.
.
.
“แต่...”
“ไม่มีแต่ น้องออกไปหารถม้าซิ แถวนี้พอจะมีบ้างไหม?” ร่างสูงเอ่ยขัดให้เด็กหนุ่มวิ่งออกไปดูว่าพอจะมีสิ่งใดช่วยพามารดาของเขาไปหาหมอได้บ้างหรือไม่แต่ก็ไม่พบ
“ไม่มีเลย จะทำอย่างไรกันดี?”
“พี่จะแบกไปเอง” ไม่คิดนาน คุณพระนายหนุ่มวางร่างของพยอมลงก่อนจะเปลี่ยนเป็นแบกร่างผอมนั้นขึ้นหลังแทน
แก้วตารู้สึกเหมือนเส้นทางไปหาหมอนั้นช่างยาวไกลนัก พวกเขาวิ่งโดยไม่หยุดพักแม้สักนิด เขาได้แต่มองเสี้ยวหน้าซีดขาวของมารดาที่อยู่บนหลังของคุณพระนายด้วยความร้อนรน หวาดกลัวจับจิต...
“หมอ!” เสียงทุ้มตะโกนก้องร้องเรียกหมอฝรั่งให้ออกมาดูอาการ
“อาการแย่นัก กระโพมจะตามมิชชั่นนารีคนอื่นๆมาช่วย” สำเนียงแปลกแปร่งเอ่ยบอกชายหนุ่มหลังตรวจอาการของพยอมอยู่ครู่หนึ่งแล้วให้คนมาเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าไปด้านในเพื่อรักษาต่อ
“แม่!” แก้วตาผวาตามหากร่างสูงรั้งร่างเล็กเอาไว้เพื่อไม่ให้ไปขัดขวางการรักษา
“แก้ว หมอฝรั่งจะดูแลแม่พยอมต่อเอง อย่าเพิ่งเข้าไปเลยนะ แม่พยอมจะปลอดภัย หมอฝรั่งเขาเก่งนักเชื่อพี่เถอะ”
“ฮึก!” ริมฝีปากสีชาดเม้มแน่นขอบตาแดงเรื่อ หากกระนั้นกลับไม่มีน้ำตาหยดลงมา ชายหนุ่มคว้าร่างเล็กของอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น เขาก็แค่อยากช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดนั้นของแก้วตาให้เบาบางลงแม้สักนิดก็ยังดี
“ร้องเถอะ พี่ไม่แอบมองเจ้าดอก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นช่างอ่อนโยนนัก ราวกับสายน้ำเย็นที่ชโลมลงบนหัวใจอันแห้งผาก ราวกับแสงแดดอุ่นโอบไล้รอบกาย มือเล็กยกขึ้นกอดเอวหนาแล้วปล่อยสะอื้นโฮ
แก้วตายกมือขึ้นปาดน้ำตาเมื่อรู้สึกว่าร้องไห้พอแล้ว เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนที่กอดเขาไว้ก็พลันให้นึกอายที่มัวแต่นึกถึงตัวเองจนลืมอีกคน ร่างเล็กผละออกจากอ้อมกอดนั้นแล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าของตนส่งให้
“ขอโทษขอรับที่กระผมทำตัวน่าอาย”
“ไม่เป็นไรดอก” ชายหนุ่มรับผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“ที่จริงแล้วท่านลุง เอ่อ คุณหลวงมักหาหยูกยามาให้แม่อยู่บ่อยๆแต่ไม่รู้ทำไมคราวนี้ถึงเป็นหนักนัก” แก้วตาไม่รู้ว่าควรจะพูดคุยกับอีกฝ่ายเรื่องอะไรดีจึงไว้ใจเอ่ยเรื่องของมารดาขึ้นมา อาจเพราะตอนนี้เขาต้องการใครสักคนที่จะรับฟังความวิตกกังวลของเขา
“ปีนี้อากาศเย็นหนักกว่าทุกปี อาการของแม่พยอมเลยแย่ลง” คนตัวเล็กพยักหน้ารับก่อนจะเงียบ “พี่จะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าแม่พยอมจะดีขึ้น”
“?”
“หรือให้แสนอยู่จะดีกว่า?” คุณพระนายเสนอทางเลือกใหม่เมื่อเห็นสีหน้าของคนตัวเล็ก เขาเสนอตัวโดยไม่ถามความเห็นอีกฝ่ายแบบนี้ไม่รู้ว่าแก้วตาจะไม่พอใจหรือเปล่า
“คุณพระนายอยู่ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ขอรับ”
“...งั้นรึ?” ร่างสูงยกยิ้ม เขาไม่ได้พูดอะไรอีกได้แต่นั่งเงียบๆเป็นเพื่อนคนตัวเล็กไปเรื่อยๆ...
“ยาของหมอฝรั่งได้ผลดีชะงัดนัก สีหน้าแม่พยอมดูดีขึ้นแล้ว”
“ขอรับ” แก้วตายิ้มกับคำกล่าวนั้น
หลวงเสนาะมาตรวจเยี่ยมดูอาการมารดาเขาทุกวัน ต่างกับอีกคนที่พาเขามาส่งตั้งแต่วันนั้นก็ยังไม่เจอหน้าอีกเลย แก้วตารอจะเอ่ยคำขอบคุณพลางอดนึกเป็นห่วงไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะไข้กลับเพราะอากาศหนาวเย็นช่วงนี้
“ต้องขอบคุณพ่อใหญ่ซินะที่จัดการเป็นธุระให้”
“ขอรับ”
“นี่ก็ยุ่งเรื่องงานราชการมิได้พักเลยตั้งแต่วันนั้น” เหมือนจะรู้ใจ คุณหลวงเอ่ยประโยคยาวขึ้นมาอีกหน่อยเมื่อเห็นท่าทางของเด็กในปกครองซึ่งคอยเอาแต่ชะเง้อชะแง้จนน่ากลัวว่าคอจะยืด
“คุณพระนายเขายุ่งรึไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับกระผมด้วยล่ะขอรับ” แก้วตาผลุบหัววิ่งเข้ามานั่งข้างเตียงมารดาอย่างร้อนรนหากนั่นกลับทำให้คุณหลวงหัวเราะร่าชอบใจ
“เจ้าเด็กปากไม่ตรงกับใจเอ้ย!” คุณหลวงพึมพำไม่ให้อีกฝ่ายได้ยินเพราะกลัวเด็กหนุ่มจะตวาดเขาคืนจึงได้แต่หัวเราะเสียงดังแทน
.
.
“เป็นเอ็งจริงๆซินะ!”
“!” แรงกระชากจากด้านหลังทำให้แก้วตาเซถอยก่อนจะมองเจ้าของมือนั้นอย่างไม่เข้าใจ เขากลับเรือนเพื่อมาอาบน้ำหลังเฝ้าไข้มารดาที่เรือนรักษาพยาบาลของหมอฝรั่งแล้วจะไปเรือนซ้อมรำของคุณหลวงต่อ
“ข้ารึนึกตั้งนานว่าอีนังผู้หญิงคนไหนที่มันกล้ามายุ่งกับคุณพี่ของข้า ที่แท้ก็ไอ้คนวิปริตผิดเพศนี่เอง” น้ำเสียงเสียดสีอีกทั้งแววตาดูถูกส่งมาให้เด็กหนุ่มอย่างไม่ปิดบัง คนโดนคุกคามฉุนขาดปัดมือที่จับไหล่ของเขาออกโดยแรง แก้วตาจำไม่ได้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้คุณหนูโสภีไม่พอใจจนมาหาเรื่องระรานเขาแบบนี้
“คุณหนูโสภี พูดอะไรระวังหน่อยซิขอรับ ประเดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินจะหาว่าคุณหนูมิได้รับการอบรมสั่งสอน”
“เอ็ง ไอ้ขี้ข้าโสโครก!” โสภีถึงกับหน้าชา หล่อนผลักอกเด็กหนุ่มตรงหน้าจนล้มลงกับพื้นด้วยแรงโทสะ
“อย่ามาเรียกกระผมว่าขี้ข้า!”
“ทำไม? เป็นแค่ลูกพ่อค้าต่างแดนกับนางรำส่ำส่อนคิดจะมาเผยอกับข้ารึ! ช่างไม่เจียมกะลาหัว”
“อย่ามาว่าร้ายพ่อกับแม่ของกระผม!”
“ข้าจะว่า ทำไม? เอ็งจะทำร้ายข้ารึ? ไอ้คนวิปริต!” ถ้อยคำร้ายกาจบริภาษออกมาไม่หยุด แก้วตากำหมัดแน่นเพราะรู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรคนตรงหน้าได้ ซ้ำร้ายทางฝ่ายโสภียังพาบ่าวผู้ชายร่างสูงใหญ่มาด้วยอีกสองคนซึ่งพร้อมจะทำร้ายเขาหากโสภีเอ่ยปาก
“กระผมไม่ได้วิปริต!”
“เอ็งใช้มารยายั่วยวนคุณพี่ของข้ายังว่าไม่วิปริตอีกรึ? เอ็งใช้อะไรหลอกคุณพี่ของข้าล่ะ บอกเขาว่าตัวเองเป็นผู้หญิง? หรือใช้เสน่ห์เล่ห์กลอันใด!”
“กระผมไม่ได้หลอกหรือใช้เสน่ห์เล่ห์กลอันใดทั้งนั้น”
“ไอ้โกหก! ถ้าไม่ใช่เพราะเอ็งเหตุใดคุณพี่ต้องออกจากเรือนทุกคืน เหตุใดจึงไปเรือนของหลวงเสนาะทุกวี่วัน แล้วเหตุใดคุณพี่ต้องคอยให้คนส่งเงินส่งส่วยให้หมอฝรั่งรักษาแม่เอ็ง!”
“ไม่ใช่...”
“เพราะเอ็งทำให้คุณพี่ของข้าเสื่อมเสีย ทั่วพระนครลือกันให้ทั่วว่าเจ้าหมื่นเสมอใจราชมาหลงนางรำจนไม่เป็นอันทำการทำงาน” ใบหน้างามของโสภีบิดเบี้ยว หล่อนเจ็บปวดใจกับข่าวลือไม่เท่าเห็นกับตาตัวเอง บ่าวที่หล่อนให้คอยแอบตามชายหนุ่มบอกกับหล่อนว่าเห็นคุณพระนายแบกร่างนางรำผอมแห้งไปส่งหาหมอฝรั่ง ทีแรกหล่อนไม่อยากจะเชื่อว่านางรำแก่คราวแม่จะมีสิ่งใดให้คุณพี่ของหล่อนหลงใหลแต่เมื่อตามไปดูจึงได้เห็น สีหน้าอ่อนโยนและแววตารักใคร่ยามที่ชายหนุ่มกอดใครอีกคนไว้ในอ้อมแขน...ไม่ใช่นางรำร่างผอมแห้งแก่คราวแม่หากเป็นเด็กหนุ่มรูปงามผู้เป็นลูกต่างหาก นั่นทำให้โสภีอิจฉาจนแทบบ้า!
“กระผม...”
“เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆเหตุใดเอ็งจึงล่อลวงคุณพี่ของข้า! เอ็งไม่ใช่แม่หญิงสักหน่อย!” โสภีตะโกนด่าทอไม่หยุด แก้วตานิ่งงันไม่ใช่เพราะข้อกล่าวหาหากแต่สิ่งที่โสภีเอ่ยออกมานั้นคือความจริง ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองและอีกฝ่ายเป็นชายเช่นเดียวกันแต่เขาก็เผลอใจเต้นแรงยามที่ได้ใกล้ชิด เผลอดีใจยามได้เห็นรอยยิ้มสวย เผลอมองหายามเมื่อไม่เห็นหน้าแล้วอยากได้ความอ่อนโยนมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายโอบกอดเขาเอาไว้ ใช่ เขาผิด…
เพราะเขาเป็นชายไม่ใช่หญิง
“จับมันไว้” สิ้นเสียงของโสภี บ่าวสองคนที่พามาต่างก็จับยึดไหล่แก้วตาไว้คนละข้าง
“คุณหนูจะทำอะไร?”
“ฮึ กลัวรึ?” โสภีสาวเท้าเข้าใกล้ ก่อนจะพิศมองใบหน้าของร่างที่ถูกตรึงไว้ เด็กหนุ่มร่างสูงกว่าหล่อนไม่กี่มากน้อยอาจจะแค่คืบเท่านั้น ผิวขาวเนียนละเอียดเพราะมีเชื้อสายคนจีน ดวงตาเรียวกับนัยน์ตาสีดำพราวระยับบัดนี้สั่นไหว ริมฝีปากสีชาด เรือนผมยาวสีขนกา
งาม งดงามยากที่จะหาใครเหมือนได้ง่ายๆ เพราะแบบนั้นหล่อนถึงได้ชังหน้ามันตั้งแต่เห็นคราแรก!
“เอ็งใช้ใบหน้านี้รึ? หรือเรือนผมที่ยาวเหมือนแม่หญิงของเอ็ง? ถ้ามันไม่มีทั้งสองอย่างนี้ล่ะ เอ็งว่าคุณพี่ของข้าจะตาสว่างขึ้นรึไม่?” หญิงสาวดึงปิ่นไม้ออกจากมวยผมอีกฝ่ายปล่อยให้เรือนผมสีขนกากระจายทิ้งตัวยุ่งเหยิง เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือกระทบแก้มเนียนดังสนั่นบ่งบอกว่าเจ้าของแรงตบนั้นโกรธมากมายนัก ซีกหน้าของแก้วตาขึ้นสีบวมเป่งขึ้นทันทีหลังสิ้นเสียง
“คุณหนูโสภี?” เด็กหนุ่มมองสิ่งที่อยู่ในมือด้วยแววตาหวาดหวั่น โสภีจิกกระชากผมของเขาจากทางด้านหลังโดยแรง
“เพราะผมนี่ใช่ไหม?”
“อย่า!” แก้วตาร้องห้ามเสียงหลงแต่โสภีตวัดใบมีดคมตัดเอาเส้นผมซึ่งเคยยาวถึงกลางหลังให้ขาดแหว่งหายไปแล้ว
“ผมนี่สำคัญใช่ไหม ในเมื่อเอ็งก็เป็นนางรำนี่นะ? งั้นข้าจะโกนผมเอ็งแล้วก็กรีดหน้าให้เอ็งไม่มีวันกล้าออกไปพบใครอีกเลย!”
“หยุดนะ!” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยห้ามก่อนที่โสภีจะได้ลงมือ หญิงสาวหันไปมองต้นเสียงอย่างไม่พอใจ
“ไอ้แสน!”
“คุณหนูโสภีจะทำอะไรหรือขอรับ?” แสนถาม ไม่ได้ก้าวเข้ามาใกล้หากสายตากลับจ้องไปยังร่างของแก้วตาที่ยังโดนตรึงอยู่
“เอ็งไม่เกี่ยว อย่ามาแส่!”
“แต่คุณหนูกำลังระรานคนอื่นอยู่มิใช่หรือขอรับ? นี่หาใช่สิ่งที่ลูกสาวท่านเจ้าพระยาควรกระทำไม่”
“อ้อ~ เป็นสิ่งที่ข้าไม่ควรกระทำเช่นนั้นรึ? ถ้าอย่างนั้น...ไอ้แม้น! ถลกหนังหัวไอ้คนวิปริตนั่นมาให้ข้า!”
“อย่านะ!” แสนถลาไปคว้าแขนแกร่งของแม้นที่กำลังกระชากผมของแก้วตาตามคำสั่งของโสภี
“ถอยไปไอ้แสน!”
“ไม่ขอรับ! คุณหนูโสภีเหตุใดจึงทำเช่นนี้ขอรับ?”
“ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องบอกเอ็ง”
“อย่าทำเช่นนี้เลยขอรับ” แสนมองแก้วตาซึ่งถูกรั้งแขนไว้โดยบ่าวอีกคน ร่างเล็กทรุดลงนั่งกับพื้นหากดวงตาปริ่มน้ำใสจ้องมองไปยังโสภีอย่างไม่ยอมแพ้ “ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้คงถึงหูคุณใหญ่เป็นแน่”
“เอ็งขู่ข้ารึไอ้แสน?” โสภีหรี่ตามองคนสนิทของคุณพระนายอย่างไม่พอใจ หล่อนรู้ว่าชายหนุ่มนั้นรักแสนเหมือนน้องชายแท้ๆและเขาคงจะฟังคำพูดของแสนทุกคำแน่
“กระผมไม่ได้ขู่ขอรับ” แสนจ้องตาตอบเพื่อบอกว่าเขาจะทำเช่นนั้นจริงหากโสภียังไม่หยุดทำร้ายแก้วตา
“กลับ!” โสภีจ้องมองคนบนพื้นอย่างแค้นเคืองก่อนจะยอมถอยกลับไป ร่างเล็กถูกแสนพยุงเข้ายังตัวเรือน แสนปล่อยให้แก้วตานั่งนิ่งอยู่ครู่จึงเอ่ยไล่ให้เด็กหนุ่มไปอาบน้ำ ใบหน้าบวมเป่ง ปากแตก เส้นผมยุ่งเหยิงขาดแหว่งทำให้แสนถอนหายใจ ถ้าหากคุณใหญ่มาเห็นแก้วตาในสภาพนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ไปอาบน้ำเถอะขอรับ กระผมจะรอไปส่งที่เรือนคุณหลวง อย่างไรเสียคืนนี้ก็นอนที่นั่นเถอะนะขอรับ”
“....” เด็กหนุ่มไม่ตอบคำแต่ลุกไปอาบน้ำเงียบๆคล้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่างกับตัวเอง หากดวงตาคู่สวยนั้นกำลังเศร้า...
แก้วตาหยุดเท้าที่กำลังก้าวขึ้นเรือนของคุณหลวงมองคนที่ขวางหน้าเขานิ่ง
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าจึงมีสภาพเช่นนี้?” ร่างสูงขยับกายขวางแก้วตาซึ่งพยายามเบี่ยงกายหลบ เขาเร่งทำงานจนไม่ได้พัก หลายวันมานี้เขาแทบไม่มีสมาธิเพราะมัวแต่พะวงว่าแก้วตาจะเป็นอย่างไร หายกังวลเรื่องมารดาหรือยัง กินข้าวได้อยู่ไหม ยังไปซ้อมรำอยู่หรือเปล่า เขาจึงให้แสนไปหาแก้วตาที่เรือนก่อนเผื่อว่าเด็กหนุ่มจะต้องการความช่วยเหลืออย่างอื่น แสนจะได้ช่วยเหลือและอยู่เป็นเพื่อน แต่บัดนี้ใบหน้าที่เขาแสนคิดถึงนั้นหมองเศร้า แก้มช้ำไปทั้งซีก หนำซ้ำเรือนผมสลวยก็ไม่เป็นเช่นเดิม คุณพระนายหันไปหาคนสนิทเพื่อรอคำตอบเพราะเห็นทีร่างเล็กคงไม่ยอมบอกเขาเป็นแน่
“คุณหนูโสภีขอรับ”
“โสภีทำร้ายเจ้ารึ?” ชายหนุ่มยกมือขึ้นแตะแก้มข้างที่บวมช้ำแผ่วเบา แก้วตาเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมเงยหน้ามองเขาสักนิด เขาอยากจะรั้งร่างตรงหน้าเข้ามากอดเพื่อปลอบประโลมให้หายตกใจ อยากระซิบบอกว่าเขาขอโทษที่ทำให้แก้วตาต้องเจอเรื่องแบบนี้ เขารู้...รู้ว่าสักวันหากโสภีรู้ว่าเขามีใจให้ใคร คนคนนั้นคงโดนโสภีตามราวีทำร้ายเป็นแน่แต่เขาก็หยุดหัวใจตัวเองไม่ได้...เขาห้ามใจไม่ให้รักแก้วตาไม่ได้...
โสภียึดติดเขา ต้องการให้เขาเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว หากความรักที่เขามีให้โสภีเป็นเพียงความรักฉันท์พี่น้องซึ่งไม่เคยเปลี่ยนจากอดีต เขาไม่สามารถรักโสภีเช่นเดียวกับที่โสภีรักเขาได้
“ทำไมขอรับ?”
“?” ร่างสูงลดมือที่แตะแก้มของแก้วตาลงเมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมคำถาม
“ทำไมคุณพระนายถึงต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับกระผมด้วย?”
“แก้วตา?”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่? หรือวันที่เสด็จออกขุนนางวันนั้น?” ดวงตาคู่สวยจ้องมองร่างสูงสั่นไหวยามเอ่ยปาก วันนั้นแก้วตาออกไปรำฉุยฉายแทนมารดา เขาเห็น...คุณพระนายหนุ่มแห่งพระนครที่สาวๆร่ำลือกันนั่งอยู่ตรงหน้า รูปงามนักยามฝ่ายนั้นหัวเราะยิ้มแย้มกับคนรอบข้างหรือแม้ยามนั่งนิ่งเฉย เขาแทบลืมท่ารำ แทบสะดุดลมหายใจเมื่อคุณพระนายคนนั้นมองมาที่เขา สายตานั้นคล้ายมีบางอย่างที่ทำให้แก้วตาเหมือนหายใจไม่ออก แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร...
“...อาจจะใช่” ร่างสูงตอบเสียงเบา ท่าทางของแก้วตาคล้ายแก้วบางที่กำลังจะแตกอย่างไรอย่างนั้น
“คุณพระนายสายตาไม่ดีรึ? ไม่รู้รึว่ากระผมไม่ใช่แม่หญิง?”
“วันนั้นพี่ไม่รู้”
“แล้วหลังจากที่รู้ล่ะ?” เสียงแหบหวานสั่นเครือ หยาดน้ำใสคลอหน่วยจวนเจียนจะหยด “เมื่อรู้ว่ากระผมเป็นชายหาใช่แม่หญิงอย่างที่คุณพระนายเข้าใจไม่ ทำไมคุณพระนายยังคอยมาที่นี่อยู่อีก?”
“เพราะ...”
“เพราะกระผมเหมือนแม่หญิงอย่างนั้นหรือขอรับ?” แก้วตายกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา ริมฝีปากเม้มแน่น ยามเมื่อเอ่ยถามประโยคนั้นออกไป เหตุใดหัวใจของเขาจึงเจ็บปวดเหมือนจะขาดเยี่ยงนี้หนอ
“ไม่...”
“เพราะใบหน้านี้หรือเพราะเรือนผมนี้?”
“แก้วตา?”
“เพราะรูปลักษณ์นี้จึงทำให้คุณพระนายเข้าใจผิด?”
“ไม่ใช่นะ”
“แล้วเพราะอะไร เพราะอะไรหรือขอรับ?”
“เพราะพี่ระ...”
“หากสิ่งที่คุณพระนายเห็นมันทำให้คุณพระนายเข้าใจผิด”
“แก้วตาฟังพี่”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“น้องจะทำอะไร?” ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อแก้วตารวบผมยาวตัวเองไว้ในกำมือ ชายหนุ่มมองมีดเล่มเล็กในมือคนตรงหน้าด้วยใจหวาดหวั่น
“กระผมจะทำให้คุณพระนายเห็นเสียทีว่ากระผมไม่ใช่แม่หญิง!” หยาดน้ำตาร่วงผ่านแก้มเนียนพร้อมกับมีดเล็กในมือที่ตวัดลงบนเส้นผมยาวสลวยด้วยมือเจ้าของ
“แก้วตา!”
“กระผมไม่ใช่แม่หญิง คุณพระนายเห็นรึไม่ขอรับ?”
“แก้ว...” คุณใหญ่มิอาจกลั้นน้ำตาของตัวเองได้ เขามองคนตรงหน้าด้วยสายตาร้าวราน เขาเจ็บปวดที่ทำให้แก้วตาร้องไห้
“...เป็นชายไม่ใช่แม่หญิง...” ร่างเล็กเดินขึ้นเรือนไปอย่างเชื่องช้า ทิ้งไว้เพียงเส้นผมสีขนกาที่เคยงดงามบนหลังของเขาให้อยู่บนพื้น
คุณพระนายหนุ่มมองเส้นผมที่เขารักนักหนาด้วยสายตาเจ็บปวดก่อนจะทรุดกายลงหยิบปอยผมนั้นขึ้นแนบอก
“คุณใหญ่ขอรับ!” แสนถลามาประคองไหล่แกร่ง บัดนี้ไหล่กว้างที่เคยตั้งตรงกลับงองุ้มเพราะความทุกข์ใจ
“แก้ว...” เส้นผมของแก้วตา ความเจ็บปวดของแก้วตา เขาไม่กล้าหันไปมองด้านหลังของแก้วตา เขากลัวว่าหากเห็นไหล่เล็กๆนั่นสั่นไหวเพราะแรงสะอื้นเขาคงจะละทิ้งความคิดทั้งหมดทั้งมวลแล้วคว้าร่างนั้นมากอด ถ้าทำแบบนั้นแก้วตาจะเจ็บปวดขึ้นอีกรึเปล่า?
ภาพแผ่นหลังเล็กพร่าเลือนเพราะเขามองผ่านม่านน้ำตา
“แก้วตา..”
“แก้ว...”
แก้ว...
“แก้ว”
“แก้วครับ!”
“?” เปลือกตาบางลืมขึ้นมอง ใบหน้าที่ชะโงกลงมานั้นพร่าเลือน “คุณพระนาย?”
“ไม่ใช่ครับแก้ว นี่พี่เอง พี่ชาย”
“พี่ชาย?” เด็กหนุ่มเหลียวมองรอบกายก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้อยู่บนเรือนซ้อมรำของคุณหลวง
“เวลาธูปหนึ่งดอกหมดแล้วครับ” ชายยิ้มอ่อนพลางพยุงเด็กหนุ่มให้ลุกนั่ง
“ผ่านไปเร็วจังนะครับ” ชายมองใบหน้าเนียนที่ซีดขาวอย่างเป็นห่วง ก่อนเหลียวมองรอบห้องตามสายตาของแก้วตา “คุณพระนายล่ะครับ?”
“ไม่รู้ซิ พี่ไม่เห็นเขาตั้งแต่แก้วหลับตาแล้วล่ะ”
“งั้นหรือครับ?”
“กลับกันเถอะครับ ถ้าค่ำกว่านี้เดี๋ยวน้าเพ็ญจันทร์จะเป็นห่วง” ชายบอกเวลาให้แก้วตารู้ว่าเย็นค่ำมากแล้วและพวกเขาไม่ควรรั้งอยู่ที่นี่นานนัก แก้วตายอมกลับตามคำของชายแต่โดยดี หากในใจกลับพะวงถึงใครบางคนที่เขาอยากเห็นหน้า ภาพที่ได้เห็นเมื่อครู่ก่อนลืมตาทำให้หัวใจของเขาแปลบปร่า
แก้วตาคนนั้นกับเขา เป็นคนเดียวกันอย่างนั้นหรือ?
แล้วเหตุใด เขาและคุณพระนายถึงตายจากกัน?
...ทั้งๆที่รักมากถึงขนาดนั้น
แก้วตาอยากได้เวลามากกว่านี้ ธูปหนึ่งดอกในหนึ่งสัปดาห์มันน้อยเกินไป เขาอยากรู้เรื่องราวต่างๆโดยเร็วแต่พระคุณเจ้าคงไม่ยอมเป็นแน่ ท่านกลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย
อ่า...ไม่เป็นไร เด็กหนุ่มบอกให้ตัวเองอย่าใจร้อน ยังมีเวลาอีกมากให้เขาได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ค่อยๆเป็นค่อยๆไปให้เขาได้รู้ความรู้สึกทุกอย่างของแก้วตาคนนั้นและตัวเขารวมทั้งผู้ชายคนนั้น คุณพระนาย
ถ้อยคำสัญญาระหว่างพวกเขา
สิ่งที่คุณพระนายเฝ้ารอ
.
.
เงาร่างสูงยืนมองส่งคนทั้งสองขึ้นรถออกไปจากระเบียงชั้นสองด้วยสายตาโหยหา หากกระนั้นบนใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ คุณใหญ่ไม่ได้ปรากฏตัวตอนที่แก้วตาลืมตาตื่นแล้วถามหาเขา เพราะถ้าหากทำอย่างนั้นเขาคงจะห้ามตัวเองไม่ได้...ที่จะทำให้แก้วตาหลับไปอีกครั้งเพื่อที่แก้วตาจะได้นึกถึงเรื่องราวของเขาให้ได้มากที่สุด
“คุณใหญ่ขอรับ”
“แสน?” เขาไม่ได้หันมามองคนสนิทเพราะจิตใจของเขายังคงอยู่ที่คนเพิ่งจากไปเมื่อครู่
“คุณใหญ่ขอรับ”
“มีอะไ...แสน! เหตุใดร่างกายเอ็งจึงเป็นเช่นนี้?” ชายหนุ่มถลาประคองร่างคนสนิทที่บัดนี้เหลือแขนเพียงข้างเดียวจากเหตุการณ์คราวก่อน ส่วนอีกข้างที่เหลือลางเลือนแทบมองไม่เห็นตั้งแต่ปลายนิ้วจนถึงข้อมือ
“ดูเหมือนจะเพราะมีดอาคมของไอ้หมอผีคนนั้นขอรับ” คุณใหญ่นิ่งงัน เขายกมือของตัวเองขึ้นดูด้วยสายตาหวาดหวั่น ผิวขาวซีดดูเหมือนจะซีดมากกว่าเดิมคล้ายเป็นสีเทาทำให้ร่างสูงนิ่งมองเนิ่นนาน “คุณใหญ่ขอรับ?”
“ไปหาคุณหลวงกันเถอะแสน”
“พวกเราจะเหลือเวลาอีกกี่มากน้อยขอรับคุณใหญ่?”
“เอ็งกลัวรึแสน?” เสียงทุ้มเอ่ยถามแผ่วเบา หากแสนก็ยังจับกระแสความเศร้าที่แฝงมาในน้ำเสียงนั้นได้
“ไม่ขอรับ ขอแค่ได้ไปพร้อมกับคุณใหญ่กระผมไม่กลัวสิ่งใดขอรับ”
“ขอบใจนะแสน ขอบใจเอ็งนักที่คอยอยู่เคียงข้างฉันมาตลอด” ชายหนุ่มตบบ่ากว้างของแสนอย่างซาบซึ้ง
“กระผมก็ขอบพระคุณคุณใหญ่ขอรับที่รักกระผมเหมือนน้องชายแท้ๆ” แสนยิ้มกว้างเพื่อแสดงว่าเขาดีใจมากแค่ไหน
“ไปเถอะ ไปหาคุณหลวงกันก่อนที่พวกเราจะสูญสลายหายไปจนไม่สามารถไปเกิดได้อีก”
เสียงลมหวีดหวิวพร้อมเงาร่างทั้งสองที่หายวับไป ทิ้งเรือนขาวที่มืดสนิทไว้ด้านหลัง ความวังเวงยังคงครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณกั้นเป็นอาณาเขตไว้ไม่ให้ใครเข้าไปได้แม้แต่เพียงคนเดียว
...เรือนขาวที่รอเจ้าของกลับคืน...
********
โปรดติดตามกาลต่อไป
พูดคุย :
ขอโทบที่หายไปนานนะคะ^^ ยุ่งๆกับงานอยู่ค่ะเลยไม่ค่อยมีเวลา น้อมรับความผิดเจ้าค่ะ^^
เหมือนเดิม หากมีข้อผิดพลาดประการใดข้ออภัยด้วยนะคะ สามารถชี้แนะ ติ-ชมกันได้ค่ะเพื่อจะได้พัฒนาฝีมือกันต่อไป
หวังว่าจะชอบเรื่องนี้กันนะคะ
มือใหม่กับการมาแนวนิยาย ฝากตัวด้วยค่ะ^^