...อสงไขย... แจ้งข่าว[13-02-2559 แจงรายละเอียดหนังสือ หน้า๑๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...อสงไขย... แจ้งข่าว[13-02-2559 แจงรายละเอียดหนังสือ หน้า๑๒]  (อ่าน 171596 ครั้ง)

ออฟไลน์ yumijung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เข้ามาหาคุณพระนายกับแก้วตาอีกละ..คิดถึงนี่นา

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
อสงไขย  กาลพิเศษที่๑






ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังนั่งกระสับกระส่ายบนที่นั่งของตัวเอง  พลางเหลือบมองคนข้างกายก่อนเอ่ยปากถามให้ฝ่ายนั้นหัวเราะ

“ไอ้เจ้านี่มันบินได้หรือ?”

“หือ  พ่อเปรมว่ายังไงนะ?”  ผู้มีศักดิ์เป็นอาเอ่ยถามพลางกลั้วหัวเราะ

“ไอ้เจ้านี่   ที่เรานั่งกันอยู่น่ะ  มันได้บินหรือ?”  เมื่อฝ่ายตรงข้ามขอทวนคำถามเขาจึงถามกลับไปใหม่

“ทำไมจะบินไม่ได้เล่า  เรือบินนี้น่ะพ่อก็นั่งอยู่บ่อยๆ  เอ  หรือบาดเจ็บคราวนี้หัวจะได้การกระทบกระเทือนไปด้วย?”  ท้ายประโยคเจ้าตัวพึมพำแล้วหันมามองหน้าหลานชายเต็มตา

“อา...ก็คงแบบนั้นขอ..  ครับ  นี่ก็ปวดหัวมากเลย  อีกอย่างผมจำอะไรไม่ได้สักนิด”

“ตายจริงพ่อเปรม!”  อาสาวตัดสินใจแล้วว่าเมื่อไปถึงบ้านเมื่อไหร่จะพาหลานชายไปตรวจอย่างละเอียดอีกที    เหตุที่รีบมารับหลานชายกลับบ้านเพราะข่าวว่าชายหนุ่มไปช่วยเหลือบ้านคนที่ถูกไฟไหม้  หนำซ้ำยังบาดเจ็บ  บรรดาญาติๆต่างพากันเป็นห่วงและส่งให้เธอมารับตัวหลานชายกลับ  แต่ดูท่าตอนนี้จะมีปัญหาใหญ่ตามมาเสียแล้ว


ชายหนุ่มถูกพาไปหาหมอที่เก่งที่สุดแต่ก็ไม่พบความผิดปรกติของสมองอันบ่งบอกว่าเจ้าตัวความจำเสื่อมได้อย่างไร  สรุปสุดท้ายว่าช๊อคจากการตกใจเพราะเหตุการณ์ไฟไหม้
เขาเรียนรู้จดจำรายชื่อบรรดาญาติพี่น้อง  รวมถึงเรื่องตัวของตัวเขาเอง...  การใช้ชีวิตของชายที่ชื่อเปรม  หากผ่านไปเพียงแค่หกเดือนเขาก็อดรนทนคิดถึงใครบางคนซึ่งอยู่คนละฝากฟ้าไม่ได้   เขาจึงหว่านล้อมขอกลับมาเมืองไทยโดยอ้างว่าบางทีเรื่องราวต่างที่นี่อาจจะฟื้นความจำเขาได้บ้าง
อันดับแรกเขาตามหาบ้านเช่าของอาจารย์เปรมจนพบแล้วสวมรอยใช้ชีวิตของฝ่ายนั้น  หากแต่ไม่ง่ายเลย  ไหนจะเรื่องเสื้อผ้า  การเดินทาง  อาหารการกิน  ทุกสิ่งอันเขาไม่เคยได้เตรียมเองสักอย่างตั้งแต่เล็กจนตายกลายเป็นผี...
จะจัดการเรื่องใดก่อนดีหนอ...เขาถามตัวเองพลางจรดดินสอลงบนกระดาษขาว   ยิ่งดึกยิ่งเงียบกลับยิ่งคิดถึงคนที่ใจคะนึงหา   ....แก้วตาพี่...เมื่อใดพี่จะได้พบหน้าเสียที...
.
.
.



*****


ชายหนุ่มก้มลงมองม้วนกระดาษในมือตนเองแล้วให้ขมวดคิ้ว  ในอกอึดอัดเพราะความตื่นกลัวอย่างประมาณมิได้...เขาพร้อมพบหน้าคนในห้วงคำนึงแล้วหรือ?   ไม่เลย...เขายังไม่พร้อมสักนิด
แล้วจะให้ทำอย่างไรเล่าในเมื่อบัดนี้เรือนขาวนั้นเหลือเพียงเถ้าซึ่งทำให้คนเฝ้ามองได้แต่ทำหน้าหม่นหมอง  เขาทนได้หรือที่จะเห็นแก้วตาร้องไห้ยามเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าสถานที่ที่เคยตั้งเรือนขาว...
คงไม่เป็นกระไรหรอก  ในเมื่อนี่เป็นเพียงภาพแปลนเรือนขาวเท่านั้น  เขาหวังเพียงอยากให้แก้วตาหายระทมทุกข์แม้เพียงเสี้ยวก็ยังดี   ดังนั้นชายหนุ่มจึงฝากภาพแปลนเรือนขาวไว้ที่เพื่อนอาจารย์เพื่อส่งต่อให้แก้วตา  หากเขาไม่คิดเลยว่าผลที่ตามมาจะทำให้เขาตื่นตระหนกได้มากมายเพียงนี้!








“หยุดนะ!”

“เฮ้ย!”  ชายหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อเขากลับมาจากท่าเรือแล้วพบว่ามีใครบางคนยืนทุบประตูรั้วหน้าบ้านเขาอยู่   อารามตกใจเขาจึงหันหลังวิ่งหนีทันทีโดยไม่ต้องคิด  กลายเป็นว่าคนตัวเล็กวิ่งไล่กวดตามหลังเขามาติดๆ

“.....”  เขาได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบ  ใจเต้นระรัวในหัววิ่งวุ่นว่าจะทำอย่างไรดีหนอไม่ให้คนตรงหน้ารู้ว่าเป็นเขา

“คุณวิ่งหนีทำไม?” แก้วตาถามในที่สุดหลังจากมองเขาเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากรอบที่สาม

“เปล่า...!”  ปัง!  เพียงแค่อ้าปากเอ่ยปฏิเสธยังไม่จบมือเล็กก็ตบโต๊ะดังปังจนเขาสะดุ้งเฮือก (รวมถึงฤดีด้วย)  มือใหญ่ดันแว่นกันแดดอันโตซึ่งเลื่อนลงขึ้นไปบังดวงตาตามเดิม

“กล้าโกหกเหรอ”  เหงื่อซึมผุดบนหน้าผากกว้างเมื่อเห็นสายตาของร่างเล็กตรงหน้า  พลางคิดในใจว่าเหตุใดเดี๋ยวนี้แก้วตาคนน่ารักของเขาถึงได้กลายเป็นดุร้ายไปเสียแล้ว (แน่นอนว่ามันมาจากตัวเขาเองนั่นแหละ  ซึ่ง...เขายังไม่รู้ตัว

“เปล่าจ้ะ  เอ้ย  เปล่าครับ”  เขาดันแว่นขึ้นอีกครั้งเพราะรู้สึกว่าเหงื่อจะทำให้มันลื่นเลื่อนลงมาเรื่อยๆ

“คุณผิดสัญญากับผม”

“เอ๊ะ?”    นี่อาจารย์เปรมไปสัญญาเรื่องใดไว้กับแก้วตากัน?  ชายหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดเหงื่ออีกรอบด้วยยังหวาดวิตก

”อย่ามาแกล้งลืมนะ  คุณบอกว่าจะไม่วาดภาพเรือนขาวถ้าไม่ได้รับอนุ...  อะไร?”  แก้วตาชะงักประโยคค้างไว้เมื่อฤดีดึงแขนเสื้อเขาแรงๆ

“เธอควรจะพูดอีกประโยคหนึ่งก่อนนะ”   ชายหนุ่มเหลือบมองเด็กสาวพลางยิ้มขอบคุณไปให้เมื่อหล่อนช่วยแก้สถานการณ์ตรงหน้า

“อ้อ  ขอบคุณนะครับที่คุณช่วยผมจากเรื่องเมื่อคราวที่แล้ว”  ยังไม่ทันให้ชายหนุ่มได้พยักหน้ารับแก้วตาก็พูดประโยคต่อไปให้เขานิ่งอึ้งเสียก่อน  “ถึงแม้ว่าผมจะเห็นคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่คุณก็ตาม”

“แก้ว!”

“.....”   ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แว่นกันแดดซีดเผือดทันที  นี่เขาควรจะดีใจที่แก้วตารู้ว่าเขาเป็นคนช่วยเมื่อคราวนั้นหรือจะเสียใจดี...เสียใจแทนอาจารย์เปรมผู้เสียสละทั้งชีวิตและวิญญาณเพื่อคนตรงหน้านี้...

“ทีนี้ก็มาเข้าเรื่องหลักเสียที  ...อ้อ  ช่วยถอดแว่นกันแดดได้ไหม?”  แก้วตากอดอกพลางชี้มาที่แว่นกันแดดบนหน้าเขา  ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธทันทีเช่นกัน  “นี่คุณ  มันเสียมารยาทนะ  อยู่ในที่ร่มแล้วจะใส่แว่นกันแดดทำไม”  พอเห็นเขาปฏิเสธคนตัวเล็กเลยได้แต่สูดลมหายใจเข้า เฮือกใหญ่เพื่อระงับอารมณ์โกรธที่พุ่งทะลักขึ้นมา  แต่จะให้ทำอย่างไรเล่าก็เขาเกิดสงสารนายอาจารย์เปรมขึ้นมาเสียแล้วนี่...  แก้วตารักมั่นเพียงเขานั้นก็ดีใจอยู่หรอก  แต่อดเวทนาเจ้าของร่างกายนี้ไม่ได้...  ยิ่งนึกถึงภาพสุดท้ายที่ฝ่ายนั้นก้มจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนก่อนหายวับไปยิ่งอดสงสารไม่ได้   คล้ายกับว่าเขาแย่งชิงร่างกายนี้มา...

“เข้าเรื่องดีกว่า  ตอนนี้คุณรู้ใช่ไหมว่าผมโกรธมาก”  ชายหนุ่มส่ายหน้าเป็นคำตอบ  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพยักหน้าอย่างรวดเร็วแทนเมื่อสบดวงตาวาวโรจน์   “เรื่องอะไรรู้ไหม?”  คราวนี้เจ้าของใบหน้าน่ารักยิ้มหวานหากคนมองกลับเสียวสันหลังวาบแล้วส่ายหน้า  “เป็นใบ้หรือคุณน่ะ?”

“เปล่า”   

“เห็นส่ายหน้ากับพยักหน้าแค่นั้นก็นึกว่าเป็นใบ้ไปเสียแล้ว”

“ปากร้ายเสียจริง”  เขาพึมพำแผ่วเบาหากคนจ้องหาเรื่องก็หูดีเกิน  เด็กหนุ่มสะบัดเสียงถาม

“อะไรนะ!”

“เอ่อ  เข้าเรื่องดีกว่าไหม?” ฤดีอดเอ่ยแทรกไม่ได้  หากปล่อยทิ้งไว้เห็นทีอาจารย์เปรมผู้เคยมั่นใจในตนเองคงโดนคนตัวเล็กข่มไปมากกว่านี้เป็นแน่

“ใช่!  ผมจะบอกว่าผมโกรธมากที่คุณผิดสัญญา”

“สัญญา?”

“ก็ที่คุณสัญญากับผมว่าจะไม่วาดภาพเรือนขาวถ้าผมไม่อนุญาตไง!”

“เอ่อ”  สีหน้าเหมือนลืมไปแล้วทำเอาเด็กหนุ่มตบโต๊ะเสียงดังให้สะดุ้งกันอีกรอบ

“คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”

“คือ  พี่  เอ้ย  ผมแค่  แค่อยากให้มีเรือนขาวเหมือนเดิม”  เขาพลาดไปเสียแล้ว...     

“ก็เลยละเมิดสัญญาแล้ววาดภาพนี้ขึ้นมา?”

“พี่สัญญาไว้อย่างนั้นรึ?”

“ยังไม่แก่ไม่น่าจะความจำสั้นนะคุณ”  คนตัวเล็กขมวดคิ้วมองเขาอย่างสงสัย  เขาได้แต่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้  แก้วตาฮึดฮัดเทกระดาษออกจากกระบอกสีน้ำตาล

“โทษที่คุณผิดสัญญา  ผมจะฉีกมันทิ้งซะ!”

“อย่านะ!”  อารามตกใจเขาลุกขึ้นยืนยืดกายเอื้อมแขนแย่งภาพนั้นออกจากมือเล็ก  เป็นจังหวะเดียวกับที่แว่นกันแดดหลุดออกจากใบหน้าพอดี

“!”  เด็กหนุ่มนิ่งค้างจ้องมองหน้าเขา  ปล่อยให้เขาฉวยของในมือกลับคืนอย่างง่ายดาย

“พี่ขอตัวก่อนนะ”  ชายหนุ่มคว้าแว่นกันแดดแล้วเดินออกไปจากร้านอย่างรวดเร็วทิ้งให้อีกฝ่ายนิ่งค้างอยู่แบบนั้น



เขาจะทำอย่างไรดี...แก้วตาจะสังเกตเห็นหรือเปล่านะ?
แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่คู่นี้...
ดวงตาคู่เดิมที่เฝ้ามองน้องตลอดมา...
.
.
.



*****



“อ๊ะ!”  ชายหนุ่มสะดุ้งกายเมื่อจู่ๆโดนคว้าขาเอาไว้

“คุณจะไปไหนหรือ?”

“แก้วตา!  เอ่อ  ไปเที่ยว”

“เที่ยว?  ถ้าอย่างนั้นผมไปด้วยนะ”

“เอ๊ะ?”   จะทำอย่างไรดี  เขารู้ซึ้งถึงความดื้อรั้นของแก้วตาดีว่าหากคนตัวเล็กดื้อดึงขึ้นมาแล้วยากนักจะให้อีกฝ่ายสะบัดมือจากไป

“เอารถคุณไปซิ  นะ  จะได้นั่งได้หลายๆคนไง”  เด็กหนุ่มเขย่าแขนออดอ้อนให้ร่างสูงตกประหม่า

“รถ  รถหรือ?”  เขาขับเป็นเสียที่ไหนเล่า!

“ใช่  ผมเคยเห็นคุณขับไปมหาวิทยาลัย”

“เอ่อ  คือ  พี่  เอ้ย  ผมอยากลองนั่งสามล้อดูน่ะ”

“งั้น  คุณไปเที่ยวที่ไหน  ผมไปด้วยนะ”  ชายหนุ่มยกมือปาดเหงื่อ  แล้วเขาจะพาแก้วตาไปเที่ยวที่ไหนเล่า  เขาไม่รู้จักสถานที่ใดสัที่!
   
   “เที่ยว  เอ่อ  เที่ยว...”
   
“ไปที่ที่คุณเคยพาผมไปก็ได้นะ   คุณจำได้ใช่ไหม?”   เจ้าอาจารย์เปรมพาแก้วตาของเขาไปเที่ยวที่ใดกัน!

   “...ที่ไหนหรือ?”

   “....”  สุดท้ายก็กลายเป็นแก้วตาเอ่ยบอกสถานที่ออกมา แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งสามล้ออย่างที่ต้องการหากเป็นรถของฤดี ซึ่งเด็กสาวทำหน้าที่เป็นสารถีให้เขามองอย่างสนใจจนหลุดถามว่าผู้หญิงก็ขับรถเป็นด้วย หรือ?  ฤดีหัวเราะชอบใจกับคำนั้นส่วนแก้วตาได้แต่จ้องหน้าเขาอย่างจับผิด   

   หรือแก้วตาจะจำได้แล้ว? เขาซุกมือลงกระเป๋ากางเกงด้วยใจไม่เป็นส่ำ...หรือจะถอดสิ่งนั้นออกดี?



   หลายวันที่ผ่านมาแก้วตาเอาแต่เฝ้าตามเขาชนิดไม่ให้ห่างสายตา  เว้นเพียงเขาจะกลับบ้านมานอนเท่านั้น   หรือแก้วตาจะจำเขาได้แล้วจริงๆ?  ทั้งๆที่เขาสวมแว่นตาดำตลอดเพื่อปกปิดสายตาเอาไว้  หรือแม้จะแกล้งเงียบในยามอีกฝ่ายชวนพูดคุยเพื่อที่ฝายนั้นจะได้ไม่รู้ว่าเขาจำอะไรไม่ได้สักอย่าง...  แต่แก้วตาก็ขยันพาเขาไปนู่นมานี่บ่อยเหลือเกินและเขาก็อดจะตื่นตาตื่นใจกลับสิ่งที่พบเห็นไม่ได้ทุกครั้ง   ไหนจะพาไปชมภาพยนตร์  ไหนจะงานเต้นรำหรือแม้แต่ภัตคารอาหาร


   “....ทำไมถึงนั่งเงียบนักเล่า  ภาพยนตร์ไม่สนุกหรือ?”  แก้วตาหันมาถาม  เขาไม่รู้ว่าแก้วตาเอาสตางค์จากไหนมาพาเขาเที่ยวเล่นอย่างนี้  พออ้าปากทักท้วงก็โดนดุกลับมา

   “ก็สนุกดี  ไม่เหมือนหนังญี่ปุ่นที่เคยดู”

   “หนังญี่ปุ่น?”

   “ใช่  เมื่อคราวนั้นพวกชาวญี่ปุ่นมักมาฉายหนังเร่บ่อยครั้ง  พี่เองได้ดูบ้างบางหนเมื่อคราวว่างจากงาน”

   “นี่น่ะ  โรงภาพยนตร์คนไทยทำ  ไม่มีพวกชาวญี่ปุ่นหรอก”  แก้วตาอธิบายยิ้มๆ

   “อย่างนั้นรึ?”   แก้วตาไม่ได้ชวนเขาคุยอีกเพราะไม่อยากรบกวนคนอื่นๆ  หากเมื่อเขาจับจ้องภาพในจอหนังตรงหน้า  คนข้างๆมักจะจ้องมองเขาแล้วทำท่าครุ่นคิดพอเขาหันไปมองเพราะรู้สึกถึงสายตาคนข้างตัวก็จะแกล้งชวนคุยว่าภาพยนตร์สนุกอย่างนั้นอย่างนี้

   “เป็นอย่างไรบ้าง?”  คนตัวเล็กสีหน้าไม่สู้ดีเมื่อเห็นท่าทางของเขา   เพราะอยู่โรงภาพยนตร์แคบๆมืดๆนานไปนิดทำให้เขารู้สึกอึดอัดและผะอืมผะอมเหลือแสน  คล้ายลมตีให้เมาหัว

   “คราวหน้าไม่มาแล้วนะ  ทั้งแคบทั้งมืดชวนเมาหัวจริงเชียว”  แก้วตาหัวเราะเสียงใสเมื่อได้ฟัง  เขาจึงพลอยยิ้มตามไปด้วย  หากแลกกับการเมาหัวแล้วให้แก้วตาหัวเราะเสียงดังอย่างนี้  นานๆมีก็ไม่ว่ากัน


•   สมัยก่อนจะเรียกว่าหนังญี่ปุ่น  เนื่องจากชาวญี่ปุ่นเป็นผู้นำมาฉายในสยามยุคแรกๆก่อนมีการทำโรงภาพยนตร์โดยคนไทย





   






   “.....”   เขาจ้องมองแผ่นสีดำที่หมุนวนไม่หยุดพลางนึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ที่จำได้มันต่างออกไป

   “มีอะไรหรือครับ?”  แก้วตาเอ่ยถาม  เขาขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย

   “จานเสียงนี้น่ะ  มันเปลี่ยนแล้วหรือ  เมื่อครั้งกระนู้นเหมือนจะแผ่นหนาหนักกว่านี้มากนัก”

   “?”

   “แล้วนี่หันมาบันทึกเพลงอื่นแล้วหรือ?  ไม่ใช่เพลงปี่พาทย์ที่นิยมกันแล้วรึไง?”  เขาหันมาถามคนข้างกายด้วยความสงสัย  พลันสะดุ้งวาบในใจเมื่อเผลอแสดงท่าทางออกไป   แก้วตาเงยหน้ามองเขาแล้วยกยิ้มริมฝีปากให้เขานึกหวั่น   หากคนตัวเล็กกลับกระแอมไอเสียทีหนึ่งแล้วหันมา

   “ฤดีรอเต้นรำกับคุณอยู่นะ”

   “เต้นรำหรือ?” 

   “เพลงนี่ไม่ใช่มีไว้ฟังหรอกรึ?”

   “คุณอย่าบอกนะว่าเต้นรำไม่เป็น?”   คนตัวเล็กเลิกคิ้วถาม  ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วอึดใจ  จะบอกว่าอย่างไรเล่าว่าเขาเต้นรำไม่เป็นจริงๆ

   “ผมยังเคยเห็นคุณเต้นเมื่อคราวก่อนอยู่เลย”

   “?”   แย่จริง!  จะทำอย่างไรดี!  ชายหนุ่มกัดริมฝีปากพลางครุ่นคิดหาทางออก  โดยไม่ทันคิดเลยว่าอีกฝ่ายกำลังหยอกอำเขา

   “เอาเถอะๆ  ถ้าคุณไม่ไปผมจะเต้นรำกับฤดีเองก็แล้วกัน”   ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอกที่คนตัวเล็กไม่ได้คาดคั้นเขาให้ไปเต้นรำจริงๆ    ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับจานเสียงด้านหลังอีกครั้ง

   “ยุคสมัยเปลี่ยนแปลง  จานเสียงเดี๋ยวนี้แผ่นบางลงแล้วหรือ?”  เขาพึมพำกับตนเองโดยไม่ได้รับรู้ถึงสายตาจับผิดของทั้งสองคนที่กำลังเต้นรำกันอยู่




.
.
.






   “ร้อนจริง”   เขาพึมพำพลางดึงเสื้อขยับให้ลมเข้า

   “ถ้าอย่างนั้นไปทานขนมกันไหม  ที่ตลาดน้ำข้างหน้ามีร้านอร่อยๆอยู่”  แก้วตาเดินขึ้นขนาบข้างเอ่ยชวน   ชายหนุ่มชะงักเท้าหยุดคิด  วันนี้แก้วตาก็ตามติดเขาเป็นเงาอีกแล้ว...หรือว่าเขาแสดงท่าทีอะไรให้น่าสงสัยออกไป?  “ไม่ไปหรือ?”  เจ้าของดวงตาดำขลับเอียงคอมองให้หัวใจเขาเต้นแรง   พาลอ้าปากปฏิเสธไม่ออก

   เขาก้มลงมองข้อมือที่โดนอีกฝ่ายฉุดรั้งให้เดินตามแล้วขมวดคิ้ว  นี่แก้วตาถึงขนาดจูงมือถือแขนชายอื่นด้วยรึ?   ในใจพลันกรุ่นโกรธด้วยหึงหวงว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์เปรมผู้นี้กับแก้วตาของเขานั้นสนิทชิดเชื้อมากถึงระดับใดแก้วตาจึงแตะเนื้อต้องตัวร่างกายนี้แบบนี้

   “นี่  ไข่กบ นกปล่อย  บัวลอย  อ้ายตื้อ  ใส่น้ำแข็งเย็นชื่นใจ”

   “น้ำแข็ง?”

   “ใช่น้ำแข็ง   นี่อย่างไร  ก้อนเล็กๆใสๆนี่”  แก้วตาว่าพลางใช้ช้อนตักก้อนน้ำแข็งจากถ้วยขึ้นให้อีกฝ่ายดู

   “ไม่ใช่ของที่เจ้าขุนมูลนายในวังท่านทานดอกรึ?  เหตุ ใดจึงมีออกมาข้างนอกให้ได้กินกัน?”

   “คุณว่าอะไรนะ?”  แก้วตาเอียงคอถาม

   “เอ่อ  พี่ เอ้ย  ผมนึกว่าเขาจะใส่พิมเสนให้เย็นๆเสียอีก”

   “พิมเสน?  เดี๋ยวนี้เขาใช้น้ำแข็งแทนพิมเสนแล้วครับ  เย็นเหมือนกัน”

   “?”  เขาเหลือบมองก้อนน้ำแข็งในถ้วยขนมนิ่ง  ก่อนจะตักขึ้นใส่ปาก

   “เป็นอย่างไร  เย็นเหมือนพิมเสนหรือเปล่า?”  แก้วตายิ้มเมื่อเห็นท่าทางตกใจของเขา

   “เย็น  แต่ไม่เหมือนพิมเสน  ไม่มีรสชาติแต่กินกับขนมแล้วอร่อย”  เขาว่าพลางตักขนมใส่ปาก

   “แล้วพิมเสนอร่อยใส่ขนมอร่อยไหม?”

   “ก็อร่อยนะ  พวกซ่าหริ่มก็มักนิยมใส่พิมเสนเข้าไป  กินแล้วจะเย็นๆ...”  เขาชะงักคำพูดเมื่อเห็นสายตาวิบวับของคนตรงหน้า  นี่เขาเผลอหลุดพูดเรื่องแปลกๆออกไปอีกแล้วใช่ไหม!

   แก้วตาพาเขานั่งเรือยนต์กลับบ้านหลังเล็ก  ระหว่างทางเขาปิดปากเงียบไม่ยอมพูดคุยกับแก้วตาเพราะกลัวจะเผลอแสดงตัวตนออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้   หากดูเหมือนฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ซักไซ้ชวนพูดคุยมากนัก   เอาแต่นั่งยิ้มชอบใจอะไรอยู่คนเดียว   บางหนก็หันมาจ้องมองเขาแล้วพยักหน้าคนเดียวบ้าง  ยกยิ้มมุมปากบ้าง   คาดว่าวันต่อๆไปแก้วตาคงไม่พาเขาไปลองใจที่ไหนอีกนะ...  เฮ่อ~~~


   
•   ไข่กบ คือ เม็ดแมงลัก, นกปล่อย คือ ลอดช่อง , บัวลอย คือ ข้าวตอก และอ้ายตื้อ คือ ข้าวเหนียว ซึ่งขนมทั้ง 4 ชนิดนี้ จะรับประทานคู่กับน้ำกระสาย (น้ำกะทิ)
 



.
.

*****



“คราวนี้จะชวนไปไหนอีกหรือ?”

“คุณไม่อยากไป?”  แก้วตาที่ควักสตางค์จ่ายค่าเรือคนละครึ่งกับฤดีถามเมื่อเขาเอ่ยท้วง

“น้อง...   คุณพาผม ออกมาเที่ยวทุกสุดสัปดาห์อย่างนี้ลำบากแย่”

“ผมแค่อยากขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตผมน่ะ   ไม่ได้หรือ?”

“แต่...”

“ไปเถอะไปไหว้พระกัน”

“ไหว้พระ?”  เขามองทางเข้าวัดแล้วใจหายวาบ   เหตุเพราะเขาคุ้นเคยกับวัดนี้ดีเหลือเกิน  “วันหลังดีกว่าไหมเจ้า?”

“มาถึงวัดแล้วจะกลับหรือ?”  แก้วตาถามพลางเดินนำ  ฤดีวิ่งตามขนาบข้างแล้วหันมามองเขาก่อนจะยิ้มเซียวส่งมาให้  สุดท้ายเพราะโดนมัดมือชกเขาจึงต้องมานั่งอยู่ตรงหน้าพระคุณเจ้าท่านอย่างนี้

“เอ่อ  กะ  เอ่อ  หน้าผมมีสิ่ง...มีอะไรแปลกไปหรือครับหลวงพ่อ?”  ชายหนุ่มเอ่ยถามพยายามควบคุมหางเสียงไม่ให้สั่นหลังจากปล่อยให้ท่านจับจ้องอยู่นานจนอึดอัด

“เปล่าดอกโยม  แล้วไปอยู่ที่ไหนมาล่ะไม่เห็นหน้าเสียนาน”   เขานึกขอบคุณพระคุณเจ้าอยู่ในใจที่ท่านไม่พูดอะไรออกมามากกว่านั้น

“บ้านที่อเมริกาน่ะครับ”

“อ้อ  อย่างนั้นรึ  แล้วนี่กลับมาอยู่ถาวรหรือแค่มาเที่ยวเฉยๆ”   ท่านถามทั้งๆที่ยังไม่ละสายตา

“คงอยู่ถาวรถ้าสามารถทำได้ครับ”

“อย่างนั้นรึ?  มา  เข้ามาใกล้ๆนี่ซิ”  เมื่อร่างสูงขยับเข้าไปใกล้ท่านก็ประพรมน้ำมนต์แล้วยื่นบางสิ่งให้ชายหนุ่ม รับไป  “ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข  พ้นทุกข์พ้นโศกเสียทีนะโยม  เวลาที่เหลืออยู่ก็อย่าให้เสียเปล่าล่วงเลยนะโยมนะ”

“ขอรับ  หลวงพ่อ”  ชายหนุ่มก้มลงกราบ  ในใจรับคำนั้นมาพิจารณาแล้วถอนหายใจ  พระคุณเจ้าท่านคงเห็น...




“คุณมีอะไรจะบอกผมไหม?”  เขาหยุดชะงักเท้าที่ก้าวเดินก่อนจะหันกลับไปมองคนด้านหลัง  พลางเมินหลบสายตาค้นหาของอีกฝ่าย

“อะไรหรือ?”

“...ถ้าคุณไม่บอกผมจะถามละกัน  คุณวาดแปลนเรือนขาวออกมาได้อย่างไรกัน?”

“เอ่อ”    น้องจะมาไม้ไหนกันแก้วตา?

“ทั้งๆ ที่คุณไม่ได้รู้โครงสร้างละเอียดนัก  แต่ผมอาศัยอยู่ที่นั่นมานานพอที่จะรู้ว่าภาพที่คุณวาดนั้นไม่ผิดเพี้ยนไปจาก ของเดิมแม้แต่น้อย”

“พะ  ผม  คิดว่ามันคงบังเอิญ”   ลองปฏิเสธให้ถึงที่สุดดู...จะเป็นอย่างไร?

“ทำไมคุณไม่บอกล่ะว่าคุณเป็นถึงอาจารย์สอนวาดรูปแค่มองอย่างละเอียดไม่กี่ครั้งก็สามารถวาดมันออกมาได้”

“!” 

“แล้วก็อีกข้อ  วันที่ผมขอสัญญาไม่ให้คุณวาดภาพเรือนขาวคุณจำได้ไหมว่าคุณขอสิ่งใดจากผมเป็นการแลกเปลี่ยน    “ผม..”  มือใหญ่ชื้นเหงื่อ  เขากำลังคิดหาข้อแก้ตัวมากมายแต่ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถหาเหตุผลใดมาอ้างได้เลย

“และข้อสุดท้าย  ทำไมคุณถึงต้องใส่แว่นกันแดดตลอดเวลาที่อยู่กับผม  ”    คนตัวเล็กเลื่อนกายมายืนประจันหน้ากับเขา    ค่อยๆเอื้อมมือถอดแว่นกันแดดออกแผ่วเบา  “เพราะคุณกลัวว่าผมจะรู้อย่างนั้นหรือว่าคุณไม่ใช่อาจารย์เปรมตัวจริง และที่ผ่านมาคุณเป็นอาจารย์เปรมได้ไม่แยบยลเลยสักนิด”

“!” 

“ใช่ไหมคุณใหญ่?   เพราะคุณกลัวว่าผมจะรู้อย่างนั้นหรือว่าคุณไม่ใช่อาจารย์เปรมตัวจริง?   ”

“!”   

“ใช่ไหมคุณใหญ่?”  แก้วตาถามซ้ำเขาซึ่งตกตะลึงยืนนิ่ง  ก้มลงมองเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นด้วยสายตาหวาดหวั่น

“คุณพูดอะไร?”  เขารู้ว่าเสียงตัวเองสั่นไหวจนจับได้

“....”  เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง   พลางขบริมฝีปากก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นในระดับสายตาให้เขาเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายสวมอยู่บนนิ้วนาง    ก่อนที่มือขวาค่อยๆถอดแหวนวงนั้นออกมาอย่างแช่มช้า

“อย่า!”  ชายหนุ่มผวาคว้ามือเล็กที่ทำท่าจะขว้างแหวนวงนั้นทิ้งแล้วตวัดร่างบอบบางไว้ ในอ้อมกอดอย่างตื่นตระหนก  “พี่ขอโทษ!  พี่ขอโทษ...”    ยอมแล้ว...พี่ยอมแพ้เจ้าแล้วคนดี...

“ทำไมต้องโกหก  ฮึก  ทำไมต้องปิดบัง?”  ร่างเล็กซุกหน้าลงกับอกเขาพลางสะอื้นไห้จนตัวโยน

“คนดี  พี่ขอโทษนะเจ้า”

“รู้ไหมว่าผมคิดถึงคุณแค่ไหน  ในอกเจ็บจนแทบขาดเมื่อคิดว่าคงไม่ได้พบคุณอีกแล้ว  ฮึก~”

“ขอโทษนะคนดี  พี่เองก็คิดถึงน้องเหลือเกิน”  เขาค่อยประคองใบหน้าเนียนขึ้นอย่างทะนุถนอมแล้วกดจูบหน้าผากเนียนแผ่วเบา  เลื่อนจูบซับหยาดน้ำตาให้เหือดแห้ง  สุดท้ายที่ริมฝีปากสีเข้ม  ...เนิ่นนานด้วยโหยหาลึกซึ้ง

“คุณใหญ่”

“หืม?”

“รักนะครับ”

“!”  ชายหนุ่มเบิกตากว้างก่อนจะยิ้มเจิดจ้า  กดจูบปลายจมูกมนแล้วกระซิบ  “พี่ก็รักแก้วตาเช่นกันครับ”





ถ้อยสัญญา...
เมื่อพี่กลับมาแล้วจะได้ยินเจ้าเอื้อนเอ่ย...


รัก...
รักเหลือเกิน...ยอดดวงใจ...



*****







สวัสดีค่ะ   หายไปนานเพราะ...ตันค่ะ   ฮาาาาา
วันนี้มีตอนพิเศษสั้นแสนสั้นมาค่ะ  เป็นเรื่องราวระหว่างทางที่คุณใหญ่เธออยู่ในร่างอาจารย์เปรมแล้วพยายามทำตัวให้เนียนอยู่เพราะยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับแก้วตาในร่างใหม่  อันที่จริงคุณใหญ่เธอก็แค่กลัวนั่นแหละค่ะ  กลัวการใช้วีวิตใหม่อีกครั้ง  หนำซ้ำยังรู้สึกผิดที่เอาร่างอาจารย์เปรมแกมา


เช่นเคยค่ะ  มีอะไรก็ติ-ชมกันได้นะคะ
เสร็จแล้วก็เอามาลงเลยทันที  หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ด้วยรักและคิดถึง :impress2:

ออฟไลน์ nunut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอบคุณค่ะ

ว่างเมื่อไหร่รบกวนขอตอนพิเศษอีกนะคะ
ชอบนิยายเรื่องนี้มากค่ะ

เราตามอ่านทีหลัง หลังเรื่องจบไปเป็นเดือน
9 หน้าแต่อ่านแบบค่ำจดเช้า เช้าจดเย็นกันทีเดียว


อยากให้คุณ เขียนเรื่องอื่นอีกเยอะๆ เยอะๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2014 15:52:07 โดย nunut »

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
คิดถึงเหมือนกัน  :mew1:

ออฟไลน์ meyj4ever

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
กรี๊ด~ ตอนพิเศษ ดีใจที่มาต่อให้นะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ กำลังคิดถึงคุณใหญ่กับน้องแก้วตาอยู่พอดีเลย
ขอบอกว่าชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ
ถ้าว่างรบกวนมาต่อให้อีกนะคะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่า คึคึ มัดมือชกซะเลย~

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
ชอบเรื่องนี้มาก เพิ่งได้เข้ามาอ่าน หลังจากจบไปแล้ว

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
แง้ อ่านแล้วคิดถึงจังเลย

ไว้มาอีกนะคะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เรื่องนี้ดีงามจริงๆ ยกนิ้วให้

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
อยากให้มีตอนหวานๆต่อจากนั้นจัง

ออฟไลน์ JustOneKris

  • 我用三生烟火,换你一世迷离。
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ ให้เป็นที่ 1 ในใจเลย ดีใจมากๆที่มาต่อนะคะ

 :mew1: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
ดีใจที่คนเขียนมาต่อตอนพิเศษ
แล้วมาต่ออีกนะคะ จะรอค่ะ

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
มีชาติหน้าอีกไหม ให้เขาได้อยู่ด้วยกันตลอดไปเถอะ น้ำตาหมดเป็นปีบแล้วเนี่ย  :ling2:
แต่เรื่องสนุกจริงๆ ตอนแรกก็ไม่กล้าเขามาอ่าน พออ่านๆไปสนุกดี  :heaven

ออฟไลน์ Cressent

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คิดถึง ทั้งคู่เลย ใช้คำพูดได้น่ารักมากๆ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
ขอบคุณตอนพิเศษนี้ค่ะ
อ่านไปเหงื่อตกแทนคุณใหญ่ไป ^^
แก้วตาดุจริงๆ  :mew3:

ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ขอบคุณนะคะ สนุกมากๆเลย  :กอด1:

ภาษาสวยมากๆ แถมเดินเรื่องได้น่าติดตามสุด

ออฟไลน์ สมาคมโคแก่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
นึกว่าจะไม่ได้อ่านตอนพิเศษซะแล้ว

เอาจริงๆ 10 ปีในร่างมนุษย์ มันไม่จุใจเลย
ืทั้งที่รอวันนี้มานานแสนนานขนาด คนเขียนกลับใจร้ายให้เวลาคุณใหญ่แค่ 10 ปี
ยังดีที่มีตอนพิเศษมาเป็นน้ำชะโลมใจให้คลายคิดถึงบ้าง ยังไงก็อย่าให้รอนานนะแม่นะ ขอตอนพิเศษอีกเยอะๆด้วยเถิด

รักจริงๆนิยายเรื่องนี้ รักมาก

ออฟไลน์ akkharadech

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบอ่านเรื่องแนวนี้มากครับนานๆจะเจอชอบภาษาที่สละสลวย ไหนจะบทกลอนนั่นอีก ขอบคุณมากๆครับ

ออฟไลน์ @Iriz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-2
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ ชอบมากก ไม่ค่อยได้อ่านแนวแบบนี้เลย
ดำเนินเรื่องดีมาก เขียนสลับกันสองยุคแต่ไม่งงเลยค่ะ
ตอนคุณใหญ่มาเจอแก้วตาในสภาพนั้นนี่พีคมากค่ะ สงสารทั้งคู่มากๆๆ น้ำตาไหลพรากเลย
ดีใจที่จบแฮปปี้ ถึงจะไม่ค่อยสุดก็เถอะ แต่ก็แอบสงสารอาจารย์เปรมอยู่เหมือนกัน
ปล.อยากให้มีตอนพิเศษอีกจังค่ะ อยากรู้ว่าคุณใหญ่ตอนค่อยๆปรับตัวให้เข้ากับยุคปัจจุบันจะเป็นยังไง
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ +1 เป็นกำลังใจให้ค่า  :L2:

ออฟไลน์ yumijung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอบคุณมากมายที่กลับมา  :pig4:
ขอบคุณอีกครั้งมี่กลับมา..เราคิดถึงคุณใหญ่ เราคิดถึงแก้วตา..ในที่สุดเราก็ได้เจอกันอีกครั้ง
ขอบคุณจริงๆค่ะ..รู้มั๊ยว่าใจเราเต้นรัวเป็นกลองเพลที่เห็นตอนพิเศษอ่านไปก็ยิ้มไป ..ใจเต้นตึ๊กๆ..ทั้งดีใจที่คุณใหญ่ได้กลับมาแต่ในเวลาเดียวกันก็สงสารคุณเปรม.ที่รักแก้ตามากยอมสละร่างให้คุณใหญ่..ตื้นตันน้ำตาจะไหล...
..อยากให้มีตอนพิเศษอีกค่ะอยากรู้ช่วงเวลาแห่งความสุขที่คุณใหญกับแก้วตาได้ใช้เวลานั้นร่วมกัน  :impress2:

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
คือเราเพิ่งเห็นว่ามีตอนพิเศษ อยากให้มีตอนพิเศษอีกจังเลยค่าาาา
อยากได้แบบฟินๆแบบจุใจ โอ้ยอยากให้ชาติหน้าคู่นี้ได้รักกันอีกจังงง :ling1: :ling1:
นิยายเรื่องนี้เป็น ที่ 1 ในดวงใจเลย

คือคิดยังไงก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็อยากจะเข้ามาดู สรุปว่าคนเขียนอัพแล้ว
เราดีใจมาก มันตื่นเต้นแบบบอกไม่ถูก ดีใจที่ได้เจอแก้วตาอีกคุณ เจอคุณใหญอีกครั้ง

ไม่ทราบว่า มีแววจะรวมเล่มไหมคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2015 00:20:10 โดย p.spring »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
สนุกมากกกกก

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
~ อสงไขย~
กาลพิเศษที่๒










จากแรกเริ่มเขาเพียงแค่สนใจ  ใบหน้านวลใส  ดวงตาระยับสวยหากแฝงแววโศก  ใครเลยจะคาดคิดว่าเพียงจุดเริ่มต้นนั้นกลับกลายเป็นผูกใจเขาเอาไว้เสียทั้งดวง  แน่นหนาจนไม่อาจหลุดพ้น
อยากให้รัก...
อยากให้ยิ้มนั้นเป็นของเขา...








“คุณพระนาย?”

“What do you say?”    วูบหนึ่งที่ใบหน้าราวกับจะยิ้ม  เพียงครู่ก็สงบนิ่ง   ท่าทางนั้นทำให้ไม่อาจละสายตาเพราะสงสัยใคร่รู้  ฝ่ายนั้นเห็นเงาของใครในสายตายามเมื่อมองเขา?

เขาไล่ตาม  แก้วตาก็ยิ่งวิ่งหนี  บอกว่าเขาไม่ใช่ตัวจริง...แล้วน้ำตาจึงคลอหน่วยตาคู่งาม   น่าแปลกที่มันสามารถทำให้ในอกของเขาหน่วงหนึบอย่างไม่เคยเป็น  เขาเฝ้าเพียรมองหา  ยิ่งเมื่อเห็นใบหน้าขาวใสประดับรอยยิ้มเขาก็ยิ้มตาม   ไม่รู้ว่าทำไม   อาจจะเป็นเพราะความดื้อรั้นตั้งแต่คราแรกที่พบหน้า  หรือความทระนงยามเมื่อเขาเผลอแสดงท่าทีเห็นใจตอนเจออีกฝ่ายลำบาก    ทุกอย่าง....ทุกอย่างของแก้วตารั้งสายตาเขาเอาไว้เสมอ...

เพราะอะไรกันนะ?

เขาสงสัย  และเฝ้าถามตัวเอง





“คุณห้ามวาดเรือนขาวถ้าผมไม่อนุญาต”   เขาอยากแกล้งให้โมโหเนื่องจากอยากเห็นสีหน้าที่หลากหลายกว่านี้  แต่...เขาเป็นคนรักษาสัญญา  จึงทำได้เพียงแค่หมายมั่นว่าสักวันเขาจะวาดแปลนเรือนหลังนี้ให้ได้  ไม่ใช่เพื่อเอาชนะแต่เพื่อจะมอบให้อีกฝ่าย...
ที่เรือนหลังนั้น...เหมือนจะซ่อนใครบางคนหรืออะไรบางสิ่งเอาไว้  หากแก้วตาไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อีก    น้อยครั้ง...ที่เขาจะได้มองเห็นเรือนหลังงาม



“คุณเลือดออก!”  เสียงแหบหวานตระหนกเมื่อเห็นหยาดสีแดงฉานบนมือของเขา    เขาซุ่มซ่ามนักเมื่อตอนเอื้อมคว้ากระบอกรูปภาพ มันกลิ้งหล่นและเขาลืมตัวคว้าจนชนกับมุมโต๊ะ   เจ็บจนเซถอยชนผนังห้องทำเอารูปภาพที่แขวนอยู่ตกลงมาแตก  มือขาวคว้าล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาพันมือเขาอย่างรีบร้อน   แก้มเนียนที่มีสีระเรื่อประดับอยู่เสมอบัดนี้ซีดเผือดอย่างตกใจ   เขายกมือแตะปลายนิ้วบนแก้วขาวแผ่วเบาเพื่อหวังปลอบประโลม

“อย่าตกใจ  ผมไม่เจ็บมากเท่าไหร่นัก”  เขาบอก  เจ้าของแก้มผละตัวออกห่างอย่างตกใจ  เขายิ้มกับท่าทางนั้นคนตรงหน้าเลยตีสีหน้าบึ้งตึงใส่แล้วหันหลังจากไป    เขาเก็บผ้าเช็ดผืนนั้นเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อตรงอกข้างซ้าย  เก็บไว้ไม่ได้คืน...

ทำไมกันนะ?

เขาหาเรื่องไปที่แกลอรี่ของคุณชาย  พี่ชายของเด็กสาวฤดี   หวังเพื่อได้เห็นหน้าละมุนนั้น   ยามเมื่อไม่มีวิชาเรียนหรือวันหยุดติดกันเกินสองถึงสามวัน  ในอกของเขาก็ร่ำๆอยากจะเห็นหน้าอีกฝ่ายมากขึ้นทุกทีๆ   เขาเคยไปที่บ้านของคุณชายครั้งหนึ่ง   คราวนั้นไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ   ร่างระหงนั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ร่มไม้  ตรงหน้ามีผืนผ้าใบตั้งอยู่  แขนเรียวยกขยับขีดเส้นลงบนผืนผ้าใบนั้น  ริมฝีปากสีสดวาดยิ้มบางเบาอย่างมีความสุข  เขาหยุดเท้าไม่ได้ก้าวเข้าไปหา  รอยยิ้มนั้น...จะมีวันส่งมาหาเขาบ้างไหม?
เย็นวันนั้นคุณชายเชิญร่วมทานอาหารค่ำ   คนตัวเล็กเหลือบสายตามองเขาชั่วครู่แล้วเสหลบ  เขาถามยืดยาวเป็นประโยคหากฝ่ายนั้นกลับตอบเพียงไม่กี่คำ   เขาหัวเราะ   ฝ่ายนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองพลางขมวดคิ้ว  สงสัยว่าเขาหัวเราะอะไร

“คำพูดเป็นดอกพิกุลทองหรอกรึ  ประหยัดถ้อยคำเสียจนผมนึกประโยคต่อไม่ออก”

“ถ้าพูดแล้วมีพิกุลทองร่วงมาคงดีไม่น้อย  ผมจะได้รวยในไม่ช้าเพราะจะพูดทั้งวัน”

“งกเสียจริง”  เขาหัวเราะอีกครั้ง   พลันแก้วตาที่ได้ฟังจึงหัวเราะตาม  เขาชะงักนิ่งค้างกับรอยยิ้มนั้น  ดวงตาพราวระยับด้วยอารมณ์ขันพาให้หัวใจเต้นแรงอีกคราว...







เหมือนมีบางสิ่งคอยกั้นแก้วตาเอาไว้จากทุกอย่างรอบกาย   ดวงตาคู่นั้นมักมองเลยผ่านเขาไปด้านหลัง  ยิ้มแสนเศร้าและแววตาคะนึงหา...  เขาอยากถาม   แก้วตามองหาใคร?  จนวันหนึ่ง...หัวใจเขาแทบร่วงหล่นเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายล้มป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล  เขาอยากไปหา  อยากดูแล  แต่เข้าถึงยากเหลือเกิน...  เขาจะไปในฐานะอะไร

“คุณฟื้นแล้ว?”  ในที่สุดเขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้  เท้าสองข้างหยุดยืนตรงหน้าประตูห้องคนป่วย   ใบหน้าเนียนนั้นซีดขาว  ดวงตาคู่สวยนั้นส่งประกายดีใจอยู่ครู่เมื่อหันมาเห็นเขา  ก่อนจะหม่นแสงลง

“นั่นรูปของใครหรือ?”   สายตาเขาเหลือบไปเห็นกรอบรูปที่ตั้งวางใกล้เตียง   เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นภาพนั้นชัดตา  ใบหน้าของเขา?  แต่...มีบางอย่างที่ไม่ใช่...  รอยยิ้มของเขาค่อยๆเลือนหาย

“ช่วยพาผมไปที่เรือนขาวที”  คนบนเตียงขอร้อง   เขาอยากถาม    จะไปทำไม?  ไปหาใคร?

“คุณพระนาย! คุณพระนาย! คุณอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”  แก้วตาตะโกนก้อง  ร้องหาใครบางคนที่คาดว่าจะอยู่ในเรือนขาว   หากจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้ทั้งเรือนเงียบเชียบ  รกเรื้อราวกับไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ

“แก้วตาคุณเรียกหาใครน่ะ  ที่นี่ไม่มีใครอยู่หรอก”

“มีซิ  คุณพระนายของผมอย่างไรล่ะ  เขาจะต้องอยู่ที่นี่ซิ”   นามนั้น   คุณพระนาย   ครั้งแรกตอนที่ได้พบกันและแก้วตาเรียกเขาอย่างนั้น...แต่ไม่ใช่เขา   หากคำว่า  คุณพระนายของผม   ที่แก้วตาพูดออกมาราวกับจะเด็ดหัวใจเขา  พลันสายตาของเขาเห็นภาพผืนใหญ่ซึ่งแขวนตั้งไว้หลังโต๊ะทำงานตัวเขื่อง  เลือดในกายพลันเย็นเชียบ  ขนกายลุกชันก่อนจะหันไปถามแก้วตาอีกครั้ง

“แก้วตา  คุณกำลังหาใคร?”

“ก็บอกว่าคุณพระนาย!คุณพระนายของผม!”

“คนในภาพวาดนั่นน่ะรึ?”

“ใช่!”

“แต่...นั่นเป็นภาพในสมัยรัชกาลที่๖แล้วนะ  เขาจะมีตัวตนอยู่ได้อย่างไร”  เขาถาม  หวาดหวั่นกับคำตอบนัก

“เขามีตัวตนสำหรับผม!”  สิ้นคำนั้นน้ำตาพลันอาบแก้ม  ดวงตาคู่สวยร้าวระบมด้วยความเจ็บปวด

“มันเป็นไปไม่ได้  ถึงผมจะไม่เคยเห็นแต่ผมก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คน”  เพราะแววตาคู่นั้นของแก้วตา  เขาเอ่ยประโยคที่ราวกับปลายหอกทิ่มแทงใจอีกฝ่ายซ้ำเติม

“คุณจะมารู้ดีกว่าผมได้ยังไง!  ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่นี่  อยู่กับผม!”  หากคำพูดของเขาเป็นปลายหอก  คำพูดของแก้วตาก็ราวกับปลายมีดที่กรีดใจเขาเช่นกัน

“ถ้าหากคุณเห็นเขาจริงก็แสดงว่าเขาเป็นผี!” 

“หยุดนะ!”

“ไหนล่ะ?  ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?  ทำไมไม่ปรากฏตัวออกมา”

“เขาต้องอยู่ซิ  ต้องอยู่...”  คงตรงหน้าเขาร่ำไห้  ริมฝีปากคู่นั้นพร่ำร้องเรียกหานามนั้นไม่หยุด

“แก้วตา   เป็นผมได้ไหม?”   ไหล่เล็กสั่นเพราะแรงสะอื้นไห้  เขาคว้ามากอด  หวังให้แขนคู่นี้แบ่งเบาความเจ็บปวดนั้น  ให้อ้อมอกเขารองรับหยาดน้ำตาแม้นว่าใจของเขาเจ็บร้าวราวกับจะแหลกตามคนตรงหน้าก็ตาม

หลังจากนั้น...เขาเฝ้าคอยดูแลแก้วตาไม่ห่าง  บางครั้งถูกผลักไส  บางครั้งก็ถูกจ้องมองด้วยความโหยหา  แม้จะเป็นเพียงแค่ตัวแทน...ก็ยินยอมแล้วในตอนนี้...





“แก้ว”
“?”  เด็กหนุ่มตรงหน้าเงยขึ้นมองก่อนจะยกยิ้มบางเบาให้  นี่เป็นครั้งแรกที่คนตรงหน้ายิ้มให้เขาอย่างจริงใจ   ในอกข้างซ้ายของเขาเต้นระรัว  เขายิ้มตอบ  ไขว่คว้าร่างระหงตรงหน้าเขามากอดหากมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นที่สัมผัส     เขาสะดุ้งตื่นจากฝัน....










“เป็นผมไม่ได้หรือ?”

“หมายความว่ายังไง?”

“ให้เป็นผมที่รักแก้วตาแทนเขาไม่ได้หรือ   คุณพระนายคนนั้นน่ะ”  เขาอ้อนวอน  เขาปรารถนาให้คนตรงหน้าได้ยิ้มอีกครั้ง  เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วจากเด็กสาวฤดี  ว่าความรักของทั้งคู่นั้นเป็นอย่างไร

“คุณไม่ใช่เขา”

“ผมรู้  แต่ผม...”

“คุณไม่รู้หรอกว่ากว่าเราสองคนจะรักกันได้มันยากเย็นขนาดไหน”  คนตรงหน้าบิดมือให้หลุดจากการกอบกุมของเขา

“ใช่  ผมไม่รู้หรอกว่าคุณกับเขารักกันมันยากขนาดไหนแต่คุณก็ไม่รู้ว่าผมรักคุณมากขนาดไหนเหมือนกัน”

“.....”   ไหล่เล็กนั้นสั่นสะท้าน  หากแก้วตาก็ไม่หันมา...

ร่างนั้นเดินจากไป...ค่อยๆห่างจากสายตา

พลันหยาดน้ำอุ่นก็อาบแก้มของเขา....เขาร้องไห้...

ในใจเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก....














ผ่านไปกี่วันแล้วที่เขาไม่ได้เห็นหน้าแก้วตา?
หลังจากวันนั้นเขาทรุดจนต้องดูแลตัวเองใหม่อีกครั้ง   เขาคิดถึงดวงตาระยับสวยของแก้วตา  เขาคิดถึงรอยยิ้มที่นานๆครั้งจะถูกส่งมาให้  เขาคิดถึงฝีแปรง  ลายเส้นอันสวยงามของแก้วตา   เขาคิดถึงความเข็มแข็งยามเมื่อประสบปัญหาของคนคนนั้น  เขาคิดถึงเสียงแหบหวานยามเอ่ยเรียกชื่อเขา  เขาคิดถึงความอ่อนโยนที่แฝงไว้ในความไม่สนในของอีกฝ่าย   เขาคิดถึงแก้วตา   คิดถึงเหลือเกิน...

วันนี้...อยากเห็นหน้า   เขาไปหาแก้วตาที่บ้านของคุณชาย  หากฝ่ายนั้นบอกว่าแก้วตาออกจากมาบ้านมาตั้งแต่เช้าแล้ว   ไปไหน?  คนคนนั้นจะไปที่ไหนกันนะ?  จริงซิ  เรือนขาว!
เขาเห็นรถยุโรปคันงามคุ้นตาจอดอยู่หน้าเรือน  มันคุ้นแต่เขาจำไม่ได้ว่าเป็นของใคร  ก่อนจะเดินเข้าไปยังเขตเรือนขาว

‘เข้าไปซิ  เร็วๆเข้า’เหมือนมีเสียงกระซิบจากที่ไกลๆบอกเขา  ความรู้สึกเป็นห่วงเต้นเร่ากระหน่ำตีในอกขึ้นพลัน  เขาวิ่งพลางร้องเรียกหา  แก้วตา  แก้วตา  เรียกด้วยหัวใจร้อนรน  เขาอยู่ที่ไหน?

‘ข้างบน’  เขาวิ่งไปตามเสียงกระซิบนั้น

“คุณโสภี  นั่นคุณทำอะไรน่ะ!ร่างของหญิงสาวที่มักจะเข้ามาพูดคุยกับเขาเมื่อหลายเดือนก่อนยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมไม้ขีดไฟ  กลิ่นน้ำมันฉุนทำให้เขาตระหนกก่อนสายตาจะจบกับร่างที่นอนแน่นิ่งบนพื้นของแก้วตา  ใจเขากระตุกวูบด้วยความเป็นห่วง  เขาพยายามเอ่ยรั้งถ่วงเวลากับโสภีพลางสังเกตว่าแก้วตายังมีลมหายใจอยู่หรือไม่   เมื่อเห็นว่าอกยังขยับไหวก็ให้เบาใจเปลาะหนึ่ง

“ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้คุณพี่ก็มองแต่มัน!”

“ผมไม่ใช่เขา”  ทั้งๆที่เขาอยากเป็นใจจะขาด

“โกหก  คุณพี่เป็นของน้องไม่ใช่มัน!”  เขาขยับเท้าเข้าใกล้คนตรงหน้าเพื่อจะแย่งไม้ขีดไฟออกจากมือนั้น  หล่อนไม่ยอมแพ้  สุดท้ายหล่อนก็จุดไฟแล้วโยนมันลงบนพื้นที่ชุ่มด้วยน้ำมัน  เขาถลันกายเพื่อเข้าไปหาคนที่หมดสติบนพื้น   หากโสภีก็ยังรั้งร่างเขาเอาไว้  เขาสะบัดหล่อนก็กระชากเขารุนแรงขึ้น  ก่อนจะรู้สึกหล่นวูบลงไป....

เขาเจ็บ...เจ็บเหลือเกิน  เจ็บไปหมดทั้งตัว...ลมหายใจคละลุ้งกลิ่นคาวเลือด... หากเพียงครู่ใจเขาก็กระหวัดนึกถึงใครบางคน  แก้วตา!

ช่วย  ต้องช่วยแก้วตา!  เขาตะโกนก้องในใจ  ความเจ็บปวดถาโถมรุนแรงก่อนจะสำลักลมหายใจตัวเอง  เขาไอโขลกพร้อมกับเลือดที่ค่อยๆทะลักออกมา...แก้วตา...

พลันสายตาของเขาก็เห็นใครบางคน...  ใครคนนั้นที่เขาเคยเห็นแต่ภาพวาด   ใครคนนั้นที่หน้าตาเหมือนเขาราวกับพิมพ์....

“คุณพระนายซินะ?”   ร่างนั้นพยักหน้า   ดวงตาโศกมองเขาอย่างเวทนา

“คุณกำลังรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยแก้วตาและผมได้อย่างนั้นหรือ?”   คุณพระนายคนนั้นพยักหน้ารับอีกครั้ง  “ช่วยแก้วตา...ช่วยเขาที...”  น้ำตาร่วงหล่นจากใบหน้านั้น

‘ขอโทษนะ’  เขายกยิ้มให้แผ่วเบาก่อนทุกอย่างจะดับลงแม้แต่ลมหายใจ....


เขามองเห็น...ร่างอาบเลือดของตัวเองค่อยๆขยับไหว  เชื่องช้า...ก้าวขยับขึ้นบันไดท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโหม  เสียงตะโกนของอีกร่างเร่งเร้าให้พาแก้วตาออกจากกองเพลิง  คานเรือนถูกเผาไหม้ก่อนหล่นปิดกั้นทางหนี  เขาร้อนรนมองแก้วตาในอ้อมแขนที่เคยเป็นร่างของเขา...  คนคนนั้นเหลียวกลับมามองร่างของโสภีอย่างตกใจเมื่อคานไม้อีกอันหล่นลงใส่หล่อนให้ดับดิ้น...

‘คุณพระนายขอรับ  ระเบียง!’

เขามอง....แก้วตาที่ถูกกอดประคองในอ้อมแขนนั้น

“แก้วตา  คนดีของพี่”

“คุณพระนาย”

“น้องปลอดภัยแล้ว”  คนนั้นก้มจูบหน้าผากเนียนแผ่วเบา

“คุณไปไหนมา?”

“พี่อยู่ตรงนี้  ใกล้ๆแก้วตาตลอดเวลา”

“อย่าหายไปอีกนะ  อย่าหายไป....เพราะว่าผมรักคุณ”

“แก้วตา?”

“แก้วรักคุณพระนายนะ”

“พี่ก็รักแก้วตารักเหลือเกิน…”

เขามองภาพนั้นนิ่ง…
หยาดน้ำอุ่นอาบแก้มหากเขาก็ยังยิ้ม  ยิ้มที่ได้เห็นแก้วตาปลอดภัยถึงแม้…ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อาจอยู่ดูแลอีกฝ่ายได้อีกแล้วก็ตาม…เขาขยับเข้าไปใกล้แล้วทรุดกายลง  จ้องมองใบหน้าเนียนนั้นอีกครั้งอย่างแสนรักก่อนจะค่อยๆก้มลงจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลานั้น  หยาดน้ำร่วงหล่นลงกระทบผิวเนียน

‘ลาก่อน   แก้วตาที่รัก’

“ขอโทษ”  เสียงทุ้มจากริมฝีปากอิ่ม  คุณพระนายมองเขาพลางเอ่ยขอโทษ  เขาส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร

‘ขอบคุณ’  ขอบคุณที่ปกป้องแก้วตา


หากแม้นมีชาติหน้า...เขาขอ...
ให้ได้รักอีกครั้ง.....














โอ้ ดินฟ้า นั้นคงเศร้าใจ   
ฟ้าฉ่ำร้อง เสียงระงม
ฉันยิ่งตรม ใจยิ่งครวญ   
ดินจะคง หลงชม
งมรักเรื่อยไป   
เราจะคง ร้องไห้
อาลัย กำสรวล   
ตราบสิ้น ดินฟ้า จันทร์นวล
มิสิ้น รัญจวน ใจสวาท
โอ้ ตะวัน ลับลา พาอนาถ
เหมือนรักขาด นิราศหัวใจ






[/cente



***************



สวัสดีค่ะ 
หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกก (ทุกคนเขาทิ้งแกไปหมดแล้ว!!!)

จะบอกว่าตอนนี้ทุกอย่างจบหมดแล้วค่ะ  น่าจะสมบูรณ์ที่สุดแล้วมั้ง   ตอนนี้อาจจะเศร้าหน่อยเพราะเป็นมุมของคุณเปรมเธอ....
ตอนหน้าสัญญาว่าจะวาบหวิว  เอ้ย  หวานทดแทนนะคะ
สำหรับตอนพิเศษที่แต่งไว้สำหรับลงในบอร์ดนั้นเราแต่งไว้สามตอนค่ะ  อีกตอนเดียวก็จะครบแล้วเนอะ
  สำหรับเรื่องการจัดทำหนังสือจะแจ้งอีกทีนะคะ  ขอติดต่อ สนพ.ก่อน^^


แล้วเจอกันใหม่ค่ะ :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2015 10:10:36 โดย sine »

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
สงสารคุณเปรมจริงๆๆๆๆ  :heavenขอบคุณนะค่ะสำหรับตอนพิเศษ

รอข่าวดีเรื่องรวมเล่มค่ะ  :mew1: :katai5:

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
หน่วงอีกแล้ว :monkeysad:

ออฟไลน์ Panpearwa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอ~ หนังสืออออ♡♡♡

ออฟไลน์ @Iriz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-2
ฮือ สงสารคุณเปรม  :m15:

ออฟไลน์ whitelavenders

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ่านไปขนลุกไป แต่งได้ดีเหมือนเคยเลยค่ะ เราสงสารคุณเปรมจับใจเลย โถ่ พ่อคุณ ขอให้ชาติหน้าคุณเปรมได้เจอกับน้องอีกนะคะ

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
สงสารอ.เปรมเหมือนกัน นิสัยดี รักมั่น เสียสละ
กลับมาเกิดใหม่หรือยังคะ คนแถวนี้รออยู่^^

ออฟไลน์ ตาล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มันซึ่งอะ หน่วงในอกแต่มีความสุข

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
อ่านไปน้ำตาไหลไป นั่งถามตัวเองนี่ต้องร้องขนาดนี้มั้ยยย
เศร้า ซึ้ง สนุก หวาน หน่วง ครบรสจริงๆค่ะ
10ปีสั้นก้สั้นแต่ก้ยังดีกว่าไม่ได้และก้ยังไม่เวลาเตรียมใจ
สงสารคุณเปรมที่สุดแล้วว รักมั่นจริงๆ
ขอบคุณค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด