แม่สื่อแม่ชัก มักได้ "ชัก" เอง : 02 06 2020 Rewrite : ตอนพิเศษ หน้า 76
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณยกป้ายไฟเชียร์ใคร...?

พี่จิ้น   ยักษ์ตี๋
พี่โอม ยักษ์เข้ม
กราฟ  ยักษ์แว่น
มะนาว คางคกตัวที่สอง
เชียร์ทุกคน เหมาหมด ^ ^

ผู้เขียน หัวข้อ: แม่สื่อแม่ชัก มักได้ "ชัก" เอง : 02 06 2020 Rewrite : ตอนพิเศษ หน้า 76  (อ่าน 577012 ครั้ง)

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
ชื่อตอนทำเอาคิดไปไกลแสนไกล :z1:
อ่านตอนนี้ทำให้รู้สึกว่าพี่มีนก็มีมุมที่น่ารักอยู่ :-[
คนผู้นั้นคือใครกัน...

zerea

  • บุคคลทั่วไป
อร๊ายยย น่ารักๆ
อยากอ่านตอนของพี่มีนกับแฟนแล้วอ่าาา

ออฟไลน์ baka_bunny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ เมฆาสีน้ำเงิน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ไอเราก็นึกว่าเล่นแซนวิซ 4 ชั้น ปามป๊ามมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
แซนวิชตรงกลางไส้เยอะเว่อร์ๆ อร่อย~

ออฟไลน์ Wins_Sha

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 949
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-4
เด็กของพี่มีนนี่ใครอ่ะ

จะออกในตอนปกติบ้างมั๊ยค่ะ

อยากรู้จัก

อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2013 11:39:29 โดย Wins_Sha »

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
กีสสสสสสสสสส Good รัก น่ารักอ่ะ
รักแรกพี่มีนเหรอจ๊ะ ก่อร่างสร้างตัวมาแต่เด็กเลยนะ
ให้ใส้แซนวิซกับใครนี่แสดงว่ารักมากนะ ตรงนั้นมันอร่อยสุด

 :pig4:

lluvia

  • บุคคลทั่วไป
มีน มีมุมแบบนี้กับเค้าด้วย หวานเบาๆ :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
เห้ย น่ารักแหะ นึกถึงตอนเด็กๆเลย ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ไม่คิดว่าพี่มีนจะมีมุมนี้  :-[  น่ารักเหลือเกิน :man1:

ออฟไลน์ AdLy

  • ไม่ได้ Korea Fever แค่รัก ดงบังและเอสเจ เท่านั้น
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
พี่มีนแม่งซุ่มว่ะ

มายกป้ายไฟเชียร์กราฟนะ

แต่ถ้าจะ4p เราก้ว่าดีเหมือนกันนะ หุหุ

ปล. แต่ถ้ามะนาวจะรักใคร เจ๊ก้จะรักด้วย

ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ชอบตอนนี้!
น่ารักจัง! <3 พี่มีนนนน อรั๊ย
 :z3: //ข่วยเขิน

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
พี่มีนนี่หวานสุด ๆ ไปเลยนะ :-[

ออฟไลน์ ryoushena

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-2
The Call Chapter 22: สามแยกปาร์ค

________________________________________________________________________________________________

ผมไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบ
ผมก็ไม่เคยตกหลุมรักใครแบบจังๆมาก่อน
เรื่องพวกนี้มันไร้สาระ จนวันหนึ่งเจอเข้ากับตัว ถึงรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันมีอยู่จริง
(ว่ะ)!

เวลา 04.00 นาฬิกา เกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่งที่มีลูกชายฝาแฝดคนโตชื่อมะนาวคนรองชื่อมะตูม วันนี้เป็นวันแรกของลูกชายคนโตที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตเพียงลำพังนอกกำแพงของบ้านเพื่อเข้าไปเรียนรู้การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เช้ามืดของวันนี้จึงเต็มไปด้วยความครื้นเครง ปั่นป่วนและชวนให้เวียนหัว

“พ่อเสร็จยัง เดี่ยวมะนาวไปสายโทษพ่อคนเดียวเลยนะ” เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายของลูกชายคนโตที่ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ยังไม่ได้ยินเสียงไก่ขัน ตอนนี้เขาอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลาย ด้านบนเป็นเสื้อนักเรียนสีขาวปักเข็มสัญลักษณ์โรงเรียนรูปพระอาทิตย์สีแดงอยู่กลางอกขวา ส่วนด้านล่างสวมกางเกงขาสั้นสีเทาเลยหัวเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เขาพร้อมแล้วสำหรับการออกเดินทางครั้งนี้ พอแต่งตัวเสร็จมะนาวก็วิ่งรอบบ้านไปเร่งคนนู้นทีคนนี้ทีจนลืมความง่วงไปเสียสนิท ทั้งที่เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำเพราะมัวแต่ตื่นเต้นแถมยังต้องเตรียมของจำเป็นไปใช้ในรั้วมหาวิทยาลัย

 “ไอ้ลูกลิงจะรีบไปไหน ขอพ่อแต่งตัวแป๊บนึง ไปดูน้องเราก่อนไปว่าแต่งตัวเสร็จยัง” พ่อพยายามหันเหความสนใจของลูกชายคนโตไปที่ลูกชายคนรองแทน ปากก็พูดส่วนมือก็พยายามเร่งมือติดกระดุมตรงพุงกลมโตให้ครบทุกเม็ด

“โห ทำไมพ่อตื่นสายอ่ะ เร็วๆเลยพ่อ”มะนาวหันไปบ่นให้พ่อก่อนจะหันหลังกลับเดินลงบันไดมาชั้นล่าง เพื่อดูว่าน้องชายตัวดีของเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จหรือยัง เหตุที่เขาต้องเร่งทุกคนเพราะเขากลัวว่าจะไปไม่ทันเวลามอบตัว พ่อของเขาไม่ค่อยได้ขับรถไปไหนไกล ๆ มานานแล้ว นี่ต้องขับรถไปไกลถึงโคราช ไม่รู้ว่าจะหลงทางบ้างหรือเปล่า มะนาวเลยต้องเร่งให้ทุกคนออกเดินทางก่อนเวลานัด กว่าจะไปถึงคาดว่าน่าจะใช้เวลาเดินทางราว 4-5 ชั่วโมง

“แม่ มะตูมล่ะ” มะนาวเดินเข้ามาหาแม่ที่กำลังยืนตักหมูทอดใส่จานอยู่ในครัว

“น้องอาบน้ำเสร็จแล้ว ตอนนี้คงกำลังแต่งตัวอยู่บนห้อง แล้วเราล่ะฮึมัวแต่ไปเร่งคนนู้นทีคนนี้ที เข็มขัดยังไม่ได้ใส่เลย”

“อ้าว... ลืมได้ไงเนี่ย” มะนาวก้มมองดูกางเกงของตัวเองพร้อมกับยกมือเกาหัวแกรก ๆ แก้เก้อ “เดี่ยวมะนาวลงมานะแม่” พอรู้ตัวว่าลืม มะนาวก็รีบวิ่งเสียงดังตึงตังกลับขึ้นบันไดไปคาดเข็มขัดนักเรียนบนห้องใหม่

“จะไหวไหมเนี่ยลูกชายฉัน” แม่ส่ายหัวในความเปิ่นของลูกชายตัวดี ยังคิดไม่ตกว่าออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านครั้งแรกลูกชายคนนี้จะไปก่อเรื่องวุ่นวายให้ใครบ้าง


ตอนนี้ทุกคนในบ้านแต่งตัวเสร็จและทานข้าวเช้าเรียบร้อยพร้อมแล้วสำหรับออกเดินทางพามะนาวไปปล่อย เฮ้ยย ไปมอบตัวเข้าเรียนต่างหาก พ่อใส่แว่นกันแดดสีชา สวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อต มาดเท่ไม่เบา ทำหน้าที่เป็นคนขับ แม่ผู้แสนใจดีก็สวมเสื้อสีขาวคอบัวตัวเก่งนั่งอยู่ด้านหน้าข้าง ๆ พ่อ ส่วนลิงทั้งสองจับจองที่นั่งด้านหลัง

“มะนาวขนของใช้ขึ้นกระบะหมดแล้วใช่ไหม” ก่อนสตาร์ทรถพ่อหันกลับมาถามลูกชายตัวดีที่นั่งไม่นิ่งอยู่ด้านหลังอีกทีเพื่อเป็นการตรวจสอบความเรียบร้อย

“หมดแล้วพ่อ มะนาวกับมะตูมช่วยกันขนขึ้นมาเรียบร้อย” มะนาวตอบรับพ่อด้วยเสียงดังมั่นใจ

“โอเค ถึงเวลาออกเดินทางกันได้แล้ว”

“Sir, Yes sir” มะตูมกับมะนาวยกมือขึ้นมาทำท่าวันทยาหัตถ์รับคำเรียกรอยยิ้มให้ผู้เป็นพ่อได้ไม่น้อย ท้ายรถยนต์ของมะนาวค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกห่างจากตัวบ้านเรื่อย ๆ มีจุดหมายปลายทางคือมหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีในจังหวัดนครราชสีมา
ตอนนี้มะนาวทั้งตื่นเต้นแล้วก็ใจหายเพราะเขาแทบไม่เคยรู้จักมหาวิทยาลัยที่กำลังจะไปเรียนเลย ไม่เคยเห็นรูปถ่าย ไม่รู้ว่าสภาพของมหาวิทยาลัยจะเป็นอย่างไรบ้าง รู้แค่ว่าอยู่ในจังหวัดโคราช แล้วก็รู้เพิ่มมาอีกหน่อยหนึ่งว่าที่ตั้งของมหาวิทยาลัยของเขาตั้งอยู่ฝั่งด้านขวาของถนนถ้าออกจากโคราชมุ่งหน้าไปเส้นจังหวัดปราจีนบุรีเพราะเขาไปแอบถามข้อมูลมาให้พ่อมาหน่อยนึง การเดินทางครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกับการผจญภัยของครอบครัวของเขาสักเท่าไหร่ เพราะนาน ๆ ครั้งถึงจะได้ขับรถออกนอกจังหวัดครบทั้งครอบครัวแบบนี้สักที อีกอย่างพ่อเขาเองก็ไม่ค่อยคุ้นเส้นทางเท่าไหร่ด้วย

ขับออกมาได้สักพักพ่อก็แวะจอดปั๊มน้ำมันข้างทางเพื่อซื้อกาแฟอุ่น ๆ กินสักแก้ว เรียกพลังไม่ให้หลับระหว่างทางเพราะอากาศหน้าหนาวช่วงเช้าค่อนข้างเย็น ถนนมีหมอกลงหนาจัดจนฝ้าเกาะกระจกรถยนต์ทำให้พ่อต้องเปิดที่ปัดน้ำฝน ใช้ผ้าแห้งเช็ดกระจก และลดอุณหภูมิในรถลงให้ต่ำกว่านอกรถ พร้อมกับลดระดับกระจกหน้าต่างลง เพื่อช่วยไล่ละอองน้ำที่เกาะตามกระจกรถให้หายไป

“เราจะไปถึงโคราชประมาณกี่โมงอ่ะพ่อ” มะตูมเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยระหว่างที่พ่อระหว่างขับรถอย่างตั้งใจ

“น่าจะไปถึงพอดี มะนาวในใบเอกสารที่ส่งมาเขาบอกว่ากี่โมงนะ”

“แปดโมงครึ่งพ่อ”

“ตอนนี้ก็เพิ่งจะตีห้าเราเข้าเขตขอนแก่นแล้ว ก็น่าจะไปถึงโคราชสักประมาณเจ็ดโมงมั้งพ่อว่า”

“แล้วพ่อขับไปถูกป่ะเนี่ย”

“ว่ะ ไอ้ลูกลิงพวกนี้ถูกสิ”

“ก็พ่อบอกมะนาวว่าพ่อจำทางไม่ได้อ่ะ มะนาวเป็นห่วงจะได้ช่วยดูป้ายให้ไง”

“ถึงพ่อจะไม่รู้เส้นทางมันก็ไม่ยาก ของแบบนี้มันมีเทคนิค แค่ตามหลังรถบัสที่ขับเข้ากรุงเทพฯไปเรื่อย ๆ แป๊บเดียวเดี่ยวก็ถึงเอง”

“จริงหรอพ่อ” แม่ส่งเสียงออกมาเหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่

“จริงสิแม่ เชื่อมือพ่อน่า ไม่ต้องห่วง พ่อซะอย่างเซียนอยู่แล้ว ไม่มีหลงแน่นอน”

ขับไปเรื่อย ๆ สักพัก มะนาวเริ่มรู้สึกว่าทำไมพ่อถึงเลี้ยวเข้าสถานีขนส่งเกือบทุกสถานทีที่รถบัสจอดเลยสะกิดถามแฝดผู้น้องให้หันไปถามพ่ออีกรอบ

“พ่อ ทำไมเราต้องขับเข้ามาสถานีขนส่งทุกสถานีเลยอ่ะพ่อ” พ่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากตอบลูกชาย

“พ่อลืมไปว่ะ ว่ารถบัสมันต้องวนเข้าสถานีขนส่ง ก็ขับเพลินเลยสิทีนี้ แต่ไม่เป็นไรเลี้ยวออกได้...”

ทุกคนในรถหันมามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมายในความเนียนของผู้เป็นพ่อ จากนั้นพ่อก็เปลี่ยนการขับใหม่อาศัยดูจากป้ายตามถนนแทนจนในที่สุดก็เข้าเขตจังหวัดนครราชสีมา

“พ่อเราขับเข้าเขตจังหวัดโคราชแล้วพ่อ ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงกว่า ๆ เองทำไมถึงเร็วจัง”

“ก็พ่อเป็นคนขับ ขับไวขับดี ถึงที่หมายเร็วปี้ด ๆ”

“แม่ว่าลองจอดลงไปถามคนแถวนี้ไหมว่าใกล้ถึงมหาลัยวิทยาลัยเราหรือยัง”

“ดี ๆ แม่นี่รอบคอบที่สุด สมแล้วที่เป็นเมียพ่อ” พ่อหันมาส่งยิ้มให้แม่ สองแฝดคิดในใจ ‘ลูกโตขนาดนี้แล้วยังจีบกันเลิกอีก ไม่อายลูกบ้างเล้ย’

“ลุงครับ มหาวิทยาลัยxxxขับไปอีกไกลไหมครับ” พอพ่อเทียบรถจอดข้างทางมะนาวก็เปิดประตูลงไปถามลุงที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน

“โห อีกไกลเลยหนุ่ม ตอนนี้เพิ่งเข้าเขตโคราช มหาวิทยาลัยที่เราจะไปนะต้องเลยตัวเมืองไปอีก”

“อ่อ ครับยังอีกไกลใช่ไหมครับ”

“เดี่ยวหนุ่มขับไปเรื่อย ๆ นะพอเข้าไปถึงในตัวเมืองโคราชค่อยถามเขาอีกที”

“ขอบคุณครับ”

“พ่อลุงเขาบอกว่ายังอีกไกล มันต้องเลยเข้าไปในตัวเมืองก่อน ลุงบอกว่าตอนนี้เราเพิ่งขับมาถึงเขตนอกเมืองเอง”

จากนั้นพ่อผมก็ขับมาเรื่อย ๆ ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าจังหวัดโคราชมีพื้นที่ใหญ่มาก...แต่ละอำเภอไกลกันเป็นร้อย ๆ กิโล ที่พวกผมจอดถามกับในตัวเมืองที่ผมจะไปไกลกันมาก เพราะกว่าจะขับมาถึงตัวเมืองพวกผมใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ระหว่างที่ขับมาก็แวะจอดถามทางไปเรื่อย ๆ

จนเข้ามาถึงในตัวเมืองพ่อผมก็จอดให้ผมลงถามเส้นทางอีกรอบ

“ป้าครับ มหาวิทยาลัยxxxไปอีกไกลไหมครับ”

“ไอ๊เว่ย” ป้าตะโกนถามผมกลับทันทีด้วยสำเนียงภาษาถิ่น

“ครับ?” ผมงงหนัก งงแบบจริงจัง ไอ้เว่ย ใกล้เคียงกับคำไหนมากที่สุด น่าจะคล้ายคำนี้มากที่สุด ไอ้เวร เฮ้ย....ป้าด่าผมป่ะ ไม่น่าใช่หรือว่าเสียงรถมันดังทำให้ป้าไม่ได้ยินเสียงผม เป็นไงเป็นกันผมเลยตัดสินใจถามป้ากลับอีกรอบ “มหาวิทยาลัยxxxไปอีกไกลไหมครับ”

“จั๊กก็อะไร้เว่ยเฮย” ป้าตะโกนถามกลับผมอีกรอบพร้อมกับส่งยิ้มกว้างเพิ่มความเป็นกันเองให้ผมทีนึง เอาไงล่ะทีนี้ เอ่อ...ผมไปต่อไม่ถูก สงสัยป้าเห็นผมทำหน้างงเลยจัดเต็มตามมาอีกหนึ่งประโยค “หูไม่ดี เสียงรถมันดังโพด” ประโยคนี้ผมเริ่มฟังเข้าใจแล้ว
“มหาวิทยาลัยxxxไปอีกไกลไหมครับ” คราวนี้ป้าพยักหน้าเข้าใจผมค่อยโล่งอกหน่อย

“ใกล่ถึงแล่วหนุ่มขั้บเลยเด่อะมอ ออกไป๊ พอถึงสามแยกป๊าก หนุ่มก็เลี่ยวซ่ายเลยเด้อ” ป้าท่าทางใจดีอธิบายเส้นทางให้ผมฟังด้วยภาษาโคราชแบบจัดหนัก ผมรับข้อมูลแบบงง ๆ ว่าไปคนโคราชนี่อินเตอร์ไม่เบานะครับ ป้าอายุปูนนี้ยังใช้ทับศัพท์ แหม่...ไม่ธรรมดา แต่ป้าทำอะไรผมไม่ได้เพราะระบบประมวลผมเรื่องภาษายังใช้การได้ดี สามแยก ‘ป้าก’ คาดว่าน่าจะเป็นปาร์คที่แปลว่าสวนสาธารณะ = ป้าคงหมายถึงถ้าหากเจอสามแยกที่มีสวนสาธารณะแล้วให้เลี้ยวซ้ายแน่นอน รู้สึกภูมิใจทักษะด้านภาษาของตัวเอง คิดไม่ผิดที่ผมเลือกลงเรียนมหาวิทยาลัยของจังหวัดโคราชบ้านเอ็ง ต่อไปภาษาอังกฤษของผมคงแวรี่กู้ดดด

“เจอสามแยกปาร์คแล้วเลี้ยวซ้ายออกไปเลยใช่ไหมครับ” ผมทวนอีกรอบเพื่อความแน่ใจของตัวเองว่าตีความหมายไม่ผิด

“ใช่แล่วหนุ่ม ขั้บต่อไปเรื่อยๆ ราว ๆ 15 กิโล ก็จิแลเห็นป้ายมหาวิทยาลัยสีเขียวอันใหญ่ ๆ อยู่ฝั่งซ่ายของถนนก็เลี่ยวเข่าไป้ได่เลย”

“อ่อ ขอบคุณมากครับป้า” มะนาวยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มกว้างขอบคุณป้าแล้วรีบวิ่งขึ้นรถทันที

“ป้าเขาบอกว่าเจอแยกที่มีสวนสาธารณะก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยพ่อ ขับไปเรื่อยเดี่ยวก็มองเห็นป้ายมหาวิทยาลัยอยู่ด้านซ้ายของถนนเอง”

“นั่นไง สวนสาธารณะสวนรัก เลี้ยวซ้าย ใช่ไหมมะนาว” มะตูมสังเกตเห็นป้ายสวนสาธารณะบอกให้เลี้ยวซ้าย

“ใช่ ป้าเขาบอกว่าถ้าเจอสวนสาธารณะให้เลี้ยวซ้ายเขาไปเลย”

“งั้นพ่อเลี้ยวแล้วนะ”

“จัดไปพ่อ”

ขับไปเรื่อยๆตามป้ายบอกทางไปสวนรัก สักพักมะนาวก็เห็นรูปปั้นอนุสาวรีน์เท้าสุรนารี แต่ก็ไม่เห็นมีป้ายมหาวิทยาลัยของเขาเลย รวมถึงห้างเดอะมอลล์ที่ป้าบอกว่าจะเจอห้างเดอะมอลล์ก่อนถึงจะเจอสวนสาธารณะ รู้สึกทะแม่ง ๆ เฮ้ย! มันต้องเจอห้างเดอะมอลล์ก่อนนี่นา มะนาวเพิ่งนึกได้ว่ามันต้องเจอห้างก่อนถึงจะเจอสวนสาธารณะ

“พ่อ...มะนาวว่า เราต้องเลี้ยวเข้ามาผิดแน่ ๆ เพราะป้าเขาบอกว่าเราต้องขับผ่านห้างเดอะมอลล์ก่อนถึงจะเจอสามแยกสวนสาธารณะ”

“อ้าว ไอ้ลิง เมื่อกี้ทำไมไม่บอก งั้นพ่อวนออกไปเลยนะ หรือว่าเราจะจอดไหว้ย่าโมก่อนไหมแม่ ไหน ๆ ก็ขับผ่านมาถึงหน้าท่านแล้ว”

“แม่ว่าไม่ทัน ตอนนี้ก็เกือบเจ็ดโมงครึ่งแล้วเรายังไม่ถึงไหนเลย”

“งั้นไหว้บนรถแทนได้ไหมพ่อ บอกย่าโมว่าเรารีบ”

“เอางั้นหรอแม่”

แม่พยักหน้ารับ จากนั้นผมกับมะตูมก็ยกมือไหว้ย่าบนรถแทน

“แล้วนี่ห้างอะไร”

“คลังพลาซ่าพ่อไม่ใช่เดอะมอล์”

“แล้วนี่ล่ะ”

“ไอทีพลาซ่า”

“โห...มะตูมรู้ได้ไง”

“อ่านเอาจากป้ายเมื่อกี้” โด่ ผมก็นึกว่ามะตูมแอบไปหาข้อมูลมาเพื่อช่วยให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ทุลักทุเล แต่ที่ไหนได้ก็พอๆกันหมด

ขับกลับเข้ามาถนนเส้นหลักแล้วพวกผมก็เห็นห้างเดอะมอลล์ พ่อก็ขับชิดซ้ายมาเรื่อยๆจนมองเห็นสะพานข้ามแยกอยู่ไกล ๆ พ่อก็ชิดซ้ายจอดรถให้มะนาวลงไปถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ

“พี่ครับ อีกไกลไหมครับจะถึงสามแยกปาร์คอะครับ” ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ผมเลยลองถามตามแบบที่ป้าเขาบอกเลยแล้วกัน เผื่อมันเป็นศัพท์ที่คนพื้นที่เขารู้จัก แต่พอผมถามประโยคนั้นไปพี่เขากลับชักสีหน้างง ๆ เหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อน จากนั้นก็ใช้สายตามองสำรวจสภาพผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าในชุดนักเรียน สวมแค่ถุงเท้าเพราะรีบวิ่งลงจากรถ ตรวจเช็คสภาพผมเสร็จพี่เขาก็เงยหน้าถามผมกลับมาว่า

“น้องหมายถึงสามแยกปักป่ะ” โชคดีที่พี่คนนี้พูดโต้ตอบผมเป็นภาษากลางปกติ ทำให้ผมไม่ต้องขุดทักษะด้านภาษาออกมาใช้อีก

“มันมีแค่สามแยกเดียวใช่ไหมครับ” พี่เขางงผมก็งงเหมือนกันครับ

“แล้วน้องกำลังจะไปมหาวิทยาลัยxxxป่ะ”

“ครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงึกแต่ยังแคลงใจเรื่องแยกปักกับแยกปาร์ค

“งั้นก็แยกเดียวกัน เดี่ยวน้องขับขึ้นสะพานนะ ชิดซ้ายตลอด พอเห็นป้ายบอกทางไป ‘อำเภอปักธงชัย’ น้องก็เลี้ยวซ้ายไปได้เลย มหาวิทยาลัยก็จะอยู่ซ้ายมือป้ายใหญ่ ๆ หน่อยมองเห็นไม่ยากหรอก ขับไปประมาณไม่เกิน 7 โลมั้ง เดี่ยวก็ถึง”

“ขอบคุณครับ”

ไอ้เว่ย สามแยกปาร์ค! หมายถึงสามแยกปักธงชัยหรอกหรอครับ ทักษะด้านภาษาของผมทำงานพลาด ผมอยากเต้นฮาเล็มเช็คแบบจัดหนักมันซะตรงนี้เลย โอมายด์ก๊อดดดด......อย่าบอกพ่อกับน้องผมนะครับไม่อย่างนั้นผมคงโดนยำเละ แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆผมอนุญาตให้บอกแม่ผมได้คนเดียว

จากนั้นพวกผมก็ขับตามพี่ผู้ชายใจดีคนนั้นบอกก็มาถึงทางเลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัย เช้านี้ผมขับเที่ยวชมเมืองโคราชอย่างไม่ได้ตั้งใจจนได้ พ่อผมเหลือบตามองนาฬิกาข้อมือแล้วก็เหยียบคันเร่งแบบเต็มสูบ จากป้ายมหาวิทยาลัยด้านนอกพวกผมก็ขับเข้ามาถึงป้ายมหาวิทยาลัยด้านใน ผมชักสงสัยจะมีป้ายมหาวิทยาลัยด้านในกว่าอีกป้ายแฝงตัวอยู่หรือเปล่า

“กี่โมงแล้วแม่”

“แปดโมงจะครึ่งแล้วพ่อ”

พอรู้ว่าใกล้ถึงเวลาด้วยความรีบหลังจากที่แลกบัตรผ่านจากป้อมยามรปภ.เข้ามา พ่อผมก็รีบขับเข้าไปตามถนนด้านในของมหาวิทยาลัยทันที โดยที่ไม่ได้หยุดถามทางกับรปภ.เลยว่าอาคารมอบตัวอยู่ส่วนไหนของมหาวิทยาลัย มาถึงก็เลี้ยวขวาเข้าไปข้างในเฉยเลย มองเห็นแค่หลังคาแดง ๆ ของอาคารพ่อผมก็ขับตรงเข้าไป ขับไปเรื่อย ๆ จนเข้าใกล้ตัวอาคาร แต่บรรยากาศรู้สึกมันดูเงียบ ๆ แปลก ๆ มีนักศึกษาเดินอยู่บ้างประปราย จนในที่สุดพ่อผมขับไปรถเลยมาถึงทางเข้าอีกหนึ่งประตู

“ขอโทษนะคะ อาคารมอบตัวนักศึกษาปีหนึ่งขับไปเส้นนี้ไหมคะ” แม่ผมหมุนกระจกถามลุงรปภ.ที่นั่งอยู่ในป้อมยาม

“มาผิดเส้นแล้วครับ ตรงนี้เป็นประตูออกแล้วครับ เดี่ยวกลับรถตรงนี้จากนั้นเจอแยกแล้วเลี้ยวขวาตลอดก็ถึงเลยครับ”

“ขอบคุณมากคะ”

พอพ่อผมวนรถกลับถึงมองเห็นว่าอาคารที่พวกผมขับมามันเป็นหอพักนักศึกษาไม่ใช่อาคารเรียน พ่อผมก็ขับออกตามถนนเจอแยกไหนก็เลี้ยวขวา เลี้ยวขวา จนมาถึงทางเข้าอีกหนึ่งประตู

“ขอโทษนะคะ อาคารมอบตัวนักศึกษาปีหนึ่งไปเส้นนี้ไหมคะ” แม่ผมกดลดกระจกถามลุงรปภ.ที่นั่งอยู่ในป้อมยามอีกคน

“มาผิดเส้นแล้วครับ ตรงนี้เป็นประตูออกแล้วครับ เดี่ยวกลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายตลอดก็ถึงเลยครับ”

“เอาล่ะสิ คนแรกบอกให้เลี้ยวขวา พอคนต่อมาบอกให้เลี้ยวซ้าย ยังไงล่ะแม่” พ่อผมพูดขึ้นมาหลังจากที่แม่ปิดกระจกรถเรียบร้อย ตอนนี้แปดโมงครึ่งแล้วด้วย

“ต้องลองเชื่อดูก่อน เราก็ไม่รู้เส้นทางด้วย”

ว่าแล้วพ่อผมก็ขับเลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้าย จนมาถึงอาคารหลังใหญ่ เฮ้อ ในที่สุดรถผมก็มาถึงจนได้ หลงทางในมหาวิทยาลัยเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ๆ

“มะนาวลองลงไปถามซิ ว่าใช่อาคารนี้แน่หรือเปล่า”

“ลุงครับ ตรงนี้ใช่อาคารมอบตัวนักศึกษาปีหนึ่งไหมครับ”

“ไม่ใช่ครับ นี่อาคารห้องสมุด แต่อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วละครับ เดี่ยวขับกลับออกไป เลี้ยวขวา จนเจอสามแยกที่มีอาคารสีแดงด้านซ้าย เลี้ยวขวาอีกทีก็ถึงแล้วครับ”

เอ่อ ยังไม่ถึงอีกหรอครับลุง อะไรมันจะขนาดนั้น หรือว่าพวกผมหลงทางอยู่ในดินแดนลับแล แล้วอาคารเรียนมันอยู่ตรงไหน ทำไมผมมองไม่เห็นอาคารสักหลัง

“ขอบคุณครับ”

ขณะนี้เลยเวลามานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะตอนนี้เก้าโมงกว่า ๆ แล้ว สุดท้ายรถครอบครัวของมะนาวก็ขับมาถึงอาคารเรียนรวมจุดส่งรายงานตัวนักศึกษาปีหนึ่ง พอจอดรถยนต์เสร็จสรรพเรียบร้อยไม่รอช้ามะนาวรีบหยิบเอกสารที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วรีบเดินตรงเข้าไปในตัวอาคารทันที ลืมพ่อแม่น้องไว้ที่รถเพราะเขาใช้เวลากับการหลงทางในมหาวิทยาลัยนานราวหนึ่งชั่วโมงได้ ด้วยความที่ไม่ได้อ่านข้อมูลมาก่อนมะนาวเลยไม่รู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร รู้เพียงแค่ว่าวันนี้คือวันมอบตัวแค่นั้น แต่ต้องติดต่อฝ่ายไหน หรือห้องมอบตัวอยู่ตรงไหนมะนาวไม่รู้สักเรื่อง บรรยากาศวันมอบตัวภายในตัวอาคารเต็มไปด้วยนักศึกษาหญิงชายเดินกันอยู่ขวักไขว่บ้างก็นั่งจับกลุ่มคุยกันส่งเสียงดัง นอกจากมีซุ้มแสดงข้อมูลของแต่ละคณะของทางมหาวิทยาลัยแล้วยังมีทั้งร้านขายเครื่องแบบของทางมหาวิทยาลัยอีกด้วย มีนักศึกษายืนเลือกซื้อกันอยู่หลายคน แต่มะนาวไม่ได้สนใจเรื่องราวรอบตัวเขาแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขากำลังรีบจัด จากตอนแรกที่เดินหาป้ายบอกว่าคณะมัลติฯของเขามอบตัวที่ไหน ตอนนี้เขาเริ่มเดินหารปภ.เพื่อถามทางแทนเพราะเขาหาป้ายไม่เจอ เดินกึ่งวิ่งอยู่สักพักเขาก็หารปภ.เจอ พอรู้ว่าต้องไปทางไหนเขาก็รีบวิ่งไปห้องส่งเอกสารมอบตัวทันที กรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มรายงานตัวขึ้นเป็นนักศึกษาใหม่เสร็จอ่านตรวจทานจนแน่ใจ อ้าว! ต้องมีผู้ปกครองเซ็นด้วยมะนาวเงยหน้ามองรอบ ๆ พ่อแม่เขาไม่อยู่แถวนี้ มะนาวรีบวิ่งกลับไปที่รถให้พ่อกับแม่เซ็นต์เอกสารแล้วก็รีบวิ่งกลับมายื่นเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่อีกที

“ส่งเอกสารรายงานตัวเสร็จแล้วต้องทำยังไงต่อครับ”

“จะมีทดสอบด้านภาษาอังกฤษต่อค่ะ ตอน 10 โมง ใช้เวลาสอบประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็เข้าปฐมนิเทศนักศึกษาปีหนึ่งช่วงบ่ายแต่งชุดพิธีการของทางมหาวิทยาลัยนะคะ” เจ้าหน้าที่บอกข้อมูลเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเห็นว่าเขาใส่ชุดนักเรียนมาคงเตือนเรื่องเครื่องแบบด้วยความหวังดี แต่ตอนนี้มะนาวยังไม่มีชุดพิธีการที่ว่า กระทั่งชุดนักศึกษาสักชุดมะนาวก็ยังไม่มี มะนาวได้แค่คิดในใจ ‘ทำไมมันถึงรวดเร็วอย่างนี้’

เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะมีการทดสอบด้านภาษาอังกฤษแล้วต่อด้วยปฐมนิเทศ มะนาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ 9.45 เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนจะถึงเวลาสอบ “แล้วห้องสอบอยู่ตรงไหนครับ”

“ห้องสอบเดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวานะคะ หน้าห้องสอบจะมีรายชื่อกับเลขที่นั่งสอบติดเอาไว้ สามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากตรงนั้นได้เลย”

“ขอบคุณครับ” พอทราบข้อมูลว่าวันนี้เขาต้องทำอะไรบ้างก็รีบวิ่งกลับมายังรถยนต์ของครอบครัวเขาที่จอดเอาไว้

“เรียบร้อยดีไหม”

“เสร็จแล้วแม่ แต่เดี่ยวอีกสิบห้านาทีมะนาวต้องเข้าห้องสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษก่อน”

“สอบถึงกี่โมง”

“11 โมงพ่อ”

“เดี่ยวสอบเสร็จแล้วโทรหาแม่นะ พ่อแม่กับน้องจะไปทำเรื่องหอพักให้เราก่อน เมื่อกี้พ่อเดินไปคุยกับเด็กแถวนี้มา เขาบอกว่าให้เด็กปีหนึ่งมาเข้าหอตั้งแต่สองวันก่อนหน้านี้แล้ว แต่ลิงแถวนี้ไม่ยอมบอก”

“มิน่าล่ะ มะตูมก็กำลังคิดอยู่ว่าทำไมไม่เห็นมีพ่อแม่คนอื่นมาส่งลูกเหมือนบ้านเราเลย”

“ก็มะมาวยังไม่อยากมาอ่ะพ่อ มาก่อนตั้งสองวัน มะนาวเตรียมใจไม่ทัน”

“แล้วเราจะเอาหอแบบไหน หอพักที่นี่มีสองแบบ หอพักแบบห้องน้ำรวมกับหอพักแบบห้องน้ำในตัว”

“เอาแบบไหนก็ได้พ่อ มะนาวให้สิทธิพ่อเลือกเต็มที่เลย”

“แล้วรู้หรือยังว่าห้องสอบอยู่แถวไหน”

“ยังแม่ มะนาวเดินมาบอกแม่กับพ่อก่อน”

“รีบไปเลยมะนาวเดี่ยวก็เข้าสอบสายหรอก”

“เตรียมดินสอปากกาให้เรียบร้อยนะ สอบเสร็จแล้วโทรหาแม่ด้วย”

“คร้าบบบ” รับคำเสร็จมะนาวก็หันหลังเดินกลับไปห้องสอบทันที แต่พอนึกได้เรื่องเครื่องแบบมะนาวก็รีบวิ่งกลับมาบอกแม่เขาอีกที “แม่ซื้อชุดพิธีการให้มะนาวด้วยชุดนึงนะ ตอนบ่ายต้องใส่เข้าปฐมนิเทศ”

จากนั้นมะนาวก็รีบเดินไปหาห้องสอบระหว่างทางเดินก็สวนกับนักศึกษาหลายคนที่กำลังเดินมุ่งหน้าออกจากตัวอาคาร เดินไปดูรายชื่อห้องนู้นทีห้องนี้ทีจนรู้ห้องสอบของตัวเอง พอรู้ว่าห้องสอบของตัวเองห้องไหนมะนาวก็ตรวจสอบเลขที่สอบอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขายืนอยู่ท่ามกลางสายตาของนักศึกษาคนอื่นที่จ้องเขาด้วยสายตาแปลก ๆ เขาก็พอรู้ว่านักศึกษาพวกนี้ทำไมถึงจ้องเขา ก็เพราะตอนนี้มีเขาแค่เพียงคนเดียวที่ยังใส่เครื่องแบบนักเรียนอยู่ คนอื่น ๆ เขาใส่ชุดนักศึกษาปีหนึ่งเรียบร้อยหมดแล้ว แต่มะนาวก็พยายามทำเป็นไม่ค่อยสนใจแกล้งตีเนียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเกมฆ่าเวลา อีกแค่ 5 นาทีก็ถึงเวลาเข้าห้องสอบ นักศึกษาปีหนึ่งคนอื่น ๆ เริ่มทยอยเดินเข้าห้องสอบแต่มะนาวรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำมากจนทนไม่ไหว เขาจึงรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ ปลดเบาเสร็จมะนาวก็รีบเดินกลับมาห้องสอบ ระหว่างนั้นมะนาวก็มองเห็นนักเรียนชายตัวสูงโย่งเดินแกมวิ่งหาห้องสอบด้วยท่าทีรีบร้อน มีคนมาสายเหมือนเขาแล้ว เห็นภาพตรงหน้าเขาก็อดยิ้มขำไม่ได้ นี่มันนักเรียนโข่งชัด ๆ ตัวสูงใหญ่ ดูเป็นหนุ่มเต็มตัวไม่เหมาะที่จะใส่ชุดนักเรียนแล้ว แต่ก็ยังดีที่ยังมีคนแต่งตัวด้วยเครื่องแบบนักเรียนเหมือนเขาอย่างน้อยก็หนึ่งคน ไม่รอช้ามะนาวก็เดินเข้าไปทักนักเรียนหนุ่มใส่แว่นตัวโข่งนั่นทันที

“นายหาห้องสอบอยู่ไหม?” นักเรียนโข่งไม่พูดแค่พยักหน้าตอบรับ คงเหนื่อยเพราะมะนาวเห็นเม็ดเหงื่อผุดออกเต็มไรผมเหนือหน้าผาก

“เราชื่อมะนาว นายชื่ออะไร?” มะนาวส่งยิ้มเป็นมิตรให้

“กราฟ”

“นายน่าจะสอบห้องนี้นะ ลองไล่ดูชื่อที่แผ่นกระดาษตรงนั้นดิ” สายตามะนาวมองเห็นชื่อที่ปักอยู่หน้าอกเขาก็รู้ว่านักเรียนโข่งคนนี้สอบห้องเดียวกันเพราะเขาเพิ่งอ่านเจอชื่อนี้บนกระดาษที่แปะเอาไว้หน้าห้อง

“ขอบใจนะ” หลังจากตรวจดูชื่อในแผ่นกระดาษเสร็จแล้วนักเรียนโข่งก็หันมาขอบคุณมะนาวที่ยืนดูเขาอยู่ ว่าแล้วเขาก็เตรียมตัวเดินเข้าห้องสอบเพราะรู้สึกแปลก ๆ กับท่าทีมะนาวที่กำลังยืนจ้องตาเขาอยู่

 “เฮ้! นายเดี่ยวก่อน”

“?”

“ขนคิ้วติดอยู่บนแว่นของนายนะ” หลังจากที่มะนาวพยายามเพ่งมองเส้นอะไรสักอย่างที่ติดอยู่บนเลนส์แว่นสายตาจนแน่ใจว่ามันเป็นขนคิ้วไม่ก็ขนตา ด้วยความคิดน้อยเขาก็ถือวิสาสะอาสาใช้นิ้วเขี่ยขนออกจากเลนส์สายตาให้ ราวกับต้องมนต์สะกดนักเรียนโข่งรู้สึกว่าเสียงรอบข้างหายไป เสียงหัวใจเต้นตึกตึก เขาเห็นภาพของเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนแบบสโลโมชั่นที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับหน้าเขา ใกล้มาก...ใกล้เสียจนรู้สึกว่าดวงตาของอีกคนมีแค่เลนส์สายตากั้นเอาไว้เท่านั้น เขานิ่ง มองเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนอีกคนที่พยายามใช้นิ้วเขี่ยขนตาออกจากแว่นให้อย่างตั้งใจ

“เสร็จล่ะ” มะนาวเอาขนตาออกให้แล้วก็เดินนำเข้าสอบไป ปล่อยให้อีกคนยืนนิ่งมองตามด้านหลังของอาการงง ๆ เพราะยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่เกิดขึ้น

‘นักศึกษาคะ เข้าห้องสอบได้แล้วคะ’ จนเจ้าหน้าที่คุมสอบเดินสะกิดแขนนักเรียนโข่งถึงรู้สึกตัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2014 21:05:16 โดย ryoushena »

ออฟไลน์ ryoushena

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-2
ระหว่างที่มะนาวเข้าห้องสอบแฝดผู้น้องนามมะตูมก็ไปดำเนินเรื่องหอพักพร้อมกับเป็นหุ่นลองชุดนักศึกษาให้พี่ชาย สรุปมะนาวได้ชุดนักศึกษาทั้งหมด 5 ชุด ชุดพิธีการอีกหนึ่งชุด ขาดแค่เน็กไทค์ที่ต้องใส่กับชุดพิธีการเท่านั้นที่ซื้อไม่ทันเพราะขายหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ส่วนหอพักจองได้หอพักสุรนิเวศ 13 ที่เป็นหอพักแบบมีห้องน้ำส่วนตัว พอจองห้องพักได้แล้วครอบครัวของมะนาวก็ช่วยกันขนของไปไว้ในห้อง หน้าที่การหน้าเทคไทค์ก็ต้องตกเป็นของมะตูมอย่างเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเดินเคาะตามห้องรุ่นพี่เพื่อขอยืมมาให้พี่ชายของเขาใช้ก่อน มะตูมเดินไปเคาะห้องข้าง ๆ ก็ไม่มีคนเปิดประตูให้สักคน สงสัยไม่มีใครอยู่ สุดท้ายเขาจึงเลือกเดินหาห้องที่เปิดประตูเอาไว้แล้ว

ก๊อกๆ ก๊อกๆ

แอ๊ดดดด.........

“ว่าไงครับ” น้ำเสียงเรียบนิ่งของรุ่นพี่หนุ่มตัวสูงหน้าตี๋ไว้ผมทรงสกินเฮดเป็นคนเปิดประตูห้องออกมาถามมะตูมที่ยืนส่งยิ้มรออยู่ด้านหน้า

“ขอโทษนะครับ ขอยืมเนคไทค์มหา’ลัย ได้ไหมครับ พอดีผมซื้อไม่ทันน่ะครับ” ถึงแม้ท่าทางของรุ่นพี่คนนี้จะมีรังสีแห่งความเลวแผ่อยู่รอบ ๆ ตัว มะตูมก็พยายามยืนยิ้มผูกมิตรเต็มที่ แต่ก็อดทึ่งปนตะลึงในความสูงของรุ่นพี่หน้าตี๋คนนี้ไม่ได้เพราะรุ่นพี่คนนี้ตัวสูงมาก...เตี้ยกว่าประตูห้องหน่อยเดียวเอง ทำให้มะตูมเผลอใช้สายตามองสำรวจรุ่นพี่หน้าตี๋อย่างไม่ได้ตั้งใจ ‘สงสัยรุ่นพี่คนนี้ต้องเป็นนักเลงหรือไม่ก็นักกีฬาบาสฯแน่ๆ โห... ลายสักที่น่องขาซ้าย เท่! สุดๆ’ ส่วนรุ่นพี่หน้าตี๋ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมเด็กปีหนึ่งคนนี้ไม่เข้าทดสอบภาษาอังกฤษเหมือนเด็กปีหนึ่งคนอื่น ด้วยความสงสัยหนุ่มตี๋ก็เผลอมองสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้าเช่นกัน ‘หน้าตาหล่อดี แต่ดูน่ารักมากกว่า’

“น้องรอตรงนี้แป๊บนึงนะ พอดีไม่ใช่ห้องพี่” พูดจบรุ่นพี่หน้าตี๋ก็หันหลังกลับไปร้องตะโกนถามเพื่อนในห้อง “เชี่ยต้น เนคไทค์ม.ของมึงอยู่ไหนว่ะ”

“อยู่ในตู้ทำไมว่ะไอ้จิ้น”

“หยิบมาให้กูที น้องปีหนึ่งมาขอยืม” มะตูมได้ยินเสียงเปิดตู้จากข้างในห้อง ก่อนจะมีเสียงเรียกให้พี่หน้าตี๋เดินกลับเข้าห้องเพื่อไปหยิบเนคไทค์มาส่งให้เขา

“ขอบคุณครับ ใช้เสร็จแล้วผมจะรีบเอามาคืนนะครับ” มะตูมไหว้รับเนคไทค์จากรุ่นพี่หน้าตี๋แล้วก็รีบเดินกลับมาห้องของพี่ชาย หลังจากที่มะตูมเดินกลับไปรุ่นพี่หน้าตี๋ก็ถามเดินไปพูดกับเพื่อนว่า

“ห้องริมสุดห้องอะไรว่ะ”

“7712”

พ่อแม่น้องเขากลับไปแล้ว ตอนแรกมะนาวก็ไม่รู้สึกอะไร อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยจากการเดินทาง ไหนจะต้องทำข้อสอบ แล้วยังต้องไปเข้านั่งฟังปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่อีก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้มันดูฉุกละหุกไปหมดทำให้เขาแทบไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องที่เขาต้องเริ่มต้นการใช้ชีวิตใหม่ ที่นับจากนี้ต่อไปตอนเช้าเขาจะไม่ได้ทานกับข้าวฝีมือแม่ เขาต้องนั่งรถไปเรียนเองพ่อไม่ได้ขับรถไปส่งเขาเหมือนอย่างเคย หรือคืนนี้และคืนต่อไปๆเขาต้องนอนรวมกับคนอื่นที่ไม่ได้รู้จัก ไม่ได้นอนบนเตียงเดียวกันกับน้องชายฝาแฝดของเขาที่ทุกคืนต้องมีเรื่องมาคุยกันก่อนนอน นอนคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่บนเตียง จู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง มะนาวรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนแม่จะกลับเขาแอบเห็นแม่แอบยืนร้องไห้อยู่ด้านนอกประตูด้วย แม่เองก็คงรู้สึกใจหายไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่

มะนาวนอนมองรอบ ๆ ห้อง รูมเมททั้งสองคนของเราขนของเข้ามาแล้วแต่เขายังไม่เห็นหน้าตาของทั้งคู่ไม่รู้ว่าหน้าตา นิสัยใจคอจะเป็นอย่างไรบ้าง โชคดีที่ไม่มีใครจองเตียงติดหน้าต่างเพราะเขาตั้งใจเอาไว้ว่าอยากนอนเตียงมุมนี้ มะนาวรู้สึกเหนื่อยมาก นอนเล่นอยู่บนเตียงสักพักเขาก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว นอนหลับทั้งที่ยังใส่ชุดนักศึกษาใหม่ที่ยังไม่ได้ซัก วันนี้เขาเป็นนักศึกษาใหม่เต็มตัว ทั้งเสื้อใหม่ที่ยังมีรอยพับ กางเกงที่ยังไม่ได้ซักรีด ร้องเท้าที่ยังมีกลิ่นเหม็นใหม่เตะจมูก ใหม่หมดทุกอย่าง ยกเว้นเนคไทค์เส้นเดียวที่ไม่ใช่ของเขา

ในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากนอกห้องส่องเข้ามา มะนาวสะดุ้งตื่น จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงแมวร้อง ‘เมี้ยว!’

มะนาวค่อย ๆ หันไปมองรอบ ๆ ห้อง เพื่อดูว่าเสียงแมวมาจากไหนแล้วมันเข้าห้องของเขาได้อย่างไรหรือว่าเขาลืมปิดประตูห้อง

มองไปที่ประตู ประตูก็เปิดออก แอ๊ดดดดดดดดดด.....................

มะนาวตกใจแทบหล่นตกลงจากเตียง

มีเงาของผู้ชายตัวใหญ่ ในมือถืออาวุธบางอย่างเดินดุ่ม ๆ เข้ามาในห้องของเขา

มะนาวเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบ กลัวจนไม่กล้ากระดุกกะดิกตัว กริ๊ก! ไฟห้องติดพรึ่บ! เกิดแสงสว่างวาบทั่วทั้งห้อง

“นอนตอนหัวค่ำมันไม่ดีนะนิวน้องเมท” พอไฟสว่างผมก็มองเห็นผู้ชายหน้าโหดคนหนึ่งยืนส่งยิ้มโชว์ฟันขาวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบมาให้ผม ชำเลืองมองอาวุธในมือคือขวดเบียร์สามขวด "เราชื่ออะไร พี่ชื่อมีนเรียนพอลิเมอร์อยู่ปี 5 ต่อไปจะทำหน้าที่เป็นนิวพี่เมทเรานะครับ

“ครับ ชื่อมะนาวครับพี่”

“ไหน ๆ ก็ตื่นแล้ว ป่ะ มากินเบียร์เป็นเพื่อนพี่หน่อยมา เราจะได้กระชับความสัมพันธ์กันให้แน่นแฟ้น”

“...” ผมนั่งกระพริบตาปริบ ๆ โห...พี่เมทผมเจอหน้ากันครั้งแรกชวนล่อเบียร์ซะแล้วหรือนี่

“เร็วดิว้าน้องเมท อย่านั่งนิ่งราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ลุก ๆ ตามมา” พูดจบพี่เมทหน้าโหดแต่ท่าทางใจดีของผมก็เดินนำหน้าออกไปนั่งแหมะลงโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าห้อง แต่ผมก็ไม่วายมองหา ‘แมว’ ต้นเสียงร้องที่ปลุกผมตื่นเมื่อตะกี้นี้

“เออ มะนาวเดินไปคอมฯพี่แล้วกดเล่นเพลงเมื่อกี้ใหม่อีกทีสิ อยากฟังตั้งแต่เริ่มเมื่อกี้เดินมาไม่ทันได้ฟัง”

ผมก็เดินไปคอมฯพี่เมทกดปุ่มเพล์ซ้ำใหม่อีกรอบ

เพลงก็ดังขึ้น


คืนแห่งความตาย       ช่างดูเยือกเย็น
คืนแห่งการฝันร้าย        ฟ้าเป็นสีดำ
บินผ่านคนตาย       บินผ่านซากศพ
บินผ่านเวียนวน      ตามกลิ่นเลือดคาว


โห...ชัดเจน เสียงแมวมาจากเพลงนี้นี่เอง โห...อีกรอบ เพลงหลอนมาก โคตรน่ากลัวเลย แล้วผมก็รีบเดินออกมาจากห้องมานั่งแหมะลงข้าง ๆ พี่เมท

“กินเบียร์ได้ป่ะเรา”

“ได้ครับ”

“ดี งั้นเอาไปขวดนึง เราพูดเพราะว่ะพี่ชอบ” พี่เมทใหม่หมาด ๆ ยกขวดเบียร์มาให้ผมหนึ่งขวด มืออีกข้างก็ยกขวดเบียร์เย็น ๆ ที่มีหยดน้ำเกาะอยู่รอบๆขวดกระดกเข้าปาก เสียงดัง อึก ๆ

“ขอบคุณครับ” ผมรับขวดเบียร์มาถือไว้มองหาแก้วมารินกินแต่ไม่มี สงสัยคงต้องยกกระดกทั้งขวดแบบพี่เมท

“ชน ๆ น้องเมท” คงเห็นว่าผมไม่ดื่มสักที พี่มีนเลยเอาขวดเบียร์ของพี่แกมาแตะกับขวดเบียร์ผม เร่งให้ผมยกดื่ม

“กินเบียร์ในหอพักได้หรอพี่”

“ได้ ถ้าที่ปรีกษาหอไม่รู้”

“อ้าว งั้นจับได้ก็ซวยดิ”

“อ้าว ก็อย่าให้จับได้สิครับ ถ้าไม่อยากซวย” ผมได้พี่เมทพูดจากวนนิ้วสั้น ๆ มากครับ แต่ดีผมชอบ

“แล้วเราเจอเพื่อนเมทอีกคนยัง”

“ยังครับพี่”

“นั่นไง เดินมาโน่นแล้ว” ผมมองตามที่พี่มีนบอก ‘ผมเชื่อแล้วว่าโลกกลมจริงๆ’ เพราะผมเพิ่งเจอเธอคนนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเอง เรื่องมันมีอยู่ว่าระหว่างที่ผมกึ่งหลับกึ่งตื่น เปลือกตาบนพยายามประกบกับเปลือกตาล่าง นั่งฟังเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยพูดอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นให้กับนักศึกษาใหม่ฟัง จู่ ๆ เก้าอี้ถัดจากที่ผมนั่งอยู่หนึ่งแถวก็สั่นกุกกัก จากนั้นก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือของนักศึกษาเพศชายคนหนึ่งดังขึ้น ตัวกลม ๆ อ้วน ๆ ผิวขาว ๆ ตาโต ๆ มีแมลงหรืออะไรสักอย่างเข้าตาเธอ น้ำตาเธอไหลออกมาไม่หยุด แถมยังบ่นว่าปวดตาอีกด้วย ผมที่นั่งอยู่ด้านหลังเก้าอี้ของเธอนึกไม่ออกว่าจะช่วยเหลือเธออย่างไรได้บ้าง ในที่สุดผมก็นึกขึ้นได้จึงส่งยาพาราเซตามอลที่แม่ผมเพิ่งให้มากับเธอเพราะหลังจากกินข้าวเที่ยงผมรู้สึกปวดหัว

“เธอเอายาแก้พาราไปเราไปกินก็ได้”

“เอ่อ..ขอบใจนะ” เธอรับยาไปทั้งน้ำตา ตาโต ๆ ของเธอมองตาผมปริบ ๆ สงสัยคงซึ้งในความใจดีของผม แต่เหมือนเธอยังจะปวดตาอยู่เพราะเธอลุกจากเก้าอี้เดินไปหาเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลความเรียบร้อยอยู่บริเวณทางเดินแถวนั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาเธอเดินออกไป แต่ผมมาคิดดูอีกทีผมไม่น่ายื่นยาพาราฯให้เธอ เพราะมันน่าจะเป็นยาล้างตาหรือยาอย่างอื่นมากกว่ายาพาราฯหรือเปล่า?

 “หวัดดี เป็นไงบ้างตาหายดียัง” ผมส่งเสียงร้องทักทายให้กับเพื่อนเมทใหม่หมาด ๆ ที่กำลังเดินตัวกลมเข้ามาหาพวกผมที่นั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าห้องจะว่าไปนอกจากตาเธอจะโตแล้วตัวเธอก็ดูกลม ๆ อ้วน ๆ น่ารักดีนะผมว่า

“หายแล้ว ตอนนี้ก็แค่เคืองตานิดหน่อย” เพื่อนเมทใหม่ผมตอบกลับด้วยท่าทางเป็นมิตร

“ออยด์นี่มะนาว หนึ่งในสมาชิกห้อง 7712” พอเพื่อนเมทใหม่เดินมานั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนพี่มีนรีบแนะนำตัวให้พวกผมรู้จักกันอย่างเป็นทางการ พร้อมกับยกขวดเบียร์อีกขวดส่งให้ออยด์ คุยกันสักพักผมก็รู้สึกสนิทกับสองคนนี้ราวกับรู้จักมาเป็นสิบ ๆ ปี หรืออาจจะเป็นเพราะต่างคนก็ต่างเปิดใจให้อีกคนสามารถเข้ามาในพื้นที่ของตัวเองได้ ระหว่างนั่งคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้พี่เมทผมก็หันมาชวนพวกผมไปดิ้น

“น้องเมททั้งสองรบกวนอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดไปรเวทให้เรียบร้อยเดี่ยววันนี้พี่เมทจะพาไปดิ้น” ผมกับออยด์หันมามองหน้ากัน ผมว่าออยด์ก็คงคิดเหมือนผม แค่คืนแรกของการเป็นนักศึกษาของผมเริ่มต้นด้วยการ ‘กรึ๊บ’ ต่อด้วยการ ‘ดิ้น’ ชีวิตในมหาวิทยาลัยของผมคงต้องสนุกมากแน่ ๆ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ สมาชิกห้อง 7712 ก็พร้อมแล้วสำหรับการออกท่องราตรีเมืองโคราช  พี่มีนพาพวกผมมาเที่ยวในผับตัวเมือง งานนี้ไม่ต้องจ่ายเพราะเป็นการฉลองรับน้องเมทและการฉลองเป็นพี่เปอร์ของพี่เมทผมด้วย อันหลังเพื่อนพี่มีนเป็นคนเลี้ยงปลอบใจเฮียแก

กำลังดิ้นมันส์ ๆ โทรศัพท์ผมก็สั่น แต่ไม่สนใจ เมาแล้วมันส์ไม่อยากรับ ดิ้นต่อ แนะ! ยังสั่นไม่หยุด ผมล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กำลังโทรเข้า ‘มะตูม’  น้องผมโทรมา

ผมขอตัวออกมารับโทรศัพท์โซนนั่งชิลล์ด้านหน้าร้าน นั่งคุยบนรั้วสูงเท่าเอวติดกับถนน น้องผมก็ชวนคุยโน่นคุยนี่เรื่อยเปื่อย สักพักก็มีคนเดินมาสะกิดด้านหลัง

“น้องครับโทษนะ พี่ขอแลกร้องเท้าหน่อย”

“ไอ้กันไม่ต้อง! กูบอกกูไม่เข้าแล้วแม่ง ร้านเรื่องมาก”

“ไอ้โอม มึงใจเย็นดีว้า เดี่ยวกูแลกร้องเท้ากับน้องคนนี้ให้” หันหลังกลับไปตามต้นเสียงผมก็เห็นพี่ผู้ชายท่าทางใจดีแต่งตัวตามสมัยนิยมยืนส่งยิ้มให้ ข้างเขามีผู้ชายอีกคนจัดว่าหน้าตาดี ตัวสูงหนา ผิวเข้ม ตัดผมทรงสกินเฮดดูเป็นผู้ชายดิบ ๆ ท่าทางกำลังหงุดหงิดเต็มที่ราวกับถูกบังคับให้มาด้วย พอเห็นผมหันกลับมาพี่หน้าเข้มก็หยุดพูดแต่ใช้สายตาเหล่มองมาทางผมที่นั่งอยู่ด้านในรั้วของร้าน

“รองเท้า?” ผมทวนคำถามกลับไปแบบงง ๆ คงเห็นผมมีท่าทีลังเลพี่ผู้ชายคนเดิมก็พูดย้ำขึ้นมาอีกรอบ

“ครับรองเท้าแต่ไม่ได้แลกน้อง ขอยืม ๆ พอดีเพื่อนพี่มันใส่รองเท้าแตะมา แล้วร้านมันเรื่องมากไม่ให้เข้า” พี่ผู้ชายท่าทางใจดีคนเดิมพยายามอธิบายเพิ่มเติมเพื่อหว่านล้อมให้ผมยอมแลกร้องเท้า แบบนี้ก็มีด้วย ขอแลกรองเท้าหน้าผับ ผมมองสำรวจการแต่งตัวของพี่หน้าเข้มใส่แค่เสื้อยืด กับกางเกงยีนส์ แต่ดูรวม ๆ กลับดูเซอร์ ๆ เท่ ๆ ด้านล่างดันสวมรองเท้าแตะแบบหูคีบมา อ้าว...หันไปมองอีกทีพี่หน้าเข้มดันถอดรองเท้าแตะยกขึ้นมาเตรียมแลกรองเท้าแล้วเรียบร้อย สุดท้ายผมก็จำใจถอดรองเท้าออกแล้วยื่นข้ามรั้วแลกกับรองเท้าแตะของพี่หน้าเข้มที่ถือรออยู่

“ไอ้โอมมึงใส่ได้ไหมว่ะ กูว่าเหมือนจะเล็กไปไซส์นึงนะ” พี่ท่าทางใจดีพูดเตือนเพื่อนระหว่างที่พี่หน้าเข้มพยายามใช้เท้ายัดเข้าไปในรองเท้าผม ด้านหน้าใส่ได้พอดีแต่เหมือนส่วนส้นเท้าจะยาวเกินออกมาคงเหลืออีกประมาณสองนิ้วได้ถึงจะใส่ได้พอดี พี่หน้าเข้มหันมามองหน้าผมหน่อยนึงก่อนจะพูดว่า

“ขอเหยียบส้นหน่อยนะ”

“เชี่ยโอม ใส่ไม่ได้ก็อย่ายัดเดี่ยวกูไปยืมคนอื่นให้ รองเท้าน้องเค้าพังหมด”

ผมผงกหัวรับคำเป็นเชิงอนุญาต พอพี่เข้มใส่ร้องเท้าผ้าใบของผมเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินเข้ามาในร้าน จนเดินมาถึงผมพี่หน้าเข้มก็ถอดรองเท้าคืนให้แลกกับร้องเท้าแตะคู่ใหญ่ที่ผมใส่อยู่

“ขอบใจว่ะ มึงชื่ออะไร?”

ยังไม่ทันที่ผมจะตอบคำถามพี่มีนก็โทรศัพท์มาตามผมพอดิบพอดีสงสัยคงเป็นห่วงเพราะผมก็ออกมานานแล้ว เห็นว่าเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ผมก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมารับสายแล้วก็ขอตัวเดินกลับเข้ามาในร้านเลย

หลังจากที่ดื่มสาบานเป็นพี่น้องกันจนเมากึ่มเต็มที่แล้ว จนใกล้ถึงเวลาร้านปิดพี่มีนก็ชวนมะนาวกับแม่หมูเดินออกมาจากร้านเหล้า ระหว่างที่รอให้เพื่อนพี่มีนวนรถกลับมารับ จมูกของพี่มีนก็ได้กลิ่นเมนูโปรดลอยโชยตามลมมา

“ได้กลิ่นแล้วหิวเลย......” พี่มีนยื่นจมูกเชิดขึ้นในอากาศพยายามสูดกลิ่นที่ชวนให้กระเพาะขับน้ำย่อย พอสูดกลิ่นจนพอใจ สายตาก็พยายามสอดส่ายหาเป้าหมายจนเจอ ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ตรงเข้าไปหาเป้าหมายอย่างย่ามใจ สั่งเอาเฉพาะส่วนหนวด คนขายรับคำก็หยิบหนวดปลากหมึกออกมาจากถุง เทใส่ตะแกรงเหล็ก พลิกกลับตะแกรงเหล็กไปมาอยู่ 4-5 ที จนแน่ใจว่าสุกดีก็เทใส่ถุงกระดาษยื่นให้พี่มีน พอได้ของที่ต้องการเขาก็รีบเดินกลับมาหาน้องเมททั้งสองคนที่ยืนโงนเงนรออยู่

“น้องเมทกินหนวดปลาหมึกย่าง” พี่มีนยื่นถุงกระดาษห่อปลาหมึกย่างร้อน ๆ ให้กับน้องเมททั้งสอง

“พี่มีนชอบกินหนวดปลาหมึกหรอคะ”

“คะ น้องเมท”

“แล้วมันจะไม่เหม็นรถเพื่อนพี่หรอครับ”

“เออ...พี่เมทลืมคิดถึงเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย สงสัยเราคงต้องรีบทำลายหลักฐานกันอย่างเร่งด่วน” พี่มีนทำท่านึกตามปากก็เคี้ยวหนวดปลาหมึกกินกร้วม ๆ จนเต็มกระพุ้งแก้มมีน้องเมทตัวกลมกับผมช่วยกินอีกแรงในที่สุดหนวดปลาหมึกที่ซื้อมาทั้งหมดก็อันตรธานหายไป ไม่เหลือแม้เศษซาก เพราะพี่มีนเล่นเทเศษปลาหมึกที่ติดอยู่ก้นถุงออกมาจนหมด

“ฮัลโหล ว่าไงว่ะ อ่อ เดี่ยวแฟนมันจะออกมาขับรถให้หรอว่ะ เออ ๆ ไม่เป็นไร ให้พวกกูรอเป็นเพื่อนไหม พวกกูกลับได้ เดี่ยวโบกแท็กซี่กลับ ไม่ต้องให้แฟนมันขับแหละดีแล้ว กูก็ไม่อยากให้มันขับเท่าไหร่ เผื่อเจอด่านตรวจ เออ ๆ แค่นี้” พี่มีนคุยโทรศัพท์เสร็จก็หันมาบอกพวกผมว่าคงต้องนั่งแท็กซี่กลับเพราะเพื่อนที่ขับรถมาเมามากแฟนไม่อยากให้ขับกลับ โบกแท็กซี่เสร็จ พวกผมก็พาร่างกายที่อัดแน่นด้วยแอลกอฮอล์ขึ้นมานั่งในรถ พี่มีนนั่งหน้า ส่วนผมสองคนนั่งหลัง รถแท็กซี่ขับออกมาได้นิดเดียว คนขับก็ชวนคุย

“รบกวนปิดปากถุงปลาหมึกให้หน่อยนะครับ” พูดยังไม่ทันจบประโยคดีแท็กซี่ก็กดปุ่มเลื่อนเปิดกระจกรถด้านหน้าฝั่งที่มีนกำลังนั่งอยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ปลาหมึกแห้งมันไม่มีตัวตนอยู่จริงอีกแล้ว แต่ที่ยังสัมผัสได้เป็นเพียงแค่วิญญาณที่ลอยตลบอบอวลอยู่ในรถแท็กซี่เท่านั้นเอง

พี่มีนหันไปผงกหัวเพื่อตอบรับ ตาเหลือบมามองน้องเมทสองคนที่นั่งกึ่มด้วยฤทธิแอลกอฮอลอยู่ด้านหลัง

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา สมาชิกห้อง 7712 ปิดปากของตัวเองเงียบสนิทไปตลอดเส้นทางจนถึงหอพักของพวกเขา

มันจะปิดปากถุงปลาหมึกได้ไงเล่า ในเมื่อมันอยู่ในปากพวกผมหมดแล้ว

__________________________________________________________________________________TBC


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ตอนหน้าคาดว่าจะจบแล้ว

แต่อาจจะนานนิดนึงนะคะ เพราะช่วงนี้ว่างแค่เสาร์ไม่ก็อาทิตย์

ใครมีอะไรสงสัยในประเด็นไหน ตอนไหน หรืออยากติก็จัดหนักได้เต็มที่เลยคะ รวมถึงถ้ามีคำถามอะไรก็ฝากคำถามไว้ได้เลยนะคะ


รักทุกคนเหมือนเดิม จุ๊บๆ ขอกอดที  :oo1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2014 00:29:24 โดย ryoushena »

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :z13: จิ้มมมมมมมมมมมมมมมมม

น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

กำลังจะนอน (อีกแล้ว)อัพพอดีเลย ตอนนี้เหมือนเฉลยอะไรเยอะเลย สรุปว่าlove @ first sightหมดทุกคนเลยรึเปล่าคะ555555555

ขอบคุณนะคะคุณryoushena :กอด1:



ป.ล.อยากให้รวมเล่มมากๆเลยค่ะ o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2013 00:04:58 โดย Starry[Blue] »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
จะจบแล้วเหรอ เร็วจัง

 :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
คืนแรกก็เมากันซะแล้ว
ว่าแต่กร๊าฟเจอมะนาวเป็นคนแรกเหรอเนี้ยะ ต่อมาถึงเป็นพี่โอม
ส่วนเฮียจิ้นตกหลุมรักมะตูม แต่ไม่รู้ว่าเป็นฝาแฝดกัน
 :laugh:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
กร๊ากก
คิดว่าตัวละครแต่ละตัวเจอกันตั้งแต่วันแรกเลยนะ อิอิ

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อย่าบอกนะว่าจริงๆแล้วพี่จิ้นชอบมะตูมแต่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นมะนาว

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
พี่จิ้นชอบมะตูมนี่เอง

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
จิ้นเข้าใจว่ามะนาวเป็นมะตูมหรือเปล่า จิ้นมะตูมใช่ไหมนะนั่น แล้วกราฟกับโอมชอบมะนาวสินะนั่น แล้วยังไงกันนะเนี่ย

ออฟไลน์ na_near

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
พี่จิ้นก้คู่มะตูมไปเรียบร้อยย

แล้วพี่โอมล่าาา ทำยังไงงงงงง

ออฟไลน์ AdLy

  • ไม่ได้ Korea Fever แค่รัก ดงบังและเอสเจ เท่านั้น
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
พี่จิ้นไม่เดียวดายแล้ว พาเนื้อคู่ที่แท้จริงไปเมามาแล้วซะด้วยนะนี่

รักแรกพบกันทั้งนั้นเลยนะ มะนาวต้องโคตรน่ารักแน่นอนเลย

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
พรหมลิขิตจริงๆกราฟกับมะนาว :impress2:
แต่มะนาวเอ๋อจริงๆด้วย เจอคนหล่อตั้งนานแล้ว แต่กลับจำไม่ได้ว่าไปสร้างความประทับใจใหเค้าตั้งแต่เมื่ิอไหร่ :z3:
ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอคะ ยังไม่อยากให้จบเลย :monkeysad:

ออฟไลน์ BitterSweet~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 788
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
ยังไม่อยากให้จบอ่ะ
มะนาวน่ารักมากก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด