“ รักคืนรัง ”
ตอนที่ 17
มีคนเคยกล่าวว่า...ภาพถ่ายเพียงภาพเดียว สามารถแทนคำบอกเล่าเป็นพันคำ ธรณ์ก็เพิ่งจะเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า ก็ตอนที่นั่งมองภาพถ่ายตัวชาวาบ เหมือนมีก้อนแข็งมาจุกอยู่ที่ลำคอจนรู้สึกตีบตัน เป็นความรู้สึกที่อึดอัดจนจุกเสียดที่หน้าอก แต่ก็ต้องพยายามฝืนทำตัวเป็นปกติ แม้จะรู้ดีว่ามันยากเสียยิ่งกว่ายาก
ภาพถ่ายตรงหน้าแม้จะดูเก่าเพราะระยะเวลาที่ผ่านมานาน แต่ก็ยังเห็นหน้าของผู้ถูกถ่ายอย่างชัดเจน และคงเป็นเพราะฉากหลังของภาพที่อยู่ต่างประเทศ บุคคลที่ถูกถ่ายภาพจึงแสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผย ดูเสมือนหนึ่งเป็นคู่รักที่หวานชื่น มีแต่บรรยากาศของความสุขตลบอบอวลจนน่าอิจฉา แต่มันผิดตรงที่ว่า...
บุคคลที่แสดงความรักต่อกันต่างก็เป็นชาย และยังเป็นคนที่ธรณ์รู้จักเป็นอย่างดีมาเกือบตลอดชีวิต!! ธรณ์เชื่อว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ถ้าเพียงแต่คนที่แสดงความรักกับพ่อคือแม่ แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตำตาคือภาพความรักของพ่อและลุงคราม...คนที่เขาเคารพและนับถือเสมือนพ่ออีกคน
เหมือนถูกค้อนทุบเข้าที่ศีรษะอย่างแรงจนเสียศูนย์ มีแต่คำถามมากมายที่วนเวียนอยู่รอบตัว...
นานแค่ไหนที่พ่อกับลุงครามรักกัน ก่อนที่แม่ของเขาจะเสียหรือหลังจากที่แม่ของเขาเสียแล้ว จิ๊กซอว์ที่หล่นหายกระจัดกระจาย เริ่มมีผู้หวังดีหยิบยื่นมาตรงหน้าธรณ์ทีละชิ้น ภาพที่ลางเลือนจึงเริ่มปรากฏเป็นรูปร่างทีละเล็กทีละน้อย
ความลับ...ไม่เคยมีในโลก อยู่ที่ว่าจะรู้เร็วหรือรู้ช้า และหากรู้เป็นคนสุดท้าย...ก็อาจจะกลายเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด
“ภาพชัดดีนะ”
ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน ถ้าหากธรณ์เงยหน้าขึ้นมามองเพียงเล็กน้อย คงจะเห็นว่าดวงตาที่มองมาที่เขามีแต่ความชิงชังเต็มเปี่ยม
เธอเคยจนตรอกมาก่อนเพราะธีรยุทธ อิสรพัฒน์ แม้ว่าตอนนี้เธอจะยืนหยัดอย่างภาคภูมิเพราะสามีชาวญี่ปุ่น แต่ทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่ของธีรยุทธ อิสรพัฒน์ก็ควรจะได้รับรู้ถึงรสชาติของความเจ็บปวด
“เธอรู้หรือเปล่า พ่อของเธอเป็นคนบีบบังคับจนฉันต้องหย่ากับสงคราม พ่อของเธอน่ะร้ายกาจกว่าที่เธอเห็นหลายเท่า เขาทำทุกอย่างเพื่อตัวเองเสมอ”
ธรณ์ชะงักก่อนจะเงยหน้ามาสบตากับเขมจิรา เขารู้เพียงว่าพ่อกับแม่ของเขตแดนหย่ากันตอนเขตแดนอายุประมาณสิบสามปี และก็รับรู้จากเขตแดนอีกต่อว่า แม่ของเขตแดนชื่อเขมจิรา แต่เบื้องลึกระหว่างคุณสงคราม คุณเขมจิรา และพ่อของเขา...ธรณ์ไม่เคยรับรู้เลยซักนิด
“แล้วที่สำคัญนะ...”
เขมจิราโน้มตัวมาจนประชิดธรณ์ ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยประโยคที่เปรียบเสมือนมีดกรีดลงบนบาดแผลที่เพิ่งสมานตัว
“วันที่แม่ของเธอเสีย พ่อของเธอเขายังมีความสุขกับสงครามอยู่เลย เรื่องงานมันก็แค่ข้ออ้างของเขา” ภาพวันที่ผู้เป็นแม่เสียชีวิตหมุนกลับมาราวกับเทปที่หมุนกลับ เด็กชายธรณ์นั่งกอดแม่อยู่กับป้าอุ่นเรือน เพียรพยายามโทรศัพท์หาผู้เป็นพ่อที่ไปทำงานต่างประเทศกับคุณสงคราม แต่ไม่ว่าจะพยายามติดต่อกี่ครั้งก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย จนกระทั่งพ่อกลับมาหลังจากที่แม่เสียชีวิตแล้ว
ไม่จริงใช่ไหม...ในขณะที่แม่อยู่ระหว่างความเป็นความตาย แต่พ่อกำลังมีความสุขอยู่ เขายอมให้พ่อสนใจงานมากกว่าแม่ ดีกว่าที่จะมารับรู้ว่า...พ่อสนใจคนอื่นมากกว่าแม่ ต่อให้เคารพนับถือคุณสงครามมากแค่ไหน แต่คุณสงครามก็ไม่ใช่แม่ ไม่ใช่คนที่ให้กำเนิดเขามา
“ธีรยุทธเขาแต่งงานกับแม่เธอก็เพื่อปิดบังเรื่องที่ตัวเองชอบผู้ชาย เขาไม่เคยรักแม่ของเธอ เธอเองก็ไม่ได้เกิดมาจากความรัก เขารักเขตแดน...ลูกของผู้ชายที่เขารัก มากกว่าเธอเสียอีก!!” ธรณ์ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ารู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง แต่ธรณ์ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ในสายตาของเขา พ่อก็ไม่ต่างอะไรจากที่เขมจิราพูดเลยซักนิด พ่อที่แสดงออกว่ารักเขตแดนมากกว่าเขา เขาเคยนึกว่าเป็นเพราะเขตแดนเก่งกว่า มีความสามารถมากกว่าเขา ที่แท้...ก็เป็นเพราะเขตแดนเป็นลูกของคุณสงคราม เป็นลูกของคนที่พ่อรัก ไม่ใช่เขา...ลูกชายที่เกิดจากความจำเป็นทางสังคม
แต่ถึงแม้จะเชื่อสิ่งที่เขมจิราพูดมามากกว่าครึ่ง ธรณ์ก็ยังคงพยายามที่จะปฏิเสธและหลีกหนีความจริง แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการปลอบใจตนเอง
“ไม่จริง”
“ยอมรับความจริงซะเถอะ ว่าพ่อของเธอน่ะร้ายกาจ แล้วเธอก็กำลังจะเจริญรอยตามพ่อของเธอ พวกวิปริตผิดเพศ!!”
เรื่องเก่ายังไม่ทันจะเคลียร์ เรื่องใหม่ก็ถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นที่ซัดเข้าหาหาดทราย ให้ต้องรู้สึกสับสนและมึนงงไปหมด ยากที่จะจับต้นชนปลาย ไหนจะเรื่องระหว่างเขากับเขตแดน เรื่องระหว่างพ่อกับลุงคราม แต่ในความสับสน ธรณ์ยังมีสติพอที่จะเอ่ยถามออกไป แม้จะรู้สึกอ่อนล้าไปทั้งกายและใจ
“คุณต้องการอะไรกันแน่”
“ความจริงฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเขตแดนเท่าไหร่หรอก แต่บังเอิญว่าผู้ชายคนที่เขตแดนยุ่งด้วยดันเป็นเธอ ธรณ์ อิสรพัฒน์...ลูกชายของคนที่ทำร้ายฉัน”
“พ่อผมไม่ใช่คนที่จะทำร้ายใคร”
แม้ความเชื่อมั่นที่มีให้ผู้เป็นพ่อจะเริ่มสั่นคลอน แต่สัญชาติญาณก็ยังทำให้ธรณ์หลุดปากปกป้องคุณธีรยุทธออกไป ต่อให้เกลียดมากแค่ไหน สุดท้ายแล้วลึกๆ ในใจก็ยังมีความรักซุกซ่อนอยู่ สายเลือดเดียวกัน ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางตัดขาด
“เธอจะไปรู้อะไร พ่อเธอมันก็แค่ผู้ชายที่แย่งสามีคนอื่น บังคับให้เขาหย่ากับภรรยาตัวเอง บีบให้ฉันต้องออกนอกประเทศ ไม่ยอมให้ฉันติดต่อกับลูกและสามี คิดดูแล้วกันว่าพ่อเธอน่ะร้ายกาจขนาดไหน”
ถึงจะชิงชังผู้เป็นพ่อมากเท่าไหร่ แต่ธรณ์ก็ไม่เคยนึกอยากให้ใครมากล่าวหาพ่อของเขา ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม
“คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าพ่อผม”
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อฉันรู้ดีว่าพ่อของเธอเลวแค่ไหน...”
“หยุดได้แล้วคุณเขมจิรา!!” ไม่ใช่...มันไม่ใช่เสียงของธรณ์ แต่เป็นคนที่มายืนซ้อนหลังของเขาและจ้องเขมจิราด้วยแววตาโกรธจัด ก่อนจะลากธรณ์ที่ยังนิ่งงันออกมา โดยที่ยังมีเสียงดังไล่หลังมา
“พ่อเธอทำลายครอบครัวคนอื่นจนพังพินาศ กรรมมันถึงได้มาตกอยู่ที่เธอ”====================
รถยนต์คันหรูแล่นออกมาจากออฟฟิศตรงถนนสาทร มันไม่ใช่ความบังเอิญที่ชินดนัยมาอยู่ตรงนี้ แต่เป็นเพราะความรอบคอบของคนบางคน ชินดนัยปรายตามองธรณ์ที่นั่งนิ่งอยู่ข้างตัวแล้วก็ถอนหายใจยาว
มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ กับการที่ธรณ์ต้องมารับรู้สิ่งที่ถูกปิดบังมานาน เขามาช้าเกินไปและเขาพลาด ทั้งที่เขาพยายามระแวดระวังอยู่ตลอด นับตั้งแต่รู้ข่าวว่าแม่ของเขตแดนกลับมาเมืองไทย แต่มันเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับที่ผู้พันชนวีร์ไม่อยู่ กว่าเขาจะรู้ว่าเขมจิราอาศัยช่วงที่เขตแดนไปติดต่องานที่ต่างจังหวัดเข้ามาหาธรณ์ ธรณ์ก็ต้องมารับรู้เรื่องราวที่เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ปิดบังธรณ์
เขาอยากจะเอื้อมมือไปปลอบประโลมธรณ์ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าธรณ์กำลังคิดอะไรอยู่...ไม่รู้เลยจริงๆ
ชินดนัยจอดรถลงหน้าเรือนหลังเล็กของตนเอง ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เพื่อนรัก ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะยังนิ่งงันไปเพราะประโยคทิ้งท้ายของเขมจิรา
‘พ่อเธอทำลายครอบครัวคนอื่นจนพังพินาศ กรรมมันถึงได้มาตกอยู่ที่เธอ’ พอเข้ามาถึงเรือนเล็ก ธรณ์ก็นั่งแหมะอยู่ที่โซฟา ให้ชินดนัยได้แต่มองอาการเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าครัวไปชงโกโก้ร้อนมา ความจริงเขาก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีกว่าธรณ์ซักเท่าไหร่ แต่ความรักและความเป็นห่วงเพื่อน ก็ทำให้ต้องยอมตัดเรื่องของตนเองออกชั่วคราว เขายังมีพ่อมีแม่...และมีชนวีร์ แต่สำหรับธรณ์ ถ้าไม่ใช่คุณสงครามกับเขตแดน ธรณ์ก็ไม่เหลือใครที่จะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวอีกแล้ว
ชินดนัยส่งโกโก้ร้อนที่ตัวเองเป็นคนชงให้ธรณ์ ก่อนจะนั่งแปะลงข้างๆเพื่อนรัก
“มึงก็รู้เรื่องใช่ไหมชิน” ธรณ์เอ่ยถามเพื่อนรักเสียงเรียบๆ
ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมธรณ์ถึงรู้ ในเมื่อชินดนัยที่เพิ่งมาถึงรู้ทันทีว่าผู้หญิงที่อยู่กับเขาคือคุณเขมจิรา ย่อมหมายความว่าชินดนัยต้องรู้เรื่องบ้างไม่มากก็น้อย แต่ถ้าชินดนัยจะรู้เรื่องก็ไม่แปลกหรอก เพราะสายข่าวของชินดนัยเรียกได้ว่าถูกต้องและแม่นยำเสมอ
“กูขอโทษ...ที่ไม่ได้บอกมึง”
“กูโคตรสมเพชตัวเองเลยหว่ะชิน กูเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง จนถึงตอนนี้กูยังไม่รู้เลยว่ากูจะเชื่อใครได้อีก”
ชินดนัยขยับจะเอื้อมมือไปแตะบ่าธรณ์ แต่ยังไม่ทันถึง เขาก็เปลี่ยนใจทิ้งมือลงข้างลำตัว เขาเองก็ปิดบังธรณ์ มันไม่แปลกเลย ถ้าธรณ์จะโกรธเขา ขอแค่...อย่าเกลียดกันก็พอ
“กูยอมรับว่ากูตั้งใจปิดบังมึง กูอยากให้มันเป็นความลับตลอดไป กูไม่อยากให้มึงต้องมารับรู้เรื่องราวพวกนี้” เลือดทหาร กล้าทำก็ต้องกล้าที่จะยืดอกรับ ดังคำที่พ่อของเขาเคยพร่ำสอน
“ทำไม...”
“เพราะกูรู้ไง ว่าถ้ามึงรู้แล้วจะเป็นแบบนี้ มึงคิดว่ากูจะทนเห็นมึงมีสภาพเหมือนเมื่อก่อนได้เหรอ ถึงกูจะไม่ใช่ครอบครัวของมึง แต่กูก็อยากจะปกป้องมึง...เพราะเราเป็นเพื่อนกันไงธรณ์”
ธรณ์หันมาสบตากับชินดนัย มันมีความลังเลแฝงอยู่ในดวงตา จนคนมองอย่างชินดนัยรู้สึกเจ็บไปทั้งใจ เรื่องราวที่รับรู้มากำลังทำให้ธรณ์ลังเลที่จะเชื่อใจคนอื่น
“กูยังเชื่อมึงได้ใช่ไหม...ชิน” ธรณ์คงไม่รู้ว่าคำถามที่เหมือนไม่แน่ใจ มันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้แค่คนถาม แต่สำหรับคนฟังอย่างชินดนัย มันก็บาดลึกจนรู้สึกเจ็บแปลบ บางทีเขาควรจะเชื่อชนวีร์ ว่าการปิดหูปิดตาธรณ์ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
“มึงไม่จำเป็นต้องเชื่อกู รู้แค่ว่า...กูไม่เคยอยากทำร้ายมึง ถ้ารู้ว่ามึงจะรู้จากปากคนอื่น กูก็อยากจะย้อนเวลากลับไปแล้วเป็นคนบอกมึงซะเอง”
ชินดนัยเป็นแค่เพื่อนสนิทหนึ่งในสองคนที่ธรณ์มี เพื่อนที่ธรณ์มอบความเชื่อมั่นให้หมดหัวใจ เพื่อนที่ผ่านอะไรต่างๆมาด้วยกันมากมาย ธรณ์ก็อยากจะเชื่อในตัวเพื่อนรัก แต่...
แม้กระทั่งคุณสงครามที่เลี้ยงดูเขามา ยังปิดบังและทรยศต่อความไว้ใจของเขา แล้วเขา...ยังสามารถเชื่อใจใครได้อีก
“กูขออยู่คนเดียวก่อนละกัน”
ท้ายที่สุด ธรณ์ก็เลือกที่จะเอ่ยออกมาเสียงเรียบๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนของชินดนัย ทิ้งให้เจ้าของบ้านมองตามหลังเพื่อนรักก่อนจะถอนหายใจยาว เขาหยิบโทรศัพท์มาโทรบอกป้าอุ่นเรือนว่าคืนนี้ธรณ์จะค้างกับเขา จะได้ไม่ต้องรอ
ถึงตอนนี้ธรณ์อาจจะคลางแคลงในตัวเขา แต่เขาก็ยังเป็นคนที่รู้จักธรณ์ดี ชินดนัยรู้ดี...ธรณ์ยังไม่พร้อมที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับคุณสงครามหรือเขตแดน
เขาเคยคิดว่าตัวเองจะสามารถปิดบังทุกอย่างจากธรณ์ ถ้าธรณ์ไม่รู้ ธรณ์ก็ไม่เจ็บ แต่เขาเองก็ลืมไป ว่าไม่ใช่มีเพียงแค่เขาและคุณสงครามที่รู้เรื่อง แรกๆเคยชะล่าใจ ว่าตัวแปรสำคัญอย่างคุณเขมจิรายังอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่นึกไม่ฝันว่าแม่ของเขตแดนจะกลับมา เขาไม่รู้ว่าแม่ของเขตแดนบอกอะไรกับธรณ์บ้าง อาจจะเท่าที่เขารู้ หรืออาจจะมากกว่าที่เขารู้
ในตอนนี้ ถึงธรณ์จะอยากอยู่คนเดียว แต่ชินดนัยกลับนึกอยากให้ใครบางคนมาอยู่ข้างๆเขาเหลือเกิน ใครบางคนที่ขาดการติดต่อไปร่วมสองสัปดาห์ คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะเยาะตัวเองออกมา
ชินดนัยเอ๋ย...แค่เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอดเลย นี่ยังมีเรื่องของธรณ์เข้ามาอีก====================
ธรณ์นอนนิ่งอยู่บนเตียงของชินดนัย เรื่องระหว่างเขากับเขตแดนกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย เมื่อเทียบกับเรื่องของพ่อและคุณสงครามที่เขาเพิ่งรับรู้ คำถามมากมายลอยวนวนมาอยู่ในหัว ในความอยากรู้ ยังมีความกลัวซุกซ่อนอยู่ กลัวถ้าจะต้องรู้ความจริง
พ่อเคยรักแม่บ้างหรือเปล่า?...
พ่อรักลุงครามมานานแค่ไหนกัน?...
ลุงครามรักเขาจริงๆหรือเปล่า?...
แล้วพ่อ...เคยต้องการลูกชายอย่างเขาหรือเปล่า?... อยากจะถาม อยากจะรู้ความจริง แต่ถ้าความจริงมันทำให้ต้องเจ็บปวดกว่าเดิม เขาจะรับได้ไหมตอนนี้เขาก็แทบจะไม่เหลือใครแล้ว แม้แต่ลุงครามที่เขารักเหมือนพ่อ ยังทรยศต่อความไว้ใจของเขา ถึงเขาจะไม่เคยเอ่ยปากถาม แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะรู้
แล้วเขตแดน...รู้เรื่องเหล่านี้ด้วยหรือเปล่า? เพล้งงงงงงงงง!! ธรณ์ผุดลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยความรวดเร็ว เสียงเหมือนอะไรตกแตกที่ดังมาจากข้างนอก ทำเอาเขานึกเป็นห่วงชินดนัยจับใจ ธรณ์ก้าวพรวดเดียวลงจากเตียง เปิดประตูออกไปก็เห็นชินดนัยกำลังก้มลงเก็บกรอบรูปที่หล่นแตกกระจาย พออีกฝ่ายเงยหน้ามาเจอเขาก็รีบบอกทันที
“ไม่มีอะไร กูแค่ทำกรอบรูปตก”
ถึงคำพูดจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่หน้าตาเพื่อนรักมันบอกว่ามีอะไรมากว่านั้น ธรณ์ย่างเท้าเข้าไปหาชินดนัย ก่อนจะต้องเป็นฝ่ายชะงัก
“รูปมึงกับผู้พัน”
“สงสัยกูจะวางไม่ดี เลยร่วงลงมาแตกหมดเลย” แม้จะฝืนยิ้มออกมา แต่ธรณ์ก็เห็นชัดว่าสีหน้าชินดนัยไม่ได้ดูดีเลยซักนิด มันมีความกังวลแฝงอยู่ลึกๆ
“มึงลองโทรหาผู้พันดูหน่อยดีไหม”
“กูโทรแล้ว แต่...ติดต่อไม่ได้ คงไม่มีอะไรหรอก”
ธรณ์ถอนหายใจยาวก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา ชินดนัยเก็บอะไรจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินกลับมานั่งข้างๆ มีแต่ความเงียบปกคลุมอยู่พักใหญ่ ธรณ์เองก็ไม่มั่นใจว่า ควรจะคาดคั้นเพื่อนรักที่ตอนนี้ดูไม่ค่อยปกติหรือเปล่า แต่เหมือนชินดนัยเองก็จะรู้ถึงได้เปรยออกมาเบาๆ
“มีอะไรก็ถามกูมาเถอะ”
“ชิน...มึงรู้อะไรมาบ้าง เล่าให้กูฟังให้หมดได้ไหม”
ชินดนัยชะงักไปเล็กน้อย แม้เตรียมใจแล้วว่าจะเล่าทุกอย่างให้ธรณ์ฟัง แต่เอาเข้าจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่พูดออกไปจะทำร้ายจิตใจคนฟังได้มากแค่ไหน
“คุณเขมจิราเขาเล่าอะไรให้มึงฟังบ้างล่ะ”
“กูให้มึงเล่า ไม่ได้ให้มึงถามกูกลับ”
ชินดนัยยอมรับเลยว่า ถึงเขาจะรู้เรื่องอยู่บ้าง แต่เขาคงไม่รู้ดีเท่าคุณธีรยุทธ คุณสงคราม และคุณเขมจิรา เขาก็รู้แค่บางส่วน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ทั้งสามคนปิดบังเอาไว้อยู่ และมันไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปสืบได้เลย
“พ่อมึงกับลุงคราม...รักกัน” แม้จะได้ยินจากปากของเขมจิรามาแล้วรอบหนึ่ง แต่พอชินดนัยพูดมาอีกรอบ ธรณ์ก็ยังคงสะอึกอยู่ดี เขาไม่ได้รังเกียจความรักระหว่างเพศเดียวกัน แต่ทำไม...ทำไมต้องเป็นพ่อของเขากับลุงคราม ในเมื่อทั้งสองคนต่างก็มีครอบครัวอยู่แล้ว ทำไมกัน?
“ตั้งแต่เมื่อไหร่...”
“กูก็ไม่รู้หว่ะ แต่เรื่องที่เขารักกัน มันเกี่ยวกับเรื่องที่พ่อมึงถูกฆ่าแน่ๆ”
ความรู้สึกที่มีหลังจากได้ยิน มันคืออาการชาหนึบจนเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง ยิ่งอยากรู้มากเท่าไหร่ มันยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้มากเท่านั้น ต้องเจ็บอีกเท่าไหร่ ถึงจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก ทั้งที่รู้สึกชาไปหมดแล้ว แต่ความเจ็บปวดก็ยังไม่จางหาย
“เกี่ยวกันยังไง”
ชินดนัยนิ่งเงียบไป...ถ้าเลือกได้ เขาก็ไม่อยากจะพูดเลย บางทีมันก็อาจจะไม่สมควรพูดออกไป แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้ ยังไงเขาก็คงเลี่ยงไม่ได้
“คุณเขมจิรา เขาเป็นคนจ้างมือปืนมาขู่พ่อมึง แต่ปืนเกิดลั่นใส่พ่อมึงขึ้นมาจริงๆ กว่าจะไปถึงโรงพยาบาล หมอก็ช่วยไว้ไม่ทันแล้ว” โลกทั้งโลกของธรณ์เหมือนกับถล่มลงมาตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าที่ชินดนัยพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่มันก็ช่างขัดแย้งกับที่ลุงครามเคยบอกเขาเหลือเกิน
ลุงครามเคยบอกเขาว่า...ลุงครามไปขัดผลประโยชน์ผู้มีอิทธิพล พวกนั้นเลยส่งมือปืนมาตามเก็บ แต่พ่อก็เข้าไปบังกระสุนแทนลุงคราม พอมาเทียบกับที่ชินดนัยเล่า ทำไมมันถึงได้เหมือนหนังคนละม้วน
คุณเขมจิรา...คุณแม่ของเขตแดน ไม่ว่าจะจงใจขู่หรือจงใจฆ่าพ่อของเขา แต่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของเขาตาย
ถ้าพ่อไม่รักลุงคราม พ่อก็คงไม่ตาย
แล้วถ้าเขารักเขตแดนล่ะ...มันจะมีอะไรร้ายๆตามมาอีกไหม แต่ที่ธรณ์สงสัย ถ้าเป็นจริงอย่างที่ชินดนัยพูด คุณสงครามก็ต้องรู้ว่าสาเหตุการตายของพ่อเขามาจากอะไร ใครเป็นต้นเหตุ ทำไมถึงไม่จัดการอะไรเลย ทำไมถึงได้ปล่อยให้พ่อของเขาตายฟรีๆ และที่สำคัญ...
ในเมื่อพ่อของเขาก็ตายไปแล้ว คุณเขมจิรายังต้องการอะไรจากตัวเขาอีก แค่ต้องการให้เขาเลิกยุ่งกับเขตแดน ต้องการให้เขาเจ็บ หรือต้องการให้เขาตายตามพ่อไปกันแน่
====================
[มีต่อนะคะ]