ตอนที่ 8โต้งหยุดยืนมองผ่านช่องกระจกแคบที่ประตูห้องผู้ป่วยโรงพยาบาล คนป่วยในห้องยังคงหลับอยู่ด้วยฤทธิ์ยา ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงแม้จะหันหลังให้ แต่มือใหญ่ที่จับมือขาวซีดไว้ตลอดเวลา กับแผ่นหลังที่เหมือนกำลังแบกโลกไว้ ทำให้โต้งต้องถอนหายใจหนักๆ
กระทั่งเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ ทำให้นายทหารตัวใหญ่ต้องหันไปมอง
"แม่"
คุณหญิงมาพร้อมกับพยาบาลส่วนตัวและคนขับรถ
คุณหญิงพยักหน้าแล้วเข้ามาจับมือลูกชายไว้ "ไข่ตุ๋นเป็นอย่างไรบ้าง"
"ยังหลับอยู่ครับ" โต้งพูดแล้วเคาะประตู
ชิณณะละสายตาจากคนที่ยังหลับอยู่หันไปสวัสดีคุณหญิง ที่ถามด้วยประโยคเดียวกับที่ถามลูกชาย แล้วเข้าไปจับมือขาวซีดไว้
"พ่อแม่เขารู้เรื่องหรือยัง"
"ทราบแล้วครับ คงมาถึงคืนนี้ หรือพรุ่งนี้เช้า ผมบอกไปแล้วว่า ไข่ตุ๋นพ้นขีดอันตรายอยู่กับหมอแล้ว ส่วนสกาว...หวานน่ะครับ อยู่กับตำรวจ"
แม่จ้องมองไข่ตุ๋น ขณะที่พูดเบาๆ "ว่าที่จริง ควรจะมีใครสักคนไปอยู่เป็นเพื่อนสกาวนะ เด็กคนนั้นน่าสงสาร"
"ผมไปดูมาแล้ว แต่เขายังสอบปากคำอยู่ แกเครียดมาก ก็เลยต้องหยุดเป็นระยะ" โต้งบอก "ตำรวจอาจต้องขอหมายค้นห้องนอนของเล็ก"
แม่ส่งเสียงไม่เห็นด้วยในลำคอ
นายทหารหันไปสบตาเพื่อน ขอความเห็นว่าควรจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้แค่ไหน เพราะคิดว่าแม่รู้เรื่องที่เล็กทำแต่ไม่ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดี
สิ่งที่แม่ยอมรับก็คือ เด็กสาวคนหนึ่งถูกทำร้าย และมีความอับอายมากจนจะฆ่าน้องชายแล้วจะฆ่าตัวตายตาม
สิ่งที่แม่ไม่ยอมรับก็คือ เล็กกับเพื่อนมีส่วนร่วมในการทำร้ายเด็กสาวคนนั้น
ส่วนเรื่องที่ว่าเล็กกับเก่งตายอย่างไร ถูกแยกไว้ต่างหาก และยังคงเป็นเรื่องที่อยู่ในข่ายสงสัย เพราะหลักฐานจากนิติเวชชี้ว่า ทั้ง 2 คนฆ่าตัวตาย ขณะที่หลักฐานในห้องของสกาวก็เป็นเพียงภาพถ่ายบนฝาผนัง ของคน 3 คนที่ 2 คนตายไปแล้วและอีกคนหายสาบสูญ
แม่ละสายตาจากไข่ตุ๋นออกไปนอกหน้าต่าง
"ถึงแม่จะไม่เห็นด้วย ก็คงค้านพ่อแกไม่ได้ ป่านนี้ตำรวจคงเต็มบ้าน จะเอาอะไรของเล็กไปบ้างก็ไม่รู้"
"ก็คงเป็นพวกฮาร์ดดิสด์ กับพวกเมมโมรี่การ์ดน่ะครับ อ้างอิงจากที่สกาวพูดกับไข่ตุ๋นทางโทรศัพท์"
"แกเชื่อว่าเล็กจะทำร้ายคนได้ขนาดนั้น จริงๆ น่ะหรือ" แม่หันมาคาดคั้นกับโต้ง แต่โต้งหันกลับไปมองคนที่ยังคงหลับอยู่บนเตียง “ฉันเลี้ยงลูกมากับมือตัวเอง ไม่มีวันที่เล็กจะทำร้ายคนได้ขนาดนั้นหรอกนะ!”
ตอนที่พ่อกับแม่ของหวานและไข่ตุ๋นมาถึงก็เกือบเช้าวันใหม่ ถึงจะไม่ใช่เวลาเยี่ยม แต่เพราะเป็นโรงพยาบาลเอกชนทำให้ทั้งคู่เข้ามาได้ โดยมีพยาบาลเดินตามเข้ามาด้วย ท่าทางเกรงใจชิณณะที่นอนเฝ้าอยู่และลุกขึ้นมาสวัสดี
ทั้งคู่หันมารับไหว้ชิณณะแล้วหันไปถามพยาบาลเกี่ยวกับอาการ
"อีหวานมันบ้า จะฆ่าแม้กระทั่งน้อง" แม่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเกลียด ความโกรธโดยไม่ปิดบัง
เป็นประโยคที่ขัดหูชิณณะที่สุดในรอบหลายวัน แต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกไว้ โดยเฉพาะนิสัยชอบเอาชนะที่มันติดตัวมาตั้งแต่เกิด
ยิ่งต้องไม่ปล่อยให้มันแสดงอาการขึ้นมาตอนนี้ เพื่อคนที่ยังหลับเพราะฤทธิ์ยา
เพราะถ้าฟังจากที่หวานหรือสกาวพูด และดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่า สาเหตุที่จะฆ่าไข่ตุ๋นก็เพราะไข่ตุ๋นเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวของเธอ และเธอไม่อยากให้น้องต้องมีชีวิตอยู่กับความผิดที่ไม่ได้ก่อขึ้น
แม่ยังบ่นและด่าหวานต่อไป ขณะที่พ่อจ้องมองลูกชายแล้วเดินมาหาชิณณะ "คุณคือคนที่โทรไปหาเราสินะ"
"ครับ"
"ขอบใจมาก กลับไปพักเถอะ เดี๋ยวเราจะอยู่กับไข่ตุ๋นเอง"
"ผมว่าพ่อกับแม่ควรไปพักผ่อนก่อนน่าจะดีกว่า หมอบอกว่ายาแรงมาก ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้จะฟื้นหรือเปล่า"
แม่ด่าหวานต่อไป ชิณณะเลยหันมาถามพ่อ "พักกันที่ไหนครับ ถ้าเป็นที่ห้องคอนโดฯ ก็น่าจะพักในห้องของไข่ตุ๋นได้ ส่วนห้องของสกาว ตำรวจต้องกันพื้นที่ไว้"
ท่าทางที่เคร่งขรึมและเป็นทางการของชิณณะ ทำให้แม่หยุดฟัง
ชิณณะหันไปหาพยาบาล พูดฝากให้ดูแลไข่ตุ๋นสักครู่ แล้วหันไปหาพ่อกับแม่ "ไปพักที่บ้านผมแล้วกัน แล้วสายๆ ผมจะให้คนมารับพ่อกับแม่ไปหาสกาว"
"ฉันจะด่ามันน่ะสิ นังลูกเลว"
ต่อหน้าพยาบาล และคนที่กำลังหลับ ชิณณะรู้สึกว่ามีเม็ดกรวดถูกโยนลงบนผิวน้ำ ก่อให้เกิดคลื่นเล็กๆ ขยายวงกว้างออกไป
"ไม่มีใครอยากเป็นคนเลวหรอกครับ คุณน่าจะฟังที่เธอพูดบ้าง ไม่ใช่ตัดสินเธอตลอดเวลา"
"คุณเป็นอะไรกับมันหรือไง ถึงมาออกรับแทน"
คนตัวโตพูดชัดๆ "ผมอาจเป็นคนนอก ที่มีโอกาสได้ฟังแม่หลายคนพูดถึงลูกของพวกเขาในรอบหลายวันมานี้ และผมก็พบว่า มันถึงเวลาที่เราต้องฟังเพื่อทบทวน ไม่ใช่ตัดสิน"
ชิณณะขับรถพ่อของไข่ตุ๋นไปส่งที่บ้านของชิณณะเอง สั่งคนรับใช้ให้ดูแล เน้นย้ำว่านี่คือพ่อและแม่ของไข่ตุ๋นให้ดูแลให้ดี จากนั้นก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาเรียกรถแท็กซี่กลับมาที่โรงพยาบาล ในระหว่างนั้นก็สั่งงานก้อง เลขาฯ ไฮเปอร์ให้มาพาพ่อกับแม่ของไข่ตุ๋นไปเยี่ยมสกาวในตอนสายด้วย
เดินกลับเข้ามาที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง ด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบ
แตะมืออุ่นๆ ลงที่หน้าผากและแก้มใสแล้วนั่งลงข้างๆ
เพราะเพิกเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่าง เห็นแต่เพียงเรื่องของตัวเอง ผลประโยชน์ของตัวเอง ดึงดันเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
ไข่ตุ๋นถึงต้องพบกับเรื่องแบบนี้
"พี่ขอโทษ...."
ภาพที่โต้งเห็นในตอนที่เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยตอน 9 โมงเช้ายังคงเป็นภาพเดิมที่เห็นเมื่อวาน ตอกย้ำว่าเป็นคนที่มาทีหลัง
"ไปกินข้าวกันมั้ย กูมีเรื่องอยากคุยกับมึง"
แต่มื้อเช้าผ่านไป โต้งก็ยังไม่มีคำถาม ขณะที่ชิณณะก็เหมือนคนทิ้งหัวใจไว้ที่ห้องผู้ป่วย จนเมื่อเดินกลับมาด้วยกัน ชิณณะเดินตรงเข้าไปขยับตัวให้ไข่ตุ๋นพลิกนอนตะแคง โต้งเข้าไปช่วยจัดหมอน จัดผ้าห่มให้ แล้วเดินมานั่งมองสายน้ำเกลือ และคนที่นอนนิ่งๆ
"มึงรักไข่ตุ๋น"
"ใช่"
โต้งก้มหน้า ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะถามไปให้เจ็บทำไมในเมื่อก็เห็นมาตั้งแต่แรกที่เพื่อนเดินเข้าไปหาไข่ตุ๋นที่คลับเฮ้าส์วันนั้น
เพื่อนผู้ร่ำรวยที่ใช้เงินซื้อทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มคนนี้เกินกว่าคำว่า "น้อง" ที่บอกไว้หลายเท่า
"กูเกลียดเกย์"
ชิณณะหันมามองเพื่อน ที่แม้จะพูดคำว่าเกลียด แต่น้ำเสียงกลับเหน็ดเหนื่อย มากกว่าจะเกลียดกัน
"กูรู้ว่ามึงเคยมีอะไรกับเด็กผู้ชาย แต่กูกลับไม่เคยจัดให้มึงอยู่ในกลุ่มเกย์ หรือไบ คิดว่าก็แค่เซ็กซ์ คงเพราะความลำเอียงส่วนตัว เพราะมึงคือเพื่อนกู แต่เมื่อวานนี้ ตอนที่กูมาโรงพยาบาลแล้วเห็นมึงอยู่กับไข่ตุ๋น...กูเจ็บจนหายใจไม่ออก เหมือนไม่มีแรง เพราะ...กูก็รักไข่ตุ๋นเหมือนกัน"
ชิณณะหันไปมองคนที่ยังหลับอยู่ ส่วนโต้งก้มหน้าเหมือนกำลังพูดอยู่กับเข่าตัวเอง
"จนกูกลับไปบ้าน กูถึงได้คิด ว่าไข่ตุ๋นเป็นเด็กผู้ชายนะ แล้วเขาก็คิดว่ากูเป็นพี่ชาย เพราะกูวางตัวเป็นพี่ชาย แต่ความรู้สึกดีที่มันเกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย กว่าที่จะรู้ตัวกูก็รักเขาแล้ว ตอนนี้ที่อยู่ในใจกูไม่ใช่เรื่องที่กูเป็นเกย์หรือเปล่า แต่เพราะ...กูรักคนของเพื่อน"
หยดน้ำที่หล่นลงเข่า ทำให้ชิณณะรู้ว่าเพื่อนกำลังร้องไห้
"ชีค กูเสียใจ" โต้งบอกแล้วลุกขึ้นยืน
"รอให้ไข่ตุ๋นตื่นขึ้นมาก่อนแล้วมึงค่อยพูดกับเขา"
"ทำไม" โต้งไม่เข้าใจ เพราะสิ่งที่พูดไปทั้งหมดคือคำขอโทษที่รักคนของเพื่อน
ชิณณะยังคงมองคนที่ยังไม่ตื่น คำพูดมากมายจุกแน่นอยู่้ในอกหนา
"เพราะกูก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขารักใคร"
ทำไมจะมองไม่เห็น ว่าเพื่อนมีความหวังดีที่มันเกินขอบข่ายของคำว่าพี่ให้กับไข่ตุ๋น ก็ขนาดสกาวยังมองออก และเพราะว่ามีทั้งชิณณะและโต้งเข้ามาพัวพันกับน้องชาย มันถึงได้เป็นอีกแรงผลักดันที่ทำให้สกาวต้องลงมือ
และทั้งที่เห็นว่าไข่ตุ๋นแทบไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับโต้ง
แต่ความเมินเฉยในหลายวันมานี้กลับรบกวนความรู้สึกในใจ
หากมีใจให้พี่ ทำไมถึงไม่ฟังพี่อธิบาย
และเพราะนี่คือโต้ง เพื่อนรักที่รู้จักกันมาหลายปี
ถ้าไข่ตุ๋นรู้ว่าโต้งมีใจให้ ไข่ตุ๋นจะเลือกโต้งมั้ย
บ่าย โต้งลงไปกินข้าวก่อน แล้วกลับขึ้นมาเปลี่ยนให้ชิณณะลงไปกินข้าว ก้องโทรมารายงานว่าพ่อกับแม่พบกับสกาวแล้ว แต่สถานการณ์ดูไม่ค่อยดี เพราะแม่ยังคงด่าว่าสกาว แม้ตำรวจจะเตือนให้หยุด นอกจากนี้แล้วก็คือที่อัยการแนะนำให้จิตแพทย์ตรวจสกาวอีกครั้ง ทางฝ่ายแม่ไม่รับฟัง แต่พ่อเซ็นชื่อยินยอม
"ผมไม่เคยเจอเคสแบบนี้เลยนะเจ้านาย แม่โวยวายไม่หยุด แต่พ่อกลับมองลูกสาวนิ่งๆ แล้วก็เซ็นชื่อ พ่อคงรู้ตัวแล้วว่าผิดพลาดอะไรไป แต่แม่ยังเหมือนเดิม"
ชิณณะวางสายจากก้องเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วย เห็นเพื่อนยืนมองคนที่ยังไม่ตื่นขึ้นมาอยู่ข้างเตียง
....เจ็บจนจุก....
"แม่มึงอยู่หรือเปล่า"
"อยู่สิ เขาไม่ได้ไปไหนหรอก"
"ให้พยาบาลพาไปเจอกับแม่ของไข่ตุ๋นสิ"
โต้งพูดอึ้งๆ "ให้ยาแรงไปหรือเปล่าชีค ได้ข่าวว่าแม่ของทางนั้นก็แรงพอตัว"
เพื่อนพูดอย่างรู้นิสัยของชิณณะ ที่ชอบความเด็ดขาด ใช่หรือไม่ใช่ก็ให้มันชัดเจน
อย่างที่ตอนนี้โต้งยังไม่ได้กลับไปทำงาน ก็เพราะโดนยาแรงของชิณณะเข้าไปเหมือนกัน
รู้ว่ากำลังโดนเพื่อนเล่นงา่นกันซึ่งหน้า ฐานชอบคนของเขา
แต่เพราะเราเองก็อยากรู้ให้ชัดเจนเหมือนกันว่าใช่หรือไม่ใช่
"ลองดู ตอนนี้พ่อกับแม่ยังอยู่กับสกาว"
โต้งโทรหาแม่ด้วยข้ออ้างว่าต้องการความช่วยเหลือ ขณะที่ชิณณะโทรหาก้องให้หาทางดึงพ่อกับแม่ของไข่ตุ๋นให้อยู่รอพบกับแม่ของโต้งก่อน
“จะดีหรือเจ้านาย ให้แม่ 2 คนมาเจอกัน คุณเล็กทำร้ายสกาว สกาวก็อยู่ในข่ายที่อาจเป็นฆาตรกรฆ่าคุณเล็กแบบนี้” ก้องท้วงเหมือนกับโต้ง
แต่ชิณณะหันไปหาโต้ง “ไม่ต้องห่วง ไอ้โต้งจะตามไปด้วย ขั้นตอนแรกของการแก้ไขทุกปัญหาก็คือการยอมรับความจริง”
พ่อกับแม่ของหวานไม่ได้เข้าไปฟังการสอบปากคำในห้องสอบสวน แต่ออกมายืนฟังอยู่ที่ห้องกระจก การสอบสวนช่วงแรกเป็นเรื่องที่หวานเตรียมการจะฆ่าน้องชายฝาแฝดอย่างไร
หวานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วบอกสั้นๆ “ให้กินยานอนหลับ ฉันจะยิงมันก่อนแล้วจะฆ่าตัวตายตาม”
พนักงานสอบสวนหยิบซองพลาสติก ภายในมีปืน 1 กระบอกออกมาวางบนโต๊ะ “กระบอกนี้หรือเปล่าครับ”
หวานชะโงกหน้าไปมองแล้วพลิกดูท้ายกระบอกปืน “ใช่”
“เคยใช้ยิงใคร หรืออะไรมาก่อนหรือเปล่า”
ยิ่งฟังแม่ยิ่งอึดอัดคับข้องใจ แต่พอหันกลับไปที่หน้าประตู มีสตรีตัวเล็กท่าทางภูมิฐานกับชายหนุ่มรูปร่างหนายืนอยู่ ทำให้แม่หันมาฟังต่อไป
การสอบสวนมาถึงช่วงของแรงจูงใจ ทำไมต้องลงมือ
หวานก้มหน้ามองมือตัวเอง จนกระทั่งตำรวจหยิบซองพลาสติก บรรจุโทรศัพท์กับเมมโมรี่การ์ดออกมาวางบนโต๊ะ หยิบเมมโมรี่การ์ดในเครื่องออกมาเสียบต่ออุปกรณ์
ภาพปรากฏเพียงแค่วินาทีเดียว หวานก็กรีดร้อง
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้! พอแล้ว! พอ พอ ได้โปรด.....”
พนักงานสอบสวนปิดเครื่องเล่นทันที พร้อมกับที่อัยการหญิงในห้องสอบสวนตรงเข้ามากอดปลอบหวาน
“นั่นมันภาพอะไร”
แม่หันมาถามพ่อ แต่พ่อเงียบไม่ตอบคำถาม เหมือนทุกคนในห้อง รอให้หวานเป็นคนตอบพนักงานสอบสวน
ค่ำแล้วการสอบปากคำยังไม่เสร็จสิ้น แต่อัยการขอให้เลื่อนไปสอบในวันต่อไป เพื่อเก็บรายละเอียดอื่น
คน 3 คน เดินออกมาจากห้องเล็กเหมือนคนหมดแรง โต้งกับก้องพาทั้งหมดไปนั่งที่เก้าอี้หินอ่อนด้านนอก แล้วจัดหาเครื่องดื่มกับของว่างให้
พ่อกับแม่ส่ายหน้าทันที แต่ก้องขอให้กินสักนิดก่อนที่จะกลับบ้าน
“อีหวานมันบ้า มันไม่ใช่ลูกฉัน” แม่พูดขึ้นแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังมีคนอื่นอยู่ด้วยก็เลยหันมาถาม “คุณเป็นใคร”
“ฉันคือคุณหญิงสุกัญญาเป็นแม่ของเล็ก เขาว่ากันว่าเป็นคนที่ทำร้ายลูกสาวของคุณจนเข้าโรงพยาบาล แล้วฉันก็เพิ่งเผาศพเขาไปเมื่อวันก่อน”
“แกมัน! แกเลี้ยงลูกยังไงกัน ถึงมาทำกับลูกคนอื่นแบบนี้!” แม่ผุดลุกขึ้นยืนร้องตะโกนใส่หน้าอีกฝ่าย ทำให้พ่อกอดแม่ไว้
โต้งเองก็กำลังกอดแม่ไว้เหมือนกัน “นั่นสินะ” คุณหญิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นๆ “เลี้ยงลูกยังไง ในเวลาที่ลูกต้องการเราที่สุด เราไปอยู่ที่ไหน ทำไมเราถึงได้เลือกที่จะรักเขาเวลาที่เขาทำดีเท่านั้น”
“อย่ามาทำเป็นสั่งสอนคนอื่น แกมันไม่ได้วิเศษมาจากไหน”
“ฉันไม่เคยบอกว่าฉันวิเศษกว่าคนอื่น แต่ฉันเป็นแม่ ต่อให้ลูกฉันเป็นฆาตกร 100 ศพเขาก็ยังเป็นลูกของฉัน”
“ที่ลูกฉันเป็นอย่างนี้ก็เพราะลูกแก”
แม่ชี้หน้าคุณหญิง เสียงตะโกนดังจนก้องต้องมองหน้าโต้งที่ได้แต่ยืนประคองกอดเอวคุณหญิงอยู่เฉยๆ
“ฉันเลี้ยงลูกไม่ดี ลูกของฉันตายไปแล้ว แต่ลูกของเธอยังอยู่ เขาพยายามฆ่าน้องชายของเขาแล้วก็จะฆ่าตัวตายนะ”
ก้องกลืนก้อนน้ำลายลงคอ แทบไม่อยากเชื่อว่าคุณหญิงจะพูดกับแม่ของไข่ตุ๋นอย่างตรงไปตรงมาแล้วทำให้อีกฝ่ายเงียบได้ ถึงจะมีสีหน้าดื้อดึงไม่อยากยอมรับก็เถอะ
"แกมันบ้า ไม่ต่างอะไรจากอีหวาน"
"แล้วเธอล่ะ"
พ่อจับมือแม่ให้หยุดโต้เถียงกับคุณหญิง หันไปมองโต้ง ก้อง และพนักงานตำรวจที่ยังคงอยู่ใกล้ๆ
“สรุปว่าหวานฆ่าลูกชายของคุณหญิงเหมือนที่จะทำกับน้องหรือเปล่า”
“ไม่มีหลักฐานในเรื่องนั้นครับเมื่อครู่ที่ให้ดูึคลิป ก็เพราะอยากรู้เรื่องความกดดันของผู้ต้องหา” พนักงานสอบสวนบอก
แม่ของไข่ตุ๋นนิ่งอึ้งจ้องมองคุณหญิงเหมือนร้องขอกึ่งบังคับ
คุณหญิงพยักหน้า “ก็ตามที่เขาพูดนั่นแหละ ฉันไม่อยากคาดเดา ไม่อยากคิดไปเอง เพราะสำหรับฉันแล้ว ยังไงเจ้าเล็กก็คือลูกของฉัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้”
===จบตอนที่ 8=====
ยังคงค่อยคลายไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น เกือบครึ่งทางแล้วครับ ข้อหนึ่งป๋าเขาลูกคนเดียว ข้อสองเวลาได้ยินใครพูดว่า ทำแบบนี้แล้วจะไม่รักนะ เขาจะอารมณ์ไม่ดี เขาว่ารักก็คือรัก ไม่รักก็ไม่รัก ทำไมต้องมีเงื่อนไข ข้อสามเขาเขียนพาร์ทนี้ด้วยความเคร่งเครียด ตรงข้ามกับตอนเขียนสแนช อันนั้นเขียนไปหัวเราะหึหึ แบบจิต
นิสัยของชิณณะแบบนี้ ทีบอกว่าเหมือนผมมาก ป๋าหนักไปทางมึน และดื้อแบบสุดโต่ง ใช้ไม้นวมไม่เป็น รู้แ่ต่ไม้แข็ง เพื่อนแต่ละคนขาโหดพอกัน
ขอบคุณที่ชอบเรื่องนี้และติดตามกันมาตลอด ผมกับพี่ไจฟ์ชอบมากเวลาที่คุณให้คำแนะนำ ชอบๆๆๆๆ ส่วนของกินส่งมาเลย แต่ต้องไม่มีผงชูรสนะเพราะผมแพ้
พบกันวันอาทิตย์ครับ
ไจฟ์กับทีครับ