KO-JAP : ฉันเกาหลี นายญี่ปุ่น รักวุ่น ๆ ของเราสองคน [ตอนที่ 34 บทส่งท้าย 100%] [14.03.2013]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: KO-JAP : ฉันเกาหลี นายญี่ปุ่น รักวุ่น ๆ ของเราสองคน [ตอนที่ 34 บทส่งท้าย 100%] [14.03.2013]  (อ่าน 31204 ครั้ง)

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

kaino

  • บุคคลทั่วไป
เดี๋ยวจะไม่อยู่ 5 วัน วันนี้จะลงให้ 5 ตอนฮะ


KO-JAP : นักศึกษาแลกเปลี่ยน
โหมด : ไบเซป

หลังจากที่ฝ่าดงลูกกะตากว่าห้าร้อยคู่ที่มองมาอย่างทิ่มในแทง ในที่สุด ทั้งผมและไอ้ฟีนิกซ์ก็มานั่งอยู่ในห้องรับรองแขกของทางคณะศึกษาศาสตร์ อาจารย์ผู้หญิงที่ยกน้ำมาเซิร์ฟลอบมองผมกับเด็กเจร็อคผ่านทางแว่นสายตาหนาเต๊อะ ซึ่งผมนั้นรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่อีกคนกลับทำตัวแมร่งโคตรสบาย =.=”

ไม่นานเกินรอครับ ท่านคณบดีประจำคณะศึกษาศาสตร์ก็ก้าวเข้ามาในห้อง สิ่งแรกที่ผมสังเกตได้คืออาการสะดุดครับ ต่อให้ท่านคณบดีจะเก็บอารมณ์ไว้ก็เถอะ แต่สายตาผมนี่มันไม่พลาดแน่ ๆ ริมฝีปากที่เม้มแน่นขนาดนั้น บอกได้เลยว่าท่านคณบดีไม่ค่อยจะพอใจเท่าไร และผมก็ไม่คิดจะว่าอะไรท่าน เพราะไอ้นี่มันไม่รู้กาละเทศะจริง ๆ

ทั้งผมและไอ้ฟีลุกขึ้นเมื่อท่านคณีบดีเดินผ่าน ก่อนที่จะนั่งลงตามเดิม ท่านคณบดีกระแอมเสียงดัง 1 ครั้ง ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท หยิบแว่นสายตาออกมาสวม มือของท่านคณบดีเอื่อมไปหยิบเปิดแฟ้มสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า

นั่นคงจะเป็นประวัติไอ้ฟีนิกซ์ ผมสังเกตเห็นว่าท่านคณบดียกแฟ้มขึ้น แล้วเอาแฟ้มลง จ้องหน้าไอ้ฟี จากนั้นก็ยกแฟ้มขึ้นอีก เอาลง จ้องหน้าไอ้ฟี ทำแบบนี้อยู่ประมาณ 3 รอบ ก่อนที่จะปิดแฟ้มแล้วเริ่มรัวภาษาญี่ปุ่นชนิดที่มนุษย์เกาหลีปี 2 อย่างผมฟังไม่รู้เรื่อง (ก็แหงล่ะ)

ผมนั่งฟังไอ้ฟีและท่านคณบดีรัวภาษาญี่ปุ่นใส่กัน ไอ้ฟีหัวเราะก๊ากในขณะที่ท่านคณบดีทำหน้าบึ้ง งานนี้ดูท่าจะไปไม่สวยแฮะ เฮ้ย มึง รักษามารยาทมั่งสิวะ นี่ท่านคณบดีนะเว้ยเฮ้ย จะมาหัวเราะแบบนั้นได้ยังไง

ตัวของผมเล็กลีบลงเหลือ 1 นิ้ว เมื่อสำเนียกได้ว่า ตัวเองต้องเซ็นรับรองให้มัน






โหมด : ฟีนิกซ์
หลังจากที่ต้องทนกับการยืนอัดกันบนรถไฟฟ้าแล้ว ผมก็ต้องเดินลากเท้าเข้ามายังมหาวิทยาลัยท่ามกลางแดดเปรี๊ยงในตอนเช้า ไม่รู้ว่าประเทศไทยนี่มันจะร้อนกันไปถึงไหน เล่นเอาซะผมเซ็งจนต้องหยิบไอโฟนขึ้นมาฟังเพลงของศาสดาเพื่อให้บทเพลงของศาสดาช่วยจรรโลงจิตใจที่ร้อนรุ่มของผม(?) แต่ป่านนั้นฟังไปได้ไม่ถึงสามเพลง ไอ้เตี้ยไบเซปก็เริ่มบ่นถึงแนวเพลงเจร็อค

....จิตใจมึงนี่จะสนเพียงแค่เกาหลีหรือไงวะ หัดเปิดใจกว้างฟังเพลงแนวอื่นมั้งซะมั่งสิ ฟังแต่แอ๊บแบ้ว แอ๊บแบ้ว มิน่า มึงถึงไม่โตซักที... ผมด่ามันในใจอยากเจ็บแสบ (ด่าดังไม่ได้ครับ เดี๋ยวมหาลัยแตก) นี่ยังถือว่าผมให้เกียรติมหาลัยอยู่นะ >.<~~~

พอมาถึงคณะที่ผมได้แลกเปลี่ยน เป็นอันว่าตามคาดครับ เด็กศึกษาศาสตร์นี่หน้าจืดกันดีจริง นี่พวกคุณ ๆ ทั้งหลายแต่งหน้าเป็นไหมเนี่ย สาวน้อยคนนั้นน่ะ ถ้าเธอหัดแต่งหน้าบ้าง เธอจะดูดีกว่านี้นะ โวะ กระเทยคนนั้นน่ะ เออ หล่อนนั่นแหละ ไม่ต้องมาส่งสายตายั่วกู กูไม่ได้ชอบแบบมึง หัดไปมาร์คหน้าบ้างนะ ทั้งมัน ทั้งสิวขนาดนั้น เฮ้อ~~~ เห็นคณะนี่แล้วรู้สึกปวดตับกับการศึกษาไทย ตกลงครูต้องมีอิมเมจแบบนี้ใช่มะ? แมร่ง  =.=”

ผมเดินตามไอ้ไบเซปผ่านบรรดาสายตาทิ่มแทง ไม่รู้ว่าทิ่มเพราะเรื่องอะไร แต่เล่นมองผมเป็นตาเดียวแบบนี้มันก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันนะ จนตอนนี้มาอยู่ในห้องคณบดีแล้วครับ ป่านนั้นก็ยังไม่วาย ดันมาเจออาจารย์สวมแว่นหนาเตอะที่เข้ามาเสิร์ฟน้ำให้อีก

น่าจะเอาอาจารย์สาวสวย อกดูม ๆ มาเสิร์ฟมากกว่า เห็นแบบนี้แล้วต้องอยู่ตั้ง 1 ปี นี่มันหดหู่นะครับ T.T

หลังจากอาจารย์สวมแว่นเดินออกไปจากห้องแล้ว ตอนนี้ทำได้ก็เพียงรอคณบดี กินเวลาไม่นานครับ ท่านคณบดีผู้ทรงเกียรติก็เสด็จมา =.+’ อารมณ์นี่แรงจนผมสัมผัสได้ ผมรู้ว่าท่านคณบดีไม่เต็มใจที่จะต้อนรับผม ก็ใช่สิ ผมเล่นบุกมาด้วยสภาพที่มันแหกคำว่าศึกษาศาสตร์(มาก) หัวผมก็เป็นหนาม เสื้อผ้าก็สีดำ เปลือกตานี่ละเลงอายไลน์เนอร์มาเต็มที่ ชนิดที่หลุมดำยังต้องอาย แล้วคนแก่ที่ไหนจะชอบล่ะ

ท่านคณบดีนั่งลงยังเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ล้วงเอาแว่นสายตามาสวม เปิดแฟ้มประวัติ ซึ่งอันที่จริงไม่ต้องเปิดท่านก็คงจะรู้ประวัติผมเองดี แต่ก็นั่นแหละ เพื่อให้มันดูเป็นทางการ หลังจากนั้นก็วางแฟ้มแล้วรัวภาษาญี่ปุ่นใส่ผมเป็นชุด

“แกมาที่นี่ทำไม” น่าน เริ่มมาก็ดราม่า ดีที่ไอ้ไบมันฟังไม่ออก ผมปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

“ตกใจหรือไงครับลุง” ผมพูดยิ้ม ๆ อีกฝ่ายทำหน้าเครียด

“แกก็รู้ว่าที่นี่ไม่เหมาะกับแก”

“แต่แม่ส่งผมมานิครับ”

ท่านคณบดียกมือนวดขมับทั้งสองข้าง “แม่แกนี่คิดอะไรกันแน่วะ”

“ผมก็ไม่รู๊ววววว” ผมพูดเสียงสูง ลุงผมที่ดำรงตำแหน่งคณบดีประจำคณะศึกษาศาสตร์เหล่ตามอง

“ห้ามบอกว่าแกก่อเรื่องยุ่งอีกแล้วนะ” จบคำพูดจองลุง ผมก็ทำได้เพียงแค่ฉีกยิ้ม “แกนี่มันตัวปัญหาจริง ๆ”

“ถ้าลุงจะว่าอย่างนั้น ทำไมไม่โทษคนที่เลี้ยงดูผมมาล่ะครับ” ผมสวนกลับทันควัน เล่นเอาลุงมองผมตาเขียวปั๊ด ไอ้ไบที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมนี่ขยับตัวหยุกหยิก ผมจ้องเข้าไปในดวงตาพร่ามัวนั่น

        "ฉันจะให้แกอยู่คลาสอินเตอร์ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการแต่งตัวและพฤติกรรม" ลุงพูดเสียงเหี้ยม ผมยังคงทำได้แค่ยิ้ม

        "เอาสิครับ อยากจับผมไปอยู่คลาสไหนก็ตามใจลุงเลย เพราะยังไงผมก็ขอบอกลุงตรงนี้เลยว่า J-Rock is my life" ผมพูดภาษาอังกฤษออกไปช้า ๆ ชัด ๆ หวังจะให้อีกคนที่มันนั่งข้าง ๆ รู้เรื่องในบางส่วน ลุงจ้องผมตาแทบถลน จนผมต้องรีบหาทางระงับอารมณ์โกรธของลุง

“ผมว่านะ ลุงรีบ ๆ จัดการฉากนี้ให้มันเสร็จเถอะครับ อีกคนมันไม่รู้เรื่องนะ” รอยยิ้มของผมโค้งขึ้นอย่างผู้มีชัย อีกฝ่ายทำหน้าเข้มพลางค้นเอกสารจากแฟ้มแล้วยื่นเอกสารให้ไอ้ไบเซ็นรับรอง

ฉากแรกจบลง ทันทีที่ไอ้ไบเซปมันเซ็น และยกปากกาขึ้น ลุงก็หยิบกระดาษ ยัดใส่แฟ้ม แล้วก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ทั้งผมและไอ้ไบเซปมองหน้ากันซักพัก มันอ้าปากเหมือนจะถามผม แต่ผมชิงออกจากห้องก่อน

ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาถามตอบปัญหาอะไรหรอกนะ

เอาล่ะ ทีนี้ผมก็อยู่ในฐานะนักศึกษาแลกเปลี่ยนเต็มตัวเรียบร้อยแล้ว


_______

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
มาวันแรกก็ป่วนซะคุณลุงจิตตกเลยนะฟีนิกซ์

 o13 :L2:

dog

  • บุคคลทั่วไป
55555
อะไรจะเยอะขยาดน้านค๊าน้องฟินิกส์
แล้วอีแบบนี้จะรักกันได้ตอนไหนวะเนี่ย

kaino

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับวันที่ 12-10-12


KO-JAP : กว่าจะเจอคนที่ชอบเหมือนกัน มันยากนะ
โหมด : ไบเซป

ผมเดินตามไอ้ฟีนิกซ์ออกมาจากห้องของคณบดี ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาตะกี้มันจะดราม่าแปลก ๆ หรือท่านคณบดีอารมณ์บ่จอย? หรือท่านคณบดีงานยุ่งมาก หรือว่าท่านคณบดีทะเลาะกับเมียมา? เฮ๊ย! อันหลังไม่ใช่และ แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้ทางที่ดีรีบ ๆ ออกจากคณะนี้ให้ได้ก่อน ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่หน้าทางเข้าคณะเริ่มมีบรรดาผู้คนมายืนออกันอยู่ ส่วนมากยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เดาได้ทันทีว่ามือถือเครื่องนั้นกำลังเข้าโหมดถ่ายรูป

“มาแล้ว ๆๆๆๆๆ” อาเจ๊กระเทยริมฝีปากดำคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แล้วเสียงกรี๊ดมันก็ระงมครับ ทั้งผมและฟีนิกซ์มองหน้ากันสลับกับมองดูกลุ่มคนที่กรี๊ดอย่างเอาเป็นเอาตาย นี่ห้ามบอกนะว่ากรี๊ดไอ้ฟีนิกซ์กันน่ะ

“อ่าาาาา สวัสดีค่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งพรวดออกมาจากกลุ่ม พร้อมทั้งยกมือไหว้ไอ้ฟีนิกซ์ หมอนั่นยืนนิ่ง สายตาที่ละเลงอายไลน์เนอร์จ้องผู้หญิงคนนั้นราวกับจะหลอมละลายเธอ อีกฝ่ายหน้าแดงเป็นลูกตำลึง

“นี่มาทำอะไรกันเหรอครับ” ไอ้ฟีเอ่ยถาม น้ำเสียงมันแตกต่างตามความงามของคู่สนทนา ทีกับไอ้ทวิตมึงทำเสียงโคตรหล่อ แต่พอมากับผู้หญิงความหล่อของมึงหายไปไหนวะ =.=” ผมหมั่นไส้มันเล็กน้อยถึงปานกลาง เรื่องมันเริ่มที่จะชุลมุนขึ้น เมื่อผู้หญิงคนนั้นกระโดดเกาะแขนไอ้ฟี

เรียกเสียงกรี๊ดอีกรอบครับ

ทั้งผมและไอ้ฟีนิกซ์ร้องเฮ้ยออกมาพร้อมกัน ไอ้ฟีนิกส์พยายามสะบัดออก แต่ผมนี่เล่นเอามือไปตีแขนอีกฝ่ายอย่างแรงแล้วกระชากแม่คนหน้าด้านออกจากเพื่อน =[]=!!! คิดดูอีกที แล้วกูจะทำแบบนั้นทำไมเนี่ย >.<~~~

คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในตอนนี้ ทั้งอาจารย์ ทั้งแม่บ้านต่างก็หยุดยืนมอง แล้วก็เดินจากไป สงสัยคงคิดว่ากำลังถ่ายทำโปรเจคกันสินะ เฮ้ย นี่มันไม่ใช่โปรเจคนะเว้ย พวกผมถูกรุมถ่ายรูปครับ ไม่มีการสร้างภาพ ไม่มีเอ็กตรา ไม่มีหน้าม้า ไม่มีห่าอะไรทั้งสิ้น จนเจ๊กระเทยปากดำคนนั้นอ้าปากจะพูด แต่อีกเสียงก็ดังขึ้น และช่วยชีวิตพวกผมไว้








โหมด : ทวิต
งานนี้เล่นเอาผมตะลึงไปหลายวิ กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมฟีนิกซ์และไบเซปถึงมาอยู่ที่คณะศึกษาศาสตร์ แล้วนั่นอะไร อีกลุ่มม๊อบสาวคลั่งเด็กอินเตอร์อีกแล้วสินะ ตลอดอ่ะพวกนี้ เด็กศึกษาศาสตร์คลาสอินเตอร์คนใหม่โผล่มา เป็นต้องโดนเจ้าพวกนี้รุมลวนลามทุกที

เฮ้อ~ ผมถอนใจอย่างปลง ๆ งานนี้ก็คงต้องเข้าไปช่วยอีกสินะ ว่าแต่ ถ้าม๊อบกลุ่มนี้มันกรี๊ด ก็หมายความว่า....

ไบเซปเรียนที่คณะข้าง ๆ กัน คือมนุษย์ศาสตร์ เกาหลี

ถ้างั้น....กลุ่มนี้มันก็ต้องกรี๊ด....

คิ้วของผมกระตุกอย่างแรง

ห...ห้าม....ห้ามบอกว่า...ห้ามบอกว่าฟีนิกซ์แลกเปลี่ยนศึกษาศาสตร์นะ!!!!!









โหมด : ฟีนิกซ์
มาวันแรกกูก็ฮอต

มาวันแรกกูก็ป๊อบ

มาวันแรกกูก็เป็นข่าว

อีสามเหตุผลข้างบนกูไม่ว่า กูรู้ กูเข้าใจ เพราะกูมันหล่อ(?)และกูจงใจให้มันเป็นอย่างนั้น แต่อันที่กูไม่เข้าใจก็คือว่า ทำไมต้องมาแตะต้องตัวกูวะ หน้าตาดีจะไม่ว่าซักคำ แต่นี่หน้าตายังกะปลาบู่ชนเขื่อนแล้วถูกสันเขื่อนกระทบดั้งอีกที ทั้งแบน ทั้งดำ โอ๊ยยยย!!!! แค่คิดถึงก็ขนลุก =[]=!!!! นี่ถ้าไม่ได้ทวิตเตอร์สุดสวยมาช่วยก็ไม่รู้ว่าพวกผมจะถูกบรรดาชะนีจับไปทำต้มยำหรือเปล่า

เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับเพื่อนไอ้ไบจริง ๆ

“ฟีนิกซ์แลกเปลี่ยนศึกษาศาสตร์เหรอครับ” เสียงอันไพเราะชวนเคลิ่มของทวิตลอยเข้าหูผม ผมพยักหน้า ทวิตส่งเสียงอืมแล้วหันไปดูดน้ำผลไม้ที่เจ้าตัวสั่งมา ริมฝีปากนั่นชมพูแลดูสุขภาพดีมากอ่ะ นี่อีกฝ่ายจะรู้ไหมนะว่ากำลังยั่วผมมากขนาดไหน อ๊าคคคคคค ถูกผู้ชายหน้าสวยทำร้ายอ่ะ TwT

ส่วนอีกคน งานนี้ไม่ต้องพูดถึงมันครับ เพราะหลังจากที่ทวิตเตอร์ช่วยพวกเราออกมาได้แล้ว มันก็วิ่งแจ่นกลับคณะมันอย่างรวดเร็ว ปากมันบอกผมว่าจะเข้าปฐมนิเทศไม่ทัน เหอะ ไอ้ไบเซกชวล ไอ้โฮสไม่รักดี ไอ้โฮสทิ้งนักศึกษาที่มึงต้องดูแล อีแค่การปฐมนิเทศ จะไปสนใจทำไม ขาด ๆ หน่อยก็ได้ มึงจะเด็กดีไปไหนมิทราบ

ผมหันกลับมามองดูขนมปังเนยสดตรงหน้าที่ทวิตสั่งมาให้ อ้อ ตอนนี้เราอยู่กันที่ศูนย์อาหารของมหาวิทยาลัยครับ ร้านเค๊กครับ นักศึกษาเยอะดี แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่สเปกผมซักคน ส่วนมากมันเอนเอียงไปทางเกาหลี นอกจากผมจะอยู่ในดงเกาหลีของอีไบแล้ว งานนี้ คิดว่าหลงเข้ามาอยู่ในกลุงโซลเลยล่ะ ก็ดูแต่ละคนแต่งตัวสิ พวกมึงจะโลลิป๊อปไปไหน สีผมนี่ทำสีอื่นไม่เป็นนอกจากสีออกโทนน้ำตาลใช่มะ? จะทำสีผม จะทำร้ายเส้นผมทั้งที ทำไมไม่ทำให้มันสุด ๆ ไปเลยวะ

เด็กเจร็อคไม่เข้าจ๊ายยยยยยยย

“แล้วทวิตเตอร์ไปทำอะไรที่ศึกษาศาสตร์เหรอครับ” คราวนี้เป็นผมที่ถาม อีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมอง สัสเอ๊ย! ถ้ามึงจะน่ารักขนาดนี้ กูยอมเป็นเกย์วะ TwwwwwT

“ทวิตเรียนที่นั่นครับ” =[]=!!!!!! กูว่าและ นี่คงเป็นผลจากการชาบูบทเพลงของท่านศาสดาเช้า สาย บ่าย เย็น ก่อนนอนสินะ ท่านศาสดาคงจะนึกสงสารที่จู่ ๆ ก็ถูกแม่ตัวเองโยนเข้ามาในดงเกาหลี ก็เลยบรรดาลหนุ่มรูปงามมาอยู่เคียงข้างผม เฮ้ย แต่จะว่าไป ทำไมจู่ ๆ กูต้องหันมากรี๊ดผู้ชาย หรืออันที่จริง กูกำลังเบี่ยงเบน (+.+?) แล้วนั่นอะไร แทนตัวเองด้วยชื่อ คุณมึงจะน่ารักไปไหนมิทราบ TwT (ให้กูเป็นเกย์เถอะวะ 55555)

“เอ๊ะ! เรียนที่ศึกษาศาสตร์เหรอครับ” แกล้งถามต่อ อีกฝ่ายพยักหน้า “อ่าาา ดีจังเลย”

“ว่าแต่ ทำไมฟีนิกซ์มาคณะด้วยสภาพนี้ละครับ” 0.0 กูรู้สึกเหมือนมึงจะตำหนิกูอย่างสุภาพอยู่ใช่มะ นี่มึงกำลังหลอกด่ากุยุใช่มะ?? แว๊ก ๆๆๆ ไอ้หน้าสวย มาให้กูตีตูดซักทีสิ (ทำไมผมต้องหื่นใส่หนูทวิตตลอดเลย TwT)

“ไม่รู้สิ” ผมตอบเลี่ยง ก็อันที่จริงกูทำมาเพื่อยั่วโมโหคณบดีโดยเฉพาะ “ไม่รู้ว่าต้องแต่งตัวแบบไหนนินา” พยายามทำหน้าซื่อบื้อที่สุดแล้วครับ

“อ้อ เข้าใจแล้วล่ะ” หนูทวิตนี่เข้าใจง่ายจริง ๆ อีกฝ่ายละสายตาจากผมแล้วมองออกนอกกระจกร้าน “ฟีนิกซ์นี่ชอบเจร็อคเหรอครับ”

เฮ้ย จู่ ๆ มึงมาชวนคุยเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย

“ชอบมาก เปรียบได้กับอีกครึ่งชีวิตเลยล่ะ” ผมตอบ อีกฝ่ายหันมายิ้มให้ผม

“ทวิตก็ชอบนะ แต่ไม่ได้ชอบแนวหัวหนามแบบฟีนิกซ์อ่ะ” มันพูดพลางหัวเราะ สัส!! ยั่วกูอีกแล้ว >w< “ทวิตชอบแบบวงซักกุ”

“อ๊าคคคคคค ซักกุฟีก็ชอบน่ะ” อ้าวเฮ้ยไปแล้วกู แทนตัวเองด้วยชื่อแล้วกู อีกฝ่ายทำตาวิบวับ

“อ่าาา จริงเหรอครับเนี่ย” รีแอคชั่นมึงเยอะมากอีทวิต แต่ช่างเถอะ นี่คงจะเป็นผลตอบแทนจากท่านศาสดาแน่ ๆ ฮือ ๆๆๆ ถ้าชาบูฟังเพลงทุกวันและจะเกิดเรื่องดี ๆ แบบนี้ นับจากนี้ไป ฟีนิกซ์คนนี้จะฟังแมร่งทั้ง 24 ชั่วโมงเลย wwwww

หลังจากที่เราต่างคุยต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องวงเจร็อคที่ชื่นชอบแล้ว ผมก็รู้สึกราวกับหลุดออกมาจากดงเกาหลี ถึงมันจะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ เพราะตอนกลับบ้านยังไงผมก็ต้องกลับไปอยู่ในดงนั่นอีก แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว ทั้งผมและทวิตอยู่คณะเดียวกัน ชอบเหมือนกัน อยู่คลาสอินเตอร์เหมือนกันแต่คนละสาขาวิชา มันก็ไม่ยากเท่าไรที่จะหาเวลาเจอกันใช่มะ? เฮ้ย จริง ๆ นะเว้ย กว่าจะหาคนที่ชอบเจร็อคเหมือนกันได้น่ะ มันยากมาก มาอยู่ไทยก็เพิ่งจะมาเจอทวิตนี่แหละ ที่พอจะคุยกันรู้เรื่อง TwT นี่คงจะเป็นของขวัญจากท่านศาสดาสินะ *ซาบซึ้ง*


_______

ชื่อศิลปินที่เกี่ยวข้องในตอนนี้

SuG [Japan]

________

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ไม่เอาทวิตตตตตตตตตตตตต ! จะเอาไบเซปคนเดียว ทวิตแอ๊บแบ๊วสุดริดแต่คุณเธอมิธรรมดาเลยชริงๆ
อยากให้มีตัวพระรองมาอีกตัวจริงๆ จะได้งาบไบเซปไปเลย จะสมน้ำหน้าอีฟีมัวแต่หลงนังหน้าสวย หึหึ
# ขอบคุณจ่ะคนแต่ง มาต่อไวไวเน้อ อ่านแล้วไม่เครียดดีอ่าาาา><

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2
มันยากจริงๆที่จะเจอคนที่ชอบอะไรไม่เหมือนชาวบ้านอย่างเรา  o3

kaino

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับวันที่ 12.10.13




KO-JAP : เกมป๊อกกี้
โหมด : ทวิต

ผมไม่รู้ว่าไอ้พวกเด็กเจร็อคมันซื่อบื้อเหมือนกันหมดทุกคนหรือเปล่า นี่ไม่รู้หรือไงว่าผมเสแสร้งทั้งนั้นอ่ะ อันที่จริงผมไม่ได้ชอบเจร็อคหรอกครับ เจป๊อบพอไหว แต่เจร็อคนี่บ๊าย บาย เพราะหลังจากที่ศึกษาหาข้อมูลของฟีนิกซ์ ผมก็รู้ว่าอีกฝ่ายชอบอะไร และนั่นทำให้ผมต้องหันมาเปิดเพลงเจร็อคฟัง เพื่อที่จะซึมซับ จะได้คุยกับอีกฝ่ายรู้เรื่อง

ไม่อยากจะบอกว่าแค่เสียงดนตรีขึ้น คนยังไม่ได้ร้องก็เล่นเอาผมกดปิดหน้าจอยูทูป วิ่งไปทำใจอยู่ในห้องน้ำเป็นนานสองนาน มันฟังยากนะครับ ดนตรีขึ้นมาก็แรงแล้วอ่ะ ยิ่งพวกวงมืด ๆ ดำ ๆ อย่าง เอ่อ...อะไรนะ...ซา..ซาดาย ซาดายหรือซาดี้นี่แหละ ผมไม่ได้ใส่ใจ.... MV เพลงโคตรจะน่ากลัว แล้วอีกวงนึงครับ ชื่อว่าวง Nega ผมเปิดดู MV ก็เจอแต่ของชวนแหวะ ทรมานจิตใจผมมากอ่ะ สู้ฝั่งเกาหลีก็ไม่ได้ ของสวย ๆ งาม ๆ กันทั้งนั้น >.< แต่จะมีพอรับได้หน่อยก็วง SuG นี่แหละ คล้าย ๆ เกาหลีอยู่ โลลิป๊อบ น่ารักดี ผมก็เลยจับวงนี้เป็นวงหลักในการสนทนา

ตอนนี้ฟีนิกซ์หัวเราะอย่างออกรสครับ ดู ๆ ไปเหมือนผมเลวแปลก ๆ เลยเนอะ แต่เลวยังไงก็ยอมอ่ะ เพราะเพื่อไบเซปเพื่อนรักของผมแล้ว แค่นี้ผมไม่เป็นไรหรอก ผมเสมองออกนอกกระจกหน้าร้านอีกรอบ ตอนนี้เกิดการรวมกลุ่มแปลก ๆ ที่กลางศูนย์อาหาร มีนักศึกษาทั้งชายหญิง ตุ๊ดแต๋วกระเทย กำลังยืนออกันอยู่ มีป้ายมาตั้งด้วยอ่ะ เหมือนกับกำลังจัดอีเว้นท์ ผู้ชมบางคนกำลังอ้าปากหวอ ท่าทางเหมือนลุ้นอะไรซักอย่าง

“ตรงนั้นมีอะไรกันนะ” เสียงของฟีนิกซ์ดังขึ้น

“นั่นสิ”

“ไปดูกันไหม”

ผมมองหน้าอีกฝ่าย แล้วก้มลงมองน้ำผลไม้ที่มันยังเหลืออยู่

“แต่ทวิตยังกินไม่หมดเลยนะครับ” อีกฝ่ายยิ้มให้ผม รอยยิ้มนั่นมันไม่เข้ากับเปลือกตาดำ ๆ เลยซักนิด

“ของฟีก็ยังไม่หมด ฮ่า ๆ Who care!!!!” พูดจบฟีนิกซ์ก็ลุกขึ้น และนั่นทำให้ผมต้องลุกตาม เด็กเจร็อคนี่เอาแต่ใจ








โหมด : ไบเซป
จะมาเห็นคาตาก็วันนี้แหละ หนอยยยยย เล่นแรงมานะอีทวิต อีแรด (โมโห) ถ้าจะงาบไอ้ฟี มึงมาบอกกูตรง ๆ ก็ได้ เดี๋ยวกูจัดให้ ไม่ต้องมาแอบฉกแบบเน่ ๆๆๆๆ มึงรู้ไหมว่ากูตามหามันทั่วมหาลัยจนตาเหลือก เพราะกูกลัวว่ามันจะไปก่อเรื่องกับชาวบ้าน ไอ้นั่นมันยิ่งศรัธทาแรงกล้าต่อศาสดาพันธุ์หนามของมันอยู่ ใครไปแตะต้องไม่ได้ ไม่งั้นมันมีเหวี่ยง

แต่มึงก็แอบฉกมันมา

โดยไม่บอกกู

ปล่อยให้กูเหนื่อย

T....T อีเพื่อนใจร้ายยยยยยยย

นี่คือเสียงที่สะท้อนอยู่ในใจของผม ไม่ได้พูดออกมาจริง ๆ หรอก 5555555 ผมที่ตอนแรกท้อแล้วว่ายังไงก็ตามหาไอ้ฟีไม่เจอ เพราะโทรไปแม่มก็เสือกไม่รับสาย แถมมันยังตัดเข้าระบบฝากข้อความอัตโนมัติอีก เรียกได้ว่าจนปัญญาจริง ๆ ก็เลยเดินมาจะหาอะไรกินซักหน่อย แล้วมันก็นั่นแหละครับ โป๊ะเซะ!!! กำลังนั่งแดกขนมปังน้ำผลไม้สวีทหวานกันได้ที่ อันตัวกูนี่เหนื่อยแทบตาย อยากทรุดลงไปกองกับพื้น

ตอนแรกว่าจะเข้าไปทัก แต่เห็นอีฟีมันหัวเราะซะปากกว้าง แล้วทวิตมันก็ยิ้ม ๆ ก็เลยคิดว่าไม่ทักจะดีกว่า ไม่อยากขัดช่วงเวลาความสุขคนอื่น ว่าแต่ แล้วกูจะมาดราม่าเพื่ออะไรเนี่ย มันจะไปสวีทหวานแถวไหนก็เรื่องของมันสิวะ ไม่ได้เกี่ยวกับผมนิ ผมก็แค่โฮสที่คอยดูแลมันระหว่างที่มันอยู่ไทยเฉย ๆ

เช่นนั้นแล้ว กระผมก็เลยเดินว่อนศูนย์อาหารเพื่อหาอะไรยัดปาก แต่สายตามันไปกระทบกับป้ายบอร์ดที่เพิ่งมีคนเอามาตั้งพอดีครับ มีอีเว้นท์หรือไงเนี่ย เครื่องเสียงอะไรครบ แต่ที่มันสะดุดตามากที่สุดคือป้าย....

มันไม่ใช่ป้ายศิลปินเกาหลีแต่อย่างใด แต่นั่นมันเป็นป้ายของ Net Idol เกาหลี!!!!! อ๊าคคคคคคคคคคค ไม่ใช่เพียงแค่ว่าไบเซปคนนี้จะชอบศิลปินอย่างเดียวนะครับ อะไรอะไรที่เป็นเกาหลีผมรับได้หมดอ่ะ แล้วนี่ยิ่งเนตไอดอล ไม่ต้องพูดถึง หน้าแทจุนนี่ขึ้นมาเป็นอันดับแรกเลย แล้วก็เสือกมีแทจุนอยู่ในป้ายด้วย พระเจ้า!!!! กูไม่หาอะไรยัดปากและ อยู่ดูอีเว้นท์ดีกว่า (เพื่อพี่แทจุน TwT)

“สวัสดีค่ะพี่น้องชาว AAA ทุกท่าน” เสียงพิธีกรสาวผู้น่ารักเอ่ย เสียงของพี่สาวถูกขยายด้วยไมค์โครโฟนที่ติดอยู่บนปกคอเสื้อ ทำให้มันดังไปรอบศูนย์อาหาร เรียกความสนใจจากบุคคลอื่นได้ดี “พบกันอีกแล้วนะค่ะกับอีเว้นท์พิเศษของเราที่จัดขึ้นให้กับแฟนคลับเกาหลีโดยเฉพาะ” เสียงปรบมือดังขึ้นแสดงถึงความพอใจ ผมก็ปรบครับ ปรบแรงด้วย แถมเสนอหน้าอยู่หน้าสุดของเวทีอีกตางหาก 55555

เอาสิ งานนี้กูไม่ติดกล้องออกทีวีให้มันรู้ไป

“ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะค่ะว่าอีเว้นท์นี้เราจะตระเวนไปยังทุกภาคของประเทศไทย เพื่อเฟ้นหาสุดยอดแห่งเกมป๊อกกี้!!!” พี่สาวยังคงพูดพลางยิ้มสวย ตอนนี้คนเริ่มมาออกันเยอะแล้วครับ แถมผมยังถูกเบียดอีกตางหาก “และที่ภาคนี้ค่ะ ภาคกลาง ถือว่าเป็นภาคสุดท้ายที่เราจะเฟ้นหาตัวแทน เพื่อไปแข่งกับตัวแทนอีกสามภาค คงไม่ต้องพูดถึงกติกาการเล่มเกมนะค่ะ เพราะคิดว่าทุกท่านรู้จักเกมนี้ดี ก็ผ่านมาตั้ง 3 ภาคแล้วนิเนอะ” เสียงเชียร์เริ่มดังขึ้น

“ขอเพียงแค่มีความกล้าเท่านั้นค่ะ เราให้สิทธิ์เป็นคู่ จับคู่ได้แล้วลงชื่อสมัครที่บูธด้านข้างได้เลยค่าาาาาา” พี่ผู้หญิงผายมือไปยังอีกบูธหนึ่งที่ตอนนี้กำลังมีชายหญิงกระเทยแต๋วแตกหลายคนควงคู่กันไปลงชื่อ

ป๊าดดดดดด อีพวกนี้เอาจริงดิ พวกมึงรู้ไหมเนี่ยว่าเกมป๊อกกี้มันคือเกมอะไร แน่นอนครับถ้าไม่ใช่แฟนคลับฝั่งเกาหลีไม่มีทางรู้หรอก มันคือเกมที่เอาแท่งป๊อกกี้ยัดปากแต่ละคู่ไว้ครับ โดย 1 ทีมมีสมาชิก 2 คน (ก็แหงล่ะ มาเป็นคู่นี่นา) แล้วก็คาบไว้ทั้ง 2 ฝั่ง จากนั้นก็ให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งกัดครับ กัดไปเรื่อย ๆ กัดจนให้เหลือแท่งป๊อกกี้ที่สั้นที่สุด ทีมไหนกัดแล้วสั้นที่สุดทีมนั้นเป็นฝ่ายชนะ

ดู ๆ ไปเหมือนง่าย แต่เกมนี้ไม่ง่ายเลย เพราะเมื่อปากใกล้จะชนกัด ส่วนมากฝ่ายที่อยู่นิ่งจะผลักฝ่ายที่ทำหน้าที่กัด และมันทำให้แท่งป๊อกกี้หักครับ ผมชอบนั่งดูรายการ Ulzzang Shidae แบบว่าบรรดาเนตไอดอลเอามาเล่นกันบ่อย (จูบกันบ่อยด้วย 555555)

ตอนนี้พี่สาวเรียกผู้เข้าแข่งขันทีมที่หนึ่งขึ้นเวทีแล้วครับ เป็นผู้ชายกับผู้หญิง ดูท่าแล้วจะเป็นแฟนกันครับ ตอนนี้ฝ่ายหญิงหน้าแดงมาก ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มเกมเลยอ่ะ จะไหวไหมหนอ =[]=

มีการแนะนำตัวพอเป็นพิธี จากนั้นพิธีกรก็ให้เลือกสีป๊อกกี้ครับ คู่นี้เลือกสีชมพู หวานกันจริง ฮ่า ๆ แล้วเกมก็เริ่ม ฝ่ายชายเป็นคนกัดในขณะที่ฝ่ายหญิงคาบป๊อกกี้ไว้ ทั้งสองคนนี้จ้องหน้ากันตลอด ผมว่าแบบนี้ไม่รอดอ่ะ น่าจะให้ฝ่ายที่คาบหลับตาจะดีกว่า จะได้ไม่เขิน สุดท้ายครับ เมื่อใกล้จะถึงปากแล้วฝ่ายหญิงเกิดหลุดขำออกมา เอามือผลักฝ่ายชายอย่างแรง แท่งป๊อกกี้หัก!!!

น่าน กูว่าและ

วัดแท่งป๊อกกี้ที่คาปากฝ่ายหญิงได้ 5 เซนติเมตร =[]=!!!! ตกรอบแน่ ๆ ครับ

คู่ที่ 2 ขึ้นมา คู่นี้เรียกเสียงกรี๊ด เพราะแมร่งเป็นชายกับชาย!!!!! O.O!!! พระเจ้าช่วย แต่สุดท้ายแล้ว ก็ตามรอยคู่แรกไป เพราะเสือกหลุดขำก่อน

การแข่งขันเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ คนยิ่งมาดูเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แรงกดดันของผู้แข่งขันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ และความไม่พอใจของผมก็มาขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน แมร่ง ถ้าเล่นแบบไม่รู้เทคนิคแบบนี้นะ อย่ามาเล่นเลย อายชาวบ้านวะ ตอนนี้สถิติของแท่งป๊อกกี้ที่สั้นที่สุดคือ 3 เซนติเมตร

นี่สั้นแล้วใช่ไหมนิ???

พี่แทจุนของผมเล่นในรายการ Ulzzang Shidae... กัดจนเหลือแค่เซนเดียวเอง (แต่มันก็ต้องแลกกับการจูบกัน ฮร๊าาาาา) เอานา ถือว่าพี่เซอวิสแฟนคลับก็แล้วกัน 55555

“อยากเล่นไหม” หะ? อะไรนะ

“หือ?” ผมส่งเสียงแต่ยังไม่ละสายตาจากภาพตรงหน้า คู่ที่ผมกำลังดูอยู่เป็นผู้หญิงทั้งคู่ครับ ดูเหมือนมีสมาธิกันมาก

“ก็เกมนี้ไง อยากเล่นไหมล่ะ เผื่อชนะแล้วได้ไปเกาหลี”

=[]=!!!!! เอ่อ...คุณมึงเป็นใครครับที่มาชวนผมเนี่ย อันเกาหลีผมมีปัญญาไปเอง ไม่ต้องมาเล่นเกมอะไรแบบนี้หรอก แล้วอีกอย่าง คนที่จะเล่นเกมนี้กับกูมันต้องหน้าตาดีนะเว้ย ไม่ใช่ว่าจะให้คนหน้าตาดีอย่างกูไปจูบกับพวกหน้าเฮียก

ไบเซปไม่ยอมอ่ะ

ดังนั้น ขอดูหนังหน้าของคุณมึงผู้หน้าด้านหน่อยเหอะ!!!......

=.=

o.o

O.o

O.O

!!!!!!!!!

ผ่านไป 3 วิ.....






กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด (อาการแรดออกทันที =[]=!!!!!)

________

ศิลปินที่เกี่ยวข้องในตอนนี้

SuG [Japan] - http://bit.ly/GRahZ6
Nega [Japan] - http://bit.ly/H4yOGl
Sadie [Japan] - http://bit.ly/H526mK 


บุคคลที่เกี่ยวข้องในตอนนี้

Park Taejun - http://bit.ly/H4z8Vr


รายการที่เกี่ยวข้องในตอนนี้

Ulzzang Shidae [พาทเล่นเกมนี้นะฮะ] - http://bit.ly/H4A77X
_______

dog

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่มาต่อเหรอค๊า
ไหนว่า 5 ตอนงายยยยยยยยยย
รึเรามาคั่นกลางหว่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






kaino

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับวันที่ 14.10.12





คลิปตัวอย่างฮะ
http://<object width="560" height="315"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Kvqb7pZprqE?version=3&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Kvqb7pZprqE?version=3&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="560" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
http://www.youtube.com/watch?v=Kvqb7pZprqE&feature=youtu.be


KO-JAP : เข้าเล่นเกม
โหมด : ไบเซป

ตอนนี้ กระผมรับรู้ถึงพลังงานความหล่อที่แรงมาก ณ. สถานที่นี่ ใช่แล้วครับ กระผมรู้สึกได้ =.=”!!! อ๊าคคคคคคคคคคค ถ้ารุ่นพี่จะเล่นทักกันแบบนี้ผมเขินนะครับ ^.^

“ร...รุ่นพี่...รุ่นพี่จะเล่นจริงเหรอครับ” ปากสั่นถามไป ให้ตายสิ ถ้ารู้ว่าเป็นรุ่นพี่ซางมิน ลูกครึ่งไทยเกาหลี ปี 3 แห่งมนุษย์ศาสตร์ เกาหลี ไบเซปน้อยคนนี้จะไม่คิดด่ารุ่นพี่เลย หนูขอโต๋ดดดด~~~ T___T

“อื้อ อยากลองเล่นเหมือนกัน” รุ่นพี่ตอบกลับมา แล้วส่งยิ้มหวาน ตาย ๆๆๆๆ อิไบตายแน่ ๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย แอร๊ยยยยยย~~~

“ต..แต่...แต่ผมเป็นผู้ชายนะครับ” ห่าาา รุ่นพี่อุตส่าห์ชวน แล้วกูจะพูดเรื่องนี้ทำไมเนี่ย

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนินา ที่เกาหลีพวกออลซางเล่นกันบ่อย” =[]=!!!! ไม่มีอะไรจะเถียง ผมเอาแต่ก้มหน้าครับ จะเล่นได้ไงวะ เขินจะตายห่าแบบนี้

“จะเล่นกันไหมล่ะ นี่ใกล้จะถึงเวลาปิดรับสมัครแล้วนะ”

“เอ๋? มีเวลาปิดรับสมัครด้วยหรอครับ” กูนี่ก็ถามควาย ๆ เนาะ 5555

“มีสิ”

“อ่ะ...เอ่อ.....” อันอยากเล่นก็อยากเล่นครับ แต่ว่า...เฮ้ย จะบ้าเหรอ!!!! นั่นรุ่นพี่เลยนะ แถมฮอตที่สุดในมนุษย์เกาหลีแล้ว ถ้าเกิดผมขึ้นไปเล่นเกมป๊อกกี้กับรุ่นพี่ มีหวังโดนแฟนคลับรุ่นพี่ฆ่าตายแน่ ๆ แล้วอีกอย่าง.... มือผมลูบริมฝีปากตัวเอง...อีกอย่าง.... มือลูบอีก....อีกอย่าง....

บนปากกูมันมีจูบของอีฟี!!!!!! =[]=!!!!!!!!!









มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานครั้งหนึ่งในชีวิตกับการตัดสินใจที่จะเล่นเกมกับใครซักคน

น่าน =.= อะไรมันจะคิดหนักขนาดนี้ รุ่นพี่เองก็ยืนรอ คนบนเวทีเองก็เชียร์กันมันส์หยดติ๋งโดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงความทุกข์ยากของกูเลย อยากเล่นกับรุ่นพี่ แต่ว่า...ถ้าต้องสัมผัสกันจริง ๆ แล้วจูบของฟินิกส์ล่ะ?

ซักพัก ภาพที่มันหัวเราะงอหายกับไอ้ทวิตก็ผุดขึ้นมาครับ

แล้วไฟแค้นก็บังเกิด (เกิดง่ายจริงกู =.=”) ในขณะที่เสียงเชียร์เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ สงสัยเพราะปากเริ่มจะใกล้กันมั้ง ผมก็คว้าแขนรุ่นพี่ แล้ววิ่งไปที่บูธทันที พี่ซางมินเหมือนจะหน้าเหวอหน่อย ๆ แต่ก็ยอมตามผมมา

“สมัครครับ” ผมพูดเสียงดัง (ไฟแค้นกูมันแรง) พี่คนที่นั่งรับลงชื่อเงยหน้าขึ้นมอง

“คู่ล่ะค่ะ”

“อยู่นี่ครับ” ผมลากรุ่นพี่มายืนอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายมองพี่สาขาผมด้วยดวงตาที่หวานหยดย้อย เฮ้ย เจ๊ ผมมาสมัครนะ ไม่ใช่มาให้เจ๊ลวนลามพี่โผ๊มมมมม!!!!

เป็นอันว่าต้องกระแอมถึง 3 ครั้งกว่าเจ๊แกจะรู้สึกตัวและเขียนรายชื่อลงไปยังใบสมัคร ทั้งผมและรุ่นพี่เดินไปยังทางขึ้นเวที ด้านหน้าของผมเหลืออีกเพียงคู่เดียวเท่านั้น ผมบีบมือตัวเองแน่นด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้หัวสมองเริ่มที่จะสำเนียกว่า กูทำอารายลงปายเนี๊ยยยยย~~~~~

แต่ถอนตัวตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วสินะ T.T

คู่ที่อยู่บนเวทีลงไปอย่างรวดเร็วเพราะความเขินอีกนั่นแหละ ป๊อกกี้หักกลางแท่งเลยครับ แล้วแบบนี้มันจะไปชนะได้ยังไงวะ ตอนนี้คู่ที่อยู่ข้างหน้าผมขึ้นไปบนเวทีแล้ว ผมมองไปยังบูธรับสมัคร อาเจ๊หน้าหื่นคนนั้นยกป้ายขึ้นมาปิดด้านหน้าโต๊ะว่า ‘ปิดรับสมัคร’ งี้ก็หมายความว่า คู่ของผมเป็นคู่สุดท้ายใช่มะ???

โฮ๊คคคคคคคคคคคคคคคคคคคค ได้ข่าวมาว่าคู่สุดท้ายมันมักจะมีอะไรที่เซอร์ไพร์เสมอ (เหรอ?)

“ไม่เป็นไรนะ” เสียงรุ่นพี่ดังอยู่ข้างหู ผมหันไปตามเสียง เป็นอันต้องถอยตัวออกมาอย่างรวดเร็ว แบบว่ามันใกล้เกิ๊นนนนน อย่ามาทำให้เขินตอนนี้สิครับ เดี๋ยวสติผมก็แตกหรอก TwT

“ตื่นเต้นนิดหน่อยครับ” ผมบอกรุ่นพี่เสียงสั่น รุ่นพี่ยิ้ม

“ถ้าต้องสัมผัสกันจริง ๆ จะว่าอะไรไหม”

=[]=!!!!!! นี่กะจะเอาให้ชนะใช่ไหมครับ ผมได้ข่าวว่ารุ่นพี่เป็นลูกครึ่งนะครับ อยากจะบินไปกลับกรุงเทพเกาหลีเมื่อไรก็ได้ นึกว่าจะเล่นขำ ๆ ซะอีก

“อ่ะ....เอ่อ....”

“ถ้าลำบากก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะพยายามไม่ให้โดนก็แล้วกัน” พูดแบบนี้เป็นการบอกอ้อม ๆ ว่าให้ผมอยู่นิ่ง ๆ แล้วรุ่นพี่จะคุมเกมเองใช่ไหมครับ อืมมมมมมมมม ก็ได้ เพราะยังไงผมก็คิดว่า ผมอยู่นิ่ง ๆ แล้วหลับตามันจะง่ายกว่าที่ต้องมาเป็นฝ่ายกัดป๊อกกี้ แต่คำถามของรุ่นพี่นี่มัน..... ผมยกมือขึ้นลูบริมฝีปากอีกรอบ เอาไงดีวะ ตั้งแต่พลาดจูบกับอีฟีวันนั้น ปากผมก็ไม่ได้แตะใครอีก แต่นี่.... เอ่อ.....

เฮ้อ~~~ ไหน ๆ ก็เสียจูบแรกไปแล้ว อีกซักครั้งมันจะเป็นไรไป =.=’ ดังนั้น ผมจึงตอบกลับไปว่า

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าจะโดนก็โดนเหอะ ผมไม่ถือ” อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้น

“เสียจูบแรกหรือยัง” แน่ะ จะถามผมทำไมล่ะเนี่ย

ผมส่ายหน้า อันนี้กูโกหกวะครับ

“อ่าาาาา ลำบากแย่เลยสินะ” ง่ะ รุ่นพี่อย่าทำเสียงแบบนั้นสิครับ

“แล้ว...แล้วรุ่นพี่ละครับ” กูจะถามทำไมเนี่ย อีกฝ่ายมองผม และเป็นผมเองที่ต้องหลบสายตา

“ยังไม่เสียเหมือนกัน” อ้าว เวรรรรร~~~~ ถ้าพี่จะตอบแบบนี้ สรุปว่า (เอาเรื่องที่ผมโกหก) นี่เราต่างก็ไม่เคยเสียจูบแรกใช่ไหมครับ จูบแรกของรุ่นพี่เป็นของผม และจูบแรกของผมก็เป็นของรุ่นพี่ (ถ้ายึดตามข้อมูลที่ผมโกหก)

อ๊าคคคคคคคคคคคคค (กลับมาที่ข้อมูลจริง) กูแค้นอีฟี กูแค้นมาก กลับบ้านไปกูจะไปนั่งถลกหนังมันออกมาต้ม แล้วโยนให้เป็ดกิน (?) ถ้า...ถ้า... ถ้าวันนั้นมึงไม่หันหน้ามานะ จูบแรกของกูก็จะต้องเป็นของรุ่นพี่ในวันนี้ แล้วทำม๊ายยยย~~~~!!!!

เกิดอาการสติแตกขึ้นในฉับพลัน หน้าผมเริ่มเครียดลง เครียดลงเรื่อย ๆ เมื่อเสียงของพิธีกรดังขึ้นมาว่า

จะถูกแล้ว~~ (เสียงพิธีกร)
ฮึก!!! (เสียงท่านผู้ชม)




อึ๋ยยย~~ (เสียงพิธีกร)
อ่าาาา (เสียงท่านผู้ชม)




แอร๊ยยยย~~~ (เสียงพิธีกร)
พรืดดดดด~~~ (เสียงท่านผู้ชมสูดลมหายใจ)




โอ๊ยยยย~~ (เสียงพิธีกร)
โอ๊ะ!!! (เสียงท่านผู้ชม)




ถูกแล้ววว~~ (เสียงพิธีกร)
เฮ้!!!!!!! (เสียงท่านผู้ชม)




เฮ้อ~~~....(เสียงกูเอง) ไม่ทราบว่าพวกคุณมึงจะส่งเสียงเพิ่มความกดดันให้ผมทำม๊ายยยยย~~ T_____T ฮือออออออออ คนดูกะพิธีกรอ่ะมันส์ แต่คนรอแข่งอย่างกูมันเครียดนะเว้ยเฮ้ยยยย!!!!!

มือของผมบีบกันแน่นด้วยความเครียด ตอนนี้พี่สาวพิธีกรบอกว่าเกมจบลงแล้ว และกำลังวัดความยาวกันอยู่ ใกล้แล้วสินะ อีกไม่กี่นาทีกูต้องไปเล่นเกมนั่นแล้วสินะ ทุกทีมีแต่ดู แล้วก็วิจารย์ รอบนี้สงสัยพี่แทจุนจะลงโทษที่กูแซวพี่แกในยูทูปละมั้ง (ได้ข่าวว่ากูแซวแรงซะด้วยสิ) ก็เลยบรรดาลให้กูเป็นผู้ร่วมแข่งขันเองซะเลย

ถ้าอาถรรพ์ท่านปาร์ค แทจุนจะแรว๊งขนาดนี้ ผมเหล่ตามองป้ายโปสเตอร์ที่เป็นรูปท่านพี่กำลังทำปากพอง ๆ แอ๊บแบ้ว ๆ .... T____T เห็นทีเสร็จงงานนี้ คงต้องเตรียมของไปขอขมาถึงเกาหลีแล้วล่ะมั้ง

แต่ว่านะ นึกถึงฉากพี่แทจุนเล่นแล้วสยิ๋วกิ๋ว จูบกันจริง ๆ เลยอ่ะ ถึงงั้นก็เถอะ พี่แทจุนเป็นเนตไอดอลนี่นา ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ต่อให้พี่แกจะใส่เสื้อลงไปแช่ในอ่างจากุชชี่ (ขอเผาเหอะ) แฟนคลับก็ยังบอกว่าน่ารัก พอหันกลับมาดูตัวเอง =.=” เอ่อ.... หน้าหวานก็จริง แต่กูก็ไม่ได้มีแฟนคลับเหมือนพี่แทนะเว้ย!!!!

เริ่มสติแตกอีกรอบ

“ไบเซป” เสียงรุ่นพี่เอ่ยขึ้นครับ สงสัยจะเห็นผมเครียดมั้ง ผมเงยหน้าขึ้น เพื่อที่จะมองรุ่นพี่ (รุ่นพี่ซางมินสูงกว่าผมครับ) และมันก็....

....จุ๊บ....

หือ???

o.o

O.o

o.O

O.O!!!!!

ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

kaino

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับวันที่ 15.10.12



 KO-JAP : ชัด ๆ
โหมด : ไบเซป

ขอรีรันอีกรอบ (กูปลื้มเกิ๊นนนนน)

“ไบเซป”... รุ่นพี่เรียก และผมก็เงยหน้า

...จุ๊บ...

ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เป็นผมที่ก้าวถอยหลังและยกมือขึ้นปิดปาก ตะกี้...ตะกี้มัน...เดี๋ยวนะ เฮ้ย!!! ตะกี้มัน...

“ร...ร...รุ่นพี่....รุ่นพี่ทำอะไรครับเนี่ย” ปากสั่นแล้วกู ปากสั่นของจริงเลยคราวนี้ รุ่นพี่ไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มจนตาหยี ฮือออออ เห็นแล้วอยากจะละลายลงไปกองกับพื้น คนอะไรวะ เกิดมาแมร่งโคตรจะหน้าตาดี แถมยังสูง แล้วที่สำคัญ ยังมาจุ๊บกูอีก

แต่เดี๋ยว!!! ช้าก่อนนะท่าน....

จุ๊บ...

จุ๊บหรอ???...

ผมยกมือแตะปากตัวเองอีกรอบ แล้วถูไปถูมา

“เมื่อกี้รุ่นพี่จุ๊บผมใช่ไหมครับ” คำถามควาย ๆ อีกแล้ว T______T รุ่นพี่ซางมินยังคงยิ้ม แต่รอบนี้พยักหน้า

เฮือก!!!!!!!!









โหมด : ฟีนิกซ์
มันเป็นเพราะดวงตาของท่านศาสดาที่มีการมองการไกล ที่มีการมองไปยังอนาคต ที่มีการมองไปยังสถานการณ์ต่าง ๆ และท่านศาสดาก็ทรงมอบทรงผมสารพัดประโยชน์ให้แก่บรรดา HERESY....

‘โยกหัวของพวกคุณซะ!!!’ คำพูดของศาสดาที่ชอบพูดในคอนเสิร์ต มันยังติดหูผม ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพียงการระบายอารมณ์เท่านั้น แต่ตอนนี้ HERESY อย่างฟีนิกซ์ได้รู้ซึ้งและเข้าใจถึงความหมายอันล้ำลึกของคำพูดนั้นแล้ว

กราบสวัสดีท่านผู้อ่าน 555555 ฟังผมเพ้อเป็นยังไงบ้างครับ ตอนนี้ผมและทวิตเตอร์กำลังอยู่แถวเกือบจะข้างหน้า เกือบที่จะคิดเวทีแล้ว แต่คิดว่าตรงนี้น่าจะมองเห็นได้ชัดแบบไม่ต้องเงยหน้าให้ปวดคอ เห็นกันจะ ๆ เห็นกันชัด ๆ ก็จุดที่ผมยืนอยู่นี่แหละครับ

ผมจับให้ทวิตยืนอยู่ข้างหน้าผม และผมยืนอยู่ข้างหลัง เพราะผมสูงกว่า มือของผมจับไหล่ทวิตไว้ อีกฝ่ายก็กุมมือผมครับ

อบอุ่นชิบหายเลยมึง

ฝ่ามือของคนที่มีแนวความคิดด้านดนตรีเหมือนกันเนี่ย ช่างอบอุ่น ไม่เหมือนใครบางคนหรอก ที่ต่อให้ผมนั่งนอนทอดกายอยู่บ้านมัน ความอบอุ่นที่ได้รับก็ไม่สามารถนำมาเทียบกับฝ่ามือเล็กนี้ได้

จะขอกล่าวถึงขั้นตอนการเบียดเสียดเข้ามายังจุดนี้นิดนึงนะครับ หลังจากที่พวกผมออกมาจากร้านเค๊กแล้วก็มุ่งตรงมายังอีเว้นท์นี้ทันที ตอนนั้นคนเริ่มเยอะ และเริ่มที่จะเบียดยากขึ้นเรื่อย ๆ อันตัวผมไม่ค่อยสนใจเท่าไร เพราะมันเกี่ยวกับเกาหลี (อีกแล้ว) ยิ่งมองป้ายโปสเตอร์แล้วแทบจะแหวะออกมา

เฮ้ย นั่นมึงผู้ชายหรือเปล่าน่ะ ถ่ายรูปจะแอ๊บแบ้วไปไหนมิทราบ คิดว่าหล่อหรือไง มันไม่ได้หล่อซักนิดนะเว้ย เป็นผู้ชายมันต้องทำขรึม แมน ๆ สิวะ วุ้ย!!! เห็นแล้วเริ่มของขึ้น (ฮร๊าาาา) จะบอกไว้ให้ ถ้าถ่ายรูปแบบแมน ๆ ไม่เป็นนะ แนะนำให้ไปที่ 7-11 ที่ญี่ปุ่นแล้วไปกดดิจิโฟโต้วง Visual Kei แนวศาสดามาซักวงสองวง จากนั้นมึงก็เอามาเลียนแบบซะ แบบนั้นแหละ ที่จะเรียกว่าแมนของจริง (แต่อย่าเผลอไปกดดิจิโฟโต้ของวงแนวโอซาเระเคย์ล่ะ เพราะมันก็ไม่ค่อยต่างจากที่มึงแอ๊บเท่าไรนัก ฟีนิกซ์เตือนด้วยความหวังดี >.<)

ผมเชิดหน้าใส่ป้ายโปสเตอร์ศิลปินเกาหลีหน้าสวยคนนั้น (ตกลงมันเป็นศิลปินใช่มะ ไม่เคยจะเห็นผ่านลูกกะตาเลยแฮะ) กะว่าจะหาที่นั่งซักหน่อย แบบว่าขี้เกียจไปยืนเบียดเสียดกับคนอื่น แต่เป็นไอ้ทวิตเตอร์ที่มันยืนไม่ยอมไปไหน

“อยากดูใกล้ ๆ อ่ะ” ดูหน้ามันนี่อ้อนเต็มที่ครับ

“แต่ฟีไม่ค่อยชอบเกาหลีเท่าไร”

“ง่ะ...งั้นเหรอ Y.Y” แล้วมันก็ทำหน้าละห้อยเหมือนหมาถูกทิ้ง เฮ้ย อย่านะ ฟีนิกซ์ยิ่งเป็นโรคแพ้น้ำตาอยู่ด้วย กรี๊ดดดดดด ทำตัวไม่ถูก เจอคนน่ารักจู่โจม(?) และเป็นผมเองที่จับมือมันแล้วลากเข้าไปในดงอีเว้นท์(เกาหลี)นั่น

ขั้นตอนการเบียดเสียดไม่มีอะไรยุ่งยากครับ อันดับแรก ไปยืนอยู่แถวหลังสุด ณ. จุดนี้คนจะไม่ค่อยมีการรวมตัวกันแน่นเท่าไร เพราะฉะนั้น เราสามารถพูดว่า ‘ขอโทษครับ’ แล้วเบียดไปอย่างหน้าด้าน ๆ ได้ แต่พอใกล้เวทีเมื่อไร จะเริ่มมีการแออัดมากขึ้นเรื่อย ๆ วิธีที่พูดว่าขอโทษครับ แล้วแทรกเข้าไปนั้นเริ่มที่จะใช้ไม่ได้ผล งานนี้จึงต้องพึ่งทรงผมที่ศาสดาประทานมาให้ ง่าย ๆ ครับ เพียงแค่ทำท่าเอียงคอไปซ้ายที ขวาที โยกหน้า โยกหลัง บุคคลที่อยู่ในรัสมีที่หนามบนหัวสามารถทิ่งแทงได้จะเริ่มหันมามอง

ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อีกฝ่ายจะรำคาญและเริ่มถอยหนี จากนั้นเราก็เข้าเสียบแทนที่ทันที 55555 เป็นยังไงครับ วิธีนี้ใช้ได้ผลเหลือหลาย ผมทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนทั้งผมและทวิตได้ตำแหน่งยืนที่พอใจแล้วจึงเลิกนิสัยเลว ๆ แบบนั้น (เข้าใจอยู่ว่าตัวเองเลว =.=X)

เวทีนี้เห็นชัดครับ ผู้เข้าแข่งขันก็เห็นชัดหมดรอบด้านว่าทำอะไรกัน เกมนี่มันสุด ๆ จริง ๆ สงสารคนเล่นชิบหาย อันพิธีกรและท่านผู้ชมอ่ะ สนุกครับ ลุ้นแทบตาย แต่คนเล่นนี่ถ้าจะไม่ไหวและ บางคู่แท่งป๊อกกี้หักกลางแท่งเลยครับ ไม่ต้องไปวัดความยาวให้มันเสียเวลา เพราะไงก็ตกรอบแน่ ๆ

ผมดูไปก็ขำไป

แมร่ง ไอ้พวกนี้ ไม่ชัวร์แล้วจะขึ้นมาเล่นให้ขายหน้าทำไมวะ 5555 ตอนนี้ผมกำลังดูพิธีกรพูดแนะนำคู่สุดท้ายอยู่ครับ เออ สุดท้ายแล้วก็ดี กูยืนจนปวดน่องหมดแล้วเนี่ย

“เอาล่ะค่ะ มาถึงคู่สุดท้ายกันแล้ว....” พิธีกรหน้าตาแนวเกาเหลาเอ่ยขึ้น (ห่านี่ มหาลัยเกาหลีหรือไงวะ =.=”) “โอ๊ะ! โอ” ส่งเสียงให้น่าตื่นเต้นสินะมึง “คู่สุดท้ายนี่เป็นชาย กับ ชายค่ะท่านผู้โช๊มมมมมมมม~~~~” พอยัยเกาเหลาพูดจบ เสียงเฮก็ดังลั่นศูนย์อาหาร กูว่านะ นอกจากจะเป็นมหาลัยแห่งประเทศเกาหลีแล้ว ยังเป็นมหาลัยที่รวมพวกวาย ๆ ยาโอยมาอยู่ด้วยกันอีกตางหาก!!!

อ่าาาาา ประเทศไทยจงเจริญ

“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาพบกับผู้เข้าแข่งขันคู่สุดท้ายได้เลยค่าาาา” ยัยพิธีกรจมูกพลาสติก (คิดว่านะ) เอ่ยหน้าตายิ้มแย้มพลางวาดมือไปที่หลังเวที ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนก้าวขึ้นมา และนั่นทำเอาผมแทบช็อค








โหมด : ทวิต
มือของฟีนิกซ์ที่กำไหล่ผมนั้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ พอ ๆ กับมือผมที่กุมมือเขา ก็จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้ไงเล่า!!! บนเวทีนั้นมันไอ้ไบเซปชัด ๆ ไบเซปของแท้และแน่นอน ไอ้บ้านั่นมันขึ้นไปเล่นเกมแบบนี้ได้ยังไงนะ แถมคู่มันยังเป็นผู้ชาย!!!!!

ดังที่ทวิตเคยกล่าวไว้เมื่อตอนต้น ๆ ของนิยายเรื่องนี้ ไอ้ไบเซปกำลังนีวเจเนอเรชั่น ต...แต่ว่า...แต่ว่า

มันจะไวไฟไปไหมครับ????? =[]=!!!!!

พิธีกรถามชื่อพอเป็นพิธี แต่รู้สึกว่าจะสนใจคู่นี้เป็นพิเศษ เพราะคนนึงหล่อลาก และอีกคนหน้าหวานชนิดน้ำตาลเรียกพี่

“ไบเซปฮะ” =.=” พอมันพูดจบเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้น (แล้วจะพูด ‘ฮะ’ ทำไมเนี่ย)

“ซางมินครับ” รอบนี้เสียงกรี๊ดดังกว่ารอบแรก คนที่ชื่อซางมินโบกมือให้กับท่านผู้ชมข้างล่าง มีหลายคนโบกตอบ อ่าาาา ไอดอลกับแฟนคลับหรือไงเนี่ย

“อยู่มนุษยศาสตร์ สาขาเกาหลีครับ” ไอ้ไบตอบอีกเมื่อพิธีกรสาวสวยถาม คราวนี้พวกมนุษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างส่งเสียงเชียร์ (แล้วศึกษาศาสตร์อย่างผมก็ต้องหัวหด T____T)

“อีกคนล่ะค่ะ” พูดพลางยื่นไมค์ให้คนที่ชื่อซางมิน

“มนุษยศาสตร์ เกาหลีเหมือนกันครับ ผมอยู่ปี 3 น้องเขาอยู่ปี 2” เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาในบรรดล

“โอ๊วววววววววว พี่สาขากับน้องสาขาสินะค่ะ” พิธีกรพูดยิ้ม ๆ ไอ้ไบเซปยืนกุมเป้าพยักหน้า นั่นท่าอะไรของนายเนี่ย เชิด ๆ หน่อยสิคร้าบบบบบบบบบบบบบ (ทวิตเชียร์อยู่นะ) ทำแบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ นายดูคนข้าง ๆ นายสิ รุ่นพี่ซางมินของนายอ่ะ พี่เขาฉีกยิ้ม โบกไม้โบกมือ นายเห็นไหมนั่นน่ะ =.=’

ผมรู้สึกขัดหูขัดตากับท่าทางแปลก ๆ ของไอ้ไบเซป เจอมันที่บ้านไม่เห็นจะหัวหดเขินอายอะไรแบบนี้เลยนินา อีกอย่างเห็นว่าตอนนี้ก็อยู่กับคนหล่อ ผมเหลือบมองอีกคนที่กำลังบีบไหล่ผมแน่น สายตาของฟีนิกซ์น่ากลัวมากครับ มันจ้องตรงไปที่เวทีแบบไม่กระพริบเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ขนของผมลุกซู่จนสัมผัสได้(?) เห็นดังนั้นผมจึงละสายตาจากอีกคนแล้วหันไปมองเวที ที่ตอนนี้รุ่นพี่ซางมินถือไมค์ และไอ้ไบเซปยังคงยืนก้มหน้ากุมเป้าเหมือนเดิม เฮ้อ~~~ อนาทแท้ ทีตอนอยู่บ้านล่ะทำเป็นเก่ง พอเจอคนหล่อจริง ๆ เสือกหด ไอ้หอยเอ๊ย!!!!

“ผมรู้สึกว่ารุ่นน้องผมกำลังเขินอยู่นะ” รุ่นพี่ซางมินพูดกลั๊วหัวเราะ เรื่องนี้เรียกเสียงฮาได้ทั่วทั้งบริเวณ และเป็นไอ้ไบอีกนั่นแหละที่ไม่ทำอะไรเลย ไม่ยิ้ม ไม่เงยหน้า นอกจากกุมเป้า ไอ้นี่นิ =.=’

“ถ้ารุ่นน้องเขินแบบนี้ผมก็เริ่มเกมไม่ได้นะครับ” รุ่นพี่ซางมินยังคงพูดอีก “เพราะงั้น ผมคิดว่าบางที ผมขอเวลาทำสมาธิกับรุ่นน้องซักแปปนะครับ” เกิดความเงียบพราะไม่เข้าใจในคำว่าทำสมาธิกับรุ่นน้อง รุ่นพี่ซางมินยื่นไมค์ให้พิธีกร แล้วเดินไปจับไหล่ไอ้ไบเซปที่ตอนนี้กำลังก้มหน้ากุมเป้าอยู่เหมือนเดิม แต่มันก็เงยหน้าแล้วแหละเพราะมันคงงงว่า รุ่นพี่หมายความว่ายังไง

และจังหวะนั้นก็...

...จุ๊บ...

=[]=!!!!!!

        งานเข้าแล้วล่ะมึง


_____

อธิบายหน่อยนะฮะ เกี่ยวกับการกด Digiphoto ที่ประเทศญี่ปุ่น
คือที่ 7-11 จะมีเครื่องกด Digiphoto ของศิลปิน โดยทางเว็บไซต์
ของต้นสังกัดจะประกาศรหัส Digiphoto ออกมา จากนั้นแฟนคลับ
ที่อยากได้รูปเซตนี้ ก็สามารถจดรหัสแล้วนำไปกดที่ตู้ที่ 7-11 ได้
จากนั้นก็จะได้รูปมาครับ ดู ๆ ไปเหมือน ๆ เครื่องล้างรูปอัตโนมัติอ่ะครับ

_____

ศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

Oshare Kei - http://bit.ly/He4efU
_____

kaino

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับวันที่ 16.10.12


KO-JAP : ชั้นไม่ยอม!!!
โหมด : ฟีนิกซ์

ผมช็อคครับ อยู่ตรงนี้มันเห็นชัด อยู่ตรงนี้มันเห็นทั้งหมดของเวที อยู่ตรงนี้มันอยู่กึ่งกลางพอดี และอยู่ตรงนี้มันแทงใจชิบหาย T.T เพราะทันทีที่ผู้เข้าแข่งขันทีมสุดท้ายโผล่หัวขึ้นมาบนเวทีก็เล่นเอาผมช็อคจนพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่บีบไหล่ไอ้ทวิตแน่น ไม่ใช่บีบและ ผมว่าผมจิกเล็บลงไปเลยล่ะ

โฮ๊คคคคคค!!!!!!! นี่มันอาร๊ายยยยยยยยยย

นอกจากจะพูดจาแทะโลมจูบที่เท่าไรของกูแล้ว (เอาตรง ๆ ไอ้ไบไม่ใช่จูบแรก แต่มันเป็นจูบล่าสุดของโผ๊มมมมมมมม!!!! *โวยวาย*) นี่มึงยังมาเล่นจูบมันต่อหน้ากู (และต่อหน้าประชาชี) อีก!!! งานนี้มีของขึ้นครับ (รู้สึกว่าอยู่กับไอ้นี่แล้วของขึ้นบ่อยมาก =0=)

อีไบนี่ก็เลวใช่ย่อย ทิ้งกูให้ตลอนอยู่กับเพื่อนมึงแล้วแมร่งหนีหายไปเข้าปฐมนิเทศ นี่คงเป็นการนิเทศของมึงใช่มะ? อันที่จริงมึงไม่ได้ไปเข้าคณะอะไรเลย แต่มึงกำลังจับผู้ชายมาเล่นเกมต๊อง ๆ เพื่อมาสนองความอยากของมึงใช่มะ!!!! ฮือออออออออออออออออออ เห็นฉากบาดตาแล้วอยากโยนระเบิดเข้ากลางเวทีให้ตายห่ากันให้หมดเลย

ถ้ามึงอยากมากนะ มึงบอกกูก็ได้ เดี๋ยวกูสนองให้ มึงไม่ต้องมาเกรงใจว่ามึงจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เพราะยังไงกูก็ไม่ค่อยแคร์เรื่องเพศว่ามึงจะเพศอะไร แค่มีทางให้กูเข้าได้ก็พอ แต่นี่มึง...มึง...มรื๊งงงงงง~~~~ (คลั่งหนัก)

ไว้กูจะคิดบัญชีมึงตอนกลับบ้าน

ผมคิดอย่างเคียดแค้น สายตาจ้องไปที่เวทีราวกับจะแผดเผาให้มันสาแก่ใจ ตอนนี้ไอ้บ้าซางมินนั่นเรียกร้องหาเก้าอี้ เพราะมันอ้างว่ามันสูงมากเกินไป และอิไบมันเตี้ยถ้าจะยืนเล่นเกมมันไม่ถนัด หึ! เรื่องมากจริงนะมึง ชนะเกมนี่มึงจะได้ฟันอิไบหรือไงวะ

แต่ป่านนั้นทางผู้จัดอีเว้นก็ยังสรรหาเก้าอี้มาให้มัน ไอ้ไบเซปที่แรก ๆ ทำเป็นเขอะ ทำเป็นเขิน ตอนนี้เริ่มเดินว่อนทั่วเวทีแล้วครับ ไอ้มารยา T___T กูว่าแล้ว อันที่จริงมึงอยากจริง ๆ ด้วย มึงจะเห็นกูไหมว่าตอนนี้ต่อให้กูไม่ต้องเซตผม ผมกูมันก็จะตั้งด้วยพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้(?)

ซางมินกำลังจัดเก้าอี้ครับ โดยการหันด้านพนักพิงของเก้าอี้ชนกัน จากนั้นก็นั่งคล่อมเก้าอี้แล้วหันหน้าไปทางพนักพิง จินตนาการกันออกไหมนิ ผมก็ไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไงแล้ว โมโหมาก ฮือ ๆๆๆ ตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันคู่สุดท้ายนั่งหันหน้าเข้าหากันแล้วครับ (ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ) ทั้งพิธีกรทั้งท่านผู้ชมต่างก็เงียบเสียงราวกับรู้ว่าวินาทีต่อจากนี้มันต้องลุ้น

แล้วทีทำไมคู่อื่นพวกมึงเฮกันเสียงดังชิบหาย ไอ้พวกสองมาตรฐาน!!!!!!

ผมมองดูไอ้ไบที่หลับตาพริ้มคาบป๊อกกี้ไว้ในปาก ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มที่จะกัดป๊อกกี้จนมันสั้นลงเรื่อย ๆ มือของไอ้รุ่นพี่ซางมินอะไรนั่นจับเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างของไอ้ไบ ส่วนไอ้คนที่มันยินยอมให้ถูกลวนลามเอื่อมมือไปจับไหล่อีกฝ่ายไว้เช่นกัน

ให้ตายสิ แทงใจกูเว้ยยยยยย!!!!!!

แล้วผมทำไงต่อครับ??? ไม่ได้ทำไรล่ะ จิกเล็บลงไหล่ไอ้ทวิตอย่างแรง งานนี้กูขอโทษมึงจริง ๆ แต่มีมึงนี่แหละนี่อยู่ใกล้ตัวกูที่สุดแล้ว T^T ทุกคนยังคงนิ่งเงียบ แม้แต่เสียงแมลงหวี่แมลงวันจะบินมาซักตัวก็ไม่มี ราวกับโลกนี้เต็มใจให้ผู้เข้าแข่งขันคู่นี้ได้รู้ว่าโลกนี้มีเพียงพวกมึงสองคน....

แล้วกูก็อันตรธานหายไปสินะ ฮือออออออออออ เจ็บปวดอีกแล้ววววว!!!!!

ตอนนี้ไอ้ซางมิน (ไม่เรียกรุ่นพี่แล้ว) กัดมาจนจะถึงปากไอ้ไบแล้วครับ เสียงสูดหายใจรอบ ๆ เริ่มดังขึ้น แต่ก็ยังไม่มีใครเสนอหน้าพูดอะไรออกมา พิธีกรสาวที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ พูดเก่งเป็นต่อยหอย ตอนนี้กลับเงียบและจ้องมองดูอย่างตื่นเต้น

อีกนิดเดียวก็จะถูกปากไอ้ไบแล้ว อีกนิดเดียวมันก็จะมาซ้ำรอยริมฝีปากกู ไอ้ไบเริ่มเผยปากออกเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้กัดป๊อกกี้ได้ลึกขึ้น ถ้าสังเกตให้ดีไอ้ซางมินมันยิ้มครับ แถมยังเป็นยิ้มเลว ๆ อีกตางหาก ปากของซางมินเผยออกเช่นกัน และมันก็เสือกนั่งอยู่ฝั่งขวาของเวที คือ คนส่วนมากเท่าที่ผมดู AV มา เวลาจูบกันมันจะหันหน้าไปด้านขวามือครับ และงานนี้ก็เช่นกัน ตอนนี้ผมเห็นหมดทุกกระบวนท่าว่าไอ้ลูกครึ่งเกาหลีคนนี้ลวนลามริมฝีปากของไอ้ไบเซปยังไงบ้าง

เริ่มแรกเผยปากออก แล้วพอแตะกันนิดนึง มันก็ยกมือขึ้นประคองใบหน้าของไอ้ไบเซปไว้ ส่วนไอ้หอยหลอดนั่น รู้ว่าเขาจะจูบอยู่แล้วยังมีหน้ามาหลับตาแทนที่จะขัดขืน เห็นแล้วมันเคืองลูกกะตาจริง ๆ อยากจะไปจับแยกออก แต่กูก็เกรงใจ เพราะพวกมึงกำลังเล่นเกมกันอยู่ นี่กูต้องพยายามเข้าใจพวกมึงใช่ไหม ฮือออออออออออ

ผมยังคงทนดูหนังสดต่อไปเรื่อย ๆ ผมรู้แล้วว่าเกมนี้มันมีอะไรแอบแฝงแน่ ๆ พอไอ้รุ่นพี่ประคองใบหน้าของไอ้ไบเซป ริมฝีปากของซางมินก็ประกบเข้าไปทันที ไม่มีเสียงฮือฮา ไม่มีเสียงฟ้าร้อง(?) มีแต่เสียงที่ทุกคนรีบยกมือถือขึ้นมาแล้วรัวกดชัตเตอร์กันจ้าละหวั่นไม่เว้นแม้แต่ไอ้ทวิต

มันจูบกันอยู่ประมาณ 5 วิ ไอ้ซางมินก็ผละริมฝีปากออกและไอ้ห่าไบเซปก็ลืมตาขึ้นพร้อมทั้งแท่งป๊อกกี้ที่กัดเหลืออยู่จิ๊ดเดียวที่ฟันของมัน นี่พวกมึงเล่นกัดกันลึกขนาดนั้นเลยหรือไงวะ พิธีกรสาวรีบเอาถาดมารับแท่งป๊อกกี้จากปากไอ้ไบเซปแล้วเริ่มวัดความยาวครับ

“เฮือกกกกก!!!” เชี้ยและ หน้าสวยแต่ส่งเสียงเฮือกนี่มันขัดกันแปลก ๆ นะ “นอกจากจะหวานแหววแล้ว  ยังน่าตกใจด้วยค่ะท่านผู้โช๊มมมมมมมมมม” คราวเสียงเชียร์ต่าง ๆ เริ่มดังขึ้น ส่งสัยมันจะเก็บกดมานาน ไอ้ไบเซปหนีไปยืนแอบอยู่ด้านหลังไอ้ซางมิน โถ ๆๆๆๆๆ ไอ้ร้อยเล่มเกวียน =.+’ (ให้กูด่าหน่อยเหอะ กูแค้น)

“ผลออกมาแล้ว หนึ่งจุดสองเซ็นติเมตรค่าาาาาา” เสียงโห่ร้องยิ่งดังกว่าเก่าในเมื่อนี่คือสถิติใหม่ที่ดีที่สุดเท่าที่แข่งกันมา ทั้งไอ้ซางมินและไอ้เชี้ยไบเซปหันไปยิ้มให้กัน มือของพวกมันนี่สานกันแน่นราวกับคู่รักหวานแหววแห่งปี

หึ๋ย~~~!!!!

“แต่ว่านะค่ะ” เสียงเฮเงียบลงทันที =.+’ แล้วมึงจะมาแต่อะไรเนี่ย “ที่ภาคเหนือสถิติทำไว้ที่หนึ่งเซนติเม....”

เท่านั้นแหละ ผมไม่ปล่อยให้เจ๊พูดจบหรอก ผมรีบกระชากมือไอ้ทวิตยกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนเสียงดัง ทุกอย่างหยุดนิ่ง ไอ้ทวิตมองหน้าผม ประมาณว่า อะไรเนี่ยมึง แต่ผมไม่สนใจแล้วครับ เล่นทำแบบนี้ต่อหน้ากู กูหึงนะเว้ย ถึงมึงจะไม่ใช่แฟนกูก็เหอะ แต่มึงคือจูบล่าสุดของกูนะ

ทุกสายตามองมาที่ผม ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ตัวก่อเรื่องบนเวที

“ค...คะ?” พิธีกรสาวสวยทำหน้างง ผมเดินจับมือไอ้ทวิตแทรกฝ่าฝูงชนไปที่เวที

“หนึ่งเซนติเมตร” ผมพูด

“คะ?” เจ๊ยังคงทำหน้างงอีก หูหนวกหรือไงวะ

“ผมจะทำให้ดู หนึ่งเซนติเมตร” พูดพลางเหลือบตามองไอ้ไบเซปที่ตอนนี้อ้าปากหวอ หึ เป็นไงล่ะมึง มึงจูบคนอื่นได้ กูก็จูบได้เหมือนกัน

“แต่...แต่ตอนนี้ปิดรับสมัครแล้วนะค่ะ” อาเจ๊พิธีกรยังเถียงต่อ ให้ตายเถอะ อย่ามาพูดให้มันมานักได้ไหม อารมณ์กูยิ่งไม่ปกติอยู่

“ขอผมล่ะ แล้วผมจะทำให้ดู”

พิธีกรเดินไปพูดคุยกับทีมงานที่ด้านหลังเวที ผมยังคงจ้องไอ้ไบเซปอย่างหาเรื่อง พยายามจะบอกมันผ่านสายตาว่า มึงตายแน่ แต่อีกฝ่ายก็หลบสายตาผม แบบนี้มันเหมือนพวกที่ทำผิดแล้วถูกจับได้ชัด ๆ ผมยังคงเบนสายตาต่อไปที่ไอ้ซางมิน หมอนั่นยืนแล้วส่งยิ้มให้ผม ก่อนที่จะยื่นมือมาข้างล่างเวที สงสัยจะดึงผมขึ้นไปมั้ง

“เอาสิ หนึ่งเซนติเมตร” มันพูดครับ เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ๊พิธีกรเดินมาประกาศว่าจะมีคู่พิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคู่

ผมจับมือกับซางมินแล้วกระชากมันให้ก้มลงมาในระดับสายตา

“ครับ หนึ่งเซนติเมตร”

หลังจากที่ปะทะคารมกันแค่ 2 ประโยคผมก็อุ้มไอ้ทวิตที่ทำตัวเงะงะขึ้นไปบนเวทีโดยที่มีซางมินช่วยดึงอีกแรง ส่วนตัวผมนั้นใช้พลังของตัวเอง

เด็กเจร็อคมีความสามารถพอ แค่ปีนขึ้นเวที กูไม่ต้องไปจับมือใคร

dog

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกกกกกกก
อู๊ยยยยยยย หนูไบเลือกไม่ถูกเลยนะเนี่ย
ึอีกตั้ง 5 วันแหนะกว่าจะได้อ่านต่อ
T^T

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

kaino

  • บุคคลทั่วไป
 KO-JAP : เอาคืน
โหมด : ไบเซป

เป็นอันว่าตอนนี้ประกาศผลออกมาคือพวกผมทำได้หนึ่งจุดสองเซนติเมตร และก็เป็นสถิติใหม่ด้วย ทั้งผมและรุ่นพี่ซางมินส่งยิ้มให้กันด้วยความยินดี เพราะยังไงงานนี้ก็ชนะแน่ ๆ แถมยังได้จูบรุ่นพี่ด้วย อร๊างงงง~~~~ คาดว่าคนทั้งคณะต้องอิจฉาตาร้อน ไม่สิ อาจจะทั้งมหาลัยเลยก็ได้ แต่เสียใจด้วยนะพวกคุณเธอววว ผู้โชคดีคนนั้นคือกู 55555 (หัวเราะเลว)

ในช่วงที่ผมกำลังดีใจอย่างลิงโลด ชัยชนะกำลังจะเป็นของผมและรุ่นพี่ซางมิน มันก็มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น และกูเองก็ไม่เคยคาดถึงมันด้วย เพราะจู่ ๆ อีฟีนิกซ์ตัวแสบมันก็โผล่หน้าหล่อ ๆ พร้อมกับหัวหนาม ๆ ของมัน

อันโผล่มาคนเดียวกูไม่ว่า แต่ทำไมต้องมีอีแรดทวิตโผล่มาด้วยวะ =.=” กูชักเริ่มไม่มั่นใจในพวกมึงสองคนแล้วนะนิ ตกลงพวกมึงกำลังจะเป็นแฟนกัน หรือยังไง?

แถมยังมีหน้ามาพูดว่า หนึ่งเซนติเมตร

มึงจะบ้าเหรอ!!! ใช้มันสมองส่วนไหนคิดมิทราบ แค่กูกับรุ่นพี่ซางมิน หนึ่งจุดสองเซนติเมตรยังแทบจะแลกลิ้นกันอยู่แล้ว >.< อ่าาาาาาาา~~ พูดแล้วสยิ๋วครับ ฮ่า ๆ ของมึงหนึ่งเซนติเมตรนี่โคตรจะเพ้อฝันเลย (แต่ได้ยินข่าวมาว่าภาคเหนือก็ทำได้นี่หว่า)

ไอ้ฟีนิกซ์ถลึงตามองผมครับ สายตามันนี่แทบจะเผาผมให้ไหม้เป็นจุลได้เลยอ่ะ ไม่รู้ว่ามันจะจ้องอะไรผมนักหนา เฉกเช่นนั้นแล้ว กระผมจึงหาวิธีหนีสายตาแผดเผาคู่นั้นง่าย ๆ ด้วยการหลบสายตาแมร่งซะเลย 555555 แบบว่าถ้ายังเผลอมองอยู่แบบนี้ มีหวังจิตใจหวั่นไหวกันพอดี =[]=!!!!!

ไม่ได้ ไม่ได้ จะหวั่นไหวไปกับมันไม่ได้เด็ดขาด ไอ้หมอนี่มันสร้างปัญหาให้ผมตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ายันเวลา ณ ปัจจุบัน ดูท่าจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวของมึงสินะอีฟี =.=”

ตอนนี้ทั้งไอ้ฟีนิกซ์และไอ้ทวิตยืนจ้องหน้ากันแล้วครับ พี่พิธีกรจับแท่งป๊อกกี้ไว้ ในขณะที่อีสองตัวนี้ใช้ปากคาบ ฟีนิกซ์เอามือไขว้หลังไว้ทั้งสองข้าง มันก้มลงเยอะพอสมควรครับ เพราะไอ้ทวิตมันเตี้ย (เตี้ยกว่าผมอีก) แล้วไอ้ทวิตก็จับไหล่ของฟีนิกซ์ไว้

เสียงกรี๊ดดังขึ้นไปตามระเบียบ สาบานว่าไอ้พวกคนดูนี่มันต้องเป็นหนุ่มวาย สาววายแน่ ๆ สายตาขวาง ๆ ของไอ้ฟีตวัดมองบรรดาท่านผู้ชม เล่นเอาเงียบไปตาม ๆ กัน ส่วนไอ้ทวิต ผมบอกได้เลยว่ามันตัวสั่นครับ

เหอะ!! นี่คงจะดีใจจนเนื้อเต้นเลยสินะ โถถถถถ ไอ้เพื่อนควายยยยยยยยยยยยย

ช่วงเวลาที่พิธีกรบอกว่าเริ่ม เสียงสูดลมหายใจเข้าก็ดังขึ้น ไม่มีใครกล้าส่งเสียง คงเป็นเพราะกลัวสายตาของไอ้หนุ่มเจร็อค ผมจ้องไอ้สองคนนี้กัดป๊อกกี้กันคนละข้าง ในขณะที่พี่ซางมินยังคงยืนแอ๊บหล่อเหมือนเดิม แล้วทันใดนั้นครับ ไอ้ฟีนิกซ์มันนึกบ้าอะไรไม่รู้ มือที่มันไขว้กันไว้ด้านหลัง จู่ ๆ ก็ผละออกแล้วเอื้อมมาคว้าตัวไอ้ทวิตเข้าไปกอด!!!!

O^O~!!!!!!!!

ผมแทบจะพ่นไฟเผาไหม้ศูนย์อาหารให้มันรู้แล้วรู้รอด

แท่งป๊อกกี้จากที่มันขนานกับพื้นโลก ตอนนี้มันเฉียงขึ้นครับ ไอ้ทวิตก็ต้องเงยหน้าขึ้นไปเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้กัดลงมาได้ถนัด โฮ๊คคคคคคคคคคคคคคคคค นี่มันฉากจูบกันชัด ๆ !!!! บรรดามือถือที่มีกล้อง ทั้งไอแพด ทั้งกาแลกซี่แท๊บ ต่างถูกยกขึ้นมาเพื่อที่จะบันทึกวีดีโอฉากนี้ไว้ คาดว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังจากเกมนี้จบลง คลิปนี้จะต้องโผล่ว่อนอินเตอร์เนตแน่ ๆ

มันจะถูกอัพโหลดลง Youtube เป็นที่แรก จากนั้นก็จะเกิดปรากฏการณ์แชร์กระหน่ำซัมเมอร์เซล ไม่ว่าจะทั้ง Twitter, Google+ หรือแม้กระทั่งเว็บไซต์ยอดฮิตอย่าง Facebook!!! หลังจากนั้นยอด View ใน Youtube ก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างฉุดไม่อยู่ มันจะแซงหน้าบรรดา MV ของศิลปินเกาหลี ไม่เว้นแม้แต่สุดยอด Girl Group อย่าง Girls Generation ที่ MV เพลง Gee มียอด View สูงถึง 88 ล้านครั้ง!!!!

พอมันถล่มสาว ๆ Girls Gen เรียบร้อยแล้ว MV ต่อไปที่คลิปนี้มันจะไปถล่มก็คือ MV สุดฮอตของหนุ่มน้อยวัยละอ่อนอย่าง Justin Bieber ที่จะถูกถีบให้ตกจากอันดับ MV ที่มียอด View สูงที่สุดในโลก (MV เพลง Baby) แล้วคลิปตัวนี้ก็จะเข้าแทนที คนก็จะกด Like ให้มันมากกว่า MV ของพี่ PSY นั่นก็คือ GANGNAM STYLE!!!

และมันจะกลายเป็นตำนานบทใหม่แห่งเว็บไซต์ Youtube!!!! สื่อต่าง ๆ จะต้องตกตะลึงและวิ่งวุ่นสัมภาษณ์อีสองตัวนี้ ภายในเวลาไม่กี่นาที มันก็จะดังไปทั่วโลก ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของโลก!!!

และเป็นผม ที่จะอันตรธานหายไป.....

เรื่องมันหน้าเศร้า.....

เฮือกกกกกกกกกกกกกก!!!!!! น..นี่...นี่กูจินตนาการบ้าบออะไรวะเนี่ยยยยย~~!!!!!



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด สงสัยจะโกรธจนเป็นบ้าแน่ ๆ (ไม่ยอมใช้คำว่าหึง เชอะ!!!) T_____T มันจะไปทำได้ไงกัน อีแค่คลิปคนจูบกันเฉย ๆ ขนาดหนัง AV ที่ว่าแรง ๆ ยอด View ยังไม่เท่าไรเลย (พูดยังกะรู้ดี)

กลับมา ณ.ปัจจุบัน (หลังจากจินตนาการไปไกล) ตอนนี้อีสองตัวนี้มันกอดกันอยู่ครับ ไม่สิ ต้องบอกว่า ไอ้ฟีนิกซ์กอดไอ้ทวิต ส่วนไอ้ทวิตก็เอามือเกาะไหล่แนบอก เบียดตัวเข้าหาอีกฝ่าย ฮืออออออออออออออออออออ (กูอยากจะร้องไห้เป็นภาษาเกาหลี)

ในช่วงเวลาที่แท่งป๊อกกี้มันสั้นลงเรื่อย ๆ ไอ้ทวิตเลิกกัดครับ มันแค่คาบไว้เฉย ๆ ส่วนไอ้คนคุมเกม เออ นั่นแหละ สายตามันจ้องไปที่ปากชมพู ๆ ของไอ้ทวิต เสียงเชียร์ยังคงเงียบ ต่อให้ปากมันจะชนกันแล้วก็ตาม ไม่ใช่แค่เสียงเชียร์ที่เงียบหรอกครับ แม้แต่เสียงผมเองก็ยังเงียบเลย T.T บทจูบ (ดูท่าจะเร้าร้อนพอตัว เพราะทั้งสองฝั่งมันเปิดปากเข้าหากันทั้งนั้น) กำลังบรรเลงไปเรื่อย ๆ ผมไม่เข้าใจว่ากะอีแค่กัดแท่งป๊อกกี้ให้สั้น พวกมึงจะจูบกันนานขนาดเกือบยี่สิบวิเลยหรือไง มึงเห็นใจกูหน่อยเถอะ กูที่ต้องยืนมองพวกมึงเนี่ย

แล้วเสียงครางของไอ้ทวิตก็ดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่มันเอามือทุบไหล่ของอีกฝ่าย หายใจไม่ออกสินะมึง (q_p) ไอ้ฟีนิกซ์ผละริมฝีปากออก แท่งป๊อกกี้ติดปากมันมาครับ โอ๊ะ!!!!!! นี่มึงเล่นขนาดแลกป๊อกกี้กันในปากได้เลยเหรอเนี่ย!!!!!! อ๊าคคคคคคคคค มึงจะเทพไปไหน ฮือออออออออออออออ

เสียงถอนหายใจดังขึ้นเมื่อเกมสุดสยิ๋วนี่จบลง ไม่ว่าจะทั้งท่านผู้ชม พิธีกรต่างก็มีสีหน้าที่สดใสและโล่งอกอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่นั่งลุ้นกันมากนาน (แต่กูนี่ดิ เครียดอย่างเห็นได้ชัด =.=”) พี่พิธีกรสาวยื่นถาดมารับป๊อกกี้จากปากไอ้ฟีนิกซ์ แต่ไม่ได้รับเปล่า ๆ นะครับ พี่แกยังทิ้งคำแซวที่เล่นเอาผมอยากจะเดินหนีจากอีเว้นท์นี้ทันที เพราะพี่สาวคนสวยพูดว่า ‘เห็นแล้วอยากเล่นด้วยอีกคนจัง’ อันทุกทีที่ไอ้ฟีเจอผู้หญิงหยอดคำหวานแบบนี้ มันต้องถลึงตามองชนิดที่เธอคนนั้นต้องหลอนไปสามชาติ แต่ทำไมรอบนี้มันเสือกยิ้มหวานละลายใจให้คุณเธอล่ะ???

ฮือออออออ อีฟี การกระทำของมึงมันทรมานใจกู มึงจะรับรู้ไหมเนี่ย T________T

ใช้เวลาการวัดความสั้นของแท่งป๊อกกี้ไม่นาน ผลประกาศก็ออกมาที่เล่นเอากรี๊ดกันลั่นศูนย์อาหารอย่างไม่เกรงใจคนที่ไม่รู้เรื่อง เพราะแท่งป๊อกกี้ที่สองตัวนี้มันกัดมีความยาวเพียงศูนย์จุดเก้าเซนติเมตร เรียกได้ว่าสถิติใหม่และสั้นที่สุด บทสรุปสุดท้ายคืออีพวกนั้นชนะไป และได้เป็นตัวแทนของภาคกลางที่จะไปแข่งในอีกสองเดือนข้างหน้า

รุ่นพี่ซางมินหันมามองผมยิ้ม ๆ พูดอย่างสบายอารมณ์ว่าแพ้แล้ว เอ่อ....ขอโทษนะครับ นั่นมันสีหน้าคนแพ้ของรุ่นพี่เหรอครับ รุ่นพี่พูดเหมือนเชียร์ให้มันชนะเลยอ่ะ ผมเพียงแค่ส่งเสียงอืมเบา ๆ แล้วรีบลงเวทีหนีหายเข้าฝูงชนอย่างรวดเร็ว

ทุกคนที่มาดูการแข่งขันต่างก็มุ่งเดินตรงไปแสดงความยินดีกับผู้ชนะ ในขณะที่ผู้แพ้อย่างผมต้องเดินคอตกออกมา น้ำตาผมมันคลออยู่ที่เบ้าตาอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรมากระทบนิดนึงนี่น้ำตาแตกแน่ ๆ

ผมร้องไห้ ไม่ใช่เพราะผมแพ้ ....

แต่ผมร้องไห้ เพราะผมเจ็บ.....

________

MV เพลง และศิลปินที่เกี่ยวข้องในตอนนี้

Gee - Girls Generation : http://bit.ly/HffOYj

Baby - Justin Bieber : http://bit.ly/HcYH8d

GANGNUM STYLE - PSY : http://bit.ly/TuuBPt
_______

kaino

  • บุคคลทั่วไป
 KO-JAP : ทะเลาะ
โหมด : ฟีนิกซ์

แหมะ รสชาติของชัยชนะนี่มันช่างหอมหวานยิ่งนัก พอ ๆ กับตอนที่ผมหนีแม่เพื่อที่จะไปคอนเสิร์ตของศาสดาเลย แต่ผมคิดว่าครั้งนี้ผมรู้สึกดีกว่าที่หนีแม่อีกนะ ไม่ใช่ว่าผมรักศาสดาของผมน้อยลง แต่เป็นเพราะวันนี้ผมได้เอาคืนใครบางคนไงล่ะ หึหึ


หลังจากที่ประกาศผลออกมาว่าแท่งป๊อกกี้ที่ผมและไอ้ทวิตกัดนั้นมีความยาวเพียงศูนย์จุดเก้าเซนติเมตร และผมเป็นฝ่ายชนะ เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังขึ้น ผมเหล่ตามองฝั่งตรงข้าม ไอ้ซางมินถือว่ารักษาสภาพรอยยิ้มขี้เล่นไว้ได้ แต่อีกคนนี่ท่าจะอาการหนักครับ เพราะทันทีที่ประกาศผลว่าคู่ของผมคือผู้ชนะ ไบเซปมันก็วิ่งแจ่นลงเวทีแล้วหายเข้าสู่ฝูงชน ตอนแรกที่เห็นผมก็คิดว่าจะวิ่งตามนะ แต่พอมองดูกองเชียร์ที่ยื่นมือจะจับแสดงความยินดี ผมก็คิดว่า อยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่า ยังไม่อยากไปก่อดราม่ากับมัน เดี๋ยวจะอารมณ์เสียงเปล่า ๆ 

ตลอดเวลาแห่งการแสดงความยินดี มีหลายคนที่มาขอถ่ายรูปกับผม และผมก็เต็มใจครับ ไอ้ทวิตก็ยิ้มน้อย ๆ แต่ดูเหมือนมันลำบากใจแปลก ๆ ก็สมควรอยู่หรอก เพราะไบเซปก็เพื่อนมันนินา มาแย่งชัยชนะของเพื่อนนี่ก็ต้องคิดหนักเป็นธรรมดา แต่ผมไม่สนใจหรอกว่ามันจะเป็นยังไง เพราะอันที่จริง มันก็หลอกผมไว้เหมือนกันแหละ อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องที่มันเสแสร้งว่าชอบเจร็อคนะครับ เท่าที่คุยกันมา ข้อมูลที่มันพูดบวกกับท่าทางนี้มันสวนกันชัด ๆ ผมที่มันเจร็อคฝังหัวทำไมจะแยกไม่ออกว่าคนไหนชอบจริง ๆ คนไหนชอบเล่น ๆ

แล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือตอนที่ผมเจอมันครั้งแรกที่บ้านไอ้ไบเซป ถ้าชอบเจร็อคจริง มึงจะไปทำห่าอะไรที่เกาหลี แล้วมึงจะซื้อแก้วน้ำลายศิลปินมาทำไม ไร้เหตุผลวะ หึหึ

หลังจากที่มีการถ่ายรูปและแสดงความยินดีกันมากพอแล้ว ทั้งผมและไอ้ทวิตก็ถูกทีมงานเรียกไปด้านหลังเวทีเพื่อกรอกรายละเอียด และนัดวันมาถ่ายทำวีทีอาร์ผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งเห็นบอกว่าทีมงานจะโทรไปนัดอีกที พร้อมทั้งบอกวันแข่งจริงที่จะเกิดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า

พอเสร็จกิจจากทีมงาน ผมก็ขอตัวกลับ เพราะตอนนี้มันก็ใกล้จะมืดแล้ว (เสียเวลาเยอะกับไอ้นัดแนะการแข่งขันนี่แหละ แล้วไหนจะมีคนขอถ่ายรูป สัมภาษณ์ลงเว็บ บลา ๆ สารพัด) ตอนนี้ผมกำลังเดินบนถนนที่อีกประมาณห้าร้อยเมตรก็จะถึงบ้าน หูของผมยังคงยัดหูฟังเพื่อที่จะฟังเพลงของศาสดาเหมือนเดิม ดังที่บอกแหละครับ เพลงของศาสดาขับเคลื่อนชีวิตผม แต่ว่า ก็ไม่ได้มีเฉพาะเพลงของศาสดาเท่านั้นนะ วงเจร็อควงอื่นผมก็ฟัง แต่จะเน้นหนักไปที่เพลงของ the GazettE เท่านั้นเอง

เท้าของผมก้าวมาจนถึงหน้าบ้าน ตอนนี้ไฟในตัวบ้านเปิดอยู่เพียงจุดเดียว นั่นคือที่ห้องรับแขก และมันก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากไอ้ไบเซป ผมเดาได้เลยว่าตอนนี้มันคงกำลังเปิดเพลงเกาหลี ศิลปินของมันอยู่แน่ ๆ เฮ้อ~ นี่ผมต้องมาอยู่ในบ้านหลังนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย =.=” คิดได้ดังนั้นจึงเร่งเสียง iPod ให้ดังขึ้นกว่าเดิม จะบอกว่าเครื่อง iPhone แบตหมดครับ T.T เลยต้องเอา iPod มาฟังเพลงแทน

ผมไขประตูบ้านเข้าไปครับ สิ่งแรกที่แปลกเลยก็คือ ไม่มีเสียงเพลงเกาหลีดังเข้ามากระแทกหูผมแต่อย่างใด ทั้งบ้านเงียบกริบ ผมค่อย ๆ ปิดประตู รู้สึกราวกับกำลังอยู่ในบ้านผีสิงยังไงยังงั้น ผมมองไปที่ห้องนั่งเล่น ทีวีเปิดอยู่ครับ แต่ไม่มีเสียง =.=’ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ผมเดินไปที่บันไดเพื่อที่จะขึ้นชั้นบนและเข้าห้อง แต่เสียงไอ้ไบเซปก็ดังขั้น เล่นเอาผมสะดุ้ง

“ไปไหนมา” เสียงมันให้ความรู้สึกราวกับแม่กำลังจับผิดลูกว่าหนีเที่ยว

“กูคุยรายละเอียดการแข่งขันอยู่” บอกมันตามความจริง แต่ก็มีเพียงแค่เสียงหัวเราะแกมประชดตอบกลับมา

“คงจะถูกใจมึงมากสินะ” ผมขมวดคิ้ว และเป็นมันที่โผล่หัวลุกขึ้นนั่งจากโซฟาตัวยาวห้องรับแขก ตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะขึ้นห้อง แต่ตอนนี้ไม่ขึ้นและ เพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายมันว๊อนที่จะก่อดราม่า เออ อยากมากนักเดี๋ยวจัดให้

“เรื่องอะไรของมึงอีกนิ” ผมถามกลับ พลางปลดหูฟังออก ไม่อยากจะฟังเพลงศาสดาทั้ง ๆ ที่ดราม่า เดี๋ยวมันจะเป็นการไม่ให้เกียรติ

อีกฝ่ายมองผมอย่างหาเรื่อง และผมไม่ชอบที่มันมองแบบนี้เลย

“จูบกันกับไอ้ทวิตแล้วเป็นไงล่ะ ชอบมันล่ะสิ ถ้าชอบมึงบอกกูก็ได้ เดี๋ยวกูจะจัดให้มึงได้ฟันมันซักคืน” ไอ้ไบเซปพูดพลางสะบัดหน้าแล้วหันไปปิดทีวีที่มันเปิดทิ้งไว้ ผมหน้าชาทันทีที่ประโยคนี้กระแทกเข้าหู ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะไม่คิดอะไรมาก แต่ถ้ามาพูดตอนที่อารมณ์ผมขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้ก็มีโอกาสจุดชนวนระเบิดได้เยอะเหมือนกัน ยิ่งเอาผมไปเทียบกับไอ้คนโกหกอย่างทวิตด้วยแล้ว นั่นยิ่งทำให้ผมโกรธ

ขาผมก้าวเข้าไปยังห้องรับแขก ในขณะที่อีกคนจงใจเดินกระแทกไหล่ผม แต่มีหรือที่ผมจะยอม ในเมื่อจุดประเด็นขึ้นมาแล้ว ยังไงวันนี้ก็ต้องเอามันให้เคลียครับ ผมคว้าแขนมันไว้

“ปล่อยกู” มันพูดพลางสะบัด ผมกระชากมันเข้ามาใกล้แล้วเหวี่ยงมันติดฝาผนัง ผมตามไปอย่างรวดเร็วแล้วเอาแขนกันมันไว้ทั้งสองข้าง เอาซี่ ถ้าวันนี้ไม่เคลียกูไม่ยอมปล่อยมึงไปไหนแน่ ๆ

“มึงเป็นอะไรของมึงวะ!!!” ผมตะโกนใส่หน้ามัน ในขณะที่อีกฝ่ายก็จ้องผมอย่างไม่ยอมแพ้

“วันนี้มึงทำอะไรมึงน่าจะรู้ดีนะ” ไอ้ควายยยยยยย มึงจะมาดราม่าเรื่องเกมห่าเหวอะไรนั่นใช่ไหม ถ้ามึงจะดราม่า กูแนะนำให้มึงไปนั่งทบทวนว่าใครมันเริ่มก่อน

“แล้วกูทำอะไร?” ผมถามมันทั้ง ๆ ที่พอจะรู้เรื่องอยู่แล้ว

“เลววววววว” มันพูดใส่หน้าผมครับ ผมใช้มือข้างหนึ่งจับคอมันไว้

“อย่ามาพูดแบบนี้กับกู” ผมพูดเบา ๆ แต่กะให้มันได้ยิน

“ทำไมล่ะ แทงใจมึงล่ะสิ”

“มึงต้องการจะสื่ออะไรไอ้ไบเซป มึงพูดให้มันชัด ๆ ก่อนที่กูจะขย่ำมึงตรงนี้” ผมเตือนมัน อีกฝ่ายปัดมือผมที่จับคอออก จู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา และนั่นทำให้หัวใจผมกระตุกวูบ

“ต้องการจะสื่ออะไร ถามออกมาได้ ไอ้คนเฮงซวย!!! มึงรู้ไหม วันนี้กูตามหามึงรอบมหาลัย กูเหนื่อยแทบตาย รถกูก็ไม่ได้ขับไป กูต้องเดินเข้าคณะนู้นออกคณะนี้ มึงเข้าใจกูไหม!!!!” เมื่อมันพูดออกมา เป็นผมที่ค้าง มือผมที่ยันผนังไว้ปล่อยลู่ลงข้างตัว น้ำตาของมันไหลอาบแก้ม ไอ้ไบพูดไปสะอื้นไปครับ แต่มันไม่ยอมเช็ดน้ำตา

“แล้วเป็นไง สุดท้าย กูมาเจอมึงนั่งแดกอะไรก็ไม่รู้อยู่ในร้านเค๊ก พวกมึงสนุกสนานในขณะที่กูตาเหลือกหามึง กูโทรหามึงก็ไม่รับ มันบอกให้กูฝากข้อความ พอกูฝาก มึงก็ไม่โทรกลับมา สัส!! แล้วแบบนี้กูผิดไหม!!!” ทุกคำด่าของมันกระแทกเข้าหัวผมเต็ม ๆ และนั่นทำให้ผมเริ่มที่จะสำนึก แต่อันที่จริงผมก็คิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ผิดนะ อันเรื่องโทรศัพท์นั่นเพราะมือถือผมแบตหมด แล้วถ้ามันจะฉลาดขึ้นมาซักนิด มันมาโพสหน้า wall ของผมใน Facebook ก็ได้ เพราะยังไง ผมก็ยังมี iPod สำรองไว้อีกเครื่องอยู่แล้ว เพราะงั้น เมื่อมองจริง ๆ แล้ว ผมคิดว่าผมไม่ผิดนะ และผมคงไม่ยอมให้มันมาด่าผมฝ่ายเดียวด้วย

“มึงบอกแต่ว่ากูผิด กูผิดแล้วมึงเคยหันกลับไปมองตัวเองบ้างไหม” ผมตะโกนกลับไป ทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างกันไม่ถึงเมตรด้วยซ้ำ “เป็นมึงไม่ใช่เหรอที่ปล่อยกูอ่ะ เป็นมึงไม่ใช่เหรอที่ทิ้งกูแล้วไปเข้าปฐมนิเทศ เป็นมึงไม่ใช่เหรอที่จู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นไปบนเวที ไปเล่นเกม ไปปล่อยให้คนอื่นจูบ แล้วทีกูทำบ้างเสือกมาด่ากู!!!” สาบานว่ารอบนี้ของขึ้นจริง ๆ ครับ หลายอย่างที่มันทำเริ่มที่จะก่อให้ผมโมโห ผมกระชากมือมันแล้วลากให้ไปที่โซฟา ผมผลักมันลง ในขณะที่ผมนั่งอีกตัวที่อยู่ใกล้ ๆ

“โอ๊ยยย!!!” เสียงมันร้องขึ้น

“อย่ามากระแดะ ถ้าวันนี้คุยกันไม่รู้เรื่อง มึงไม่ต้องลุกไปไหนทั้งนั้น” ผมขู่มัน อีกฝ่ายทำท่ากระฟัดกระเฟียด แต่ก็ยอมนั่งโดยดี ปากมันทำขมุบขมิบบ่นไปเรื่อย น้ำตาจากที่ไหลราวกับเขื่อนแตกเมื่อครู่ ตอนนี้กลับแห้งซะอย่างงั้น เปลี่ยนอารมณ์ไวจริงนะมึง =.=”

ผมมองมันด้วยสายตาที่อ่อนลง ช่วงเวลาแห่งความเงียบช่วยให้ผมได้คิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งตอนที่มันขึ้นไปเล่นเกมบนเวที ทั้งตอนที่มันด่าผมเมื่อตะกี้ และเมื่อเอาอะไรหลาย ๆ อย่างมาสรุปรวมกัน ผมว่านะ ตอนนี้ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าไอ้ที่มันทำไปทั้งหมดนั่นเพราะมันหึง ใช่แล้ว ไอ้อาการแบบนี้แหละ หึงชัด ๆ


โธ่เอ๊ย!!! ไอ้บ้า!!! จะหึงกูทั้งทียังมีแอ๊บเรียกน้ำตา

ผมลอบยิ้ม

______

ศิลปินที่เกี่ยวข้องในตอนนี้

the GazettE [Japan] : http://bit.ly/GX88v4
______

kaino

  • บุคคลทั่วไป
 KO-JAP : จับผิด
โหมด : ไบเซป

แรก ๆ ผมก็ดราม่าได้สมกับที่ตั้งใจไว้ แต่หลัง ๆ ชักหลุดครับ ยิ่งตอนที่มันเหวี่ยงผมเข้าผนังนี่หลุดเยอะมาก เพราะกลัวว่ามันจะทำมิดีมิร้าย พยายามด่ามันด้วยคำแรง ๆ แต่พอแมร่งสวนกลับ ผมนี่แทบอึ้ง เพราะมันพูดเรื่องจริงทุกประการ =[]=!!!! แล้วคนที่โมโห(แบบหลอก ๆ) จะไปไหนรอดวะ

ตอนแรกที่กลับมาบ้านก็อารมณ์เสียอยู่หรอก ภาพที่มันจูบกับไอ้ทวิตตามหลอกหลอนผมอยู่เป็นชั่วโมงเหมือนกัน แต่พอมาคิดดี ๆ ก็เป็นผมเองแหละที่เริ่มเรื่อง ปกติตามนิสัยของไอ้ฟีนิกซ์ ถ้าไม่มีใครแหย่มันก่อน มันก็จะเฉยสนใจแค่ชาบูศาสดาของมันอยู่คนเดียว เรียกได้ว่า ดีมาก็ดีกลับ ร้ายมา ก็ร้ายกลับประมาณนั้น

แต่ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าช่วงเวลาที่ผมเล่นเกม มันก็ดันอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หรือถ้ามันจะอยู่ในเหตุการณ์ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่มันจะมาเล่นนี่นา ในเมื่อเกมนี่มันเป็นเกมที่ส่วนใหญ่เกาหลีจะเล่นกัน แล้วมันชอบเกาหลีซะเมื่อไรเล่า!!!! เรื่องนี้ผมคิดวนอยู่หลายตลบแล้ว ถ้าไม่แกล้งผมให้หึงเล่น ๆ ก็คงอยากจะทำให้ผมขายหน้ามั้ง (ผมคิดแบบนั้นนะ)

ตอนนี้ผมกำลังนั่งจ้องหน้ามันอยู่ครับ หลังจากที่ถูกมันเหวี่ยงลงโซฟาผมก็รีบเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ด้วยความหลอนว่าจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นตามที่นักเขียนนิยายส่วนมากชอบเขียน แถมคนอ่านก็เชียร์กันเหลือเกิน ในฐานะที่ผมรับบทนายเอก งานนี้ไม่ปลอดภัยอย่างเห็นได้ชัด =[]=!!! เพราะงั้น รีบลุกขึ้นนั่งแหละ ถูกต้องที่สุดแล้ว

พวกเราจ้องหน้ากันอยู่นาน ความเงียบบวกกับความอึดอัดโรยตัวลงมาเรื่อย ๆ

“ว่าไงมึง” เป็นผมที่ทนความเงียบไม่ไหว ก็เลยเอ่ยขึ้นมา ไอ้ฟีนิกซ์ไม่พูดอะไร มันยังจ้องหน้าผมไปเรื่อย ๆ ห่านิ จ้องหาอะไรวะ กูยิ่งเขินอยู่ >///////<

“มึงจ้องอะไรนักหนาวะ” ผมพูดอีก รอบนี้ก้มหน้าลงมองหน้าตักตัวเอง อีกฝ่ายขยับอยู่บนโซฟา

“กูจ้องหน้าคนซึน” =.=” ดูมันพูด

“ซ...ซึน...ซึนอะไร” รอบนี้ผมพูดตะกุกตะกักครับ มั่นใจแล้วว่ามันจับได้แล้วแน่ ๆ

“หึหึ” เสียงหัวเราะสยองขวัญของมันดังขึ้นแล้วก็ตามมาด้วยเสียงลุกออกจากโซฟา ผมยังไม่เงยหน้ามองมันเพราะไม่กล้ามองสานสายตาคู่นั้น

“แมร่ง หึงกูก็บอกมาเหอะ” รอบนี้เสียงของมันอยู่ใกล้หูมาก ๆ ครับ แถมลมหายใจมันยังรดต้นคอผมอีกต่างหาก ทำให้ผมต้องยู่คอหนีด้วยความสยิว พร้อมทั้งผลักหน้ามันออกจากตัว

“กะ...กู...กูหึงที่ไหนกัน” ปากสั่นแล้วครับ ถูกจับได้เต็ม ๆ แบบนี้ไม่สั่นได้ไง ยิ่งตอนนี้แอ๊บหลุดแล้วด้วย ท..ทำไงดีวะ อ๊าคคคคคคคคคคคคค ต้องตีหน้าขรึมเข้าไว้ ต้องโกรธเข้าไว้ อ่าาาาา ใช่แล้ว ต้องโกรธครับ เช่นนั้นแล้ว ไอ้ไบเซปจึงแอ๊บหน้าขรึมอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่ามันอะไรยังไงนะ เพราะอีกฝ่ายมันไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางถึงความกลัวซักนิด นอกเสียจากรอยยิ้มที่มันส่งมาให้

ไอ้ฟีเดินกลับไปนั่งที่เดิม ส่วนผมนั้นหน้าแดงไปถึงใบหู ป่านนั้นยังไม่ยอมแพ้ครับ ไบเซปคนนี้ยังคงแอ๊บขรึมต่อไป

“มึงหึงกูจริง ๆ นะ” =[]=!!! ให้ตายสิ มึงจะพูดคำนี้อีกกี่รอบวะ สาดดดดดดดดดดดด กูไม่อยากได้ยิน!

“มึงเอาอะไรมาพูดว่ากูหึงมึง มึงเป็นแฟนกูหรือไง” เออ ใช่แล้ว ตอบมันไปแบบนั้นแหละ

“ความรู้สึก”

“หือ?” ตอบสั้นแบบนั้นกูจะเข้าใจไหมวะ

“ความรู้สึกมันบอก มันบอกว่ามึงหึง แล้วก็หึงแรงด้วย” พูดจบมันก็ส่งยิ้ม เล่นเอาผมแทบจะละลายอยู่ตรงนั้น ฮืออออออออออ กูเกลียดรอยยิ้มมึง อีฟี กูเกลียดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!

“มั่ว!!!” ผมพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่จริง ความรู้สึกมึงผิดพลาดแล้ว กูไม่ได้หึงมึงเว้ยยยยยยย มึงไม่ใช่แฟนกูแล้วกูจะหึงมึงเพื่อ?” ผมตอบกลับอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายมันนั่งตัวตรงแล้วบิดแขนไปทางซ้ายทีขวาที อารมณ์ไหนของมึงเนี่ย

“เออ โอเค กูเข้าใจแล้ว” หลังจากที่บิดเสร็จมันก็กลับมานั่งเท้าคางมองผมต่อ “มึงไม่ได้หึงกู โอเคไหม”

“ช่ายยยย นั่นแหละ ถูกต้องที่สุ.......”


“แต่กูหึงมึง”

=[]=!!!!!!!!

ห...ห๋า????....ตะ...ตะกี้....ตะกี้มึงว่าไงนะ???? มึงหึงกู??? กะ...กู...กูยังพูดไม่จบประโยค มึงพูดสวนขึ้นมา เอาใหม่ดิ กูได้ยินไม่ชัด เอาใหม่ ขออีกรอบ เอาให้มันช้า ๆ ชัด ๆ เหมือนตอนที่มึงบอกกูว่ามึงแลกเปลี่ยนที่ศึกษาศาสตร์

“กูหึงมึง” มันพูดอีกรอบราวกับอ่านใจผมออก ห่านิ!!! มีญาณวิเศษหรือไงวะ ผมที่ตอนแรกค้างเพราะคิดว่าได้ยินผิด แต่รอบนี้มันเล่นพูดอีกครั้งครับ และเป็นผมที่ร้องเฮือกออกมา คือถ้าจินตนาการเสียง ‘เฮือก’ ของผมไม่ออก แนะนำให้ไปฟังเพลง WARRIOR ของ B.A.P ท่อนที่ Zelo แร๊ป เวลาประมาณนาทีที่ 1.47 นี่แหละ ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าเป็นฉากที่ Zelo บีบคอตัวเองแล้วส่งเสียง ‘เฮือก’ อ่ะ แบบนั้นแหละ

“กูหึงมึงจริง ๆ นะ” ม..มึง...มึงไม่ต้องพูดบ่อยขนาดสามรอบก็ได้ แค่สองรอบกูก็ได้ยินแล้ว “กูแทบบ้าตอนที่ไอ้ซางมินจูบมึง” =.=” แล้วจะพูดถึงมันอีกทำไมวะ “จูบของกูอยู่บนปากมึง แต่มึงก็เสือกให้คนอื่นมาทับรอยกู” ผมยกมือขึ้นลูบริมฝีปากทันที “คือ...ถ้ากูไม่เห็น กูก็ไม่หึงหรอก แต่นี่มันเต็มตากู มึงเข้าใจมะ?” โฮ๊คคคคคคคคคคค ถ้ามึงจะพูดความจริงจนกูสำนึกขนาดนี้ ไปบวชเป็นพระในศาสนาคริสแล้วทำพิธีสารภาพบาปให้ชาวโลกเถอะมึง T.T

ใครบอกว่ากูไม่เข้าใจ กูน่ะโคตรจะเข้าใจเลยว่าหึงมันเป็นยังไง กูหึงมึงตั้งแต่อยู่กับไอ้ทวิตที่ร้านเค๊กแล้ว แต่กูไม่บอกไม่แสดงอาการเฉย ๆ เพราะกูคิดว่า ยังไงกูกับมึงก็ไม่ใช่แฟนกัน แล้วกูจะบอกจะแสดงอาการทำเพื่อ?

ผมยังคงนั่งเงียบเป็นเป่าสาก ส่วนไอ้ฟีก็ยังพูดเรื่อยเปื่อยของมันไม่หยุด

“ที่กูขึ้นไปบนเวทีเพราะกูอยากให้มึงรู้ว่าที่กูหึงมันเป็นยังไง แต่ดูเหมือนว่ามึงไม่ได้รับรู้อะไรเลยนิ มึงยังคงมองกูที่จูบกับคนอื่น มึงยังเฉย แต่จะว่าไป เป็นกูเองล่ะที่คิดไปเองว่ามึงจะหึง หึ!” แล้วมันก็ยิ้มเหมือนสมเพศตัวเอง เฮ้ย อย่ามาทำแบบนั้นสิวะ กูเจ็บไปด้วยนะเว้ย

“เอ่อ...กูขอโทษ” แล้วในที่สุดผมก็ตัดสินใจพูดขอโทษมันครับ ขืนปล่อยไว้แบบนี้ มีหวังมันพูดเรียกน้ำตาของผมอีกนานแน่ ๆ เพราะฉะนั้นรีบ ๆ จบเรื่องแล้วขึ้นนอนซะ ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว

“ไม่ทันแล้วล่ะ” แหนะ พูดเหมือนให้กูมีตราบาปซะงั้น

“งะ...งั้น...งั้นในเมื่อไม่ทันก็ไม่มีอะไรแล้วใช่มะ?” ผมถามมัน เพราะอยากจะหนีออกจากสถานการณ์อึดอัดนี่เต็มทน

“มี” ไอ้ควายนี่ จิตใจมึงจะไม่ปล่อยให้กูนอนใช่ไหม?

“รีบ ๆ พูดมาเซ่ ง่วงนอนนะเว้ย”

“กูบอกมึงตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถ้าคุยกันไม่รุ้เรื่อง มึงไม่ต้องลุกไปไหนทั้งนั้น”

“แล้วยังมีอะไรที่ยังไม่รู้เรื่องอีกวะ กูว่าตอนนี้กูก็รู้หมดแล้วนะ”

“มีอยู่เรื่องนึง” แล้วมันก็เว้นช่วงไปครับ ผมนี่ทนรอคำถามมันพลางนั่งขยุกขยิกอยู่บนโซฟาด้วยความอึดอัด “เอาจริง ๆ มึงหึงกูไหม”

0.0!!!! กูเชื่อแล้วว่ายังไงคืนนี้มึงก็คงจะเอาคำตอบจากกูให้ได้สินะ ไม่เว้ยยยยยยยย กูไม่ได้หึง ไม่สิ กูหึง แต่กูไม่มีสิทธิ์หึงมึง(ยังไง?) เพราะกูไม่ใช่แฟนมึง และมึงก็ไม่ใช่แฟนกู ไม่ใช่แฟนกันแล้วมันจะหึงกันได้ไงวะ มึงนี่เกิดอาการสับสนอะไรหรือเปล่า ไอ้บ้าเอ๊ย!!!!

“ไม่ได้หึง” ผมพูดออกไปอย่างรวดเร็วพลางลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าห้อง รู้ได้เลยว่าตอนที่ตอบออกไปนั้นเสียงสั่นราวกับคนไม่มั่นใจ มันเหมือนกับคนโกหก และก็นั่นแหละ ผมยอมรับ ผมโกหกจริง ๆ

อีกฝ่ายไม่ได้ตามเข้ามา ผมเดินไปที่เตียงช้า ๆ ตอนนี้หน้าผมร้อน ๆ แปลก ๆ คงจะเขินสินะ ไม่สิ ทำไมต้องเขินล่ะ ที่บอกไม่ได้แบบนี้มันควรจะเจ็บตางหาก จากนั้นตาของผมก็เริ่มร้อน และน้ำใส ๆ ก็ไหลออกมาในที่สุด

อะไรวะ ไม่หึงนะ ไม่ได้หึงซะหน่อย ไม่ได้เป็นแฟนกัน เพราะงั้นหึงไม่ได้ หึงไม่ได้เด็ดขาด!!! ผมทิ้งตัวนอนคว่ำหน้าลงกับเตียง เอาหน้าถูไถไปกับผ้าปูที่นอนเพื่อเช็ดคราบน้ำตา ผมเบนหน้าไปทางหน้าต่างของห้องที่ตอนนี้สภาพภายนอกนั้นมืดหมดแล้ว

ดึกแล้วล่ะ และมันก็มืดแล้วด้วย แต่มันยังคงมืดไม่เท่าจิตใจของผมตอนนี้หรอก...

ตกลงมันยังไงกันแน่นะ

ผมหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวราวกับดอกเห็ด

_____

ชื่อ MV และศิลปินที่เกี่ยวข้องในตอนนี้

WARRIOR - B.A.P : http://bit.ly/GXoxv9

ศัพท์ที่เกี่ยวข้องในตอนนี้

ซึน - มาจากคำว่า ซึนเดเระ ที่แปลว่า ปากไม่ตรงกับใจ
เป็นภาษาญี่ปุ่น ส่วนมากใช้ในวงการ Anime ครับ
______

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2

kaino

  • บุคคลทั่วไป
 KO-JAP : เช้าวันเสาร์
โหมด : ทวิต

เอ่อ...สวัสดีครับ!!! เอ๊ะ นี่ยังจำผมได้หรือเปล่า ทวิตครับ!!! หลังจากที่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยเพื่อนสุดเลิฟให้ปลอดภัยจากตัวอันตรายอย่างฟีนิกซ์ ผมก็วางแผนที่จะตีสนิทและทำให้ฟีนิกซ์แยกตัวออกห่างจากไบเซปให้ได้มากที่สุด อันดับแรกผมไปศึกษาประวัติเจร็อค และเราก็คุยกันสนุกสนานพอสมควร นั่นก็หมายความว่า แผนของผมมันไปได้สวยครับ

แต่ที่มันไม่สวยร้อยเปอร์เซ็นก็เพราะไอ้เกมป๊อกกี้นี่แหละครับ T.T ทำไมฟีนิกซ์ต้องใจร้ายดึงผมเข้าไปเล่นเกมนั่นด้วยนะ สายตาของไบเซปที่จ้องมองผมและฟีนิกซ์นั้นแทบจะฆ่าผมให้ตายได้เลยอ่ะ มันตามหลอกหลอนผมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จนกระทั่งเช้านี้ที่เป็นเช้าวันเสาร์ผมยังเลิกหลอนไม่หาย

แล้วเจ้าฟีนิกซ์นั่นก็เหมือนกันครับ ไม่รู้ว่ามันแค้นอะไรนักหนา เล่นจูบซะผมแทบละลาย จูบมันรุนแรงมากครับ จนตื่นมาเช้านี้ผมพบว่าตัวเองปากเจ่อหน่อย ๆ =.=” แถมป๊อกกี้ที่อยู่ในปากผม ฟีนิกซ์ก็ยังสามารถสลับไปที่ปากของตัวเองได้

ไอ้นี่ขั้นเทพครับ

แล้วไงต่อ?

แล้วทีมพวกผมก็ชนะครับ ได้เป็นตัวแทนของภาคกลาง นี่ก็แสดงว่าผมต้องไปจูบกันกับฟีนิกซ์อีกรอบใช่ไหมฮะ???? โฮ๊คคคคคคคคคคคคค แค่จูบแรกก็ถือว่าสาหัสแล้ว เสียจูบแรกให้ไอ้หนุ่มเจร็อค!!!

ฮือออออออออออออออออ ทำไมผมไม่ได้เสียให้หนุ่มเกาหลีล่ะ ทำไมต้องเป็นหนุ่มเจร็อค???? ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ผมชักจะรู้สึกว่างานนี้ไม่คุ้มซะแล้วสิครับ T_____________T






โหมด : ไบเซป
เช้านี้เป็นเช้าวันเสาร์ครับ เพราะงั้น มหาวิทยาลัยหยุด ไม่มีเรียน!!! เฮ้!!!! แบบนี้ก็ไม่ต้องตื่นเช้าแล้วใช่มะ ฮ่า ๆๆๆ โอเค งั้นไม่ตื่น นอนต่อและนะ

ผมพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง เหตุเพราะหน้าต่างมันไม่ได้ปิดตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้ตอนนี้แสงแดดยามเช้าส่องทะลุหน้าต่างเข้ามาในห้อง =[]= เฮ้ย!!! มันแยงตานะเว้ย!! ผมพลิกตัวหนีแสงแดด ราวกับเป็นพระเอกในหนังเรื่องแวมไพร์ (ที่โดนแสงไม่ได้) มุดหน้าเข้ากับผ้าปูที่นอน ตานี่มันรู้สึกถึงคราบน้ำตาที่มันแห้งอยู่บนผิวหนัง ผมขยี้ตาตัวเอง คราบน้ำตามันหลุดออกมาเป็นกอบเป็นกำเลยครับ (เว่อร์)

แต่จะว่าไป เมื่อวานที่ทะเลาะ (จอมปลอม) กับไอ้ฟี ผมก็ขึ้นมานอนที่ห้อง โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ตามขึ้นมา แถมตอนนี้ผมยังนอนที่เตียงอีก อ้าว แล้วแบบนี้อีกฝ่ายมันจะไปนอนที่ไหนวะ?? เออ ช่างมันเหอะ มันคงจะหนีไปนอนห้องมันนั่นแหละ =[]=!!!!

....

หือ???

เหมือนลมหายใจเป่ารดหัวแปลก ๆ

ผมลืมตามขึ้นอย่างสลึมสลือ มือนี่ขยี้ดวงตาเช็ดคาบน้ำตาออก สายตาเริ่มปรับเข้าที่ครับ

หือ???

เหมือนลมหายใจเป่ารดหัวอีกแล้ว!!!

เงยหน้าขึ้นไปเพื่อหาสาเหตุ....

O[]O!!!!!!

ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก








โหมด : ฟีนิกซ์
เช้านี้เป็นเช้าวันเสาร์ครับ เพราะงั้นมหาลัยหยุด ไม่มีเรียน!!! เฮ้อ~~~ ผมนั่งง่วงหงาวหาวนอนพลางเขี่ยไข่ดาวแบบเละ ๆ อยู่ในห้องครัว กินไข่กึ่งสุกกึ่งดิบแบบนี้เดี๋ยวได้ติดไข้หวัดนกตายกันพอดีี ผมเขี่ยไปเขี่ยมาอยู่สองสามรอบก่อนที่จะวางช้อนและส้อมลง

“แดกสิมึง” =.=” อีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงข้ามของโต๊ะขึ้นเสียงพลางมองผมด้วยสายตาอาฆาต

“มึงจะให้กูกินยังไงวะ เละแบบเนี่ย”

“กินแบบนั้นแหละ”

“มันไม่ถูกสุขอนามัยนะเว้ย”

“ก็มึงมันไม่เคยถูกสุขอนามัยอยู่แล้วนิ” ง่ะ นี่กะจะไม่ยอมกูจริง ๆ ใช่มะ อีแค่กูนอนใส่กางเกงในสีโคตรแรดของศาสดาแล้วกอดมึงไปด้วยนี่มันผิดมากหรือไงวะ ปากกูที่เลือดไหลซิบ ๆ นี่มันก็เพราะมึงทำเมื่อเช้าไม่เร๊อะ แล้วยังจะมาอารมณ์เสียใส่กูอีก

เดี๋ยวแม่จับดีฟซะเลยนิ (;^,...,^)

กราบเรียนท่านผู้อ่านที่รัก หากท่านใคร่รู้ว่าเมื่อเช้านั้นเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวกระผมฟีนิกซ์จะรับหน้าที่ เป็นไกต์พาทัวร์ความหลังเองครับ (^^) แรกเริ่มเดิมทีมันเกิดจากเมื่อไม่กี่สิบชั่วโมงก่อน ทั้งผมและไอ้ไบเซปทะเลาะกันครับ จากนั้นผมก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้มันยอมรับให้ได้ว่ามันหึงผม แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังปากแข็งไม่ยอมรับ แถมยังสะบัดตูดหนีผมไปนอน เช่นนั้นแล้ว กระผมจึงนั่งเปิดทีวีดูซักพัก แล้วมันก็ไม่มีอะไรนอกเสียจากรายการและซีรี่ส์เกาหลี!!! (กูละเพลีย)

ผมเบื่อ ๆ เพราะไม่มีอะไรจะดู ก็เลยปิดทีวีแล้วตามมันขึ้นไปนอนอีกคน ซึ่งตอนนี้กระผมก็ยังไม่กลับห้องตัวเอง เพราะในห้องผมยังมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าลี ดงเฮ ณ. Super Junior ยึดห้องอยู่ ดังนั้น ผมยังคงใช้ห้องไอ้ไบเซปเป็นที่ซุกหัวนอนต่อไป (ก็จนกว่ามันจะเอาศิลปินมันออกจากห้องผมนั่นแหละ)

หลังจากที่เปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่ผมเลยก็คือ ไอ้ตัวเล็กนอนคว่ำหน้าอยู่ที่เตียง ตอนแรกผมก็งง ๆ ว่ามึงจะมานอนห่าอะไรตรงนี้วะ ที่นอนมึงมันอยู่ตรงโน๊นนนนนนน อยู่ที่พื้นโน้นนนนนน~~~ กะว่าจะปลุกมันครับ แต่คิดไปคิดมา ปล่อยให้มันนอนเตียงบ้างก็ดี เป็นเจ้าของห้องแต่เสือกนอนพื้นมาเดือนกว่า ๆ นี่ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน ดังนั้น ผมจึงปล่อยมันนอนอยู่ตรงนั้นส่วนผมก็หนีไปอาบน้ำ พอกลับออกมา ผมก็ใส่เพียงแค่กางเกงในสีโคตรแรดของท่านศาสดาตัวเดียว ก็ดังที่บอกตั้งแต่เริ่มแรก ไม่รู้เป็นไรนะ ผมน่ะ ชอบใส่กางเกงชั้นในนอน ผมคิดว่ามันสบายตัวดี ไม่ต้องมาอะไรเยอะแยะ นี่จะนอนนะเว้ย ไม่ใช่ไปเดินห้างอวดแฟชั่น แต่งตัวอะไรดีนักหนา

แต่คนที่มันนอนอยู่บนเตียงไม่คิดงั้นอาดิ วันแรก ๆ นี่เล่นอาละวาดบ้านแตก ทำเป็นรับไม่ได้ โถ ๆๆๆๆ เด็กน้อยเอ๊ย ผมคิดว่าอยู่กันไปเรื่อย ๆ มันจะชิน แต่จนป่านนี้มันก็ยังว่าผมโรคจิตอยู่เนือง ๆ =.=”

ผมล้มตัวลงนอนอีกฝั่งของเตียงในขณะที่เจ้าของห้องมันพลิกตัวนอนหงายแล้วเอาขามาพาดต้นขาผม

นั่น ไอ้นี่มันนอนดิ้นครับ ผมค่อย ๆ ยกขาของมันออก ป่านนั้นยังไม่วายส่งเสียงไม่พอใจ ไอ้ควายยยยยยยยยย นอนดิ้นระรานคนอื่นแล้วยังจะมาส่งเสียงอีก ผมจัดขามันให้เข้าที่ อีกฝ่ายพลิกตัวหันหน้ามาฝั่งผมครับ คราวนี้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกันเลยทีเดียว

โฮ๊คคคคคคคคคคคคคคคคค ถ้าอยากเห็นหน้าตาที่แท้จริงของคนเรา มันต้องส่องตอนโนเมคหรือไม่ก็ตอนนอนหลับครับ แต่ไอ้นี่มัน....ไม่ว่าจะตอนไหนมึงก็หน้าหวาน หน้ารัก หน้าสวย สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฆ่ากูเถอะ ถ้ามึงจะสวยครบสูตรแบบนี้

แต่ว่านะ ตอนนี้หน้าตามันเปียกไปด้วยน้ำตา บางส่วนก็แห้งเป็นคราบ ยิ่งตามขนตางอน ๆ ของมันนี่ยิ่งเยอะ แสดงว่ามึงร้องไห้ใช่ไหมนิ? ร้องหนักด้วยสินะ =.+’ เฮ้อ~~ กูล่ะไม่เข้าใจมึงจริง ๆ เลย มึงจะซึนไปถึงไหนวะ หึงก็บอกว่าหึงสิ ยังจะแอ๊บไม่หึงอีก

ระวังคนอื่นมาฉกกูไปแล้วมึงจะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะเว้ยยยยยย หุหุ

และนั่นมันก็คือความคิดเลว ๆ ในสมอง เพราะอันที่จริงยังไงผมก็ไปบังคับมันให้พูดคำว่าหึงไม่ได้อยู่ดี ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจแล้วว่า ถ้ามันพูด ก็จะเลิกยุ่งกับไอ้ทวิต แต่นี่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ยอมพูดซักที แล้วผมมันพวกยอมคนที่ไหนล่ะ หึ!!! เดี๋ยวพ่อจะบีบให้พูดจนได้ล่ะนา

ผมนอนส่องหน้ามันยามหลับไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายมันก็ตวัดแขนมากอดผมครับ!!! เฮ้ย!!! อะไรมึง กูไม่ใช่หมอนข้างลายศิลปินนะเว้ย!!!! เรื่องนี้ตกใจพอตัวเพราะไม่คาดคิดมาก่อน แถมยังเอาหน้ามาถู ๆ ไถ ๆ กับแผงอกผมอีก เล่นเอาซะขนลุก ผมพยายามผลักมันออกเพราะห่วงถึงความปลอดภัยของมัน (มึงจะทำกูของขึ้นอ่ะอีไบ T.T) แต่มือมันก็เหนียวยังกะตีนตุ๊กแก จะปลุกก็กระไรอยู่แบบว่าคนกำลังนอน ไม่อยากจะกวน (อันที่จริงกูไม่คิดจะปลุกตางหาก)

ดังนั้นผมจึงปล่อยเลยตามเลย แถมยังสนองนี๊ดมัน (นีดตัวเองด้วยแหละ) กอดมันคืนซะเลยครับ 555555 แล้วผมก็หลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกต่อยเข้าที่มุมปากในตอนเช้า พร้อมทั้งคำด่าสารพัดที่อีไบมันจะขุดขึ้นมาด่าได้ มันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเตะผมออก ส่วนมันลุกขึ้นไปยืนติดมุมห้อง ตัวสั่นยังกะเจ้าเข้า ผมมองมันอย่่างสลึมสลือเพราะยังตื่นไม่ครบร้อยเปอร์เซ็น จากนั้นก็หลับต่อ เพราะคิดว่านี่มันไร้สาระชัด ๆ

อีไบมันก็ยังไม่วายตามมารังควานครับ เล่นวิ่งเข้ามากระโดดทับผมแล้วตบตียังกะชะนีแรดซะอย่างงั้น คำด่าที่ผมยังพอจำได้ราง ๆ มีอยู่ว่า

“สัส!!! กูด่ามึงอยู่นะเว้ย” แล้วผมก็ถูกต่อยเข้าที่หน้าอก

“มึงตื่นมาฟังกูด่าก่อน อย่าพึ่งนอน!!!” รอบนี้ถูกตบเข้าที่หน้า

“เชี่ยยยยย~~~ มึงจะนอนไปถึงไหนเนี่ย~~” จนถึงรอบที่ห้า ผมก็เลยจับมันพลิกมาอยู่ด้านล่าง ส่วนผมขึ้นคล่อมมันทันที อีไบมันกรี๊ดหนักกว่าเก่า ทั้งทุบ ทั้งต่อย ผมก็เลยเอาผ้าห่มมาอุดปากมัน แล้วงับเข้าที่ซอกคอทีนึงจนเป็นรอยแดงขึ้นมา อันที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะทำนะ แต่ผมเมาอะไรไม่รู้ ฮืออออออออออออออออออ

แล้วเราก็นิ่งกันไปซักพักครับ ซักพักแค่นั้นหละ กินเวลาไม่นาน

เกิดความเจ็บขึ้นเพียงแป๊ป แล้วมุมปากผมก็เลือดแตกทันที

และนี่ก็คือที่มาของอาหารเช้าและไข่ดาวเละ ๆ ในวันนี้

กะจะแก้แค้นกูสินะ ไอ้คนใจร้ายยยย~~~~

kaino

  • บุคคลทั่วไป
 KO-JAP : ถ่าย VTR
โหมด : ไบเซป

ผมยังรู้สึกสยองขวัญกับเหตุการณ์เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนไม่หาย ตอนนี้ผมย้ายมานอนที่พื้นอย่างเป็นทางการ ไม่มีการหลงผิดคิดไม่นอนเตียงแต่อย่างใด ต่อให้เมื่อก่อนมันจะเคยเป็นเตียงของผมก็เถอะ T.T

รอยที่ไอ้ฟีนิกซ์ทำที่ซอกคอผมมันเริ่มจางลงแล้วครับ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ก็ยังมองเห็นอยู่ แรก ๆ ที่เห็นรอยนั่นทำเอาผมสติแตก คลั่งอยู่หลายวัน พลางคิดว่า ถ้ามันอยู่ครบปีการศึกษา ไม่วันใดก็วันนึง ผมต้องเสียตัวให้มันแน่ ๆ คิดแล้วก็สยอง แต่ว่า...ใครจะไปยอมเสียให้มึงง่าย ๆ วะ คนที่จะฟันกูมันต้องเด็กเกาหลี ไม่ใช่เด็กเจร็อคอย่างมึงเว้ย!!!!! (ประกาศกร้าว)

ดังนั้น ผมก็เลยลงโทษมันที่บังอาจสร้างรอยแดงนี่ด้วยการทอดไข่เละ ๆ ให้มันกิน ประมาณว่า ลงกระทะปุ๊บ ปิดแก๊สปั๊บ ทำให้ไข่ไม่สุก อีกทั้งยังอมน้ำมัน มันมองไข่ในจานพลางทำตาละห้อย เพราะผมรู้อยู่แล้วว่ามันทำอาหารอะไรไม่เป็น จึงได้แกล้งมันแบบนี้ จนสุดท้าย มันก็ลุกไปหาอะไรยัดปากที่ 7-11 (เจริญเหอะมึง)

ตอนนี้ผมนั่งมองบรรดาตัวแทนผู้เข้าแข่งขันเกมป๊อกกี้ทั้งสี่ภาค ที่กำลังโพสท่าถ่ายแบบทำ VTR กันอย่างเอาเป็นเอาตาย สามคู่เป็นชายหญิง อีกหนึ่งเป็นชายชาย แล้วจุดสนใจมันจะไปอยู่ที่อื่นได้ยังไง ถ้ามันไม่อยู่ที่คู่ของไอ้ฟีนิกซ์กับไอ้ทวิต ทั้งสองคนถูกรุมถามนู้นถามนี่ ถามถึงวิธีการกัดยังไงให้เหลือเพียงศูนย์จุดเก้าเซนติเมตร อีสองตัวนั้นมันไม่ตอบ ทำเพียงแค่ยิ้ม ๆ เหอะ!! เห็นแล้วหมั่นไส้

แล้วมันก็มีคนในกองถ่ายพูดขึ้นมาลอย ๆ ว่าเหมาะสมกัน เป็นแฟนกันซะเถอะ!! ผมที่กำลังดื่มน้ำอยู่นี่แทบจะเดินไปพ่นน้ำใส่พี่คนนั้นให้มันรู้แล้วรู้รอด อย่ามาพูดเรื่องแบบนี้สิวะ หึงนะเว้ย!!!

อ่ะ!! หึง??? หึงอีกแล้ว!!! ม๊ายยยยยย!!!! กรุณาลืมสิ่งที่ผมพูดไปซะ ผมไม่ได้หึง T.T

ช่วงเวลาที่กำลังนั่งหดหู่ราวกับผีรอญาติ อีฟีก็เดินเข้ามาครับ

“ถ่ายใกล้จะเสร็จแล้ว” ใครถามมึงวะ

“เออ” ตอบไปงั้น ๆ

“มึงเป็นไรอีกวะเนี่ย หน้าบูดอีกแล้ว” ง่ะ กูหน้าบูดจริงดิ กูเพียงแค่ไม่พอใจที่มีคนว๊อนให้มึงกับอีทวิตเป็นแฟนกัน

“เปล่า ไม่มีไร”

อีกฝ่ายหัวเราะหึึหึ เอ่อ กูขอร้องล่ะ อย่ามาส่งเสียงหัวเราะแบบรู้ทันได้ไหม มันทำให้กูรู้สึกว่าหัวสมองไม่โต เถียงไม่เป็นนะเว้ย!!!!!

“เห็นว่าถ้าทีมไหนชนะจะได้ไปเกาหลี พร้อมทั้งกระทบไหล่ Ulzzang ด้วยอ่ะ” อีฟีทำท่าพูดลอย ๆ แต่ผมรู้ว่ามันจงใจให้ผมได้ยิน และมันก็สำเร็จครับ เพราะผมนั่นหูผึ่งอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้หน่อย

“แล้วไง” น่าน แอ๊บต่อไป

“โอ๊ะ!!!” อีฟีแกล้งทำท่าตกใจ ยกมือขึ้นทาบอก หึ๋ย~~ หมั่นไส้ “กูก็จะได้ไปเจอตัวเป็น ๆ ของพวก Ulzzang ไงมึง!!!!”

จากที่หน้าตาแบบนี้ (=.=) มันเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ครับ (TwT) ฮือออออออออออออออออ อีฟี มึงพูดจริงดิ ถ้ามึงชนะ มึงจะได้ไปกระทบไหล่ Ulzzang แล้วมึงก็ต้องเจอพี่แทของกูสิถ้างั้นอ่ะ ฮือออออออออออออออ มึงรู้ไหมว่ากูปลื้มพี่แทมากขนาดไหน อันที่จริงมึงอยู่กับกูมาก็ประมาณสองเดือนได้ มึงคงจะเข้าใจกูอยู่แล้วใช่ไหม ฮือออออออออออออออ ถ้างั้น กูขอสั่งให้มึงเล่นเกมให้ชนะ แล้วกูจะขอเกาะไปเกาหลีกับมึงในฐานะสตาฟ TwT

“เฮ้ย!! มึงสนใจอะไรที่มันเกาหลีตั้งแต่ตอนไหนวะ” ผมรีบตั้งคำถาม อีกคนหัวเราะก๊าก!!!

“ใครบอกว่ากูสนล่ะ กูแมร่งจะลาออกจากการแข่งขันอยู่แล้วเนี่ย” มันพูดหน้าตาเฉย ในขณะที่ผมจับแขนมันแน่

“ม...มึง...มึงห้ามลาออกนะ” ผมตะโกนเสียงดังลั่น กูรู้ว่ามึงรวยขนาดจะบินไปเกาหลี ไปหาบรรดา Ulzzang ตัวเป็น ๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร แต่มึงคิดดูดี ๆ นะเว้ย ว่าฐานะที่มึงไปมันต่างกันนะ

“ทำไมล่ะ” ถามพลางยิ้มกรุ่มกริ่ม กูละเกลียดจริง ๆ เวลาที่มึงถือไพ่เหนือกว่าเนี่ย “ถ้ากูลงแข่งต่อ กูก็ต้องกัดอีท่าไหนก็ได้ให้มันสั้นที่สุด เผลอ ๆ ศูนย์จุดเก้าอาจจะไม่ชนะแล้วนะ ถ้าจะให้ปลอดภัยมันต้องราว ๆ ศูนย์จุดห้า” มันพูดพลางทำท่านักวิชาการ ผมนั่งฟังพลางพยักหน้าหงึก ๆ เพราะแนวความคิดมันดี “ดังนั้น ถ้าจะทำให้ได้ศูนย์จุดห้าจริง กูว่างานนี้กูต้องทำอะไรที่มันมากกว่าดีฟล่ะ” พูดจบมันก็ส่งยิ้มให้ผมทีนึง แล้วเดินกลับไปเข้ากองถ่ายเหมือนเดิม ทิ้งให้คำพูดของมันลอยวนอยู่ในหัวผม

ทำอะไรที่มันมากกว่าดีฟ? ดีฟ? ดีฟคิส...

ยังมีอะไรที่มันมากกว่าดีฟคิสอีกหรือไง หรือมึงจะทำซุปเปอร์ดิฟคิสห๊า!!!!

เฮ้ย!!! แล้วถ้ามึงจะทำ มึงก็ต้องทำกับอีทวิตใช้ไหม???

อ...อ๊าคคคคคค!!!!!! ม๊ายยยยยยยยยยยยยย

และเป็นผมที่ถูกมันยั่วให้หึงอีกแล้ว T.T









โหมด : ทวิต
วันนี้ผมมาถ่าย VTR เพื่อโปรโมตบุคคลที่เข้าแข่งขันเกมป๊อกกี้ ซึ่งพูดจริง ๆ ว่าตอนนี้ผมหมดอารมณ์จะเล่นแล้วอ่ะ เพราะดูสถิติอีก 3 คู่ที่ผ่านมามันชวนให้คิดหนัก หนึ่งจุดสามลงมาทั้งนั้น แล้วผมก็คิดว่ายังไงทุกคนก็คงจะไม่ยอม และคงจะไปฝึกกัดให้มันสั้นกว่านี้ ความทุกข์ใจก็ตกมาที่ผมสิครับ กะว่าจะลาออกจากเกมอยู่แล้วเนี่ย =.=”

ไม่ใช่ว่าฟีนิกซ์ไม่หล่อ แต่ฟีนิกซ์ไม่ใช่สไตล์ผม แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมจะต้องมาเปลืองตัวให้กับเด็กเจร็อคคนนี้ด้วยอ่ะ แค่ที่มหาลัยมันก็มาพออยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้คลิปนั่นก็ว่อนไปตามเน็ต รู้ถึงไหนอายถึงนั่น คนในศึกษาศาสตร์ ภาคอินเตอร์ ก็มองผมแปลก ๆ ยิ่งบรรดาแฟนเก่านี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่รู้ว่าไม่หาเบอร์ใหม่ผมมาจากไหน โทรมาร้องห่มร้องไห้ว่าไอ้คนที่มันจูบกับผมนั่นมันเป็นใคร =.=”

แต่ละคนนี่อาการหนักกันทั้งนั้น

ช่วงนี้เป็นเวลาพักครับ เหลือแค่ถ่าย VTR ตัวสุดท้ายก็จะเสร็จแล้ว ผมนั่งมองฟีนิกซ์ที่เดินไปหาไอ้ไบเซป ดูหน้าตาหมอนั่นเรียกได้ว่าบุญไม่รับ นอกจากจะหน้าบูดแล้วยังมีการสะบัดหน้างอน ๆ จากนั้นไม่นานก็เอามือไปคว้าแขนอีกฝ่าย เล่นเอาซะฟีนิกซ์หลุดหัวเราะออกมา

ผมว่านะ ยังไงคู่นี้มันต้องได้ฟันกันซักวันแน่ ๆ ฟีนิกซ์น่ะไม่เท่าไร เพราะรายนี้เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าชอบอีกฝ่าย แต่ไอ้ไบนี่สิ ผมเห็นแล้วเครียดครับ ไม่รู้ว่ามันจะแอ๊บไปถึงไหน อย่าคิดนะว่าผมไม่เป็นอะไรที่ลำคอมันน่ะ ถึงรอยมันจะจางแล้วก็เหอะ สำหรับผมที่ศึกษาเรื่องนี้มาเยอะก็พอจะรู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น

หรือว่า...อันที่จริง สองคนนี้มันเป็นของกันและกันเรียบร้อยแล้ว =[]=!!!!!

ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะมีเจเนอเรชั่นใหม่แท้ ๆ ไวไฟกันจริง ๆ










โหมด : ฟีนิกซ์
การถ่ายทำจบลงที่ภาพของผมกับไอ้หนูทวิตเตอร์ ผมไม่รู้ว่ารูปสุดท้ายนี่มันอยู่ในลิสรายการ หรือพี่ที่กองต้องการสร้างกระแสกันแน่ เพราะมันเป็นรูปที่ผมกับไอ้ทวิตกำลังคาบแท่งป๊อกกี้คนละข้าง ถ้ามันแท่งความยาวเท่าปกติมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่นี่ สั่งให้พวกผมทั้งสองคนกัดจนปากจะชนกันอยู่แล้ว ยิ่งพี่ผู้หญิงที่เป็นตากล้องยิ่งแล้วใหญ่ เพราะรายนั้นถามตรง ๆ เลยว่า ขอปากแตะกันได้ไหม

=.=” งั้นนี้ทั้งผมและทวิตมองหน้ากัน ผมดึงแท่งป๊อกกี้ออกจากปากแล้วถามไอ้ทวิต

“เอาไงดี” ผมถามมัน อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนบอกไม่ถูก

“เอ่อ......ตามใจฟีนิกซ์แล้วกัน” =[]=!!! นี่มันเรียกว่าโยนงานกันชัด ๆ และในเมื่อมันตอบแบบนั้นผมก็เลยจัดไปครับ ตามใจกูใช่มะ งั้นมึงเจอดีแน่ ผมเอาแท่งป๊อกกี้ยัดปากไว้เหมือนเดิม แล้วคว้ามันมากอด ทำเหมือนกับวันที่แข่งที่มหาลัยเด๊ะ ๆ แต่รอบนี้แค่ปากแตะกันเฉย ๆ

เรียกได้ว่าผมลวนลามไอ้นี่สองรอบและ =.=” และถ้าผมลงแข่งจริง มันจะต้องมีรอบที่สาม ดังที่บอกไว้ ผมอ่ะไม่มีปัญหา แต่อีกคนที่มันมาเป็นสตาฟให้วันนี้นี่ดิ สติแตกแน่ ๆ 5555555 เออ ดี อย่างน้อยถ้ากูทำแล้วมึงหึงมันก็เป็นความสุขของกู (เหมือนโรคจิตเลย)

“สวยค่ะ” พี่ผู้หญิงพูดพลางกดรัวชัตเตอร์ ไอ้ทวิตที่อยู่ในอ้อมกอดผมนี่สั่นอีกแล้ว ไม่รู้ว่าไอ้นี่มันมีดีอะไร แต่พอเห็นมันเขินแล้วอยากแกล้งชะมัด ดังนั้น ผมจึงเบียดริมฝีปากเข้าไปอีกนิด โอ๊ะ!!!! ทำไมรู้สึกว่าตัวเองหลายใจแปลก ๆ นะ ไหนจะไอ้ไบเซป แล้วไหนจะคุณหนูจอมลวงโลกอย่างทวิตเตอร์

ฮร๊าาาาาาาาาาาาา~~ เสน่ห์แรงก็งี้ TwT




การถ่าย VTR วันนี้จบลงด้วยดีครับ ผมบอกลาไอ้ทวิตพร้อมทั้งเดินตรงไปยังที่ที่ไอ้ไบเซปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่ว่ารอบนี้ไปไม่เจอแฮะ ผมลองโทรเข้ามือถือมัน โทรติดนะ แต่ไม่มีคนรับ เอ๊าาาา ไอ้นี่นิ ไปไหนของมันวะ =.=”

“รอใครเหรอฟีนิกซ์” เสียงใสของไอ้ทวิตดังขึ้นครับ เอ๊ะ! นี่มึงยังไม่กลับอีกเหรอ

“รอไบเซปน่ะ” ผมตอบ อีกฝ่ายทำหน้างงกลับมา

“หือ? ทวิตเห็นเดินไปกับรุ่นพี่ซางมินตั้งแต่เราถ่ายเซตสุดท้ายแล้วนะ”

เท่านั้นแหละครับ กูไม่ฟังคุณมึงแล้วล่ะว่าจะพูดอะไรต่อ ผมคว้าเอาไหล่ไอ้ทวิตแล้วถามรัวเลยครับ

“แล้วเห็นหรือเปล่าว่าไปไหน” ซึ่งอันที่จริงผมคิดว่าคำถามของผมนั่นโง่มาก ก็ไอ้ทวิตจะไปรู้ได้ยังไง ในเมื่อผมกับมันก็ถ่ายแบบด้วยกันนินา รอบนี้มือผมสั่นอย่างเห็นได้ชัด ทำไมวะ พูดถึงชื่อไอ้รุ่นพี่คนนี้ทีไรแล้วอารมณ์เสียทุกที อาจจะเพราะมันมีบังอาจมาจูบคนที่ผมชอบมั้ง

....

เมื่อกี้ผมว่าไรนะ?

ผมว่าชอบงั้นเหรอ????

เฮ้ย!!!!!

เอ๊ะ แต่อันที่จริงผมว่าผมก็รู้ตัวเองมาได้ซักระยะแล้วนะ เพราะถ้าไม่ชอบ ก็คงไม่หึง และผมก็หึง ถ้างั้นก็แสดงว่าผมชอบ อุวะ!!! ตกลงผมชอบไอ้เด็กเกาหลีไบเซปใช่ไหมนิ!!!!!!!


___

kaino

  • บุคคลทั่วไป
 KO-JAP : แค่คิดว่า
โหมด : ไบเซป

ผมล่ะอยากจะกระโดดเตะก้านคอยัยเจ๊ช่างภาพจริง ๆ นี่มันสร้างกระแสชัด ๆ มันไม่มีภาพแบบนี้อยู่ในลิสเลยเว้ย ๆๆๆๆๆๆๆ พูดมาได้ไงว่าขอปากแตะกันได้ไหม พูดไม่ดูเลยว่ามันเป็นผู้ชายทั้งคู่ แล้วอีฟีก็อีกคน ไปถามมันอยู่ได้ว่าเอาไง อีทวิตมันเป็นเกย์มันก็ต้องว๊อนอยู่แล้ว มึงก็ยังจะถาม แล้วแทนที่มันจะปฏิเสธยัยตากล้อง มันกลับทำตามที่ยัยนั่นบอก

ผมละปวดตับกับเจร็อค

ไม่รู้ว่าที่มันทำเพราะอะไรกันแน่ เพราะจะบีบให้ผมพูดคำว่าหึงหรือไง เชอะ!!! ให้ตายยังไงก็ไม่พูดหรอก มึงไม่ใช่แฟนกู สัส!!!!! เพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตาแบบนั้นก็เลยเลี่ยงออกมา ในขณะที่จะลงบันไดก็ดันเจอกันรุ่นพี่ซางมินเดินขึ้นมาพอดี

“เอ๊ะ!!???” ผมร้องด้วยความฉงน ซึ่งรุ่นพี่เองก็คงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจอผมที่นี่

“เฮ้ย น้องไบ มาที่นี่ได้ไงเนี่ย” รุ่นพี่ทักพลางลากตัวผมเข้าไปกอด เฮ้ย!!!

“อ๋อ พอดีพาฟีนิกซ์มาถ่าย VTR กิจกรรมน่ะครับ” ผมตอบพลางผลักตัวเองออกมาอย่างสุภาพ รุ่นพี่ทำเสียงอืมในลำคอ แล้วมองมาที่ผม

“อีกนานไหมเนี่ยกว่าจะเสร็จ”

“ไม่รู้อ่ะครับ” ผมตอบกลับไปตามความเป็นจริง รุ่นพี่มองดูนาฬิกาข้อมือ ท่าจะแพงน่าดูเลยนะนั่นอ่ะ

“อืมมมมมม ไบเซปพอจะว่างไหมล่ะ พี่มีเรื่องเกี่ยวกับงานสาขาจะบอกน่ะ” รุ่นพี่เอ่ยออกมายิ้ม ๆ ผมมองกลับไปที่ฉากถ่ายแบบ พวกนั้นยังกอดกันไม่เลิก อีกทั้งไอ้ฟีนิกซ์ยังก้มหน้าลงไปอีก งานนี้ฉุนครับ!!!!!

“คิดว่าว่างครับ แล้วก็ว่างนานด้วย” ผมตอบพลางกัดริมฝีปาก รุ่นพี่พูดพึมพำว่าไปนั่งคุยกันที่ร้านสตาบัคข้างล่างตึกท่าจะสะดวกกว่า และผมก็เดินตามครับ อันที่จริงเดินนำซะด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากเห็นอะไรที่มันบาดตา ไม่อยากถูกยั่วให้โมโห ให้โกรธ หรือแม้แต่หึง

เพราะงั้น....

หนีแมร่งเลย 555555






ร้านสตาบัคช่วงคนยังไม่เลิกงานลูกค้าไม่แน่นครับ ผมและรุ่นพี่ซางมินสั่งนมสดร้อนคนละแก้ว แล้วเลือกที่นั่งติดกับกระจกหน้าร้าน ผมใช้ไม้คน ๆ นมเพื่อให้มันเย็น

“แล้วตกลงรุ่นพี่จะคุยเรื่องอะไรอ่ะครับ” ผมถามในขณะที่อีกฝ่ายยกนมขึ้นดื่ม

“ตอนนี้เด็กปี 1 ก็ปฐมนิเทศแล้ว พวกพี่ปีสามก็เลย...”

“รุ่นพี่จะเรียกว๊ากเหรอครับ” ผมพูดอย่างรู้ทัน อีกฝ่ายยิ้มแล้วตบหัวผมเบา ๆ ทีนึง “อะไรของรุ่นพี่เนี่ย” ผมพูดอย่างงอน ๆ พลางทำแก้มป่อง

“ไอ้บ้า ไม่ได้จะเรียกว๊าก คือพี่กับเพื่อนในห้องปีสามน่ะ คุยกันแล้วว่าเราจะยกเลิกการว๊ากน้อง” เฮ้ย!! นี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหมนิ?

“จ..จริงเหรอครับ???”

“เออ เพราะพี่คิดว่าว๊ากไปจะทำให้รุ่นพี่รุ่นน้องมองกันไม่ดีเปล่า ๆ” โฮ๊คคคคคคคค แทบอยากจะกระโดดกอดรุ่นพี่ซางมินแน่น ๆ แล้วหอมแก้มซักฟอด นี่แหละนี่รอมานาน ใช่เลย ยกเลิกได้ซักทีกับอีการว๊ากเนี่ย เบื่อจะตายอยู่แล้ว จำได้ว่าตอนอยู่ปีหนึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งถูกว๊ากซะช็อคเลย ลำบากหามส่งโรงพยาบาลกัน เพราะงั้น ตัดปัญหา ไม่ว๊ากแหละ ถูกต้องที่สุดแล้ว

“ถูกต้องแล้วครับ!!!” ผมพูดพลางปรบมือเสียงดัง

“แต่ว่า พี่ได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนของปีสาม ให้มาคุยรายละเอียดกับปีสอง”

“โอ๊ยยยยย ไม่ยากครับรุ่นพี่ รุ่นพี่คุยกับผมคนเดียวก็ได้ ผมน่ะข่าวไวนะจะบอกให้ เดี๋ยวผมกระจายข่าวให้เองครับ” ผมพูดพลางยิ้มจนตาหยี ดีใจแทนรุ่นน้องที่ต่อไปไม่ต้องโดนด่าแบบไม่มีเหตุผลอีกแล้ว รุ่นพี่เองก็ยิ้ม พลางยกแก้วนมขึ้นดื่ม ผมเองก็ดื่มบ้าง เราทั้งสองคนวางแก้วลงพร้อมกัน ผมเงยหน้ามองพี่เขา ปรากฏว่ามีคราบนมเลอะริมฝีปาก

“โอ๊ะ!!!!” ผมร้องขึ้น

“หือ?”

“คราบนมครับ” ผมชี้บอก

“ที่ไหน”

“ริมฝีปากพี่อ่าาาาา” พูดจบผมก็จัดการดึงทิชชูให้แผ่นนึง พี่เขารับมาแล้วยิ้มขำ ๆ “ยิ้มไรอ่ะครับ” ผมถาม

“เอ๊า ได้ข่าวว่าชอบเกาหลีฝั่งหัวใช่ไหมเราอ่ะ” รุ่นพี่ถามพลางเช็ดคราบนมออก ผมพยักหน้าอย่างงง ๆ “ก็ ในพวกซีรี่ส์ ถ้านมเลอะริมฝีปาก อีกฝ่ายชอบ.......” รุ่นพี่ละไว้เพียงเท่านั้น แต่ไม่ต้องบอกผมก็รู้ครับ เพราะผมเองก็ดูบ่อย และผมก็เข้าใจด้วยว่ารุ่นพี่ต้องการที่จะสื่ออะไร พลันหน้าผมก็ร้อนผ่าว กะว่าตอนนี้มันคงแดงไปถึงใบหูแล้วครับ >///////////////////////< รุ่นพี่จะมาสื่ออะไรเนี่ย ผมยิ่งเขินอยู่

ผมรีบก้มหน้าหงุดมองหน้าตักตัวเอง แล้วแอบเหลือบมองรุ่นพี่เป็นระยะ อีกฝ่ายไม่ทำอะไรนอกจากนั่งเท้าค้างแล้วยิ้มอย่างเดียว โฮ๊คคคคคคคคคคคคคคคคคค กูอยากจะเป็นฝ่ายที่นมเลอะขอบปากแล้วให้รุ่นพี่ทำแบบนั้นจัง อ๊าคคคคคคคคคคคคค เอาให้เหมือนกับของ BIGBANG ที่ จีดราก้อน แสดงกับ ท๊อป นะ

อ่าาาาาาา หนูไบขอแบบนั้นแหละฮร๊าาาาาา

5555555 อาการแรดออกอีกแล้ว >.<~~~~

แต่ก็ดังที่ทราบนั่นแหละครับ ว่ากันว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย

“ร่านมากเลยนะมึง” เสียงนรกดังมาแต่ไกล ทั้งผมและรุ่นพี่หันควับไปตามเสียง อีฟีนี่เรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ส่วนไอ้ทวิตก็ตามหลังมาติด ๆ เหอะ!!!!

“อะไรของมึงอีกเนี่ย” เป็นผมที่ลุกขึ้นแล้วเดินไปประจัญหน้ากับมัน นี่กูกำลังคุยธุระแล้วมึงจะมารยาททรามโผล่มาทำอะไรตอนนี้วะ

“อะไรของกูเหรอ แมร่ง มึงปล่อยกูตลอนกับทวิตเป็นรอบที่สองแล้วนะเว้ย” ไอ้ฟีนิกซ์ตะคอกใส่ผม รุ่นพี่ซางมินลุกขึ้น

“รักษาความสงบหน่อยเถอะครับ”

“รักษาบ้านมึงสิ” อ้าว ไอ้เวรนี้ มึงพูดแบบนี้กับรุ่นพี่ได้ไงวะ ไอ้บ้า!!!

“มึงจะบ้าหรือไงไอ้ฟีนิกซ์ มึงพูดกับรุ่นพี่แบบนี้ได้ไงวะ” ผมพูดพลางรีบลากมันออกมาจากร้านให้เร็วที่สุด ก่อนที่ระเบิดจะลงแล้วร้านจะพัง จากหางตาผมเห็นว่าไอ้ฟีนิกซ์ทำตัวมารยาททรามชูนิ้วกลางให้รุ่นพี่ นั่นมึงจะบ้าเหรอ มึงอยู่ศึกษาศาสตร์แล้วคณะสั่งสอนให้มึงเป็นแบบนี้หรือไงวะ!!!

ผมลากไอ้ฟีนิกซ์ผ่านหน้าไอ้ทวิต อีกฝ่ายยืนเอ๋อจนผมหมั่นไส้

“ยืนอะไร เกะกะ!!!!” ผมตะหวาดใส่มัน แมร่ง!!! ไอ้ทวิตไม่ตอบครับ หากแต่มันหลีกทางให้ ผมทำเสียงไม่พอใจ แล้วลากไอ้ฟีนิกซ์ไปที่รถ จัดการเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วยัดมันเข้าไปข้างใน ซึ่งไอ้ตัวปัญหามันก็ยอมเข้าไปโดยดีครับ จากนั้นผมก็นั่งประจำที่คนขับ สตาร์ทรถ กดปุ่มล็อคประตูทั้งหมด แล้วเปิดแอร์ให้แรงสุดโดยหวังว่าแอร์จะช่วยบรรเทาอารมณ์โกรธของไอ้ฟีนิกซ์ลงบ้าง

“มึงเป็นอะไร” ผมถามมันเสียงเรียบ

“กูหึง”

“แล้วมึงจะหึงทำไม”

“ก็กูหึงอ่ะ” มันขึ้นเสียง ผมกัดริมฝีปาก พลางระงับอารมณ์ตัวเองไม่ให้ตะคอกกลับ คนยิ่งอารมณ์ร้อนแล้วเราร้อนกลับ มันก็เท่ากับราดน้ำมันลงบนกองไฟ

“มึงโคตรจะไม่มีเหตุผลเลยไอ้ฟี”

“กูไม่เคยมีอยู่แล้ว หรือถ้ากูมี มึงก็ไม่เคยฟังกู” น้ำเสียงมันน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด

“งั้นมึงก็พูดออกมาชัด ๆ ว่าตกลงมึงเป็นอะไร”

“ทำไมมึงต้องไปนั่งกินอะไรกับมันด้วย”

“กูถามมึง ไม่ใช่ให้มึงถามกู”

“แต่กูจะถาม” เสียงมันสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว ผมส่ายหน้าให้กับนิสัยที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ของมัน

“กูไปคุยงาน” ผมตอบกลับ

“คุยงานบ้าเตี่ยมึงสิ หน้าแดงขนาดนั้น” และรอบนี้ผมเงียบ มันพูดเข้าเป้าครับ และผมรู้สึกว่ามันจะได้โอกาสเสียด้วย “เงียบทำไมล่ะมึง” ผมยังคงไม่ตอบมันอีก รอบนี้ไอ้ฟีนิกซ์หันมายังที่นั่งฝั่งคนขับ มือของมันทุบลงเบาะอย่างแรงจนผมสะดุ้ง

“ตอบไม่ได้ล่ะสิ” และมันก็จริงอย่างที่มันพูด ผมยังคงพูดอะไรไม่ได้ เพราะมันพูดเรื่องจริง “กูเคยบอกมึงแล้ว ถ้ามึงอยากมึงก็บอกกู” นี่เป็นคำด่าที่แรงพอดู แต่ผมรู้ว่ามันพูดเพราะมันโกรธ ดังนั้น ผมจะไม่โมโหมัน ผมจะไม่ต่อปากกับมัน ผมจะอยู่นิ่ง ๆ ฟังมันระบายให้หมด ผมจะเป็นที่รองรับอารมณ์ของมัน ดีกว่าให้มันไปต่อว่ารุ่นพี่สาขาตัวเอง

ไอ้ฟีนิกซ์จ้องผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ผมไม่มองตามันครับ สายตาของผมจ้องไปยังสิ่งแวดล้อมเบื้องหน้า เสียงหายใจของคนข้าง ๆ หอบและถี่ มือของผมกำพวงมาลัยรถแน่นจนเจ็บ เวลาผ่านไปไม่รู้เท่าไร แต่ผมรู้สึกว่ามันนานมาก ไอ้ฟีนิกซ์ทิ้งตัวลงกับเบาะ มันถอนหายใจออกมาแรง ๆ แล้วมองตรงไปด้านหน้า

มือของผมที่จับพวงมาลัยเริ่มคลายออก

ระบายหมดแล้วสินะ ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“กูขอโทษ” ไอ้ฟีนิกซ์พูดออกมาเบา ๆ

“อืม” ผมตอบเพียงแค่นั้น

“กูไม่รู้ว่าทำไม แต่กูเห็นมึงกับไอ้บ้านั่นไม่ได้” มันพูดพลางเสมองออกกระจกฝั่งมัน ผมยังคงนิ่งฟัง แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบ

“หมดยัง” เป็นผมที่เอ่ยปากถามในที่สุด

“อะไร”

“กูถามมึง คำที่จะด่ากูอ่ะมันหมดหรือยัง”

อีกฝ่ายไม่ตอบ และเราก็เงียบอยู่เหมือนเดิม อากาศภายในรถเริ่มอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ

“กูคิดว่ากูชอบมึง”

คำพูดที่ผมไม่คาดคิดหลุดออกมาจากปากคนที่ผมไม่เคยคาดหวัง....

____

ส่วนนี่คือคลิปที่ไบเซปพูดถึงครับ

http://bit.ly/Hs1siD
_____

dog

  • บุคคลทั่วไป
บอกชอบกันแล้ววววววววววววววว
รีบๆมาต่อนะค๊าาาาาาาา

ออฟไลน์ mutyamania

  • สามารถติดตามงานติดเรทที่ลงเล้าไม่ได้ที่ ReadAWrite ในชื่อมัสยากลับมาจากป่าช้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1898
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +794/-139
    • https://mutyawhocamebackfromthedead.readawrite.com
สนุกมากค่ะ แต่แอบสงสารนังทวิต.....ถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างหึง...

kaino

  • บุคคลทั่วไป
 KO-JAP : รักไม่ได้
โหมด : ฟีนิกซ์

“กูคิดว่ากูชอบมึง” แล้วผมก็ตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด ผมรู้ดีว่ามันอาจจะเร็วไป แต่ผมก็คิดว่าผมชัวร์แล้วนะ เพราะอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็ก ถึงจะห่าง ๆ กันบ้าง แต่ตอนนี้ก็อยู่กับมันมาจะสองเดือนแล้ว อะไร ๆ ที่เป็นตัวมันผมก็คิดว่าผมรับได้ ต่อให้มันชอบเกาหลีแล้วแอนตี้เจร็อคแค่ไหนก็ตาม

เพราะมันคอยช่วยผมทุกอย่าง อาหารทุกมื้อมันก็ทำให้ผมกิน เตียงมันก็ทิ้งให้ผมนอน ส่วนตัวมันก็สละนอนพื้น ถึงมันจะบ่น แต่มันก็ยอมผม อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ว่า.... แต่ความรู้สึกมันบอกผมว่าผมชอบไอ้นี่เข้าให้แล้ว ตอนแรกกะว่าจะเก็บไว้บอกนู้นนนนน~~ วาเลนท์ไทต์ปีหน้าที่จะกลับญี่ปุ่น

แต่พอเจอเหตุการณ์ไอ้ซางมินแล้วรู้สึกว่า หากไม่รีบทำอะไรมีหวังโดนแย่งแน่ ๆ เพราะงั้น บอกมันไปนั่นแหละ ทำถูกแล้ว

ผมคิดว่าอีกฝ่ายจะด่ากลับ หรือพูดอะไรบ้าง แต่ทุกอย่างก็เงียบ ไอ้ไบเซปใช้มือเคาะพวงมาลัยรถสองสามครั้งก่อนที่จะขับรถออกจากตัวตึก ระหว่างทางนั้นเงียบมากครับ สายตามันไม่หันมามองผมเลย นอกเสียจากถนนเบื้องหน้า หรือที่ผมทำไปมันทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจงั้นเหรอ?

ทั้ง ๆ ที่ท่าทางแสดงออกมากขนาดนั้นก็ยังจะปากแข็ง คนเราถ้าชอบ มันก็รอได้ แต่ถ้ารอนาน ๆ มันก็ท้อเหมือนกันนะครับ

ผมมองออกไปนอกกระจกรถ ตึกสูงวิ่งผ่านสายตาอย่างรวดเร็ว

“มึงไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยเหรอ” และเป็นผมเองที่ทนความอึดอัดไม่ไหว

“มึงจะให้กูพูดอะไรล่ะ” มันถามกลับ

“อะไรก็ได้”

“แล้วอะไรล่ะ” ในเมื่อตอบกลับมาแบบนี้ก็แสดงว่าไม่ต้องการที่จะคุยต่อสินะ ผมเงียบอีกตามเคย เอาหัวพิงไว้กับกระจกรถ

“มึงพูดไม่คิดอ่ะฟีนิกซ์” คราวนี้ไอ้ไบเซปเป็นคนเปิดครับ

“กูคิดแล้ว”

“มึงพูดเพราะมึงโกรธ”

“กูไม่ได้โกรธ กูหึง”

“อย่ามาเถียงกู” ผมเงียบ ในขณะที่ไบเซปจอดรถเพราะสัญญาณไฟแดง “มึงจะรัก หรือมึงจะชอบ มันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ มึงมาอยู่กับกูจริง ๆ จัง ๆ แค่สองเดือนกว่า มึงก็มาบอกว่าชอบกู ทั้ง ๆ ที่เหลืออีกตั้งแปดเดือนให้ได้เจออะไรมากมาย มึงว่ามันเร็วไปไหมล่ะ”

“แต่ความรู้สึกกูบอกแบบนี้”

“มึงคิดว่าความรู้สึกมึงมันเปลี่ยนไม่ได้หรือไง อย่างเมื่อตะกี้ มึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ มึงเงียบ” ผมเงียบให้กับคำพูดของคนที่ขับรถ ไม่รู้ว่ามันสับสนอะไรระหว่างคำว่า ‘ความรู้สึก’ และ ‘อารมณ์’ หรือเปล่า

ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรกันอีก เพราะผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูดกับแบบ เล่นบอกกันแบบนี้แสดงว่าปฏิเสธชัด ๆ รู้สึกเหมือนตัวเองอกหักแปลก ๆ ไม่ได้เจออารมณ์นี้มานาน จนตอนนี้เหมือนจะรับความจริงไม่ได้

รถจอดสนิทที่โรงจอดรถ ไอ้ไบเซปกดปุ่มปลดล็อค ผมผลักประตูเปิดออก แล้วปิดลงอย่างแรง ตั้งท่าจะเดินเข้าบ้าน แต่เสียงของอีกคนรั้งผมไว้

“ฟีนิกส์” ผมยืนรอฟัง “อนาคตข้างหน้า ยังไงทั้งกูและมึงต่างก็ต้องมีครอบครัว ต่างก็ต้องมีทายาท มึงเข้าใจไหม” มันเว้น ผมพยักหน้า แน่ใจแล้วว่าตอนนี้อกหักไปเป็นที่เรียบร้อย หัวใจของผมบีบรัดจนแทบจะหายใจไม่ออก “เรื่องวันนี้ที่มึงพูดอะไรออกมา กูจะถือว่าไม่ได้ยิน ห้องกูมึงจะนอนเหมือนเดิมก็ได้ กูไม่ว่าอะไร”

ผมพยักหน้าแบบร่างไร้วิญญาณ “มีอะไรอีกไหม” ผมถามมัน น้ำเสียงของผมสั่นเพราะพยายามที่จะกลั่นน้ำตา นี่สินะที่เรียกว่าอกหัก เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย ไม่อยากเจอแบบนี้เลย

“ไม่มีแล้ว” อีกฝ่ายตอบ ผมรีบไขประตูแล้วเดินเข้าบ้านทันที ขาของผมพาร่างกายที่ไร้วิญญาณขึ้นไปชั้นสอง ผมไม่ได้มุ่งตรงไปที่ห้องของไอ้ไบเซป แต่รอบนี้ผมกลับมาที่ห้องของตัวเอง ป้ายของลี ดงเฮยังวางอยู่ที่เดิมเหมือนตอนแรก โปสเตอร์นั่นมีรอยยิ้ม ดูแล้วมันขัดตาผมชอบกล จนอยากจะต่อยให้ล้ม

ทำไมนะ ทั้ง ๆ ที่เศร้าแบบนี้ ทำไมถึงยังยิ้มล่ะ ทำไมต้องส่งยิ้มมาให้ด้วย ไม่อยากเห็นอะไรทั้งนั้น!!!!

ผมทรุดตัวนั่งลงกับเตียง ผ้าปูที่นอน หมอนอะไรถูกเปลี่ยนใหม่ต่างจากเมื่อตอนแรก นี่แสดงว่าไอ้ไบเซปมันมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ผมทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครนอนเนี่ยนะ คงจะคิดว่าผมจะกลับมานอนห้องตัวเองมั้ง ก็เลยเตรียมห้องให้พร้อมตลอดเวลา

พอคิดได้แบบนี้แล้วน้ำตามันพานจะไหล ผมพยายามเบิกตาให้กว้างเพื่อรองรับน้ำตาที่มันไหลออกมามากกว่ายามปกติ แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังไหลอาบแก้มอยู่ดี ผมล้มตัวลงนอน เงยหน้ามองเพดานห้อง ภาพต่าง ๆ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันที่สนามบินหมุนเวียนฉายซ้ำอยู่ในหัว ทั้ง ๆ ที่ทะเลาะ แต่ก็ยังสามารถหัวเราะได้ทีหลัง แต่สิ่งที่ผมตัดสินใจพูดในวันนี้เหมือนกับเป็นเชื้อไฟที่เผาไหม้ภาพในอดีต หัวเราะทีหลังไม่ได้...

บางครั้ง ถ้าบอกความจริงไป อะไร ๆ มันก็จะไม่เหมือนเดิม

คำพูดที่ว่าอกหักดีกว่ารักไม่เป็น หึ!! มันไม่จริงหรอก เพราะไม่เคยอกหัก ถึงพูดได้ แต่ลองมาอกหักดูสิ มันเจ็บเจียนตาย

น้ำตาของผมไหลมากขึ้น

ผมยกหูฟังขึ้นมา จนสุดท้ายแล้ว สิ่งที่อยู่กับผมเวลาที่ผมเศร้าเสียใจ ก็คงจะมีเพียงแค่บทเพลง.....






โหมด : ไบเซป
ไม่ใช่ว่าผมไม่เจ็บ สายตาของฟีนิกซ์ผมมองออกว่าเขาเสียใจมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังทำอะไรไม่ได้ หมอนั่นพูดออกมาเพราะอารมณ์ล้วน ๆ มันไม่จริงที่มันจะมาชอบหรือมารักผม หรือถ้ามันรักมันชอบจริง มันก็ควรจะคิดว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง ทั้งพ่อแม่ฝ่ายมันและฝ่ายผมต่างก็มีชื่อเสียงด้วยกันทั้งนั้น แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าลูกต้องมาเป็นแบบนี้...

อนาคตทั้งผมและมันต่างก็ต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ต้องมีทายาทไว้สืบสกุล

เพราะฉะนั้นต่อให้รักกันมากแค่ไหน...ยังไงมันก็เป็นจริงไม่ได้หรอก...

ผมหลับตาเงยหน้ามองฟ้า...ไอ้ฟีนิกซ์มาไทยในเดือนห้า ตอนนี้ก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว อ่าาาา หน้าฝนแล้วสินะ ทำไมทุกอย่างมันถึงเหมาะเจาะขนาดนี้

ผมรับรู้ถึงหยดน้ำที่ตกลงมาจากฟ้า

หนึ่งหยด...สองหยด...และหลาย ๆ หยดจนนับไม่ได้

ผมร้องไห้...

และน้ำฝน ช่วยปิดบังน้ำตานั้น
___

kaino

  • บุคคลทั่วไป
 KO-JAP : ชกต่อย
โหมด : ไบเซป

นี่ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร เพราะตั้งแต่มันบอกว่าชอบผม ไอ้ฟีนิกซ์ก็เปลี่ยนไป มันเงียบ วัน ๆ มันจมอยู่แต่กับหูฟัง เวลาไปมหาลัย มันก็ชิงไปคนเดียว ข้าวที่ผมทำไว้ให้มันก็ไม่กิน แถมผมยังเจอมันชอบโผล่หน้ามาคณะผมบ่อย ๆ ไม่รู้ว่าจะโผล่มาทำไม ห้องนอนมันก็ย้ายไปนอนห้องมันที่ยังมีป้ายของฮยอนลี ดงเฮ แต่ละวันกว่าจะกลับบ้านก็ดึกดื่นเที่ยงคืน และเป็นผมที่ต้องนั่งเฝ้าว่ามันจะกลับตอนไหน รายงานนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ผมต้องเขียนส่งคณะมันทุกอาทิตย์ ผมก็ต้องโกหกว่ามันทำตัวดีไม่มีปัญหา ทั้ง ๆ ที่ของจริง มันสร้างปัญหาไว้มากมายเหลือเกิน แล้วไหนนี่ก็จะใกล้วันแข่งเกมป๊อกกี้แล้วด้วย

สรุปง่าย ๆ ว่าตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

เวลาขณะนี้สี่ทุ่มเกือบจะห้าทุ่ม ผมกดรีโมตสลับช่องทีวีกลับไปกลับมาอย่างอารมณ์เสีย มันผิดด้วยเหรอที่ผมบอกมันไปอย่างนั้น ผมพูดกับมันด้วยเหตุผล มันก็ควรจะฟังผมบ้าง ในช่วงเวลาที่กำลังคิดทบทวน จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ผมกดรับอย่างคร้าน ๆ

“ว่า” ผมพูดกรอกลงไปในโทรศัพท์ ทวิตโทรมาครับ

“แย่แล้ว!!!!!” เสียงของมันตื่นตระหนัก หัวใจของผมเต้นตุบ ๆ

“แย่อะไร???” ยิ่งฟีนิกซ์ไม่อยู่กับผมด้วยแล้ว นั่นยิ่งทำให้ผมแน่ใจโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายบอกว่ามันบอกว่าโทรมาเพราะอะไร

“ฟีนิกซ์...ฟีนิกซ์....” อีกฝ่ายพูดย้ำแต่คำเดิม ๆ จนผมเหวี่ยงใส่มัน

“มึงพูดดี ๆ สิวะ ไอ้ฟีนิกซ์มันทำไม!!!” เกิดเสียงเฮดังเข้ามาในสาย ผมขนลุกซู่ มันมีแต่เสียงผู้ชาย แล้วเสียงคนกรีดร้อง มีเสียงของล้ม เสียงแก้วแตก

“ฟีนิกซ์มีเรื่องชกต่อย” เสียงไอ้ทวิตตอบกลับมา ดูเหมือนว่ามันจะร้องไห้แล้วนะนั่นอ่ะ ผมกำโทรศัพท์มือถือแน่น ปากเม้มเป็นเส้นตรง กระโดดเด้งตัวเองออกจากโซฟาห้องรับแขก คว้าเอากุญแจรถแล้วมุ่งออกจากบ้านทันที มือถือยังถือโทรศัพท์ไว้แนบหู

“ที่ไหน” ผมถามพลางขับรถด้วยความเร็ว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหน

“ผับ...ผับอีเด้นท์” ทวิตตอบกลับ ผมส่งเสียงอืมแล้ววางสาย ผับอีเด้นท์... ถ้าจากบ้านผมแล้วไปผับนี้ เอ่อ.... ผมกด GPS ในรถ เครื่องบอกว่าห่างจากที่ผมอยู่ประมาณสิบกิโลเมตร ผมรู้สึกหัวเสีย มึงจะห่างอะไรมากขนาดนั้นวะ แค่กิโลเมตรเดียวกูก็จะคลั่งแล้ว อีฟีนั่นก็เหมือนกัน นอกจากจะทำตัวให้อึดอัด ก็ยังมาสร้างปัญหา!!!

ผมเลี้ยวตามที่ GPS บอก รู้สึกขัดใจบ้างเมื่อต้องเจอไฟแดงถึงสามครั้ง คนยิ่งรีบ สวรรค์ยิ่งแกล้ง เท้าของผมเหยียบคันเร่งจนมิดเมื่อเจอทางตรง อีกไม่เท่าไหร่ก็จะถึงแล้ว






ผับอีเด้นท์ถือว่าเป็นผับที่ไม่ค่อยใหญ่เท่าไร ภายในร้านส่วนมากตกแต่งด้วยกระจก มีแสงไฟสลัวให้พอมองเห็น บาร์เครื่องดื่มใช้สีที่สะท้อนแสง นั่นช่วยให้มันสวยมากขึ้นเมื่ออยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่สลัวเช่นนั้น หากแต่ตอนนี้สภาพภายในผับที่ผมเห็นคือเละไม่เป็นท่า ไอ้พวกตีกันก็ตี ไอ้พวกไทยมุงก็มุง ไอ้พวกหนีก็หนี แล้ว รปภ มันไปไหนวะ ทำไมไม่มีใครมาห้าม!!!!

ผมเดินแหวกพวกไทยมุงเข้าไป เจอไอ้ทวิตยืนทำเอ๋อยกมือขึ้นปิดปาก เออ ถ้ามึงจะทำแบบนั้น มึงรีบเข้าไปห้ามมันจะไปดีกว่าหรือไงวะ ไอ้ลูกคุณหนู!!! ผมด่ามันในใจ สายตาของผมกำลังจ้องภาพไอ้ฟีนิกซ์ปล่อยหมัดใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง และนั่นทำให้ผมตกใจถึงขีดสุดจนต้องตะโกนให้มันหยุด

“หยุดนะฟีนิกซ์!!!” เสียงของผมดังขึ้น ทุกอย่างเงียบ มันหันมามองผม ก่อนที่จะสะบัดหน้าหนี แล้วกระโดดคล่อมไอ้คนที่มีปัญหากับมัน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนครับ

รุ่นพี่ซางมินนั่นเอง

“นี่นายจะบ้าหรือไง” ผมตะคอกพลางเดินจะเข้าไปในวง หวังจะกระชากมันออก เมื่อมันกระหน่ำหมัดลงไปบนใบหน้าของรุ่นพี่อย่างไม่ยั้ง แต่ผมก็ต้องเป็นอันสะดุด เมื่อคอเสื้อของผมถูกดึงจากด้านหลัง

“อย่าดีกว่าไอ้น้อง” เสียงของใครบางคนดังขึ้น “คนละทะเลาะกันก็ปล่อยมันไปสิ” เสียงนั่นพูดได้เรียบมาก และมันทำให้ผมโมโห คนมันทะเลาะกันมันก็ต้องห้ามสิโว้ยยยยยยยยยย ไม่ใช่มายืนดูแบบนี้!!! เสื้อของผมถูกสะบัดออกจากมือนั่นด้วยตัวผมเอง ผมกระโดดขี่หลังไอ้ฟีนิกซ์แล้วดึงมันออก แต่ไอ้นี่แมร่งแรงควายชะมัด

มันตวัดสายตามองผมอย่างโกรธ ๆ

“มึงจะห้ามกูทำไม” เสียงมันเจือไปด้วยความเจ็บปวด

“กูต้องห้าม เพราะกูเป็นโฮส” ผมบอกมัน พลางแทรกตัวเข้าไปกันระหว่างรุ่นพี่กับไอ้บ้านี่

“แมร่ง มึงอย่ามาห้ามกูได้ไหมวะไอ้ไบเซป” มันตะคอกใส่หน้าผม แล้วชี้หน้ารุ่นพี่ซางมิน “มึงรู้ไหมว่ามันพูดถึงมึงยังไง มึงยังจะปกป้องมันอีก” คราวนี้เป็นผมที่มองรุ่นพี่ สภาพอีกฝ่ายนี่เรียกได้ว่าเละครับ คิ้วแตก มุมปากนี่ช้ำ แต่กระนั่นรุ่นพี่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา และเป็นผมที่สะบัดหน้าไปคุยกับไอ้ฟี

“มึงไปเคลียกับกูที่บ้าน”

“กูจะเคลียกับมันที่นี่” พูดพลางถุยน้ำลายลงที่พื้น นั่นทำให้ผมคิ้วกระตุก แล้วเดินไปตบหน้ามันทีนึง เกิดเสียงดังขึ้นรอบตัว ใบหน้าหล่อของไอ้ฟีก็ช้ำไม่ต่างกัน แต่มันคงเจ็บไม่เท่ารุ่นพี่ เพราะเลือดมันยังไม่ออก

“ถ้าจะเถียงกูแบบนี้ กูจะเอาเลือดบ้าของมึงออกมา” พูดจบผมก็คว้าข้อมือมันแล้วลากออกมาจากผับ เสียงโห่ร้องอย่างดูถูกดังไล่หลังมา ราวกับจะบอกว่าแพ้แล้วหนี

ผมยัดไอ้ฟีนิกซ์เข้าไปในรถยังที่นั่งที่มันนั่งประจำ นั่นคือเบาะข้างคนขับ แต่รอบนี้มันไม่ง่ายครับ เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมเข้าไป

“มึงจะห้ามกูทำไมวะ” มันพูด ดูก็รู้ว่าตอนนี้โกรธมากแค่ไหน และตามแบบฉบับแหละครับ ผมเงียบ “มึงอย่าเอาแต่เงียบแซ่!!!” มันจับไหล่ผมแล้วเขย่ากลับไปกลับมา รอบนี้ผมสะบัดแขนมันออกแล้วตบมันไปอีกที

“มึงจะเลิกบ้าได้ยัง” ผมถามมัน เลือดผมมันขึ้นหน้า ทั้ง ๆ ที่เขียนรายงานโกหกให้แล้วว่าพฤติกรรมไม่มีปัญหา แต่มาเล่นชกต่อยแบบนี้ ผมจะเขียนรายงานโกหกต่อได้ไง แล้วถ้าอีกฝ่ายเอาเรื่อง อนาคตมันคงไม่จบง่าย ๆ มึงจะรู้ไหมว่ามึงจะเจออะไรบ้าง เท่าที่กูดูนะ รุ่นพี่ไม่ได้โต้ตอบมึงเลย มีแค่มึงแต่ที่ต่อยอยู่ฝ่ายเดียว

“กูทำอะไรกูก็ผิดหมด” คราวนี้มันก้มหน้าแล้วยืนพิงตัวรถ

“ก็มึงทำไม่คิด” เสียงของผมอ่อนลง

“ไอ้บ้านั่นมันว่ามึงเสีย ๆ หาย ๆ แล้วกูจะไปต่อยปิดปากหมา ๆ ของมัน มันผิดหรือไง” อีกฝ่ายเงยหน้ามองผมที่เล่นเอาหัวใจของผมเจ็บแปรบ น้ำตานั่น...

“รุ่นพี่จะว่าอะไรกูก็ช่างสิ แต่มึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปต่อยนะ” ผมพูดกับมันเสียงเบา เพราะน้ำตาของผมเองก็จะไหลอยู่รอมร่อ “กลับบ้านเถอะ” ผมพูดขึ้น อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรนอกเสียจากแทรกตัวเข้าไปในรถอย่างว่าง่าย ผมเดินกลับไปยังที่นั่งคนขับ งานนี้ผมรู้สึกว่ามันผิดพลาดมาตั้งแต่แรก มันผิดตั้งแต่เกมป๊อกกี้ที่ทำให้ผมกับมันต่างทำอะไรก็ตามเพื่อที่จะเอาคืนอีกฝ่าย และมันก็อาจจะผิดที่ผมด้วย ที่ชอบยั่วให้มันโมโห เพราะหมั่นไส้ที่มันไปเจาะแจะกับคนอื่น

และสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าผมทำผิดมหันต์คือ...ผมไม่บอกความจริงกับมัน

ผมให้อีกฝ่ายตั้งความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ทั้ง ๆ ที่มันก็บอกว่าชอบผมแล้ว แต่ผมจะบอกกลับได้ยังไง ในเมื่อมองหาเหตุผลหลาย ๆ อย่างแล้ว ถึงจะบอกไป สุดท้ายมันก็ต้องทางใครทางมันอยู่ดี แล้วผมจะบอกให้ตัวเองเสียใจทำไมล่ะ

ผมขับรถช้า ๆ เพื่อถ่วงเวลา

“เอาตั้งแต่ต้น” ผมพูดขึ้น “มึงไปที่นั่นได้ยังไงโดยไม่บอกกู แล้วไอ้ทวิตด้วย มันโผล่ไปทำอะไรกับมึง”

“กูลากมันไปเองแหละ”

“แล้วมึงไปทำไม”

“กูอยากไป”

“อย่ามากวนตีน” รอบนี้ผมพูดลงเสียงหนัก ๆ อีกฝ่ายขยับตัวอยู่บนเบาะ

“กูอยากแดกเหล้า กูก็เลยไปที่ผับ” มันตอบเสียงกระชาก

“แล้วไอ้ทวิตโผล่ไปได้ยังไง”

“ก็บอกว่ากูลากมันไปเอง”

“แล้วมึงไปเจอรุ่นพี่ได้ยังไง”

“กูเห็นมันนั่งกินเหล้าอยู่” มันตอบเพียงแค่นั้น และผมก็ต้องกระตุ้นให้มันพูด “แล้วกูก็ได้ยินมันพูดถึงมึงแบบเละเทะมาก กูก็เลยไปต่อยมัน แค่นั้นเอง”

“มึงทำอะไรไม่คิดอีกแล้ว” ผมส่ายหน้าให้ไอ้กับตัวปัญหา เท้าของผมเหยียบคันเร่งให้ความเร็วมันเท่ากับปกติที่ผมขับ

“กูทำเพื่อมึงมันผิดเหรอ”

“มันจะไม่ผิด ถ้ามึงไม่ต่อยรุ่นพี่”

“มึงเห็นรุ่นพี่ดีกว่ากู” คราวนี้มันหันหน้ามาฝั่งผมครับ น้ำตาของมันไหลออกมาจากหางตา น้อยครั้งนะที่จะเห็นมันร้องไห้ เพราะชีวิตมันไม่เคยสนใจอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องที่จะทำให้มันร้องไห้ได้ก็เลยมีน้อย แต่นี่มัน...เขาว่ากันว่าน้ำตาของนกฟีนิกซ์ช่วยสมานแผล และรักษา แต่ผมว่า น้ำตาของฟีนิกซ์ตัวนี้มันกรีดลึกจนเจ็บ มันไม่ได้สมานแผล มันไม่ได้รักษา แต่มันทำให้เกิดแผล...แผลใหญ่ซะด้วยสิ

ผมรู้สึกเจ็บจนต้องเหยียบคันเร่งให้เร็วกว่าเก่าเพื่อที่จะถึงบ้านให้เร็วที่สุด

____

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เฮ้ออออ เศร้าจริงจริ๊ง ไบมีเหตุผลนะแต่มากเกินไป
บางทีถือความรู้สึกตัวเองก่อนความเป็นจริงบ้างก็ได้
เดี๋ยวสุดท้ายก็ต้องเจ็บกันหมด แล้วเมื่อไหร่จะได้รักกันล่ะเนี่ยยยย
# มาต่อไวๆนะค้า สนุกมากกกก 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด