▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」  (อ่าน 270137 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
ชิดนัย เป็นคนดี ทำได้ทุกอย่างเพื่อช่วยเพื่อน


 :z1:

ออฟไลน์ NannY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +125/-1
ชอบค่ะ ทุกอย่างโอเคหมด ขอติงนิดเดียวเรื่องอายุคุณเขตนี่แหละ บทแบบนี้น่าจะ 30 อัพมากกว่านะคะ เรารู้สึกว่า 29 มันยังดูเด็กไปนิดนึง

ถ้าราวๆ 35 มันจะดูสมบูรณ์มากกว่านี้จริงๆ ค่ะ หรือว่าห่างจากธรณ์สักรอบนึง จะได้ดูมีช่องว่างระหว่างวัย ตามที่ในเรื่องชอบย้ำเหลือเกิน 5555

เพราะพี่เขตดูนิสัียแก่เกิน 29 มากจริงๆ ค่า 555555555

It_s_me

  • บุคคลทั่วไป
พี่เขตจะเข้าใจธรณ์ผิดมั๊ยเนี่ย
ฮ่วย ชินดนัยรีบกลับบ้านเถอะ
เดี๋ยวให้พี่เขตช่วยเอง 55555

รออ่านเรื่องนี้อยู่ตลอดนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
ถ้ามาต่อเร็วๆจะยิ่งรักมาก 5555

gngane

  • บุคคลทั่วไป
 :a5: เข้าใจผิดไล่คุณเพื่อนกลับบ้านเเล้วกระชากธรณ์ไปลงโทษบนเตียงเลย  555555

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
โอ๊ะ ยังงี้ต้องรีบเข้าไปร่วมวงนะคุณเขต คริคริ :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อ๊ากกก ก ก ก  ก กกก

มันจะเข้าใจผิดป่าว?เนี่ย !

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
เพื่อนต้องช่วยเพื่อน ชินเอารางวัลเพื่อนดีเด่นประจำปีไปเลย  o13

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
คิดถึงมากกกกกกกกกก

ตอนนี้อยากมอบโล่ห์รางวัลเพื่อนแสนดีให้น้องชินมากอ่ะ

แอบคิดว่าคุณเขตต์อาจจะเข้าใจหนูธรณ์ผิดแน่ๆเลย เฮ้ออออออ...

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
 :z3: :z3: :z3:ทำไมคนช่วยธรณ์ถึงไม่ใช่เขตแดน
มาต่อเร็วๆนะค่ะ :call: :call:
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Benesmee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แอบอยากให้พี่เขตมาช่วยธรณ์แทนชินอ่า  :z1:
จบได้แบบว่าค้างเลยค่ะ มาต่อไวๆ น่ะค่ะคนเขียน
รอเรื่องนี้อยู่เสมอ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
ค้าง!!!!

อีกนานแน่ๆกว่าจะอัพ

เก๊าทรมาน อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว ;_____;

*******************
เหมือนจะเดาได้แล้ว ใครุกใครรับ  หุหุ

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
โหะๆ อิฉันคิดว่า เขตรุก ฮ่าๆๆ โคตรมั่นเลยค่ะ :D

แต่แบบตอนที่ห้านี่โคตรค้างเลยอ่ะ  :z3:

แล้วทีนี้เขตจะจัดการกับธรณ์ยังไงหนอ?  :z1:


ปล.อิฉันว่าชินดนัยไม่ยังไงๆกะธรณ์ตั้งแต่แรกแล้วน้าาาา

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
น้องพลาดเสียแล้วแบบนี้พี่เขตต์จะทำไงกับเด็กดื้อละเนี่ย

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
อย่างนี้เขตต์ก็ยิ่งเข้าใจผิดธรณ์ใหญ่ ได้ยินแต่เสียงยังไม่เห็นภาพนะเขตต์

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ทิ้งท้ายแบบให้ลงแดงเลยค่ะ

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
ตายละ  :z3:

 :pig4: นะคะ

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 6


               ชินดนัยประคองร่างอ่อนปวกเปียก ที่สวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเรียบร้อยแล้วออกมาจากห้องน้ำ หน้าตาของธรณ์แม้จะยังซีดเซียว แต่ก็ถือว่าดูดีกว่าตอนที่ยาออกฤทธิ์มากนัก ส่วนสภาพร่างกายหลังจากปลดปล่อยจนหลุดพ้นความทรมาน ก็อ่อนเพลียหนักจนแทบจะล้มพับ ดีที่มีชินดนัยคอยประคอง เพราะกว่าที่ยาจะหมดฤทธิ์ก็กินเวลาร่วมสามชั่วโมง

               ธรณ์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความอ่อนแรง ชินดนัยโน้มตัวลงมองเพื่อนรักด้วยความฉุนปนระอา นึกอยากจะกร่นด่าอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นเพื่อนรัก และเคยผ่านเข้าสู่ช่วงแห่งการเป็นวัยรุ่นมาด้วยกัน ชินดนัยก็คงไม่กล้าเอ่ยปากอาสาช่วยธรณ์ และธรณ์ก็คงไม่มีวันยอมชินดนัยอย่างเด็ดขาด ชินดนัยแทบไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าธรณ์ไม่สามารถควบคุมตัวเองจนโทรศัพท์หาเขาได้ ผลสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร

               “น้ำหมดตัวหรือยังล่ะ?” ชินดนัยถามคนที่นอนพังพาบอยู่บนเตียงเสียงเรียบ

               ธรณ์เหลือบตามามองชินดนัย ก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายกาจออกมา แม้จะหมดสิ้นแรงกาย แต่แรงปากธรณ์ยังดีอยู่ และดีพอที่จะขยับปากเอ่ยยั่วโมโหชินดนัยด้วย

               “มือมึงนี่ห่วยหว่ะชิน สู้ผู้หญิงที่เคยนอนกับกูไม่ได้ซักคน”

               “ขนาดมือกูห่วย มึงยังเสร็จไปตั้งสามรอบ”

               ธรณ์หัวเราะร่าออกมาด้วยความชอบอกชอบใจ เขากับชินดนัยไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกันลึกซึ้ง มากกว่าความเป็นเพื่อนรัก ที่เติบโตมาด้วยกันในรั้วโรงเรียนประจำ เป็นครอบครัวของกันและกันในยามที่ไม่มีใคร ในยามที่ต้องอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพัง สำหรับธรณ์แล้ว สิ่งที่ชินดนัยทำก็เป็นแค่การช่วยเขาปลดปล่อย ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรมาเจือปนแม้แต่น้อย

               ชินดนัยปล่อยให้เพื่อนนอนพักอยู่ครู่เดียว ก็ตีหน้าเคร่งเอ่ยเรื่องสำคัญ

               “เรื่องที่มึงให้กูสืบ กูได้ความคืบหน้ามานิดหน่อย มึงมีแรงฟังหรือเปล่า”

               “มีสิ แต่กูคอแห้งมากเลยนี่ สงสัยลูกกูคงตายไปเป็นล้านแล้ว” ธรณ์ตอบก่อนจะยันกายขึ้นมานั่งพิงพนักหัวเตียง

               “มึงรออยู่นี่ละกัน เดี๋ยวกูไปเอาน้ำให้ อย่าเพิ่งหลับล่ะ”

               ชินดนัยปล่อยให้เจ้าของห้องอยู่ลำพัง ส่วนตัวเขาก็เดินลงมายังห้องครัว ดึกป่านนี้คงไม่น่าจะมีแม่บ้านหลงเหลืออยู่แล้ว แต่แค่น้ำเปล่าแก้วเดียว มันคงไม่หนักหนาสาหัสอะไรเท่าไหร่ ชายหนุ่มจัดแจงคว้าแก้วมาจากตู้ ก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำมารินใส่ พอเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเดินกลับขึ้นไปหาธรณ์ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเงาตะคุ่มนั่งอยู่ตรงห้องรับแขก เขาเอื้อมมือไปกดสวิตช์แล้วก็เอ่ยทักทันที

               “อ้าว...คุณเขตต์ ทำไมไม่เปิดไฟล่ะครับ”

               ถ้าไม่ได้คิดไปเอง ชินดนัยยืนยันเลยว่า สายตาของเขตแดนที่มองมาที่เขา มันฉายแววไม่เป็นมิตรอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงขยับริมฝีปากยิ้มให้คนอายุมากกว่า ที่นั่งจิบบรั่นดีอยู่ตรงโซฟารับแขก โดยที่ไม่ได้คิดจะเปิดไฟแม้แต่น้อย

               “เห็นป้าอุ่นบอกว่าธรณ์ดูเหมือนไม่ค่อยสบาย” เขตแดนเปรยเสียงเรียบ

               ชินดนัยชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็รีบกลบเกลื่อนสีหน้าของตนเองด้วยความรวดเร็ว เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าเขตแดนรู้ว่าธรณ์ไปเที่ยวแล้วถูกมอมยา ธรณ์จะเป็นอย่างไรบ้าง ทางที่ดีก็ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายรู้เสียจะดีกว่า

               “ไม่เป็นอะไรมากครับ นี่ผมก็แค่ลงมาเอาน้ำดื่มให้ธรณ์”

               พอเขตแดนไม่ได้พูดอะไร ชินดนัยจึงเดินเลี่ยงออกมา แต่ถ้าเกิดชายหนุ่มหันมามองซักนิด คงจะเห็นว่าเขตแดนมองตามมาไม่วางตา นักธุรกิจหนุ่มกระดกบรั่นดึอึกสุดท้ายเข้าปาก ก่อนจะนั่งหมุนแก้วเปล่าเล่น ปล่อยความคิดวนเวียนไปถึงเจ้าของบ้าน ที่กำลังถือวิสาสะเข้ามารบกวนจิตใจเขา

               เขาไม่ใช่คนไม่รู้ประสา ว่าเมื่อตอนดึกเกิดอะไรขึ้นในห้องของธรณ์ แม้จะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดระหว่างผู้ชายสองคน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้ยาก ถ้าหากเขตแดนจะรับไม่ได้ เหตุผลเดียวที่นึกออกก็คงจะเป็นเพราะ...เป็นธรณ์ อิสรพัฒน์มากกว่า

               แค่ได้ยินเสียงครางของธรณ์ดังลอดออกมานอกประตู จินตนาการของเขตแดนก็ไปไกลจนเจ้าตัวเองยังคาดไม่ถึง แค่นึกว่าธรณ์และชินดนัยต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน มีความสุขไปด้วยกัน มือที่ถือแก้วก็พลันเกร็งแน่นอย่างไม่รู้ตัว

               เขตแดนไม่พอใจ แม้จะรู้ว่ามันเป็นสิทธิ์ของธรณ์
               และถ้าเขาจะขอใช้สิทธิ์ของความเป็นผู้ปกครองบ้างล่ะ...


====================

               ธรณ์รับแก้วน้ำจากชินดนัยมาดื่มจนหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง ส่วนชินดนัยก็ถือโอกาสอาบน้ำอาบท่าชำระล้างร่างกายเสีย เพราะเวลาก็ล่วงเลยจนเข้าสู่วันใหม่ ชายหนุ่มเองจึงไม่คิดที่จะกลับบ้านแล้ว ทีแรกชินดนัยก็จะให้ธรณ์หาห้องว่างให้ แต่ธรณ์บอกว่าดึกแล้ว แม่บ้านก็เข้านอนกันหมด ห้องหับก็คงไม่ได้ทำความสะอาด ถ้าจะนอนก็ให้นอนห้องเดียวกัน

               ธรณ์เองก็ผลัดเสื้อคลุมเป็นชุดนอนลายทางเรียบร้อย ก่อนจะรื้อเอาเสื้อยืดและกางเกงเอวยางยืด ให้ชินดนัยผลัดเปลี่ยนใส่แทนชุดนอน นอนเล่นอยู่ไม่นาน ชินดนัยก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางสดชื่น

               “ตอนกูลงไปเอาน้ำกูเจอคุณเขตต์ด้วย”

               ประโยคบอกเล่าจากชินดนัยทำเอาธรณ์ชะงักกึก ก่อนจะหันขวับมามองเพื่อนรักแล้วถามเสียงเรียบ

               “เขาถามอะไรหรือเปล่า”

               “เปล่า เขาแค่บอกว่า ดูเหมือนมึงจะไม่ค่อยสบาย”

               “แล้วมึงไม่ได้บอกอะไรเขาไปใช่ไหม”

               พอเห็นชินดนัยส่ายหน้าแทนคำตอบ ธรณ์ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขตแดนคงเป็นคนสุดท้าย ที่เขาอยากให้รู้ว่าถูกมอมยา เขาไม่อยากถูกมองว่าอ่อนแอจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือประมาทจนเกิดเรื่องขึ้น เพราะฉะนั้น ไม่ต้องให้เขตแดนรู้จึงเป็นการดีที่สุด ธรณ์มั่นใจว่า ถ้าเขาไม่พูดและชินดนัยไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้แน่ว่าเขาถูกมอมยา และเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้บ้าง

               “แล้วถ้าพรุ่งนี้ป้าอุ่นถามล่ะ มึงจะตอบว่ายังไง”

               คำถามของชินดนัย ทำให้ธรณ์ฉุกใจคิด เพราะป้าอุ่นเรือนเห็นตอนที่ชินดนัยอุ้มเขาเข้ามาพอดี เขาคงจะต้องบอกว่าป่วย แต่จะป่วยเป็นอะไรดีล่ะ ที่ดูสมเหตุสมผลพอ

               “เดี๋ยวกูบอกว่าหน้ามืดละกัน”

               สุดท้าย ธรณ์ก็คิดได้แต่โรคธรรมดาสามัญ แต่คงเป็นโรคที่น่าเชื่อถือสำหรับธรณ์ เพราะเมื่อตอนบ่ายเขาก็อาการไม่สู้ดี จนหวิดจะวูบไปหลายรอบ เพราะเดินตรวจโรงงานกับเขตแดน ถ้าบอกว่าเกิดเป็นลมขึ้นมา ก็คงจะพอถูไถไปได้บ้างไม่มากก็น้อยละกัน แต่ก่อนที่จะคิดถึงเหตุการณ์วันพรุ่งนี้ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังติดค้างคาใจธรณ์อยู่

               “ตกลงมึงสืบมาได้เรื่องว่ายังไงบ้าง” ธรณ์เอ่ยถามคนที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงมานอนบนเตียงแล้วเรียบร้อย โชคดีที่เตียงนอนของธรณ์เป็นขนาดคิงไซส์ จึงไม่ต้องห่วงว่าจะต้องมานอนแนบชิดกับชินดนัย อย่างน้อยก็เหลือที่ว่างตรงกลางอยู่พอสมควร

               “พ่อมึงถูกยิง แต่ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล”

               “แล้ว?...”

               “กูเพิ่งสืบได้แค่นั้นเอง มึงบอกกูเมื่อวานเองนะ จะเอาอะไรมากมายวะ”

               “เนี่ยนะ ความคืบหน้านิดหน่อยของมึง กูไม่เห็นว่ามันจะคืบหน้าตรงไหนเลย”

               ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนรักกัน ธรณ์คงไม่ลังเลที่จะยันชินดนัยลงจากเตียง แต่สิ่งที่รู้มาก็ทำเอาธรณ์รู้สึกหนักอกหนักใจไม่น้อย จนเผลอขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่ชินดนัยยื่นมือมาตบบ่าอย่างให้กำลังใจ

               “เอาน่า กูไม่อยากให้มึงเครียดเลยหว่ะ”

               “กูรู้ ถึงกูจะไม่ค่อยถูกกับเขาซะเท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นพ่อกูหว่ะชิน”

               ชินดนัยไม่ได้เอ่ยอะไรอีก นอกจากนอนมองแผ่นหลังของธรณ์ จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า แผ่นหลังที่ดูแข็งแกร่งของธรณ์ แท้ที่จริงแล้วมันก็คือเกราะกำบังที่เจ้าตัวสร้างขึ้นเท่านั้น และสำหรับคนที่เคยเห็นช่วงเวลาที่ธรณ์อ่อนแอมาแล้ว เขาย่อมไม่อยากที่จะทำลายเกราะกำบังของธรณ์ อย่างน้อย...ถ้ามันจะปกป้องธรณ์ได้ เขาก็จะปล่อยให้ธรณ์สร้างเกราะกำบังต่อไป

               ชายหนุ่มนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด แม้ว่าเจ้าของห้องจะนอนหลับสนิท จนได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอแล้ว แต่สำหรับเขา...ยังมีเรื่องมากมายที่รอให้เขาขบคิดอยู่

               เรื่องบางเรื่องที่รู้มา แม้ไม่อยากพูดออกไป แต่ซักวันก็ต้องบอก
               ขอแค่ให้เขามั่นใจกว่านี้ก่อน ว่าเพื่อนรักพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่างด้วยความรอบคอบและมีสติ

               สิ่งที่เห็น...มักไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป

====================

               แม้จะชินกับการสวมหน้ากากเข้าหาคนอื่น แต่เขตแดนกลับรู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน เมื่อต้องมาปั้นหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรที่เกิดขึ้นมาคืน ทั้งภายในใจเจ้าตัวกำลังรู้สึกกรุ่นโกรธด้วยความไม่พอใจ ตอนที่เห็นธรณ์เดินลงมาพร้อมกับชินดนัย ชายหนุ่มเสยกกาแฟขึ้นจิบ เขาพยักหน้ารับคำทักทายจากชินดนัย แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แต่จะปฏิเสธว่า บทสนทนาระหว่างสองเพื่อนสนิทไม่เข้าหูเขา ก็ดูจะเป็นการโกหก

               ตอนป้าอุ่นเรือนยกข้าวต้มมาวางบนโต๊ะ ก็มองเจ้านายของเธอด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะอดไม่ได้ ต้องเอ่ยปากถามออกมา

               “เมื่อวานคุณธรณ์ไม่สบายเหรอคะ ป้าเห็นคุณชินอุ้มคุณธรณ์เข้ามา”

               ธรณ์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบตามองชินดนัย ซึ่งอาการทั้งหมดก็ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของเขตแดน ที่แม้ว่าจะทำทีเป็นอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ แต่ก็ยังคงลอบมองธรณ์ไม่วางตา

               “พอดีผมเป็นลมน่ะครับ”

               “แล้วดีขึ้นหรือยังคะคุณธรณ์”

               เขตแดนฟังธรณ์โต้ตอบกับป้าอุ่นเรือนแล้วก็อยากจะหัวเราะหยัน เป็นลม...เขาอาจจะเชื่อก็ได้ว่าธรณ์เป็นลม ถ้าไม่บังเอิญไปได้ยินอะไรที่มันบาดหูเข้า เมื่อตอนไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องของธรณ์เมื่อคืน แม้กระทั่งตอนนี้ เสียงครางของอีกฝ่ายก็ยังติดหูเขาอยู่เลย

               เขตแดนนั่งรอธรณ์จัดการกับอาหารเช้าอย่างอดทน ก่อนจะเอ่ยปากถามชินดนัยตามมารยาท ว่าอีกฝ่ายจะกลับบ้านอย่างไร เมื่อรับรู้ว่าที่บ้านของชินดนัยจะส่งรถมารับ เขตแดนจึงไม่ได้ถามต่อ พอจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย เวธน์ก็มาถึงพอดี

               “นายจะขับรถไปเองหรือจะไปพร้อมกับฉัน”

               ธรณ์ใช้เวลาชั่งใจคิดอยู่เพียงครู่เดียว ก็ตอบตกลงที่จะไปกับเขตแดน เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองยอมอะไรมากมายหรอก ก็แค่ไม่อยากให้เป็นเหมือนเมื่อวาน เผื่อเขตแดนจะลากเขาไปไหนมาไหนอีก สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ขับรถตัวเองอยู่ดี

               เพื่อนรักสองคนแยกกันตอนที่ธรณ์เดินมาขึ้นรถ ส่วนที่บ้านของชินดนัยก็ส่งรถมารับ ธรณ์ไม่วายกำชับชินดนัยให้รีบสืบหาความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีของพ่อเขา อีกฝ่ายก็รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะก่อนจะแยกกันไป พอหันกลับมาจะขึ้นรถ ธรณ์ก็เห็นเขตแดนยืนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาดำจัดมองตรงมาอย่างสงบนิ่ง แต่อะไรบางอย่างมันบอกธรณ์ว่า เหมือนเขตแดนกำลังสะกดกั้นอารมณ์อยู่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องมาใส่ใจซักเท่าไหร่ ชายหนุ่มจึงแค่ไหวไหล่ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

====================

               พอมาถึงที่บริษัท เขตแดนและธรณ์ก็แยกย้ายไปคนละทาง ธรณ์รับเอารายชื่อคู่ค้าชาวต่างชาติจากภวินท์มาดู เพราะต่อจากนี้ไปเขาจะต้องเป็นคนประสานงานตลอด ชายหนุ่มทำเครื่องหมายลูกค้าที่สำคัญไว้ เพื่อที่จะได้คอยดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ และคาดหวังว่ามันจะเป็นผลประโยชน์ต่อธุรกิจในระยะยาว

               “คุณธรณ์ครับ มิสเตอร์จอห์น วิลสัน คู่ค้ารายใหม่ติดต่อเข้ามา ว่าจะเดินทางมาที่นี่อีกสองสัปดาห์ครับ”

               “ขอรายละเอียดให้ผมหน่อย”

               “ปกติถ้าเป็นคู่ค้ารายใหม่ ส่วนใหญ่ท่านประธานจะสกรีนก่อนนะครับ มิสเตอร์วิลสันนี่ท่านประธานยังไม่ได้สกรีนประวัติเลยครับ”

               ธรณ์ขมวดคิ้วฉับ พยายามทำความเข้าใจกับระบบการทำงานของแผนกต่างประเทศ ที่เมื่อก่อนดูเหมือนจะขึ้นตรงกับเวธน์และเขตแดน แต่ตอนนี้เมื่อมันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของธรณ์ ธรณ์จึงคิดว่าเป็นหน้าที่เขาที่ดูแลรับผิดชอบ ให้ดำเนินงานไปตามระบบเดียวกับแผนกอื่น

               “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง”

               “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะให้มิสเตอร์วิลสันนัดหมายวันที่ต้องการเข้าพบมานะครับ”

               “ได้เลยคุณภวินท์ รบกวนด้วยนะครับ”

               นับว่าภวินท์เป็นผู้ช่วยฝีมือดีของธรณ์ ที่นอกจากจะให้คำแนะนำแล้วยังคอยช่วยเหลือธรณ์เป็นอย่างดี จนการทำงานแต่ละวันของธรณ์ผ่านไปด้วยความรวดเร็ว เรียกว่าไม่ทันไรก็หมดวันแล้ว

               เวลาติดต่อประสานงานกับเขตแดน ธรณ์ก็พยายามลดความมึนตึงลง เขาไม่ค่อยหาเรื่องเขตแดนก่อน ตราบเท่าที่เขตแดนไม่มาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนตัว รวมถึงอุปนิสัยของเขา แต่ถ้าเป็นเรื่องงาน ธรณ์ก็ยอมรับฟังเป็นอย่างดี แต่คงไม่ใช่กับวันนี้ ที่เขตแดนรับหน้าที่ขับรถแทนเวธน์ และพาธรณ์ไปทานอาหารเย็นกับคุณสงคราม เพราะพอเลี้ยวพ้นออกมาจากบริษัทไม่ทันไร ผู้บริหารหนุ่มก็เอ่ยเสียงเรียบ โดยที่สายตายังจับจ้องถนนหนทางอยู่ ไม่ได้เหลียวมามองผู้ร่วมทางซักนิด

               “ช่วงนี้เห็นนายไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว ไม่ได้ขยันสร้างข่าวคาว ถ้าพ่อรู้คงดีใจ”

               ธรณ์ชะงักไปเล็กน้อย เพราะนับตั้งแต่วันที่โดนมอมยา เขาก็ห่างหายจากการตระเวนราตรีมาพอสมควร ถึงจะชอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่ธรณ์ก็ไม่ชอบ ถ้าเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากยา และเขาเองก็ไม่อยากจะคอยรบกวนชินดนัย ในกรณีที่เขาเกิดไปพลาดพลั้งเสียทีขึ้นมาอีกด้วย เลยตัดปัญหาด้วยการที่ไม่ออกไปไหนซะ

               “ผมนึกว่าคุณจะเป็นคนที่ดีใจที่สุดเสียอีก” ธรณ์แกล้งเย้า เพราะอีกฝ่ายมักจะค่อนขอดเขาเรื่องเที่ยวกลางคืนเป็นประจำ ดังนั้นน่าจะเป็นฝ่ายดีใจเสียมากกว่า ที่เขาไม่ออกไปไหน

               “แล้วฉันบอกนายตอนไหน ว่าฉันไม่ดีใจ” เขตแดนเอ่ยเสียงเรียบ หน้าตาก็ยังคงเรียบนิ่งเช่นกัน

               ความจริงแล้วเขตแดนก็อยากจะดีใจอยู่เหมือนกัน แต่วูบหนึ่ง ความคิดไร้สาระก็แล่นผ่านเข้าสู่ความคิดของเขาว่า หรือความจริงแล้วธรณ์อาจจะเพิ่งแน่ชัดกับรสนิยมของตนเอง หลังจากที่มีความสัมพันธ์กับชินดนัย เพราะเขตแดนเองก็สังเกต นับจากวันนั้นที่เขาคิดว่าธรณ์กับชินดนัยได้ก้าวข้ามผ่านเส้นความเป็นเพื่อนไป ธรณ์ก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก

               เขตแดนต้องยอมรับเลยว่า ถ้าเป็นเรื่องของธรณ์ทีไร เขามักจะไม่เป็นตัวของตัวเองทุกที แม้จะพยายามทำท่าสุขุม แต่คงมีเพียงเจ้าตัวที่รู้ดีว่า ความจริงแล้วเขากำลังร้อนรนมากเพียงใด

               เขาพยายามพร่ำบอกตัวเองว่า ที่เขาไม่ชอบ คงเป็นเพราะมันเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เขาจึงต้องว่ากล่าวตักเตือนธรณ์ในฐานะผู้ปกครอง แต่เขตแดนก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่า เขาหงุดหงิดจริงๆ ที่รับรู้ว่าธรณ์มีความสัมพันธ์กับใครไปทั่ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่ธรณ์เคยคั่วมาตลอด

               “ผมเกรงใจชินมันด้วย” ธรณ์เปรยเรียบๆ

               ทว่าคำพูดของธรณ์กลับทำเอาอารมณ์ของเขตแดนขุ่นมัวขึ้นมาอีกอย่างไม่มีสาเหตุ หากจะรู้ซักนิด สำหรับธรณ์แล้ว ความหมายในความเกรงใจของเขาคือ ไม่อยากรบกวนให้ชินดนัยต้องไปคอยหิ้วเขากลับ หรือมาคอยดูแลเขาอีก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

               แต่สำหรับเขตแดน เขาคิดว่าหลังจากที่ธรณ์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชินดนัยแล้ว ธรณ์อาจจะเกรงใจชินดนัย เลยละเว้นการเที่ยวกลางคืน คิดแล้วชายหนุ่มก็เผลอเกร็งข้อมือแน่น ยิ่งรับรู้ว่า ชินดนัยมีอิทธิพลกับธรณ์มากกว่าที่เขาคิด เขตแดนก็ยิ่งพาลหงุดหงิด ทั้งที่พยายามพร่ำบอกตัวเองว่า เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาควรจะมีสติมากกว่านี้ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่กัน ที่เรื่องของธรณ์กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็ก

               ไม่ใช่แค่เขตแดนที่มีอิทธิพลกับธรณ์ แม้แต่ธรณ์เองก็มีอิทธิพลกับเขตแดนไม่ต่างกัน

====================

[มีต่อนะคะ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2012 08:39:15 โดย Renze »

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25

               ตอนที่เขตแดนและธรณ์เข้ามาถึงบ้าน คุณสงครามกำลังนั่งเหม่อดูอัลบั้มรูป จนไม่ได้รับรู้ถึงการมาเยือนของลูกชายและหลานชาย ตราบจนกระทั่งธรณ์ไปหย่อนตัวลงนั่งข้างคุณสงคราม ผู้สูงวัยกว่าถึงได้รู้สึกตัวและหันมายิ้มกว้างให้ลูกชายและหลานชาย

               “ลุงคราม ดูอะไรอยู่ครับ ธรณ์เข้ามาแล้วยังไม่รู้สึกตัวเลย”

               แทนคำตอบ สงครามยื่นอัลบั้มรูปมาตรงหน้าธรณ์ ชายหนุ่มรับมาดูก่อนจะนิ่งไป จะเป็นรูปอะไรเสียอีกล่ะ นอกจากรูปพ่อเขากับคุณสงคราม โดยที่ในอ้อมแขนของคุณสงครามก็คือตัวเขาในวัยเด็ก และก็ยังมีเด็กชายเขตแดนอยู่ในภาพด้วย

               ธรณ์ละสายตาจากอัลบั้มรูป เบือนหน้ามาหาคุณสงคราม ก็เห็นอีกฝ่ายแย้มยิ้มให้อยู่ ก่อนจะเอ่ยเหมือนกับรำพึงกับตนเอง

               “นึกถึงสมัยก่อนนะ ช่วงประถม ธรณ์ติดเขตต์แจเลย”

               ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากของธรณ์และเขตแดน เหมือนทั้งคู่ต่างปล่อยให้ความคิดของตนเองล่องลอยกลับสู่ความทรงจำในวันวาน วันวานของเด็กชายธรณ์ วัยเจ็ดขวบ และเด็กชายเขตแดน วัยสิบสี่ปี วันวานที่แม้ผ่านไปนาน แต่ทุกอย่างยังคงแจ่มชัด แม้จะอยากลืมเลือนมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็วิ่งหนีอดีตไม่พ้น ได้แต่ปล่อยให้มันตกตะกอนอยู่ในใจ



               ภาพของเด็กชายตัวน้อย ที่เขตแดนต้องเจออยู่ทุกอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นคราวที่คุณสงครามพาเขาไปที่บ้านของคุณธีรยุทธ หรือการที่คุณธีรยุทธมาที่บ้านเขาก็ตาม กลายเป็นความเคยชินของเด็กหนุ่ม ที่เป็นลูกชายคนเดียว และไม่เคยมีน้องชายมาก่อน พ่อของเขามักจะขลุกอยู่กับคุณธีรยุทธในห้องหนังสือ ปล่อยให้หน้าที่ดูแลเด็กชายตัวน้อยเป็นของเขตแดน

               เมื่อก่อน เขาเองไม่มีโอกาสได้เจอธรณ์บ่อยนัก แต่หลังจากแม่หย่าร้างกับพ่อ ตอนเขาอายุเพียงสิบสาม คุณธีรยุทธก็คอยเข้ามาดูแล และให้ความช่วยเหลือเขาสองคนพ่อลูกเป็นอย่างดี แม้กระทั่งรับพ่อของเขาเข้าทำงาน จากที่แต่เดิมแล้ว พ่อของเขาทำงานอยู่ในสำนักงานกฎหมาย ก็กลายมาที่ปรึกษาทางกฎหมายของอิสระคอนสตรัคชั่น และยังรวมไปถึงการเป็นคนสนิทของคุณธีรยุทธ เขตแดนจึงปลูกฝังตัวเองและรับรู้มาตลอด ว่าคุณธีรยุทธมีบุญคุณกับเขามากแค่ไหน นับตั้งแต่แม่หย่าร้างกับพ่อและแต่งงานใหม่ไป โดยที่เขาไม่ได้รับข่าวคราวจากผู้เป็นแม่อีก คุณธีรยุทธก็กลายมาเป็นครอบครัวอีกคนของเขา เช่นเดียวกับเด็กชายธรณ์ตัวน้อย

               “อุ้ม...อุ้ม...อุ้มธรณ์หน่อย”

               “ทำไมไม่เดินเองล่ะ”

               ทั้งที่ถามออกไปแบบนั้น แต่เด็กหนุ่มกลับย่อตัวลงอุ้มเจ้าตัวเล็ก ที่กลายมาเป็นน้องชายของเขา เขาเข้าใจว่า ผู้ใหญ่ต้องคุยเรื่องงานและธุระกัน เลยรับอาสาว่าจะดูแลเจ้าตัวเล็กไม่ให้ไปป่วน และอีกสาเหตุที่คุณธีรยุทธพามาด้วย ก็เพราะแม่ของธรณ์สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไหร่ จึงไม่อยากปล่อยเด็กน้อยไว้กับผู้เป็นแม่ตามลำพัง

               “ธรณ์อยากขี่จักรยาน” เจ้าตัวเล็กบอกความต้องการของตนเอง เมื่อเห็นจักรยานคันเก่งของเขตแดนจอดแอบอยู่ข้างรั้ว

               “ขี่เป็นเหรอเราน่ะ ขนาดเดินยังไม่ยอมเดินเลย” เด็กหนุ่มอดค่อนร่างเล็กในอ้อมแขนไม่ได้

               ผิดจากที่เขตแดนคิดที่ไหนล่ะ คำตอบของเด็กชายธรณ์คืออาการส่ายหัวดิก บอกชัดว่าขี่ไม่เป็น แต่อยากจะขี่

               “นะ...ธรณ์อยากขี่”

               “ขี่ไม่เป็นแล้วจะขี่ได้ยังไงล่ะ เดี๋ยวหกล้มขึ้นมา อายุทธดุตายพอดี”

               “สอนธรณ์ไง สอนธรณ์ขี่นะ”

               ลงท้ายแล้ว เขตแดนก็ต้องเป็นคนสอนเจ้าตัวเล็กขี่จักรยาน แต่สอนได้ไม่กี่รอบ เจ้าตัวเล็กก็ย้ายมาซ้อนท้ายเขตแดนแทน ปล่อยให้เขตแดนเป็นคนปั่นให้ตัวเองนั่ง และหลังจากนั้น ธรณ์ก็ไม่ได้เรียกร้องจะขี่จักรยานอีก เพราะเจ้าตัวเอาแต่บอกว่า

               “ให้ธรณ์ซ้อนท้ายนะ...ให้ธรณ์ซ้อน...”



====================

               ธรณ์นั่งจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง ส่วนคุณสงครามก็แยกไปเตรียมอาหาร โดยมีเขตแดนคอยเป็นลูกมือ ชายหนุ่มที่นั่งว่างอยู่คนเดียว จึงเดินเลี่ยงออกมานั่งเล่นตรงสวนหน้าบ้าน แล้วสายตาก็พลันเห็นจักรยานคันเก่าแอบอยู่มุมหนึ่ง

               จักรยานที่ธรณ์เคยซ้อนท้ายเขตแดนสมัยยังเป็นเด็ก ผ่านมาถึงสิบห้าปี ย่อมมีสภาพทรุดโทรมไปตามวันและเวลา สนิมเกาะเกรอะกรัง เบาะนั่งก็มีฝุ่นจับจนสกปรก แม้จะไม่พัง แต่หากจะนำมาใช้งานอีกรอบ ก็คงต้องซ่อมแซมและทำความสะอาดขนานใหญ่

               ธรณ์ได้แต่ถอนหายใจยาว ความสัมพันธ์ของเขากับเขตแดน ก็คงไม่ต่างอะไรกับจักรยานคันนี้ ที่มันทิ้งช่วงมานาน จนถูกสนิมเกาะแล้ว ทำยังไงก็คงไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้

               แต่ธรณ์คงลืมไปว่า...ถึงจักรยานมันจะเก่า แต่เขตแดนก็ไม่ได้ทิ้งมันไป

               คงไม่มีใครรู้ว่า นับจากวันนั้น ธรณ์ก็ไม่เคยหัดขี่จักรยานอีกเลย เพราะเด็กชายธรณ์ในตอนนั้น มั่นใจว่าจะมีพี่ชายตัวโตคอยปั่นให้เขาซ้อนตลอด เขาจึงไม่จำเป็นต้องหัดขี่จักรยานให้ได้ เพราะไม่ว่าเมื่อใดที่อยากขี่ ธรณ์ก็แค่กระตุกชายเสื้อคนตัวโตกว่า และบอกว่า...

               ‘ให้ธรณ์ซ้อนท้ายนะ...’

               ถ้าตอนนี้จะต้องมีใครซักคน ที่นำจักรยานคันเก่ามาปัดฝุ่นและขัดสนิมออก ธรณ์ก็ไม่แน่ใจว่า คนนั้นควรจะเป็นเขา คนที่ขี่จักรยานไม่เป็น แต่อยากจะซ้อนท้าย หรือคนที่ขี่จักรยานเป็น และคอยขี่ให้เขาซ้อนท้ายอย่างเขตแดนกันแน่

               ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน พอดีกับที่คุณสงครามและเขตแดนกำลังช่วยกันลำเลียงอาหารมาวางเต็มโต๊ะพอดี คุณสงครามนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ส่วนเขตแดนกับธรณ์ก็นั่งตรงข้ามกัน ระหว่างมื้อก็มีคุณสงครามที่เป็นฝ่ายชวนคุยอยู่ตลอด

               “เริ่มทำงานแล้วเป็นยังไงบ้างธรณ์”

               “ก็ดีครับลุงคราม สนุกดีเหมือนกัน ธรณ์ทำงานอยู่แผนกต่างประเทศน่ะครับ”

               คุณสงครามฟังคำตอบจากหลานชาย แล้วก็ปรายตามองลูกชายที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวแวบหนึ่ง เพราะเท่าที่จำได้ เขตแดนเคยบอกว่าจะให้ธรณ์มาเป็นผู้ช่วย แต่คุณสงครามก็ท้วงติงไป นี่แสดงว่าเขตแดนก็ยังฟังเขาอยู่บ้าง ที่ไม่ดึงดันเอาธรณ์ไปเป็นผู้ช่วย

               “ยังไงมีอะไรก็ปรึกษาพี่เขาละกันนะธรณ์”

               “ครับ”

               ผู้สูงวัยอดแปลกใจไม่ได้ เพราะคิดว่าหลานชายจะต้องคัดค้าน แต่ธรณ์กลับรับคำโดยที่ไม่ได้โวยวายอะไรออกมา ธรณ์เองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเสตักกับข้าวใส่จานคุณสงคราม แล้วก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่นแทน

               พอจัดการกับอาหารเย็นเสร็จ ธรณ์ก็เลี่ยงขอตัวออกมายืนสูบบุหรี่หน้าบ้าน คงมีแค่เขาที่รู้ดีว่า สาเหตุที่เขาไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเขายอมรับแล้ว ว่าอย่างไรเขตแดนก็มีความสามารถมากกว่าเขา ไม่ว่าวันใดวันหนึ่งเขาก็ต้องขอคำปรึกษาจากเขตแดนอยู่ดี เพียงแต่ยังไม่อยากเอ่ยยอมรับออกมาเป็นวาจาให้ตนเองรู้สึกเสียหน้าก็เท่านั้น

               ในเมื่อเขายอมรับว่าเขตแดนมีความสามารถ คนฉลาดอย่างธรณ์ก็จะตักตวงความรู้ทุกอย่างจากเขตแดนให้ได้มากที่สุด ถ้าเขตแดนรู้สิบ เขาจะต้องรู้ร้อย ถ้าเขตแดนรู้ร้อย เขาจะต้องรู้พัน นี่คือสิ่งที่ธรณ์หมายมาดในใจ

               ธรณ์กำลังจะหยิบบุหรี่มวนที่สองมาจุดสูบ แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะก่อนเขาเดินออกมา คุณสงครามก็ทักท้วงเรื่องที่เขาสูบบุหรี่ ว่าถึงจะเลิกไม่ได้ ก็อยากให้ลดลงบ้างก็ยังดี ชายหนุ่มกดซองบุหรี่กลับเข้ากระเป๋าเสื้อดังเดิม ก่อนจะหันหลังกลับเข้าบ้าน

               พอกลับเข้ามาในบ้าน ธรณ์ก็ต้องแปลกใจ เพราะไม่พบทั้งคุณสงครามและเขตแดน เขาคิดว่าจะขอตัวกลับบ้านแล้ว เลยเดินหาคุณสงครามและเขตแดน บ้านนี้เขาเองก็เคยมาอยู่หลายครั้งสมัยเด็ก แม้จะห่างหายไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ลืมเลือนไป จึงไม่ใช่เรื่องยากในการที่จะเดินหาเจ้าของบ้าน

               ธรณ์เดินเข้าไปในห้องครัวก่อนเป็นอันดับแรก แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่พบใคร มีเพียงจานชามที่ล้างเรียบร้อยแล้ว และวางคว่ำอย่างเป็นระเบียบ ชายหนุ่มเดินตรงไปยังห้องหนังสือ ที่พ่อของเขามักจะชอบขลุกอยู่กับคุณสงครามเป็นประจำ กำลังจะหมุนลูกบิดประตูเปิดออก ก็ต้องชะงัก เพราะบทสนทนาที่ดังลอดออกมา มันไม่ดังเลย แต่เพราะเขามายืนอยู่หน้าห้อง จึงได้ยินชัดเจนพอสมควร

               “พ่อเลิกรู้สึกผิดเรื่องอายุทธซักทีเถอะ”

               “แต่...”

               “ที่อายุทธตายมันไม่ใช่ความผิดของพ่อ มันเป็นอุบัติเหตุ”

               ธรณ์ขมวดคิ้วทันทีด้วยความสงสัย ในมนุษย์ทุกคน ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตน ธรณ์แนบหูเข้ากับบานประตู แม้จะรู้ดีว่ามันเป็นการเสียมารยาทสำหรับการที่เขามายืนแอบฟัง

               “เขตต์ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวน้องได้ยิน”

               “ธรณ์ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้านครับ อีกอย่าง ไม่ว่ายังไงธรณ์ก็ต้องรู้อยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็ว พ่อเลิกโทษตัวเองซักทีเถอะ...”

               “ถ้าวันนั้น คุณยุทธไม่เข้ามาบังพ่อไว้ คนที่โดนยิงก็ต้องเป็นพ่อ คนที่ตายก็ต้องเป็นพ่อ ไม่ใช่คุณยุทธ และธรณ์ก็ไม่ต้องกำพร้าทั้งพ่อและแม่”

               ชายหนุ่มผละออกห่างจากประตู ดวงตาฉายแววสับสน ก่อนเขาจะหมุนลูกบิดประตูเปิดออก บุคคลที่อยู่ข้างในหันมามองเขา ก่อนจะเบิกตากว้าง แต่ธรณ์ไม่ได้สนใจ สายตาเขาจับจ้องที่คุณสงคราม ก่อนจะเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบ ทว่าชัดถ้อยชัดคำ


               “เล่าทุกอย่างให้ธรณ์ฟังหน่อยได้ไหมครับ ลุงคราม”


TO BE CONTINUE


๐ ตอนที่ 6 มาเร็วกว่าที่คิด แถมมายาวๆ ดีใจที่ยังมีคนรอติดตามอยู่นะคะ
๐ ขอโทษด้วยนะคะ ที่คุณเขตต์ไม่ได้เป็นคนช่วยธรณ์ โอกาสหน้านะธรณ์ // ห๊ะ? O_O
๐ อาจจะปรับเปลี่ยนอายุของเขตแดนตามคำแนะนำ ปรึกษาคนข้างๆแล้ว ลงความเห็นว่าน่าจะเพิ่มอีกนิด เดี๋ยวจะค่อยๆปรับนะคะ
๐ ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ ยินดีรับฟังทุกคำติชมค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
แถวบ้านเรียกหึงนะพี่เขต


It_s_me

  • บุคคลทั่วไป
เข้าใจผิดแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะเปิดใจให้กันเล่า?
พอกันทั้งพี่เขตและน้องธรณ์ ท่ามาก ปากหนัก
แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นการพัฒนาว่าเขตแดนหึงธรณ์ ยะฮู้ววว
แล้วเมื้อไหร่น้องจะหึงพี่บ้างหนอ???
ว่าแต่ชินดนัยไปรู้เรื่องอะไรมา เรื่องเดียวกับที่เขตคุยกับพ่อหรือเปล่า
สงสัยและรอต่อไป มาไวไวนะจ๊ะ จุ๊บ!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ชอบชินมากเลยอ่ะ  เป็นเพื่อนที่ดี หาได้ยากยิ่ง

อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่ชินไม่อยากบอกธรณ์ตอนนี้ และแล้วเรื่องพ่อของธรณ์ก็กำลังจะเปิดเผย

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
รอลุ้นตอนต่อไปคะ :z2:
 :L1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
อยากรู้ทุกอย่างพอๆกันธรณ์เลยค่ะ^^

ออฟไลน์ r4inbow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
พึ่งเข้ามาตามอ่านทีเดียว 6 ตอนรวดเลย ^^
สนุกมากค่ะ ทิ้งปมไว้ให้น่าลุ้นและดำเนินเรื่องต่อเนื่องมากเลย
จะติมตามต่อนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
 :L2:

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
โอ๊ะโอ~~~~ คุณพี่เขตหึงค่ะ ฮ่าๆๆ  :laugh:

หึงแต่ต้องเก็บอาการ ทรมานแย่เลยนะคุณพี่เขต

แต่ยังไม่รู้ตัวค่ะ ยังนะคะคุณ


ออฟไลน์ sujusaranghae

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สนุกมาก อัพเร็วๆนะคะ รออ่านอยู่ ><
ชอบพี่เขตกะน้องธรณ์จัง

แอบเสียดายคนมาช่วยคือชินไม่ใช่เขต

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ว่าแล้วว่าเขตต์ต้องเข้าใจผิดคิดว่าธรณ์มีอะไรกับชินดนัย
แต่เราก็อยากรู้ความจริงเหมือนกันเรื่องพ่อธรณ์

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25

“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 7


               ความเงียบงันที่น่าอึดอัดเข้าปกคลุมห้องหนังสือของบ้านเกียรติณรงค์อยู่นาน ก่อนที่เขตแดนจะเป็นคนเริ่มเอ่ยปาก ด้วยท่าทีที่เรียบสงบ ราวกับว่าเขาเองก็รอเวลาที่ธรณ์จะเอ่ยถามอยู่เช่นกัน

               “นั่งลงก่อนสิ”

               ธรณ์นั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตรงข้ามเขตแดน ส่วนคุณสงครามเลี่ยงออกมายืนหันหน้าเข้าหาหน้าต่าง คล้ายกับจะพยายามละเว้นการสบสายตาหลานชาย

               “ลุงครามครับ...” ธรณ์เอ่ยกระตุ้นผู้สูงวัยกว่าที่ยืนทอดสายตามองสวนหน้าบาน คุณสงครามชะงักเล็กน้อย หันหน้ามามองหลานชายแวบหนึ่ง ก่อนจะเบือนสายตากลับไปยังสวนหน้าบ้าน

               “พ่อของธรณ์ถูกยิง ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่เป็นข่าว”

               “เขามีศัตรูด้วยหรือครับ?”

               สำหรับวงการธุรกิจ มีคนเคยกล่าวว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร มิตรในวันนี้ อาจกลายมาเป็นศัตรูในวันข้างหน้า จากข่าวเดียวที่เขาเห็นผ่านตา ก็ระบุว่าน่าจะมาจากการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ธรณ์รู้ดีว่า สำหรับการทำธุรกิจแล้ว คุณธีรยุทธจัดว่าเหลี่ยมจัดพอสมควร พ่อของเขา เรียกได้ว่ามีความเป็นนักธุรกิจมากกว่าความเป็นพ่อเสียอีก

               “เพราะลุงเอง...” เสียงของคุณสงครามแหบระโหย

               เพราะว่าผู้ที่ธรณ์นับถือเป็นลุง และเปรียบเสมือนพ่ออีกคนของเขา ไม่ได้หันหน้ามาสบตา ชายหนุ่มจึงไม่อาจจะรับรู้ได้ว่า ขณะที่พูด อีกฝ่ายกำลังมีสีหน้าเช่นไร

               “ความจริงแล้ว เป้าหมายของมือปืนคือลุงต่างหาก”

               ธรณ์เบิกตากว้าง แทบไม่อยากจะเชื่อว่า คนที่ตกเป้าหมายจะเป็นคุณสงคราม ที่สำหรับธรณ์แล้ว คุณสงครามเปรียบเสมือนสายน้ำเย็น ที่คอยให้ความชุ่มชื่นและหล่อเลี้ยงหัวใจของเขา ถ้าบอกว่าคุณธีรยุทธเป็นฝ่ายสร้างศัตรู ยังน่าเชื่อกว่าคุณสงครามเสียอีก เพราะธรณ์นึกออกแต่ภาพของลุงครามที่แสนใจดีและอบอุ่นของเขาเท่านั้น

               “ทำไมครับ?...”

               “เรื่องมันยาว ตั้งแต่สมัยก่อนที่ลุงยังทำงานอยู่สำนักงานกฎหมายอยู่ มีคดีหนึ่งที่ลุงว่าความ แล้วไปขัดผลประโยชน์ผู้มีอิทธิพลเข้า”

               แค่คุณสงครามเกริ่น ธรณ์ก็พอเดาเรื่องออกจนเกือบหมด ผู้มีอิทธิพลนั่นก็คงจะส่งมือปืนมาเก็บคุณสงคราม แต่บังเอิญว่าพ่อของเขาอยู่ด้วย แล้วพ่อของเขาก็ออกรับกระสุนแทน จนมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

               “แล้วทำไมลุงครามไม่เคยบอกธรณ์”

               “ลุงเป็นต้นเหตุให้พ่อของธรณ์ตาย ถ้าเกิดคุณยุทธไม่มาบังลุง ทุกอย่างก็คง...”

               ธรณ์ก็บอกตัวเองไม่ถูก ว่าเขาควรจะรู้สึกอย่างไรดีเมื่อรู้สาเหตุที่แท้จริง คุณสงครามไม่ใช่แค่คนสนิทของพ่อ แต่เป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมานานด้วย ถ้าเขาอยู่ในเหตุการณ์...เขาอาจจะเลือกทำเหมือนพ่อ เขาเองก็มีเพื่อนสนิทอย่างชินดนัย ที่พร้อมจะช่วยเขาอยู่ตลอดเวลา เขาย่อมเข้าใจความรู้สึกดี

               การรับรู้ว่า แท้ที่จริงผู้เป็นพ่อถูกฆ่า แทนที่จะเป็นอุบัติเหตุ มันย่อมสร้างความรู้สึกที่แตกต่าง แต่พอลองพิจารณาด้วยเหตุผลแล้ว ธรณ์ก็ต้องยอมรับกับตัวเอง เขาไม่อาจจะโกรธหรือเกลียดคุณสงคราม อย่างที่อีกฝ่ายกังวลได้เลย เพราะสำหรับเขาแล้ว คุณสงครามก็เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเขา ถ้าเลือกได้ ธรณ์ก็ไม่อยากสูญเสียใครไปทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือคุณสงคราม แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ เขาก็ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

               ถึงจะโกรธผู้เป็นพ่อมากเพียงไร ตอนที่ถูกส่งไปเรียนต่อเมืองนอก ด้วยวัยเพียงแค่สิบห้า เด็กชายธรณ์ต้องใช้ชีวิตตามลำพัง เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเอง แต่ธรณ์ก็ไม่เคยนึกอยากให้ผู้เป็นพ่อจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขารู้ดีว่า ทุกอย่างที่ทำลงไปทั้งหมดทั้งมวล เขาก็แค่ต้องการเรียกร้องความสนใจของคุณธีรยุทธ ให้หันจากเขตแดนมาหาเขาบ้าง...ก็เท่านั้นเอง

               ลึกลงไปแล้ว ชายหนุ่มก็รู้สึกผิดอยู่ตลอด ที่ไม่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ เพียงแต่สำหรับผู้เป็นพ่อ มันยังเหมือนมีทิฐิมาขวางกั้นสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกเอาไว้ ธรณ์ก็ได้แต่หวังว่ามันจะจางหายไปในเร็ววัน แต่ทุกครั้งที่พยายามลืมเลือน มันก็ยิ่งตอกย้ำความทรงจำในวันวาน ที่เขาถูกผู้เป็นพ่อละเลย จนต้องเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีที่ผิด และนำไปสู่ความบาดหมางของสองคนพ่อลูก โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกันอีกเลย

               “อย่าโทษตัวเองเลยครับ ถ้าเขาไม่บังลุงคราม คนเจ็บก็ต้องเป็นลุงครามอยู่ดี และถ้าลุงครามเป็นคนเจ็บ ผมก็ไม่ดีใจอยู่ดี”

               “ถ้าธรณ์ไม่โกรธลุง ลุงอยากให้ธรณ์...ให้อภัยพ่อด้วยได้ไหม”

               ธรณ์ถึงกับชะงัก เขาก็พอรู้ความต้องการของคุณสงครามอยู่บ้าง คุณสงครามโทษว่าตนเองเป็นสาเหตุให้พ่อของเขาตาย แต่เขากลับไม่นึกโกรธหรือแค้นเคืองอีกฝ่าย ขณะที่พ่อของเขา ปล่อยให้แม่นอนป่วยอยู่ตามลำพัง จนตัวเขาเองเป็นฝ่ายโทษว่า ที่แม่ต้องตายก็เพราะพ่อ เพราะพ่อไม่เคยเหลียวแล คุณสงครามคงอยากจะบอกเขาว่า...

               ในเมื่อเขาไม่โกรธคุณสงคราม เขาก็ไม่ควรจะโกรธคุณธีรยุทธด้วย

               “ผมจะพยายามครับ”

               “ถ้าอย่างนั้นวันหยุดที่จะถึง เราไปไหว้คุณยุทธกับคุณอัจฉรากันเถอะ เพราะตั้งแต่คุณยุทธเสียไป ธรณ์ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปไหว้เสียที จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย”

               “ครับ”

               “คุณยุทธเขาไม่ได้ไม่รักธรณ์หรอกนะ แต่แค่เขาอาจจะคาดหวังกับธรณ์มากไปหน่อย แต่ลุงมั่นใจว่า ถ้าตอนนี้คุณยุทธยังอยู่ เขาต้องภูมิใจในตัวธรณ์แน่นอน”

               แม้ธรณ์จะเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ตอบรับ แต่คุณสงครามก็รู้ดีว่าหลานชายรับฟังเขา และกำลังคิดตามอยู่ ผู้สูงวัยกว่าคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แม้จะสามารถยกภูเขาออกจากอกได้ลูกหนึ่ง แต่ก็ยังเหลือภูเขาลูกโตที่ทับถมจิตใจเขาอยู่ ได้แต่หวังว่า...คงจะไม่มีใครขยับเขยื้อนภูเขาอีกลูกที่อยู่ในอก เพราะภูเขาลูกที่เหลือ มันไม่ได้ยกออกจากอกง่ายอย่างที่ใครหลายคนคิดเลยซักนิด

               แม้จะรู้ว่าความลับไม่มีในโลก แต่เรื่องบางเรื่อง เขาก็อยากให้มันตายไปพร้อมกับเขามากกว่า

====================

               การที่ธรณ์ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างอย่างง่ายดายก็ถือเป็นเรื่องดี แต่มันดูขัดกับลักษณะนิสัยของธรณ์ จนเขตแดนเองยังนึกสงสัยครามครัน ว่าเกิดอะไรผิดปกติกับเจ้าตัวหรือเปล่า และเขาเองก็อดไม่ได้ ที่ต้องเอ่ยปากถามออกมา

               “ดูนายยอมรับทุกอย่างได้ง่ายกว่าที่คิดนะ”

               ธรณ์ไหวไหล่เล็กน้อย เขาเดินไปหยิบบรั่นดีออกมาจากตู้ พร้อมกับแก้วสองใบ รินใส่แก้วใบแรก แล้วส่งให้เขตแดน ที่รับมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ส่วนอีกแก้วก็ถือไว้เอง

               “ดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม”

               “นายไม่นึกโกรธอะไรเลยหรือ แปลก!...เหมือนไม่ใช่ธรณ์ อิสรพัฒน์”

               ธรณ์แค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ แล้วนั่งลงตรงข้ามเขตแดน

               “แล้วแบบไหนล่ะที่ต้องเป็นธรณ์ อิสรพัฒน์ล่ะครับ ถามตัวคุณเองเถอะ ถ้ากลับกันแต่เป็นพ่อของคุณ คุณจะโกรธพ่อของผมไหม”

               “มันเป็นอุบัติเหตุ”

               แม้เขตแดนจะไม่ได้พูดออกมาตามตรง แต่ธรณ์ก็รู้ดีว่า ถ้าอีกฝ่ายเป็นเขาก็คงไม่รู้จะนึกโกรธแค้นไปทำไม สำหรับเขาเองก็เช่นกัน เรื่องมันผ่านมานานพอสมควรแล้ว มันไม่ใช่เพิ่งมาเกิดขึ้น คนที่เสียชีวิตก็จากไปแล้ว เหลือแต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่ต้องดำเนินชีวิตต่อไป

               “นั่นแหล่ะ ผมก็เข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” เอ่ยเสร็จแล้วธรณ์ก็เงียบ ได้แต่คลึงแก้วเล่นไปมา

               เขตแดนมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของธรณ์ก่อนจะถอนหายใจ ธรณ์เองคงไม่อยากจะนึกโกรธแค้นอะไรคุณสงครามหรอก เพราะตอนนี้คุณสงครามก็เปรียบเสมือนสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวของเขา ในเมื่อทั้งพ่อและแม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว ธรณ์ก็เหลือเพียงคุณสงคราม ที่เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเขา

               “คุณ...ขึ้นไปนอนเลยก็ได้ อีกเดี๋ยวผมก็คงจะขึ้นไปนอนแล้ว” ธรณ์เอ่ยบอก โดยไม่ได้หันหน้ากลับมามองเขตแดน

               นักธุรกิจหนุ่มมองอีกฝ่ายนิ่ง เหมือนเขาเห็นเกราะกำบังที่ธรณ์พยายามสร้างขึ้นมา แต่ในเมื่อธรณ์เองก็พยายามลดทิฐิของตัวเอง เขาเองก็ควรจะลดราวาศอกด้วยเช่นกัน

               “นาย...มีอะไรไม่สบายใจ จะระบายให้ฉันฟังก็ได้นะ”

               น่าแปลก ที่แค่คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขตแดน เรียกสายตาธรณ์ที่หันขวับมามอง แล้วก็เอ่ยออกมาตามที่ใจคิด

               “ทำไม คุณนึกอยากจะลองเปลี่ยนมาเล่นบทพี่ชายใจดีดูบ้างหรือครับ”

               “ได้ไหมล่ะ...”

               “ก็คงจะได้ล่ะครับ ตราบเท่าที่พี่ชายไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผมมากเกินไป”

               “ฉันก็คงไม่ยุ่ง ถ้านายไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่มันไม่ดี”

               ดวงตาสองคู่สบประสานกัน ราวกับจะไม่มีใครยอมให้ใคร แต่สุดท้าย ก็ต้องมีคนยอมแพ้และผละออกมาก่อน ธรณ์เบือนหน้าหนี กระดกบรั่นดีอึกสุดท้ายเข้าปาก เขากระตุกมุมปากยิ้มเล็กน้อยขณะผุดลุกขึ้นยืน โน้มตัวมากระซิบข้างหูเขตแดนเสียงแผ่ว

               “ขอผมคิดดูก่อนละกันครับ ว่าอยากมีพี่ชายหรือเปล่า”

               พูดทิ้งท้ายเสร็จ ธรณ์ก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงลมหายใจร้อนข้างหูเขตแดน และกลิ่นบรั่นดีกรุ่นจมูก ที่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดไปเองหรือเปล่า ว่ากลิ่นบรั่นดีที่โชยออกมาจากริมฝีปากของอีกฝ่าย มันหอมเย้ายวนมากกว่าบรั่นดีในแก้วของเขา จนนึกสงสัยครามครันว่า...


               หากได้ลิ้มรสบรั่นดีจากริมฝีปากของธรณ์ มันจะนุ่มลิ้นกว่าดื่มจากแก้วหรือเปล่า?...

====================

               ไม่กี่วันต่อมา ธรณ์ก็นัดชินดนัยออกมานั่งเล่นที่ร้านอาหารกึ่งผับ เขาสั่งอาหารมาพอสมควร แต่ดูเหมือนจะเน้นหนักไปที่การนั่งฟังเพลงเสียมากกว่า เพราะร้านอาหารที่นัดหมายมาเจอกัน เป็นร้านอาหารที่มีวงดนตรีสดมาเล่นสร้างความบันเทิงให้ลูกค้า

               “ชิน...มึงไม่ต้องสืบเรื่องพ่อกูแล้วนะ” ธรณ์เอ่ยเสียงเรียบ พาดแขนกับพนักเก้าอี้ ก่อนจะฮัมเพลงออกมา

               ชินดนัยหันมามองหน้าธรณ์แวบหนึ่งด้วยความฉงน

               “ทำไม?”

               “กูรู้เรื่องหมดแล้วเหรอ”

               “มึงรู้มาจากใคร” ชินดนัยเอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่ข้างในใจกำลังครุ่นคิดว่า ธรณ์รับรู้อะไรมาบ้าง

               “ลุงครามไง บังเอิญกูได้ยินเขาคุยกับคุณเขตต์ กูก็เลยถาม แล้วเขาก็เล่าให้กูฟัง”

               “เล่าให้กูฟังหน่อยสิ”

               ธรณ์ตั้งต้นเล่าเรื่องที่คุณสงครามเล่าให้เขาฟัง ให้ชินดนัยได้รับรู้ด้วยท่าทางสบาย สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่วงดนตรีบนเวที ถ้าเพียงแต่ธรณ์จะหันมามองซักนิด คงจะเห็นท่าทางของชินดนัยว่าดูเคร่งเครียดจนผิดสังเกต พอเล่าจบแล้ว ธรณ์จึงหันกลับมาหาชินดนัย

               “ก็เนี่ยแหล่ะ กูเองก็ไม่รู้จะโกรธลุงครามไปทำไม เพราะเขาก็เหมือนพ่ออีกคนของกู”

               “มึงว่าไม่แปลกเหรอ ที่พ่อมึงเอาตัวเองบังลุงครามที่เป็นคนสนิทน่ะ”

               “ตอนแรกกูก็คิด แต่ลุงครามไม่ใช่แค่คนสนิทของพ่อกูนะมึง เขาเป็นเพื่อนสนิทกันมานานแล้วด้วย ทีมึงยังช่วยอะไรกูตั้งหลายอย่างเลย”

               “เขาเล่าแค่นี้เองเหรอ”

               “อืม...ก็เล่าแค่นี้เอง มึงมีอะไรหรือเปล่า”

               “เปล่า อเล็กซ์มันจะกลับจากสิงคโปร์พรุ่งนี้นะ” ชินดนัยเลี่ยงเปลี่ยนเรื่องไปยังเพื่อนสนิทอีกคนแทน ธรณ์เองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเท่าไหร่

               “กูเกือบลืมว่าพามันมาจากนิวยอร์กด้วยแล้วนะเนี่ย เจอกันอยู่ไม่กี่วัน มันก็หายหัวไปเลย” ธรณ์อดค่อนเพื่อนรักอีกคนไม่ได้ ความจริงแล้วก็พอรู้อยู่ว่า เหตุผลที่อเล็กซ์ตามมา ก็หนีไม่พ้นธุรกิจของครอบครัวคาร์เตอร์นั่นแหล่ะ

               “มันมาทำงานมึงก็รู้”

               ธรณ์ยักไหล่ ก่อนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน พอเงยหน้าอีกทีก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใครบางคนเขามาอยู่ในกรอบสายตา เขาถอนหายใจยาว ทำเอาชินดนัยต้องหันมามองตามสายตาธรณ์ แล้วก็ต้องลอบถอนหายใจออกมาไม่ต่างกัน ก่อนชินดนัยจะแกล้งกระเซ้าเพื่อนที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก

               “โจทก์มึงนี่ธรณ์”

               ธรณ์ขยับจะหาทางหนีทีไล่ แต่ก็ไม่ทันแล้ว เมื่ออีกฝ่ายหันมาเห็นเขาเข้า แล้วตรงปรี่เข้ามาหา ชายหนุ่มได้แต่ทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้กลืนยาขม ขณะที่ชินดนัยเอาแต่หัวเราะในลำคอ

               “ธรณ์คะ หนีกลับมาไม่บอกไม่กล่าวกันเลยนะคะ”

               ในบรรดาผู้หญิงที่ธรณ์เคยควงมาทั้งหมด ชายหนุ่มอยากจะยกเจนจิราขึ้นทำเนียบ ผู้หญิงที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมากที่สุด ธรณ์เจอเจนจิราตอนงานเลี้ยงของนักเรียนไทยที่นิวยอร์ก รู้มาว่าครอบครัวของเธอก็อยู่ในวงการก่อสร้างเหมือนกัน และยังเป็นลูกสาวของนายกสมาคมธุรกิจก่อสร้าง เจนจิรามาเรียนต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ที่นิวยอร์ก ตอนแรกธรณ์เองคิดแค่ว่าจะคบหาเป็นเพื่อนกัน แต่หญิงสาวดูแสดงออกชัดเจนว่าอยากเป็นมากกว่านั้น เขาก็เลยสนองให้ ก่อนจะรู้ว่าพลาดที่สุด

               “ผมแค่กลับมาตามกำหนดน่ะ เพราะเรียนจบแล้วก็กลับเลย ไม่ทันได้บอกใครหรอก”

               “โชคดีนะคะ ที่เจ้าของร้านเป็นเพื่อนกับเจน ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจะไปหาตัวหนุ่มเนื้อหอมได้ที่ไหน” พูดจบ เจนจิราก็ถือวิสาสะเบียดตัวลงนั่งข้างธรณ์ทันที

               ธรณ์ขยับตัวเล็กน้อย แต่หญิงสาวก็ยังเบียดตามมา จนชายหนุ่มจนใจ จะผู้หญิงที่เรียบร้อยหรือร้อนแรง ธรณ์ก็ผ่านมาหมด และทุกคนก็รับรู้ดีว่า เป็นได้แค่คู่ควงสำหรับเขา หรืออย่างมากก็คู่นอน มีเพียงหญิงสาวข้างกายเขานี่ล่ะ ที่พยายามจะมาเป็นตัวจริงของเขา

               “ไว้ให้เจนไปหาธรณ์ที่บริษัทบ้างได้ไหมคะ ช่วงนี้เจนว่างมากเลย”

               “อย่าดีกว่า ผมต้องทำงานน่ะ”

               ถ้าเลี่ยงได้ ธรณ์ก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงผู้หญิงอย่างเจนจิรา เพราะขนาดเขามีความสัมพันธ์กับเธอแค่หนเดียว หญิงสาวยังตามรังควานจนคู่ควงคนอื่นของเขากระเจิง และหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นตัวจริงของเขาอีกต่างหาก ธรณ์เหลือบตามองชินดนัยเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ  ชินดนัยถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เวลามีความสุขก็มีอยู่คนเดียว แต่พอทุกข์กลับต้องมาร่วมด้วยช่วยกัน

               “ธรณ์ ไหนมึงบอกมีธุระต่อไง”

               “นี่คุณยังไม่เลิกกีดกันเจนกับธรณ์อีกเหรอคะ ชิน”

               ชินดนัยแทบจะกุมขมับ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่เขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเจนจิราซักเท่าไหร่ ก็เพราะสาวเจ้าเป็นอย่างนี้น่ะสิ เอาแต่หาว่าเขากีดกัน ไม่ได้ดูเลยว่า ผู้ชายที่เธอหมายปองน่ะไม่ได้มีใจให้

               “ผมมีธุระจริงๆ ไว้โอกาสหน้าค่อยเจอกันดีกว่า”

               ธรณ์ปลดมือหญิงสาวที่เกาะกุมแขนเขาออกอย่างสุภาพ กำลังจะเรียกพนักงานมาคิดเงิน แต่ชินดนัยก็บอกให้เขาไปรอที่รถเลย เดี๋ยวอีกฝ่ายจะเป็นคนจัดการเอง ธรณ์เลยผละออกมา จากหางตาเห็นว่าเจนจิราพยายามที่จะตามเขามา แต่โดนชินดนัยดึงเอาไว้เสียก่อน

               ช่วงนี้เขายอมรับเลยว่า ไม่ค่อยจะมีอารมณ์อยากหลับนอนกับใครเท่าไหร่ นับตั้งแต่วันที่ชินดนัยช่วยเขาปลดปล่อยด้วยมือ ไม่ใช่ว่าเพลย์บอยอย่างธรณ์จะมาหลงใหลได้ปลื้มไปกับมือของเพื่อนรัก แต่...


               ชั่วขณะที่ชินดนัยกำลังช่วยเขาอยู่ ทำไมเขาถึงเห็นภาพหลอนว่าอีกฝ่ายเป็นเขตแดนไปเสียได้ !!

====================

[มีต่อนะคะ]

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด