำค้านอีก  คนถูกอาสาไปส่งส่ายหัวยิ้มอ่อน หากแต่ก็ยืนรอให้เด็กหนุ่มเก็บอุปกรณ์จนเสร็จแล้วฉวยขาตั้งรูปมาถือเสียเองให้ใบหน้าขาวเงยขึ้นมอง

“กระผมช่วยถือนะขอรับ  ถือเสียว่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆที่คุณอุตส่าห์จะช่วยไปส่ง”

“......”  ใบหน้าขาวพยักหน้ารับแล้วออกเดินนำ  สายตาคมของคนด้านหลังมองแผ่นหลังเล็กของอีกฝ่าย  ไหล่ตั้งตรงอย่างคนบุคลิกภาพดี   ผิวขาวเนียนผิดแผกจากคนในละแวกนี้ต่างกับชายหนุ่มด้านหลังที่คร้ามจนจะกลายเป็นสีน้ำผึ้งไหม้   หน้าตาเค้าโครงหรือก็เหมือนไม่ใช่คนไทยแท้น่าจะมีเชื้อสายคนจีนปะปน   มองผิวเผินเมื่อครู่แทบไม่รู้เลยว่าเป็นเด็กผู้ชาย...

ตัวบ้านชั้นเดียวปลูกด้วยไม้แลดูเก่าคร่ำ  หน้าบ้านครึ้มไปด้วยต้นไม้อย่างที่เด็กหนุ่มตัวบางบอกเอาไว้ให้คนเดินตามเลิกคิ้วมองอย่างพิจารณา  ก้มมองลอดผ่านเข้าไปก็ยังคงเป็นต้นไม้อยู่นั่นเอง

“แม่!  แม่จ๊ะ”   เด็กหนุ่มข้างหน้าตะโกนเรียกเสียงดัง  ให้คนด้านหลังเลิกคิ้วแปลกในรอบที่สอง

“อ้าว  คุณอยู่ที่นี่หรอกหรือขอรับ?”  เสียงทุ้มเอ่ยถาม

“...นี่บ้านผม”

“ว่าไงเจ้าแก้ว อ้าว  ใครล่ะนั่น?”  หญิงวัยกลางคนเดินเช็ดมือกับผ้าถุงออกมาจากทางด้านหลังบ้านให้เด็กหนุ่มที่เตรียมจะตอบคำถามนั้นต้องหันกลับมาสวมกอดเธอเอาไว้แล้วกดจมูกรั้นแนบแก้มมารดา

“เขามาถามหาบ้านเราน่ะแม่”  เด็กหนุ่มตอบไม่ละมือจากเอวเล็กของมารดา

“มีอะไรรึพ่อหนุ่ม?” เงยหน้าถามแขกร่างสูง  ฝ่ายนั้นยิ้มละมุนตอบรับ

“.....”

“เข้ามาดื่มน้ำเสียก่อนเถอะพ่อ  มา”  ว่าแล้วจึงเดินนำเข้าบ้านพลางรั้งมือลูกชายไปด้วย  เด็กหนุ่มเหลือบมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ  หากแต่เมื่อมารดาเชื้อเชิญอีกฝ่ายเข้าบ้านเขาเลยได้แต่หาน้ำใส่ขันมาให้

“ขอบพระคุณขอรับ”  มือแกร่งรับขันน้ำฝนเย็นขึ้นดื่มชื่นใจ

“คุณชื่ออะไร  มีธุระอะไรกับเรา”  ดวงตาวาววับจับจ้องร่างสูงทำเอาอดขำเสียไม่ได้  หากแต่จะมัวเล่นก็กระไรอยู่  ร่างสูงหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าเอกสาร  สีมันเหลืองบ่งบอกถึงความเก่าได้ดีนัก

“กระผมชื่อแสน    และ...นี่ขอรับ  ”  ชายหนุ่มยื่นมันให้หญิงสูงวัย

“อะไรรึพ่อ?”

“เอกสารโฉนดที่ดินขอรับ”

“โฉนดที่ดิน?”  เธอหันมามองหน้าลูกชายก่อนจะเหลือบมองคนตรงหน้าอีกครั้ง  แล้วยื่นมันคืนกลับไป

“?”

“พ่อเอามาให้ฉันทำไมหรือจ๊ะ?”

“กระผมเอามาคืนให้ขอรับ”

“เอามาคืน? ฉันไม่มีที่ดินที่ไหนหรอกนะ  พ่อคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ”

“ถ้าหากคุณน้าชื่อ  เพ็ญจันทร์ ล่ะก็  คงไม่มีทางที่กระผมจะจำผิดหรอกขอรับ”

“คนชื่อเพ็ญจันทร์มีอยู่เกลื่อนทั่วพระนคร  ผมว่าคุณต้องจำผิดแน่ๆ”   เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงดังให้มารดาแตะแขนปรามด้วยไม่เหมาะสม

“ไม่ขอรับ  กระผมไม่มีทางจำผิด  ไม่มีทางเข้าใจผิดหากคุณคือคุณแก้วตา” แววตาเด็ดเดี่ยวจ้องมองตรงมาให้แก้วตานิ่งอึ้ง

“!”

“พ่อต้องการอะไรจากเรา?”  น้ำเสียงเป็นมิตรเมื่อครู่แข็งกระด้างขึ้นให้ร่างสูงยกยิ้มระเรื่อยอ่อนอย่างไม่ร้อนใจกับความเข้าใจผิดของอีกฝ่าย

“ไม่...อืม  จะบอกว่าไม่ต้องการก็คงไม่ใช่...”  ดวงตาสีเข้มจ้องมองตรงนิ่งมายังเด็กหนุ่มตรงหน้านั้นทำให้คนเป็นแม่เผลอกำมือลูกชายเอาไว้

“กระผมต้องการให้คุณน้ากับคุณแก้วตารับเอกสารนี่ไว้  แล้วก็อยากให้คุณแก้วตาได้เป็นเจ้าของ   ...เท่านั้นขอรับ”

“ผมบอกแล้วว่าเราไม่มีที่ดินหรือบ้านที่ไหน  ยิ่งญาติไม่จำเป็นต้องพูดถึง  เพราะฉะนั้นเอกสารนี่คงไม่ใช่ของเรา...”

“ไม่ขอรับ  นี่เป็นของคุณ”  ชายหนุ่มเอ่ยขัด รอยยิ้มในหน้าเลือนหาย   ดันเอกสารในมือของแก้วตาที่ยื่นมานั้นกลับคืน

“!”

“กระผมตามหาคุณมานานขอรับ  คุณแก้วตา” 

“?” 

“แสนนาน   ...นานมากเหลือเกิน...”  เสียงทุ้มนั้นพร่าด้วยอารมณ์คล้ายสะเทือนใจ  แววตาสีเข้มนั้นหม่นแสงให้คนมองใจกระตุก

“ได้โปรดรับมันไว้เถอะขอรับ  กระผมเชื่อว่าสักวันคุณจะนึกออก”  สายลมวูบเบาหนึ่งพัดผ่านให้ขนแขนลุกเกรียว  เพียงชั่วครู่ก็กลับมาร้อนอ้าวเหมือนเดิม  จันทร์เพ็ญเหลียวไปมองประตูหน้าต่าง  ด้านนอกใบไม้สักใบก็ไม่กระดิกหันกลับมามองคนตรงหน้าและกระดาษเก่าสีเหลืองก็มาอยู่ในมือลูกชายเธอเสียแล้ว

“แก้ว?”  มือเหี่ยวย่นของเพ็ญจันทร์รั้งมือขาวของลูกชายเอาไว้ 

“...ขอบคุณขอรับ”  ....คล้ายเวลาหยุดนิ่ง  พอรู้ตัวอีกทีชายที่อ้างชื่อว่าแสนก็ไม่อยู่ที่เดิมอีกแล้ว


“อ๊ะ!”  แก้วตาลุกขึ้นวิ่งตามออกไปหวังจะคืนกระดาษแผ่นนั้น  หากคิ้วเรียวกลับต้องขมวดมุ่นเมื่อทางเข้าบ้านตรงหน้าว่างเปล่า  เด็กหนุ่มวิ่งออกไปยังถนนสายเล็กที่เป็นเพียงซอยแคบๆก็ต้องเป็นเช่นเดิม    ว่างเปล่า...

“หายไปไหนแล้ว  เร็วจริง”  เสียงใสพึมพำแผ่ว  เหลียวมองก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหลบไปทางไหนได้เมื่อมันเป็นซอยเล็กๆสำหรับเดินเข้าบ้านเท่านั้นนอกเสียจาก...อีกฝ่ายจะล่องหนหายตัวได้

“เจอหรือเปล่าลูก?”  จันทร์เพ็ญเอ่ยถามเมื่อแก้วตาเดินกลับเข้ามา

“ไม่จ้ะ”

“แล้วเราจะเอาคืนให้เขาได้อย่างไรกันล่ะนี่”

“ไม่รู้ซิจ๊ะ”  แก้วตาถอนหายใจ  ก้มลงมองซองเอกสารในมือพลางครุ่นคิดถึงคำพูดของคนแปลกหน้า 

‘แสนนาน   นานมากเหลือเกิน…’ 

แก้วตาจำไม่ได้ว่ารู้จักกับใครคนนั้น  เขาไม่ใช่เด็กที่จะไปสนิทกับใครง่ายๆ  เพราะเขานั้นแปลกประหลาดด้วยไม่ใช่คนไทยแท้  เพื่อนที่มีก็นับคนได้ด้วยซ้ำ  แล้วท่าทางสุภาพดูสง่านั้นถ้าเคยเจอกันมาก่อนแก้วตามั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางลืมแน่ๆ
.
.



ร้อน...
แดดแรงเหลือเกิน  เจ็บไปหมดเลย...
น้ำ...


ความรู้สึกทรมานจากความหิวกระหาย  ความเจ็บแสบบาดเนื้อตรงข้อมือ  ริมฝีปากแห้งผาก ร้อนในคอราวกับจะกลายเป็นผง  ข้อมือเล็กพยายามขยับเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแต่ยิ่งบิดก็ยิ่งรู้สึกราวกับเนื้อจะหลุด  ความสากของเชือกเส้นโตบาดผิวจนเลือดซึม  ใบหน้าที่เคยใสบัดนี้หมองคล้ำเงยขึ้นมองท้องฟ้า  และเงาไม้ที่ทาบทับลงมาอย่างท้อแท้สิ้นหวัง

“ช่วยด้วย”  น้ำเสียงแหบระโหยดังเพียงแค่ในลำคอแล้วจึงไม่มีอะไรออกมาอีก  เด็กหนุ่มได้แต่กรีดร้องในอกด้วยความหวาดกลัว

ช่วยด้วย...
ใครก็ได้ช่วยที..ทรมานเหลือเกิน


เด็กหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนถูกจับมาด้วยเหตุผลอะไร  เคยสร้างความเกลียดชังให้ใคร  ตอนนี้เขาหวาดกลัวจับใจเมื่อผ่านมาจนครบเข้าเช้าวันใหม่หลังจากถูกทำร้ายทางด้านหลังเมื่อคืนก็ยังไม่มีใครมาพบเขาหรือปล่อยเขาไป..
ความเขียวขจีของร่มไม้ใหญ่ที่เขาเคยชื่นชอบ  บัดนี้เขาไม่อยากเห็นเลย  เด็กหนุ่มร่ำร้อง  ภาวนาขอให้ใครมาเจอเขาและช่วยเขาที...ใครก็ได้...

ช่วยด้วย..
คุณพระนาย...
คุณพระนายช่วยแก้วด้วย...



เฮือก!  เปลือกตาบางเหลือกโพลงท่ามกลางความมืด  ความรู้สึกกระหายและความหวาดกลัวแล่นริ้วให้มือเล็กยกขึ้นกุมไหล่ของตัวเองที่สั่นเทาเอาไว้แน่น  หางตาอาบไล้ด้วยหยาดน้ำอุ่น   หัวใจเต้นระรัวแรงจนเจ็บไปทั้งอก  แก้วตาลุกขึ้นนั่ง  ยกหลังมือเช็ดเหงื่อที่ขมับจนเปียกไปทั้งหัว  ก่อนจะเลิกมุ้งแล้วมองไปยังเตียงข้างๆ  เมื่อเห็นว่ามารดาสุดที่รักหายใจสม่ำเสมอด้วยเพราะหลับลึกก็ถอนหายใจโล่งอก

เขาก็แค่ฝันไป...
แก้วตาลุกขึ้นถอดเสื้อที่เปียกชุมไปด้วยเหงื่อออกแล้วหยิบเสื้อตัวบางผืนใหม่สวมก่อนจะเดินเข้าไปในครัว  เปิดโอ่งตักน้ำฝนขึ้นดื่มรวดเร็วจนย้อยลงคางเปียกเสื้อที่เพิ่งจะเปลี่ยนอีกครั้ง  ความรู้สึกร้อนและกระหายทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่เพียงพอ  ขันเล็กๆถูกจ้วงตักน้ำอีกครั้ง  คราวนี้ริมฝีปากสีเข้มเพียงแตะขอบขันแล้วนิ่ง... มือขาววางขันน้ำลงแล้วยกกอดตัวเองแน่น
ทั้งๆที่เป็นแค่ฝัน...แต่ความหวาดกลัวนั้นก็ทำให้เขากลัวแม้จะตื่นแล้วก็ตาม

“อ้าว  แก้ว ตื่นแล้วหรือลูก  แม่เห็นมุ้งยังไม่ได้เก็บก็นึกว่ายังนอนอยู่”  เสียงเพ็ญจันทร์เอ่ยทักบุตรชาย   แก้วตายิ้มตอบ

“เดี๋ยวแก้วจะไปเก็บเดี๋ยวนี้แหละจ้ะ”  เด็กหนุ่มว่าตามหลังมารดาที่วักน้ำล้างหน้าล้างตานอกชาน

“วันนี้มีเรียนเช้าหรือเปล่าลูก?”  เพ็ญจันทร์เอ่ยขณะก่อไฟหุงข้าว

“สายๆจ้ะแม่  มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”

“วันนี้วันพระ  แม่จะชวนเราไปใส่บาตรด้วยกัน”

“ดีจ้ะ  เมื่อคืนแก้วฝันไม่ค่อยดีเลย”

“หืม?  ฝันว่าอะไรล่ะลูก?”  เพ็ญจันทร์ละมือ  หันมาถามบุตรชายอย่างเป็นห่วง

“แก้วจำไม่ค่อยได้   รู้สึกแต่ว่า..มันทรมาน..แล้วก็กระหาย...”

“วันนี้ก็ใส่บาตรแล้วกรวดน้ำซะ  ให้พระคุณเจ้าท่านให้ศีลให้พรนะลูกนะ”

“จ้ะแม่”

ร่างเล็กในชุดนักศึกษาหยิบหนังสือก่อนจะหันไปกดจูบแก้มซ้ายขวาของมารดาแล้วออกจากบ้าน  หลังไปทำบุญที่วัด จแก้วตาเดินกลับมาส่งมารดาแล้วจึงค่อยไปมหาวิทยาลัย   นั่งสามล้อหน้าปากซอย 15 นาทีก็ถึง

คณะที่แก้วตาเรียนคือศิลปกรรมศาสตร์  ดังนั้นนอกจากหนังสือแล้ว สิ่งที่ต้องแบกเป็นประจำคือกระดานวาดรูปแผ่นใหญ่  เด็กหนุ่มมักจะแบกมันไปด้วยทุกที่นั่นเพราะแก้วตา...อยากหลีกเลี่ยงกับพบปะผู้คน

“แก้ว  วันนี้ก็มาเร็วนะนาย”

“ฤดี”  เด็กหนุ่มเอ่ยตอบคนทัก  เด็กสาวร่างโปร่งหน้าตาหมดจด   ดวงตาเล็กรีด้วยมีเชื้อสายคนจีนเกือบเต็มตัวหากพูดไทยชัดแจ๋วนั้นด้วยรอยยิ้ม

“เมื่อเช้าไปทำบุญมาหรือเปล่า?”

“อืม  แล้วเธอล่ะ?”

“ตื่นสายน่ะซิ  เตี่ยกับแม่ก็เลยไม่รอเรา  วันนี้วิชาอะไรก่อนน่ะ?” ว่าแล้วเด็กสาวก็ถามถึงตารางเรียนวันนี้

“ของอาจารย์กิตติน่ะ”

“หูย~  แย่แล้ว  งานเรายังไม่เสร็จเลย”  ฤดีหน้าซีด  รีบเปิดกระเป๋าสีดำใบใหญ่ข้างตัวอย่างร้อนรนแล้วดึงกระดาษที่มีเพียงภาพร่างของงานที่อาจารย์สั่งเท่านั้น

“เราก็เหมือนกันแหละ”  แก้วตาว่า

“จริงเหรอ  ดีจังที่มีเพื่อน”

“....”  แก้วตาได้แต่เพียงยิ้มเท่านั้น  เขาจะบอกเพื่อนได้อย่างไร  ว่าเขาตั้งใจจะวาดตั้งแต่ตอนที่อาจารย์สั่งงานวันแรก...หากแต่เขาไม่สามารถทำได้ต่างหาก  ไม่ใช่เพราะขี้เกียจหรือไม่มีเวลา  เขามีเวลาจนเกินพอหากแต่เพราะ...เขาวาดไม่ได้...
ภาพคน...
แก้วตาวาดภาพคนไม่ได้...

ไม่ใช่ไม่พยายาม  แต่พอจับดินสอเมื่อไหร่  ภาพร่างที่คิดเอาไว้ในหัวกลับเลือนหายไป  เคยลองหาคนมาเป็นแบบให้แต่จนแล้วจนรอด..สีดำของดินสอถ่านก็ทำได้เพียงร่างภาพเงาจางๆไม่เป็นรูปร่างขึ้นมาเท่านั้น

และบางอย่างบอกแก้วตาว่า  ไม่ต้องหาแบบที่ไหนมาอีกแล้วเพราะ..เขาอยากจะวาดรูปใครสักคน...ใครสักคนคนนั้นที่แก้วตานึกภาพไม่ออก  ลองหลับตานึก...เขาก็มักจะเห็นเพียงรอยยิ้ม...
แก้วตาไม่รู้ว่าภาพคนที่อยู่ในหัวนั้นคือใคร  มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่  แต่ความรู้สึกแรงกล้าบางอย่างคอยกระตุ้นให้เขายกดินสอจรดลงบนกระดาษ...แต่พอลากเส้นก็มักจะหยุดชะงักเพราะนึกภาพคนนั้นต่อไม่ออก
   
หากเป็นงานเขียนอื่นแก้วตาสามารถส่งอาจารย์ได้ 3วันให้หลังแทบทุกชิ้นจนอาจารย์รักนักรักหนาด้วยเป็นเด็กขยันและหัวดี  คราวนี้เห็นทีคงผิดหวังที่เขาทำไม่ได้อย่างเคย
   
“แก้ว   ไปที่สวนหลังคณะฯกันเถอะ บรรยากาศดีๆอาจทำให้เธอวาดรูปออกมาได้ก็ได้นะ”
   
“อืม”  เด็กหนุ่มยิ้มเซียวรับคำชวนของเพื่อนสนิท   หลังจากที่โดนอาจารย์กิตติเรียกเข้าไปขอดูงาน  แก้วตาแทบก้มหน้าไม่ทันเมื่อสายตาผิดหวังของอาจารย์หนุ่มส่งมาให้  ‘ฉันคิดว่าเธอจะสามารถส่งงานได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่สั่งเสียอีก’
   

   “มีอะไร?”  ฤดีหันมาถามเมื่อแก้วตาหยุดเท้านิ่ง

“ฤดี  เราไปวาดรูปที่อื่นกันได้ไหม?”  เสียงหวานสั่นถาม  มือเล็กที่กำกระดานวาดรูปเกร็งจิกแน่น

“ทำไมล่ะ  ปรกติเราก็มาวาดที่นี่อยู่แล้ว  แก้วไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า  หน้าเธอสีซีดมากเลย”

“ฉัน....”  ดวงตาเรียวเล็กเงยขึ้นมองต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเงาอย่างหวาดผวา  ขมับเนียนอาบเหงื่อให้เด็กสาวเดินกลับเข้ามาแตะหลังมือกับหน้าผากของเพื่อน

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

“ฤดี  ไปวาดรูปที่อื่นเถอะนะ”  แก้วตาคว้าข้อมือเพื่อนแล้วลากออกมารวดเร็ว  ฤดีนิ่วหน้าเจ็บข้อมือที่แก้วตากำเอาไว้แน่น  อยากจะส่งเสียงร้องท้วงแต่ท่าทางกลัวอะไรบางอย่างของเพื่อนทำให้เธอเงียบปากแล้วยอมให้คนข้างหน้าลากไปแต่โดยดี

เงาเขียวขจีของไม้ใหญ่  แสงแดดที่ลอดผ่านลงมา  และความรู้สึกปวดแสบปวดร้อน....
ไหล่เล็กของแก้วตาสั่น  เด็กหนุ่มหยุดนิ่งตรงริมสระบัวหากยังไม่ปล่อยแขนเพื่อนสาวร่างโปร่ง  เขาไม่กล้าหันกลับไปทางหลังคณะฯเลยสักนิด  ไม่รู้ทำไมเขาถึงนึกกลัวสถานที่แห่งนั้น  เพียงเพราะมันดูคล้ายกับภาพในความฝัน...

“แก้ว?”

“อ่ะ  ขอโทษที”  แก้วตาปล่อยแขนฤดีที่ขึ้นรอยนิ้วของเขา  พลางขอโทษที่ทำให้เพื่อนเจ็บ

“เธอเป็นอะไรไป  เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง”

“เรา...ไม่รู้ซิฤดี  เรากลัวที่นั่น”

“แต่เราไปนั่นออกจะบ่อย  มันไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย”

“...ไม่รู้  ฤดี  ...อย่าพาเราไปที่นั่นอีก”

“....”  เด็กสาวเตรียมจะอ้าปากค้านกับคำพูดที่ฟังไม่มีเหตุผลของเพื่อนตัวเล็ก  หากแต่ไหล่ที่สั่นน้อยๆทำให้เธอหุบปากลงแล้วหันกลับไปมองสวนหลังคณะฯอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ  ทั้งๆที่ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงตอนนี้ เขากับแก้วตามักจะไปนั่งวาดรูปที่นั่นบ่อยๆ แต่วันนี้...เหมือนเพื่อนของเธอกลัวอะไรที่เธอไม่รู้   “เธอมีอะไรจะบอกเราไหม?”  ฤดีเอ่ยถามในที่สุด  เธอสงสัยและไม่ชอบเก็บความสงสัยเอาไว้กับตัว

“ไม่มี”  แก้วตาส่ายหัว  เขาจะบอกอะไรฤดี  ในเมื่อตัวเขาเองยังไม่รู้เลย

“แน่ใจนะ?”  ฤดีคาดคั้น

“...ขนาดตัวเรายังไม่รู้เลย  ฤดี...ว่าทำไมเราถึงกลัวที่นั่น”

“?”

แก้วตามองระลอกคลื่นเล็กๆในสระบัว  พอไม่ได้อยู่ตรงนั้นลมหายใจหอบกระชั้น  ความตระหนกของเขาก็ค่อยๆเบาลง    แก้วตากลับบ้านด้วยความรู้สึกหนักอึ้งกับงานที่ไม่สามารถทำให้เสร็จได้  เด็กหนุ่มเป็นคนจริงจังกับทุกสิ่งดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่พอใจตัวเองที่วาดรูปออกมาไม่ได้เสียที
.
.

“แก้ว   ดึกแล้วนะลูก  มีการบ้านหรือเรา?”  เพ็ญจันทร์ยกตะเกียงขึ้นส่องถึงแม้คืนนี้จะมีแสงพระจันทร์ดวงโตของคืนขึ้น15ค่ำสว่างจ้าแทนดวงตะเกียงแล้วก็ตาม

“แม่นอนก่อนเถอะจ้ะ   แก้วขอวาดรูปต่ออีกนิดแล้วเดี๋ยวจะนอน”

“อืม  อย่าลืมดับตะเกียงด้วยนะลูก”  เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ  ตะเกียงจ้าวพายุสี่ดวงถูกจุดขึ้นแขวนรอบตัวเพิ่มความสว่าง  มือเล็กจรดปลายดินสอลงบนกระดาษที่มีเค้าร่างบางตา

มือเล็กนิ่งไม่ขยับ  แก้วตาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร  ในที่สุดเด็กหนุ่มจึงหลับตาลง  นิ่งนึกภาพถึงใครคนนั้นในความคิดขึ้นมาแล้วจึงเปิดเปลือกตาพยายามจดจำให้ได้มากที่สุด    เสียงขีดเขียนจึงค่อยขยับดังเป็นระยะๆ  สุดท้ายก็หยุดเงียบ

“....”  แก้วตามองภาพของตัวเองแล้วก็ให้หงุดหงิดเมื่อรูปที่ออกมาเป็นเพียงครึ่งใบหน้าส่วนล่าง...ที่มีรอยยิ้มประดับอยู่...

ที่นึกออกและจำได้มีเพียงรอยยิ้มของคนคนนั้น...
สุดท้ายเขาจึงตัดใจเก็บอุปการณ์วาดรูป  ดับตะเกียงเหลือไว้เพียงหนึ่งดวงที่ใช้นำทางเข้าห้องนอน


ร้อน...
เจ็บ...
ช่วยด้วย...
คุณพระนายช่วยด้วย!



เฮือก! ลมหายใจหอบกระชั้น  ความรู้สึกเหมือนคืนก่อนทำให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่ง  เหงื่อกาฬเปียกชุ่มแผ่นหลังบาง  ดวงตาเรียวเหลือบมองรอบตัว เมื่อเห็นภาพชัดเจนเขาจึงถอนหายใจ    ฝันแบบนั้นอีกแล้ว...

“แก้ว  เป็นอะไรไปลูก?”  เพ็ญจันทร์เอ่ยถามเมื่อได้ยินเสียงหายใจดังของบุตรชายที่นอนบนฟูกอีกฝั่งห้อง    ลุกขึ้นจุดตะเกียง  เลิกมุ้งบุตรชายแล้วมองอย่างกังวล  ใบหน้าขาวของบุตรชายนั้นซีดขาว “ไม่สบายตรงไหน?”  มือแห้งกร้านจากการทำงานหนักแตะลงบนหน้าผาก

“แก้วฝันร้ายนิดหน่อยน่ะจ้ะ  ไม่เป็นอะไรหรอก”

“....แน่นะ?”

“จ้ะ”  เด็กหนุ่มรับคำ  เขาไม่อยากให้มารดามาพลอยนอนไม่หลับไปกับเขาด้วย  เมื่อเพ็ญจันทร์พยักหน้ารับ แก้วตาจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง  ให้มารดายกยิ้มเอ็นดูแล้วกดจูบหน้าผากเนียน

“ฝันดีนะลูก”
คำอวยพรของมารดาทำให้หลังจากนั้นแก้วตาหลับสนิทตลอดคืนโดยไม่ได้ฝันถึงเงาป่าสีเขียว  ความรู้สึกร้อนและความทรมานจากความรู้สึกหิวกระหายนั้นอีก








โปรดติดตามกาลต่อไป

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
คุณพระนาย ใครกัน

ทำไมแก้วต้องขอความช่วยเหลือจากเขา

น่าติดตาม

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
เ้กิดอาการงงเล็กน้อย ถึงปานกลาง รอติดตามต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เกิดอะไรกับแก้วเมื่อในอดีต

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
แต่งดีมากเลยค่ะ
รอตอนต่อไป

puyyakuma

  • บุคคลทั่วไป
ลงตัวสุดๆเลยแก ภาษาก็สวยอ่ะ ไม่มีอะไรให้คิดมากแล้วนะฉันว่า
ที่ต้องคิดมากตอนนี้คงเป็นตอนต่อไปอ่ะว่าจะแต่งต่อไปยังไง

เป็นกำลังใจให้นะเพื่อน รอตอนต่อไป ヾ(*´∀`*)ノ

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6


ถ้าไม่มาจะ.......เสียดาย

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
อ่านแค่ 2 บทแรกก็ชอบแล้วค่ะ :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
มต่อไวๆนะคับ  เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลย

กำลังอินกับเพลง อสงไขย ของหญิง ธิติกานต์ พอดีเลย

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
...อสงไขย...
...กาลที่๒...







“......”

“เธอมีปัญหาอะไรที่อยากบอกครูหรือเปล่า?”   เด็กหนุ่มนั่งก้มหน้านิ่ง  เสียงถอนหายใจของผู้อาวุโสตรงหน้าทำให้เขาใจเสียมากขึ้น เมื่อจนแล้วจนรอดผ่านมาอีกหนึ่งเดือนเขาก็ยังไม่สามารถส่งงานให้อาจารย์ได้  ทั้งๆที่ตอนแรกมีฤดีวาดไม่ทันเป็นเพื่อนแล้วแท้ๆ  สุดท้ายเพื่อนสาวก็วาดเสร็จแล้วเขาก็บังคับให้ฝ่ายนั้นส่งงานไม่ต้องรอเขาไปแล้ว

“ผม...”  มือใหญ่ของอาจารย์กิตติวางลงบนต้นขาเล็กพลางบีบเบาๆคล้ายให้กำลังใจ  หากแต่แก้วตาก็พยายามดึงขาออกไม่ให้ทางนั้นรู้ตัว  ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่แก้วตาไม่ชอบสายตาของอาจารย์ที่มองเขาเลย

“เอ่อ  ขอโทษนะคะอาจารย์กิตติ”  เหมือนเสียงสวรรค์เมื่อฤดีโผล่หน้ามาทางด้านหลัง  เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเพื่อนสาวพลางยิ้มกว้างดีใจ

“มีอะไร?”  เหมือนคนแก่กว่าคล้ายจะไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ  มือใหญ่ละออกจากต้นขาของแก้วตารวดเร็วหากแต่ก็ยังมีแววเสียดายอยู่ในที

“เจ้าขี้ลืมนี่มีนัดซ้อมลีลาศกับหนู  เพราะฉะนั้นขอตัวเขาก่อนนะคะ”  ไม่รอคำอนุญาต  เด็กสาวลากแขนเพื่อนตัวเล็กให้ลุกขึ้นออกไปจากห้องทันที
.
.
“ขอบใจนะฤดี”

“บอกแล้วไงว่าเวลาที่ไปหาอาจารย์กิตติน่ะให้เรียกเราไปด้วย  รู้ๆอยู่ว่าอาจารย์กิตติแกมองเธอแบบแปลกๆน่ะ” เด็กสาวหันมาเท้าสะเอวใส่

“ก็ทีแรกมีอาจารย์คนอื่นๆอยู่เต็มห้องนี่นา”  แก้วตาตอบเสียงอ่อย

“ช่างเถอะๆ  ไปซ้อมเต้นกับเราก่อน”  ฤดีโบกมือในอากาศคล้ายไม่อยากฟัง

“ซ้อมเต้น?”

“คิดว่าเราโกหกอาจารย์หรือไงกัน?  นายนี่น้า ~ จริงๆเลย  สิ้นเดือนหน้าที่บ้านเรามีเลี้ยงต้อนรับคุณพี่ชายกลับจากเมืองนอกไง  เตี่ยเลยให้ชวนเธอไปด้วย”

“อ๋อ~”  แก้วตาลากเสียงรับก่อนจะยอมให้เพื่อนสาวลากแขนไปที่บ้านของฝ่ายนั้นทันที

ฤดีให้แก้วตาเลิกคิดเรื่องรูปที่ไม่สามารถวาดได้นั้นพลางว่าเธอจะช่วยอีกแรงเอง   แต่หลังจากไปซ้อมลีลาศที่บ้านฤดีเด็กสาวแทบอยากจะกลับคำให้แก้วตากลับไปนั่งหมกมุ่นอยู่กับการวาดรูปตามเดิมเมื่อเท้าของเธอโดนเพื่อนตัวเล็กเหยียบจนช้ำไปหมด

“โอ๊ย!”

“ขอโทษ”  แก้วตาปล่อยเอวของฤดี  ก้มลงแตะหลังเท้าเพื่อนด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“จริงๆนะแก้ว   เราว่านายนี่ไม่มีพรสวรรค์เอาเสียเลยทั้งๆที่ฝีมือการวาดรูปออกจะเด่นขนาดนั้นแท้ๆ”  ฤดีบ่น

“เกี่ยวอะไรกับวาดรูปเนี่ย?  อันที่จริงแล้วเราไม่เคยเต้นลีลาศด้วยซ้ำ  ฤดีน่ะแทนที่จะสอนเราก่อนแต่ให้มาซ้อมเลยเนี่ย   คนผิดเลยไม่ใช่เหรอไง?  โดนเหยียบเท้าแล้วก็มาโทษเรา”  แก้วตาหัวเราะขำ  ก่อนชะงักนิ่งเมื่อได้ยินบางอย่าง  ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนฤดีตกใจ

“มีอะไร?”

“ชู่ว!”

“?”  แก้วตาเงี่ยหูฟังก่อนจะเดินไปตามเสียงดนตรีที่แว่วได้ยิน   ฤดีมองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจก่อนจะตามหลังเพื่อนตัวเล็กไปเงียบๆโดยไม่ขัดไม่รั้ง

สองเนตรคมขำแสงดำมันขลับ      

โดยไม่รู้ตัวแก้วตาหยุดยืนนิ่งหน้าประตูเรือนนั้น  ไม่รู้ทำไม...แต่เขารู้สึกคุ้นเคยกับเพลงนี้นัก  จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหน  มือเล็กยกขึ้นแตะหน้าอกตัวเองรู้สึกอึดอัดคล้ายหายใจไม่ทั่วท้อง

ชม้อยเนตรจับช่างสวยสุดพิศ

ภาพใครสักคนชุดรำสีขาวขยับเท้า  ยกแขนอ่อนช้อย...แล้วความรู้สึกปีติยามที่ร่างนั้นแย้มยิ้ม...    แล้วมือเล็กจึงดันบานประตูนั้นให้เปิดออกโดยไม่รู้ตัว

“อ้าว  คุณฤดีกับเพื่อนนั่นเอง”  เด็กสาวหันมามองว่าใครเปิดประตูเมื่อเห็นว่าเป็นคุณหนูเล็กของเรือนใหญ่จึงเอ่ยทักแล้วเอื้อมปิดวิทยุ  เพลงนั้นจึงเงียบลง

“นั่นเพลงอะไรหรือครับ?”  เสียงหวานแหบพร่าเอ่ยเลื่อนลอย

“ฉุยฉายค่ะ  ฉุยฉาย    ดิฉันซ้อมไปงานพิธีของโรงเรียนสัปดาห์หน้าค่ะ”  เธอตอบพลางยิ้มกว้าง หมูแดงเป็นเด็กสาวใช้ในบ้านที่เตี่ยของฤดีส่งเสียให้เรียนหนังสือ

“มีอะไรเหรอแก้ว?”  ฤดีเอ่ยถามเมื่อเห็นว่านิ่งไปแถมมีท่าทีแปลกๆอีก

“เปล่า...  แค่เห็นว่าเพลงเพราะดี”

“เพลงฉุยฉายเนี่ยนะ?”  เด็กสาวเลิกคิ้วมองใบหน้าซีดขาวของเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ

“อืม  ที่จริงเธอน่าจะมารำฉุยฉายแทนลีลาศนะเนี่ย”  แก้วตาดึงสติของตัวเองกลับมาแล้วเอ่ยแซวเพื่อนให้ต้องทุบไหล่เขาเบาๆ

“เธอน่ะซิรำฉุยฉาย!” 

“คิก   งั้นเดี๋ยวเรารำให้ดูเอาไหม?”  แก้วตาหัวเราะคิกกับท่าทางของฤดี    หมูแดงที่เห็นดังนั้นเลยเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงอีกครั้งคล้ายช่วยแก้วตาหยอกล้อคุณหนูเล็กของตน  หากแต่เด็กสาวกลับต้องเบิกตากว้างพลางอุทานชื่นชมเสียงดัง

“คุณรำสวยจังค่ะ!”

น่ารักเอย      น่ารักดรุณ

แก้วตาเอียงตัวอ่อน  ยกแขนวาดประสานไว้กลางอก  กระดกเท้า ขยับแขนอ่อนหวานไม่ติดขัด  เสียงดนตรีและจังหวะช่างแตกต่างกับลีลาศที่ฤดีบังคับให้เขาเต้นแต่แก้วตารู้สึกว่าไม่ยากเย็นเลย  เหมือนแขนขาจะขยับไปเองเสียด้วยซ้ำ

เหมือนแรกจะรุ่น        จะรู้เดียงสา

ริมฝีปากสีเข้มของแก้วตาแย้มยิ้มเป็นสุข  ย่อกายลงนั่งบนส้นเท้า แขนเนียนยังคงยกขยับวาดลื่นไหลงดงาม  อ่อนหวาน  อ่อนช้อยเหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่รำแบบนี้...

 “เธอรำเป็นได้ยังไง?”  ฤดีถามเสียงเบาหวิว

“ก็เขาชอบ”  เสียงใสเอ่ยตอบรวดเร็วไม่ชัดเจน คล้ายพูดกับตัวเองคนเดียวเท่านั้น  หากคนที่รอฟังอยู่อย่างฤดีขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจ เธอมั่นใจว่าตัวเองนั้นสนิทกับเพื่อนตัวเล็กมาก  และไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้หากว่าแก้วตาจะแอบไปเรียนรำไทยที่ไหน

“ใครชอบ?”

“หืม  อะไร?  ใครชอบ?”  แก้วตาหันมามองหน้าเพื่อน  คิ้วเข้มเลิกขึ้น  ดวงตาใสแจ๋วนั้นบ่งบอกว่าที่ถามกลับไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด  เด็กหนุ่มคล้ายไม่รู้ตัวว่าเมื่อครู่ตัวเองตอบหรือพูดอะไรออกไป

“ก็เธอบอกว่า...เขาชอบ”

“ใครชอบ?  เรายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ฤดีหูฝาดหรือเปล่า”  แก้วตายิ้มกว้างให้เพื่อน

“แต่...”

“เธอเมาท่าเต้นลีลาศเมื่อครู่แน่ๆ”

“เอ่อ”  ฤดีหัวแกรกด้วยท่าทางของแก้วตานั้นใสซื่อเสียจนต้องยอมเงียบปากในที่สุด  แล้วยอมเดินตามเพื่อนออกจากเรือนหลังเล็กไป

 “แล้วเธอรำฉุยฉายเป็นด้วยเหรอ?”

“ไม่นี่”  แก้วตาสั่นหัว

“แต่ว่าเมื่อกี้  เธอ...”

“อืม  เราคงเคยเห็นใครรำมาละมั้ง  รู้สึกว่าอย่างนั้นนะ    เราความจำดีจะตายเธอก็รู้เห็นแค่ครั้งเดียวเราก็จำได้แล้ว”  แก้วตายิ้มกว้างโอ้อวด

“จ้าๆ  งั้นคราวนี้คงจำท่าเต้นลีลาศได้แล้วนะ”

“ครับผม” 
เสียงหัวเราะของสองเพื่อนซี้แผ่วหายไปทางเรือนหลังใหญ่  ทิ้งหมูแดงเด็กสาวที่กดปิดเพลงไปนานแล้วหน้าถอดสี  ตอนแรกเธอชื่นชมที่เพื่อนคุณฤดีรำได้สวยขนาดนั้นอยู่หรอก  แต่พอเจอบทสนทนาของสองคนเมื่อครู่ทำเอาเธอพูดไม่ออก  และหากฤดีจะหันมามองเธอสักนิด  จะรู้ว่า...หมูแดงได้ยินคุณแก้วตาพูดรัวเร็ว....ว่า... ก็เขาชอบ...เช่นกัน

**********

“วันนี้นายน่ารักจัง!”  ฤดีเอ่ยชมเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อ

“ทำไมต้องชมว่าน่ารัก  ถ้าบอกว่าหล่อเราจะดีใจกว่านี้อีกนะเนี่ย”  เด็กหนุ่มแกล้งว่า  วันนี้เขาถูกฤดีจับแต่งตัวเข้าชุดกับเด็กสาวคือสีฟ้าอ่อนยิ่งขับผิวขาวให้นวลมากขึ้นไปอีก  เรียกสายตาคนรอบข้างให้หันมามองไม่หยุดจนคนถูกมองอายเสียจนต้องก้มหน้าคางแทบชิดอก

“พี่ชายคะ!”  ฤดีเรียกพี่ชายเจ้าของงานที่เดินเข้ามาพร้อมเตี่ยและแม่  แก้วตายกมือไหว้โดยไม่ต้องรอเพื่อนบอก  ฤดีเองก็แนะนำว่าเป็นเพื่อนรักเรียนคณะเดียวกัน  เตี่ยกับแม่นั้นรู้จักแก้วตาดีอยู่แล้ว  หากชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกนั้นกลับจ้องดวงหน้าเนียนไม่วางตาจนฤดีต้องแซวบ่อยๆ

“พี่ชายมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?”  ในที่สุดก็อดเอ่ยถามไม่ได้เมื่อฤดีขอตัวไปเต้นรำกับเตี่ย  ส่วนคนตัวสูงมายืนเป็นเพื่อนและปฏิเสธสาวๆที่เข้ามาชวนเต้นรำจนแก้วตาอดเกรงใจไม่ได้

“ทำไมหรือครับ?  แก้วรังเกียจพี่หรือ?”

“ผมว่า...มันดูไม่ค่อยเหมาะนะครับที่เจ้าของงานมายืนนิ่งๆอยู่ตรงนี้  ไม่ไปเต้นรำกับสาวๆล่ะครับ”

“พี่อยากเต้นรำกับแก้วมากกว่า”

“หา?”  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจก็เลยเห็นรอยยิ้มล้อเลียนจากอีกฝ่าย

“พี่ล้อเล่นครับ  เห็นยืนเหงาคนเดียวจะให้ทิ้งไปได้อย่างไร”

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ชายไปเถอะ”

“อยู่ได้แน่นะ?”  ชายเลิกคิ้วถาม

“ครับ”

“นี่  มาเต้นรำกับเราหน่อยซิ”  ไม่รู้ว่าฤดีเอาแรงมาจากไหน  เต้นรำกับเตี่ยเสร็จก็วิ่งมาลากเขาไปกลางฟลอร์เต้นต่อ    จังหวะเพลงเปลี่ยนจากเร็วเป็นช้าให้ได้พักเหนื่อย แก้วตาหัวเราะเมื่อโดนฤดีชมว่าเขาสามารถเต้นรำได้เหมือนคนที่เต้นมานาน ทำเอาอดเขินไม่ได้

“เธอเองก็เต้นเก่งเหมือนกันนะ...”  คำพูดจากริมฝีปากสีเข้มชะงักเมื่อสายตาเหลือบเห็นใครบางคนตรงมุมห้อง

“?”

เหมือนเวลาหยุดนิ่ง....
รอยยิ้มที่เคยเห็นแค่เพียงในความฝัน...และนานเกือบเดือนที่แก้วตาไม่ได้ฝันถึงรอยยิ้มนั้นอีก  หากวันนี้...รอยยิ้มนั่นกำลังอยู่ตรงหน้าห่างออกไป...  ริมฝีปากอิ่มสีเข้ม...รอยยิ้มเจือจางแฝงความหวานเศร้าให้ใจกระตุก

ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีขาวล้วน...โครงหน้าสวยได้รูป...แก้วตาไล่สายตาจากริมฝีปากคู่นั้นและก่อนจะได้สบตา  ก่อนจะได้เห็นใบหน้าทั้งหมด...ร่างสูงก็หันหลังเดินออกไปรวดเร็ว

“อย่าเพิ่งไป!”

“เดี๋ยว   แก้ว!”  ร่างเล็กวิ่งตามทันที  เขาไม่ได้ยินเสียงของฤดีที่ร้องเรียก  ไม่เห็นแววตาตกใจของชายหรือคำถามของเตี่ยกับแม่เพื่อน  แก้วตารู้แต่เพียงต้องวิ่ง...วิ่งให้ทันคนคนนั้น..
หัวใจของเขากระตุกรุนแรง  ไม่รู้ทำไมความรู้สึกถึงพลุ่งพล่านระงับเอาไว้ไม่ได้...แก้วตาไม่รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน...รู้แค่เพียงว่า  อยากพบ

...อยากพบเหลือเกิน...
ในอกมันอัดอั้นเสียจนอยากจะร้องไห้...
ริมฝีปากสีเข้มสั่นระริก   ในตามันร้อนผ่าวเหมือนจะมีน้ำอุ่นจัดพร้อมจะไหล  แก้วตาหันไปมองรอบๆที่มีแต่เพียงความว่างเปล่าด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก  เขาก็แค่อยากจะร้องไห้...โดยไม่รู้เหตุผล
เจ้าของร่างสูงโปร่ง   เจ้าของรอยยิ้มแสนเศร้าในความฝัน....หายไปกับความมืดรอบด้านเสียแล้ว

“ทำไมคุณถึงไม่กลับไปขอรับ?”  เสียงทุ้มห้าวด้านหลังเรียกสติของร่างเล็กให้หันกลับมอง  ดวงตาเรียวเบิกกว้าง  เขาไม่คิดว่าจะเจอ แสน ที่นี่

“กลับ?”

“ทำไมคุณถึงใจร้ายแบบนี้ขอรับคุณแก้วตา?”  น้ำเสียงนั้นตัดพ้อต่อว่า  หากความเศร้ายังคงส่งมาไม่ปิดบัง

“ผมใจร้ายอะไร?”  แก้วตาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังกล่าวหาเขาเรื่องอะไร

“เมื่อไหร่คุณจะกลับไปขอรับ?”  คำถามเดิมส่งมาให้  ซองเอกสารสีน้ำตาลในมือร่างสูงทำให้แก้วตาเลิกคิ้วมอง  มันคือซองโฉนดที่ดินที่แสนเอามาให้  หรือแม่จะคืนไปแล้ว? แก้วตามองอย่างไม่เข้าใจ  แสนเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆก่อนจะเทซองนั้นให้บางสิ่งหล่นลงบนมือใหญ่ของตัวเอง

แหวนทองวงเล็กสลักลาย...

“ของคุณขอรับ”

“ไม่..”  แก้วตาตั้งใจจะปฏิเสธหากแสนวางมันลงในมือของเขา

“ได้โปรดเถอะขอรับ  อย่าให้คุณพระนาย...” 

แสน !  เหมือนมีเสียงทุ้มจากที่ไหนตวาดลั่นให้ชายหนุ่มร่างสูงหยุดชะงัก ใบหน้าคมเงยขึ้นมองท้องฟ้ามืดมิดพลางกำหมัดแน่น  ก้มมองแก้วตาที่เงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันหลังออกมา

“เดี๋ยว!”  แก้วตาร้องเรียกอีกฝ่าย  เขามีเรื่องที่อยากถาม  มีเรื่องไม่เข้าใจ...

“แก้ว!”  ฤดีรั้งไหล่เขาให้หันไป  สีหน้าตกใจของเพื่อนและพี่ชายทำให้เด็กหนุ่มนึกได้ว่าวิ่งออกมาทั้งที่กำลังเต้นรำอยู่

“น้องแก้วเป็นอะไรไปครับ  พี่เห็นวิ่งออกมา  สีหน้าไม่ดีเลย”  ชายถามอย่างเป็นห่วง  แก้วตาหันหลังกลับไปมองที่ที่แสนเคยอยู่ หากบัดนี้มีแต่ความว่างเปล่า  มือเล็กกำแหวนวงเล็กไว้แน่นแล้วซุกลงในกระเป๋ากางเกง  เขาไม่อยากตอบอะไรฤดีตอนนี้

“มองหาใคร?”

“ฤดี  แขกวันนี้มีผู้ชายตัวสูงๆใส่ชุดสีขาวล้วนหรือเปล่า?”  อดไม่ได้จนต้องเอ่ยปากถาม

“ชุดสีขาวในงานมีพี่คนเดียวนี่แหละครับ”  ชายตอบเสียเอง

“.....”

“มีอะไร?”

“เปล่า  กลับเข้าข้างในเถอะ”  แก้วตารุนหลังเพื่อนเข้าไปในงาน  ก่อนจะหันไปมองทางที่แสนเดินไปอีกครั้ง  ไม่นานแก้วตาก็ขอตัวกลับโดยไม่ยอมให้ใครไปส่ง


คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง....ท้องฟ้าเลยไม่มืดนัก  ระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน..แก้วตาล้วงแหวนวงนั้นขึ้นมามองอีกครั้ง  สายลมอ่อนพัดเบาๆจนเส้นผมสีนิลละล่อยปลิวไปด้านหลัง  หากความรู้สึกคำนึงและโหยหา...กลับแทรกซึมเสียจนหยดน้ำตาค่อยๆอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว

“คุณเป็นใครกัน?  ทำไมผมถึงรู้สึกเสียใจเหลือเกิน...ที่ไม่อาจเจอคุณ...”
เหมือนคำถามนั้นจะถูกปลอบประโลม  สายลมเย็นแปรเปลี่ยนอุ่นโอบรอบตัวแก้วตาแผ่วเบาคล้ายโอบกอดเอาไว้อย่างรักใคร่...





...รีบกลับมาเถอะนะ    ดวงใจของฉัน...
...แก้วตาของพี่...


**********

ซองสีน้ำตาลเก่ายังคงวางอยู่ที่เดิม  แก้วตาหยิบขึ้นดูและเขาแน่ใจว่ามันเป็นซองเดียวกับที่แสนถือให้เขาดูเมื่อคืนไม่ผิดแน่  ไหนจะแหวนทองวงเล็กยังคงอยู่ในมือของเขา  แก้วตาจำได้ว่าวันแรกที่ได้ซองเอกสารนี้มาเขากับแม่เปิดดูก็ไม่เห็นมีอะไรอื่นนอกจากโฉนดที่ดิน....หรือแสนจะเอามาให้ทีหลังกัน?

“แม่จ๊ะ”

“ว่าไงลูก?”  เพ็ญจันทร์ละมือจากหม้อขนมหันมาทางลูกชาย

“เมื่อคืนผู้ชายคนนั้น  แสนน่ะเขามาเอาเอกสารพวกนี้ไปหรือเปล่าจ๊ะ”

“ไม่นี่ลูก  ตั้งแต่วันนั้นแม่ก็ไม่เห็นเขาอีกเลย  แก้วมีอะไรกับเขาหรือ?”

“เปล่าจ้ะ  งั้นเดี๋ยวแก้วไปแต่งตัวเตรียมไปมหาวิทยาลัยก่อนนะจ๊ะแม่”

“ไปเถอะ  สายแล้วจะแย่เอา”  เพ็ญจันทร์ยิ้มละมุน  หากวันนี้ใบหน้าอาบเหงื่อนั้นดูซีดเซียวจนคนเป็นลูกต้องเดินเข้ามาใกล้

“แม่ไม่สบายหรือเปล่า?”

“ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่คงเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ”

“งั้นเดี๋ยวแก้วแต่งตัวเสร็จแล้วจะไปส่งแม่ที่ตลาดนะจ๊ะ”  เด็กหนุ่มยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน  ก่อนจะวิ่งกลับมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงดังจากด้านนอก  และสิ่งที่เห็นทำเอาหัวใจของเขาหล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่อร่างของมารดาล้มลงกับพื้น


“ถึงว่าทำไมนายไม่ไปเรียน  แล้วแม่เป็นอย่างไรบ้าง?” ฤดีถามเพื่อนตัวเล็กที่นั่งหน้าซีดวิตกกังวลหน้าระเบียงเรือนคนไข้

“อืม  หมอว่าความดันโลหิตสูงน่ะ แล้วดูเหมือนจะมีโรคอย่างอื่นด้วย เราก็เลยบอกให้หมอตรวจสุขภาพแม่เพิ่ม”

“ดีแล้วล่ะ  เอ้านี่  การบ้านของวันนี้” ฤดียื่นสมุดให้เพื่อน

“ขอบใจนะฤดี”  แก้วตายิ้มเซียว  คิ้วเรียวยังคงขมวดมุ่น

“มีอะไรให้เราช่วยอีกไหม?”

“ไม่มีหรอก”  แก้วตาปฏิเสธ  ถึงอย่างนั้นฤดีก็รู้ว่าสิ่งที่เพื่อนตัวเล็กของเธอกำลังกลุ้มใจนั้นคือเรื่องอะไร  แต่ถ้าแก้วตาไม่เอ่ยปากเธอก็คงไม่สามารถยื่นข้อเสนอไปให้ได้เพราะแก้วตานั้นไม่อยากรบกวนใครถ้าไม่จำเป็นแม้แต่เธอที่เป็นเพื่อนก็ตาม

เงินค่ารักษาพยาบาล...
แก้วตาถอนหายใจ เงินเก็บที่มีไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่า  เห็นทีค่าเทอมเทอมนี้คงต้องทำเรื่องขอผ่อนผันไปก่อนแล้วล่ะ  เด็กหนุ่มเข้าไปดูอาการมารดาก่อนจะกลับบ้านเพื่อเตรียมทำขนมขายต่อในวันพรุ่งนี้แทนมารดา  อย่างน้อยก็เอาเงินมารวบรวมให้มากพอเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกัน

“แก้ว  เธอดูเพลียๆนะ” ฤดีถามอย่างเป็นห่วง

“อืม  นอนดึกน่ะแล้วเช้ามืดก็ต้องไปขายของที่ตลาดแล้วค่อยมาเรียนน่ะ”

“เธอไหวนะ?”

“ไหวซิ”

“....” ฤดีไม่เซ้าซี้ต่อ  เธอรู้ดีว่าแก้วตานั้นดื้อแค่ไหน  ต่อให้เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดก็จะไม่เอ่ยขอปากยืมเงินเธอเด็ดขาด

หลังจากไปเยี่ยมเพ็ญจันทร์ฤดีตามเพื่อนมาบ้านด้วย  เด็กสาวมองตัวบ้านเก่าคร่ำหลังเล็กที่มาบ่อยๆแล้วเข้าไปช่วยเพื่อนเตรียมของทำขนมคืนนี้

“แม่เพ็ญจันทร์!”  เสียงเรียกตะโกนหน้าบ้าน  แก้วตาละมือจากมะพร้าวก่อนจะเดินออกไป

“แม่ไม่อยู่หรอกจ้ะ  ป้าผ่อง”

“อ้อ  อย่างนั้นก็บอกแม่เธอด้วยนะ  ว่าถ้าเดือนนี้ยังไม่จ่ายค่าเช่าบ้านล่ะก็เตรียมย้ายออกไปได้เลย  หรือถึงมีจ่ายก็ให้เตรียมย้ายอยู่ดี”  ป้าผ่องเจ้าของบ้าน บอกเหตุผลการมาให้เด็กหนุ่มฟัง

“เดี๋ยวซิจ๊ะป้า  ก็ถ้าเราหาค่าเช่าบ้านให้ป้าได้แล้วทำไมเราต้องย้ายออกด้วยล่ะจ๊ะ?”  แก้วตาถามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็ฉันจะขายที่นี่น่ะซิ”

“ขาย?  แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะจ๊ะป้า?”

“อ้าว!  ก็เรื่องของพวกแกซิ   ที่ของฉัน  ฉันจะขายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกแกกัน  ภายในสิ้นเดือนนี้ก็รีบๆหาที่อยู่ใหม่ซะล่ะ”  ว่าแล้ว ป้าผ่อง ก็เดินสะบัดออกไปพร้อมลูกน้องอีก2คน  ทิ้งให้แก้วตายืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“แก้ว...”  ฤดีแตะไหล่เพื่อน  แก้วตาหันมายิ้มให้คล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร

“พรุ่งนี้คงต้องไปบอกแม่แล้วล่ะนะ”

“แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน  ถ้ายังไงมาบ้าน...”

“ฤดี!”  เสียงใสเรียกชื่อเพื่อนขัดขึ้นก่อนคำพูดนั้นจะจบประโยคจนเด็กสาวต้องเงียบปากลง

“....”

“ขอบใจนะ  เราขอพยายามจนถึงที่สุดก่อนก็แล้วกัน”


แก้วตาทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงคนไข้  ข้อความที่บอกให้มารดารับฟังนั้นทำเอาเด็กหนุ่มต้องขบริมฝีปาก  สีหน้าซีดเผือดแล้วยิ้มเซียวของมารดาที่ส่งมาให้เขานั้นทำให้แก้วตาอยากจะหันกลับไปหาเพื่อนสาวแล้วถอนคำพูดเรื่องจะพยายามเอง

“เรามาพยายามด้วยกันนะลูก  แก้วไม่ต้องคิดมากนะรู้ไหม?”  เพ็ญจันทร์ลูบผมนิ่มของลูกชายอย่างรักใคร่ กลับกลายเป็นคนถูกปลอบเสียเองก็ให้หัวเราะแผ่ว 

แก้วตาเด็กดี...

เพ็ญจันทร์รักลูกชายคนนี้เหลือเกิน  ถึงแม้จะต้องเลี้ยงมาเพียงลำพังแต่เพ็ญจันทร์เชื่อว่าหากสามีที่ล่วงลับของเธอยังอยู่ก็คงทั้งรักและหลงลูกชายคนนี้ไม่แพ้กันแน่นอน

“แล้วนี่ไม่ไปเรียนหรือไงกัน  หืม?”

“หมอบอกว่าจะให้แม่ออกโรงพยาบาลได้วันนี้  แก้วเลยมารับดีกว่า”   เด็กหนุ่มรั้งมือหยาบกร้านของมารดาแนบแก้มยิ้มบาง
.
.


“......”  ปลายเท้าที่หยุดนิ่งตรงหน้าทำให้แก้วตาเงยหน้าจากกระจาดขนมขึ้นมอง

“ทำไมถึงไม่ใช้มันล่ะขอรับ?”

“?”

“โฉนดนั่นเป็นของคุณ   ที่ดินนั่น  เรือนนั่น  ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของคุณ”  แก้วตาขมวดคิ้วมองร่างสูงใหญ่ของแสนอย่างไม่ไว้ใจ  คนตรงหน้าเขารู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังมีปัญหาอะไร 

“มันไม่ใช่ของผม!”

“...มันเป็นของคุณขอรับ  ต่อให้คุณปฏิเสธอย่างไรมันก็ยังคงเป็นของคุณ  แล้วตอนนี้คุณคิดว่าจะทิ้งมันไปได้หรือขอรับ?”

“.....”  คำพูดของชายหนุ่มทำให้แก้วตานิ่งคิด  ตอนนี้ต่อให้เขาพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถหาที่อยู่ใหม่ให้ตัวเองและมารดาได้  และเขาก็คงทิ้งโฉนดแผ่นนั้นไม่ได้อย่างที่คนตรงหน้าพูด

แก้วตากลับมาบ้านในตอนค่ำ  กว่าขนมจะขายหมดก็มีเวลามากพอให้เขาได้นั่งคิดถึงคำพูดของแสน  ซองสีน้ำตาลถูกหยิบขึ้นมาหลังจากถูกลืมไว้ในชั้นหนังสือเรียนตั้งแต่คราวนั้น...

“แก้ว?” 

“แม่?”  เพ็ญจันทร์มองกระดาษในมือลูกชายแล้วนั่งลงข้างๆ

“ลูกจะ....”

“เมื่อเช้า..เขา  คนที่ชื่อแสนน่ะ”

“.....”

“เขา...บอกว่าที่นั่นเป็นของลูก”

“อืม...”

“...แม่คิดว่ายังไงดีจ๊ะ?”  แก้วตาวางกระดาษลงแล้วสวมกอดเอวมารดาแน่น

“แม่เชื่อในการตัดสินใจของลูกจ้ะ”

“...แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละจ้ะ  แล้วแก้วจะพยายามให้มากขึ้น  เราจะได้มีบ้านของตัวเอง”  เพ็ญจันทร์ลูบผมแก้วตาแผ่วเบา  มองออกไปยังนอกหน้าต่าง     ท้องฟ้ามืดสว่างด้วยแสงของพระจันทร์  สายลมเย็นวูบหนึ่งผัดแผ่วให้ใจของคนเป็นแม่กระตุกวูบแล้วกอดลูกชายเอาไว้แน่น




เวลายังคงเดินไปอย่างสม่ำเสมอ...

การรอคอยกำลังจะสิ้นสุดลง...

ถ้อยคำรัก...ลอยแฝงลมอ่อนจะโอบกอดเจ้า...ยอดดวงใจ...









  โปรดติดตามกาลต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2012 10:15:06 โดย sine »

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
เหมือนอ่านเรื่องสยองขวัญเลยอะ

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
ไปดูเลยว่าบ้านอยู่ที่ไหน

ออฟไลน์ dimth

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
รอแก้วเป็นเพื่อนคุณพระนายจ้า

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
อ่านแล้วตื่นเต้นมาก ดูเหมือนมีอะไรเร้นลับ

ปกติจะกลัวมาก แต่นี่หยุดอ่านไม่ได้เลย สนุกค่า

แต่แอบงงเล็กๆ 55555




ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 736
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
กำลังสนุกเลยอ่ะคับ

มาต่อเร็วๆนะคับ

จะรอออออออ

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

+ DUCK

LOVE  YOUR  STORY

BY  THE  WAY , WHO  IS  JUN  ZU ???

:L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2013 12:30:51 โดย AGALIGO »

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ตกลงว่าคุณพระนายนี่ คงจะ??? ไม่ใช่คนรึเปล่า

น่าติดตามมากๆเลยอ่ะ  ตอนแรกอ่านแล้วยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่  แต่ภาษาสุดยอดมากๆ

รอตอนต่อไปคร้าฟฟฟฟฟฟฟฟ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
นึกว่าพี่ชายของฤดีจะเป็นคุณพระนายกลับชาติมาเกิด

สรุปว่า คุณพระนายเป็น........ใช่ป่าว :z1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด