“ รักคืนรัง ”
ตอนที่ 3
ยามเช้าวันเสาร์ ร่างผอมสูงที่ยังมีอาการเจ็ทแลคตกค้างก็ยังคงตื่นเช้ากว่าปกติ แม้ว่าจะรู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะน่าจะอีกราวเกือบหนึ่งอาทิตย์ กว่าร่างกายของชายหนุ่มจะปรับตัวเข้ากับเวลาของบ้านเกิด จนสมองและร่างกายเริ่มทำงานสอดคล้องกับเวลา
ธรณ์ อิสรพัฒน์ยืนสูบบุหรี่กลิ่นเมนทอลราคาแพง ที่ลงทุนขนกลับมาเพราะความชอบส่วนตัวอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน แต่แม้ว่าจะตื่นแต่เช้าจนผิดปกติวิสัยของตนเอง ธรณ์ก็พบว่ายังมีคนตื่นก่อนเขา พอชายหนุ่มเอ่ยถามป้าอุ่นถึงเขตแดน หญิงวัยกลางคนก็ช่วยคลายความสงสัยว่า
“คุณเขตต์เธอกลับบ้านตัวเองแต่เช้าแล้วค่ะ”
“หืม?...กี่โมงกันครับป้าอุ่น นี่ผมว่าผมก็ตื่นเช้าแล้วนะครับ”
“ซักหกโมงแน่ะค่ะ คุณเขตต์เธอลงมารับกาแฟถ้วยเดียวแล้วก็กลับบ้านเลยค่ะ”
ธรณ์เบิกตาเล็กน้อยอย่างนึกทึ่งกับความจริงที่เพิ่งรับรู้ จริงอย่างที่อีกฝ่ายเคยกล่าว ที่ว่ามาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์อิสรพัฒน์แค่วันจันทร์ถึงศุกร์ พอเช้าวันเสาร์ก็ตรงกลับบ้านของตนเอง และจะกลับมาอีกทีก็เป็นช่วงเย็นของวันอาทิตย์ หรืออาจจะเลยเป็นช่วงหัวค่ำเลย แต่ก่อนจะกลับบ้าน เขตแดนก็ยังอุตส่าห์จัดการทุกสิ่งทุกอย่างจนเรียบร้อย
เมื่อวาน เวธน์เป็นธุระจัดการเกี่ยวกับเอกสารทางราชการของธรณ์ และยังจัดการเรื่องบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็ม จนธรณ์ อิสรพัฒน์เหมือนกลับมาติดปีกอีกหน และตอนนี้ชายหนุ่มก็กำลังยืนดูรถยกนำเอารถยนต์คันหรูของตัวเองมาส่งด้วยความยินดี นับว่าเวธน์ก็มีความรับผิดชอบพอสมควร พอทางศุลกากรแจ้งมาว่ารถยนต์ส่วนบุคคลที่นำเข้ามาถึงเรียบร้อย คนสนิทของเขตแดนก็จัดการทำเรื่องขออนุญาต ชำระภาษีนำเข้า และเรียกรถยกนำจากท่าเรือคลองเตยจนมาส่งถึงบ้านเรียบร้อย
ธรณ์จุดบุหรี่สูบอีกมวน ขณะยืนดูเด็กกำลังทำความสะอาดรถยนต์คันหรูสีควันบุหรี่ของตัวเอง มีเวธน์คอยควบคุมอยู่ด้วย แม้ว่าจะเป็นวันเสาร์ แต่เวธน์ก็ยังมาคฤหาสน์อิสรพัฒน์ เพื่อคอยดูแลและเป็นธุระเรื่องของธรณ์จนทุกอย่างเรียบร้อย จนธรณ์เชื่อแล้วว่าอีกฝ่ายทำงานเจ็ดวันต่อหนึ่งอาทิตย์
ชายหนุ่มยืนดูจนรถยนต์ถูกทำความสะอาดเรียบร้อย จึงกลับเข้าห้องของตัวเอง อาบน้ำและแต่งตัวเตรียมพร้อมสำหรับการออกจากบ้าน พอป้าอุ่นเรือนถาม ธรณ์ก็เอ่ยแค่ว่า
“ผมมีนัดกับเพื่อนครับ”
“แล้วคุณธรณ์จะกลับมาทานข้าวหรือเปล่าคะ?”
“ผมอาจจะทานมาจากข้างนอกเลยครับ”
ธรณ์ยืนส่องกระจกมองเงาตัวเองที่สะท้อนออกมา ผู้ชายรูปร่างสูงผอม หน้าตาหล่อจัด เพียบพร้อมด้วยรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติอย่างที่ผู้หญิงหลายคนเฝ้าเพ้อหา ชายหนุ่มกระตุกยิ้มร้ายกาจออกมา ก่อนจะเดินออกจากบ้านด้วยมาดเพลย์บอยเจนสนาม ที่หลายต่อหลายคนคุ้นตา
====================
รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ซึ่งเป็นที่สังสรรค์ของเหล่าดารา นางแบบ และคนในวงการบันเทิง พอจอดรถเรียบร้อยแล้วร่างสูงผึ่งผายจึงก้าวลงมา ธรณ์ถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาเรียวทอประกายแวววาวก่อนจะกวาดตามองรอบด้าน แล้วจึงนึกชมคนเลือกร้าน ที่ถือว่ารสนิยมค่อนข้างดีพอสมควร
พอเดินเข้ามา ชายหนุ่มก็มองหาคู่นัดของตนเองทันที ก่อนจะเห็นว่านางแบบสาว ผู้เป็นคู่นัดของเขานั่งอยู่ที่โต๊ะสำหรับสองคนบริเวณริมหน้าต่าง เจ้าตัวสั่งของทานเล่นมาสองอย่าง พอเห็นร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ก็รีบผุดลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความกระตือรือร้น
“รอนานหรือเปล่าครับ ลิซ่า” ธรณ์ถามนางแบบสาวเสียงนุ่ม ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเจ้าหล่อน
“ลิซ่าก็เพิ่งมาถึงเหมือนกันค่ะ ธรณ์ทานข้าวมาหรือยังคะ” นางแบบสาวถาม ก่อนจะเลื่อนเมนูมาตรงหน้าธรณ์
แม้เจ้าตัวจะบอกว่าเพิ่งมาถึง แต่คนฉลาดอย่างธรณ์มองปราดเดียวก็รู้ทันที ว่าหญิงสาวมารอเขาซักพักแล้วอย่างแน่นอน เพราะดูจากอาหารที่พร่องลงเล็กน้อย แต่ถ้วยเครื่องดื่มของหญิงสาว น้ำแข็งกลับละลายพอสมควร
“ผมรอมาทานพร้อมคุณครับ”
ธรณ์สั่งอาหารมาอีกสองอย่าง ก่อนจะสั่งสาเกมาจิบแกล้มกับ เขานั่งสนทนาสานสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอยู่เพียงครู่เดียว ก็รู้ทันทีว่านางแบบสาวก็หมายปองเขาอยู่เช่นกัน เหมือนกับคนประเภทเดียวกันมาเจอกัน ถ้าถามธรณ์แล้ว ลิซ่าก็คงเป็นผู้หญิงประเภทสำหรับควงเล่น หน้าตาและชื่อเสียงก็พอสำหรับการพาออกงาน แต่ถ้าจะมาเป็นแม่ของลูก...ธรณ์คงปฏิเสธทันควัน
ผู้หญิงที่เข้ามาหาธรณ์มีหลายประเภท ประเภทที่แค่มาสนุกกันแล้วแยกย้าย ชายหนุ่มก็คว้าเอาตามผับตามบาร์ หรือประเภทที่ควงออกหน้าออกตา ก็มักจะเป็นพวกดาราและนางแบบ หรืออาจจะเป็นบรรดาลูกหลานไฮโซที่เป็นข่าวกับธรณ์อยู่หลายคน
เนื่องจากเป็นร้านที่ลิซ่านัดธรณ์มา เป็นร้านที่เหล่าบรรดาดาราและนางแบบนิยมแวะเวียนมา จึงมีเพื่อนร่วมวงการมาทักทายกับนางแบบสาวอยู่ตลอด บางคนก็เจาะจงเดินเข้ามาเพื่อทักทายเพลย์บอยหนุ่ม จนนางแบบสาวถึงกับเอ่ยปากล้อเลียน
“แหม...ชื่อธรณ์ อิสรพัฒน์นี่ดังกว่านางแบบอย่างลิซ่าอีกนะคะ”
“จริงเหรอครับ? ผมเองก็เพิ่งทราบ”
ธรณ์แกล้งเอ่ยถามเสียงสูง ความจริงแล้วเจ้าตัวก็รู้ดี ว่าชื่อเสียงของเขาดังพอสมควร ขนาดอยู่ต่างประเทศมานมนาน แค่กลับมาอาทิตย์แรก ก็มีคนมาทักทายมากมายราวกับรู้จักมักจี่กันมายาวนาน แต่ความจริงแล้ว ก็แค่รู้จักเขาจากข่าวคาวตามหน้าหนังสือพิมพ์และคำพูดปากต่อปากนั่นแหล่ะ
บางคนถึงกับออกปากว่า...
‘ลองเป็นคู่ควงของธรณ์ อิสรพัฒน์นะ สบายยิ่งกว่าตกถังข้าวสารอีก นี่ถังทองเชียวนะ รับรองสบายตลอดชีวิต’ “แล้วนี่จะมีงานเปิดตัวฉลองที่กลับมาหรือเปล่าคะ?” นางแบบสาวเอ่ยถามทีเล่นทีจริง แต่กลับเป็นการจุดประกายความคิดของเพลย์บอยหนุ่มทันที
เขาเองก็ลืมคิด...ทายาทเพียงคนเดียวของอิสรพัฒน์กลับมา ก็ควรมีการจัดงานเปิดตัวแก่วงสังคมเสียหน่อย อาจจะเป็นลู่ทางที่ดี แต่ก็ต้องดูว่า...คุณผู้ปกครองของเขาจะเห็นด้วยหรือเปล่า เพราะธรณ์คิดอยู่เหมือนกันว่าผู้ปกครองของเขา...ออกจะหัวโบราณคร่ำครึ
“ขอบคุณลิซ่ามากเลยครับสำหรับความคิดเห็น ต้องมีการจัดงานเปิดตัวอย่างแน่นอน”
“อย่าลืมเชิญลิซ่านะคะ” นางแบบสาวชม้อยตาอย่างมีจริต
“แน่นอนอยู่แล้วครับ สำหรับคนพิเศษอย่างคุณ”
“อย่างลิซ่านี่พิเศษขนาดไหนคะธรณ์?” นางแบบสาวแกล้งถามหยั่งเชิง แต่เพลย์บอยหนุ่มก็รู้ทัน
“แล้วลิซ่าอยากพิเศษแค่ไหนสำหรับผมล่ะครับ?”
“ลิซ่าอยาก...พิเศษที่สุดสำหรับคุณค่ะ”
ไม่มีคำตอบรับหรือตอบปฏิเสธจากเพลย์บอยหนุ่ม ธรณ์เพียงแต่คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะเสตักอาหารวางลงบนจานของหญิงสาว
สองหนุ่มสาวทานอาหารกันจนเรียบร้อย แล้วชายหนุ่มจึงเป็นคนรับผิดชอบค่าอาหาร เนื่องจากว่าว่าลิซ่านั่งแท็กซี่มาที่ร้านอาหาร ธรณ์จึงรับหน้าที่พาหญิงสาวมาส่งที่คอนโด ชายหนุ่มมาส่งหญิงสาวถึงหน้าห้อง ร่ำลากันเล็กน้อยก่อนที่ธรณ์จะหมุนตัวกลับออกมา มีเพียงสายตาของนางแบบสาวที่มองตาม
ผู้ชายที่ชื่อ ธรณ์ อิสรพัฒน์มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ และดูเหมือน...เธอจะติดบ่วงเสน่ห์ของเขาเข้าเสียแล้ว!!====================
“ความจริงแกน่าจะอยู่กับน้องนะเขตต์ น้องเพิ่งกลับมา อาจจะยังรู้สึกแปลกที่แปลกทางอยู่” คุณสงครามเปรย ขณะสองพ่อลูกกำลังรับประทานมื้อเย็นร่วมกัน เหมือนที่เคยปฏิบัติทุกอาทิตย์
“อย่าเลยครับพ่อ เดี๋ยวเขาจะอึดอัดเสียเปล่า เขาอายุยี่สิบสองแล้วนะครับ พ่อพูดเหมือนเขาเพิ่งอายุสิบสอง” เขตแดนตอบทันควัน
“แกนี่ก็ชอบค่อนแคะน้อง คิดซะว่าธรณ์เขาเป็นน้องชายแกคนหนึ่งละกัน ต่างคนก็ต่างเป็นลูกคนเดียวเหมือนกันนี่นา ถ้าเห็นแกกับน้องรักกัน พ่อกับคุณยุทธก็สบายใจ”
“พ่อเอ็นดูธรณ์หรือพ่อกำลังรู้สึกผิดอยู่กันแน่” เขตแดนถามเสียงเรียบ คุณสงครามนิ่งชะงักงันก่อนจะเผลอทำช้อนหลุดมือ ความเอ็นดูคือสิ่งที่บ่มเพาะมาแต่น้อย เมื่อยามแรกเห็นเด็กชายธรณ์ เพราะเด็กชายคือลูกชายของธีรยุทธ ผู้ที่เป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมานาน จนแม้กระทั่งเรียนจบ คุณสงครามก็ยังตามมาทำงานกับคุณธีรยุทธ หากมันก็เจือด้วยความรู้สึกผิดที่มีชายวัยกลางคนรู้ดี ว่ามันก็เปรียบเสมือนตะกอน ที่รอวันถูกกวนจนขุ่น แต่เขาก็สู้เก็บงำความรู้สึกผิดปนละอาย และเฝ้าฟูมฟักเด็กชายอีกคนที่ตนเองรักเหมือนลูก
“แกก็คอยช่วยดูแลน้องหน่อยละกัน แล้วก็อย่าเพิ่งพูดเรื่องคุณยุทธเลย”
“แค่พูดถึงอายุทธ หลานรักของพ่อเขาก็ปิดหูหนีแล้ว คงจะฟังผมหรอกครับ แต่ความจริงมันก็เป็นเหตุสุดวิสัย พ่อเลิกรู้สึกผิดเถอะ เดี๋ยวอายุทธที่อยู่บนสวรรค์จะพลอยกังวลเสียเปล่า”
“ธรณ์เองอายุอานามก็ยังวัยรุ่นอยู่ อาจจะมีอารมณ์วู่วามบ้างตามประสาวัยคะนอง แต่ความจริงน้องก็เป็นเด็กดี อุตส่าห์ร่ำเรียนมาจนจบ แกก็เอ็นดูน้องหน่อยละกัน ถือซะว่าพ่อขอแกนะเขตต์” คุณสงครามเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเสีย เหมือนต้องการจะยุติหัวข้อสนทนาที่เขตแดนเป็นผู้เปิดประเด็น
“เด็กดีของพ่อทำเอาผมปวดไมเกรนวันละหลายรอบ”
“ธรณ์...ก็เหมือนนก” ขณะพูด คุณสงครามก็ทอดสายตายาวออกนอกตัวบ้าน มองฝ่าความมืดด้วยแววเหม่อลอย “และเพราะเป็นนก เพราะมีปีก จึงอยากจะโบยบินอยู่ตลอดเวลา มันยาก...ถ้าแกจะจำกัดบริเวณเขาอยู่แค่กรงของแก เขาก็ต้องพยายามดิ้นรนหาอิสระอยู่ดี แกต้องปล่อยเขาเดินทาง ถึงเวลาที่เขาอิ่มตัว เขาก็จะกลับมาพักที่รังของเขาเอง”
เขตแดนเองก็เห็นด้วยกับคุณสงคราม ที่ว่าธรณ์ อิสรพัฒน์เปรียบเสมือนนก ที่มุ่งมั่นจะบินสู่ท้องฟ้ากว้างด้วยปีกสองข้างของตัวเอง และเมื่อถึงเวลา...เขาก็หวังว่านกของคุณพ่อ จะกลับคืนมาที่รังอย่างที่คุณพ่อพูด เขาแค่กลัวว่านกวัยคะนองของคุณพ่อจะเตลิดจนยากที่จะกู่กลับรังเสียก่อนน่ะสิ
แต่มาลองคิดกลับกัน ธรณ์ อิสรพัฒน์ก็เหมือนกับติดปีกเมื่อตอนอายุสิบห้า เด็กหนุ่มเผชิญโลกกว้างด้วยปีกสองข้างของตัวเอง นี่มันก็ผ่านมาร่วมเจ็ดปีแล้ว...ถึงเวลาที่เขาควรจะจับเจ้าตัวกลับมาคืนรังหรือยัง?
ความจริงแล้ว ชีวิตของธรณ์ก็ดูจะวนเวียนกับอิสระเหลือเกิน ทายาทคนเดียวของตระกูลอิสรพัฒน์ ว่าที่ประธานบริษัทอิสระคอนสตรัคชั่น ราวกับเกิดมาเพื่อที่จะไขว่คว้าหาอิสระ
“แล้วน้องจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่ล่ะ” คุณสงครามถามเรื่องที่กำลังเป็นกังวล
ที่ผ่านมา คุณสงครามรับรู้ข่าวคราวของธรณ์มาตลอด แต่ที่นิ่งเงียบเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังเด็ก แต่อนาคต ถ้าเกิดมีข่าวฉาวของผู้บริหารบริษัทชื่อดังลงหนังสือพิมพ์ รับรองเลยว่าจะต้องส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของตัวบริษัทอย่างแน่นอน
“วันจันทร์นี้ล่ะครับ ผมคิดว่าอาจจะดึงมาเป็นผู้ช่วยผมก่อน”
“อย่าดีกว่า” คุณสงครามเอ่ยห้ามทันควัน
“ทำไมล่ะครับ?” เขตแดนถามด้วยความสงสัย เพราะอีกเพียงสามปี ธรณ์ก็ต้องเข้ามารับช่วงตำแหน่งประธานบริษัทแทนเข้า การมาทำงานเป็นผู้ช่วยของเขตแดน ธรณ์ย่อมมีโอกาสเรียนรู้งานมากกว่าตำแหน่งอื่นอย่างแน่นอน ถือเป็นการเตรียมความพร้อมอีกฝ่ายสำหรับการก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท หลังจากถึงเวลาที่พินัยกรรมระบุ
“คิดว่าน้องจะยอมหรือ พ่อว่า...เริ่มจากงานที่เขาถนัดดีกว่า”
คุณสงครามรู้ดีถึงความหวังดีของเขตแดน แต่บอกแล้วว่าธรณ์เป็นเหมือนนก ย่อมต้องการที่จะโบยบินด้วยปีกของตนเอง มากกว่ามาคอยเกาะกิ่งไม้ใหญ่ ที่มากด้วยอำนาจและประสบการณ์อย่างเขตแดน และอีกอย่าง...เขตแดนเองก็มีเวธน์เป็นคนสนิทที่คอยจัดการงานทุกอย่างอยู่แล้ว ประเดี๋ยวภาระหน้าที่มันจะซ้ำซ้อนกันเสียเปล่า
“เดี๋ยวผมจะลองคิดดูอีกทีละกันครับ”
สองพ่อลูกหันกับมาสนใจอาหารตรงหน้า ต่างคนต่างครุ่นคิด เรื่องที่ครุ่นคิดก็เป็นเรื่องของ ธรณ์ อิสรพัฒน์ ทว่า...แม้จะคิดถึงคนเดียวกัน แต่เรื่องที่คิดกับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
====================
เขตแดนกลับมาถึงคฤหาสน์อิสรพัฒน์ตอนเย็นวันอาทิตย์ พอกลับมาก็ถามหาเจ้าของบ้านจากป้าอุ่นเรือน พอรู้ว่าอีกฝ่ายออกจากบ้านเฉพาะวันเสาร์ แต่กลับมาช่วงเย็น ส่วนวันอาทิตย์ก็อยู่บ้านตลอด ชายหนุ่มก็เผลอคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างเผลอตัว ก่อนจะรีบกลับมาตีหน้านิ่งเหมือนเดิม
เขตแดนจัดการอาบน้ำอาบท่าจนเรียบร้อย เสร็จแล้วจึงถือวิสาสะเดินมาเคาะประตูห้องนอนของธรณ์ ที่อยู่ห่างจากห้องที่เขาพักเล็กน้อย หลังจากพบว่าอีกฝ่ายย้ายกลับมานอนห้องของตัวเองแล้ว แทนที่จะเป็นห้องของคุณอัจฉรา คุณแม่ของเจ้าตัวดังเช่นคืนแรกที่กลับมาถึง
“ประตูไม่ได้ล็อค เชิญเลยครับป้าอุ่น...” คาดว่าเจ้าตัวคงคิดว่าเป็นป้าอุ่นเรือน เลยออกปากอนุญาตอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มยืนครุ่นคิดก่อนเลือกที่จะเอ่ยปากบอกอีกฝ่าย แทนที่จะถือวิสาสะเปิดประตูตามที่เจ้าตัวอนุญาต เพราะคิดว่าเขาเป็นป้าอุ่นเรือน
“ฉันเอง” เขตแดนเอ่ยเสียงนิ่ง และยืนรอปฏิกิริยาตอบรับจากเจ้าของห้อง
ยืนรออยู่เพียงครู่เดียว ประตูก็เปิดออก ก่อนร่างสูงจะเดินมายืนพิงกรอบประตู ธรณ์สวมชุดนอนที่ดูดีกว่าวันแรกเล็กน้อย ชายหนุ่มสวมกางเกงบ็อกเซอร์เหมือนวันแรกที่เขตแดนเห็น แต่ยังดีที่มีเสื้อกล้ามตัวบางปิดบังร่างกายท่อนบน
“มีธุระอะไรกับผมตอนกลางค่ำกลางคืนหรือครับคุณเขตแดน” ธรณ์เอ่ยถามพลางหลิ่วตาอย่างยียวน ก่อนจะแกล้งเลิกคิ้ว “หรือว่า...นอนไม่หลับครับ?”
“ฉันจะมาคุยเรื่องงานของนาย” เขตแดนเอ่ยเสียงเรียบ มองเมินท่าทางของอีกฝ่าย ที่ต้องการจะยั่วโทสะของเขา ขืนเขามัวแต่เต้นตามเกมส์ของธรณ์ เขาคงจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มเรียนรู้แล้วว่า หากคิดจะคุยกับธรณ์จนตลอดรอดฝั่ง เขาควรจะหัดควบคุมอารมณ์ แม้จะอายุมากกว่าอีกฝ่ายถึงเจ็ดปี แต่พอปะทะคารมกันทีไร เขตแดนกลับคิดว่าตัวเองกลายเป็นเด็กหนุ่มรุ่นกระทงอยู่เรื่อย ถึงเขาจะเจอสภาวะความกดดันตอนทำงานมานักต่อนัก แต่ชายหนุ่มก็ควบคุมอารมณ์ได้ตลอด แต่แค่ปะทะคารมกับธรณ์เพียงสองประโยค เขตแดนก็แทบจะสูญเสียความเป็นตัวเอง
“ว่ามาสิครับ”
“ตรงนี้? หน้าห้อง?...” เขตแดนเลิกคิ้วสูง
“อ้าว...ก็บอกมาสิครับ ว่ารอผมเชิญคุณเข้าห้องอยู่” ธรณ์แกล้งพูดจาสองแง่สามง่าม ก่อนจะผลักประตูออกกว้าง แล้วเป็นฝ่ายเดินนำเข้าห้องตัวเอง
ห้องนอนของธรณ์คงสภาพเหมือนสมัยเจ้าตัวยังเด็ก ข้าวของก็มีเพียงเล็กน้อย เพราะเจ้าตัวเพิ่งเดินทางกลับมา รูปภาพที่วางประดับอยู่บนตู้ ยังเป็นรูปเจ้าตัวสมัยเด็ก ที่มองแล้วก็พาลคิดถึงวันวาน
ธรณ์นั่งลงที่ปลายเตียง ปล่อยเขตแดนยืนเคว้างหาที่นั่งด้วยตัวเอง ก่อนชายหนุ่มจะลากเก้าอี้นวมมานั่งตรงข้ามกับธรณ์ ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงด้วยทวงท่าสบายอารมณ์
“เห็นคุณเวธน์บอกว่าผมต้องเข้าบริษัทพรุ่งนี้” ธรณ์เป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา เพราะเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ถือวิสาสะกวาดตาสำรวจห้องนอนของเขา
เขตแดนพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ ก่อนจะอธิบายขยายความเพิ่มเติม
“วันแรกก็แค่แนะนำตัวกับพนักงาน แล้วตอนบ่ายเราจะเข้าโรงงานที่สมุทรสาครกัน นายคงพอรู้มาจากอายุทธ ว่าอิสระคอนสตรัคชั่นมีออฟฟิศอยู่ที่สาทร ส่วนโรงงานผลิตอยู่ที่สมุทรสาคร”
“ผมพอทราบอยู่บ้าง”
ธรณ์กอดอกนั่งฟังอยู่บนเตียงนิ่ง ขณะเขตแดนเอ่ยแนะนำถึงบริษัทเล็กน้อย รวมถึงขอบเขตงานที่ธรณ์จะต้องเข้ามารับผิดชอบ ซึ่งสุดท้ายแล้ว เขตแดนก็เลือกแผนกต่างประเทศ เป็นที่ฝึกงานนักเรียนนอกที่เพิ่งจบกลับมา ด้วยวุฒิบริหารธุรกิจบัณฑิต
เขตแดนมองคนที่นิ่งฟังอย่างสงบ เวลาคุยกันเรื่องงานแล้วก็นึกชมกับตัวเองว่า เวลาที่ธรณ์สงบปากสงบคำ ก็แลดูน่าเอ็นดูอย่างที่คุณสงครามพูดหรอก ขอเพียงแค่ธรณ์จะพูดดีกับเขาเหมือนเวลาคุยกับพ่อเขา เขตแดนก็จะนับเอาอีกฝ่ายเป็นน้องชายเขาด้วยความยินดี แต่อีกฝ่ายดูจะชอบยั่วโทสะเขามากกว่า ตลอดเวลาที่คุยกันเลยมีแต่การปะทะริมฝีปากอยู่เสมอ จะเป็นด้วยวัยที่ห่าง หรือความรู้สึกบางอย่างของตัวเขาเอง ที่นึกชังเวลาที่ต้องมารับรู้ข่าวคาวฉาวโฉ่ของธรณ์ อิสรพัฒน์
จากเด็กชายตัวน้อยที่วิ่งคอยตามเรียกหา
‘พี่เขตต์’ กลายมาเป็นเพลย์บอยหนุ่มเจนสังคม มันคือสิ่งที่เขตแดนรับรู้และหงุดหงิดมาตลอด แต่ก็เฝ้าบอกตัวเองว่า...เพราะสงสารอายุทธของเขา ที่มีลูกชายเหลวไหล เขาจึงโกรธอีกฝ่าย และหมายมั่นว่าจะเป็นผู้ดัดนิสัยธรณ์ อิสรพัฒน์ด้วยตัวเอง
“ขอถามอะไรหน่อยสิ”
เขตแดนสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ทันที ก่อนจะผงะเล็กน้อย แล้วก็กลับมาสงบนิ่งดังเดิม ธรณ์ก้าวลงจากเตียงและโน้มหน้าเข้ามาหาเขา จนชายหนุ่มรู้สึกถึงกลิ่นสบู่หอมอ่อนจากกลิ่นกายของอีกฝ่าย
“ว่ามาสิ...”
“ถ้าผมเป็นประธานบริษัท แล้วอดีตประธานอย่างคุณล่ะ จะดำรงตำแหน่งอะไร?...”TO BE CONTINUE
๐ มาช้ามากและมาอย่างสั้นมาก...ขออภัยด้วยนะคะ
๐ วางพล็อตเรียบร้อย แต่บางทีมันก็เขียนยากมาก พยายามคุมบุคลิกตัวละครเต็มที่
๐ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และทุกคนที่ติดตามนะคะ น้อมรับทุกคำติชม 