“ รักคืนรัง ”
ตอนที่ 13
‘มิสเตอร์จอห์น วิลสันเคยพัวพันคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายเมื่อสามปีก่อน แต่ต่อมาทางโจทก์แจ้งว่าเป็นการเข้าใจผิด มิสเตอร์วิลสันแกเลยฟ้องร้องกลับจนชนะคดีครับ’ นั่นคือคำบอกเล่าจากเวธน์ หลังจากที่เมื่อเช้าเขตแดนซักถามรายละเอียดคู่ค้าจากธรณ์ แล้วมอบหมายให้เวธน์จัดการตรวจสอบข้อมูล เพราะคู่ค้าทุกรายเขามักจะทำการสกรีนก่อน เว้นเสียก็แต่รายของมิสเตอร์วิลสัน ที่ธรณ์เป็นฝ่ายรับหน้าที่ดูแลโดยตรง
พอรู้เรื่องคดีความมิสเตอร์วิลสันจากเวธน์ ประกอบกับเอกสารหลายอย่างที่คนสนิทหามายืนยันแล้ว เขตแดนที่นั่งสะสางงานอยู่ที่บริษัทตลอดวันด้วยความกระวนกระวาย ก็เพียรพยายามที่จะโทรติดต่อหาธรณ์ แต่กว่าจะติดต่อได้ก็ตอนที่ธรณ์อยู่ที่โรงแรมกับมิสเตอร์วิลสันแล้ว แถมยังไม่ทันได้คุยกันให้รู้เรื่องรู้ราว ธรณ์ก็เป็นฝ่ายชิงวางสายไปเสียก่อน
พอธรณ์วางสายไปแล้ว เขตแดนก็รีบโทรศัพท์สั่งการให้เวธน์ตามไปเจอกันที่โรงแรม ส่วนตัวเขาเองก็รีบเก็บข้าวของแล้วล่วงหน้าไปก่อน หลังจากพยายามติดต่อธรณ์หลายหน แต่ก็ไม่มีคนรับสายจนถูกตัดเข้าระบบฝากข้อความตลอด แต่...
สวรรค์ทรงโปรดเถอะ!! เขตแดนไม่เคยนึกอยากกร่นด่าสมรรถนะรถยุโรปราคาแพงของตัวเองมาก่อน แต่ตอนนี้เข็มกิโลเมตรที่แตะหลักร้อยยังดูช้าเกินไปสำหรับเขา โชคยังดีว่าโรงแรมที่เป็นจุดหมายอยู่ไม่ห่างจากบริษัทเท่าไหร่ เพียงแค่ระยะเวลาสิบนาทีจากบริษัทมาสู่โรงแรมหรูก็ทำเอาชายหนุ่มร้อนรนจนแทบนั่งไม่ติด
พอมาถึงโรงแรม เขตแดนก็ต้องเสียเวลาวนหาที่จอดอีกร่วมสิบนาที จนชายหนุ่มหลุดคำสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด
ถ้ามีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นกับธรณ์ เขตแดนจะไม่โทษใครเลย นอกจากโทษความประมาทเลินเล่อของเขา ที่ปล่อยปละละเลยการตรวจสอบข้อมูลของคู่ค้า ทั้งที่คุณธีรยุทธก็ฝากฝังธรณ์ไว้กับเขา แถมเขาก็ตกปากรับคำเสียเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลธรณ์ แต่นี่ยังไม่ทันครบปีที่ธรณ์กลับมา ก็มาเกิดเรื่องเสียแล้ว
ดับเครื่องและลงจากรถแล้ว นักธุรกิจหนุ่มก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งด้วยความเร็วมาที่เคาน์เตอร์เช็คอิน โดยไม่รอช้า เขตแดนก็ตรงปรี่เข้าไปถามพนักงานคนที่ว่างอยู่ทันที
“รบกวนเช็คหน่อยได้ไหมครับ ว่ามิสเตอร์จอห์น วิลสันพักห้องอะไร”
“ขอโทษด้วยค่ะ ทางเราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของแขกที่เข้าพักได้ค่ะ”
“แต่นี่มันเป็นเรื่องร้ายแรงนะ คุณจะ...” เขตแดนขยับปากจะเถียง แต่ก็ต้องชะงักก่อน เพราะเวธน์ที่เพิ่งมาถึงยื่นมือมาแตะข้อศอกเขาอย่างสุภาพ เขตแดนตวัดสายตามองคนสนิทคล้ายจะไม่พอใจ
“คุณเขตต์ใจเย็นก่อนครับ เดี๋ยวผมลองคุยดูครับ”
เขตแดนยอมล่าถอยออกมา หลีกทางให้เวธน์ที่ใจเย็นกว่าเป็นฝ่ายเข้าไปสอบถามแทน เขายอมรับเลยว่าตอนนี้เขาร้อนรนจนแทบบ้า เขาไม่อยากจะเสียเวลารออีกแม้แต่นาทีเดียว เขาห่วงธรณ์ เขาห่วงผู้ชายอวดดีที่ชอบทำเป็นเก่งกาจ แต่ความจริงแล้วแสนจะเปราะบางคนนั้น
เขตแดนยืนรอด้วยความกระวนกระวายอยู่ไม่นาน เวธน์ก็เดินกลับมาหาเข้าพร้อมหมายเลขห้อง ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายสอบถามมาได้อย่างไร แค่ได้หมายเลขห้องมา เขตแดนก็พึงพอใจแล้ว
ระหว่างรอลิฟท์ เขตแดนก็ยังคงเพียรพยายามกดโทรศัพท์ติดต่อหาธรณ์ แต่ก็ยังไม่มีคนรับสายอยู่ดี สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้โดยการหย่อนโทรศัพท์ลงไปนอนสงบนิ่งในกระเป๋ากางเกง
พอประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นที่ต้องการ ซึ่งมีจำนวนห้องพักไม่มากนัก เพราะเป็นชั้นของห้องสูท เขตแดนก็ไม่รอช้า ชายหนุ่มเดินนำลิ่วไปทันทีก่อนจะชะงักเมื่อมาหยุดอยู่หน้าห้องเป้าหมาย เสียงโครมครามดังลอดออกมานอกห้องให้เขตแดนยิ่งกระวนกระวายใจ ก่อนเสียงสบถอย่างหยาบคายเป็นภาษาอังกฤษจะดังออกมา อย่างน้อยมันก็ทำให้เขตแดนใจชื้นได้เล็กน้อย เพราะเสียงที่ได้ยินคือเสียงของธรณ์ไม่ผิดแน่
“ไอ้ฝรั่งชั่วเอ๊ย!! ไปลงนรกซะเถอะมึง อย่าอยู่เลย!!” “ธรณ์!! เปิดประตูให้ พี่ หน่อย ธรณ์!!” เขตแดนตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างในพลางเคาะประตูไปด้วย เพียงอึดใจเดียวประตูห้องก็ถูกกระชากเปิดออก ร่างของคนที่มาเปิดประตูถูกเขตแดนรวบไว้เต็มอ้อมแขน นาน...กว่าเขตแดนจะยอมคลายอ้อมกอด
เขตแดนถอดสูทของตัวเองออกมาคลุมตัวธรณ์เอาไว้ หลังจากเห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวของอีกฝ่ายกระดุมหลุดลุ่ยจนเหมือนเศษผ้า ชายหนุ่มขบกรามแน่น พยายามกลั้นโทสะที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆไว้ด้วยความยากลำบาก อย่างน้อยก็ยังดีที่
ธรณ์ของเขาไม่ได้เป็นอะไรไป
พอเขตแดนปล่อยธรณ์เป็นอิสระ เพลย์บอยหนุ่มก็ทำท่าจะเข้าไปซ้ำคนที่นอนพังพาบอยู่ที่พื้น จนเขตแดนต้องรีบรวบตัวคนอารมณ์ร้อนไว้เหมือนเก่า
“พอ...พอได้แล้วธรณ์ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเวธน์นะ”
ธรณ์ไม่ได้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ ชายหนุ่มพรูลมหายใจออกมาทางปาก เหมือนพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ ก่อนจะเสยผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง แล้วก็ยอมยืนอย่างสงบอยู่ในอ้อมกอดของเขตแดน
เขตแดนปรายตามองร่างสูงของชาวต่างชาติที่นอนหงายอยู่ที่พื้น คู่กรณีสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำบ่งบอกเจตนาเป็นอย่างดี ใบหน้ามีร่องรอยฟกช้ำ หางคิ้วและปากแตกมีเลือดไหลซึม ที่ดูท่าว่าก่อนที่เขามาถึงก็คงจะโดนไปไม่น้อยทีเดียว เขามองอีกฝ่ายดวงตากร้าว ชนิดที่คนสนิทอย่างเวธน์ยังต้องนึกผวาแทน เขาไม่ได้ห้ามธรณ์เพราะสงสารอีกฝ่าย แต่เขาไม่อยากให้ธรณ์ไปจัดการมันให้เสียมือ
“เวธน์ ช่วยจัดการกับมันด้วยนะ ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ฉันจะพาธรณ์กลับก่อน”
“ครับคุณเขตต์”
แล้วก่อนที่คนอื่นจะทันรู้ตัว เขตแดนก็พุ่งเข้าซัดคนที่นอนอยู่เต็มแรง จนมือของชายหนุ่มแดงเถือก ส่วนคนถูกกระทำก็นอนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ธรณ์ที่เพิ่งได้สติมองเขตแดนหน้าเหวอ แต่ก็ไม่มีเวลาสงสัยอะไรนานนัก เพราะเขตแดนกระแทกปลายเท้าเข้าใส่ชายโครงคนที่นอนอยู่ แล้วก็หันมาจับจูงมือเขาเดินออกมา ปล่อยทุกอย่างให้เป็นภาระหน้าที่ของเวธน์ในการสะสางเรื่องทั้งหมด
ตลอดระยะทางจากห้องพักของมิสเตอร์วิลสันจนกระทั่งลงลิฟต์มายังลานจอดรถ ไม่มีบทสนทนาระหว่างสองหนุ่ม ธรณ์เองก็ยังตกใจกับอารมณ์รุนแรงของเขตแดนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนเขายังตอบตัวเองไม่ได้ว่า ระหว่างเผชิญหน้ากับมิสเตอร์วิลสันกับเขตแดน ใครกันแน่ที่น่ากลัวกว่ากัน เขาได้แต่กระชับเสื้อสูทที่มีกลิ่นหอมอ่อนของเจ้าของเสื้อเข้ากับตัว อย่างน้อยกลิ่นของเขตแดนที่ติดอยู่ที่เสื้อ ก็ทำให้เขารู้สึก
‘อุ่นใจ’ ขึ้นมาพอสมควร
ธรณ์ยอมรับเลยว่า ตอนที่กำลังซัดเจ้าฝรั่งหื่นกามสลับกับสบถด่าโคตรเหง้ามันอยู่ คิดว่าจะจัดการมันให้สาแก่ใจที่บังอาจมาดูถูกคนอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์ เพราะคนอย่างเขา ถ้าไม่แน่จริงคงไม่สามารถอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมาได้เกือบสิบปีหรอก แต่พอได้ยินเสียงเขตแดนที่ตะโกนเรียกเขาจากนอกห้อง ที่สำคัญคือ...สรรพนามแทนตัวเองว่า
‘พี่’ มันก็ทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเป็นเขตแดนที่มาช่วยเขา
ธรณ์ไม่อยากจะคิดไม่อยากจะสนใจ ว่าเขตแดนมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้อย่างไร ถึงอีกฝ่ายจะมาไม่ทันช่วยเขาก็ไม่เป็นไร เพราะเขาเป็นผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องนอนรอความช่วยเหลืออยู่แล้ว แต่การที่เขตแดนมา มันก็ทำให้ธรณ์อุ่นใจไม่น้อย แล้วยังอ้อมกอดอุ่นๆที่รั้งเขาเข้าไปกอดนั่นอีก แค่อ้อมกอดเดียว มันมีความหมายยิ่งกว่าคำปลอบประโลมนับร้อยนับพันประโยค
ธรณ์รู้...รู้ว่าเขตแดนโมโหมาก อ้อมแขนที่สั่นระริกเหมือนเจ้าตัวกำลังพยายามควบคุมอารมณ์อยู่ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังฉายชัดผ่านดวงตาเกรี้ยวกราดที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะของเขตแดน แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้แสดงท่าทีกราดเกรี้ยวออกมา ก็ยังทำให้ธรณ์นึกกลัวไม่น้อย เพราะเขตแดนดูโมโหมากกว่าตัวเขาที่เป็นผู้ถูกกระทำเสียอีก
พอลงลิฟต์มายังลานจอดรถ ธรณ์ก็ทำท่าจะเลี่ยงไปยังรถของตัวเอง แต่แค่ขยับตัวเพียงนิดเดียว คนที่เดินนำหน้าก็หยุดชะงักตามทันที
“จะไปไหน” คำถามเรียบนิ่งหลุดออกมาจากริมฝีปากหยักลึก ไม่บ่งบอกว่าผู้พูดกำลังรู้สึกอย่างไร
นี่คงเป็นเวลาเดียวที่ธรณ์ยอมรับกับตัวเองด้วยความสัตย์จริง ว่าเขาเองก็นึกกลัวเขตแดนไม่น้อย ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้อาละวาดออกมา แต่การโมโหหน้านิ่งๆนี่แหล่ะที่น่ากลัวมากกว่ากันหลายเท่านัก
“ไปที่รถของผมครับ ผมเอารถมา”
“ไม่ต้อง! มารถพี่นี่”
มันเป็นคำสั่งแน่ๆ และธรณ์ก็ไม่คิดจะคัดค้านอะไร เขาปล่อยให้เขตแดนจับจูงมือเขาไปที่รถของอีกฝ่าย ขณะที่มืออีกข้างของเขตแดนก็สาละวนกับการโทรศัพท์สั่งให้เวธน์จัดการเรื่องรถของธรณ์
พอขึ้นมานั่งบนรถ ยังไม่ทันที่ธรณ์จะได้คาดเข็มขัด คนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับก็รวบตัวเขาเข้าไปกอดอีกครั้ง ตอนแรกธรณ์ก็นั่งนิ่งด้วยความตกใจ ก่อนจะยอมปล่อยให้เขตแดนกอดเขาตามสบาย แถมยังยกมือกอดเขตแดนตอบเสียอีก เขายอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า...
อ้อมกอดของเขตแดนอุ่นเหลือเกิน และเขาเองก็ขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่น้อย ดังนั้นอ้อมกอดของเขตแดนจึงเปรียบเสมือนที่พึ่งดีๆของธรณ์นี่เอง
“คุณเขตต์...”
“เรียกพี่เขตต์...เรียกพี่เขตต์เหมือนเดิมได้ไหม” เสียงห้าวกระซิบอยู่ข้างใบหู ให้ธรณ์พึมพำตอบกลับไปเสียงแผ่วเหมือนละเมอ
“พี่เขตต์...” คำตอบรับของเขตแดน คือสัมผัสอุ่นวาบที่แตะลงอย่างนุ่มนวลบนหน้าผากของธรณ์ แม้จะแตะอย่างแผ่วเบาและครู่เดียว ทว่ากับทิ้งความรู้สึกร้อนผ่าวจนลุกลามไปทั่วใบหน้า หนำซ้ำยังไปกระตุ้นอัตราการเต้นของกล้ามเนื้อตรงอกซ้ายให้ผิดจังหวะอีก
“พี่อยู่นี่แล้ว พี่อยู่กับธรณ์แล้ว...”
เนิ่นนาน...ที่ธรณ์ปล่อยตัวปล่อยใจให้อยู่ในอ้อมกอดของเขตแดน อ้อมกอดอบอุ่นที่เขาโหยหามาตลอด ไม่อยากจะคิด ไม่อยากจะสนใจอะไรอีก รู้เพียงแค่ว่าการอยู่ในอ้อมกอดของเขตแดนมันทำให้เขารู้สึกดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
เขตแดนปล่อยธรณ์เป็นอิสระ ก่อนจะโน้มตัวมาคาดเข็มขัดให้ธรณ์ที่นั่งนิ่งเงียบ เขาสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของโรงแรม มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนใหญ่ แต่ดูเหมือนทางที่ไปจะไม่ใช่ทางกลับบ้านแม้แต่น้อย ซึ่งคนขับรถก็บอกเพียงแค่ว่า...
“อย่าเพิ่งกลับบ้านเลยนะ ไปพักผ่อนกัน แล้ววันอาทิตย์ค่อยกลับมา”
ธรณ์จะตอบอะไรได้ในเมื่อเขาไม่ใช่เจ้าของรถ และเขาก็ไม่ใช่คนขับรถเสียด้วย ส่วนเขตแดนที่เป็นทั้งเจ้าของรถและคนขับรถก็เลี้ยวรถขึ้นทางด่วนเป็นที่เรียบร้อย วูบหนึ่ง...ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้เขาอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า...
เขตแดนกำลังพยายามทำให้เขาสบายใจอยู่
====================
แม้นี่จะไม่ใช่หนแรกที่มีผู้ชายเข้าหาธรณ์ แต่ก็เป็นหนแรกที่เขาถูกคุกคามจนเรียกได้ว่าลวนลาม เขาเองไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา คนอื่นจะจัดการอย่างไร ถึงสุดท้ายแล้วเขาจะปลอดภัย แต่การที่เขาเป็นผู้ชายแล้วถูกผู้ชายด้วยกันคุกคามทางเพศ มันก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย อย่างน้อยมันก็ทำให้ธรณ์ได้รู้ว่า ไม่เพียงแต่ผู้หญิงที่ตกอยู่ในอันตราย แม้แต่ผู้ชายเองก็ไม่ต่างกัน
“ไหน...เล่าให้พี่ฟังหน่อยว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่”
ธรณ์เริ่มต้นเล่าตั้งแต่ตอนบ่ายที่เขาไปรับมิสเตอร์วิลสัน พอมาคิดทบทวนดูดีๆ เขาถึงเพิ่งพบว่า ถ้าเขาเอะใจซักนิด เขาคงจะสังเกตว่ามิสเตอร์วิลสันพยายามเข้าหาเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ยังไงก็ปลอดภัย ไม่มีอะไรเสียหาย และอีกฝ่ายจะมาหวังอะไรจากเขาที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาถึงได้ประมาทจนยอมตามอีกฝ่ายขึ้นไปถึงห้องพัก
ตลอดเวลาที่ธรณ์เล่า คำสบถหยาบคายก็หลุดออกมาจากริมฝีปากเขตแดนเป็นระยะ นี่เป็นอีกด้านที่ธรณ์ไม่เคยเห็น และไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีโอกาสเห็น ไม่เพียงเท่านั้น มือที่กำพวงมาลัยยังเกร็งแน่น บ่งบอกได้ชัดว่าเขตแดนเองก็ยังโมโหอยู่ไม่น้อย
“ตกลงมันไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม”
“ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่า มันก็ลูบๆไปตามตัวผมแล้วก็กระชากเสื้อผมออก ดูสิ...กระดุมหลุดหมดเลย” ธรณ์โชว์สาบเสื้อที่วางเปล่าปราศจากกระดุมให้ดูเป็นหลักฐาน
เขตแดนขบกรามแน่น พลางคิดว่าที่เขาจัดการกับหมอนั่นมันน้อยเกินไปหรือเปล่า แม้คู่กรณีจะเพียงแค่แตะตัวธรณ์ก็เถอะ แต่เขาก็หวง ยิ่งเห็นผิวขาวๆของธรณ์มีรอยแดงเป็นปื้น ซึ่งแน่นอนว่าเกิดจากช่วงที่ต่อสู้กัน โทสะที่พยายามข่มให้ดับก็ทำท่าจะคุขึ้นมาอีกรอบ
“ให้ตายเถอะ!!” สุดท้าย เขตแดนก็หลุดเสียงสบถออกมาอีกจนได้
กลายเป็นว่าตอนนี้พอเห็นอาการห่วงจนเกินพอดีของเขตแดน ธรณ์เลยพลอยอารมณ์ดีขึ้นมาได้ เขายิ้มขำออกมาที่เห็นเขตแดนดูเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขา แต่ลึกๆแล้วก็ยอมรับเลยว่ารู้สึกดีจริงๆ
“พี่เขตต์เลิกหงุดหงิดเถอะ ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย พี่ก็เห็นนี่นา แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย”
คนที่กำลังขับรถอยู่เหยียบเบรกอย่างแรงด้วยความตกใจ จนคนนั่งข้างถึงกับหน้าคะมำหัวโขกกระจก เขตแดนหันมาขอโทษขอโพยธรณ์ ก่อนจะขับรถต่อ แต่ไม่วายเอ่ยปากถามสิ่งที่คาใจ
“ที่ไม่ใช่ครั้งแรกน่ะหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมีเรื่องชกต่อยไงครับ”
แม้จะรู้แจ้งแก่ใจและประจักษ์แก่สายตา ว่าธรณ์สามารถเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดีแม้อยู่ในสถานการณ์คับขัน เพราะประสบการณ์ที่อยู่ต่างแดนมาหลายปี สอนให้ธรณ์รู้จักเอาตัวรอดได้ แต่เขตแดนก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
“จริงๆมันก็เป็นความผิดของพี่เองที่ไม่ยอมตรวจสอบข้อมูลให้ดี”
“ความผิดของผมเองด้วยครับ ที่ประมาทเกินไป”
ที่เขาว่าคนเราจะเห็นใจกันเมื่อยามยากเห็นจะเป็นเรื่องจริง เพราะหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมา เขตแดนและธรณ์ต่างก็ยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเองกันอย่างง่ายดาย ไม่คิดจะมาโทษอีกฝ่ายให้เสียเวลา มีแต่หันหน้าเข้ามาคุยกันด้วยความเข้าใจ
ซักพักเวธน์ก็โทรศัพท์มารายงานเขตแดน แน่นอนว่าคนกว้างขวางอย่างเวธน์ต้องมีวิธีจัดการปัญหาอยู่แล้ว อย่างน้อยเวธน์ก็ประสานงานกับนายตำรวจที่คุ้นเคยกันดีจนมิสเตอร์วิลสันโดนข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ เขตแดนจึงสั่งให้เวธน์จัดการไปตามสมควร แต่ไม่วายกำชับไปว่า...
“คงรู้ดีนะ ว่าฉันต้องการให้มันจบแบบไหน”
ธรณ์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็นึกสงสัยครามครัน พี่เขตต์คนอบอุ่นของเขา มีอีกด้านเป็นเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลหรือ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจเท่าไหร่ ที่เขาต้องสนใจและต้องรีบเอ่ยปากถามทันทีที่เขตแดนวางสายจากเวธน์ก็คือ...
“พี่เขตต์! นี่เรากำลังจะไปไหนกันครับ”
แค่ไม่ได้หันไปดูทางหน่อยเดียว ปรากฏว่าคนที่บอกว่าจะพามาพักผ่อน พาเขาออกนอกกรุงเทพฯมาเสียแล้ว เพราะตอนนี้รถยนต์คันหรูกำลังแล่นอยู่บนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าชลบุรี
“พี่บอกแล้วว่าจะไปพักผ่อนไง”
“ที่ไหน?”
“พัทยา”
“แล้วเสื้อผ้าผมกับเสื้อผ้าพี่ล่ะ เรามากันแต่ตัวไม่ใช่เหรอ”
“เดี๋ยวค่อยแวะห้างซื้อก็ได้ ไม่เห็นจะลำบาก”
ธรณ์ถอนหายใจยาว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาสำรวจตัวเอง แล้วก็พบว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเขา นอกจากเสื้อผ้าที่สมควรจะเรียกว่าเศษผ้ามากกว่า ก็มีแค่กระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มือถือแค่นี้เอง
“ดึกป่านนี้ห้างคงปิดหมดแล้วล่ะครับ ยังไงเดี๋ยวพอเข้าตัวเมืองแล้วแวะร้านขายของเอาละกันครับ”
เขตแดนไม่ตอบอะไร ตามองแต่ถนนเบื้องหน้า คงมีเพียงแค่เจ้าตัวที่รู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังคิดเรื่องอะไร จะเรื่องอะไรเสียอีก ถ้าไม่ใช่เรื่องของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
อย่างน้อยธรณ์ก็ปลอดภัย ไม่มีอะไรบุบสลาย เพราะถ้าขืนธรณ์เป็นอะไรไป เขาก็ไม่รับประกันเหมือนกันว่า เขาจะหักห้ามใจตัวเองให้หยุดแค่การกระทืบคู่กรณีได้หรือไม่
“ขอบคุณครับ ที่มาช่วยผม” ไม่ใช่เพราะบรรยากาศเป็นใจหรือความเผลอไผลแน่ๆ ที่ทำให้เขตแดนยอมละมือข้างซ้ายออกจากพวงมาลัย แล้วเอื้อมไปจับมือของธรณ์เอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไปคือความต้องการของตัวเองล้วนๆ ไม่มีสิ่งใดมาเจือปนแม้แต่น้อย
“พี่ไม่ได้ช่วยอะไรธรณ์เลย แต่ยังไงพี่ก็จะอยู่ข้างๆธรณ์เสมอ”
“ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ”
คำถามที่เฝ้าถามตัวเองมาหลายร้อยหลายพันครั้ง กลับได้รับคำตอบอย่างง่ายดายในวันนี้ เขตแดนเฝ้าถามตัวเองว่าเขาคิดอย่างไรกับธรณ์ ที่เขารู้สึกกับธรณ์ มันเป็นความรู้สึกระหว่างพี่ชายกับน้องชาย หรือมันได้ก้าวผ่านเส้นแห่งความเป็นพี่น้องไปแล้ว คำตอบคือ...
เขาคิดกับธรณ์เกินกว่าความเป็นพี่น้องไปแล้ว มันคือความห่วงและหวงผสมปนเปกันจนแทบจะแยกไม่ออก ตอนที่รู้ว่าอาจจะมีอันตรายเกิดกับธรณ์ เขาก็แทบจะเป็นบ้าด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย พี่ชายก็อาจจะเป็นห่วงน้องชายแบบที่เขากำลังรู้สึกได้เช่นกัน แต่เขตแดนรู้ดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อธรณ์ มันไม่ใช่แค่พี่ชายกับน้องชาย
ตลอดทางจากบริษัทไปโรงแรม เขตแดนยอมรับเลยว่า สิ่งเดียวที่ทำให้เขาครองสติอยู่ได้ คือความคิดที่ว่าธรณ์กำลังรอเขาอยู่ แล้วพอไปถึง แค่ไปยืนหยุดอยู่หน้าห้อง ได้ยินแต่เสียงดังโครมครามโดยไม่อาจคาดเดาเหตุการณ์ในห้องได้ เขาก็แทบอยากจะพังประตูเข้าไป ถ้าธรณ์เป็นอะไรไปจริงๆ เขาไม่รับประกันเลยว่าตัวเองจะยั้งมือยั้งเท้าไม่ให้ประเคนใส่คู่กรณีได้หรือไม่
ตอนที่เห็นว่าธรณ์เป็นฝ่ายเปิดประตูออกมา สมองก็ทำงานช้ากว่าหัวใจ ปล่อยให้ร่างกายเข้าไปประชิดแล้วคว้าธรณ์เข้ามากอดแนบอก กอดแน่นและนาน เพื่อให้ตัวเองรับรู้และมั่นใจว่าธรณ์ไม่ได้เป็นอะไร เขารู้ตัวเลยว่าอ้อมกอดของตัวเองสั่นระริก มันอัดแน่นไปด้วยความโกรธและความกลัวผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก นานกว่าที่มันจะสงบลง
ไม่ใช่แค่เพียงอ้อมกอดของเขตแดนเท่านั้นที่ทำให้ธรณ์สงบลง แต่การที่มีธรณ์อยู่ในอ้อมกอดก็ทำให้เขตแดนสงบลงด้วยเช่นกัน เขตแดนยอมรับเลยว่า สภาพธรณ์ที่เห็น ก่อนที่เขาจะถอดสูทตัวเองคลุมลงบนตัวธรณ์ มันทำเอาอารมณ์ที่เหมือนจะสงบแล่นกลับขึ้นมาอีก แม้จะไม่มากเท่าตอนแรก แต่มันก็รุนแรงพอให้เขาใช้กำลังกับคนไม่มีทางสู้อย่างขาดสติ
ถ้าไม่ได้รับรู้ว่าธรณ์ตกอยู่ในอันตราย เขตแดนยังไม่มั่นใจว่า เขาจะกล้ายอมรับกับตัวเองเมื่อไหร่ ว่าความรู้สึกลึกซึ้งที่ไม่ให้ธรณ์มันมากเกินคำว่าพี่ชาย
สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมรับความจริง เขาอาจจะโกหกคนทั้งโลกได้ หรือแม้กระทั่งโกหกคนที่เขารัก แต่เขาไม่มีทางโกหกตัวเองได้เลย
เขารักธรณ์...เขตแดน เกียรติณรงค์รักธรณ์ อิสรพัฒน์!!====================
[มีต่อนะคะ]