ตอนที่ 9
เมื่อลืมตาตื่นสมองยังคงมึนงง เหลียวมองไปรอบตัว คนที่ยืนอยู่ข้างเตียงและจับมือไว้เป็นโต้ง
"พี่เรียกหมอแล้ว ยังงงอยู่หรือเปล่า"
ไข่ตุ๋นพยักหน้าเพียงนิดเดียวรู้สึกเหมือนมีหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่ข้างใน
"ยามันแรง เดี๋ยวก็ดีขึ้น"
ชั่วอึดใจหมอกับพยาบาลก็เข้ามาในห้องสอบถามอาการ ขณะที่พยาบาลถอดสายและอุปกรณ์อื่นๆ ออกจากคนป่วย
มองเห็นและรับรู้การเคลื่อนไหวรอบตัว เพราะขณะที่ฟังหมอคุยกับโต้งเรื่องการดูแลช่วงที่เพิ่งฟื้นจากยา ยังได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง และคนตัวโตอีกคนเดินเข้ามา
“น้องตื่นแล้ว”
คนที่เข้ามาส่งเสียงตอบรับในลำคอ แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาห่างออกไป
...ทั้งที่ยังงง แต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกแปลกๆ ที่คนนั้นไม่ได้เดินเข้ามาหา...
หมอพูดทบทวนการดูแลผู้ป่วยอีกครั้งแล้วก็กลับออกไป
จากนั้นโต้งก็พูดโทรศัพท์บอกใครบางคนว่า ฟื้นแล้ว แต่ก็แนะนำว่าให้มาเยี่ยมตอนเช้า
แต่ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่มอง อาการมึนงง ทั้งปวดหัว เวียนหัวผสมกันจนแยกไม่ออก ทำให้ไข่ตุ๋นต้องหลับตา และยังมีอาการหลับๆ ตื่นๆ อีกพักใหญ่รู้สึกตัวเมื่อมีน้ำอุ่นสัมผัสที่ใบหน้า
"พ่อกับแม่มาแล้วนะ ตอนนี้พักอยู่ที่บ้านชีค" คนที่กำลังเช็ดหน้าให้บอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่คนที่นั่งอยู่ห่างออกไปรู้สึกว่ายิ่งฟังยิ่งขัดหู
ไข่ตุ๋นขมวดคิ้ว "กี่โมงแล้วครับ"
"จะ 2 ทุ่มแล้ว หิวหรือเปล่า เดี๋ยวจิบน้ำสักนิดนะ จะได้สดชื่นขึ้นแล้วถ้าอยากเข้าห้องน้ำก็บอก เพราะพยาบาลถอดสายออกไปแล้ว แล้วถ้าไข่ตุ๋นเริ่มกินอะไรได้ เขาถึงจะถอดสายน้ำเกลือออก"
ทันทีที่ส่ายหน้า ก็เวียนหัวจนต้องหลับตาอีกครั้ง
จน 3 ทุ่มกว่าคนที่เหมือนหลับๆ ตื่นๆ ก็พูดขึ้น "ผมอยากเข้าห้องน้ำ"
ก่อนที่โต้งจะขยับตัว คนที่เมื่อครู่อยู่โซฟา ก็ตรงเข้ามาที่ข้างเตียง สอดแขนเข้าใต้ไหล่ และขาพับ ยกอุ้ม
โต้งถึงได้หันไปหยิบถุงน้ำเกลือเดินตามมา
ผู้ชาย 3 คนในห้องน้ำมันดูอึดอัดคับแคบไปถนัดใจ ต่อให้หนึ่งในนั้นจะค่อนข้างผอมก็เถอะ
ชิณณะปล่อยขาให้ไข่ตุ๋นยืน แต่ยังพยุงตัวไว้ ครั้นพอจะแกะเชือกที่กางเกงให้ก็หยุดชะงัก สบตาดวงตากลมที่มองมา
"ผมทำเองได้"
ชิณณะยังคงช้อนแขนกอดเอวไว้หันไปมองทางอื่น เหมือนกับโต้งมองออกไปข้างนอกห้องน้ำ
"สามทุ่มแล้ว ถ้าอยากอาบน้ำไว้พรุ่งนี้ดีกว่า" โต้งบอก "เมื่อกี้ก็เช็ดหน้าเช็ดแขนให้แล้ว"
ไข่ตุ๋นจัดการธุระของตัวเอง แต่พอจะก้มหน้าล้างหน้าก็ต้องทิ้งน้ำหนักลงที่แขนของชิณณะ แล้วยอมให้อุ้มกลับออกมาที่เตียงอีกครั้ง
"พี่หวานล่ะ"
"อยู่ที่โรงพัก" โต้งเป็นคนตอบ
"เพราะผมหรือครับ"
"ใช่"
"ผมไม่เอาเรื่องได้มั้ย"
ทั้งโต้งและชิณณะต่างก็คิดว่าการตัดสินใจของไข่ตุ๋นเรื่องนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย
"พยายามฆ่าเป็นคดีอาญา" โต้งบอกสั้นๆ
"เขาแค่วางยาผม"
โต้งอธิบายต่อไป "แต่ยาที่ให้ไข่ตุ๋นแรงมาก จนอาจทำให้ช็อกจนเสียชีวิตได้ แล้วเราก็พบปืนบรรจุกระสุนเตรียมพร้อมไว้"
ไข่ตุ๋นเงียบไป แล้วหันไปบอกโต้งอีกครั้ง "ผมไม่อยากเป็นอีกคนที่ทำร้ายพี่หวาน สำหรับผม ถ้ากฎหมายเอาผิดไอ้คนที่มันทำร้ายพี่สาวผมไม่ได้ ก็ไม่ควรมีใครใช้กฎหมายทำร้ายพี่สาวผมได้เหมือนกัน”
โต้งพยักหน้าขรึมๆ “ตำรวจเจอคลิปในคอมพิวเตอร์ของเล็ก มีภาพหน้าของเล็ก เก่ง แล้วก็เลิศ แต่เลิศก็หายสาบสูญไปนานแล้ว ตอนที่สอบปากคำสกาวไม่พูดชื่อใครเลย บอกแต่ว่าเธอโดนวางยาแล้วก็โดนรุมโทรมจนเข้าโรงพยาบาล อันนี้มีบันทึกในแจ้งความที่โรงพยาบาลเป็นผู้แจ้ง สกาวย้ำว่าช่วงนั้นมีแต่น้องชายที่คอยดูแล พอออกมาก็พบว่า พวกนั้นถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์ บังคับให้เธอไปนอนกับคนอื่น พอไม่ยอมก็มีคลิปหลุดออกไปในเว็บใต้ดิน จนกระทั่งเธอมาพบกับผู้ใหญ่ให้เธออ้างเป็นเกราะไม่ให้คนพวกนั้นมายุ่งกับเธอได้พักใหญ่ๆ”
ชิณณะขมวดคิ้วสบตากับไข่ตุ๋น
แววตามองกลับมา บอกว่ารู้ดีว่าคนที่สกาวยึดเป็นเกราะให้ห่างจากคนเหล่านั้น คือชิณณะเอง
“มีภาพหลักฐานที่สามารถชี้ชัดได้ว่า เล็กกับเพื่อนคือคนที่สกาวพูดถึง แต่พอตำรวจให้ชี้ภาพหรือบอกชื่อ สกาวก็เอาแต่ร้องไห้”
ชิณณะพูดขึ้นบ้าง “ก็ถ้าจะเอาผิดจริงๆ ก็น่าจะได้”
“แต่เล็กกับเก่งตายไปแล้ว” น้ำเสียงของโต้งบอกถึงความเจ็บปวด เพราะให้ร้ายอย่างไร นั่นก็น้องชาย
“ตายแล้วคดีก็สิ้นสุด” ชิณณะพูดกับคนที่นอนอยู่บนเตียง “คนที่ยังอยู่คือคนที่เราจะต้องช่วยกันดูแลให้เขาแข็งแรงขึ้น”
สมองของไข่ตุ๋นคิดไปถึงประโยคที่พี่สาวเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ กับภาพของคน 3 คนบนฝาผนังในห้องที่ปิดล็อกอยู่เสมอ
คน 3 คนในห้อง หันมามองหน้ากัน รู้ได้เองว่าต่างก็คิดตรงกัน แต่ไม่มีคำพูด
เกือบสี่ทุ่มพยาบาลเข้ามาวัดไข้ วัดความดันและสอบถามอาการอื่นๆ เสร็จแล้วก็หันไปหาคนตัวโต 2 คนในห้องที่ต่างก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับ กลับมาตรวจอีกรอบตอนเที่ยงคืน คนที่เฝ้าอยู่ก็ยังคงอยู่กันทั้งคู่ ทั้งช่วยกันตอบคำถามได้คล่องกว่าคนป่วยเสียอีก
เมื่อก้องพาพ่อกับแม่มาที่โรงพยาบาลในตอนเช้า ก็เลยได้เห็นว่าทั้งโต้งและชิณณะยังคงอยู่กันพร้อมหน้า พ่อกับแม่รับไหว้
“ขอเราคุยกับลูกสักครู่ได้มั้ย”
ชิณณะ โต้งและก้องรับคำสั่งจะเดินออกไปจากห้องทันที แต่ไข่ตุ๋นกลับเรียกไว้
“ให้พวกเขาอยู่เถอะครับ เขารู้เรื่องของพี่หวานมากกว่าผม”
“หมายความว่ายังไง” พ่อหันมาถาม
ดวงตากลมมองโต้ง “น้องชายของพี่โต้งทำร้ายพี่หวาน แล้วพี่หวานก็ไปอยู่กับคุณชิณณะ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรพี่หวานขโมยของ ขโมยเงินของคุณชิณณะไป”
“เท่าไหร่” พ่อหันไปถามชิณณะ
แต่คนที่ตอบคำถามนี้คือไข่ตุ๋น “2 ล้าน”
แม่ยกมือแตะอก ขณะที่พ่อยิ่งเคร่งเครียดกว่าเดิม
ก้องช่วยเสริม “คุณสกาวไม่ได้เอาไปครั้งเดียวหรอกครับ เป็นของที่คุณชิณณะซื้อให้ด้วย แต่ว่าครั้งสุดท้ายนี่กวาดไปหมดทั้งสร้อย แหวน นาฬิกา บัตรเครดิต แล้วก็เงินสด”
“แต่เราถามคนที่บ้านของคุณชิณณะ พวกเขาบอกว่า ไข่ตุ๋นเป็น....เอ่อ...” แม่อึกอัก “แฟนของชิณณะ”
ไข่ตุ๋นหันสบตาชิณณะ ขณะที่โต้งสังเกตอาการของทั้ง 2 คนอย่างเงียบๆ
“มันหมายความว่ายังไง หวานหลอกเอาของเอาเงินจากแฟนของน้องหรือไง”
คำถามของแม่เหมือนลูกตุ้มที่โยนกลับมาหาชิณณะ โต้งและก้อง
เพราะมันชัดเจนว่าแม่ไม่รู้เรื่องของลูกๆ เลย
ชิณณะบอกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผมตามหาสกาว แต่ไปเจอไข่ตุ๋นที่ร้านเหล้าของน้าเก้ง ตอนนั้นผมยังไม่รู้เรื่องที่เล็กทำร้ายสกาว คือรู้แต่ว่าเธอเคยถูกข่มขืนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ขณะที่ไข่ตุ๋นเป็นคนดีไว้ใจได้ ก็เลยพาไปให้ช่วยดูแลแม่ของโต้งที่เป็นโรคซึมเศร้าเพราะเล็กหายไป”
คนตัวโตเล่าข้ามเรื่องราวไปหลายอย่าง แต่ก็พอจะทำให้พ่อกับแม่เข้าใจเรื่องราวได้คร่าวๆ
โต้งพูดต่อ “ถ้าพ่อกับแม่ยังต้องการแจ้งความเอาผิดคนที่ทำร้ายสกาว ก็ยังพอตามจากคลิปที่มีเหลืออยู่จากคอมพิวเตอร์ของเล็กได้”
ส่วนไข่ตุ๋นก้มมองมือตัวเองที่ประสานอยู่บนตัก “ตอนที่อยู่โรงพยาบาล หมอบอกว่าพี่โดนวางยา และคนที่ทำร้ายเธอน่าจะมีหลายคน แต่พี่จำได้แค่ 3 คนเพราะเจอกันก่อนที่จะโดนวางยา”
....แต่จากเรื่องเล่าที่ไม่ปะติดปะต่อ ทำให้คิดว่า ทั้งหมดอาจรู้จักกันมาก่อนหน้านั้น และยังคงพบกันหลังจากที่หวานออกจากโรงพยาบาลแล้ว...
พอพ่อกับแม่ และทุกคนหันมามอง ไข่ตุ๋นก็ต้องกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอ “นี่เป็นเรื่องทั้งหมดที่ผมรู้ ผมไม่กล้าแม้แต่จะดูคลิปที่มันส่งเข้ามาในมือถือ มันส่งข้อความเข้ามาให้ตามไปดูในเว็ปที่มันโพสต์ไว้ ผมก็ทำได้แค่แจ้งไปที่ไอซีทีให้มาปิดเว็บ”
ชิณณะเดินมานั่งลงที่เตียงอีกด้าน โอบไหล่คนตัวเล็กไว้
“ตอนที่พี่พาเข้าไปห้องแล้วมีรูปคนพวกนั้นอยู่ที่ผนังห้อง ผมก็คิดว่า ผมน่าจะแจ้งความไม่ควรปล่อยให้คนพวกนี้กลับมาทำร้ายพี่อีก”
พ่อลูบผมไข่ตุ๋น “แกทำดีที่สุดแล้ว พ่อกับแม่เสียอีกที่กลับตำหนิแต่ว่าเพราะมันทำตัวมันเอง หันหลังให้มันในเวลาที่มันต้องการพ่อกับแม่มากที่สุด อคติกับมันมาตลอด ต่อจากนี้พ่อกับแม่จะดูแลมันเอง”
“พ่อจะพามันกลับไปเชียงใหม่หรือ” แม่ถาม “ตำรวจเขาจะให้ไปหรือเปล่า หรือว่าต้องอยู่กรุงเทพฯ”
“ไว้รอถามกับตำรวจตอนที่ไปรับคุณสกาวดีกว่าครับ จะได้ถามเรื่องอื่นๆ ด้วย” ก้องบอก
แต่พ่อยังติดใจเรื่องเงิน “เดี๋ยวนะ แล้วเงินที่หวานเอาของคุณไป”
“ผมไม่ได้แจ้งความหรอกครับ ผมแค่อยากรู้ว่าสกาวเอาเงินไปทำอะไร”
ชิณณะตอบพ่อกับแม่ แล้วใช้สายตาบอกโต้ง
โต้งก็พยักหน้ารับรู้ว่าแท้ที่จริงคนที่มีปัญหาเรื่องเงินก็คือสกาว
ถูกต้อง โต้งเพิ่งรู้เรื่องนี้ แล้วก็พาลสรุปต่อไปด้วยว่า ชิณณะก็ต้องวางใจและจริงใจกับสกาวในระดับหนึ่งถึงได้ตามใจ ซื้อของให้มากมายขนาดนั้น
แต่พอหันไปมองไข่ตุ๋น ก็คิดว่าเข้าใจว่าทำไมชิณณะถึงได้ย้ำว่าให้บอกความในใจกับไข่ตุ๋นเอง
...เพราะผู้ชาย 2 คนตรงนี้ทั้งชิณณะ และโต้งต่างก็เป็นคนมีตำหนิร้ายแรงด้วยกันทั้งคู่...
พอเที่ยงทุกคนต่างก็กลับไป ชิณณะกับโต้งไปทำงาน ส่วนพ่อกับแม่ไปหาหวานที่โรงพัก ทำให้เมื่อมะพร้าวมาถึง ถึงได้เห็นว่าไข่ตุ๋นนอนอยู่ในห้องเพียงคนเดียว ก็เลยนั่งคุยกันพลางดูหนังจากช่องเคเบิลกันไปเรื่อยจน 4 โมงเย็นชิณณะก็เปิดประตูห้องเข้ามา
มะพร้าวลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้ แต่ไข่ตุ๋นกลับถามด้วยประโยคไร้อารมณ์ “กลับมาทำไม”
“ก็ไม่อยากทิ้งไว้คนเดียว”
“มะพร้าวมา”
ประโยคนี้ มะพร้าวเพื่อนรัก เข้าใจได้อย่างถูกต้องว่า มันแปลว่า มะพร้าวมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว แต่ท่าทางคนที่เพิ่งเดินเข้ามาจะไม่ค่อยเข้าใจ เพราะดูผิดหวังอยู่วูบหนึ่ง ขณะที่เดินไปนั่งทำงานที่โต๊ะเล็ก คุยโทรศัพท์ สลับกับอ่านรายงาน
มะพร้าวเหลียวมองซ้ายขวา เห็นว่าท่าทางจะไม่ได้เรื่อง ถึงจะไม่ได้รู้อะไรกับใครเขาสักเท่าไหร่ แต่ก็เห็นคนนี้มาคอยดูคอยเฝ้าตั้งแต่วันแรกที่พามาโรงพยาบาล
ต้องอยู่ในกลุ่มคนพิเศษของไข่ตุ๋นอยู่แล้ว..
“มึงอยากกินอะไรอีกมั้ย กูจะลงไปซื้อมาให้”
ไข่ตุ๋นส่ายหน้า มะพร้าวก็เลยหันมายกมือไหว้ชิณณะลากลับบ้าน
“ผมกลับนะครับพี่”
“พรุ่งนี้หมอให้ไข่ตุ๋นกลับแล้วนะ รู้แล้วใช่มั้ย”
“ครับ ทีแรกผมก็ว่าทำไมโรง’บาลเอกชน ให้กลับเร็วนัก แต่ไข่ตุ๋นบอกว่าพี่หวานได้กลับบ้านวันนี้ พรุ่งนี้จะมา มันเลยขอหมอกลับ” มะพร้าวเล่าหมด จนชิณณะต้องอมยิ้ม
...เพื่อนคนนี้ คือคนที่ไข่ตุ๋นไว้ใจที่สุด...
“แล้วจะมาหรือเปล่า”
“ครับ มันบอกให้มาแต่เช้าแล้วค่อยไปเรียน พี่จะได้ไปทำงานไม่ต้องมาเสียเวลาอยู่กับมัน” หนุ่มตัวกลมยังคงบอกหมดจนไข่ตุ๋นต้องไล่
“จะกลับก็กลับเหอะ”
ชิณณะบอกอีกครั้ง “คงออกจากโรงพยาบาลตอนเที่ยงกว่าๆ นะ เพราะต้องรอหมอรอยาก่อน”
“ครับ”
พอมะพร้าวออกไป คนตัวโตก็ลุกจากโต๊ะตัวเล็กในห้องผู้ป่วยเดินมานั่งที่ข้างเตียง
“ผมอยู่ได้ คุณไม่ต้องมาเฝ้าหรอก”
“ก็รู้ว่าอยู่ได้ แต่มันมีอะไรบางอย่างที่มันติดอยู่ในใจ ไม่อยากปล่อยไว้ตามลำพัง”
ไข่ตุ๋นจ้องมองชิณณะเงียบๆ แล้วพูดขึ้น
“คุณควรไปดูแลพี่หวาน”
“หวานมีพ่อกับแม่อยู่แล้ว”
แต่ไข่ตุ๋นกลับดูคิดหนัก “คุณไม่คิดว่ามันแปลกบ้างหรือ ที่คุณบอกอย่างนั้นกับคนที่บ้าน แล้วคนที่บ้านก็มาบอกกับพ่อแม่ผม แต่ในเวลาเดียวกัน คุณแนะนำผมกับคนอื่นว่าเป็นน้อง”
ชิณณะกลับดูขำ ที่ไข่ตุ๋นหลีกเลี่ยงคำว่าแฟน
“มันดูซับซ้อนงุนงงใช่มั้ย”
“ใช่ เหมือนคุณมีโลกหลายใบที่มันซ้อนๆ กันอยู่”
.....แถมยังเป็นโลกที่มีแต่คนโกหก...ไข่ตุ๋นเติมคำนี้ในใจ...
ขณะที่ชิณณะเห็นว่าความไม่ชัดเจนที่มันปกคลุมจิตใจมาหลายวัน กำลังค่อยจางลงไป
...เพราะคิดว่าพี่คือคนรักของพี่สา่ว ก็เลยวางท่าเฉยเมย ทำเป็นโกรธกัน...เด็กจริงๆ
“ต่างจากไข่ตุ๋นมากเลยสินะ” ชิณณะยังคงพูดทั้งรอยยิ้ม
“ครับ เวลามองคุณทำให้ผมคิดถึงพี่หวานเสมอ ทั้งคู่มีอะไรหลายอย่างที่ผมเข้าไม่ถึง”
“ก็เลยคิดว่าพี่กับหวานควรเป็นแฟนกัน”
“พวกคุณเป็นคนรักกัน” ไข่ตุ๋นเถียงทั้งที่หันไปมองทางอื่น
“เราไม่ได้เป็นคนรักกัน” ชิณณะบอก “คนรักกันจะมีความหวังดีต่อกัน ไม่ใช่นัดเจอกันในโรงแรมแล้วก็คุยกันว่าอยากได้อะไร ต้องการเท่าไหร่ เสร็จเรื่องจ่ายเงิน แล้วก็แยกย้าย”
“ผมไม่ชอบที่คุณพูดถึงพี่หวานแบบนี้”
“พี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ที่ผ่านมาพี่กับสกาวรู้จักกันแบบนี้ พี่ไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัว ถ้าไม่ใช่เพราะจะถามหาเรื่องเงิน และไข่ตุ๋น เรื่องก็จะจบลงที่พี่ด่าตัวเองว่าโดนนักศึกษาหลอก”
“ถ้าพี่ขอเงินคุณตรงๆ คุณจะให้มั้ย”
ชิณณะพยักหน้า “ก็คงให้ แต่คงไม่ใช่ก้อนเดียวจำนวนมากแบบนั้น พี่สาวของไข่ตุ๋นเป็นคนอ่อนหวาน ช่างเอาใจ การที่ต้องพบเจอกับเรื่องเครียดๆ มาตลอดทั้งวัน แล้วมาเจอกับคนช่างเอาใจมันทำให้เรารู้สึกวางเรื่องทุกอย่างไว้ได้ จนกระทั่งวันที่พี่เข้าไปในห้องพร้อมกับไข่ตุ๋นแล้วไข่ตุ๋นบอกให้พี่คุยกัน วันนั้น พี่ถึงได้รู้ตัวว่าไม่ใช่”
หลังจากที่โดนเมินเฉยมาหลายวัน ชิณณะกลับรู้สึกดีที่ได้ตอบคำถามพวกนี้ซ้ำๆ
ไข่ตุ๋นพยักหน้าช้าๆ ขณะที่ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง
“รบกวนบอกกับคนที่บ้านของพี่ และพ่อแม่ผมด้วยว่า เราไม่ได้เป็นแฟนกัน”
ดวงตากลมหันไปมองนายทหารที่เดินเข้ามา พร้อมกับดอกไม้เยี่ยมไข้ คำพูดที่คิดจะพูดถูกกลืนไว้ในลำคอ
ขณะที่คนที่เมื่อครู่รู้สึกดี กลับรู้สึกสมองมึนงง แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ไข่ตุ๋นพูดมันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และเตรียมตัวเตรียมใจมาตลอด แต่มันก็ยากที่จะยอมรับ
ถึงจะโต้งเอง ทั้งที่เพิ่งเดินเข้ามาและได้ยินคำพูดของไข่ตุ๋น แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกปฏิเสธเหมือนกัน
...นี่มันอะไรกัน...
ชิณณะได้แต่ลุกขึ้นยืน แล้วเดินสวนโต้งออกไป มือใหญ่จับที่ลูกบิดประตู ก็ได้ยินเสียงของไข่ตุ๋นดังขึ้น
"ผมคงไปดูแลคุณหญิงสุกัญญาวันอาทิตย์นี้ไม่ได้แล้ว"
โต้งพยักหน้าเข้าใจ แต่เหลือบตามองคนที่ยืนหันหน้ามองประตู เปลี่ยนใจไม่อยากออกไปจากห้องเสียดื้อๆ
...โดนทิ้งทั้งคู่เลยหรือวะเนี่ย....
"พี่เข้าใจ" โต้งวางกระเช้าดอกไม้เล็กๆ ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงผู้ป่วย
"ขอบคุณครับ"
โต้งจับศีรษะเล็กๆ โยกเบาๆ "พักผ่อนให้เต็มที่ พี่รู้ว่าไข่ตุ๋นพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่เรามักจะอ้างว่า เพราะเราเป็นผู้ชาย เรื่องการเก็บรายละเอียดความรู้สึกมันทำได้ไม่ดีเท่าผู้หญิงเขา อย่าคิดโทษตัวเอง"
ไข่ตุ๋นพยักหน้า "ครับ"
นายทหารตัวใหญ่เดินกลับมาหาเพื่อนที่ยืนมอง
ผู้ชายตัวโต 2 คนเผชิญหน้ากันที่หน้าประตูห้องผู้ป่วย ท่าทางแปลกๆ จนคนป่วยสงสัย
"มีอะไรหรือครับ"
โต้งหันมายิ้มให้กับไข่ตุ๋นแล้วหันไปบอกเพื่อน
"มึงบอกน้องหรือยัง"
ชิณณะหันกลับไปมองประตูห้องไม่ตอบคำถามเพื่อน
ดูจากท่าทางเหมือนไม่ใช่เรื่องร้ายแรงก็จริง แต่เพราะคำว่า -บอกหรือยัง- มันอาจตีความหมายได้หลายทางทำให้ไข่ตุ๋นขยับจะลงจากเตียง ชิณณะก้าวยาวๆ เดินกลับมาหาคนป่วยทันที
โต้งที่ก้าวกลับมาด้วยเหมือนกัน ยอมรับกับตัวเองว่าอาการปวดหัวใจ ไม่ได้คลายลงสักนิดเดียว
...แต่มันต้องยอมรับ...
"ใครเป็นอะไรหรือครับ" ไข่ตุ๋นถามคนที่เข้ามาประคองเอวไว้
"เรา 2 คน" โต้งตอบ ทั้งที่ความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจกำลังเพิ่มมากขึ้น
ชิณณะเองก็รู้สึกเหมือนกัน ว่าการบอกความรู้สึกในใจในตอนนี้มีแต่จะย้ำว่าถูกปฏิเสธด้วยกันทั้งคู่
"ไม่ต้องกังวลหรอก เราจะจัดการมันเอง ไข่ตุ๋นพักผ่อนให้มากอย่างที่โต้งมันบอกน่ะแหละ"
ไข่ตุ๋นมองชายหนุ่ม 2 คนสลับกัน แล้วก็เลือกที่จะเงียบ
เช้าวันถัดมาพ่อกับแม่ ไปหาหวานแล้วกลับมาหาไข่ตุ๋น เล่าเรื่องให้ฟังว่าเมื่อคืนนอนที่ห้องคอนโดฯ ช่วยกันเก็บกวาดห้อง ทิ้งของไปมากมาย แต่ก็เก็บบางส่วนมาแล้ว
"เมื่อคืนพ่อเขาหารีสอร์ทให้หวานไปพักได้แล้ว มีโรงพยาบาลใหญ่ขับรถสักชั่วโมง อย่างอื่นก็สะดวกดี เขามียามด้วย" แม่บอก
ขณะที่พ่อกับแม่พยายามชวนคุยและเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่การที่หวานนั่งหันหลังให้พ่อกับแม่ และเกาะแขนไข่ตุ๋นไว้แน่น ทำให้มะพร้าวที่มาอยู่เป็นเพื่อนไข่ตุ๋นที่โรงพยาบาลยังรู้ว่า ภาระในการสานความสัมพันธ์ของครอบครัวตกอยู่ที่ไข่ตุ๋น
หนุ่มตัวกลม แว่นกลมได้แต่ส่ายหน้า หันมาคุยกับเพื่อน
"มึงจะไปเชียงใหม่ด้วยหรือเปล่า"
"ไปสิ ไข่ตุ๋นก็ต้องไปพักฟื้นเหมือนกัน" หวานตอบทันที “เราเก็บเสื้อผ้าของไข่ตุ๋นมาแล้ว”
ถึงจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้ถามกันสักคำ แต่ไข่ตุ๋นพยักหน้าตามใจ
มะพร้าวก็เลยรีบออกไปบอกพยาบาล ว่าต้องการขอใบรับรองแพทย์ไปยื่นลาป่วยกับอาจารย์
ไม่นานนัก พยาบาลก็เอายาและใบรับรองแพทย์มาให้ แต่พอพ่อถามเรื่องใบเสร็จค่าใช้จ่าย พยาบาลแจ้งว่าชิณณะจัดการให้หมดแล้ว
ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะดูรีบร้อนเพราะต้องเดินทางในทันที แต่ไข่ตุ๋นยังพอมีเวลาที่จะส่งคีย์การ์ดห้อง กับกุญแจรถให้เพื่อน
"ฝากด้วย"
"จะให้กูบอกใคร อะไร ยังไงหรือเปล่า" มะพร้าวทำมือว่าคนที่พูดถึงคือคนตัวสูงๆ
ไข่ตุ๋นไม่แน่ใจ "มึงมีเบอร์เขาหรือไง"
"ไม่มีหรอก แต่ก็เผื่อไว้ไง"
ไข่ตุ๋นยิ้มไม่เปิดฟัน ตบไหล่เพื่อนเบาๆ "อาทิตย์หน้ากูก็มาแล้ว ไม่ได้ไปแล้วไปเลยสักหน่อย"
มะพร้าวเหลือบตามองหวานแล้วกระซิบถามเพื่อน ขณะที่ชูคีย์การ์ดให้เพื่อนดู
“คนนี้คือคนสำคัญใช่ปะ”
ไข่ตุ๋นมองคีย์การ์ดแล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “สำคัญ แต่มันเป็นไปไม่ได้”
===จบตอนที่ 9====
ขอบคุณที่คุณชอบเรื่องนี้นะครับ ไม่ว่าจะมาเมื่อไหร่ ผมก็ดีใจเสมอที่คุณอ่าน
พบกันวันอังคารนะครับ
ไจฟ์กับทีครับ