ตอนที่ 17
ซองเอกสารบนโต๊ะของชิณณะ กับข้อความที่มุมซองว่า สกาว คล้ายคำเตือนว่าไม่ควรเปิดดู
สมองก็สั่งว่าไม่ควรดู
เพราะนี่คือห้องทำงานของชิณณะ ไม่ใช่ของเรา
แค่ชื่อที่อยู่มุมซอง ไม่ควรทึกทักเอาว่านั่นคือชื่อของพี่สาว
แต่ร่างกายกลับเคลื่อนไหวไปเอง รู้ตัวอีกทีก็คือดวงตามองเห็นภาพของพี่สาว
ภาพในลักษณะที่ไม่เคยทำให้มองได้เกินนาที
มองแค่ปราดเดียว สมองก็บอกว่าภาพเหล่านี้เพิ่งถ่ายได้ไม่เกินปี
หัวใจเต้นแรงแล้วหล่นวูบ มือขาวซีดสั่นแรง ทุกอย่างในสมองว่างเปล่า รีบออกมาจากห้องทำงานของชิณณะแล้วมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างรถของตัวเองที่ลานจอดรถ ค่อยทรุดตัวลงนั่งกองอยู่กับพื้น ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้กับเสียงวิทยุสื่อสาร
“คุณครับ ไม่สบายหรือครับ กลับเข้าไปนั่งข้างในก่อนมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะกลับแล้ว”
ไข่ตุ๋นบอกเสียงสั่นไม่มีแรงขณะที่ค่อยลุกขึ้น แต่ชัยรีบเข้ามาแย่งกุญแจรถไปจากมือ
“ให้ผมขับไปส่งที่บ้านนะครับ”
ชัยไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น รวมถึงแต้วที่รออยู่ที่บ้านและวิ่งมาหาถึงประตูรถ
“แต้วเรียกมอ’ไซค์มาเลยนะเนี่ย บ้านหาง่ายอย่างที่คุณก้องบอกจริงๆ ด้วย แต่ยามบ้านนี้จะไม่ให้เข้าบ้าน เลยต้องโทรไปหาคุณก้องให้ช่วยคอนเฟิร์มให้”
ไม่ได้พบกันนานแต้วยังดูสดใสเหมือนเดิม จนไม่อยากเชื่อว่าเคยเป็นหนึ่งในหญิงสาวของชิณณะ แต่เทคนิควิธีการพูดและการเอาใจทำให้เข้าใจได้ว่า ทำไมชิณณะถึงได้ให้ความช่วยเหลือ
แต้วเป็นมืออาชีพพอที่จะไม่ถามเซ้าซี้ว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้มีอาการแปลกๆ
ส่วนไข่ตุ๋นเพียงพยักหน้าฟังแต้วพูดไปเรื่อย สักพักมะพร้าวก็มา
เพื่อนคู่หูตัวกลมแว่นกลม พูดคล้ายๆ กับแต้วว่าก้องเป็นคนโทรไปตาม
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอก” ในที่สุดไข่ตุ๋นก็พูดคำแรก
แต่เพราะทั้งแต้วและมะพร้าวต่างก็ได้รับคำสั่งเบื้องต้นจากก้องว่าให้มาสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายระหว่างรอให้ชิณณะกลับมาเคลียร์
ทั้งคู่ก็เลยหันมาชวนไข่ตุ๋นดูหนัง
“ผมแค่เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น”
เรื่องที่รู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยังคงกลัวและปฏิเสธที่จะยอมรับว่ามันคือความจริง
มะพร้าวไม่เคยเห็นไข่ตุ๋นมีอาการแบบนี้และมีคำถามมากมายล้านแปด แต่พอเห็นว่าแต้วอยู่ด้วยก็ยังไม่กล้าถาม
เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร รู้แต่ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังตามใจไข่ตุ๋น
“ขอโทษนะที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันไปหมด” ไข่ตุ๋นเพิ่งรู้ตัวหันมาแนะนำเพื่อน “แต้วนี่มะพร้าวเพื่อนผมเอง”
ทั้งแต้วและมะพร้าวต่างก็เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เจอกันไม่ถึง 10 นาทีก็สามารถหาเรื่องมาคุยกันได้สนุก ขณะที่ไข่ตุ๋นได้แต่นั่งฟังจนกระทั่งชิณณะกลับมาพร้อมกับก้อง
“เป็นไงบ้าง” ชิณณะถามทันที
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
มะพร้าวบอกทันที “พูดประโยคนี้มาประมาณร้อยครั้งแล้ว”
“เว่อร์มาก” แต้วแซว แล้วเดินไปดันหลังชิณณะกับไข่ตุ๋นไปคุยกันในห้องทำงาน
“ผมไม่เป็นไรแล้วจริงๆ”
“แล้วตอนนั้นเป็นอะไร จู่ๆ ก็หน้าซีดผลุนผลันออกไปจากห้อง เลขาฯ เรียกก็ไม่ได้ยิน”
“หรือครับ ผมไม่ได้ยินจริงๆ”
“นั่นสิ มันเกิดอะไรขึ้น”
ไข่ตุ๋นเดินไปนั่งที่โซฟาเบดตัวยาวในห้องทำงาน “มีโทรศัพท์ดังในห้องคุณหลายครั้ง ทั้งที่เลขาฯ คุณอยู่หน้าห้อง ผมก็เลยคิดว่าคุณโทรมาตามผมหรือเปล่า พอเดินไปดูเห็นซองสีน้ำตาลมีชื่อพี่หวาน”
“ซองอะไรมีชื่อหวาน เอ้อ..สกาว”
ชิณณะเดินไปเปิดประตูห้องถามก้องกับชัยที่รออยู่ด้านหน้า
“วันนี้เอาซองอะไรไปให้ฉัน”
“ซอง...โอ๊ะ” ก้องร้องแล้วรีบสวนเข้ามาในห้อง ด้วยความเป็นมืออาชีพภายในสมองแตกประเด็นอาการของไข่ตุ๋นอย่างรวดเร็วว่ามันน่าจะเกิดจากอะไร “ผมเองครับ เป็นภาพคุณ...เอ่อ..สกาวน่ะครับ ที่ตำรวจได้มาจากนายเกริก แต่ภาพชุดนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย ก็เลยเอามาให้ดูว่า จะแจ้งความมั้ย” ก้องรีบอธิบายละเอียด
แต่เมื่อไข่ตุ๋นเงียบทำให้ชิณณะรู้ว่าเรื่องที่อยู่ในใจยังไม่หมด ที่ยังไม่พูดอาจเพราะไม่อยากพูดให้ก้อง หรือเพื่อนที่อยู่นอกห้องฟัง ชิณณะก็เลยหันมาบอกก้องให้พาแต้วกับมะพร้าวไปกินข้าวกันก่อน
ชิณณะมองตามหนุ่มตัวเล็กที่ยังดูเพลีย แต่ก็พยายามฝืนตัวเองให้เป็นอย่างที่บอกกับทุกคนว่าสบายดี
พอก้าวออกมาจากห้องทำงาน เจอกับโต้งที่เข้าบ้านมาพอดี
“อ้าว ชีค กลับมาแล้วหรือ”
“เออ”
ส่วนไข่ตุ๋นหันไปถามก้อง
"คุณโทรหาทุกคนเลยหรือครับ"
ก้องหันไปยิ้มแหยกับเจ้านาย "ผมนึกถึงใครออก ผมก็โทรหมดน่ะแหละ"
"ผมแค่ตกใจ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ"
ชัยที่เป็นคนรอบคอบหันไปมองแต้วกับมะพร้าวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ บอกว่าจะพาออกไปรอที่ห้องอาหาร ทำให้ไข่ตุ๋นย้ำกับคนที่ยังรออยู่
"ผมเห็นรูปพี่หวาน มันอยู่ในซองบนโต๊ะของคุณชิณณะ ผมตกใจที่เห็นรูปแบบนั้น ประโยคแรกที่มันวิ่งเข้ามาในสมองก็คืออีกแล้วหรือ แต่ว่าที่นี่คือห้องของคุณชิณณะผมมาแอบขโมยดูเอกสารในห้องของคุณชิณณะ"
ก้องพยักหน้าคิดตาม ถ้าเป็นตัวเองคงตกใจทำอะไรไม่ถูก ถ้าเห็นรูปพี่สาวหรือน้องสาวถูกผู้ชายหลายคนทำแบบนั้น แต่ที่ตอนนั้นก้องเกิดอาการตื่นตระหนกตามไปด้วย ก็เพราะว่าไข่ตุ๋นมีพี่สาวฝาแฝดคือสกาวที่ยังรักษาอาการป่วยทางจิตอยู่ที่เชียงใหม่
ตอนที่เห็นว่ารอเจ้านายอยู่ในห้องทำงานยังดีๆ แต่จู่ๆ กลับหน้าซีดเดินดุ่มออกไปแบบนั้นใครเรียกก็ไม่ได้ยินแถมยังมาเป็นลมนั่งกองอยู่ที่ข้างรถเสียอีก
บอกตามตรง ว่านายก้องจับภาพของสกาวกับไข่ตุ๋นมาซ้อนกันทันที นึกถึงใครได้ก็โทรหาหมดอย่างที่บอก
โต้งตัดบทด้วยการบอกให้ก้องพาไข่ตุ๋นไปกินข้าวแล้วจะได้พักผ่อนแต่ตัวเองกลับอยู่คุยกับชิณณะ
"ไร้น้ำใจมากคุณโต้ง" ก้องสวนโต้งทันที
"ไม่ใช่ไร้น้ำใจ แต่มันเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ แล้วผมก็ไม่อยากให้ไข่ตุ๋นต้องรื้อฟื้นเรื่องที่ไม่อยากจำด้วยคำถามกับคำพูดซ้ำๆ ทุก 5 นาทีต่างหาก"
เป็นวินาทีแรกที่ชิณณะยิ้มออก ทำให้ไข่ตุ๋นสงสัย
"นี่เป็นครั้งแรกที่โต้งชนะก้อง"
ก่อนที่ก้องจะต่อปากต่อคำ ชิณณะก็บอกให้พาไข่ตุ๋นไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ส่วนตัวเองยืนคุยกับโต้ง
"รูปสกาวจากไอ้เกริกน่ะหรือ"
"เออ ก้องเอาไปวางไว้บนโต๊ะ น้องเห็นเข้าก็เลยสงสัย มึงก็รู้ว่าเขาช็อกเรื่องรูปของสกาวมาตั้งแต่ตอนที่เห็นภาพคนส่งมาขู่ ยิ่งไม่แน่ใจยิ่งจำไม่ได้ก็ยิ่งโทษตัวเอง"
"กูจำเรื่องนั้นได้" โต้งบอก "แต่คนอื่นคงไม่รู้"
"แล้วก็ไม่อยากให้รู้ เพราะไม่อยากให้เปรียบเทียบว่าเขาจะเหมือนกับสกาว ที่ก้องตามทุกคนมาวันนี้มันก็ชัดแล้วว่าเขาคิดว่าไข่ตุ๋นจะเหมือนสกาว"
"คนมันไฮเปอร์ ทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณไม่ใช่เหตุผล" โต้งหันมามองชิณณะที่ยิ้มมุมปาก "ตอนแรกกูมาเพราะก้องบอกว่ามึงติดงาน ให้กูมาอยู่เป็นเพื่อนน้องก่อน แต่ตอนนี้ กูกลับห่วงมึงมากกว่า"
"กูทำไม"
"มึงรู้ว่ากูห่วงมึงเรื่องอะไร"
"มึงจะรู้ใจกูเกินไปหรือเปล่า"
"ไม่ใช่เกินไป แต่เพราะที่ผ่านมากูคิดมาตลอด ว่าที่เขาไม่เลือกกูมาตั้งแต่แรกเพราะว่ากูคือพี่ชายของคนที่ทำร้ายพี่สาวเขา กูไม่อยากให้มึงหรือน้องคิดอะไรแบบนั้น"
ชิณณะพูดด้วยเสียงหนักๆ "เรื่องนั้นไว้กูจะเคลียร์กับเขาเอง"
"นั่นไง เพราะกูรู้ว่ามึงต้องเคลียร์ แล้วก็จะใช้วิธีจ่ายยาแรง กูถึงกลัวใจมึง"
"กูรักไข่ตุ๋น"
โต้งชกไหล่เพื่อนเบาๆ ใช่ว่าตัวเองจะไม่รู้สึกอะไรเวลาที่เห็นชิณณะอยู่กับไข่ตุ๋น "เออ กูรู้แล้ว แค่ห่วงมึงน่ะแหละ ยังไงก็ใจเย็นๆ ค่อยๆ คุยกัน"
"มึงคิดว่ากูเป็นคนแบบไหนวะเนี่ย"
"เป็นมึงน่ะสิ รักมาก ทุ่มมาก แล้วถ้าถูกเข้าใจผิด มึงคือคนที่จะทรุด ไม่ใช่ไข่ตุ๋น ยังไงก็คุยกันก่อน"
ชิณณะถึงกับหันมากอดไหล่เพื่อนไว้หลวมๆ "ขอบใจที่เตือน"
นักธุรกิจหนุ่มยอมรับกับตัวเอง ว่ากำลังคิดในเรื่องที่ไม่ควรคิดอย่างที่เพื่อนเป็นห่วงอยู่ แต่เดี๋ยวก็ได้รู้ว่าคิดไปเอง หรือคิดเพราะดวงตากลมๆ คู่นั้นที่ยังไม่ยอมสบตาพี่เกินกว่า 1 วินาทีทั้งการที่เดินเลี่ยงพี่ไปยืนอยู่ข้างก้องด้วย
ยังไม่ทันจะย้ายกลุ่มไปที่ห้องกินข้าว ไหมก็มาถึง โต้งทักทันที “ก้องโทรตามมาอีกคนหรือไง”
ไหมสวัสดีทุกคนแล้วค่อยหันมาบอกโต้ง “หนูต้องดูคุณตาทานยาก่อนอาหารแล้วค่อยมา พี่ไข่ตุ๋นไม่สบายหรือคะ”
ก้องได้แต่ยกมือลูบท้ายทอยเก้อๆ “ก็คุณไหมดูแลท่านประธานอยู่ แล้วอยู่บ้านตรงข้ามกัน ผมก็เลยโทรหา”
อาหารมื้อค่ำผ่านไปโดยที่ไม่มีใครถามเรื่องอาการป่วยของไข่ตุ๋นอีก ชัยขับรถไปส่งมะพร้าวกับแต้ว ส่วนก้องกับโต้งแยกกลับกันไปด้วยรถส่วนตัว
ชิณณะมองหนุ่มตัวเล็กที่เหมือนกำลังมองตามรถของโต้งที่เป็นคันปิดท้าย แต่ที่จริงดวงตาคู่สวยกลับมองผ่านออกไปไกล
"เข้าบ้านเถอะ"
ไข่ตุ๋นสะดุ้งจนสุดตัวทำให้ชิณณะโอบหลังให้เดินไปด้วยกัน
"เรามีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันใช่มั้ย"
ไข่ตุ๋นส่ายหน้าทันที
"ดี"
มือใหญ่ยังคงโอบหลังเหมือนเดิม จนกระทั่งเข้ามาในห้องนอน ชิณณะก็บอกให้ไข่ตุ๋นไปอาบน้ำก่อน เสร็จแล้วตัวเองถึงได้ไปอาบน้ำ ออกมาไข่ตุ๋นกำลังนั่งอยู่บนเตียงมองผ่านหน้าต่างออกไปข้างนอก
ชิณณะเดินมานั่งลงข้างๆ
"อยากให้พี่ถาม หรือจะถามพี่"
ไข่ตุ๋นส่ายหน้า "ช่างมันเถอะครับ ผมคิดมากไปเอง"
...ยิ่งคิดก็ยิ่งมองเห็นว่าทำให้ทุกคนวุ่นวายขนาดไหน...
"แต่มันเกิดจากความไม่เชื่อใจ" ชิณณะพูด "พี่รู้ว่าที่ผ่านมาไข่ตุ๋นแค่คล้อยไปตามที่น้าเก้งเห็นว่าดี ที่พ่อแม่บอกว่าเหมาะสม ทั้งที่ไข่ตุ๋นไม่ได้รักพี่เลย"
ดวงตากลมหันมามองพี่
....ทั้งที่ใจร้องตะโกนว่าไม่ใช่ แต่กลับปากหนัก ไม่กล้าพูดคำนั้นออกมา...
ขณะที่ชิณณะยังคงมองไปทางเดิม "ถ้ารักพี่บ้างสักนิด ไข่ตุ๋นจะไม่ระแวงพี่ขนาดนี้"
"ผมไม่กล้ามองรูปพวกนั้น"
"นี่ไม่ใช่เรื่องที่ว่ากล้า หรือไม่กล้า แต่เพราะไข่ตุ๋นเห็นชื่อสกาว เห็นรูปสกาว ไข่ตุ๋นก็คิดว่าพี่เป็นคนปล่อยรูปพวกนั้น พี่คือคนที่อยู่เบื้องหลังเกริก"
หยาดน้ำตาร่วงหล่น ขณะที่พยักหน้ายอมรับ "ผมขอโทษ"
"ทั้งที่พี่ทำทุกอย่างเพื่อไข่ตุ๋น ทั้งที่เราอยู่ด้วยกัน พี่กลับเป็นคนที่ไข่ตุ๋นไม่ไว้ใจ"
"ไม่ใช่อย่างนั้น ผมกลัว"
ชิณณะหันมามองสบตา ผ่อนน้ำเสียงไม่ให้กดดันไข่ตุ๋นมากเกินไป "กลัวอะไร"
"กลัวว่าจะมีคุณอยู่ในรูปนั้น"
"แล้วมีหรือเปล่า"
"ผมไม่รู้ ไม่กล้าดู"
"อยากดูหรือเปล่า"
"ไม่!" ไข่ตุ๋นร้องตะโกน ผวากอดชิณณะไว้แน่น "ไม่ดู ไม่เอาแล้ว ผมกลัว"
....ทำไมจู่ๆ ความกลัวความกังวลถึงได้มีมากมาย กลัวไปหมดทุกอย่างแม้แต่ใจตัวเอง
ชิณณะลูบแผ่นหลังบางที่สั่นไหวตามแรงสะอื้น
รู้และเห็นมานานว่าน้องพยายามฝืนตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าทั้งที่แทบไม่มีความมั่นใจ เอาสีหน้าเรียบเฉยเป็นเกราะคุ้มครองตัวเองในทุกกรณี
เพราะไม่กล้าบอกใคร ไม่กล้าเล่าความในใจ
แม้แต่น้าเก้ง หรือมะพร้าวที่เรียกได้ว่าสนิทที่สุด ก็ยังไม่ใช่คนที่อยู่ในตำแหน่งที่จะเล่าทุกอย่างให้ฟัง
แต่เมื่อพี่เดินเข้ามาในชีวิต ในฐานะที่แตกต่างจากทุกคนรอบตัว กลับยึดไว้
แล้วพอวันหนึ่งมีบางสิ่งเข้ามากระทบให้ความหวาดระแวงแทรกตัวเข้ามา
ความกลัว ความผิดหวัง ความรู้สึกสูญเสียที่มั่นสุดท้ายถึงได้ทำให้สับสน
"จำที่หมอบอกได้มั้ย การกักขังตัวเองไว้กับความกลัว มันคือการฆ่าตัวตายอย่างช้าๆ"
"ช่างมัน ผมไม่อยากดู"
"แล้วอยากรู้หรือเปล่า"
"ผม..รู้แล้ว"
“รู้ว่าอะไร”
“รู้ว่าคุณไม่เกี่ยว คุณกำลังช่วยพี่กับผมต่างหาก”
"แล้วเชื่อพี่มั้ย"
ไข่ตุ๋นพยักหน้า แต่ชิณณะต้องการคำพูดยืนยัน
"ตอบพี่"
"เชื่อครับ”
"พี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรูปสกาวมากไปกว่า จะเอาไปถามพ่อกับแม่ของไข่ตุ๋นว่าจะฟ้องคนที่อยู่ในภาพหรือเปล่า" ชิณณะทวนอีกครั้ง
"ครับ"
“คนอยู่ด้วยกัน ไข่ตุ๋นอยากรู้อะไรพี่ก็บอกทุกอย่าง ทำไมถึงคิดว่าพี่คือคนร้าย”
“คุณโกรธ”
“โกรธมาก" น้ำเสียงหนักๆ ท่าทางจริงจังยืนยันคำว่าโกรธ "เพราะพี่ขอแค่ให้อยู่ข้างกัน แล้วหัวใจจะไปอยู่ที่ไหนพี่ก็ไม่ว่า แต่การจัดพี่ไปอยู่ในกลุ่มคนร้ายมันเกินไป”
ชิณณะช่วยเช็ดน้ำตาที่อาบแก้ม เสียงสะอื้นเบาลงขณะที่ดวงตากลมเหลือบตามองพี่แล้วหลุบมองกระดุมเสื้อนอนเม็ดบน
"แต่ว่า..."
"ครับ"
"คุณชอบว่าผมดื้อมาก"
"มากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา"
"แล้ว...ผมจะทำตามที่น้าเก้ง กับพ่อแม่บอกเรื่องคุณหรือไง"
ชิณณะยกยิ้มมุมปาก "พี่ไม่เห็นจะเข้าใจประโยคนี้ของไข่ตุ๋นเลย"
...อันที่จริงเข้าใจดี จนเหมือนจะเข้าใจมากกว่าไข่ตุ๋นเข้าใจตัวเองเสียอีก....
"ผมแค่อยากให้แน่ใจว่าผมจะไม่ได้เป็นแค่ของสะสมของคุณ"
"นี่เป็นประโยคที่ควรให้พี่โกรธกว่าเดิมมั้ย"
ไข่ตุ๋นทำได้แค่ช้อนตามองพี่แล้วหันไปมองทางอื่น
“ก็...ผม...เอาใจคุณไม่เก่ง ทั้งเป็นผู้ชายเดี๋ยวคุณก็เบื่อ” เหลือบตามองพี่อีกที เห็นสีหน้านิ่งเฉยก็รู้ตัว “ยิ่งผมอธิบาย ก็ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม”
“นั่นน่ะสิ”
หนุ่มตัวเล็กขยับตัววางคางลงกับไหล่กว้าง “ผมเพิ่งรู้ตัว...เมื่อกี้นี่เอง ว่า....ผมรักคุณ”
...อยากร้องตะโกน ว่าในที่สุดน้องก็พูดคำนี้ แต่ติดที่ตอนนี้จำเป็นต้องให้น้องทำลายกำแพงที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อขังตัวเอง....
มือใหญ่แตะที่เอวบาง รอให้น้องพูด
“คุณอาจแยกแยะความรู้สึกของคุณได้ง่าย แต่สำหรับผมแล้ว มันมีเรื่องระหว่างคุณกับผมและคนรอบตัวมากมายที่มันทำให้สับสนว่า ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณเรียกว่าอะไร”
“ว่าแต่ เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้จริงๆ น่ะ”
ไข่ตุ๋นพยักหน้าทั้งที่ยังวางคางอยู่ที่ไหล่ของพี่ “ที่ผ่านมาผมบอกตัวเองอยู่ตลอดว่า คนรวยอย่างคุณมีคนดีๆ ให้เลือกเยอะแยะ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะต้องอยู่ห่างจากคุณ ก็กลับมีเรื่องให้คุณต้องช่วยผมตลอด ส่วนที่คุณโกรธเพราะผมคิดว่าคุณเป็นคนไม่ดี ที่จริงในใจผมมันไม่อยากเชื่อว่าคนที่ผมรักคือคนที่ทำร้ายพี่สาวผมเอง”
“ขอสาบานด้วยชีวิตของพี่เอง พี่ไม่มีวันทำร้ายไข่ตุ๋น”
หนุ่มตัวเล็กคลายอ้อมกอดนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ “ผมมักจะบอกกับตัวเองว่าผมไม่เหมือนกับพี่หวาน แต่วันนี้เป็นวันที่ผมกลัวว่าตัวเองจะเหมือนกับพี่หวานมากที่สุด ไม่อยากเชื่อเลยว่า แค่เพียงกวาดตามองรูปพวกนั้น เห็นว่าเป็นรูปพี่หวานกับผู้ชาย ผมจะคิดอะไรมากมายได้ขนาดนี้ มันยิ่งกว่าตอนที่เคยมีคนส่งเข้าโทรศัพท์ผมเสียอีก”
“เพราะไข่ตุ๋นเก็บเรื่องทุกอย่างไว้ ไม่เคยทำความเข้าใจกับมัน ไม่เคยเคลียร์มันออกไป”
“ผมกลัวจนไม่รู้ตัวเองว่ากลัวอะไรกันแน่” ดวงตากลมสบตาพี่นิ่งๆ แล้วเอียงคอมอง “ทำความเข้าใจกับความรู้สึกตัวเองมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ทำไมผมรู้สึกแปลกๆ”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“มันเหมือน....ผมโดนคุณหลอกให้สารภาพ”
ชิณณะหัวเราะอารมณ์ดีทำให้ไข่ตุ๋นชกเบาๆ ที่ไหล่กว้าง
“คุณนี่ ร้ายชะมัด”
“แต่มันก็ดีใช่มั้ยล่ะ พูดออกมาเสียบ้าง”
“ไม่รู้ ตอนนี้กำลังโกรธ”
หนุ่มตัวเล็กหันกลับไปหยิบหมอนมาส่งให้ “วันนี้คุณจะนอนหน้าเตียงหรือไปนอนที่ห้องทำงานก็ตามใจ”
“อะไรกัน เพิ่งสารภาพรักพี่ไม่ถึงนาที ก็ไล่ให้ไปนอนที่อื่นเสียแล้ว”
“ไม่รู้”
ชิณณะถอนหายใจแรง รับหมอนมา แต่กลับวางไว้ข้างๆ แล้วโถมทั้งตัวเข้าใส่คนตัวเล็ก
“ถ้าทำตามที่บอกก็ไม่ใช่ชิณณะแล้ว”
“ไม่เอา ผมอารมณ์ไม่ดี” ไข่ตุ๋นปัดป้องแต่สู้แรงแทบไม่ได้เลยสักนิด
“สารภาพรักพี่เนี่ยนะอารมณ์ไม่ดี”
“ก็มันแปลกๆ”
“งั้นนอกจากจะต้องให้พูดทุกวัน ยังต้องเรียกพี่ ห้ามเรียกคุณ”
“ไม่พูด”
“หือ”
“อยากสั่งอะไรก็สั่งไปเหอะ ไม่ทำ ไม่พูดทั้งนั้นแหละ”
“จริงนะ”
ไข่ตุ๋นตอบด้วยการหันหน้าไปทางอื่น
“ได้เลย”
ขาดคำริมฝีปากหนาก็ไล่ตามจูบแก้ม มือใหญ่แกะกระดุมเสื้อนอนของน้อง
”ไม่เอาไง” ไข่ตุ๋นคว้าข้อมือไว้
“แต่พี่จะเอา”
“ทะลึ่ง”
ชิณณะทำหน้าตาล้อเลียน “จริงหรือ”
ไข่ตุ๋นตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบที่มักจะทำอยู่เสมอ และที่ชิณณะมักจะทำอยู่เสมอเวลาที่ไข่ตุ๋นมีปฏิกริยาแบบนี้ก็คือการสรุปว่า น้องเห็นด้วยกับพี่ในทุกกรณี
=====จบตอนที่ 17====
อีก 1 ตอนก็จะจบแล้ว หากยังมีข้อสงสัยใดๆ โปรดทิ้งคำถามไว้ครับ
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้
พบกันวันพฤหัสบดีครับ
ไจฟ์กับทีครับ
=