▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」  (อ่าน 270166 ครั้ง)

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25

               เช้าวันเสาร์ที่นัดหมายกันว่าจะไปไหว้หลุมศพพ่อแม่ของธรณ์ ธรณ์ก็ต้องตื่นมารับรู้ว่าคุณสงครามติดธุระกะทันหัน ตอนแรกธรณ์ก็ว่าจะเลื่อนออกไปก่อน แต่คุณสงครามก็บอกให้ไปเลย เขาจึงมากับเขตแดนเพียงสองคน โดยที่เขตแดนเป็นคนขับรถคันโปรดของเขา เพราะรู้ดีว่าเจ้าของรถคงขับไปไม่ถูกแน่

               ธรณ์ลอบมองเสี้ยวหน้าด้านของของคนขับรถกิตติมศักดิ์ ก่อนจะต้องยอมรับกับตัวเองว่าเขตแดนเป็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่ง จะเรียกว่าหล่อจัดก็ยังได้ แต่น่าแปลก ที่เขากลับไม่เห็นว่าเขตแดนจะมีคนรัก ทั้งที่อายุอานามของอีกฝ่ายก็จะเข้าเลขสามอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น ก็คงเรียกไว้ถึงวัยที่ควรจะมีครอบครัวได้แล้วด้วยซ้ำ เขามองอีกฝ่ายเพลิน มารู้ตัวก็ตอนที่เขตแดนเอ่ยถามขึ้นมา

               “หน้าฉันมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า?”

               “เปล่า ผมแค่คิดว่าหน้าตาคุณก็ดีเหมือนกันนะ” ธรณ์เอ่ยก่อนจะถอนสายตาออกจากหน้าของอีกฝ่าย หันกลับมามองถนนตรงหน้าแทน

               “นั่นถือว่าเป็นคำชมหรือเปล่า?”

               “แล้วแต่คุณจะคิดละกัน ว่าแต่...คุณไม่มีคนรักหรือแฟนอะไรทำนองนี้บ้างเหรอ”

               “แล้วนายมี?”

               การคุยกับเขตแดนก็เป็นการฝึกความอดทนอย่างหนึ่งสำหรับธรณ์ มันเหมือนมวยที่ผลัดกันรุกผลัดกันรับ โดยที่ไม่มีใครยอมใคร ขึ้นอยู่กับว่าใครจะพลาดพลั้งก่อน คราวก่อนธรณ์อาจจะได้เปรียบ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน ว่าคราวนี้เขาจะไม่เสียเปรียบ ในเมื่อทุกคำถามที่เขาถามเขตแดน นอกจากจะไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เขายังได้รับคำถามกลับมาแทนอีกต่างหาก

               “ถึงผมจะไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ผมก็ไม่เคยขาดคนข้างกายเหมือนคุณหรอก”

               “อ้อ...นี่คือคำพูดของพวกเพลย์บอยสินะ” เขตแดนเอ่ยคล้ายจะรับรู้ แต่สุ้มเสียงไม่ได้บอกว่าชอบใจกับคำพูดของธรณ์เลยซักนิด

               “คุณก็รู้ดีว่าที่ผ่านมาผมเป็นยังไง”

               “แล้วมันคือความต้องการของนายหรือ นายมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ใช่ไหม”

               ธรณ์นิ่งเงียบเหมือนอับจนด้วยถ้อยคำ เขาปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า สิ่งที่เขาทำอยู่มันก็แค่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว แม้ครั้งแรกที่มันจะให้ความรู้สึกดี กับการที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของของใครซักคน ได้เป็นคนสำคัญของใครซักคน และถูกเรียกหาด้วยความต้องการ แต่สิ่งเหล่านั้นมันก็ไม่ได้ยั่งยืน เพราะธรณ์ไม่เคยคิดที่จะผูกมัดตัวเองกับใคร

               เหตุผลหนึ่งของธรณ์ ก็ทำลงไปเพียงเพื่อประชดผู้เป็นพ่อ เขาเคยคิดว่า...ถ้าเขาทำตัวเหลวแหลกมากเข้า พ่ออาจจะบินมาหา หรืออาจจะเรียกเขากลับไป แต่ไม่มีทั้งสองอย่าง และในเมื่อผู้เป็นพ่อไม่สนใจไยดี ธรณ์ อิสรพัฒน์ในวัยคะนอง ที่ต่อต้านผู้เป็นพ่อเต็มที่ จึงปฏิเสธการเดินทางกลับมาร่วมงานศพของคุณธีรยุทธ ไม่ว่าคุณสงครามจะขอร้องซักเท่าไหร่ก็ตาม เขาจำได้ดีว่า เขาบอกกับคุณสงครามไปว่า...


               ‘เขาบอกผมเองว่า ไม่ต้องกลับมา ตราบใดที่ยังเรียนไม่จบ เพราะฉะนั้นผมก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกลับไป ที่เหลือลุงครามก็จัดการตามที่เห็นสมควรเถอะครับ’


               และอีกเหตุผลหนึ่งที่ธรณ์รู้ดี ว่ามันซุกซ่อนอยู่ในใจมาเนิ่นนาน ความอ่อนแอที่เขาไม่มีวันยอมให้ใครได้รับรู้เด็ดขาด เด็กผู้ชายเอเชียที่ต้องมาใช้ชีวิตตามลำพัง ในโรงเรียนประจำที่อังกฤษ ต่างบ้าน ต่างภาษา กี่ครั้งที่อ่อนล้า แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางให้เดินกลับไป ได้แต่ก้าวเดินไปข้างหน้า ช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้น มีเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างธรณ์เสมอมา...ชินดนัย จิรวงศ์

====================

               ธรณ์ยืนอยู่หน้าหลุมศพของคุณอัจฉรา ผู้เป็นแม่ เขาวางดอกไม้ลงหน้าหลุมศพ ภาพของแม่ที่ธรณ์จำได้ คือผู้หญิงที่สวยงามอยู่เสมอ แม้จะอ่อนแอ แม้จะป่วยกระเสาะกระแสะ แต่แม่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ตลอด เขาได้แต่พร่ำบอกรักแม่ซ้ำไปซ้ำมา ไม่รู้ว่าแม่จะได้ยินหรือไม่ แต่เขามั่นใจ...แม่รู้ว่าเขารักแม่มากแค่ไหน

               เขตแดนยืนรอธรณ์อย่างอดทน จนเห็นอีกฝ่ายผละออกจากหลุมศพคุณอัจฉรา และเดินมาหยุดอยู่ที่หลุมศพคุณธีรยุทธที่อยู่ข้างกัน


               ‘แกจะทำให้ฉันอับอายไปถึงไหน หัดเอาอย่างเขตต์เขาเสียมั่ง’

               ‘ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากมาคอยดูแลเอาใจใส่แกนะ อย่าทำตัวให้เป็นภาระมากนักได้ไหม’



               ธรณ์หลับตาลง เหมือนอยากจะขับไล่ภาพความทรงจำในวันวาน ที่ไม่ว่าพยายามสลัดเท่าไหร่ ก็เหมือนกับหนีไม่พ้นอยู่ร่ำไป ทั้งที่คิดว่าจะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง แต่พอมายืนอยู่หน้าหลุมศพของผู้เป็นพ่อ ธรณ์ก็แทบจะล้มเลิกความตั้งใจ

               “อายุทธตายไปแล้ว ท่านไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เหลือแต่นายนั่นแหล่ะ...จะทำร้ายตัวเองอีกนานแค่ไหนกัน” เสียงทุ้มเอ่ยแทรกความเงียบ พร้อมกับฝ่ามือที่แตะลงบนบ่าของธรณ์แผ่วเบา

               ธรณ์อยากจะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำร้ายตัวเอง แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก ชายหนุ่มก้มลงมองช่อดอกไม้ในมือ ก่อนจะวางลงหน้าหลุมศพ

               “ผมจะทำให้คุณเสียใจ ที่เลือกเขตแดนแทนที่จะเป็นผม” ธรณ์กระซิบเสียงเบา แต่ทุกคำพูดก็ไม่อาจเล็ดลอดไปจากการได้ยินของเขตแดน

               “ฉันเองก็รออยู่”

               ใช่! เขตแดนเองก็รอวันที่ธรณ์จะผลักดันตัวเองขึ้นมาอยู่เหนือเขา เพื่อที่ธรณ์ อิสรพัฒน์จะได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอย่างเต็มภาคภูมิ ปราศจากคำครหา ไม่ว่าจะต้องใช้แรงกดดันหรือแรงผลักดัน เขตแดนก็จะทำ เพราะนี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขามั่นใจว่า คุณธีรยุทธเองก็รอคอยที่จะได้เห็นเช่นกัน

====================

               พอออกมาจากสุสาน เขตแดนก็รับหน้าที่ขับรถกลับตามเดิม เขาปล่อยให้ธรณ์นั่งครุ่นคิดอะไรตามลำพัง แต่ก็ลอบมองอีกฝ่ายเป็นระยะ ธรณ์นั่งนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเส้นทางเปลี่ยนไป เขาหันมามองคนขับ แต่เขตแดนก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอธิบายอะไรให้ผู้ร่วมทางได้รับรู้ซักนิด จนธรณ์อดรนทนไม่ได้ ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมาเอง

               “คุณจะพาผมไปไหน”

               “พาไปเปิดหูเปิดตา”

               ธรณ์เบิกตากว้างเล็กน้อยกับคำว่าเปิดหูเปิดตาของเขตแดน พอดีกับที่คนขับเลี้ยวรถเข้ามาในเขตวัดพอดี อย่าบอกนะว่า...เขตแดนจะพาเขาเข้าวัด

               เขตแดนจอดรถตรงมุมหนึ่งของวัด ที่ค่อนข้างร่มรื่น โชคดีที่คนไม่เยอะ แม้จะเป็นวันเสาร์ก็ตาม เขาดับเครื่องและรอให้ธรณ์ก้าวลงมา ก่อนจะเดินนำ เห็นท่าทางงุนงงปนสงสัยของธรณ์แล้ว เขตแดนก็เผลอคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว มั่นใจว่าคนอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์ย่อมไม่เคยมาแน่นอน

               “ตลาดน้ำ!!” ธรณ์เผลอลืมตัว หลุดเสียงอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

               เขตแดนมองกิริยาดีใจของธรณ์แล้วก็ต้องอมยิ้ม ธรณ์ไม่เคยมาตลาดน้ำอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะอยู่ที่ประเทศไทยถึงอายุสิบห้า แต่คุณธีรยุทธก็ยุ่งตลอด จนไม่มีเวลาพาลูกชายคนเดียวไปไหน ส่วนคุณอัจฉราก็นอนซม แทบไมได้ไปไหนไกลกว่ารั้วคฤหาสน์อิสรพัฒน์เสียด้วยซ้ำ

               “มาเดินกับฉันนี่ เดี๋ยวก็หลงหรอก” เขตแดนอดไม่ได้ที่จะต้องเอ็ดคนที่ทำท่าจะเดินนำหน้าเขา

               ธรณ์หันมา ทำหน้าคล้ายไม่พอใจ แต่ก็ยอมเดินตามหลังเขตแดน ผู้คนเดินเบียดเสียดกันให้ขวักไขว่ ของที่ขายส่วนมากก็เป็นของกิน ทั้งของคาวของหวาน ผลไม้ก็มี ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกใหม่ จนธรณ์เผลอมองซ้ายมองขวาอย่างลืมตัว

               เขตแดนยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่รู้หรอกว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีหรือเปล่า สำหรับการพยายามลดเกราะกำบังของธรณ์ แต่ก็หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้สวย ท่าทางตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบข้าง พลอยทำให้เขตแดนอดนึกถึงเด็กชายธรณ์ในอดีต ที่เอาแต่วิ่งตามร้องเรียกหาเขาไม่ได้

               เขาไม่ได้วาดหวังให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนในวันวาน หวังเพียงแค่ว่า...ให้มันดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน...ก็แค่นั้น

               “อยากกินเหรอ” เขตแดนถามคนที่ชะโงกหน้าดูแม่ค้าทำขนมไทยอย่างสนใจ

               “มันกินได้ด้วยเหรอ” ธรณ์มองจ่ามงกุฎไม่วางตา ขณะที่ตอบเขตแดน สายตาก็ยังจดจ้องอยู่ที่ขนมไทยบนแผง ซึ่งมีหลากหลาย ทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ทองเอก และจ่ามงกุฎ

               “ทำไมถึงจะกินไม่ได้ล่ะ” เขตแดนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

               “ก็...มันดูสวยเกินไป”

               เขตแดนอยากจะหัวเราะออกมากับคำตอบของอีกฝ่าย แต่พอเห็นธรณ์มองมา เขาก็เลยนิ่งเสีย หันไปสั่งแม่ค้าให้เอาจ่ามงกุฎมาหนึ่งกล่อง และไม่ต้องใส่ถุงหิ้ว เพราะเขาจะรับประทานเลย

               “กินไหม?...” เขตแดนเอ่ยถามธรณ์ พอเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ เขาก็ไหวไหล่ แล้วหยิบจ่ามงกุฎส่งเข้าปาก

               “เป็นยังไงบ้าง”

               “เอ้า...เอาไปลองชิมแล้วก็ถือเอาไว้เลย”

               เขตแดนยัดเยียดกล่องขนมจ่ามงกุฎให้ธรณ์รับไปถือไว้ พอเห็นธรณ์หยิบขนมส่งเข้าปาก เขาเลยไม่ได้สนใจอะไรอีก พอหันมาอีกที ก็เห็นเจ้าตัวถือแต่กล่องเปล่าเสียแล้ว แน่นอนว่ามันคงไม่ได้หกไประหว่างทางแน่ หรือถ้าจะหก...ก็คงจะหกใส่ท้องของธรณ์ อิสรพัฒน์น่ะสิ

               นอกจากขนมไทยหลายอย่างที่ธรณ์เลือกซื้อหา จนเขตแดนต้องปรามให้หยุด เพราะเดี๋ยวมันจะเสียก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้จัดการจนหมด ธรณ์ยังซื้อผลไม้ แม้ว่าเจ้าตัวจะเลือกผลไม้ไม่เป็นเลยซักนิด ลำบากเขตแดนที่ต้องรับหน้าที่เป็นคนเลือกอีก

               กว่าจะยอมเลิกรา และเดินกลับมาที่รถ สองมือของเขตแดนและธรณ์ก็เต็มไปด้วยถุงหิ้วพะรุงพะรัง ทั้งขนมหวาน ผลไม้ และอาหารคาวจำพวกหมูแดดเดียว โดยไม่ได้รู้ตัว ธรณ์ก็หันมายิ้มและหัวเราะกับเขตแดนด้วยท่าทางสนุกสนาน

               “พ่อค้าร้านนั้นใจดีมากเลย ให้ผมชิมหมูแดดเดียวใหญ่เลย ผมว่าจะซื้อขีดเดียว แต่เกรงใจ...”

               “นายก็เลยเหมามาครึ่งกิโล มีหวังป้าอุ่นได้ทอดให้นายกินทุกเช้าแน่” เขตแดนต่อให้ ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างระอา

               ธรณ์หัวเราะเสียงแห้ง แต่ไม่ได้มีท่าทางสลดแม้แต่น้อย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าคนอย่างธรณ์ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ท่าทางเจ้าตัวดูสนุกสนานกับการเดินตลาดน้ำมาก

               “แล้วคุณซื้อผลไม้เยอะแยะนี่กินหมดด้วยเหรอ”

               “ฉันจะแบ่งให้ป้าอุ่นกับเด็กที่บ้านด้วย ไม่ได้กินเองคนเดียว”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะตกใจอีกรอบ ตอนที่เขตแดนเปิดท้ายรถ แล้วเขาสองคนช่วยกันลำเลียงของลงวาง เพราะของที่วางกองกันมันเยอะกว่าที่ธรณ์คิดเสียอีก เขตแดนเห็นท่าทางอีกฝ่าย เลยต้องรีบดักคอไว้เสียก่อน

               “ห้ามกินทิ้งกินขว้าง ซื้อมาแล้วต้องรับผิดชอบ กินให้หมด”

               พอขึ้นรถมา เขตแดนก็ตกลงกับธรณ์ว่าจะกลับกันเลย เพราะกว่าพวกเขาจะออกจากตลาดน้ำก็เย็นแล้ว คงไม่ต้องแวะที่ไหนอีก

               “ตอนผมซื้อของ เห็นป้าคนขายเขาบอกว่า นอกจากที่นี่ยังมีตลาดน้ำที่อื่นอีก”

               “อืม...ถ้าอยากไป เดี๋ยววันหลังจะพาไป”

               ธรณ์เผลอหันมามองเขตแดนตาวาว อย่างไรเสียเขาก็เป็นแค่ชายหนุ่มอายุยี่สิบสอง แม้จะทำตัวเจนจัดมากเพียงไร ก็ต้องมีบางเวลาที่เผลอหลุดตัวตนของตัวเองออกมาบ้าง และยิ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่ มีหรือที่ธรณ์ อิสรพัฒน์จะไม่ชอบ

               “มีอีกเรื่อง...”

               “ครับ?”

               “อีกสองอาทิตย์จะมีงานเลี้ยงต้อนรับที่นายกลับมา และถือเป็นการเปิดตัวด้วย จะมีพวกคู่ค้าและแขกคนสำคัญมาร่วมงานกันหลายคน ระหว่างนี้ก็ช่วยแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์หน่อยละกัน เพราะนายคือว่าที่ประธานบริษัทคนต่อไป”


TO BE CONTINUE


๐ มาต่ออีกตอนแล้วค่ะ มีตรงไหนไม่สมจริงหรือไม่สมเหตุสมผลบอกได้นะคะ จะได้นำไปปรับปรุง
๐ เหมือนความสัมพันธ์จะเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ธรณ์เองก็ดูรับเรื่องการตายของพ่อได้...ง่ายเกินไป...หรือเปล่า?
๐ เราผูกเรื่องยังไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ มีตรงไหนผิดพลาด ก็ขออภัยด้วยนะคะ
๐ ขอบคุณทุกความคิดเห็น ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ พบกันตอนหน้าค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ NannY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +125/-1
คุณเขตเอาเรื่องเที่ยวมาหลอกล่อนะเนี่ย หุหุ

It_s_me

  • บุคคลทั่วไป
เย้ ช่วงนี้มาต่อเร็วดีจัง ดีใจมาก :)
เราชอบความสัมพันธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปของทั้งคู่นะ
ได้เห็นการพัฒนาหลายๆอย่างไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
แถมน้องธรณ์เองก็แอบลามก เห็นภาพซ้อนทับของชินเป็นพี่เขตในเวลาที่...ซะงั้น 555
เริ่มมองเห็นละอองสีชมพูบางๆละ หวังว่าชินจะไม่คิดอะไรเกินเลยกับธรณ์ซะก่อนล่ะ

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
เหมือนชินอยากจะบอกอะไร

การตายของพ่อธรณ์คงมีสาเหตุมากกว่านั้น

ออฟไลน์ sujusaranghae

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เย้ ได้อ่านต่อแล้ว ดีใจจัง
รออ่านต่อ เราว่าดำเนินเรื่องได้ดีแล้วน๊าา ไม่เร็วไปช้าไป
หลงรักทั้งธรณ์และเขต <3 รักคนเขียนที่สุด 555

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
คุณลุงเป็นกิ๊กกับคุณพ่อหรอคะ :z6: :z6: ไม่ใช่ล่ะ :m23: :m23:

ท่าทางการตายของคุณพ่อจะลึกลับน่าดูเนอะ ดูเครียดกันจัง

ออฟไลน์ coon_all

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
พ่อธรตายง่ายไปไหมเนี่ย
ลุงครามน่าจะปิดอะไรไว้อาจจะร้ายแรงกว่าที่บอกมา
ปล.น้องธรน่ารักถ้าน่ารักแบบนี้พี่เขตคงได้หลงมากขึ้นแน่ๆ

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
ตอนนี้ภูเขาอีกลูกคืออะไร อยากรู้มากกกกกกกกกกกกกก  :z3: :z3: :z3:

putiinez

  • บุคคลทั่วไป
ลุงครามยังมีอะไรนอกจากนั้นรึเปล่านะ เพราะเหมือนมันไม่ซับซ้อนอย่างที่คิดเลยแฮะ
เราชอบตอนนี้จัง ธรน่ารักอ่ะ พอเห็นคนที่ดูแข็งๆกับบางเรื่องมีมุมเด็กๆแสดงออกมาแล้วน่ารักดี
แต่ต่อจากนี้สิ จะมีปัญหาเรื่องการรับตำแหน่งของธรมั้ยนะ แล้วเขตจะไปทำอะไรต่อล่ะเนี่ย โอ้ยย

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
พ่อของธรณ์ กับลุงคราม มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอะไรกันหรือเปล่า

ออฟไลน์ twenty8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หรือจะคดีพลิกเป็นพ่อเขตต์เป็นคนบงการฆ่าพ่อธรณ์อะคะ?
แฮะๆสงสัยไปในแง่ลบแบบนี้แล้วอะ แต่มันน่าสงสัยอะเพราะชินแม่งยึกยักจริงๆอะ
ต้องมีอะไรไม่ดีแน่

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ขอบคุณมากค่ะ ยาวจุใจจริง ๆ
อยากรู้จังว่าชินสืบได้เรื่องอะไรที่ธรณ์ยังไม่รู้บ้าง

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
มุมอ่อนหวาน กรุบกริบๆ



 :z2:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
มีความลับอีกแล้ว ถ้าธรณ์รู้ความจริงทั้งหมดหวังว่าคงไม่โหดร้ายในความรู้สึกของธรณ์นะ

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
 :m8: :m8:โธ่เขตแดนเอาเรื่องนงานมาพูดตอนนี้ทำไมเนี้ย :z3:
 :pig4:

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25

“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 8


               ภายหลังจากที่เขตแดนระบุวันงานเลี้ยงต้อนรับธรณ์ อิสรพัฒน์แน่ชัด หน้าที่ความรับผิดชอบหลายอย่างก็ถูกส่งมาที่เวธน์ ซึ่งคนสนิทของเขตแดนก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่องจนธรณ์เองยังนึกทึ่งกับความสามารถของเวธน์ แม้กระทั่งข่าวซุบซิบที่พวกไฮโซนิยมติดตามบนหน้าหนังสือพิมพ์ ที่ปรากฏข่าวงานเลี้ยงของธรณ์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของเวธน์ทั้งสิ้น

               ...ซุ่มเก็บตัวอยู่นาน ธรณ์ อิสรพัฒน์ ทายาทคนเดียวของตระกูลอิสรพัฒน์ ว่าที่ผู้บริหารอิสระคอนสตรัคชั่น เตรียมจัดงานเปิดตัวยิ่งใหญ่สมเกียรติ จนสาวน้อยสาวใหญ่วิ่งวุ่นหาชุดไปงานกันแทบไม่ทัน...

               ส่วนเขตแดนเอง แม้ว่าจะมอบหมายหน้าที่ให้เวธน์เป็นคนคอยดูแลและจัดการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตระเตรียมสถานที่ การจัดการเรื่องอาหารสำหรับเลี้ยงแขก ตลอดจนเรื่องบัตรเชิญ แต่นักธุรกิจหนุ่มก็เป็นฝ่ายที่คอยกำกับอยู่เบื้องหลังอีกทีหนึ่ง ชนิดที่ว่า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ผ่านความเห็นชอบของผู้บริหารหนุ่มมาแล้วทั้งนั้น

               “อาหารจัดเป็นค็อกเทลนะ”

               “คุณเขตต์อยากได้ซุ้มอาหารเพิ่มหรือเปล่าครับ”

               “นายลองคำนวณกับจำนวนแขกดูแล้วกัน ว่าจำเป็นหรือเปล่า”

               “ครับ เดี๋ยวผมสรุปรายชื่อแขกที่จะเชิญมา แล้วจะรายงานคุณเขตต์อีกทีครับ”

               ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของงานนั่งฟังเจ้านายและลูกน้องปรึกษาหารือกัน โดยที่เขาไม่มีส่วนร่วมแม้แต่น้อย เพราะเรื่องการจัดงานเลี้ยง ธรณ์เองก็ไม่มีความถนัด เนื่องจากเขาเคยแต่เป็นแขกในงานเลี้ยง แต่ไม่เคยต้องเป็นฝ่ายมาจัดงานเลี้ยงเอง ส่วนแขกเหรื่อที่จะเชิญมา ใครเป็นใครบ้าง ธรณ์ก็ไม่รู้ รายชื่อเพื่อนที่เขาอยากจะเชิญมางานด้วย ยังมีไม่ถึงสิบคนดีเสียด้วยซ้ำ เพราะตัวธรณ์เองก็ไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เล็กแต่น้อย เพื่อนสนิทคนแรกที่พอจะนึกออก ก็คงมีแค่ชินดนัย

               แม้จะเป็นคนที่เกลียดงานสังคมมากแค่ไหน แต่เขตแดนก็คุ้นเคยกับงานสังคมอยู่ไม่น้อย เพราะผ่านมาหลายต่อหลายงาน แต่เขตแดนก็หมายมาดไว้ในใจว่า ภายหลังการเปิดตัวธรณ์ให้เป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจ เขาก็จะถอยฉากออกมา เปิดโอกาสให้ธรณ์ได้ไปปรากฏกายตามงานสังคมต่างๆแทน

               ธรณ์รอจนสองเจ้านายและลูกน้องหารือกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาบ้าง

               “ผมยังไม่มีชุดสูทสำหรับใส่ไปงาน”

               เขตแดนหันมามอง ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากชุดทำงานแล้ว เขตแดนเห็นเสื้อผ้าที่ธรณ์ขนกลับมาแต่ละชุด ก็กล้าพูดได้เลยว่าไม่สามารถใส่ออกงานได้ แต่ถ้าใส่ออกตระเวณราตรีอย่างที่อีกฝ่ายเคยทำเป็นกิจวัตรก็อีกเรื่องหนึ่ง

               “เดี๋ยวเย็นนี้ ฉันจะพาไป”

               “ไม่ต้องลำบากคุณหรอก ผมแค่บอกให้รู้ ความจริงเดี๋ยวผมไปเลือกดูของผมเองก็ได้” ธรณ์เอ่ยปฏิเสธ เพราะเขาไม่ใช่เด็กอนุบาล ที่จะต้องมีผู้ปกครองตามไปดูแลตอนเลือกชุดให้ แต่สำหรับเขตแดนแล้ว เมื่อเขาพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น

               “ไม่ลำบากอะไรหรอก ฉันจะได้มั่นใจด้วยว่า นายจะไม่ทำให้ฉันขายหน้า”

               พอเจอถ้อยคำปรามาสจากอีกฝ่าย คนที่หยิ่งทระนงอย่างธรณ์มีหรือจะยอมแพ้ เขาเลยรีบตอบตกลงทันที จนไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ตกลงไปไหนหลุมพรางของอีกฝ่าย อาจจะเป็นเขตแดนที่เป็นฝ่ายจับจุดธรณ์ถูก และขุดหลุมล่อให้ธรณ์ที่อ่อนประสบการณ์กว่าตกลงไปเองก็เป็นได้

====================

               เนื่องจากเวธน์ต้องไปติดต่อซุ้มอาหารและจัดการเรื่องบัตรเชิญตามที่เขตแดนอ้าง ช่วงเย็นหลังเลิกงาน เขตแดนจึงเป็นฝ่ายขับรถพาธรณ์มายังห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมือง เดิมทีเขตแดนก็อยากจะให้ธรณ์ไปที่ร้านตัดสูทประจำของเขามากกว่า แต่เนื่องจากเวลาที่กระชั้นชิด ถ้าขืนรอตัดสูท คงจะไม่ทันสำหรับงานเป็นแน่แท้ เขตแดนจึงต้องพาธรณ์มาเลือกซื้อสูทสำเร็จรูปแทน

               ร้านเสื้อผ้าแบรนด์อิตาลี ที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่แวดวงไฮโซผู้หลงใหลในแฟชั่น คือร้านที่ธรณ์เลือกที่จะเดินเข้า พอเข้ามาในร้าน เขตแดนก็เลี่ยงไปนั่งรออยู่ตรงโซฟา ที่จัดไว้สำหรับลูกค้า ปล่อยให้ธรณ์เดินดูแบบตามสบาย โดยมีพนักงานสาวคอยเดินประกบ และแนะนำสินค้าด้วยความคล่องแคล่ว

               “คุณลูกค้า ดูเป็นกระดุมหนึ่งเม็ดหรือสองเม็ดคะ”

               “คุณคิดว่ายังไงล่ะ?” ธรณ์หันไปถามเขตแดนที่มองมาพอดี เขตแดนเหลือบมองตัวอย่างชุดสูทสองแบบ ที่พนักงานกำลังถืออยู่ข้างละชุดก่อนจะออกความคิดเห็น

               “สองเม็ดดีกว่า เม็ดเดียวมันดูแฟชั่นมากไปหน่อย อย่าลืมว่านี่เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ”

               ธรณ์ไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้พนักงานเดินนำไปยังมุมที่แขวนชุดสูทกระดุมสองเม็ด แบบที่โชว์อยู่มีอยู่ไม่มากนัก ทำให้ชายหนุ่มไม่ต้องใช้เวลานานในการตัดสินใจ สุดท้าย ธรณ์ก็ได้ชุดสูทพอดีตัวสีดำ ที่ขับให้ชายหนุ่มดูภูมิฐานขึ้น

               ตอนที่ธรณ์เดินออกมาจากห้องลอง พนักงานสาวก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก เจ้าตัวก็เพียงแต่ยิ้มรับเล็กน้อย ส่วนเขตแดน แม้จะนั่งนิ่ง แต่ก็อดยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า ธรณ์ที่สวมชุดสูทผ้าวูลสีดำสนิท และทำทีมายืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงหน้าเขา...ดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว

               ไม่สิ!...ต้องบอกว่าดูดีมากต่างหาก ชุดสูทสีดำสนิทพอดีตัวช่วยขับเสน่ห์แบบบุรุษเพศของอีกฝ่ายให้เพิ่มขึ้น จนเขตแดนไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมผู้หญิงหลายต่อหลายคนถึงหลงใหลธรณ์

               “เป็นยังไงบ้าง ผมดูดี จนคุณถึงกับพูดไม่ออกเลยหรือ”

               “แล้วฉันเคยบอกว่านายดูไม่ดีด้วยหรือ”

               เหมือนทุกครั้ง ที่คำตอบของคำถามที่ธรณ์ถามเขตแดน มักจะได้รับเป็นคำถามกลับมาแทน ธรณ์เผลอย่นจมูกออกมา เมื่อไม่สามารถต้อนเขตแดนได้ ก่อนจะเดินไปส่องกระจก โดยมีสายตาคู่คมมองตามด้วยความรู้สึกหลากหลาย

               เขตแดนไม่ได้พูดปดเลยซักนิด เขาไม่เคยปฏิเสธว่าธรณ์ดูไม่ดี ตรงกันข้าม เขายอมรับด้วยซ้ำว่าธรณ์ดูดีมาก ใช่ว่าเขตแดนไม่เคยเจอผู้ชายที่หล่อกว่าธรณ์ เขาเองก็เคยเจอมาหลายต่อหลายคน แต่สำหรับธรณ์ มันเป็นความรู้สึกที่เขตแดนเองก็อธิบายไม่ถูก

               ...ว่าเขากำลังชื่นชม หรือเป็นอีกคนที่หลงใหลเสน่ห์ของธรณ์กันแน่

               ธรณ์ลองชุดจนพอใจ แล้วจึงเดินกลับเข้าห้องลองไปเปลี่ยนชุด ก่อนจะกลับมาอีกทีพร้อมกับชุดสูทที่ถอดออกมาแล้ว และนำมายื่นให้พนักงาน

               “เอาตัวที่ลองน่ะเหรอ” เขตแดนถาม ก่อนจะปรายตามองสูทที่ธรณ์กำลังส่งให้พนักงาน

               “ครับ เอาตัวนี้แหล่ะ เหมาะกับผมแล้ว” ตอบคำถามเขตแดนเสร็จ ธรณ์ก็หันไปเอ่ยกับพนักงานที่ยืนรออยู่ “เดี๋ยวใส่ถุงมาเลยนะครับ”

               ธรณ์ทำท่าจะหยิบบัตรเครดิตของตนเองออกมาส่งให้พนักงาน แต่ก็ช้ากว่าเขตแดน ที่โบกมือห้าม แล้วส่งบัตรเครดิตของตนเองให้พนักงานแทน แถมยังบอกหน้าตาเฉยว่าถือเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท จนคนอายุน้อยกว่าอดนึกหมั่นไส้ไม่ได้ เลยต้องเอ่ยถามทันที

               "นี่เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงานด้วยหรือครับ"

               "ถ้าฉันตอบว่าใช่ล่ะ ว่าแต่...พนักงานแถวนี้ก็รสนิยมดีใช่เล่น ราคาค่าสูทของนายนี่มากกว่าเงินเดือนของนายเสียอีก"

               "อ้าว...ผมก็ต้องแต่งตัวให้สมเกียรติสิครับ เดี๋ยวจะทำคุณขายหน้าเสียเปล่าๆ" ธรณ์อดหยิบยกเอาคำพูดของอีกฝ่ายมายอกย้อนไม่ได้

               เขตแดนขยับจะเอ่ยปากสวน แต่ก็ต้องชะงัก เพราะพนักงานเดินมายื่นถุงและสลิปให้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับธรณ์ต่อหน้าคนนอกเท่าไหร่นัก บางครั้งก็จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ แม้จะทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเองก็ตาม ธรณ์เองก็รับเอาแต่ถุงมาถือเอาไว้ ปล่อยให้ท่านประธานบริษัทที่ริอาจให้สวัสดิการพนักงานเป็นสูทราคาเกือบหกหลัก รับผิดชอบสลิปบัตรเครดิตเอาเอง

               พอเสร็จเรียบร้อย สองหนุ่มก็พากันเดินออกมาจากร้าน เขตแดนออกปากให้ทานอาหารเย็นนอกบ้านเลย จึงต้องมาตกลงกันว่าจะเลือกทานร้านไหน แต่ยังไม่ทันได้ตกลงกันให้เรียบร้อย เสียงเรียกชื่อธรณ์ก็ดังมา ให้ชายหนุ่มต้องหันขวับกลับไปมอง ก่อนจะเผยอแย้มริมฝีปากออกกว้าง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร

               "ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ลิซ่า"

               นางแบบสาวยิ้มหวานให้ธรณ์ โดยไม่ลืมที่จะหันไปยกมือไหว้เขตแดนที่รับไหว้หน้านิ่ง ถามไปถามมา ก็ได้ความว่าหญิงสาวเองก็กำลังจะหาร้านอาหารทานอยู่เหมือนกัน ธรณ์จึงเอ่ยปากชวนหญิงสาวให้มาทานด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าลิซ่าย่อมไม่ปฏิเสธให้เสียโอกาสตัวเอง

               “ธรณ์กับคุณเขตแดนอยากทานอะไรกันคะ”

               “ลิซ่าเลือกเลยดีกว่าครับ”

               “ชั้นล่างมีร้านอาหารไทยขึ้นชื่อค่ะ ลิซ่าว่าธรณ์กับคุณเขตแดนต้องชอบแน่นอนค่ะ”

               ได้ยินคำแนะนำจากนางแบบสาว ธรณ์เลยผายมือให้เธอเดินนำเลย ส่วนตัวเขาเองก็เดินทอดฝีเท้าให้ไม่ทิ้งช่วงจากเขตแดนมากนัก แม้จะประหลาดใจกับการกระทำของตนเอง แต่ธรณ์ก็ขี้เกียจหาเหตุผลว่าเขาทำไปทำไม และทำเพื่ออะไร

====================

               ร้านอาหารไทยที่นางแบบสาวแนะนำ ตั้งอยู่ในชั้นล่างของห้างสรรพสินค้า แต่อยู่โซนด้านใน ซึ่งผู้คนไม่พลุ่กพล่าน บรรยากาศดีและเงียบสงบสมกับที่หญิงสาวแนะนำมาตลอดทาง พอพนักงานเดินนำมาที่โต๊ะ ลิซ่ากับเขตแดนก็ยึดที่นั่งกันคนละฝั่ง เหลือแต่ธรณ์ ที่ยืนคิดอยู่ไม่นานก่อนจะนั่งลงข้างเขตแดน แต่ทิ้งระยะห่างพอให้ไม่ต้องเบียดกันเกินไป

               “ธรณ์ทานเผ็ดได้ใช่ไหมคะ”

               “ได้ครับ ลิซ่าสั่งตามสบายเลย”

               ธรณ์และเขตแดนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลิซ่า ในการสั่งอาหารและเครื่องดื่ม เพราะหญิงสาวดูจะคุ้นเคยอยู่แล้ว ส่วนใหญ่หญิงสาวก็เลือกสั่งอาหารแนะนำของร้าน ก่อนจะสั่งข้าวสวยมาสำหรับทานคู่กับข้าว

               “ลิซ่าไม่ได้เจอธรณ์นานเลย จะโทรศัพท์ไปหาก็กลัวว่าจะรบกวนคุณ”

               “พอดีผมเริ่มทำงานแล้วน่ะครับ เลยไม่ได้ไปไหนเลย แต่ถ้ามีอะไรก็โทรมาหาผมได้นะครับ”

               “แล้วนี่วันนี้นึกยังไงกันคะ คุณเขตแดนกับธรณ์ถึงปลีกตัวมาเดินห้างกันได้” นางแบบสาวแกล้งสัพยอกอย่างอารมณ์ดี

               “พอดีเดี๋ยวจะมีงานเลี้ยงต้อนรับผมน่ะครับ แต่ผมยังไม่มีชุดเลย นี่เลยต้องแวะมาซื้อซักหน่อย”

               ฟังคำบอกเล่าของธรณ์แล้ว ลิซ่าก็ต้องตาโต ความจริงแล้ว เธอเองก็พอจะรู้ข่าวเรื่องงานเลี้ยงจากหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เหมือนกัน กำลังคิดว่าจะโทรศัพท์ไปหาธรณ์ แต่ก็บังเอิญโชคดีที่มาเจออีกฝ่ายที่ห้างเข้าเสียก่อน หญิงสาวแสร้งทำเนียนเป็นไม่รู้เรื่องงานเลี้ยง แต่ก็หมายมาดว่า เธอจะต้องเป็นแขกในงานนี้อย่างแน่นอน และเธอก็จะเป็นแขกที่เจ้าของงานอย่าง ธรณ์ อิสรพัฒน์ ออกปากเชิญด้วยตนเองอีกด้วย

               “จริงเหรอคะ? ลิซ่าเองก็เพิ่งทราบนะคะเนี่ย คราวก่อนยังคุยกันอยู่เลย ว่าธรณ์จะจัดงานเปิดตัวหรือเปล่า นี่ปิดเงียบเลยนะคะ” ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังหันไปพยักเพยิดกับเขตแดน ที่นั่งนิ่งไม่ออกความเห็นอะไร นอกจากยิ้มรับเพียงอย่างเดียว

               “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญลิซ่าเลยละกันนะครับ ยังไงเดี๋ยวผมจะส่งบัตรเชิญตามไปให้ทีหลัง”

               นางแบบสาวส่งยิ้มหวานกลับคืนมาให้ธรณ์ ก่อนที่บทสนทนาจะถูกคั่นจังหวะ เนื่องจากพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟพอดี อาหารที่สั่งมาก็อร่อยสมกับคำแนะนำ และตัวคนแนะนำเองก็นั่งทานอาหารอย่างมีความสุข ในเมื่อสิ่งที่วาดหวังไว้ประสบผลสำเร็จแล้ว

               งานเลี้ยงเปิดตัวธรณ์ อิสรพัฒน์ ก็ย่อมมีหลายคนจับตามอง และเท่าที่รู้ ตั้งแต่ธรณ์กลับมา ชายหนุ่มเองยังไม่ได้ให้ความสนิทสนมกับหญิงสาวคนไหนเป็นพิเศษ เว้นเพียงก็แต่เธอ นี่ก็คงเป็นโอกาสดี ที่อาจจะทำให้เธอได้เปิดตัวในฐานะเพื่อนสาวของธรณ์เช่นกัน

               ใช้เวลาเพียงไม่นาน อาหารมื้อเย็นก็ผ่านพ้นไป และเป็นเขตแดนอีกเช่นเคย ที่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องค่าอาหาร เสร็จแล้วชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงไปรอธรณ์อยู่มุมหนึ่ง ปล่อยให้เพลย์บอยหนุ่มยืนล่ำลานางแบบสาว

               มือเรียวเกาะอยู่บนแขนของเพลย์บอยหนุ่ม แต่ธรณ์ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ยิ้มอย่างเดียว อาจจะด้วยเพราะว่า...เขาชินเสียแล้ว หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ มากกว่านี้ชายหนุ่มก็เจอมาแล้ว

               “นี่ลิซ่าไม่ได้เสียมารยาทใช่ไหมคะธรณ์ ที่ผูกขาดคุยกับคุณอยู่คนเดียว” นางแบบสาวแสร้งเอ่ยอย่างเป็นกังวล ด้วยกลัวผู้บริหารหนุ่มอาจจะนึกไม่พอใจเธอ ที่ผูกขาดการสนทนาตลอด

               “ไม่หรอกครับ ปกติคุณเขตแดนเขาก็เป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว” เอ่ยออกไปแล้ว ธรณ์ก็ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเท่าไหร่ ว่าเจ้าของชื่อเป็นคนเงียบๆอย่างที่เขาเอ่ยอ้างจริงหรือเปล่า

               “ถ้ายังไงไว้ลิซ่าจะโทรหาธรณ์นะคะ”

               โดยไม่ทันตั้งตัว จมูกโด่งของอีกฝ่ายก็แตะเข้าที่แก้มเขาแผ่วเบาก่อนจะผละออกมา ก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยทีเล่นทีจริงว่า

               “ไม่ถือใช่ไหมคะ บางทีลิซ่าก็ติดธรรมเนียมฝรั่งมากไปหน่อย”

               นางแบบสาวโบกมือลา และยกมือไหว้เขตแดนที่ยืนคอยอยู่ข้างหลัง ก่อนจะผละจากไป ธรณ์เหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้ม นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขาเข้าหาหญิงสาวก่อน แล้วจะทำให้พวกเธอเข้าใจผิดว่าเขามีใจ แต่กับนางแบบสาว ใช่ว่าธรณ์จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วๆก่อนจะชะงัก เมื่อหันมาสบสายตาเกรี้ยวกราดของเขตแดน ที่พอเห็นเขา ก็หมุนตัวเดินไปลานจอดรถทันทีโดยไม่พูดอะไร

               “อารมณ์เสียอะไรของเขากัน สงสัยจะเบื่อที่ต้องมารอ”

               ธรณ์พึมพำก่อนจะเดินตามหลังเขตแดนไปอย่างไม่รีบร้อน เพราะไม่ว่าจะรีบหรือไม่รืบ สุดท้ายเขตแดนก็ต้องรอเขาอยู่ดี

====================

[มีต่อนะคะ]

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
               “นายไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ”

               ถ้าซื้อล็อตเตอรี่แล้วถูก ธรณ์คงกลายเป็นมหาเศรษฐีที่รวยจากการเสี่ยงโชคแน่นอน พอชายหนุ่มก้าวขึ้นมานั่งบนรถ และคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขตแดนก็เอ่ยปากออกมาทันที

               “อะไรล่ะ ที่คุณเรียกว่าประเจิดประเจ้อ” ธรณ์ย้อนถามกลับ

               “ที่นายยืนหอมแก้มกับนางแบบคนนั้น ยังไม่เรียกว่าประเจิดประเจ้ออีกหรือยังไง” เขตแดนตวัดเสียงตอบอย่างหงุดหงิด

               แม้จะบอกตัวเองซ้ำเป็นพันเป็นล้านครั้ง ว่าเขาจะต้องควบคุมอารมณ์ อย่าให้ความโกรธมาอยู่เหนือเหตุผล แต่สุดท้ายมันก็เข้าอีหรอบเดิม ที่พอเป็นเรื่องของธรณ์ อิสรพัฒน์ทีไร เขตแดน เกียรติณรงค์ก็พลอยต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองทุกที

               “แค่เอาจมูกมาชนแก้มกัน ฝรั่งเขาก็ทักทายกันแบบนี้ คุณจะซีเรียสทำไม” ธรณ์เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ สำหรับเขา มันเป็นเรื่องเล็กน้อยจนไม่น่าเอามาเป็นประเด็นเสียด้วยซ้ำ

               “ฉันคงต้องย้ำให้นายฟังอีกรอบ ว่าที่นี่คือกรุงเทพฯ ไม่ใช่นิวยอร์กที่นายเคยอยู่ วัฒนธรรมมันต่างกัน”

               “สำหรับผมมันก็เป็นแค่การทักทาย หรือว่าคุณมีอารมณ์ ถ้าถูกหอมแก้ม”

               “อย่ายั่วโมโหฉัน ธรณ์ อิสรพัฒน์” เขตแดนเอ่ยเสียงดุลอดไรฟัน

               “ผมไม่ได้ยั่วโมโหคุณ ผมก็แค่พูดไปตามความจริง ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับการหอมแก้มใครหรือถูกหอมแก้มเสียหน่อย”

               ธรณ์อาศัยจังหวะที่เขตแดนหยุดรถลงหน้าคฤหาสน์ ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ปลดเข็มขัดนิรภัยออก ก่อนจะยึดไหล่ของเขตแดนเอาไว้ แล้วโน้มตัวไปกดจมูกตัวเองลงกับแก้มสาก เสร็จแล้วจึงผละห่างออกมาเล็กน้อย

               “เห็นไหม บอกแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไร ให้หอมแก้มคุณแบบเมื่อกี้ก็ได้”

               ถ้าธรณ์จะสังเกตซักนิด ชายหนุ่มคงจะเห็นว่ามือที่จับพวงมาลัยของเขตแดนเกร็งแน่น คล้ายกับเจ้าตัวกำลังข่มอารมณ์อยู่

               “ฉันเตือนนายแล้วนะ ว่าอย่าทำตัวเหมือนอยู่ที่นิวยอร์ก”

               “ผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนซะหน่อย”

               “นั่นมันตรรกะห่วยๆของนาย ถ้านายจะยืนยันว่าไม่ได้คิดอะไร กับการเที่ยวไปหอมแก้มคนโน้นคนนี้ แล้วบอกว่าเป็นการทักทาย แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ...”

               ธรณ์กำลังจะเอ่ยปากถามว่าแบบไหนกัน ริมฝีปากที่เอ่ยสั่งสอนเขา ก็ทาบทับลงมาด้วยความรวดเร็ว ชนิดที่ไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัวหรือปัดป้องใดๆทั้งสิ้น เพลย์บอยหนุ่มเบิกตากว้าง เมื่อสำนึกได้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายกระทำอย่างอุกอาจ

               ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะขัดขืน แต่พอเขตแดนสอดลิ้นเข้ามาในริมฝีปากของธรณ์ เพลย์บอยหนุ่มก็เหมือนกับถูกผีห่าซาตานเข้าสิง เขาขยับเรียวลิ้นตอบโต้และจูบตอบเขตแดนไปโดยที่รู้ตัว และมีสติสัมปชัญญะอยู่เต็มเปี่ยม พร่ำบอกตัวเองว่า...ก็แค่อยากรู้ว่าใครจูบเก่งกว่ากัน

               เป็นการโรมรันพันตูที่กินเวลานาน กว่าทั้งคู่จะยอมผละออกห่างจากกัน และสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ธรณ์ปาดคาบน้ำลายที่เปียกชื้นอยู่รอบริมฝีปากออก เขาเหยียดยิ้มให้เขตแดน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ เหมือนเมื่อซักครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

               “คุณก็จูบเก่งใช้ได้นะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรขึ้นมาหรอก ก็แค่จูบทักทายน่ะ...” ธรณ์เอ่ยทิ้งท้ายแล้วก็เปิดประตูลงไป ทิ้งให้เขตแดนนั่งนิ่ง ทบทวนประโยคที่ธรณ์เพิ่งเอ่ยออกมา

               “ฉันจะได้รู้ ว่าปกตินายใช้ลิ้นเวลาจูบทักทายกับคนอื่น”

               ชายหนุ่มสบถออกมาสองสามคำอย่างหยาบคาย เพราะอารมณ์เคืองขุ่นที่ยังไม่จางหายไป แถมรังแต่จะเพิ่มมากขึ้นเพราะความปากดีของอีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนรถไปจอดที่โรงรถ แต่ไม่วาย...ที่สายตาจะก้มลงไปมองส่วนกลางลำตัวของเองที่ชักจะปวดหนึบ

               เขตแดนไม่อยากจะยอมรับหรอกว่า จูบกับธรณ์มันรู้สึกดีจนเขาถึงกับมีอารมณ์ เขาก็แค่...อาจจะร้างลาเรื่องพวกนี้นานไปหน่อย ก็เลยมีอารมณ์ง่าย...ก็เท่านั้นเอง

====================

               ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากตนเองอย่างเผลอไผล ที่ผ่านมาเคยจูบกับคนอื่นมานับไม่ถ้วน จะจูบแบบนุ่มนวล อ่อนโยน หรือเร่าร้อน ธรณ์ อิสรพัฒน์ก็ผ่านมาหมด แต่นี่...

               เป็นครั้งแรกที่เขาจูบกับผู้ชาย แถมผู้ชายคนที่ว่ายังเป็นเขตแดน เกียรติณรงค์อีกต่างหาก!!

               ธรณ์ยอมรับเลยว่า เมื่อกี้เขาพูดปดไปคำโต ที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร ความจริงแล้วเขารู้สึก แถมรู้สึกมากเสียด้วย แต่จะให้มายอมรับหน้าชื่นตาบาน แถมบอกอีกฝ่ายว่า เขตแดนจูบเก่งมาก แถมจูบเสียจนเขารู้สึกดี เขาคงกลายเป็นคนบ้าแน่

               ทั้งที่ตอนแรกนึกว่าเขตแดนแค่จะเอาคืนเขาให้รู้สึกกระดากอาย ด้วยการเอาริมฝีปากมาแตะกัน แต่นี่มันเลยเถิดจนถึงขั้นแลกลิ้นแลกน้ำลาย

               ถึงจะเคยเห็นผู้ชายมีความสัมพันธ์กันมาก่อน แต่ธรณ์ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นหนึ่งในบุคคลจำพวกนั้น เขาผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดี แค่เพียงเพราะได้จูบกับผู้ชายเนี่ยนะ ให้โลกถล่ม แผ่นดินทลายเถอะ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

               ธรณ์ไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำตัวเองนานนัก ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาชินดนัย พอรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่บ้าน ก็นัดหมายว่าจะออกไปหาทันที หลังจากวางสายไปแล้ว โดยปล่อยชินดนัยไว้กับความงุนงงและสงสัย ธรณ์ก็คว้ากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องทันที

               ชายหนุ่มก้าวขึ้นรถตัวเอง แล้วขับออกจากบ้านทันที จุดมุ่งหมายคือคฤหาสน์ของชินดนัย เพราะถ้าหากเขาไม่สามารถหาคำตอบให้กับตนเองได้ เขาไม่มีทางที่จะข่มตานอนหลับได้อย่างเด็ดขาด

               พอธรณ์จอดรถลงที่เรือนหลังเล็กของชินดนัย ก็เห็นอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดนอนยืนรออยู่แล้ว พอดับเครื่องเรียบร้อย ชายหนุ่มก็คว้าแขนเพื่อนสนิทลากเข้าบ้านทันที ไม่ปล่อยให้ชินดนัยได้พูดพล่ำทำเพลง ธรณ์ยึดตัวชินดนัยไว้แน่น ก่อนจะโน้มตัวลงมาจะจูบอีกฝ่าย สุดท้าย...ยังไม่ทันจะได้จูบ ธรณ์ก็เป็นฝ่ายผละออกมา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง

               “มึงเป็นห่าอะไรของมึงเนี่ยธรณ์ มึงประสาทแดกหรือมึงอดอยากเนี่ย มาถึงก็จะจูบกู” ชินดนัยที่ควบคุมสติได้ดี เอ่ยถามคนที่กำลังนั่งทึ้งผมตัวเองอย่างไม่เข้าใจ

               “มึงเคยมีอารมณ์กับผู้ชายหรือเปล่า?” ธรณ์ไม่ตอบ แต่ถามกลับ แต่เป็นคำถามที่เรียกเอาดวงตาของเพื่อนรักเบิกกว้างเหมือนไม่เชื่อหู

               “ห๊ะ?...อย่าบอกนะว่ามึงมีอารมณ์กับผู้ชาย”

               “เปล่า...”

               “แล้วมึงถามทำไม”

               “กู...กูจูบกับผู้ชายแล้วกูรู้สึกดีหว่ะ กูอยากรู้ว่ากูผิดปกติหรือเปล่า กูเลยจะลองจูบมึงดู แต่กูทำไม่ได้หว่ะ”

               ชินดนัยพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แล้วจึงโน้มหน้าเข้าหาธรณ์ เห็นอีกฝ่ายเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะยอมอยู่นิ่ง แต่ดูท่าแล้วน่าจะเรียกว่าตัวแข็งมากกว่า ริมฝีของชินดนัยเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากของธรณ์ ก่อนจะประกบแนบสนิท พอชินดนัยจะเริ่มไล้ปลายลิ้นไปตามกลีบปากของอีกฝ่าย ก็ต้องผงะ เพราะโดนธรณ์ยกเท้ายันเต็มแรงเข้าเต็มหน้าท้อง จนหงายหลังลงมานั่งกองอยู่พื้น

               “พอได้แล้วชิน กูขนลุกจนจะอ้วกแล้วเนี่ย” ธรณ์โวยวายเสียงดังลั่น ท่าทางฮึดฮัด ก่อนจะยกมือถูริมฝีปากตัวเองจนแดงก่ำ

               “ว่าแต่บอกกูหน่อยซิ ว่ามึงไปจูบกับใครมาเนี่ย ใครวะที่จูบจนมึงรู้สึกดี แต่พอจูบกับกูทำเป็นตัวแข็ง ขนลุกขนชัน”

               “คุณเขตแดน”

               “ห๊ะ??”

               “คุณเขตแดน!!” ธรณ์กระแทกเสียงตอบด้วยท่าทางหงุดหงิด เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีกับจูบของเขตแดน แต่พอเป็นชินดนัย ทั้งที่เป็นเพื่อนรัก ทั้งที่คบกันมานาน แต่...มันไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่

               “มุกมึงนี่กูไม่ขำด้วยนะธรณ์ เอาจริงๆ” ชินดนัยถามเสียงเข้ม

               “กูไม่ได้มุก กูพูดจริงๆ แต่ไม่มีอะไรหรอก กูเป็นคนเริ่มแกล้งเขาก่อน แต่แม่ง...ทำไมกูต้องรู้สึกดีวะ มึงเข้าใจนะชิน ว่ากูไม่ได้เป็นเกย์ และไม่เคยชอบผู้ชาย” ธรณ์เอ่ยย้ำ แต่ก็ไม่มั่นใจนักว่าย้ำกับเพื่อนรัก หรือย้ำกับตนเองกันแน่

               พูดเสร็จแล้วธรณ์ก็หันหน้าหนี เลยไม่ทันเห็นว่าชินดนัยหน้าเครียดขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยย้ำถามเพื่อนรักเพื่อความมั่นใจ

               “มึงไม่ได้คิดอะไรกับคุณเขตต์ใช่ไหมธรณ์”

               “เออ! ไม่ได้คิดอะไรเว้ย อาจจะเพราะ...เขาจูบเก่งก็ได้ กูจะไปนอนแล้วนะ คืนนี้กูนอนเนี่ยแหล่ะ ขี้เกียจขับรถกลับบ้านแล้ว” พูดจบแล้วธรณ์ก็ไม่รอฟังคำตอบ เพราะชายหนุ่มเดินตรงเข้าห้องนอนของชินดนัยทันที

               ชินดนัยยืนนิ่งอยู่กลางบ้าน หน้าตาเคร่งเครียด เขาไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขตแดนและธรณ์เป็นแบบไหน แต่เขาคงไม่สามารถปล่อยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกินเลยได้เด็ดขาด ไม่ใช่เพื่อใคร ทุกอย่างก็เพื่อธรณ์...เพื่อธรณ์คนเดียวเท่านั้น

====================

               ตอนเช้า ธรณ์ขับรถมาที่บริษัท แต่ชายหนุ่มก็ไม่เห็นเขตแดน จนกระทั่งเวธน์เดินมาแจ้งกับเขาว่า ตอนบ่ายจะต้องเข้าไปที่โรงแรม ซึ่งทำการจองห้องจัดเลี้ยงเอาไว้ เพื่อดูสถานที่และความเรียบร้อยต่างๆ รวมถึงคุยกับทางออแกร์ไนเซอร์ของโรงแรมด้วย ธรณ์จึงจัดการสะสางงานต่างๆให้เรียบร้อย คิดเอาเองว่าเดี๋ยวเขตแดนก็คงตามไปด้วยอย่างทุกที

               แม้จะยังรู้สึกเก้อกระดาก ที่เมื่อวานปล่อยให้ทุกอย่างเกินเลย แต่จะให้มัวมาหลบหน้าก็ไม่ใช่วิสัยของธรณ์ ที่ทำได้ก็แค่ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าตนเองโชคดีหรือโชคร้าย เพราะพอธรณ์ก้าวขึ้นรถที่เวธน์ขับมาจอดรอ คนสนิทของเขตแดนก็ออกรถทันที จนธรณ์อดรนทนไม่ได้ ต้องเอ่ยปากถามออกมาด้วยความสงสัย

               “แล้วคุณเขตแดนไม่ไปด้วยกันกับเราเหรอคุณเวธน์”

               “เปล่าครับ วันนี้คุณเขตต์ต้องเข้าไปตรวจที่โรงงานครับ เพราะเมื่อเช้าทางโรงงานโทรศัพท์มาแจ้ง ว่าเครื่องจักรบางตัวมีปัญหาน่ะครับ”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่ก็อดถามต่อไม่ได้

               “แล้วผมไม่ต้องเข้าไปดูด้วยหรือ”

               “ไม่ต้องครับ คุณเขตต์สั่งให้ผมพาคุณธรณ์ไปที่โรงแรมเลย เพราะนัดหมายทางโรงแรมไว้แล้ว จะได้ไม่เสียเวลา เดี๋ยวคุณเขตต์เสร็จธุระจากที่โรงงานแล้วจะตามไปทีหลังครับ”

               ธรณ์เลยไม่ถามอะไรอีก คิดเอาเองว่าดีเหมือนกัน ถึงเขาจะปั้นหน้าไม่รู้สึกไม่รู้สาได้ แต่การไม่เจอกันก็คงจะดีกว่า ชายหนุ่มไหวไหล่เล็กน้อยด้วยความเคยชิน พอมาถึงโรงแรม ธรณ์ก็แทบไม่ต้องทำอะไร เพราะเวธน์จัดการทุกอย่างไว้ดีอยู่แล้ว

               หน้าที่ในการประสานงานกับทางออแกร์ไนเซอร์ เวธน์ก็เป็นคนรับผิดชอบไป สคริปต์งาน การตกแต่งห้องจัดเลี้ยง เครื่องเสียง อาหารเครื่องดื่ม ตลอดจนซุ้มต้อนรับ ทุกอย่างถูกวางแพลนไว้อย่างเรียบร้อย จนธรณ์อดนึกชมคนสนิทไม่ได้

               “คุณเวธน์นี่สมกับเป็นคนสนิทของคุณเขตแดนเลยนะครับ จัดการทุกอย่างได้ดีไม่มีที่ติเลย”

               เวธน์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะแก้ไขความเข้าใจของเจ้านายตนเสียใหม่

               “ไม่ใช่ฝีมือผมหรอกครับ คุณเขตต์โน่น เป็นคนสั่งการทุกอย่าง ผมแค่รับคำสั่งมาอีกที”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะเสไปเดินชิมอาหารที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ อาหารที่ตระเตรียมไว้ก็มีหลากหลาย เรียกว่า ยังไงแขกเหรื่อที่มาร่วมงานก็ต้องประทับใจกันบ้างล่ะ เท่าที่ธรณ์ลองชิมดู ก็พบว่ารสชาติถูกปากใช้ได้ แถมทุกอย่างยังถูกจัดวางเป็นชิ้นพอดีคำ สะดวกในการหยิบรับประทาน

               ตัวห้องจัดเลี้ยงที่เขตแดนเป็นคนเลือกเอง ก็มีขนาดพอดี ไม่ใหญ่จนดูโล่ง และไม่เล็กจนเบียดเสียด ทุกอย่างเรียกว่าพอดิบพอดีและลงตัว จนเวธน์ยังอดแซวเจ้านายตัวเองไม่ได้

               “นี่ขนาดคุณเขตต์เกลียดงานเลี้ยงนะครับเนี่ย ยังจัดออกมาได้เนี้ยบซะจนผมแทบจะตกงานเลย”

               ส่วนเรื่องสคริปต์งานที่ทางโรงแรมนำมาให้ดู เวธน์ก็บอกว่าจะต้องให้เขตแดนตรวจสอบดูอีกรอบก่อน ธรณ์ก็พยักหน้ารับ คุยงานกับทางโรงแรมจนจะใกล้เสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเขตแดน ธรณ์คิดว่าอีกฝ่ายคงติดธุระอะไรที่โรงงาน เลยไม่ได้เอ่ยถาม จนกระทั่งมีโทรศัพท์เข้ามาถึงเวธน์ และชายหนุ่มขอตัวเลี่ยงออกไปรับสาย ปล่อยให้ธรณ์นั่งคุยกับทางโรงแรมตามลำพัง

               รออยู่ไม่นาน เวธน์ก็เดินกลับมาหน้าตาไม่สู้ดีเท่าไหร่ จนธรณ์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี และต้องเอ่ยถามทันที

               “เป็นอะไรไปคุณเวธน์ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

               “คุณเขตต์ไม่มาแล้วล่ะครับคุณธรณ์ เมื่อซักครู่ทางโรงงานโทรศัพท์มาแจ้งผมว่า เกิดอุบัติเหตุในโรงงาน คุณเขตต์เข้าไปช่วยคนงานคนหนึ่งจนปลอดภัย แต่ตัวเองบาดเจ็บ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

               ธรณ์ชะงักไป ก่อนจะผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความรวดเร็ว ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะเสียเวลาหาเหตุผล เขาเอ่ยถามเวธน์เสียงดังอย่างลืมตัว

               “แล้วคุณเขตต์อยู่ที่โรงพยาบาลไหน”

               “เอ่อ...คุณเขตต์ฝากที่โรงงานแจ้งว่าไม่ต้องไปครับ ให้ผมพาคุณธรณ์ตรงกลับบ้านเลย” เวธน์อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงนัก อาจจะเพราะไม่เคยเห็นธรณ์เสียงดังมาก่อน

               “โทรถามชื่อโรงพยาบาลจากทางโรงงาน แล้วส่งผมไปที่นั่น”

               “แต่...คุณธรณ์ครับ...”

               “ไม่มีแต่ นี่คือคำสั่ง!”


TO BE CONTINUE


๐ หายไปนาน มาต่อแล้วค่ะ มาแบบยาวๆเพื่อเป็นการไถ่โทษ
๐ อ่านคอมเม้นท์ตอนที่แล้วแล้วสะดุ้งเลย ชาวเล้าคาดเดากันเก่งมาก ต้องรอดูต่อไปค่ะ ว่าตกลงคดีเป็นยังไงกันแน่
๐ ส่วนตอนนี้...เรียกว่าหวาน(?)ได้ไหม ฮา...คงยังไม่หวานเนอะ
๐ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกความเห็น ดีใจที่ชอบกันนะคะ พบกันตอนหน้าค่ะ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2012 18:38:48 โดย Renze »

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
อยากอ่านต่อ :z3:
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
มีใจให้กันละ  หุ หุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ coon_all

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ใครจะรุกใครจะรับล่ะงานนี้
ยังมองไม่ออกเลยแฮะ
รอตอนต่อไปนะคะ

putiinez

  • บุคคลทั่วไป
คุณพี่เขตหึงน้องธรณ์ล่ะซี้ย์ ทำมาเป็นโมโหกลบเกลื่อน
ธรณ์นี่ก็นะ กวนใจจัง ทำไมยอมให้ชินดนัยจูบหล่า ~~~ หรืออีตาชินนี่คิดอะไรไม่ดีอยู่ด้วยนะ ผู้ชายปกติถึงจะสนิทกันปานจะกลืนกินคงไม่จูบเพื่อนหรอกถ้าไม่คิดอะไร =_____=

รออ่านต่อนะคะ >3<

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
แค่จูบเองนะเนี่ยยยย   :-[


ชินคิดกับธรณ์เกินเพื่อนแน่ๆ  :m12:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ชินดนัยไปรู้อะไรมา

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
เค้าเริ่มเป็นห่วงเป็นใยกันแล้วชิมิเนี่ย น่ารักเชียว

แต่ที่เริ่ดกว่า คือ เค้าจูบกันแล้วแหละ อร๊ายยยยยยย...ผลเป็นที่หน้าพอใจมาก

ว่าแต่ทำไมชินถึงจะขัดขวางอ่ะ มีอะไรที่ยังไม่รู้อีก หรือว่าเป็นเรื่องนั้นที่ชินยังไม่ได้บอกธรณ์

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ทำไมๆๆๆ :serius2: ทำไมทำกันค้างแบบนี้
เขตแดนจะเป้นยังไงบ้างเนี้ย :sad4:

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
เอาอีกแล้วชิน ทำให้อยากรู้อีกแล้ว
ทั้งรุ่นพ่อรุ่นลูกเลย สงสัยนะเนี่ย

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
ชินจ๋าา า  ชินกุมความลับอะไรอยู่
บอกมาสักทีเถอะ  เก๊าอยากรู้ มันต้องส่งผลอย่างรุนแรงต่อเขตต์และธรณ์แน่ๆ

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบบบบอ่ะ   มาต่อเร็วๆนะ :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด