Unbelievable Love [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ขอฝากหน่อย - ซาวเสียงคนที่อยากให้รวมเล่ม 'เป็นได้แค่ตัวแทน' และ 'ตัวจริงคือเธอ' อีกรอบ

รวมเล่ม
156 (88.1%)
เรื่องไรวะ ไม่รู้จัก 555+ (ดูที่ลายเซ็นคนเขียน)
21 (11.9%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 152

โพลล์

รบกวนโหวตรวมเล่ม Unbievable+Unintentional อีกครั้ง TT_TT ขอโทษๆๆๆ

Unbelievable only
21 (8.5%)
Unintentional only
10 (4%)
Unbelievable + Unintentional
217 (87.5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 218

ผู้เขียน หัวข้อ: Unbelievable Love [END]  (อ่าน 850457 ครั้ง)

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 23 Oct 12
«ตอบ #450 เมื่อ24-10-2012 18:18:04 »

ไวเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนน   :a5:
แต่แหล่มมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :mc4:

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 23 Oct 12
«ตอบ #451 เมื่อ24-10-2012 18:53:53 »

^^

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 23 Oct 12
«ตอบ #452 เมื่อ24-10-2012 19:12:12 »

เห้ยยยย

ไม่มี ตอน ที่ อยู่ บ้าน พี่เลย์ กะ  ตอนเล่นสงกรานต์ หรอ

อยาก อ่าน อ่ะ
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
อิอิอิ

รอ อ่าน จ้าาาา

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 23 Oct 12
«ตอบ #453 เมื่อ24-10-2012 19:41:39 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ rainbow67

  • Life is like a rainbow. You need both the sun and the rain to make its colors
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +763/-15
Unbelievable Love : Songkran Festival
«ตอบ #454 เมื่อ24-10-2012 21:14:45 »

UNBELIEVABLE LOVE

Songkran Festival

 

 

“พุ?”

ไม่สนใจเสียงกระซิบเรียกข้างๆ หู ผมยังคงนอนหลับตานิ่ง

“จะตื่นไม่ตื่น”

“อื้อ” ผมบ่นงึมงำ ปัดนิ้วที่เขี่ยจมูกออกอย่างรำคาญ

“หึ หึ” คนมาปลุกหัวเราะเจ้าเล่ห์ ก่อนที่มืออุ่นๆ จะค่อยๆ เลื้อยเข้ามาในเสื้อช้าๆ

รีบตะครุบมือที่เลื้อยสูงขึ้นไปข้างบน ผมประท้วงทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ “อื้อ พี่อะ พุง่วง”

“แล้วไม่เล่นใช่มั้ย สงกรานต์?”

“เล่น” ผมตอบเสียงงัวเงีย ตาก็ยังไม่ยอมลืม

“เล่นก็ลุก”

“สิบนาที” ผมต่อรอง ง่วงก็ง่วง อยากเล่นก็อยากเล่น

พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ แล้วบอก “ให้สามนาที”

“เจ็ดดิ สามนาทียังไม่หายง่วงเลย”

“ห้านาที ห้ามต่อรอง”

ผมพยักหน้า “อือ ฮึ” ก่อนจะพลิกตัวไปหาคนตัวโตกว่าเมื่ออีกฝ่ายล้มตัวลงนอนข้างๆ ขยับซุกจนได้ที่แล้วก็ครางออกมาอย่างมีความสุข “อืมมม”

และคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าจะไม่รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่หู “จะสบายไปมั้ย แค่ห้านาทีนะ”

“อื้อ ขี้โกงอะ เริ่มจับเวลาใหม่เลย”

“โกงไร อย่ามั่ว”

“เนี่ย เห็นมั้ย ชวนคุยอะ ไม่เอา นับใหม่ๆ ห้ามพูดด้วย” ผมบอก พร้อมกับยกมือปิดปากอีกฝ่ายไว้

พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ จับมือผมออกไปวางไว้ที่เอว แล้วริมฝีปากอุ่นๆ ก็ทาบลงมาที่

หน้าผาก

เปลือกตา

จมูก

แก้ม คาง

และจบลงที่ปาก

ลิ้นอุ่นชื้นลากเลียไปตามริมฝีปากด้านนอกจนพอใจ ก่อนจะชอนไชเข้ามาในโพรงปาก

“ปึง ปึง ปึง”

สะดุ้งตกใจกับเสียงเคาะประตูด้านนอก เราทั้งสองผละออกจากกัน...

“ไอ้เดียวมาตามแล้ว” คนพูดถอนหายใจเซ็งๆ ก่อนจะตบก้นผมหยอกๆ “เอ้า ลุกสิครับ”

“อื้อ” ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วตีแขนคนชอบแกล้งไปที “คนยิ่งเจ็บก้นอยู่”

“อ้าวเหรอ” อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้น แววตาเจ้าเล่ห์ “ไหน ขอดูหน่อยซิ” ก่อนอมยิ้มเมื่อผมรีบโดดลงจากเตียง “ไม่ต้องเลย… แบร่!!” …แลบลิ้นให้คนเจ้าเล่ห์แล้วผมก็รีบวิ่งออกมาข้างนอกได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังตามมา

 

“เฮ!!!!”

เสียงโห่ร้องอย่างดีใจของน้องๆ ที่ยืนรออยู่บนรถทำเอาผมเขินเดินไม่ไปเลย...

“โหยไอ้พุ กว่าจะมาได้ กูเติมน้ำมาสองรอบแล้วเนี่ย” ไอ้ซอลบ่น

มองดูน้องๆ ก็เห็นเปียกกันซ่ก คงจะทนรอไปเล่นข้างนอกไม่ไหว สาดกันเองซะเลย “โทษๆ ช้าไปหน่อย”

“ไม่หน่อยละมึง เกือบครึ่งชั่วโมงอะ”

“มึงจะแปลกใจทำไม ใครไปตาม ให้รู้ซะมั่ง” ไอ้เดียวว่า

ไอ้ซอลทำท่านึกตามแล้วบอก “เออว่ะ ลืมไป”

ผมหมั่นไส้เลยโบกมันไปคนละที ก่อนจะรีบปีนหนีขึ้นไปบนรถ

“ไอ้พุ!!”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

 

เล่นกันได้สักชั่วโมงผมก็เริ่มหนาว ยืนเกาะถังใส่น้ำปากสั่น...

“หนาว?” พี่เล่ย์ถาม

ผมก็พยักหน้า ซี๊ดปาก ห่อไหล่เพราะความหนาว...

“ไปนั่งหน้ามั้ย”

ผมส่ายหน้า บอกเสียงสั่นๆ “ไม่เป็นไร ทนได้”

และขณะที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่นั้น รถของเราก็วิ่งผ่านกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่ตั้งถังน้ำอยู่ที่ข้างถนน หนึ่งในนั้นมีสายยางแบบที่นักดับเพลิงใช้อยู่ในมือ พอเห็นเขายกสายยางขึ้นทุกคนก็รีบหลบ เพราะถ้าโดนต้องจุกแน่ๆ

แต่ก็ไม่ทุกคนที่หลบทัน เพราะมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงท้ายกระบะถูกน้ำกระแทกเต็มๆ แรงปะทะจากน้ำทำให้น้องเสียการทรงตัว ตีลังกากลิ้งตกรถไป

“ตุ๊บ!”

“เฮ้ย!” พวกเราที่เห็นเหตุการณ์ร้องออกมาอย่างตกใจ แล้วใครสักคนก็ทุบข้างกระบะเพื่อให้คนขับจอดรถ “ปัง! ปัง! ปัง!”

ผมหลับตาแน่นเมื่อเห็นรถทัวร์คันหนึ่งวิ่งตรงมาที่น้องผู้หญิงคนนั้น...

“กรี๊ดดดด” เสียงหวีดร้องอย่างตกใจของคนที่เห็นเหตุการณ์ดังลั่นถนน

“เอี๊ยด!!!” เสียงเบรกของรถทัวร์ดังจนแสบแก้วหู

เมื่อไม่มีเสียงปะทะกันระหว่างเหล็กกับเนื้อ ผมก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง... พี่เล่ย์ซึ่งโดดลงไปจากรถตอนไหนไม่รู้ กำลังอุ้มน้องคนที่กลิ้งตกลงไปขึ้นมาวางไว้ที่รถ แล้วสำรวจตามศีรษะและร่างกายหาร่องรอยของบาดแผล ก่อนจะจับหน้าน้องเขาให้หันมาสบตา “เกน?”

“...........”

เมื่อน้องเขายังคงนั่งนิ่งอยู่ พี่เล่ย์จึงตบที่แก้มเบาๆ “เกน? ได้ยินมั้ย”

น้องเกนกระพริบตาปริบๆ ตาลอยๆ ค่อยๆ เลื่อนมาโฟกัสที่หน้าพี่เล่ย์ ก่อนจะผวาเข้ามาหา แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างขวัญเสีย “นาย!”

“ชูว์ ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว” พี่เล่ย์ลูบหลังลูบไหล่ปลอบ

พวกเราถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าน้องเขาไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่ เพราะตอนที่น้องเขาตีลังกาลังไป ไม่รู้ว่าศีรษะฟาดกับพื้นหรือเปล่า

“เป็นไรมากหรือเปล่า ไอ้หนุ่ม” คนขับรถทัวร์เปิดหน้าต่างออกมาตะโกนถาม

“ไม่เป็นไรแล้วครับ ขอบคุณมากครับ” ไอ้เดียวตะโกนตอบกลับไป

“เออๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” คนขับรถทัวร์ว่า ก่อนจะบ่นออกมา “เกือบซวยไปแล้วไหมล่ะ แม่ง เล่นยังไงกัน ไม่ระวังเลย” แล้วลุงแกก็ปิดกระจกหักพวงมาลัยหลบแล้วขับออกไป แกคงเสียเซลฟ์น่าดู เพราะถ้าเบรคไม่ทันน้องเกนคงไม่รอดแน่ๆ ดีแต่ว่ามันเป็นในเมือง รถเลยวิ่งไม่เร็วเท่าไหร่ ถ้าเป็นถนนข้างนอก ผมก็ไม่มั่นใจว่าน้องเกนจะรอดหรือเปล่า แค่คิดก็สยองแล้ว

“พี่... น้องเขาเป็นไรมากหรือเปล่า” วัยรุ่นคนหนึ่งเดินมาถาม ผมเพิ่งสังเกตุว่ารอบๆ บริเวณนั้น คนหยุดสาดน้ำกันหมดแล้ว

“ก็ตกรถน่ะสิ ดีที่ไม่โดนรถเหยียบ มึงเล่นยังไงวะ” น้องที่กำลังช่วยพี่เล่ย์ปลอบน้องเกนพูดโกรธๆ ก่อนจะกระโดดลงมายืนที่พื้นเตรียมมีเรื่องเต็มที่ “ถ้าน้องกูเป็นอะไรไปนะมึง”

“ผมขอโทษจริงๆ ไม่นึกว่ามันจะแรงขนาดนั้น” น้องเขาพูดอย่างสำนึกผิด

“มึงขอโทษแล้วมันหายมั้ย สัด”

“ใจเย็น” พี่เล่ย์ว่า แล้วคว้าเสื้อพี่ชายน้องเกนที่กำลังจะเดินเข้าไปหาคนที่สาดน้ำใส่น้องเกนไว้

พี่ชายน้องเกนมองพี่เล่ย์ตาขวาง “นายมาห้ามผมทำไม ไม่เห็นเหรอว่ามั-”

“ไอ้พงศ์... ชักจะลามแล้วนะมึง” พี่คนขับรถที่ผมจำได้ว่าชื่อพี่ป้องว่าเสียงดุ

พี่เล่ย์ยกมือขึ้นห้าม “ไม่เป็นไร รีบพาเกนไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”

 

“เดี๋ยวมึงไปขอโทษนายด้วยนะ” พี่ป้องบอกน้องพงศ์ที่ยังคงนั่งหน้าหงิกอยู่ตรงเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงิน

น้องพงศ์กอดอก เม้มปากแน่น “ขอโทษเรื่องไร ทำไมผมต้องขอโทษ ถ้านายไม่ห้ามผม ป่านนี้ไอ้นั่นมันโดนซัดหมอบไปแล้ว”

พี่ป้องหันมามองพวกผมเหมือนขอโทษ ก่อนที่พี่อีกคนหนึ่งที่ผมจำชื่อไม่ได้จะโบกคนที่นั่งกอดอกปากยื่นไปที “ถุย ตัวเท่าลูกหมา ทำอวดเก่ง นายแม่งไม่น่าห้ามเลย ปล่อยให้มันตายคาตีนเขาไป”

“เฮ้ย! พี่ชิต เรื่องไรมาตีผมเนี่ย” น้องพงศ์บ่น ยกมือขึ้นคลำศีรษะบริเวณที่โดนโบก แล้วมองคนทำหน้างอ

“ก็มึงมันกวนตีน จะโดนเขากระทืบเอายังไม่สำนึก”

“เหอะ ตัวใหญ่กว่ามันผมก็ล้มมาแล้ว ตัวเท่ากันผมจะกลัวทำไม”

“โธ่.... ไอ้... ไอ้...” พี่ชิตเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไอ้สันขวาน...”

ผมหลุดหัวเราะคิกออกมาเมื่อได้ยินคำด่าของพี่เขา ก่อนจะรีบซบหน้าลงกับไหล่ไอ้ซอลเพราะกลัวน้องพงศ์จะเห็นแล้วนึกว่าหัวเราะเขา เดี๋ยวจะโกรธอีก

ส่วนไอ้ซอล ไอ้เอ้ ไอ้เดียวก็ไม่แพ้กัน กลั้นยิ้มจนแก้มป่อง

“มึงไม่ได้สังเกตุเลยใช่มั้ยว่าไอ้นั่นมันเล่นอยู่ตรงไหน” พี่ป้องถามเอือมๆ

“จะเล่นตรงไหน ก็เล่นตรงถนน”

“แล้วไงต่อ?”

“ก็...” น้องพงศ์พูดแล้วก็หยุด ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้

“ก็อะไร?” พี่ป้องถามย้ำ

น้องพงศ์นั่งเงียบ ก่อนจะยักไหล่แบบยอมแพ้กึ่งขัดใจ “ถนนหน้าบ้าน”

“คิดได้แล้วใช่มั้ยทีนี้” พี่ป้องว่าอย่างหมั่นไส้ “คราวหน้าถ้าอยากมีเรื่องก็กรุณานับตีนคู่ต่อสู้ด้วยว่ามีกี่ตีน”

“ไม่ต้องนับไอ้พวกที่อยู่ตรงถังน้ำ ยังจะมีไอ้พวกที่นั่งกินเหล้าอยู่อีก ไปต่างถิ่นแล้วเสือกทำซ่า สัด” พี่ชิตเสริม

“ถ้าอยากมีเรื่องกูไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่มีเด็กกับผู้หญิงอยู่ด้วยแบบนี้”

แล้วพี่สองคนก็ผลัดกันเทศน์น้องพงศ์จนน้องมันคงทนต่อไม่ไหว รีบลุกไปหาพี่เล่ย์ที่กำลังเคลียร์เรื่องค่ารักษาของน้องเกนตรงเคาน์เตอร์

พี่เล่ย์หันมามองน้องพงศ์งงๆ เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้าไปยกมือไหว้ ผมไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกัน น้องพงศ์คงจะขอโทษแหละ แล้วพี่เล่ย์ก็พูดอะไรสักอย่าง ก่อนจะผลักศีรษะน้องพงศ์เหมือนหยอกแล้วลากคอมากอดไว้ด้วยท่าไซด์เฮดล็อค สักครู่เสียงหัวเราะก็ดังมาจากคนทั้งสอง

“ตอนเด็กๆ มันติดนายมาก” พี่ป้องบอกพวกเรายิ้มๆ “นายพูดอะไรมันเชื่อหมด ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ แต่พอโตขึ้นทำไมนิสัยยังงี้ก็ไม่รู้”

“เลือดหนุ่มมันทำ” พี่ชิตว่า

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พวกเราะประสานเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน

 

กว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็เกือบทุ่มแล้ว พวกเราเลยตกลงกันว่าจะกลับบ้าน ไม่มีใครมีอารมณ์เล่นสงกรานต์ต่อ พี่เล่ย์เลยให้ผู้หญิงกับน้องตัวเล็กๆ เข้าไปนั่งเบียดกันข้างหน้า จะได้ไม่หนาว ส่วนพวกผู้ชายก็นั่งโต้ลมที่กระบะหลัง...

“นาย...” พี่ชิตที่ถูกระเห็จออกมานั่งข้างหลังยื่นเหล้าแบนเล็กๆ มาให้พี่เล่ย์ “แก้หนาว” ซึ่งพี่ท่านก็ไม่ปฏิเสธรับมากระดกแล้วส่งต่อให้ไอ้เดียวที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมก็เลยโวยวาย “เฮ้ย แล้วพุล่ะ? หนาวเหมือนกันนะ”

“เดี๋ยวพี่กอดแป๊บเดียวก็หาย”

“ฮิ้ววววว” เสียงไอ้เดียว ไอ้เอ้ ไอ้ซอลครับ ขนาดกระซิบมันก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน

ผมเหล่ตามองพวกมันอย่างคาดโทษ ก่อนจะขวิดปลายคางคนพูดมากไม่แรงนัก...ก็กลัวแฟนเจ็บอะพี่เล่ย์ก็หัวเราะหึๆ แล้วเอาคางวางลงบนกลางกระบาลผม ก่อนจะถูๆๆๆๆๆๆ

“อื้อออ เจ็บ”

“หึ หึ”

“เอิ่ม คุณครับ กรุณาอย่าสร้างโลกส่วนตัวกันแค่สองคน” ไอ้เดียวว่าอย่างสุภาพ ก่อนไอ้ซอลจะเสริมได้ถ่อยมากๆ “เห็นใจพวกกูบ้าง อ้วกจะแตกแล้ว”

หมั่นไส้ เลยเอื้อมมือไปผลักมันแรงๆ แต่คงจะผลักแรงไปหน่อย มันถึงเอียงไปชนกับไอ้เอ้ ศีรษะโขกกันเสียงดัง “โป๊ก!!”

“โอ๊ย!!”

“เชี่ย!!”

“เฮ้ย!!” ผมร้องอย่างตกใจ เผลอยกมือขึ้นมาไหว้พวกมันอย่างลืมตัว “ขอโทษษษษ...เจ็บมั้ย”

ไอ้เอ้ซี๊ดปาก ยกมือคลำบริเวณที่เจ็บป้อยๆ พร้อมบ่นพึมพำ “เชี่ย หัวกู”

“นี่มึงกะฆ่ากูเลยใช่มั้ย ไอ้พุ” ไอ้ซอลบ่นพร้อมกับโบกผมไปทีหนึ่ง

ผมปล่อยให้มันเอาคืน แล้วถามมันอย่างเป็นห่วง “ขอโทษๆ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เป็นไงมั่ง เจ็บป๊ะ”

“ลองมั้ยมึง” ไอ้เอ้ว่า แล้วยื่นเท้ามาจะถีบผม แต่คนที่นั่งซ้อนหลังผมเขายกขาขึ้นพอดี เลยรับไปเต็มๆ

พี่เล่ย์เหลือบมองรอยเปื้อนที่เกิดจากเท้าไอ้เอ้ตรงขากางเกงแล้วบอก“เปื้อนขนาดนี้ มึงไปเอาโคลนมาสาดใส่กูเลยดีกว่า สัด”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้ซอลหัวเราะขำ ลืมความเจ็บไปชั่วขณะเมื่อเห็นรอยเท้าไอ้เอ้บนขากางเกงพี่เล่ย์

 

“เป็นไงวันนี้ สนุกมั้ย”

“สนุกอะไรเล่า กลัวจะแย่” ถึงตอนนี้ภาพน้องเกนกลิ้งตกลงไปจากรถยังติดตาผมอยู่เลย ถ้ารถทัวร์วิ่งมาเร็วๆ แล้วเบรคไม่ทัน หรือถ้ารถของเราวิ่งเร็วๆ แล้วน้องเกนตกลงไปคอหัก แค่คิดผมก็สยองแล้ว

พี่เล่ย์อมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะปิดไฟกลางห้อง เดินมานั่งที่เตียงแล้วบอก “เดี๋ยวพี่ทำให้หายกลัวเอง”

มองตาวาวๆ ของคนถามอย่างไม่ไว้ใจ ผมถามอย่างระแวง “ยังไง”

คราวนี้พี่แกก้มลงมากระซิบจนเกือบชิดหูเลย “ก็ทำให้เสียวแทน”

“เฮ้ย! พี่เล่ย์ ทะลึ่งว่ะ”

คนทะลึ่งหัวเราะหึๆ แล้วบอก “เอ้า ก็จะได้หายกลัวไง เปลี่ยนมาเป็นเสี-”

ผมรีบยกมือปิดปากอีกฝ่ายไว้แล้วบอก “ไม่ต้องพูดแล้ว นอนเลยๆ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

 

+++++unbelievablelove+++++

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2013 02:36:14 โดย rainbow67 »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #455 เมื่อ24-10-2012 21:30:28 »

พี่น้ำกับซอลมีอะไรกันเปล่า

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #456 เมื่อ24-10-2012 21:37:34 »

พี่น้ำข้างบ้านมีซัมติงกับซอลมาก่อนรึป่าว
แล้วพี่แพทมารู้ว่าพุย้ายบ้านหลังคนอื่นจะโดนงอนอีกไหมเนี้ย

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #457 เมื่อ24-10-2012 21:45:51 »

ข้ามไกลไปนะ คืนนั้นคืนพิเศษของคนอ่านหายไปอ่ะ เอ๊ะเขาอาจจะยังไม่ซัมบาลาหึ่มกันก็ได้(บอกตัวเอง) = =

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #458 เมื่อ24-10-2012 22:41:40 »

ซอล พี่น้ำ ..พี่น้ำ ซอล เอ๊ะ ยังไงน้า

ป.ล. เค้าอยากอ่านตอน ...นั้นอะ ตัวเอง ... o18

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #459 เมื่อ24-10-2012 22:52:00 »

ตัวเองไม่ลืมคืนเข้าหอของเค้าใช่ปะ  :z1: เนี่ยไม่ได้ทวงอะไรหร๊อกกก แบบว่า ๆ มีคนขอมาเยอะอะเน๊อะ :oo1: :oo1: ประมาณล้านเจ็ดแล้วเนี่ย ไม่รู้อยากรู้อะไรนักหนาเน๊อะ แบบว่าเค้าก็รออะ ไม่ได้หื่นนะแต่มันอยู่ในกระแสเลือดแล้ว
 :pighaun: :pighaun: :haun4:
รอพี่เล่ย์กะน้องพุ (โดยเฉพาะคืนนั้นหน่ะ) เย้เฮียแพทมาแล้ว  :กอด1:

ขอบคุณมากค่ะ  :L1: :pig4: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
« ตอบ #459 เมื่อ: 24-10-2012 22:52:00 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #460 เมื่อ24-10-2012 23:51:23 »

พี่น้ำกับซอลนี่ยังไง

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #461 เมื่อ25-10-2012 00:28:19 »

น้ำซอล อะไร ยังไง?
ส่วนพี่เล่ย์  บ้ายมาอยู่กับพุเลยดีกว่ามั๊ยนั่น 555+  :laugh:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #462 เมื่อ25-10-2012 01:36:48 »

อ๊ะ ซอล จากพูดเก่งกลายเป็นเงียบไปเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องพี่แพท กะ เล่ย์นี่ ยังไม่ปะฉะดะ กันตรงๆชิมิ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #463 เมื่อ25-10-2012 03:19:44 »

อะอะ จาช่ายแฟนเก่าซอลป่ะ

unboy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #464 เมื่อ25-10-2012 08:14:37 »

ซอลกับพี่น้ำแอบมีความหลังอะไรกันรึเปล่าเนี่ย :z2:

สนุกมากๆเลยค่ะ มาต่อไวๆนะ :bye2:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #465 เมื่อ25-10-2012 10:20:32 »

พี่เลย์อ่อนโยนอ่ะ

ชอบมากกกกกก

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #466 เมื่อ25-10-2012 10:45:53 »

^^

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #467 เมื่อ25-10-2012 10:59:19 »

พี่น้ำกับซอลมีไรกันอะ แล้วเฮียแพทนี่ก็น่าจะทำใจได้แล้วนะ 555

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Unbelievable Story : Chapter 9 - 24 Oct 12
«ตอบ #468 เมื่อ25-10-2012 16:45:04 »

พี่น้ำกับซอลลลลลลลลล! ฮิฮิฮิ

ออฟไลน์ rainbow67

  • Life is like a rainbow. You need both the sun and the rain to make its colors
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +763/-15
Unbelievable Love : Chapter Fourteen
«ตอบ #469 เมื่อ25-10-2012 22:56:26 »

UNBELIEVABLE LOVE

Chapter Fourteen

 

 

“หมดยัง...” ผมถามคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกล่องกระดาษกล่องใหญ่ 

“หมดแล้ว” อีกฝ่ายตอบ วางกล่องลงแล้วเดินไปที่เตียงทำท่าจะทิ้งตัวลงนอน ผมเลยรีบร้องห้ามอย่างตกใจ “เฮ้ย พี่เล่ย์ ไปอาบน้ำก่อนดิ ตัวเปื้อนอะ”

“ไม่เอา เหนื่อย” งอแงมาก

ขี้เกียจเถียง เดี๋ยวงานไม่เสร็จ ผมกลับมาสนใจกับการจัดหนังสือเข้าชั้นต่อ... แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงกุกกักๆ ดังขึ้น พอเหลือบมองก็เห็นคนงอแงกำลังเปิดตู้หาผ้าเช็ดตัวอยู่ “ผ้าเช็ดตัวอยู่ตู้ขวาสุดครับ”

พี่เล่ย์หันกลับมา “ใครบอกว่าพี่จะหาผ้าเช็ดตัว”

“แล้วหาไร”

“ก็... ผ้าเช็ดตัว” พูดแล้วก็ยักคิ้วกวนๆ

“บ้าปะเนี่ย” ผมส่ายหน้าเอือมๆ แล้วหันมาจัดหนังสือต่อ ส่วนคนบ้าก็เดินหัวเราะหายเข้าห้องน้ำไป...

พวกเราตกลงที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกันครับ... เปล่าครับ ไม่ใช่ผมกับพี่เล่ย์ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำตัวเหมือนว่าย้ายมาอยู่ด้วยก็ตาม

พวกเราก็คือ ผม ไอ้เดียว ไอ้ซอล และไอ้เอ้ครับ... 

หลังจากที่กลับมาจากพิษณุโลก พี่เล่ย์ก็ชวนผมให้ย้ายไปอยู่ที่คอนโดด้วยกัน แต่ผมไม่ตกลง ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่นะครับ ใครจะไม่อยากอยู่กับคนที่เรารักบ้าง แต่ว่าผมก็อยากมีที่ที่เป็นของตัวเอง

อาณาจักรส่วนตัว... ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นของของผม

เผื่อนะครับ... เผื่อวันไหนที่พวกเราทะเลาะกันรุนแรงจนทนอยู่ด้วยกันไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือถาวร เมื่อถึงเวลานั้นผมก็จะได้ไม่ต้องไปรบกวนใคร 

“ไม่มีทาง” พี่เล่ย์ว่าแล้วทำหน้าบึ้ง เมื่อผมบอกตามที่คิด

“อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน” ผมรีบพูดเพราะกลัวอีกฝ่ายจะโกรธ “วันนี้พี่เล่ย์อาจจะรักพุ แต่อนาคตอาจจะเกลียดพุ จนไม่อยากจะเห็นหน้าก็ได้” แล้วพอพี่แกอ้าปากจะแย้ง ผมก็ยกมือห้ามแล้วพูดต่อ “พุก็ไม่อยากให้มันเกิดหรอกนะ  แต่วันไหนเกิดเราทะเลาะกัน พุก็อยากมีที่ที่จะไป... พี่เล่ย์ก็จะได้รู้ไงว่าพุอยู่ไหน ไม่ต้องเป็นห่วงหรือออกตามหา”

หน้าบึ้งๆ ค่อยคลายลง แล้วมันก็ถอนหายใจ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด “ก็ได้... แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้ทะเลาะกัน พุต้องไปอยู่กับพี่”

“เอ้า” ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ ไหงมันกลายเป็นงี้ไปได้ล่ะ“แล้วไมพี่เล่ย์ไม่มาอยู่กับพุล่ะ”

อีกฝ่ายส่ายหน้า “ไม่เอา ผนังบาง”

“แล้วมันเกี่ยวกันยังไง” ผมงง

พี่เล่ย์ทำตาเจ้าเล่ห์ แล้วก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผม “ก็พุเสียงดัง”

“พี่เล่ย์!”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

สรุปแล้วพวกเราก็ไปๆ มาๆ ครับ บางทีผมก็ไปนอนที่คอนโด บางทีพี่เล่ย์ก็มานอนที่หอผม... จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่ไอ้เดียวมันมาชวนไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เป็นทาวน์โฮมสามชั้น สี่ห้องนอนสี่ห้องน้ำ 

ชั้นสามมีห้องนอนสองห้อง ทั้งสองห้องมีห้องน้ำในตัว แต่ขนาดของห้องไม่เท่ากัน คาดว่าห้องเล็กน่าจะทำไว้สำหรับเด็ก เพราะแคบพอๆ กับหอผมเลย และห้องใหญ่คงจะเป็นห้องของเจ้าของบ้านเพราะกว้างกว่าห้องเล็กประมาณสองเท่า ส่วนชั้นสองก็มีสองห้องนอนเช่นกันแต่ห้องน้ำมีห้องเดียวอยู่ด้านนอก

สำหรับชั้นหนึ่งก็จะมีโซนที่เป็นห้องรับแขก และโซนที่เป็นครัวฝรั่งอยู่ติดกับห้องน้ำตรงทางขึ้นบันได... หลังบ้านเทปูนเป็นที่ซักล้าง และเนื่องจากบ้านหลังนี้อยู่ริมสุดจึงมีเนื้อที่ข้างบ้านอีกประมาณสองเมตรซึ่งได้ปรับหน้าดินเรียบร้อยแล้ว บริเวณหน้าบ้านก็กว้างพอสมควร น่าจะจอดรถได้สองคัน... มองไปที่บ้านหลังข้างๆ เห็นเขาปูกระเบื้องมุงหลังคาทำที่จอดรถ แต่หลังนี้ไม่มีอะไรเลย เหมือนซื้อมายังไงก็อยู่ยังงั้น เฟอร์นิเจอร์ในบ้านก็มีเพียงแอร์ห้าตัว โซฟาและชั้นวางทีวี กับครัวฝรั่ง แต่ไม่มีเตา ดีนะที่มีเครื่องดูดควัน ซึ่งไอ้เดียวก็บอกว่า คนที่เป็นเจ้าของบ้านคือเพื่อนของน้ามันเอง ซื้อแล้วไม่ได้อยู่เพราะไกลที่ทำงานใหม่ เลยบอกให้เช่า...

หลังจากตกลงใจที่จะย้ายเข้ามาอยู่แล้ว พวกเราก็แบ่งห้องกัน ชั้นบนห้องใหญ่เป็นของผมครับ พี่เล่ย์ไปหักคอคนอื่นมาห้องเล็กไอ้เอ้อยู่ ชั้นสองไอ้ซอลกับไอ้เดียวอยู่ ส่วนค่าห้องก็จ่ายตามขนาดและความสะดวกสบายของห้อง ค่าเช่าบ้านหนึ่งหมื่น เพราะเจ้าของบ้านบอกว่าเห็นเป็นหลานเพื่อนเลยคิดถูกๆ ห้องผมสี่พัน ส่วนห้องอื่นห้องละสองพัน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าส่วนกลาง หรือแม้แต่ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน น้ำปลา ฯลฯ หารเท่า...

สำหรับหน้าที่ก็แบ่งกันตามความถนัด... ไอ้ซอลทำอาหาร มันเก็บพวกผมคนละสองพัน อยากกินไรให้บอก ไอ้เดียวล้างห้องน้ำสองห้อง ชั้นสองกับชั้นหนึ่ง ไอ้เอ้กับผมทำความสะอาดบ้าน เฉพาะที่เป็นบริเวณส่วนกลาง ส่วนห้องก็ห้องใครห้องมัน

และแล้วก็ถึงเวลาซื้อของเข้าบ้าน... จะบอกว่า พี่เล่ย์ตื่นเต้นกว่าผมอีกครับ ซื้อดะจริงๆ ตั้งแต่เตียงนอน โซฟา ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางหนังสือ โต๊ะวางคอมพ์ ทีวี เครื่องเสียง ยันตู้เย็น แล้วก็ให้ช่างมาทำบิวท์อินด้วยครับ ขนาดแย้งแล้วนะว่าเป็นแค่บ้านเช่าก็ไม่ฟัง... สรุปใครอยู่วะเนี่ย

“ใหญ่ไปป่าว” ผมถามพี่เล่ย์ที่กำลังดูช่างประกอบเตียง... คนตัวโตๆ สามคนนอนได้สบาย

“ก็เท่าที่ห้อง” มันหมายถึงที่คอนโดครับ 

'นอนคนเดียว ไม่ต้องใหญ่ขนาดนี้ก็ได้มั้ง' ผมอยากจะบอก แต่พูดตอนนี้ก็สายไปแล้วครับ ก็พี่ท่านซื้อไปแล้วนี่... แต่ดูจากเสื้อผ้าและข้าวของๆ คนซื้อที่อยู่ในตู้ตอนนี้ ผมคิดถูกแล้วครับที่ไม่ได้แย้ง เพราะผมคงไม่ได้นอนคนเดียวแน่ๆ

เมื่อทำห้องเสร็จและพร้อมเข้าอยู่แล้ว วันนี้ผมจึงได้ฤกษ์เอากุญแจไปคืนเจ้าของหอและขนสมบัติส่วนตัวอันน้อยนิดมาอยู่บ้านใหม่... ที่จัดเรียงตอนนี้ก็เป็นพวกหนังสือเรียนและนิยายกำลังภายในกับการ์ตูนสิบกว่าเล่ม

 

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ไม่ใช่เสียงเคาะประตูครับ เสียงไอ้ซอลที่ชะโงกหน้าเข้ามาเพราะกี้นี้ตอนพี่เล่ย์เข้ามายังไม่ได้ปิดประตู “จะทำมาม่าผัด เอาด้วยมั้ย”

แค่ได้ยินก็น้ำลายสอแล้ว “เอาดิ หิวอยู่พอดีเลย”

“พี่เล่ย์ล่ะ เอาป๊ะ”

“เอา” ผมตอบแทน เพราะเจ้าของชื่อยังอยู่ในห้องน้ำ ไอ้ซอลก็พยักหน้าก่อนจะเก็บหน้ากลับไป แล้วเสียงเดินลงบันไดก็ดังตามมา...

ไอ้ซอลคล้อยหลังไปได้แป๊บเดียว สุดที่รักของผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี “กี้นี้ซอลมันมาถามว่าจะกินมาม่าผัดมั้ย พุบอกว่ากินนะ ให้ทำเผื่อพี่เล่ย์ด้วย”

“อืม...” พี่เล่ย์พยักหน้าแล้วเดินมาจุ๊บหัวเหม็นๆ ของผมทีนึงก่อนจะเดินเลยไปปิดประตู แล้วก็หน้าต่าง ก่อนจะเปิดแอร์แต่ก็ยังไม่ปิดพัดลม “ไม่ร้อนหรือไง ทำไมไม่เปิดแอร์”

ผมส่ายหน้าเพราะไม่ใช่พวกขี้ร้อนเหมือนอีกฝ่าย เล่นเปิดทั้งแอร์ทั้งพัดลมขนาดนั้น

“ไปอาบน้ำป๊ะ เดี๋ยวที่เหลือพี่ทำเอง” พี่เล่ย์แย่งหนังสือจากมือผมไปจัดเองหลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว... พี่แกเป็นคนที่ติดยีนส์มากครับ นอกจากเวลานอนแล้ว ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือออกไปข้างนอกผมก็เห็นใส่แต่ยีนส์ ขนาดวันสงกรานต์ก็ยังใส่ยีนส์ไปเล่นน้ำ

 

เดินออกมาจากห้องน้ำ กล่องที่วางอยู่กลางห้องหายไปและจานมาม่าผัดก็วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว... เพิ่งรู้ว่าหิวจัดก็ตอนที่คีบมาม่าใส่ปากนี่แหละ มือสั่นเลย

“หิวมาก?” พี่เล่ย์หยุดกิน คงเห็นมือผมสั่น

ผมก็พยักหน้าเฉยๆ เพราะมาม่ายังเต็มปากอยู่เลย...

“อิ่มมั้ย แบ่งของพี่ไปอีกสิ” ผมรีบยกมือกันไว้เมื่อเห็นมันทำท่าจะตักแบ่งให้ “พอแล้ว แค่นี้ก็จะกินไม่หมดแล้ว” จานละสองซองเลยมั้ง พูนขนาดนี้ ไหนจะหมูจะผักอีก แล้วพอกินๆ ไปก็ชักจะไม่ไหวแล้วจริงๆ “พี่เล่ย์อิ่มมั้ย แบ่งของพุไปก็ได้นะ”

พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ “กินไม่หมดล่ะสิ”

“อือ...เยอะมาก”

“กินไม่หมดก็ทิ้งไป อย่าฝืน เดี๋ยวปวดท้อง”

หลังจากกินมาม่าผัดกันจนอิ่มแปร้ พี่เล่ย์เก็บจานลงไปข้างล่าง... สมกับเป็นกุลบุรุษจริงๆ คึคึ ส่วนผมก็ย้ายถิ่นฐานขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วเปิดทีวีดู สักพักอีกฝ่ายก็กลับขึ้นมา

“นี่จะดูหนัง หรือให้หนังดู” พี่แกว่าแล้วดึงรีโมทจากมือผมไปกดปิดทีวี ก่อนจะเดินไปดึงปิดม่าน แล้วกลับมาขึ้นเตียง

ผมพลิกตัวเข้าไปซุกกับอกกว้าง ขยับไปขยับมาจนได้ท่าที่สบายที่สุดแล้วหลับตา...

 

 

 

“ปลูกคะน้าด้วยนะ”

นั่งยองๆ มองชาวสวนจำเป็นที่กำลังโรยเมล็ดผักลงบนแปลงที่ทำเป็นล็อคๆ ไว้ เห็นแล้วนึกถึงตอนเรียนประถม ที่เวลาหน้าหนาวอาจารย์ก็จะเกณฑ์นักเรียนไปออกกำลังกายโดยการปลูกผัก ซึ่งมักจะเป็นผักคะน้าซะส่วนใหญ่

“นี่แหละ ผักคะน้า” พี่เล่ย์ยกถุงเมล็ดผักคะน้าให้ดู ก่อนจะชี้ไปที่แปลงว่างๆ แปลงหนึ่ง “เดี๋ยวค่อยเอาต้นกล้าย้ายไปใส่แปลงนั้น”

“แล้วนานป๊ะกว่าจะย้ายได้” ลืมไปหมดแล้ว ไม่ได้ปลูกมานาน

“ประมาณสามอาทิตย์”

“อืม...” พยักหน้าเข้าใจแล้วผมก็ลุกขึ้นเดินไปดูแปลงอื่นๆ ที่อีกฝ่ายปักข่ากับตะไคร้ไว้ ก่อนจะมาเจอแปลงที่มีต้นกล้าสีเขียวต้นเล็กจนเกือบมองไม่เห็นโผล่ขึ้นมา “แล้วแปลงนี้ผักไรครับ”

พี่เล่ย์เหลือบมามองแว๊บนึง ก่อนจะตอบ “ผักบุ้งจีนครึ่งนึง อีกครึ่งเป็นหอมกับผักชี”

“ร้อนงี้จะปลูกได้เหรอ” มันเป็นผักเมืองหนาวหรือเปล่า จำไม่ได้

“ได้”

อย่าได้นึกไปนะครับว่าแปลงมันจะใหญ่โตอะไรมากมาย พื้นที่ว่างวัดจากตัวบ้านไปชนกำแพงของโครงการก็ประมาณแค่เมตรเจ็ดสิบเองแต่ที่มันมีหลายแปลงเพราะทำเป็นแปลงเล็กๆ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสามแปลง รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสแปลงนึง... แปลงที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเอาไว้เพาะต้นกล้า ส่วนแปลงที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเอาไว้ย้ายต้นกล้าไปใส่

นอกจากผักพวกนี้ก็ยังมีพริก กะเพรา โหระพา มะเขือเปราะ มะเขือพวงที่ปลูกไว้ในกระถางหน้าบ้านอีกสามสี่กระถาง เป็นกระถางยาวๆ ที่เขาเอาไว้ปลูกดอกไม้อะครับ แต่พี่เล่ย์เอามาปลูกผัก

ยืนชื่นชมสวนครัวฝีมือแฟนตัวเองอยู่สักครู่ ใครบางคนก็ร้องทักออกมา “น้อง เพิ่งมาอยู่เหรอ ไม่เคยเห็นหน้า”

เงยหน้าขึ้นมอง เป็นผู้ชายที่กำลังล้างรถอยู่บ้านข้างๆ ผมก็ยิ้มให้ “ครับ มาอยู่ยังไม่ถึงเดือนเลย”

“พี่ชื่อน้ำ น้องล่ะ” พี่เขาหยุดล้างรถ แล้วเดินมายืนคุยตรงรั้วที่กั้นระหว่างบ้านที่ผมอยู่กับบ้านเขา 

“พุครับ”

“น้องอยู่กับใคร วันก่อนพี่เห็นมีผู้ชายอยู่สองสามคน”

“อยู่กับเพื่อนครับ ช่วยกันแชร์ค่าบ้าน”

“อ้าว ไม่ใช่บ้านตัวเองเหรอ เห็นปลูกอะไรเต็มไปหมด” พี่น้ำว่า พร้อมกวาดตัวมองไปรอบตัวบ้าน 

“ปลูกไว้กินครับ จะได้ไม่ต้องไปซื้อ” พูดเหมือนเป็นความคิดตัวเองเลย

“เออ ดีๆ ถ้าโตแล้วเอามาแบ่งพี่มั่งนะ” อีกฝ่ายว่าขำๆ ผมก็พยักหน้า “ครับ ต้นละห้าบาท”

“เอิ่ม... พี่ว่าหน้าน้องมันแดงๆ นะ สงสัยเลือดจะสูบฉีดดี” พี่น้ำว่าแล้วแกล้งทำหน้าลำบากใจจนผมอดขำไม่ได้ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

จังหวะเดียวกันนั้นพี่เล่ย์ก็เดินมาล้างมือที่ก๊อกหน้าบ้านพอดี “ขำอะไร”

“อ้าว พี่เล่ย์ นี่พี่น้ำครับ อยู่บ้านข้างๆ เรา... พี่น้ำ นี่พี่เล่ย์ครับ”

พี่เล่ย์ยิ้มให้กับคนข้างบ้าน ก่อนจะบอกผม “ไอ้ซอลมันทำกับข้าวเสร็จแล้ว จะกินเลยมั้ย”

ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปลาพี่น้ำ “พี่น้ำ เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่นะครับ ขอไปกินข้าวก่อน หิว”

“โอเค” พี่น้ำว่า แล้วหันกลับไปล้างรถใหม่

 

 

 

วันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าเป็นคนอื่นๆ ก็อาจจะไปเดินเล่นที่ห้างตากแอร์เย็นๆ หรือไม่ก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อชื่นชมกับธรรมชาติ 

แต่สำหรับผม... ชอบอยู่บ้านครับ

ดูหนังแผ่น...

อ่านหนังสือ...

หรือไม่ก็จัดปาร์ตี้เล็กๆ หาโน่นหานี่มาทำกิน

ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบสังสรรค์นะ

ชอบครับ... แต่ไม่ชอบแสงสีเสียง

เวลากินเหล้าผมก็ชอบกินในร้านที่ไม่ต้องตะโกนคุยกัน ไม่ชอบไปเบียดกับใคร ไม่ชอบแสงเลเซอร์ที่สาดส่องไปมาจนเวียนหัวไปหมด

ส่วนพี่เล่ย์.... ตอนนี้กำลังเมามันกับการตกแต่งบ้านครับ วันก่อนพี่แกเพิ่งจะทำพื้นหลังบ้านไป เป็นพื้นไม้ระแนง หลังจากทำเสร็จก็ไปซื้อน้ำตกจำลองชุดเล็กๆ มาชุดนึง และโต๊ะเก้าอี้อีกชุด... 

เพื่ออะไรรู้มั้ยครับ... เพื่อไว้สำหรับกินเหล้าตอนเย็นๆ  ครับ

…ดีจริงๆ แฟนกู

แล้วตอนนี้พี่ท่านก็อยู่โน่นครับ หลังบ้าน กำลังฉลองที่กินเหล้าใหม่ รวมทั้งคนอื่นๆ ด้วย ยกเว้นผม... เรื่องไรจะออกไปตากแดดให้ตัวดำ นอนตากแอร์ดูทีวีอยู่ในบ้านดีกว่า 

พูดเล่นครับ... ไม่ร้อนเท่าไหร่หรอก ช่วงบ่ายแดดมันจะไปตกที่หน้าบ้าน ข้างหลังก็ร่มสบาย แต่ผมกำลังดูหนังอยู่ มันส์มากๆ เดี๋ยวดูจบค่อยออกไป

สงสัยใช่มั้ยครับ ว่าทำขนาดนี้แล้วจะได้อะไร ในเมื่อบ้านก็ไม่ใช่บ้านของตัวเอง... ตอบ ไม่ได้อะไรเลยครับ แต่วันก่อนน้าเจ้าของบ้านเขามาเยี่ยม พอเห็นว่าบ้านถูกดัดแปลงอะไรไปบ้าง น้าเขาก็บอกจะไม่เก็บค่าเช่าสามเดือนเพราะที่พี่เล่ย์ทำไปมันก็เกินค่าเช่าแล้ว... โชคดีไป

 

“ติ๊งต่อง”

กำลังดูหนังเพลินๆ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ชะเง้อคอมองก็เห็นพี่ข้างบ้านยืนอยู่ตรงประตูรั้ว ผมเลยเดินออกไปหา

“ของฝาก” พี่น้ำว่าแล้วยื่นถุงใส่ขนมและข้าวหลามให้ ผมก็ยกมือไหว้ขอบคุณแล้วรับมา ก่อนจะถาม “ไปไหนมาครับ”

“ไปเพชรมา”

“ไปเที่ยวเหรอครับ”

“เปล่า บ้านพี่อยู่นั่น”

“อ๋อ”

“ทำไรอยู่”

“ดูหนังครับ” ผมตอบ แล้วก็นึกขึ้นได้เลยชวน “คนอื่นกินเหล้าอยู่หลังบ้าน พี่น้ำกินด้วยกันมั้ยครับ”

พี่น้ำส่ายหน้า “เกรงใจ”

“ฮื้อ จะเกรงใจทำไมครับ คนกันเอง นะครับ กินด้วยกัน” ผมคะยั้นคะยอ เพราะอีกฝ่ายก็เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี น่าจะเข้ากับคนอื่นๆ ได้ และอีกอย่าง ผมเห็นพี่เขาอยู่บ้านคนเดียว ไม่ค่อยมีใครมาหา ท่าทางจะเหงา...

พี่น้ำทำท่าคิด ก่อนจะถาม “แล้วพุกินด้วยมั้ย”

ผมพยักหน้า “กินครับ แต่รอดูหนังจบก่อน เกือบละ”

“โอเค... แต่เดี๋ยวพี่ขอไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาใหม่”

“ครับ... มาให้ได้นะครับ ห้ามเบี้ยว” ผมกำชับยิ้มๆ 

หลังจากพี่น้ำเดินกลับเข้าบ้านไปแล้ว ผมก็ยกขนมไปเก็บไว้ในครัว ก่อนจะเปิดประตูหลังบ้านแล้วชะโงกหน้าออกไปถามชาวคณะ “พี่น้ำซื้อขนมมาฝาก มีใครอยากกินป๊ะ”

“ขนมไร” ไอ้เอ้ถาม นอกจากส้มตำแล้วมันก็เป็นคนที่ชอบกินขนมหวานมาก

ผมแกะถุงที่ถูกเย็บไว้ออกดูแล้วตอบ “หม้อแกง กับข้าวหลาม เอาป๊ะ”

“เอาข้าวหลาม”

ผมถือข้าวหลามสองกระบอกออกไปให้พวกมัน แล้วบอก “ชวนพี่น้ำมากินด้วยนะ เดี๋ยวมา”

ทุกคนก็พยักหน้ารับรู้ ไม่มีใครว่าอะไร...

 

“พี่น้ำ โชนๆ”

ไอ้เดียวครับ หลังจากพี่น้ำมากินเหล้ากับพวกเราได้สักชั่วโมง ความสนิทสนมก็เริ่มจะเพิ่มขึ้น... ถึงแม้จะมีอายุมากกว่าพวกเราหลายปี แต่พี่เขากลับเข้ากับพวกเราได้อย่างน่าแปลก

และสิ่งที่แปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ... ไอ้ซอล

ถึงมันจะไม่ได้เป็นคนที่พูดเยอะที่สุดในกลุ่ม แต่มันก็ไม่ใช่คนเงียบหรือขี้อายเลย... แต่วันนี้กลับเงียบผิดปกติ หรือจริงๆ ต้องบอกว่าเงียบผิดปกติตั้งแต่พี่น้ำมา... 

และผมสังเกตได้ว่ามันพยายามหนีพี่น้ำ

พี่น้ำนั่งโต๊ะมันก็จะเดินไปย่างสเต็คมันได้สูตรทำสเต็คมาครับ เลยเอามาลองทำ ลาภปากพวกผม… แต่พอพี่น้ำเดินไปที่เตา มันก็จะเดินกลับมาที่โต๊ะ พอพี่น้ำพูดกับมัน มันก็ทำเป็นไม่ได้ยินหรือตอนที่พี่น้ำมองมัน มันก็จะหันไปทางอื่น

อยากรู้ว่าผมสังเกตเห็นคนเดียวหรือเปล่า เลยกระซิบถามคนนั่งข้างๆ “พี่เล่ย์ ว่าไอ้ซอลมันแปลกๆ ปะ” แล้วแทนที่คนถูกถามจะตอบดีๆ กลับยกมือตีหัวผมแปะนึง ก่อนจะดุ “ยุ่ง”

ผมทำหน้ามุ่ย “ยุ่งไรเล่า แค่ถามเฉยๆ”

“นั่นแหละที่เรียกว่ายุ่ง เรื่องส่วนตัวเขา”

“พูดงี้ก็หมายความว่าสนใจเหมือนกันอะดิ” ผมว่าอย่างรู้ทัน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ อมยิ้มแล้วยักคิ้วกวนๆ ก่อนจะมีเสียงกระแอมดังๆ ขัดจังหวะการสนทนาขึ้น “อะแฮ่ม! อะแฮ่ม!”

พวกเราหันไปมอง ก่อนพี่เล่ย์จะถามด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ความหมายคนละทาง “ส้นตีนติดคอเหรอครับ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ไอ้เดียว

คนถูกถามยกนิ้วกลางให้พี่เล่ย์ แล้วบอก “จะหวานก็ไปช่วยหวานกันในห้องนะครับ สงสารหัวใจดวงน้อยๆ ที่ยังไม่มีคู่บ้าง”

“อิจฉา?” ผมว่าแล้วยักคิ้วให้มันกวนๆ

“เออ กูอิจฉา มีไรมั้ย” มันตอบสะบัดๆ ออกอาการจนเว่อร์ คนอื่นก็หัวเราะขำกับท่าทางของมัน... ยกเว้นไอ้ซอลที่ยิ้มเฉยๆ เหมือนคนที่มีอะไรอยู่ในใจ

 

นั่งกินกันเกือบห้าโมง เสียงมือถือของผมก็ดังขึ้น.... เบอร์เฮียแพทครับ

“ฮัลโหลครับ”

[อยู่ไหน]

“อยู่บ้าน... เฮียล่ะ”

[ก็อยู่บ้านมึงอะ]

“บ้านไหน” ผมงง

[หอมึงอะ]

“เอ้ย ผมย้ายแล้ว” ลืมบอกคนอื่นเลย มัวแต่ยุ่งอยู่

[ย้าย? ไปไหน]

“ย้ายมาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน แถวใกล้ๆ มอแหละ”

[เพื่อน? ใคร?]

“ก็พวกที่เฮียเจอที่พิษณุโลกอะ”

เฮียแพทเงียบไปแป๊บนึง ก่อนจะถาม [อยู่ตรงไหน เดี๋ยวกูไปหา]

“หมู่บ้าน B อะ รู้จักปะ อยู่ฝั่งเดียวกับมหาวิทยาลัย”

[รู้จัก] เฮียแพทว่า ก่อนจะวางสายไป โดยไม่กล่าวลา

“เฮียแพทจะมาหา” ผมบอกคนข้างๆ ที่เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ซึ่งพี่ท่านก็พยักหน้ารับรู้แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มไม่พูดอะไร...

 

เรานั่งกินกันไปอีกสักพักใหญ่ๆ เสียงเพลงจากมือถือของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ครับ?”

[บ้านเลขที่เท่าไหร่ ยามถาม] ที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยเขาดีครับ อย่าว่าแต่คนนอกเลยครับ รถของคนในเอง ถ้าไม่มีสติกเกอร์ยังต้องแลกบัตรเลย

“211 ซอย 9 หลังสุดท้าย ขวามือ”

แล้วเฮียแกก็ตัดสายไปโดยไม่ลาเหมือนเดิม สักครู่ยามของหมู่บ้านก็ปั่นจักรยานมาจอดที่หน้าบ้าน เป็นการมาส่งและเช็คความปลอดภัยไปในตัว... เมื่อผมเดินออกไป แกก็ยกมือตะเบ๊ะแล้วบอกเชิงถาม “มีคนมาหาครับเจ้านาย” ยามแกเรียกทุกคนว่าเจ้านายครับ อย่าแปลกใจ...

“ครับ พี่ผมเอง”

ยามพยักหน้า เมื่อมั่นใจว่าเฮียแพทนัดกับผมไว้จริงๆ ก็ยกมือตะเบ๊ะอีกครั้งแล้วปั่นจักรยานออกไป 

“จอดไว้ข้างหน้านี่แหละเฮีย ไม่หาย” ข้างในไม่ว่างครับ ทั้งกระบะทั้งมอ'ไซค์เต็มไปหมด แทบจะไม่มีที่เดินแล้ว

“ยามแม่งโคตรแข็งขัน... ตรวจกูซะ นึกว่าเข้าวัง” เฮียแพทว่าเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน

“ดีแล้ว ปลอดภัยไว้ก่อน” ผมว่า แล้วมองของที่อยู่ในมือเฮียแพท “ไรอะ เอามาฝากใช่มั้ย”

เฮียแพทพยักหน้า ก่อนจะยื่นถุงที่ถืออยู่ให้ แล้วถาม “ใครอยู่บ้าง”

“ทุกคน... ครบองค์ประชุม”

ผมพาเฮียแพทเดินไปหลังบ้าน ตรงที่คนอื่นๆ นั่งอยู่... พอเปิดประตูออกไป ทุกคนก็หันมามองเป็นตาเดียว ก่อนที่ไอ้เดียวจะร้องทัก “อ้าวเฮีย... มาเลยๆ นั่งด้วยกัน” แล้วตัวเองก็ย้ายไปนั่งฝั่งเดียวกับพี่เล่ย์ ส่วนผมก็เอาขวดเหล้าไปวางตรงกลางโต๊ะ “เฮียแพทเอามาฝาก” แล้วเดินไปหาไอ้ซอลที่กำลังย่างตีนไก่อยู่… หมูหมดครับ มันเลยเอาตีนไก่มาย่างแทน กินกันกับพินาศอะ

“สุกยัง”

“จะสุกแล้ว ไปเอาจานมาดิ๊” มาถึงก็ใช้เลย

ได้ตีนไก่ย่างหอมๆ แล้วผมก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะนึกอะไรได้ “อ้าว ลืมแนะนำพี่น้ำกับเฮียเลย”

“เขาแนะนำกันเรียบร้อยแล้ว รอมึงพอดีเฮียกลับไปก็ยังไม่ได้รู้จักกัน” ไอ้เดียวมันว่าอย่างดูถูก เพราะผมเป็นงี้เรื่อย ชอบลืมโน่นลืมนี่บ่อยๆ “หาซื้อแบรนด์ให้มันกินหน่อยนะ รู้สึกว่ามันจะหลวมๆ นะ” ประโยคนี้มันพูดกับพี่เล่ย์ครับ

“ไรวะ แป๊บเดียวเอง หลวมแล้วเหรอ” พอไอ้เอ้พูดจบ หนังยางที่อยู่ในมือพี่เล่ย์ก็ลอยไปปะทะหน้ามันปั๊บ... ไอ้เดียวที่กำลังหัวเราะชะงักกึก ส่วนไอ้คนโดนดีดยกมือขึ้นกุมแก้มแล้วซี๊ดปาก “เชี่ย เจ็บนะโว้ย ดีดมาได้”

“เดี๋ยวมึงจะได้กินตีนกูด้วย” พี่เล่ย์ว่าเสียงนิ่ง แต่ตาโคตรจะดุ ผมก็มองงงๆ ว่าโกรธอะไรแต่ตาแบบนี้ผมเคยเห็นครั้งหนึ่ง ก็ตอนหลังมือคนที่ด่าผมในห้องน้ำวันที่ไปเที่ยวน้ำตกไงครับ เลยไม่อยากจะเซ้าซี้ กลับไปหาไอ้ซอลดีกว่า… กลัว

“เฮ้ย ไรวะ แค่ล้อเล่นเอง” เสียงอ่อยๆ ของไอ้เอ้ดังตามหลังมา แล้วพี่เล่ย์ตอบอะไรไม่รู้งึมงำๆ ฟังไม่ได้ศัพท์เพราะอยู่ไกล แต่ได้ยินเสียงไอ้เอ้อีกครั้ง “เออ กูขอโทษละกัน ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

ว่าจะไม่ใส่ใจแล้วนะ แต่มันสงสัยอะ ก็เลยพยายามคิดว่าเพราะอะไรพี่เล่ย์ถึงโกรธ... 

แต่กว่าจะเก็ท ไอ้ซอลก็ย่างไก่เสร็จไปสองชุดแล้ว... ผมเดินไปหาไอ้เอ้แล้วโบกไปที ไอ้คนโดนโบกก็กำลังยกแก้ว เหล้ากระแทกเข้าปากเข้าจมูก สำลักกระอักกระไอจนตาแดง “เฮ้ย ไรเนี่ย”

“แล้วกี้นี้พูดไร” ผมว่าอย่างหมั่นไส้ ไอ้เอ้ก็งงๆ เพราะมันพูดตั้งนานแล้ว “พูดไรวะ”

“ก็ที่โดนพี่เล่ย์ดีดแก้มอะ”

ไอ้เอ้ทำหน้าว่านึกได้ก่อนจะถอนหายใจเอือมๆ “โอ๊ยยยย เขาไปดาวอังคารกลับมาสองรอบแล้ว เพิ่งจะเข้าใจเหรอ” ส่วนคนอื่นก็หัวเราะขำ ขนาดพี่เล่ย์ยังอมยิ้มดึงผมไปนั่งข้างๆ แล้วว่า“ไม่พูดดีกว่ามั้ย จะได้ไม่มีใครรู้”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คราวนี้ทุกคนหัวเราะลั่นเลย ขนาดไอ้ซอลที่ย่างไก่อยู่ผมยังได้ยินเสียงมันเลย... หมั่นไส้คนจุดชนวนเลยทุบขาไปที แต่ไม่สะดุ้งหรอกครับ อย่างหนา 

เบื่อพวกมัน... ไปรดน้ำผักดีกว่า เย็นแล้วด้วย

 

“ทำไร” เสียงคุ้นๆ ถามผมที่กำลังเด็ดใบกะเพราขึ้นมาดม... โรคจิตครับ ชอบดมใบกะเพรา

หันไปมองคนถามแล้วผมก็บอกอย่างภูมิใจ… ตรงไหนวะ “รดน้ำผัก”

“ผักอะไร นั่นมันสมุนไพร”

“เหมือนกันแหละ” ผมเถียงไปข้างๆ คูๆ ตามความชำนาญ แล้วถามกลับ “เฮียมีไรเปล่า”

เฮียแพทยักไหล่ “เปล่า” แล้วกวาดตามองไปทั่วสวนที่ผมขอโมเมว่าเป็นของตัวเอง ของแฟนก็เหมือนนของเรา คึคึ“ใครปลูก”

“พี่เล่ย์”

เฮียแพทพยักหน้า “กูก็ว่างั้นแหละ คงไม่ใช่มึง... ขนาดตะบองเพชรที่ไม่ต้องดูแลอะไรมาก อยู่กับมึงยังเหี่ยว ผักงามขนาดนี้คงไม่ใช่มึง”

“หูยยย ดูถูกกก”

“แล้วผิดมั้ย”

“ไม่”

เฮียแพทหัวเราะหึๆ แล้วก็เงียบไป มองดูผมรดน้ำตรงนั้นตรงนี้ สักครู่ก็ถามขึ้นมาใหม่ “ใครชวนมาอยู่นี่”

“ไอ้เดียว” ผมตอบ พร้อมกับแหวกใบของต้นมะเขือเปราะดูลูกมัน หลายลูกเลยครับ ตอนที่ซื้อมายังไม่มีสักลูก... ต้องเป็นเพราะผมหมั่นรดน้ำให้มันแน่ๆ

แต่พี่เล่ย์บอก... อย่ารดเยอะ เดี๋ยวมันจะตาย ฮ่วย

“มีกี่ห้อง”

“สี่” ถามมาผมก็ตอบไป แต่ไม่ค่อยได้ฟังเท่าไหร่หรอกครับ มัวแต่ชื่นชมพริก มะเขือที่มันออกลูกมาซะดกเลยตอนมันออกลูกใหม่ๆ ผมมายืนดูมันจนพี่เล่ย์ต้องลากเข้าบ้าน... บอกจ้องมากๆ เดี๋ยวมันเหี่ยว... บ้าป๊ะ ใครจะไปเชื่อ ถึงไม่ใช่เด็กเกษตรแต่ก็พอรู้บ้าง อะไรบ้าง… มีความสุข เหมือนได้อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดเลย

“ใครอยู่บ้าง”

“ก็มีผม ไอ้เอ้ ไอ้เดียว ไอ้ซอล” ผมตอบ ก่อนจะร้องอย่างตื่นเต้น “เฮ้ย!”

เฮียแพทนิ่วหน้า แล้วเดินมาใกล้ๆ “อะไร”

“นี่ๆๆ เฮียดู” ผมชี้ไปที่ดอกมะเขือพวงดอกเล็กๆ แต่เฮียแกก็เหมือนจะไม่เก็ท “เห็นเปล่า ดอกมันออกแล้ว”

“เออ แล้วไง” เฮียแกไม่มีอารมณ์ร่วมเลยครับ 

“ก็มันออกดอกแล้ว เดี๋ยวมันก็มีลูก”

เฮียแพทส่ายหน้า “ลำบากไปป๊ะ ไมไม่ซื้อเอาวะ ไม่กี่บาท”

“มันไม่เหมือนกัน”

“ไม่เหมือนยังไง ต้นนี้มันออกลูกมาเป็นทองรึไง”

ผมทำหน้ามุ่ย “ฮู้! เฮียนี่” ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เล้ย

เบื่อเฮียแพท... ผมหันไปรดน้ำต้นไม้ต่อ เฮียแพทก็เดินไปมองแปลงผักที่อยู่ข้างๆ บ้าน แล้วเรียกผม “พุ?”

และผมก็ยังคงเพลินอยู่กับต้นมะเขือพวงที่กำลังออกดอก “ครับ?”

“มึงคบกับพี่เล่ย์ใช่มั้ย”

“ครับ” ตอบไปแล้ว มือที่กำลังแหวกต้นมะเขือพวงก็ชะงัก... ผมหันไปมองเฮียแพท ที่กำลังจ้องมาเขม็ง แล้วกลั้นใจถาม “เฮีย... รังเกียจหรือเปล่า?”

ผมรู้... สักวันเฮียแพทต้องถาม

ถึงจะไม่เคยบอกตรงๆ แต่เฮียแกก็ต้องรู้ น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่อยู่พิษณุโลกแล้ว... แต่ผมก็ไม่กล้าที่เอ่ยปากเอง 

รอเวลาที่เฮียแกจะถาม...

“กูต้องกลับละ มีธุระ ฝากลาคนอื่นๆ ด้วย” เฮียแพทว่า แล้วผลุนผลันไปที่รถ ผมก็ได้แต่มองตามไปเฉยๆ ไม่ได้ห้ามหรือรั้งไว้

ผมหวังอะไร... ให้เฮียแพทยินดีที่มีน้องเป็นเกย์

เปล่าเลย... ผมแค่หวังว่าเฮียจะไม่รังเกียจถึงขั้นผลุนผลันกลับไปเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เกย์อย่างผม ก็แค่นั้น

แค่นั้นจริงๆ

ผมไม่รู้ว่าตัวเองเสียใจหรือเปล่า...

ไม่มีน้ำตา... แต่ใจมันโหวงๆ 

มือมันสั่น... จนต้องกำไว้แน่นๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมยืนมองที่ว่างที่เคยมีรถเฮียแพทจอดอยู่ จนกระทั่งมีมืออุ่นๆ วางลงบนไหล่ พร้อมเสียงบอก “เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวยุงกัด”

หากเป็นเวลาปกติ ผมคงไม่กล้า... แต่ในตอนนี้ แม้จะเป็นหน้าบ้านที่ใครอาจมองมาเห็น ผมกลับหันไปหาเจ้าของมือแล้วสวมกอดไว้แน่น... แน่นจนความโหวงเหวงในใจมันค่อยๆ จางลงไป

คนที่ผมกอดไม่พูดอะไร แขนข้างหนึ่งกอดผมไว้หลวมๆ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบหลังลูบไหล่ให้เบาๆ

 

+++++unbelievablelove+++++

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2013 02:36:55 โดย rainbow67 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Unbelievable Love : Chapter Fourteen
« ตอบ #469 เมื่อ: 25-10-2012 22:56:26 »





ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Unbelievable Story : Special - TRUST : 25 Oct 2012
«ตอบ #470 เมื่อ25-10-2012 23:09:22 »

ทำน้องพุเสียน้ำตาไปหน่อยนึงมันน่าจะโดนตบจริง ๆ สิ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: Unbelievable Story : Special - TRUST : 25 Oct 2012
«ตอบ #471 เมื่อ25-10-2012 23:29:08 »

โห เกือบเป็นเรื่องแล้วไหมล่ะ ทำน้องพุเสียน้ำตา ที่ไม่บอกเพราะเขินสินะ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: Unbelievable Story : Special - TRUST : 25 Oct 2012
«ตอบ #472 เมื่อ25-10-2012 23:33:50 »

เกือบไปแล้วอีพี่เลย์

unboy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Special - TRUST : 25 Oct 2012
«ตอบ #473 เมื่อ25-10-2012 23:36:51 »

นึกว่านอกใจ......ตกใจหมดเลยอ่ะ! 555

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Unbelievable Story : Special - TRUST : 25 Oct 2012
«ตอบ #474 เมื่อ25-10-2012 23:37:56 »

โหย เป็นเรากะคิดมากเหมือนพุอะ

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Special - TRUST : 25 Oct 2012
«ตอบ #475 เมื่อ25-10-2012 23:47:57 »

555 เกือบโกรธเลย์ล่ะ

gonna.be

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Special - TRUST : 25 Oct 2012
«ตอบ #476 เมื่อ25-10-2012 23:49:34 »

ว่าเเล้วต้องไม่มีอะไร  :laugh:
พี่เล่ห์เค้าน่ารักจะตายยยยย :-[

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: Unbelievable Story : Special - TRUST : 25 Oct 2012
«ตอบ #477 เมื่อ25-10-2012 23:50:57 »

เกือบได้หัวแตกแล้วมั๊ยล่ะพี่เล่ย์  หุหุ  o18 o18

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Unbelievable Story : Special - TRUST : 25 Oct 2012
«ตอบ #478 เมื่อ26-10-2012 13:38:06 »

งื้อ ข้ามรายละเอียดที่น่านไปอ่า
อยากรู้ว่าคุณยายสงสัยไรรึเปล่าไรงี้555

ย้ายมาอยู่งี้เฮฮาเลย แต่พี่น้ำกับซอลนี่มีไรป่าวเนี่ย
รอขยายความนะคะ

พี่เล่ย์เนี่ยเกือบแย่แล้วมั้ย ดีนะที่พุยังไม่พูดไม่ถามอะไร
เรื่องเลยผ่านไปได้ด้วยดี

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: Unbelievable Story : Special - TRUST : 25 Oct 2012
«ตอบ #479 เมื่อ26-10-2012 13:53:02 »

โห่ นั่งเกร็งต้องนาน นึกว่าพี่เลย์จะมีคนอื่นซะแล้ว เกือบเสียน้ำตาซะแล้วใหมหล่ะ :sad4:

ขอบคุณมากๆค่ะ  :L1: :pig4: :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด