Coldness Town....เพราะหัวใจ ไม่เคยลืม [ตอนที่ 52 Coldness Town] จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Coldness Town....เพราะหัวใจ ไม่เคยลืม [ตอนที่ 52 Coldness Town] จบแล้วจ้า  (อ่าน 52571 ครั้ง)

Crossley

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :m16:

วุ่นวาย เละเทะ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 18 Cry

   “ทั้งหมดก็มีแค่นี้แหละ ฉันว่าทั้งหมดกว่าจะสั่งตัดเสร็จก็คงประมาณวันพุธ" วินอธิบาย "คุณเจนเค้าก็บอกว่าให้จัดการเรื่องการขนขอย้ายสตูดิโอให้เรียบร้อยด้วย ระวังช่วงวันนั้นจะวุ่นวายเอามากๆ"
   “เดี๋ยวนะ แล้วเครื่องไฟอ่ะ" เอิร์ธถาม "จะให้ฉันตอบตกลงเจ้านี้เลยหรือเปล่า"
   “ตกลงเลยๆ อย่ารอๆ" วินตอบ "ไม่งั้นเราจะเสียเวลากันหมดเว่ย"
   “ขอบใจมากนะเว่ยที่เขียนตารางงานให้อ่ะ" เอิร์ธว่า "แล้วคุณเจนเค้าว่ายังไงบ้างอ่ะ ที่มึงไปส่งงานเค้าเมื่อวันเสาร์"
   “เค้าก็ถามหามึง" มิกตอบ "เค้าไม่พอใจนะ ที่ไม่เห็นตัวแกอ่ะ"
   “ช่างแม่ง" เอิร์ธว่า "แล้วเราต้องทำอะไรกันต่อ"
   “หานางแบบ" วินตอบทันที "ประกาศหานางแบบเพิ่ม เท่าที่กูลงไปดูของที่นี่นะ มันก็ใช้ได้หมดอ่ะ ยกเว้นของชุดฟินาเล่"
   “ชุดผ้าเลื่อมนั่นอ่ะเหรอ" เอิร์ธถาม
   “อืม" วินตอบ
   “ต้องใช้คนที่ดูดีเอามากๆเลยกูว่า" เอิร์ธว่า "ต้องผู้หญิงที่ผิวขาว แล้วก็สูงหน่อย ใส่บูทแล้วไม่ขัดตา ไม่อย่างนั้นผ้าจะกองอยู่ข้างหลังมากไป"
   “ใช่ และที่นี่ก็ไม่มีน่ะ" วินว่า
   “แล้วแกจะไปหาที่ไหน" เอิร์ธถามต่อ
   “ยังไม่รู้อ่ะ" วินว่า "เดี๋ยวเรื่องนี้กูจัดการเอง มึงไปตามเรื่องไฟเหอะ บ่ายนี้มึงไปที่ซูเม่ตรงถนนฮักโซเลย แล้วได้เรื่องยังไงก็บอกกูด้วย"
   “เจอที่ร้านเกล็ดหิมะใช่มะ ได้ๆ" เอิร์ธถาม
   “ไม่อ่ะ" วินตอบทันที "เจอที่เอ่อ สถานีรถไฟฝั่งเหนือ"
   “ฝั่งเหนือ มึงจะไปไหนวะ" เอิร์ธถาม
   “ไปวิลแลต" วินตอบ "พักนี้กูไปเอ่อ....หา Inspiration แถวนั้น"
   “งั้นเหรอ" เอิร์ธว่า "อืมๆ ก่อรอบกี่โมงอ่ะ"
   “สองทุ่ม กูไม่รอนะเว่ย" วินว่า
   “เออๆ" เอิร์ธรับคำ
   นับเป็นการเตรียมงานที่ค่อนข้างวุ่นวายเอาการสำหรับทั้งคู่ แม้ว่าวินจะยืนพื้นเต็มที่กับเอิร์ธว่ายังไงการทำแฟชั่นโชว์ที่ซูเม่ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวล และแน่นอนว่าการำทงานของทั้งคู่ก็ไม่มีอะไรต้องทะเลาะเบาะแว้งกันอีก ถึงแม้ว่าเอิร์ธจะยังไม่วางใจร้อยเปอร์เซนต์
   ซึ่งแท้จริงแล้วมันกลับกลายเป็นวินเองต่างหากที่แบกรับปัญหาเอาไว้หลายต่อหลายอย่าง เพื่อไม่ให้การเผชิญหน้าระหว่างเอิร์ธกับเจนจิราหนักข้อขึ้น เรื่องบางอย่างวินจะเป็นคนรับมาทำเอาเสียเอง งานที่เพิ่มเป็นสองเท่า ยังไม่หนักหนาเท่าการผิดใจกับไกด์ ตอนนี้เขาจากห้องพักบนถนนทอร์ควิลมาสี่วันแล้ว และไม่มีการติดต่อจากบาริสต้าของร้านเกล็ดหิมะแต่อย่างใด ทั้งๆที่อยู่ห่างจาก Esmod ไปแค่หกบล็อค
   ความจริงข้อนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆอยู่ในอกตลอดเวลา
   หลายต่อหลายครั้งที่เขาอยากจะเดินไปที่ร้าน เพื่อดูสถานการณ์และความเป็นไปของไกด์ แต่ด้วยปริมาณเรื่องที่เขาต้องจัดการในการย้ายข้าวของไปที่ Esmod มันไม่มีเวลานั้นให้เขาเลย ยกเว้นการรอรายงานจากเอิร์ธก่อนสองทุ่มคืนนี้ ในเวลาที่เขาต้องจัดการหานางแบบที่ดูดีเป็นพิเศษสำหรับชุดฟินาเล่
   วินเดินลงมาจาก Esmod จนถึงชั้นล่าง มองไปยังถนนที่ร้านเกล็ดหิมะอยู่ตรงหัวมุมนั้น หายใจเข้าครั้งหนึ่ง
   เสียงเปิดประตูร้านเกล็ดหิมะดังขึ้นเบาๆ วินมองเข้าไปในร้านอย่างระมัดระวังตัว
   “วิน" เสียงเจ๊ใหญ่ดังทักขึ้นมาทันที "ตายแล้ว หายไปไหนมาตั้งอาทิตย์นึงจ้ะ"
   “หวัดดีเจ๊" วินยิ้มตอบหลางมองไปรอบร้าน "ไปเอ่อ......ต่างจังหวัดน่ะครับ มีงานที่ต้องทำ ผมบอกเจ๊ไปแล้วนี่ว่าผมจะขาดงานที่ร้าน"
   “เออใช่....เจ๊ก็ลืมไปเสียสนิทเลย" เจ๊ใหญ่ว่า "แล้วมีเงินใช้หรือเปล่าเนี่ย หายไปหลายวันแบบนี้"
   “ก็พอมีครับ ผมมีเงินเก็บอยู่พอสมควรละ ช่งที่ทำงานแทนก้องเค้าน่ะครับ" วินว่า
   “แล้วรู้เรื่องแล้วหรือยังจ้ะ" เจ๊ใหญ่ถามขึ้น
   “เรื่องอะไรเหรอครับ" วินถาม
   “ตายจริง นี่เราไม่ได้อยู่บ้านก้องเค้าด้วยเหรอที่หายไปเนี่ย" เจ๊ใหญ่ถาม
   “ครับ" วินว่า "ผมไปค้างที่อื่นมาเกือบอาทิตย์แล้วครับ"
   “ก้องเค้าลาออกแล้วนะวิน" เจ๊ใหญ่พูด
   “อะไรนะคับ" วินร้อง
   “ใช่ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าวิน" เจ๊ใหญ่ถามทันที "มันแปลกมาก แปลกเอามากๆ คือ....อยู่ดีดีก้องเค้าก็มาลาออกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เจ๊ตกใจมาก วันเดียวเองหลังจากวันที่เราโทรมาลางานเจ๊น่ะ วันรุ่งขึ้นนะ เจ๊ก็ตามไปดูที่บ้านเลย ปรากฎว่าเป็นผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่แทน แต่ข้าวของก็ยังเหมือนเดิมนะ"
   “สเตลล่า" วินพูดเบาๆ "เค้ามาลาออกไปเฉยๆเลยงั้นเหรอครับ"
   “ใช่ แล้วเค้าก็ฝากนี่ไว้ให้เราด้วย" เจ๊ใหญ่ว่า "ก็ถึงได้ถามไง ว่ามีเงินใช้หรือเปล่า เราน่ะ เพราะก้องเค้าฝากเงินก้อนเอาไว้ให้"
   เจ๊ใหญ่หยิบซองน้ำตาลออกมาจากกระเป๋ายื่นให้กับวิน เขารับมันออกมาเปิดออกดู ก็พบกับเงินหลายหมื่นอยู่ในมือ
   เงินค่าห้องของเค้าเองที่จ่ายก้องไปทุกๆเดือน
   ก้องเงยหน้าขึ้นมองเจ๊ใหญ่อย่างรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกอัดอั้นที่ตีอยู่ข้างในเอามากๆ
   “เสียดายจังเลย" เจ๊ใหญ่พูดขึ้นมา "เจ๊จะไปหาบาริสต้าดีดีอย่างเจ้าก้องได้ที่ไหนอีกนะ เห้อ...เสียดายจริง"
   “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ" วินพูด พลามองไปที่บาร์ของร้าน "ผมทำเอง"
   เจ๊ใหญ่มองมาที่วินทันที
   “ผมทำเองเจ๊" วินว่า พลางมองไปที่บาร์ที่ไม่มีคน
   วินเดินออกจากร้านมาพร้อมกับความรู้สึกเย็นชา แม้ว่าบรรยากาศรอบตัวตอนนี้จะอบอุ่นอยู่มากแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าถนนทอร์ควิลเส้นเดิมกลับไม่เหมือนเดิมอย่างที่คาดคิด ความเปลี่ยนแปลงมาเยือนวินเร็วเอามากๆ ออกจะเร็วเกินไปด้วยซ้ำ เขากลับกลายเป็นคนที่กลืนคำพูดตัวเอง มองเงินที่ถืออยู่ในมือเป็นเครื่องยืนยันอย่างดี เงินก้อนนี้มันทำให้ความทรงจำก่อนวันที่ไกด์จะพาเขาไปสตราส์เบิร์กได้ดี

   “อย่าพูด ถ้ารู้ว่าทำไม่ได้" ไกด์ว่าวินเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มมองหน้าเขากลับ "ฉันไม่ได้จะไล่นาย แต่ฉัน....ฉันอยากให้นายอยู่ต่อ.....”
   “ฉันก็ยังอยู่ไม่ใช่รึไงวะ นายประสาทหรือเปล่า" วินว่า
   “ฉันหมายถึง อยู่กับฉัน ไปเรื่อยๆ" ไกด์ว่า "ฉัน......อยากให้นายอยู่กับฉันไปก่อนได้หรือเปล่า"


   ที่เลวร้ายที่สุดของพาร์ทนั้นก็คือ วินตอบตกลง
   “ให้ตายสิไกด์" วินร้องเสียงดังที่หัวมุมถนนทอร์ควิล "นายเป็นคนแรกที่ทำให้ชั้นรู้สึกผิดได้เหอะ"
   วินสาวเท้าอย่างไวไปที่บ้าน โดยไม่รีรอ ไม่กี่อึดใจต่อมา เขายืนอยู่หน้าห้องเก่าก่อนจะเริ่มเคาะประตู เสียงกุกกักดังอยู่ไม่นาน ประตูก็เปิดออก ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้วินตกใจมากนักเมื่อพบกับใบหน้าของสเตลล่า
   "วิน" เธอเอ่ยเบาๆ
   “ชั้นมีเรื่องจะคุยกับเธอ" วินพูดทันทีโดยไม่รีรอ
   “กับชั้นเหรอ" สเตลล่าถาม "เอ่อ...เข้ามาก่อนสิ"
   เธอหลีกตัวให้วินเดินเข้ามาในห้อง วินมองไปรอบๆพักนึง ข้างของทุกอย่างยังวางอยู่ที่เดิม เขามองไปยังห้องของไกด์แว้บนึง ก่อนจะรีบหันหลังกลับ
   “เคลวิน ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วนะ" สเตลล่าพูด "เค้าไป...”
   “ชั้นรู้แล้ว" วินว่า
   “ยูจะกลับมาอยู่ที่หรือเปล่า" เธอถาม "ชั้นได้ย้ายของออกมาจากห้องของเค้า"
   “ไม่อ่ะ" วินตอบ "คงยังไม่ใช่วันนี้"
   “แล้วมีเรื่องอะไรกับชั้นเหรอ" สเตลล่าถามวิน ชายหนุ่มมองหน้าเธออยู่อย่างนั้น เขารู้สึกตัวเอาตอนนี้เองว่าไม่รู้ว่าจะคุยกับเธอเรื่องอะไร เขาแค่รู้สึกบางอย่างถึงไกด์ขึ้นมา เงินที่อยู่ในมือของเขาทำให้เขารู้สึกผิดต่อสัญญาที่จะอยู่กับไกด์ต่อ มันกลายเป็นว่าเขารู้สึกแย่เรื่องนี้เอามากๆ ชีวิตของเขาที่นี่ มันสร้างประโยชน์อะไรให้กับใครได้ไม่ค่อยเยอะ มันเลยค่อนข้างที่จะสำคัญ ที่เค้าผิดสัญญา
   “ชั้นเอ่อ....ชั้น" วินพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง มันดูงี่เง่ามากต่อหน้าสเตลล่า เขาพยามที่จะควบคุมอารมร์ตัเอง "ชั้นเอ่อ....เธอ....”
   “You miss him” เธอพูดขึ้น ขณะมองหน้าวิน เขานิ่งสนิททันที "I saw it in your eyes”
   “ม...ไม่อ่ะ เธอผิดแล้ว" วินว่าพลางหลบตา "ชั้นแค่มา....ชั้นแค่....”
   มันเริ่มแย่ลงทุกที เขาทำให้ตัวเองดูงี่เง่าเป็นบ้าเลย
   “ชั้นกลับแล้ว" วินว่าพลางเดินไปที่ประตูทันที
   “ให้ตายเถอะวิน I'm sorry” สเตลล่าร้องเสียงดัง วินหันกลับมามองเธอด้วยความตกใจ หญิงสาวบหน้างดงามถูกหมองลงไปด้วยความเศร้า "ชั้น ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะกลับมา ชั้นแค่....”
   วินมองเธออย่างงวย ท่าทางของเธอ กลับไม่ต่างอะไรจากเขาเลย
   “ฉันไม่ได้จะกลับมาเพื่อทำลายเรื่องยูสองคนนะ" สเตลล่าร้อง "ขอร้อง อย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิด"
   วินยืนนิ่งมองหน้าเธอ
   “ฉัน ฉันแค่....” สเตลล่าก้มหน้าลง "ขอร้องเถอะวิน เป็นยูได้ไหมที่จะฟังชั้นบ้าง"
   “ผมว่าผฟังมามากพอแล้วล่ะ" วินว่า "พวกคุณต่างหาก ไม่รู้หรอกว่าผมรู้สึกยังไงน่ะ"
   สเตลล่ามองหน้าวิน
   “แต่ชั้นว่าชั้นรู้" สเตลล่าพูด "เคลวินเป็นแบบนี้เสมอ มันถูกแล้วที่เป็นยู"
   “เธอพูดอะไรของเธอ" วินร้อง "เธอจะมารู้ความรู้สึกของชั้นได้ยังไง"
   “แล้วยูกลับมาทำไม" สเตลล่าว่า "ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเค้าไม่อยู่"
   “ก็....” วินว่าพลางมองไปห้องของไกด์ กลับกลายเป็นว่าห้องนั้นมีพลังงานบางอย่าง บางอย่างที่มันมีพลังมากกว่าเรื่องร้ายใดใดที่เค้าได้ยินมาทั้งหมดเกี่ยวกับเคลวิน เกี่ยวกับไกด์
   วินมองประตูบานนั้นด้วยร่างที่สั่นไหว พลางมองไปรอบๆห้อง
   เขาเห็นตัวเองอยู่ตามมุมต่างๆ.....
   วินส่ายหน้าและพยายามหลับตา
   เขาเห็นตัวเองโวยวายใส่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่พยายามปลุกเขาตื่นจากโซฟาตัวนั้น...
   นัยน์ตาของวินสั่นไหว
   เขาเห็นโต๊ะอาหารที่ผู้ชายคนหนึ่งส่งรอยยิ้มให้ พร้อมกับอาหารที่ส่งกลิ่นหอม....
   วินหลับตาลง
   เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งโอบไหล่เขาที่ระเบียงและบอกให้เขาสู้ต่อ.....
   วินเงยหน้าขึ้นเสยผม ก่อนจะก้มหน้าลง
   เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ขอร้องให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ....

   “....และเป็นชั้นเอง ที่ผิดสัญญา....” วินพูดออกมาเบาๆ ชายหนุ่มเอามือกุมขมับ "ให้ตายสิไอ้วินเอ้ย....มาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย"
   วินนั่งลงกับพื้นตรงนั้นทันที ร่างกายเค้าสั่นสะท้านไปหมด
   “มึงก็รู้อยู่ ว่าแม่งไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว" วินว่า "แล้วมึงจะกลับมาทำไมวะ....เพื่อ"
   สเตลล่ามองหน้าวินอยู่อย่างนั้น เธอเริ่มเข้าใจอะไรางอย่างแล้ว
   “ให้ตายเหอะไกด์ ชั้น.....” วินว่า "นายมีเรื่องเหี้ยอะไรนักหนาวะ ไหนว่านายเป็นแค่คนธรรมดาๆของเมืองนี้ไงวะ”
   สเตลล่าหลบหน้าไปทางอื่น
   “ชั้นเชื่อใจนายไปแล้วนะเว่ย....” วินร้องเสียงดัง "นายเห็นความเชื่อใจชั้นเป็นของเล่นเหรอวะห๊ะ....ชั้นมีเรื่องต้องทำเยอะจะตายห่าอยู่แล้วนะเว่ย นาย....นายเป็นคนเดียวที่ชั้นเหลืออยู่อ่ะ......ถ้าไม่มีนายแล้วชั้น...ชั้นจะเหลือใครอ่ะ"
   วินกัดฟันขณะที่น้ำตาไหลลงมาเบาๆ
   “ไอ้เย็นชาเอ้ย....” วินว่า "ชั้น......ชั้นหยุดคิดถึงนายไม่เลยซักวันอ่ะโอเค้.....ชั้นรู้สึกผิดอ่ะ ยิ่งนายมาทำอะไรๆให้ชั้นแบบนี้ มันยิ่งทำให้รู้สึกแย่อ่ะ"
   วินโยนซองเงินไปยังเท้าของสเตลล่า เธอมองมันอย่างตกใจ
   “นี่ใช่ไหม เหตุผลที่นายบอกว่าชั้นจะแก้ปัญหาเรื่องเงินได้ด้วยตัวเองอ่ะ" วินว่า "นายรู้ใช่ป่ะ ว่าถ้าคืนเงินให้ชั้นแล้ว จะทำให้ชั้นรู้สึกแบบนี้อ่ะ....รู้สึกผิด รู้สึกว่านายยังมีบุญคุณที่ชั้นต้องตอบแทนใช่ป่ะวะ"
   สเตลล่าเก็บเงินของวินขึ้นมา
   “แล้วมึงก็เสือกสัญญากับแม่งไว้ด้วยไอ้วิน" วินร้อง "….เหี้ยเอ้ย"
   วินทุบหัวตัเองครั้งหนึ่งก่อนจะนั่งนิ่ง
   สเตลล่าวางมือลงบนบ่าของวินเบาๆ วินเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาแดงก่ำ เธอยิ้มให้วินน้อยๆ
   “เคลวินเค้ารู้หรือเปล่าอ่ะ" เสตลล่าถามขึ้น วินหัวเราะเบาๆใส่ตัวเอง
   “ช่างเหอะ...ชั้นแค่...”
   “......ว่ายูรักเค้ามากขนาดนี้" สเตลล่าพูดต่อ วินหันหน้ามามองเธอ
   “ไม่ไม่..ชั้นเปล่านะ" วินร้อง "ชั้นไม่ได้....”
   “....ยูเองก็ไม่ยอมรับตัวเองซะด้วยสินะ" สเตลล่าว่า วินมองตาของเธอ
   “เธอไม่รู้จักชั้นซะหน่อย" วินว่าพลางเบินหน้าหนี "อย่ามาตัดสินกัน เพียงแค่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจดิ"
   “แล้วทำไมยูถึงตัดสินฉัน ตัดสินเคลวิน ทั้งๆที่ยูก็ยังไม่เข้าใจอะไรล่ะ" สเตลล่าว่า
   วินหันกลับมามองหน้าเธอ
   “ชั้นเข้าใจยูนะ" สเตลล่าว่า "ความรู้สึกทั้งหมดนั่น ยูคงเป็นคนพิเศษสำหรับเคลวินมาก กับสิ่งพิเศษที่เค้าทำให้คุณทั้งหมด ที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนี้ได้"
   “หึ" วินหัวเราะเบาๆ "นี่ยังไม่ถึงครึ่งของสิ่งที่ชั้นรู้สึกด้วยซ้ำ หมอนั่นทำอะไรไว้อีกเยอะ ที่เธอไม่รู้"
   “ชั้นอาจจะไม่รู้ทั้งหมด แต่ก็พอจะเดาได้" สเตลล่าว่า "แต่...ทำไมความรู้สึกทั้งหมดนี้ ยูถึงไม่บอกเค้าไปล่ะ"
   “ชั้นจะไปบอกหมอนั่นได้ยังไง" วินว่า "ก็......”
   วินเงียบไปพักนึง
   “ก็ยูไม่ได้ฟังเค้าเลย" สเตลล่าว่า "สินะ"
   วินก้มหน้าลงทันที สเตลล่าลุกขึ้นยืน
   “ชั้นว่า ยูเป็นผู้ชายที่น่ารักออก" เธอกล่าว "เคลวินโชคดีที่มียูอยู่ด้วย"
   “อยู่ด้วยที่ไหนล่ะ" วินว่า "ชั้นเพิ่งจะฉีกสัญญาทิ้งไปวันที่เธอมาไง"
   “แต่ชั้นว่า ยูก็คงไม่ได้ฉีกไปซะหมดหรอก ไม่อย่างนั้นยูคงไม่กลับมาที่นี่" เธอกล่าว
   “ชั้นแค่อยากจะ....ขอโท...”
   “อย่าพูดนะ" สเตลล่าร้องทัก "เก็บคำนั้นไปเลย"
   วินมองหน้าเธอ
   “ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดคำนั้นกับชั้น หรือกับห้องนี้" เธอกล่าว "คำพูดโวยวายของยูเมื่อกี้ทั้งหมดด้วย"
   “ชั้นไม่พูดหรอก" วินลุกขึ้น "หมอนั่นยังไม่เห็นขอโทษชั้นซักคำ กับเรื่องทั้งหมดนั่น"
   “เค้าทำอะไรผิดกับยูเหรอ" สเตลล่าถาม
   “ก็...เคลวินของนาย โกหกเรื่องตัวเอง" วินว่า "รู้ไหม ตลอดเวลาที่ชั้นอยู่กับเค้า ชั้นรู้จักเค้าในชื่อก้อง บาริสต้าตัวเล็กๆที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของร้านอาหาร ผู้ชายสู้ชีวิตที่สอนให้ชั้นรู้จักใช้ชีวิต รู้จักบริหารเงิน.... แต่ชั้นเองที่รู้เอง ว่าเค้าไม่ใช่ก้อง เค้าคือนักธุรกิจคนไทยมือหนึ่งในแถบนี้เลยก็ว่าได้ หมอนั่นเอาเงินชั้นไปเก็บทุกเดือนโดยไม่บอกชั้น ไม่บอกเรื่องน้องของเค้า จนกระทั่งถึงวันที่เธอมา เอาความจริงมากมายกลับมานั่นแหละ....ผิดมากพอไหมล่ะหะ"
   สเตลล่าก้มหน้าลง ก่อนจะหลับตาลง
   “ยูควรจะขอบคุณเค้าด้วยซ้ำ" สเตลล่าว่า
   “อะไรนะ" วินร้อง
   “ยูโชคดีมากรู้ไหม" สเตลล่าพูดเสียงสั่น "ที่ยูได้รู้จักเคลวินในแบบนั้น ในแบบของก้อง"
   วินมองหน้าเธอ
   “ไม่อย่างนั้น ยูก็อาจจะโชคร้ายเหมือนชั้น ที่ได้รู้จักกับเคลวินตัวจริง"
   วินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
   “ยูคือคนพิเศษสำหรับเค้าจริงๆสินะวิน" สเตลล่าว่า "ชั้นเข้าใจละ"
….........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2012 12:12:56 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
อ่านรวดเดียวถึงตอนนี้แล้วมันปวดหนึบ ๆ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
หายไปนานแล้วน้าาา

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 19 Thanks

   ข้าวของที่สตูดิโอบน Esmod ถูกเก็บกวาดเรียบในวันพฤหัสต่อมา วินยอมรับว่าทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา เรื่องวุ่นวายพวกนี้ที่เขาต้องตัดการเอง กำลังฆ่าเขาทีละนิด เอิร์ธที่ว่าเก่งกาจตอนนี้ได้แต่ปาดเหงื่อกับปริมาณงานที่ต้องรับผิดชอบ คือถ้าเขาทั้งคู่แค่ย้ายสตูดิโออย่างเดียว ก็คงจะไม่เหนื่อยเท่ากับการ ย้ายสตูดิโอไปเพื่อทำแฟชั่นโชว์ต่อหน้าผู้บริหารซูเม่ อินเตอร์เนชั่นอล เพราะนั่นทำให้พลังงานถูกหารออกเป็นสองเท่า และยิ่งวินดิ้นรนเอาตัวเองไปอยู่วิลแลตด้วย ก็เท่ากับว่าเขาต้องเดินทางหนักกว่าเดิมถึงสามเท่า
   วินนั่งเช็ครายชื่อของทั้งหมดบนสตูที่ว่างเปล่าอีกครั้ง ตอนนี้เหงื่อเต็มใบหน้าชายหนุ่มผู้หล่อเหลา ดวงตาไล่ไปตามเอกสารที่อยู่ในมือ ก่อนจะมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง ประตูสตูดิโอเปิดออก พร้อมกับเอิร์ธที่ยื่นหน้าเข้ามา
   “หมดแล้วช้ะ" เอิร์ธร้องถาม วินหันกลับไปพยักหน้า "แล้วมึงจะเอาไง จะไปพร้อมรถเค้ารอบนี้เลยหรือเปล่า"
   “ยังอ่ะ มึงไปก่อนเลย" วินตอบ "กูต้องไปเข้ากะที่ร้าน ซักประมาณ สี่โมงเย็นอ่ะ กูถึงจะถึงซูเม่ มึงก็จัดการที่นั่นให้เรียบร้อยแล้วกัน"
   “เออ เออรีบมาละกัน มีรันทรูตอนหกโมงเย็นนะ อย่าลืม" เอิร์ธว่า
   “อื้อๆ นางแบบทั้ง 7 คน กูบอกให้เค้าไปเจอที่ซูเม่แล้วตอนห้าโมงเย็น" วินว่า "เดี๋ยวกูก็คงไปถึงที่นั่นได้พอดี"
   วินหันไปมองสตูดิโอเป็นครั้งสุดท้าย อยู่ดีดีเค้าก็รู้สึกใจหายขึ้นมาซะอย่างนั้น ก้มลงมองกระดาษที่อยู่ในมือ จากวันแรกที่เค้ามาที่นี่ เค้าผ่านอะไรที่สตูดิโอนี้มามากเอาการ
   “วิน" เสียงของเอิร์ธดังขึ้นข้างหลัง วินหันไปมอง
   “ยังไม่ไปอีก" วินขมวดคิ้ว
   “พรุ่งนี้แล้วนะเว่ย" เอิร์ธว่า "ทุกอย่างโอเคนะ"
   วินหัวเราะเบาๆ
   “โอเคดิ" วินว่า "มันจะโอเคจนมึงนึกไม่ถึงเลยล่ะ"
   เอิร์ธหายไปจากประตูสตูดิโอ ขณะที่วินลุกขึ้นเดินไปยังหน้าต่าง เขาถอนหายใจครั้งหนึ่ง
   “ลาก่อน Esmod Studio”
   เขากระชากผ้าม่านลงมาปิดทันที
…........
   วินไม่ได้บอกเอิร์ธว่าทำไมเขาถึงมั่นใจกับการทำแฟชั่นโชว์ครั้งนี้นักกับเอิร์ธ เพราะสำหรับวิน ครั้งนี้เป็นการเอาชนะเอิร์ธทั้งหมดที่เขาจะทำได้ เอิร์ธจะต้องได้ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากตัวเขาเท่านั้น และมันก็ประจวบเหมาะพอดี กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมา

   “พี่มิกครับ" วินทักขึ้น ขณะที่กำลังนั่งรถออกจากวิลแลต "ขอบคุณมากนะครับ ที่ให้ที่พักผมตลอดอาทิตย์กว่าๆนี่"
   “ไม่เป็นไร" มิกตอบ "ว่างๆก็มาพักที่บ้านพี่อีกก็ได้ หรือถ้าเกิดมีอะไรเร่งด่วนเมื่อไหร่ ก็โทรมาอีกได้นะ"
   “ครับ" วินตอบ "แต่พี่มิกครับ ผมอาจจะมีเรื่องรบกวนพี่อีกอย่างนึงครับ"
   “อะไรเหรอ" มิกถาม
   “วันศุกร์ที่จะถึงนี้ ผมอยากพบพี่น่ะครับ" วินว่า
   “วันศุกร์เหรอ" มิกว่า "พี่ไม่สะดวกนะวิน พี่มีแฟชั่นโชว์จัดที่ออฟฟิสพี่พอดีเลย"
   วินมองมิกอีกครั้ง
   “เหรอครับ" วินว่า "จัดที่ซูเม่เหรอครับ"
   “ใช่ เป็นงานสำคัญมาก พีไม่ไปไม่ได้" มิกว่า
   “ครับ มันสำคัญมาก" วินพูด "ผมจะไปพบพี่ที่นั่นเอง"
   “เรื่องสำคัญเหรอวิน" มิกถามอีก
   “ผมไม่เข้ารบกวนในงานหรอกครับ" วินว่า "แต่ใช่ครับ มันเป็นเรื่องสำคัญมาก ยังไงผมรบกวนพี่ด้วยนะครับ"
   “อืม ก็ดูเดี๋ยวก่อนละกันนะ"

   วินรู้ซึ้งดี ว่าโอกาสที่มิกจะได้เห็นงานของเขาต้องมีอยู่เต็มเปี่ยม หากมิกจะเป็นคนช่วยการันตีงานนี้ให้เขาต่อหน้าเจนจิราได้ด้วย มันก็คงจะดีไม่น้อย แต่ก็นั่นแหละ เอิร์ธจะได้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมด มันจะไม่ได้เสียประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม้ตายสุดท้ายที่เขาเพิ่งจะตัดสินใจทำลงไป เมื่อวานนี้ ไม้ตายที่เขางัดขึ้นมาเพื่อเอาชนะทุกอย่าง
   เขาเปิดประตูห้องชั้นสามแห่งถนนทอร์ควิลเข้าไป ความเงียบตรงหน้าไม่ได้สร้างสิ่งเซอร์ไพรส์ใดใดกับเขามากนัก  ชายหนุ่มปิดประตู ก่อนจะมุ่งหน้าไปเปิดผ้าม่านที่กำลังทำให้ห้องทั้งห้องดูอุดอู้เกินไป เครื่องครัวของไกด์ ถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ มันไม่ได้ถูกใช้งานมาพักหนึ่งแล้วสินะ วินคิดในใจ ก็คงมีเพียงกานมเท่านั้นที่ยังวางอยู่บนเตา วินวางกระเป๋าของตัวเองลงบนโซฟา ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ห้องนอน ล้วงหยิบเอากุญแจออกมาจากกระเป๋าทันที และไขมันเข้าไป กลิ่นอับชื้นลอยมาแตะจมูกอยู่อย่างเบาบาง  วินมุ่งหน้าไปเปิดผ้าม่านของห้องนอนไกด์อย่างรวดเร็ว พลางโกยเอาผ้านวมออกมาจากห้องและเปิดประตูระเบียงเอามันออกไปพาดแดด
   และแล้ว งานทำความสะอาดห้องทั้งห้อง ก็กลายเป็นของเขาในอีกหลายชั่วโมงถัดมา ใช่แล้ว เขาโกหกกับเอิร์ธ เขาไม่ได้มีกะที่ร้านเกล็ดหิมะ ยังไม่ใช่ตอนนี้  กว่าเขาจะกลับไปชงกาแฟแทนไกด์ได้ ก็ต้องหลังจากวันศุกร์นี้ หลังจากที่งานใหญ่ที่เตรียมทุกอย่างไว้จะผ่านไปด้วยดี หลับตาลงครั้งหนึ่ง เพราะวินกำลังรับรู้ถึงพายุหิมะลกใหญ่ที่กำลังจะถาโถมเข้ามา
   นั่งลงบนโซฟาเมื่อบ่ายแก่ๆมาเยือน ห้องดูสะอาดตาเพิ่มขึ้นเป็นกอง แต่มันก็ดูอ้างว้างอย่างปะหลาด เขาไม่คิดว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ได้รวดเร็วเท่านี้ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร เขารู้สึกรักที่นี่ขึ้นมาอย่างประหลาด ห้องพื้นที่ยี่สิบตารางเมตรนี้ เป็นสถานที่พักพิงเดียวที่เขาจะมีในเมืองนี้ แม้ว่ามันจะเป็นการยาก ที่เขาจะไม่อดคิดถึงเจ้าของห้องนี้ คำตอบที่เขาให้สเตลล่าไปก็คือ เขาจะขอดูแลห้องนี้ต่อไป พร้อมๆกับข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง ซึ่งสำหรับวินแล้ว ข้อแลกเปลี่ยนที่เขาให้เธอกลับ ก็ทำให้เธอตื่นเต้นเอามากๆ
   วินเดินเอาผ้านวมที่ตากแดดมาพักหนึ่งเข้าไปในห้องนอนของไกด์อีกครั้ง หลังจากที่กวาดและถูกมันอย่างสะอาดเอี่ยม เขามองไปที่เตียงที่ผ้าปูที่นอนถูกจัดวางเอาไว้อย่างดีแล้ววางผ้าห่มลงบนเตียงอย่างเรียบง่าย ก่อนจะคลี่มันเข้าสู่ที่เดิม กลิ่นของไอแดดอันเบาบางของผ้านวม บวกกับกลิ่นอายของไกด์ที่ยังอบอวลอยู่ในนี้ อยู่ดีดีก็ทำให้ร่างกายของวินสั่นไหวขึ้นมาช้าๆซะอย่างนั้น วินมองดูเตียงของไกด์อย่างเหนื่อยอ่อน หลายวันแห่งความรู้สึกผิด มันเริ่มกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง เขาจะต้องเก็บทุกคำพูดเอาไว้ในใจ รอวันให้ไกด์กลับมาที่นี่อีกครั้ง
   เนิ่นนานเสียจนไม่รู้ตัวที่วินเผลอหลับไปบนเตียงของไกด์ ก่อนที่เสียงใสใสจะปลุกเขา
   “วิน วิน" สเตลล่าเขย่าตัวเขาเบาๆ "วิน เวคอัพ เห้"
   วินลืมตาขึ้นช้า ใบหน้าอันงดงามของสเตลล่าอยู่ตรงหน้า ผมที่ดัดเป็นลอนของเธอดูเตรียมพร้อมแล้ว
   “มาแล้วเหรอ" วินพูดเสียงสั่น พลางหยีตาไปดูนาฬิกา เขาหลับไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว
   “โอเคมั้ย" เธอพูด
   “โอเคแล้ว ทรงนี้แหละ แต่งหน้าประมาณนี้ก็โอเคแล้วล่ะ" วินว่า
   “ไม่ใช่เรื่องนั้น ชั้นหมายความว่ายูน่ะโอเคไหม" สเตลล่าถาม
   “โอเคสิ ชั้นโอเคอยู่แล้วล่ะ" วินว่าพลางปาดตาเบาๆ "ทำผมเสร็จไวจัง"
   “ร้านรู้จักกันน่ะ เค้าเข้าใจสิ่งที่ยูบรีฟไป ก็เลยง่าย" สเตลล่ากล่าว
   “ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่อ่ะ ชั้นจะได้จ่ายคืนให้" วินว่า
   “ไม่ต้องหรอก" สเตลล่าว่า "ชั้นขอร่วมโปรเจ็คนี้ก็แล้วกัน ไม่ต้องจ่ายหรอก"
   “งั้นก็ตามใจ" วินว่าพลางลุกขึ้นออกจากห้องของไกด์ไปด้านนอกทันที สเตลล่าเดินตามออกมา "เดี๋ยวออกเดินทางกันได้แล้วล่ะ ขึ้นแท็กซี่ไปก็น่าจะทัน"
   วินพูดพลางดูนาฬิกา พร้อมกับเทกานมใส่แก้วแล้วดื่ม
   “ไอ.....ไอหาเค้าไม่เจอ" สเตลล่าบอกกับวิน "พยายามจะตามหาทุกที่ในปารีสแล้ว แต่...ไม่เจอจริงๆ"
   “งั้นเหรอ" วินรับคำเบาๆ "ไม่เป็นไรหรอก ชั้นอยู่คนเดียวได้ เธอไม่ต้องเป็นห่วงชั้นหรอกสเตลล์"
   “แต่ชั้นอยากจะให้ยูได้เจอเค้า" เสตลล่าว่า "ชั้นอยากให้เธอสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันอีก"
   วินหันมาหาเธอ พลางยกนมขึ้นดื่ม
   “เพื่ออะไร" วินถาม
   “เขาดีขึ้นเมื่อได้เจอยู" สเตลล่าบอก "จริงๆนะ ชั้นรู้ว่ายูต้องมีอะไรพิเศษเค้าถึงได้จริงจังขนาดนี้ มันต่างกันมาก กับเคลวินที่ชั้นเคยรู้จัก"
   “หึ" วินหัวเราะในคอเบาๆ" วินว่า "เขาเองต่างหากที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปน่ะ คุณไม่เคยเห็นผมตอนก่อนหน้าที่จะเจอเค้า"
   “เพราะอย่างนี้เองน่ะเหรอ ยูถึงกลับมา" สเตลล่าถาม
   วินมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง
   “คือ...ถึงมันจะต้องทะเลาะจนจะต้องจากกันไปจริงๆหรืออยู่ด้วยกันไม่ได้" วินว่า "ชั้นก็ไม่อยากให้ชั้นกับเค้ามีภาพการจากลาแบบวันนั้น....ชั้นเองก็โกรธมากจนไม่ได้ฟังเค้าเลย"
   “ดีแล้วล่ะ" สเตลล่าว่า "เค้าต้องกลับมา ชั้นมั่นใจ"
   “ทำไมเธอถึงเป็นแฟนกับเค้าล่ะ" วินถามบ้าง "ทำไมวันนั้น เธอพูดแบบนั้น"
   สเตลล่าหลบสายตาเล้กน้อย
   “เราเคยเป็นแฟนกัน" สเตลล่าว่า "ชั้น.....ชั้นเคยรักเค้า"
   “รักเหรอ" วินถาม "ทั้งๆที่เธอก็บอกว่าเคลวินเป็นคนที่....ร้ายกาจ....นักหนาน่ะนะ"
   “บางครั้งผู้หญิงก็ชอบคนเลวมั้ง" เสตลล่าว่า "แต่มันผิดมาก มันคือเหตุการณ์ที่ชั้นไม่มีวันลืมเลย"
   “ผมอยากรู้" วินว่า "คุณเล่าให้ผมฟังได้หรือเปล่า"
   “ยูได้รู้แน่" สเตลล่าว่า "ถ้าเคลวินกลับมาแล้วคุณได้พูดคุยกัน ชั้นเชื่อว่าหลังจากนั้น ยูอาจจะไม่อยากคุยกับชั้นอีกเลยก็ได้"
   “เค้าจะกลับมาจริงๆเหรอ" วินถาม
   “มาแน่" สเตลล่าว่า "แต่ตอนนี้ เราไปกันก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทัน"
   สเตลล่าเดินนำไปยังประตูห้อง วินเดินไปหยิบข้าวของก่อนจะหันมาหาเธออีกครั้ง
   “ขอบคุณมากนะสเตลล์" วินว่า "ที่ยอมตกลงเป็นนางแบบฟินาเล่ให้"
   “ชั้นขอบคุณยูเหมือนกัน" เสตลล่าว่า "ที่กลับมาอยู่ที่นี่แทนชั้นซะที....”
   วินไม่เคยเห็นใบหน้าที่สวยและเศร้าหมองแบบสเตลล่าท่ไหนมาก่อนเลย หรือว่าเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหลังทั้งเคลวินและสเตลล่า จะเลวร้ายเกินกว่าเค้าจะคาดคิดนะ
…......

Tuna Omega

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งอ่าน Loveless จบกำลังจะต่อเรื่องนี้พดีเลย เย่ๆๆๆ
 :pig4:

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
เพิ่งอ่าน Loveless จบกำลังจะต่อเรื่องนี้พดีเลย เย่ๆๆๆ
 :pig4:

สวัสดีแฟนจาก Loveless Society อีกคนค่ะ

ยินดีต้อนรับสู่นิยายของมิรันดานะคะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
เหนื่อย เพลีย หมดแรง

ความหวังคือสิ่งสุดท้าย เลี้ยงจิตใจที่มันอ่อน ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครกลับมา แต่ว่า ฉันรอ*


 :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
โอ๊ยง่วงแปะไว้ก่อน

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ค้างงงงง!!!

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เหนี่อยทั้งใจทั้งกายแทนวินจริงเลย
เอาน่ะ หลังความมืดครึ้มผ่านไป ความสดใสต้องกลับมาน่ะวิน

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เหนื่อยใจแทนวินล่ะ TT

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 20 Surprised

   บรรยากาศตึงเครียดถึงขั้นวิกฤต ทำเอาเอิร์ธแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ ขณะที่วินเอง ก็ได้แต่ชะเง้อมองไปด้านนอกโชว์รูมอย่างตื่นตระหนก ทั้งคู่อยู่ในชุดที่ดูดีที่สุดเท่าที่อยู่ในปารีสจะเคยแต่งมา วินตื่นตั้งแต่เช้ามาที่โชว์รูมของซูเม่ เพื่อตรวจตราทุกอย่างให้เรียบร้อย แม้ว่าเขาจะยืนยันอย่างเต็มที่ว่าการรันทรูเมื่อวาน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เขากับเอิร์ธเคยทำร่วมกันมาก็ตาม แต่เขาก็อดเป็นกังวลไม่ได้ เขามาเพื่อตรวจซ่อมชุดที่อาจจะเสียหายเอา
   แฟชั่นโชว์ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันนี้ จะเป็นแฟชั่นในคอลเลคชั่นที่ได้รับแรงบันดลใจมากจากผลงานแฟชั่นธีม Winter ของซูเม่อินเตอร์เนชั่นนอล มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยมีเจรจิรา สไตลิสชื่อดัง เป็นโปรดิวเซอร์ ในขณะที่วินและเอิร์ธจะเป็นสองดีไซน์เนอร์และอาร์ทไดเรคเตอร์ที่ดูแลงานนี้ งานที่โปสเตอร์ในซูเม่ติดประกาศมาร่วมอาทิตย์ว่า เป็นผลงานที่ใช้เวลาทำงานมายาวนานร่วมสี่เดือน และแน่นอนว่าเหล่าผู้บริหารและผู้คนในแวดวงแฟชั่นที่เจนจิรา คงใช้เส้นสายเชิญมาอย่างล้นหลามแน่นอน และยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่วินได้ทิ้งทวนเอาไว้ มันจะกลับมาแสดงผลในวันนี้ในทุกๆทาง
   ในช่วงสายๆ มีบรรดาผู้บริหารจากซูเม้เดินทางมาถึงบริษัท เขาและเอิร์ธจึงเริ่มต้นการออกจากหลังเวทีไปพบปะผู้คนในวงการทันที ผู้บริหารซูเม่อินเตอร์เนชั่นนอลก็คือคุณสุเมธ ดีไซน์เนอร์ไทยชื่อดัง ที่สามรถผลักดันผลงานของตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกได้เมื่อปีที่แล้ว ธุรกิจที่ก้าวกระโดดของคุณสุเมธคนนี้ ส่งผลให้การโยกย้ายดีไซน์เนอร์ฝีมือร้ายกาจหลายคนจากเมืองไทย กระจายออกไปสู่ตลาดโลกอย่างรวดเร็วและมหาศาล
   คุณสุเมธปรากฎตัวในชุดสูทสีม่วงมีสไตล์ โดยมีเจนจิราเดินควงแขนเข้าในโว์รูมอย่างสง่างาม เขาและเอิร์ธจึงเดินออกไปต้อนรับทันที
   “สวัสดีครับคุณสุเมธ" เอิร์ธและวินกล่าวทักทาย
   “โหน้อง ไม่ต้องคุณเคินอะไรหรอก เรียกพี่ดีกว่า" พี่สุเมธกล่าว "นี่ใช่ไหมน้องใหม่สองคนที่เจนเล่าให้ฟัง"
   “ใช่ค่ะ สองคนนี้แหละค่ะ ที่เป็นเจ้าของคอลเลคชั่นที่เจนส่งให้ดู" เธอกล่าวเสียงใส
   “ตาถึงมากๆเลยนะนายสองคน" พี่สุเมธกล่าว "งานที่เค้าเลือกมาทุกงานน่ะ เป็นชิ้นโบว์แดงไม้ตายที่ผมปล่อยเป็น Limited Collection ทั้งนั้นเลยนะเจน"
   “เจนทราบค่ะพี่เมธ" เจนจิรากล่าว
   “แล้วทุกอย่างโอเคมั้ย มีอะไรขาดเหลือหรือเปล่า" พี่สุเมธว่า
   “ไม่มีครับ" วินตอบ "อีกไม่นานโชว์ก็จะเริ่มแล้วครับ"
   พี่สุเมธมองไปรอบๆงาน
   “เป็นแฟชั่นโชว์เล็กๆ แต่คอนเซปท์แข็งแรงมาก" สุเมธว่า "เธอสองคนนี่ชักจะประมาทไม่ได้แล้วนะ ฮ่าฮ่า"
   “ไปนั่งด้านโน้นดีกว่าพี่เมธ" เจนจิรากล่าวพลางหันมาหาทั้งคู่
   “เมื่อไหร่จะเริ่มล่ะ" เจนกล่าว วินและเอิร์ธมองหน้ากันครั้งหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ
   “ก็งั้นเดี๋ยวเริ่มได้....”
   “ยังครับ" วินพูดแทรกเอิร์ธขึ้นมา "ผมมีแขกคนหนึ่งเชิญมาด้วย"
   “แขกเหรอ" เจนร้องเสียงสูง "ชั้นไม่นึกว่าพวกเธอสองคนจะมีเวลาเชิญแขกซะอีก"
   “ผมมีครับ" วินว่า พลางชะเง้อมองไปทางประตู และแล้วสิ่งที่เขารอคอยก็มาถึง
   เสียงผู้คนเอะอะโวยวายดังขึ้นทางเข้าโชว์รูมของซูเม่ เมื่อชายวัยกลางคนเดินเข้ามาภายในโชว์รูมพร้อมกับผู้ติดตามสองสามคน ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทดูภูมิฐาน รับกับรูปร่างที่สูงใหญ่และดูดีอยู่เสมอ ชายวัยกลางคนผู้มีอำนาจมากพอในการกำหนดความเป็นไปได้ในซูเม่อินเตอร์เนชั่นนอลทั้งหมด ก็เพราะว่าชายคนนี้ คือคนที่ตกลงที่จะร่วมลงทุนกับซูเม่อินเตอร์เนชั่นนอล และชายคนนี้เองที่ทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก และก็เป็นชายคนนี้อีกเช่นกัน ที่ทำให้ชีวิตของวินเปลี่ยนไปไม่มีวันเหมือนเดิม
   คุณวรพัฒน์ โสภณนภา ผู้บริหารระดับสูงของคอสโม่ คอนเทอลิโอนี่สาขาประเทศไทย หรืออีกตำแหน่งก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของซูเม่อินเตอร์เนชั่นนอล
   หรือ.....พ่อของเขาเอง
   “ให้ตายสิ" เจนกล่าวเบาๆ พลางมองมาวินและเอิร์ธ ขณะที่พี่สุเมธรุดออกจากเก้าอี้ไปไปกล่าวทักทายแทบไม่ทัน
   “เธอน่าจะบอกชั้นซักนิด" เจนว่าพลางยิ้มให้วินเผื่อนๆ "จะเซอร์ไพรส์กันงั้นเหรอ"
   “ก็น่าจะพอๆกับที่คุณจะมีแฟชั่นโชว์ต่อจากผมวันพรุ่งนี้มั้งครับ" วินตอบกลับ "เซอร์ไพร์สน่ะ"
   เจนจิรามองหน้าวินอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะเดินไปร่วมวงทักทายทันที วินยืนมองพ่อของเขากล่าวทักทายกับพี่สุดเมธและเจนจิราอยู่ตรงนั้น ก่อนจะที่เอิร์ธจะเดินมายืนข้างๆเขา
   “นั่นพ่อมึง" เอิร์ธพูดเสียงสั่น
   “กูรู้ว่าใครเป็นพ่อกู ขอบใจ" วินว่าพลางมองพ่อของเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว
   “เนี่ยอ่ะเหรอ ที่มึงบอกว่ากูจะไม่มีทางแพ้น่ะ" เอิร์ธว่า "ไหนว่ามึงจะไม่ขอความช่วยเหลือจากเค้าอีกแล้วไงล่ะ"
   “กูไม่ได้ขอ" วินว่า "มึงต่างหากที่ต้องใช้"
   วินหันมาหาเอิร์ธทันที
   “กูสัญญากับมึงแล้วไง ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กูจะไม่ยอมให้มึงพังไปกับกูน่ะ" วินว่า "กูรู้ ว่ามันไม่มีทางพัง ต่อให้เจนจิรามีแฟชั่นโชว์ต่อจากเราวันนี้ มันก็ไม่มีทางพังหรอก"
   วินลากตัวเอิร์ธไปจากตรงนั้น เพื่อไปยังด้านหลังทันที เขายังไม่อยากพบพ่อของเค้าตอนนี้ มันยังไม่ถึงจุดพีคมากพอ
   “มึงกล้ามากนะ" เอิร์ธว่า "เล่นเส้นอีกตามเคยนะมึง"
   วินหันกลับมาประจันหน้ากับเอิร์ธทันที
   “อย่ามาทำตัวเป็นฮีโร่ตอนนี้ไอ้เอิร์ธ วงการนี้ไม่ได้ใสสะอาดอย่างที่มึงคิด" วินว่า "นั่นแหละสาเหตุ ว่าทำไมกูถึงทะเลาะกับเค้าแล้วมาโผล่ที่นี่"
   “มึงว่าอะไรนะ" เอิร์ธร้อง
   “มึงอยากรู้ไม่ใช่รึไง ว่ากูมีเรื่องอะไรกับเค้า ถึงมาโผล่ที่นี่" วินว่า "เพราะเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่คอสโม่คอนเทลีโอนี่ ตกลงที่จะร่วมทุนกับซูเม่อินเตอร์เนชั่นอล กูเป็นหนึ่งใน 20 ดีไซน์เนอร์ที่จะส่งออกไปประจำสาขาทั่วยุโรปและอเมริกา"
   “อะไรกัน มึงเนี่ยนะ" เอิร์ธว่า "จะเป็นมึงได้ยังไง ในเมื่อมึงเพิ่งจะเรียนจบมาได้ไม่ถึง...."
   “ใช่....มันเป็นไปไม่ได้ กูยังเรียนจบไม่ถึงปีด้วยซ้ำ" วินว่า "ก็เส้นไง แบบที่มึงเกลียดนักหนานั่นแหละ"
   “แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องวันนี้ยังไงเนี่ย" เอิร์ธว่า
   “กูถึงบอกมึงไง มึงไม่ได้รู้จักกูดีพอ" วินว่า "กูก็ไม่ได้มีความสุข ที่อยากจะมีชีวิตอยู่เหนือคนอื่นนะไอ้เอิร์ธ กูก็อยากมีชีวิตของกู ชีวิตที่ไม่ต้องอยู่ในการบงการของเค้า กูไม่ได้ต้องการเป็นที่ส่วนหนึ่งของเค้า หรือเป็นส่วนหนึ่งของวงการนี้"
   “กูไม่เข้าใจว่ะ" เอิร์ธว่า "มึงไม่ต้องการ แล้ว...ยังไง...”
   “แต่มึงต้องการไง" วินว่า "กูถึงส่งอีเมล์หาเค้า ให้เค้ามาวันนี้ มึงไม่ได้ต้องการแค่เรียนจบคอร์สนี้ มึงต้องการมากกว่านั้น และกูก็สามารถทำให้เค้าสนับสนุนเราได้ มึงก็จะได้ขึ้นไป อย่างที่มึงต้องการ....ทุกอย่างอยู่ที่วันนี้เท่านั้น"
   “ขอโทษนะนายสองคน” เสียงของสเตลล่าดังขึ้น วอนและเอิร์ธหันไปมองเธอ ที่ตอนนี้อยู่ในชุดฟินาเล่อันงดงาม รายล้อมด้วยนางแบบอีกสิบคน "ชั้นว่าได้เวลาแล้วนะ"
   “โอเค ขอบใจมากสเตลล์" วินว่า "เตรียมตัวเลย เดี๋ยวนี้ละ"
   วินหันมามองหน้าเอิร์ธ
   “มึงจะต้องไม่พัง" วินว่า "เริ่มกันเลย"
…..........
   การแสดงที่ราบรื่นและสามารถสะกดสายตาของเหล่าดีไซน์เนอร์และช่างภาพร่วมสิบคนในโชว์รูมได้ เหล่านางแบบเดินอวดผลงานในธีม Coldness Town บรรยากาศอันหนาวเย็นชวนเหงา ผ่านสีผ้าพลิ้วไหวสีขาวเทาตัดสลับกับสีส้ม ชุดทั้ง 10 ผสานความงดงามและฟังค์ชั่นของชุดฤดูหนาว ที่สามารถต่อยอดไปถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิได้อย่างลงตัว เสียงดนตรีและซาวด์เอฟเฟคบวกกับวิช่วลที่เอิร์ธเป็นผู้คัดสรร ชูเด่นให้การแสดงชุดเป็นไปอย่างสง่างาม
   และเมื่อถึงชุดสุดท้ายเสตลล่า เดินอวดผ้าที่พลิ้วไหวสุดตระการตา วันนี้เธอดูสวยมาก รูปร่างของเธอราวกับถูกจับมาให้เข้ากับชุดที่วินตัดไว้อย่างประหลาด ชุดฟินาเล่ เขาใช้แรงบันดาลใจมาจากเมืองสตาร์เบิร์กทั้งหมด มันเลยยิ่งทำให้เขารู้สึกตกตะลึง เมื่อสเตลล่าเข้ากับมันเอามากๆ
   การแสดงมาถึงช่วงสุดท้าย นางแบบทั้ง 10 เดินวนออกมาอวดชุดอีกครั้ง ก่อนที่วินและเอิร์ธจะเดินควงแขนสเตลล่าออกมาพร้อมช่อดอกไม้ เสียงปรบมือดังขึ้นทันทีเมื่อทั้งคู่เดินมาหยุดยังหน้าเวที วินสบตากับพ่อของเขา ที่มองขึ้นด้วยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความคิดอยู่ภายใต้ดวงตาที่คุ้นเคย ขณะที่เจนจิรายิ้มให้กับวินและเอิร์ธอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นรอยยิ้มที่เขาคิดว่า น่ากลัวเอามากๆ
   เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทันทีเมื่อดนตรีจบลง นางแบบทั้ง10 ทยอยเข้าไปข้างใน ขณะที่พี่สุเมธลุกขึ้นยืนทันที
   “เป็นยังไงครับพี่พัฒน์ งานทดลองของผม" พี่เมธกล่าว "โปรเจ็คนี่เด็กๆใช้เวลาทำงานร่วมกันหลายเดือนมากครับพี่"
   “สุดยอดไปเลยเมธ" พัฒน์กล่าว แม้ว่าสายตาจะยังจับจ้องมายังเอิร์ธ "แล้วยังไงกันเนี่ย ได้ข่าวว่าเจนเป็นที่ปรึกษาด้วยเหรอ"
   “ใช่ค่ะ" เจนยิ้มเฝื่อนๆ "ทั้งสองคน อยู่ในความดูแลโปรเจคของเจนเองค่ะพี่พัฒน์"
   “อ้อ"
   วินคิดในใจทันทีว่ามันเป็นเรื่องโกหก เจนเคยบอกเขาแล้วว่าพ่อของเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด    “แล้วอีกคนหนึ่งล่ะ ชื่ออะไร" พัฒน์กล่าวเสียงเย็นๆ "ชั้นว่า ชั้นคุ้นหน้าเรานะ"
   “เอ่อ...ผมเอิร์ธครับ" เอิร์ธว่า "นฤเดชน่ะครับ พ่อเคยเห็นผมครับ ผมเป็นเพื่อนวินไงครับ เมื่อตอนมัธยม"
   “อ้อ.....ให้ตายสิ" พัฒน์ร้องเสียงสูง "ดูสิเมธ คนกันเองทั้งนั้น พี่บอกแล้ว ว่าพี่มีมือดีอยู่ใกล้ตัว ฮ่าฮ่าฮ่า"
   “งั้นยังไงผมเชิญพี่พัฒน์เดินดูงานรอบๆดีกว่าครับ จะได้คุยกันไปด้วย" พี่สุเมธกล่าว "เชิญทางนี้เลยพี่"
   “อ่าๆ ได้ๆ งั้นก็ไปด้วยกันเลยสิเจ้าวิน เจ้าเอิร์ธ รออะไรอยู่ล่ะ" พัฒน์พูด
   วินรู้สึกเกลียดน้ำเสียงแบบนี้จับใจ
   “เดี๋ยวผมต้องอยู่จัดการอะไรตรงนี้ให้เรียบร้อยน่ะครับ" วินพูดขึ้น "ให้เอิร์ธไปกับพ่อคนเดียวดีกว่า"
    พัฒน์หรี่ตามองลูกชายทันที
   “มันเป็น...เรื่องที่ต้องจัดการน่ะครับ" วินตอบ "มีอะไรก็บอกกับเอิร์ธไว้ได้เหมือนกันครับ"
   พัฒน์ทำสีหน้าเฝื่อนๆก่อนจะฉีกยิ้ม
   “เอ้อ....ลืมไปว่าไอ้ลูกชายพี่มันชอบทำอะไรให้เป็นเรื่องยากน่ะเมธ ฮ่าฮ่าฮ่า" พัฒน์หัวเราะ วินกำหมัดเบาๆ "แกมากับชั้นนั่นแหละ.....จะได้ไม่เสียเวลาเจ้าวิน”
   วินหลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินตามพ่อ พี่เมธและเจนจิราไปอย่างเสียไม่ได้ เมื่อเขาลงจากแคทวอร์ค พี่เมธก็เดินเข้ามาลากตัวเอิร์ธไปพูดคุยทันที พร้อมกับที่พ่อของเขาพยายามเดินให้ช้าลงเพื่อรอเขา
   “อย่าทำใหชั้นขายหน้านักได้มั้ย" พัฒน์กล่าวเสียงกัดฟันลูกชาย "แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะไอ้ตัวดี"
   “ดีพ่อ" วินว่าพลางหันมามองหน้าพ่อ "อยู่ที่นี่ผมสบายดี สบายเอามากๆเลย"
   วินจงใจพูดเสียงดัง ทำเอาทั้งหมดหันมามองเขากับพ่อทันที
   พัฒน์มองไปรอบๆก่อนจะแก้เก้อ
   “เอ้อ...ดีแล้วล่ะไอ้ลูกชายตัวดี" พัฒน์โอบไหล่ลูกชายทันที พลางออกเดิน "งานแกนี่มันก็ใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า เมธว่ายังไงล่ะหึ"
   “ครับ มันแค่งานทดลองในโปรเจ็คใหญ่ของผมน่ะพี่พัฒน์ วันพรุ่งนี้ ก็จะมีอีกชุดนึงของเจนจิราด้วยครับ" พี่เมธกล่าว
   “อ่องั้นเหรอ" พัฒน์หันมาหาเจนจิรา "แล้วของคุณเจนนี่ มันต่างจากงานของลูกผมยังไงเหรอครับ"
   เจนจิราหายใจเข้าหนึ่งครั้ง ก่อนจะหันมามองวิน
   “ก็...เอ่อ....ไม่ต่างกันมากหรอกค่ะ" เจนจิราว่า "คือมันเป็นแฟชั่นงานทดลองประจำปีที่เจนต้องทำให้พี่เมธอยู่แล้วน่ะค่ะ"
   “อ้อ...” พัฒน์ว่า "แต่ว่ายังไงเมธก็อย่าลืมพิจารณางานเจ้าวินลูกพี่ไว้ด้วยละกันล่ะ เผื่อคอลเลคชั่นหน้าของมัน จะได้มีอะไรโชว์กะเค้าบ้างน่ะ ฮ่าฮ่า"
   “โห ฝีมือดีขนาดนี้ ผมมีงานให้ทั้งลูกพี่ แล้วก็เอิร์ธอยู่แล้วล่ะครับ" พี่เมธว่า "เอาไว้เดี๋ยวผมสรุปโปรเจคได้เมื่อไหร่ ผมจะส่งให้พี่ดูทันทีเลยละกัน"
   ทั้งวินและเอิร์ธตกอยู่ในสภาพเครื่องจักรฝืนยิ้มและพยักหน้าอยู่ตลอดหนึ่งชั่วโมงต่อมาในโชว์รูม เอิร์ธทำท่าตกประหม่าทันที เมื่อตัวเขาถูกเอ่ยถึงมากขึ้นกว่าเดิมเป็นครั้งแรก ตลอดหลายวันที่เขามาที่ซูเม่ ขณะที่วินเองกลับเบื่อเหตุการณ์แบบนี้ มันไม่ได้ต่างไปจากที่เมืองไทยมากนัก เขาเหมือนหุ่นอะไรซักอย่าง ที่พ่อพยายามเร่ขาย มันดูทุเรศมากสำหรับเขา โชคดีที่มีเอิร์ธเป็นคนกันท่าไว้อีกคน และงานที่เกิดขึ้นวันนี้ มันก็ค่อนข้างที่จะสมบูรณ์แบบ พี่เมธดูท่าทางจะพอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คำพูดเรื่อยเปื่อยของพ่อเขา จึงไม่ได้ทำให้อะไรดูเวอร์เกินไปมากนัก
   “งั้นเดี๋ยวผมรบกวนพี่พัฒน์ขึ้นไปคุยธุระกันต่อบนห้องทำงานผมดีกว่า" พี่เมธกล่าวขึ้น "เดี๋ยวทางนี้พี่ฝากเจนบรีฟงานต่อเด็กๆไว้ด้วยละกันนะ"
   “ได้ค่ะพี่" เจนจิราว่า
   “เอางั้นเหรอ ก็ดีเหมือนกัน ไหนๆพี่ก็มาแล้ว จะได้คุยเรื่องที่ค้างไว้ด้วยนะเมธนะ" พัฒน์ว่าพลางหันมาหาลูกชาย "เดี๋ยวแกรอชั้นด้วยล่ะ เย็นนี้อยู่ทานข้าวกับชั้นก่อนนะวิน"
   “ครับ" วินรับคำสั้นๆ ก่อนจะมองพ่อของตัวเองเดินจากไป มันก็เหมือนกับความอึดอัดถูกยกออกไปจากอกทันที
   “นี่ใช่มะ ที่ทำให้เธอดูมั่นใจกับโปรเจ็คนี้เอามากๆ" เจนจิราว่า พลางมองไปมาระหว่างวินกับเอิร์ธ "เธอต้องการอะไรจากวันนี้เหรอคุณวิน"
   “ผมมีเรื่องที่ต้องทำ" วินว่า "คุณเองก็รู้ว่า เขาเป็นยังไง ผมไม่ได้ทำเพื่อต้องการให้ได้อะไร แต่มันก็ควรจะเป็นอย่างนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ"
   “แต่คุณไม่คิดเหรอ ว่าอะไรที่ได้มาเร็วไป มันก็ไปเร็วได้" เจนจิราว่า "งานของคุณ ยังไม่ควรต้องถึงสายตาของผู้บริหารนะ"
   “อาจจะใช่ก็ได้" วินว่า "แต่ท่านเป็นแค่คุณพ่อของผมเท่านั้น ท่านแค่มาเยี่ยมผม แล้วก็ดูงานที่ท่านส่งผมมา ให้ทำร่วมกับคุณไง คุณก็บอกผมเองนี่"
   “คุณมีอะไรอยู่เบื้องหลังกันแน่" เจนจิราว่า
   “ผมเองแหละ" เอิร์ธพูดแทรกขึ้นมา เจนหันไปมองเอิร์ธทันที วินเลิกคิ้วเล้กน้อย "ผมขอให้วินพาพ่อเค้ามา ผมไม่ต้องการให้พี่เป็นคนเดียวที่ตัดสินงานของผม"
   “อะไรนะ" เจนจิราร้อง
   “พี่รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าผมต้องการอะไรน่ะ" เอิร์ธว่า "พี่ก็รู้ดีอ่ะ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่ผมได้จากพี่มันมีแต่อุปสรรคพี่เจน และผมก็ไม่อยากทนแล้ว วินมันมีทางเลือกที่ดีกว่าให้ และผมก็เต็มใจยอมรับมัน"
   “ทางเลือกแบบนี้น่ะเหรอ" เจนพูดเสียงขยะแขยง แสดงให้เห็นความจริงที่ว่า เธอไม่ปลื้มใจกับการมาของวรพัฒน์
   “ใช่....มันก็แฟร์ดีอยู่แล้วนี่" เอิร์ธว่า "ถ้าผมกับวินไม่ใช้วิธีนี้ พี่เมธก็ไม่มีทางเลือกงานของเรา พรุ่งนี้พี่ก็จะมีแฟชั่นโชว์ของพี่ แล้วของพวกผมวันนี้ก็จะกลายเป็นงานโชว์ห่วยที่หายไป ผมอยากพิสูจน์ให้พี่เห็น ว่าพวกผมไม่อยากเป็นแค่ของทดลอง ผมจะต้องไปไกลกว่านี้"
   “แล้วเธอรู้หรือเปล่า ว่าวิธีนี้จะต้องจ่ายแพงแค่ไหน กับทางลัดที่เธอคิดว่าง่ายกันน่ะ" เจนจิราว่า
   “ผมรู้" วินสวน "ผมยินดีจ่าย"
   “คุณจะจ่ายได้ยังไง คุณเป็นลูกชายขอเค้าไม่ใช่หรือไง" เจนร้องทันที คำพูดคำนี้ทำให้เอิร์ธหันมามองหน้าวินทันที
   “อะไรนะ" เอิร์ธร้อง
   “เค้าไม่เลือกผมหรอก" วินแก้เสียงดัง "ผมรู้ว่าจะต้องทำยังไง"
   เจนหันมามองหน้าเอิร์ธอีกครั้ง
   “ชั้นไม่คิดเลยอ่ะ ว่าเธอจะเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้" เจนจิราว่า "เธอเอาความรักมาเป็นเครื่องมือในการผลักดันตัวเองงั้นเหรอเอิร์ธ ที่เธอทำมาทั้งหมด เธอต้องการแค่นี้เองอย่างนั้นเหรอ"
   “พี่ไม่เข้าใจหรอก" เอิร์ธว่า "พี่จะไปรู้ความรู้สึกของคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังได้ยังไง พี่ไม่เคยถูกทิ้งนี้"
   เจนจิราเงียบเสียงลง
   “พี่เป็นคนก้าวมาเป็นคนแรกนี่ ทุกๆคนวิ่งตามพี่หมด" เอิร์ธร้อง "พี่กายก็วิ่งตามพี่มาติดๆ มีพี่กาย ก็ต้องมีพี่นัท ถ้ามีพี่นัท พี่สากับพี่มิกก็ต้องตามมา แล้วผมล่ะ......ผมรู้ว่าพวกพี่เป็นยังไงกัน ผมเป็นคนหนึ่งในโลกที่วุ่นวายของพวกพี่ไม่ใช่หรือไง Loveless Society น่ะ"
   “เอิร์ธ" เจนจิราเอ่ยชื่อเอิร์ธเบาๆ
   “ผมเคยสัญญากับเค้า ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะรับได้ทุกอย่าง" เอิร์ธว่า "แต่รับได้ทุกอย่างน่ะ มันไม่ได้รวมการให้นั่งรอใครนะพี่ ผมไม่ใช่คนรอใคร ผมก็รักอิสระพอๆกับพวกพี่ทุกคนนั่นแหละ และผมก็เลือกวิธีของผมแล้ว ผมมีเส้นทางของผม"
   “แล้วถ้ามันต้องจ่ายด้วยชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอล่ะ" เจนจิราว่า "เธอพร้อมจะแลกเหรอ มันมีเหตุผลที่พี่เดินมาก่อนนะเอิร์ธ มันมีเหตุผลที่ตอนนี้ มันไม่มีใครอยู่กับพี่นะ เมื่อถึงวันนึง เมื่อเธอไม่สิทธิแม้แต่จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง ชีวิตที่เธอต้องผูกอยู่กับงาน เธอจะยอมจ่ายเหรอเอิร์ธ"
   “ผมยอ....”
   “อย่าพูด ถ้าแกยังไม่รู้จักมันดี" เสียงอันนุ่นลึกดังแทรกขึ้นทันที เจนจิราหันไปมองเจ้าของเสียง วินและเอิร์ธมองตามไป เสียงที่ทำให้ทุกอย่างนิ่งสงบลง
   “พี่มิก" เอิร์ธและวินเอ่ยชื่อขึ้นพร้อมกัน
   “สิ่งที่พี่พูดวันนั้น ถ้ามันต้องทำให้แกทำให้พี่ขนาดนี้ พี่ว่า....” มิกพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนที่ชายหนุ่มจะหลับตาลงครั้งหนึ่ง "แกกลับบ้านเถอะเอิร์ธ"
   “พี่....” เอิร์ธร้อง
   วินรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่วุ่นวายเกินไประหว่างสามคนนี้ หรือว่าถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะต้องรับรู้ความจริงของเอิร์ธและเจนจิรา
….......
   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2012 05:05:07 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ไม่ค่อยเข้าใจเอิร์ธเท่าไหร่ หางานอื่นทำที่เคียงคู่พี่มิคไม่ได้รึไง

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
 o2 :try2: อึน มึน หนักหน่วงไปกับเหตุการณ์ในเรื่อง

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
เนื้อเรื่องยังชวนติดตามเหมือนเดิมคิดถึงคนเขียนนะฮ้าบ
ในความเป็นจริงกับนิยายไม่ต่างกัน เรื่องนี้สะท้อนอะไรออกมาหลายๆอย่าง
ไม่ใช่แค่วงการแฟชั่นแต่ทุกสายงานการที่ต้องทำอะไรให้เหนือคนอื่นเพราะถ้าไม่ทำก็ต้องถูกคนอื่นกดจมไปอยู่ดี
มันเป็นการกระทำที่อาจดูเหมือนจะโหดร้ายแต่ในความเป็นจริงมันเป็นอย่างนี้
ทุกคนมีความทะเยอทะยานทั้งนั้น

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 21 Leave Me Alone : Part I

   เจนจิราก้มหน้าลง พลางเดินไปหามิก ที่เข้ามาในโชว์รูมอย่างเงียบเชียบ วินและเอิร์ธมองไปที่มิกเป็นสายตาเดียวกัน สำหรับวินที่วันนี้ทำแต่เรื่องเซอร์ไพรส์คนอื่น กลายเป็นเขาเอง ที่โดนเซอร์ไพรส์เข้าเสียแล้ว
   “นี่น่ะเหรอ สิ่งที่พวกนายบอกเค้าน่ะ" เจนจิราพูดกับมิก "ถ้าเค้าทำแบบนี้ แล้วนายจะฝากให้ชั้นดูแลเค้าทำไม"
   เอิร์ธขมวดคิ้วทันที เจนจิราหันมาทั้งคู่อีกครั้ง
   “ถ้าแบบนี้ชั้นก็ ไม่รู้ทำอะไรต่อกับนายสองคนแล้ว" เจนจิราว่า "ทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่าเอาตัวเองขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับชั้นสำเร็จแล้วสินะ เป็นเอ่อ...คู่แข่งกับชั้นสมใจแล้ว"
   เอิร์ธก้มหน้าลง ขณะที่วินยังคงมองหน้าเธออย่างไม่หวั่นเกรง
   “ทุกสัปดาห์ พี่สุเมธจะมีบรีฟจ่ายลงมาที่บอร์ดกลางของออฟฟิศชั้นบน สตูดิโอของพวกเธอ จะอยู่ชั้นสอง ชั้นเตรียมที่ไว้ให้แล้ว แต่หน้าที่ของชั้นจะหมดลงแค่นั้น" เจนจิราว่าพลางหันกลับมาหามิก "หลังจากนั้น ก็ดูแลกันเองเถอะนะ ชั้นไม่เอาด้วยแล้ว เพราะตั้งแต่พวกคุณเข้ามาในชีวิตชั้น มันมีแต่เรื่องวุ่นวายทุกครั้ง"
   “ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกเจน" มิกพูดเสียงเรียบ ก่อนจะปล่อยให้เธอเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบของโชว์รูมแห่งนี้ ความเงียบที่ทำใหวินรู้สึกหยาวเย็นอย่างประหลาด มิกมองทั้งคู่อย่างเหนื่อยอ่อน
   “นายสองคน เล่นอะไรกันเนี่ยหึ" มิกพูดขึ้น "พี่เองก็น่าจะฉุกคิดซักนิด ว่านายจะมาที่นี่ได้ยังไง ถ้าไม่ใช่คนของที่นี่ ใช่ไหมวิน"
   วินก้มหน้าลง เขาต้องการให้พี่มิกมาเสียบ หากแผนแรกของเขาล้ม ก็คือหากพ่อของเขาไม่ได้มานั่นเอง มิกคงหน้าจะมีเครดิตอะไรให้เขาได้บ้างเช่นกัน แต่นี่มันพลิกผันจนเขาคาดเดาไม่ถูก วินมองไปทางเอิร์ธที่ไม่แม้แต่จะมองหน้ามิก ชายหนุ่มก้มหน้าลง วินไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาเป็นแบบนี้มาก่อน วินหันไปมองสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายจากมิก
   เดี๋ยวก่อนนะ.....วินคิด....อย่าบอกนะว่า
   มิกเดินเข้ามาหาเอิร์ธช้าๆ
   “แกน่าจะบอกพี่ซักนิด ว่าจะทำอะไรเอิร์ธ" มิกพูดขึ้นเบาๆ
   “ผมไม่ใช่เด็กฝึกงานแล้วพี่" เอิร์ธพูด "และถึงผมบอกพี่ไป ผมรู้ว่าพี่ไม่มีทางยอ....”
   “พี่ไม่ยอมอยู่แล้ว" มิกพูดเสียงดังขึ้นมาทันที เอิร์ธตกใจเล็กน้อย วินมองทั้งคู่อย่างตื่นตระหนก "พี่ไม่มีทางยอมปล่อยให้เราต้องมาเจอแบบนี้อยู่แล้ว"
   “ก็เพราะแบบนี้ไงพี่ ผมถึงไม่ได้ไปไหนซักทีอ่ะ" เอิร์ธว่า "เพราะแบบนี้ไง เราสองคนถึงต้องเป็นแบบนี้อ่ะ"
   “เอิร์ธ" มิกว่า
   “พี่มิก ผมถามจริงๆเหอะ วันที่พี่จะขึ้นเครื่องมาที่นี่ พี่รู้หรือเปล่า ว่าผมรู้สึกยังไง" เอิร์ธว่า "ผมรู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์เลย ที่ผมนั่งจัดเวลาตัวเองแทบตาย เพื่อให้มาถึง Lovable Studio ผมเห็นอนาคตของพี่ ที่ฝากตัวเองอยู่ที่นี่ ผมเห็นบ้านของพี่ที่วิลแลตชัดเจนก่อนพี่จะซื้อมันด้วยซ้ำ"
   มิกมองหน้าเอิร์ธอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
   “พี่มิก พี่ขอให้ผมรอไม่ได้หรอก" เอิร์ธพูด "ผมเข้าใจพี่ ว่าพี่จะไม่มีทางหยุดเดิน ผมก็เหมือนกันพี่ ผมไม่กลับไปไหนหรอก ผมจะอยู่ อยู่ต่อไปที่นี่ พี่ก็อยู่ ทุกอย่างมันก็น่าจะโอเคแล้วไม่ใช่เหรอฮะ"
   “เดี๋ยวก่อนนะ" วินพูดขัดขึ้นมา "ขอโทษเหอะ นี่มึงอย่าบอกนะ ว่าพี่มิก เค้าคือ.....”
   “เออ ใช่" เอิร์ธพูดเสียงดัง "ให้ตายเหอะวิน มึงจะมีอะไรเซอร์ไพรส์กูอีกไหมวะ"
   วินหันไปหาพี่มิกทันที
   “ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าเป็นพี่" วินพูด
   “พี่ก็เหมือนกัน" มิกว่า "เนี่ยอะเหรอ เรื่องสำคัญที่เราบอกพี่ก่อนจากกัน"
   “ก็ไม่เชิงฮะ" วินว่า
   “น้องไม่ได้บอกพี่ด้วยซ้ำ ว่าน้องเป็นลูกชายเจ้าของคอสโม่" มิกว่า "แล้วเกือบครึ่งปีมานี่ น้องหลอกพี่งั้นเหรอ ที่ว่ามาเรียนต่อคนเดียวต้องทำงานคนเดียวที่ร้านเกล็ดหิมะน่ะ"
   วินส่ายหน้าทันที
   “ไม่ได้หลอกหรอกฮะ" วินว่า "ผมทำงานที่ร้านนั้น และก็ยังทำอยู่ผม....ช่างเหอะพี่ไม่เข้าใจหรอก เอาเรื่องพี่ก่อนเหอะ จะเคลียร์กันยังไงเต็มที่นะพี่ หมดหน้าที่ผมละ”
   “เดี๋ยวไอ้วิน" เอิร์ธคว่าตัววินไว้ทันก่อนที่เขาจะออกเดิน "กูขอคุยด้วยหน่อย"
   มิกหลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินมาหาเอิร์ธแล้วคว้าตัวเอิรืธสวมกอดทันที วินผงะเล็กน้อยก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น
   “ยิ่งแกขึ้นไปสูงเท่าไหร่ แกก็จะยิ่งเปลี่ยนไป" มิกพูดเบาข้างหูของเอิร์ธ "พี่เห็นใครบางคนในตัวแก พี่ไม่อยากให้แกหายไปนะเอิร์ธ"
   เอิร์ธหลับตาลงครั้งนึง
   “ผมเลือกแล้วพี่" เอิร์ธว่า "ผมมีวิธีของผม ปล่อยผมไปเหอะ"
   มิกผละตัวเองออก
   “แล้วถ้าแกไม่กลับมาล่ะ" มิกว่า "แกก็ขอให้พี่รอไม่ได้เหมือนกัน พี่เคยรอแกมาแล้วครั้งนึงนะ พี่ไม่...”
   “ผมกลับมาแน่พี่" เอิร์ธว่า "ผมจะเป็นคนแรก ที่จะทำแบบนั้นได้....."
   เอิร์ธว่าพลาง ดึงตัววินออกจากโชว์รูมทันที ทิ้งให้มิกจมอยู่กับความกังวลที่เพิ่มขึ้นทุกที มิกมองเห็นเอิร์ธคนเดิมเดินจากไป คนเดิมเอามากๆ มากกว่าที่เขาจะรู้จัก
   เอิร์ธกระแทกวินใส่ผนังทันที
   “รู้จักกันได้ยังไง" เอิร์ธพูดเสียงสั่น
   “เอ่อ...เรื่องมันยาว" วินว่า
   “กูจะฟัง" เอิร์ธว่า "เล่ามาเดี๋ยวนี้"
   “เค้าเป็นคนแรกที่เจอกูที่นี่" วินว่า "เมื่อตอนต้นปี เค้ารับกูมาจากวิลแลต หลังจากเพิ่งไปแบคแพ็คกับพวกไอ้โอ๊ตมา ก็เพราะแฟนมึงอ่ะแหละ กูถึงได้รู้จักร้านเกล็ดหิมะอ่ะ"
   “มึงไปอยู่กับเค้ามาใช่หรือเปล่า ช่วงที่มึงทำงาน" เอิร์ธถาม "ทำไมมึงไม่บอกกูวะ"
   “ก็กูไม่รู้ว่าแฟนมึงจะเป็นผู้ช....คือ...กูหมายถึง...จะเป็นคนนี้" วินว่า "ใช่กูไปนอนบ้านเค้ามาไม่กี่วันหรอก กูมีปัญหากับไกด์"
   “ไกด์ไหนอีกวะ" เอิร์ธร้อง
   “เออ...ช่างมันเหอะ มึงไม่เข้าใจหรอก" วินว่า
   “เห้ยไอ้วิน" เอิร์ธว่า "ถึงมึงตั้งใจจะเซอร์ไพรส์กูอ่ะ แต่ไม่ต้องทุกเรื่องก็ได้นะเว่ย กูไม่ต่างอะไรกับควายโง่ๆตัวนึงเลยอ่ะวันเนี้ย"
   “ก็นี่ไม่ใช่หรือไง ที่มึงต้องการนักหนาอ่ะ ภาพผันหวานของมึงเนี่ย" วินว่า
   “แล้วมึงเห็นมันหวานไหมล่ะวะ" เอิร์ธว่า
   “หวาน....จนกูจะอ้วกอยู่และ" วินว่า "ทำไมวะ เค้าก็รักมึงดีด้วยซ้ำ เอาจริงๆกูก็ไม่เห็นว่าไอ้ที่พยายามกันมา จะทำให้มึงกับเค้ามีอะไรเปลี่ยน มึงกับเค้าก็รักกันดี"
   “มึงไม่เข้าใจหรอก" เอิร์ธว่า
   “นายสองคนจะเข้าใจกันได้ยังไง ก็มัวแต่พูดกับแบบนี้" เสียงแหลมใสของสเตลล่าดังแทรกขึ้นมาทันที เธอยืนอยู่ตรงนี้มาพักหนึ่งแล้ว และเนิ่นนานมากพอที่จะเห็นเรื่องราวทั้งหมด
   “สเตลล์" วินร้องขึ้น
   “เธอยังอยู่อีกเหรอ" เอิร์ธว่า "นางแบบกลับได้แล้วไม่ใช่หรือไง"
   “เค้าจะกลับพร้อมชั้นน่ะ" วินว่า เอิร์ธมองไปมาระหว่างวินและสเตลล่าอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะร้องเสียงดัง
   “อ้อ.....อย่างนี้เองหรอกเหรอ" เอิร์ธว่า "มิน่า มึงถึงไม่ได้กังวลเรื่องนางแบบให้กูเลย"
   “มันไม่ใช่....”
   “เออ ใช่...” วินร้องปัด "เค้าเป็นเพื่อนไก....ก้องน่ะ"
   “เดี๋ยวก่อนนะ วิน คุณเอิร์ธ ชั้นว่าคุณสองคนเจออะไรมามากพอแล้วล่ะสำหรับวันนี้" สเตลล่าว่า "ยิ่งคุยกันไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เอาไว้เย็นลง ตั้งสติได้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ดีไหม"
   เอิร์ธและวินมองหน้ากันพักนึง
   “ไม่" เอิร์ธร้องเสียงดัง
   “โอเค" สเตลล่าพูดเสียงตลก ก่อนจะหันหลังกลับไปพิงผนังเหมือนเดิม "งั้นเอาเลย เต็มที่"
   “ไหนๆ ก็มาถึงวันนี้และ มึงจะทำอะไรต่อไปอีกว่ามาเลยไอ้วิน" เอิร์ธว่า "แต่กูขอให้มึงบอกกูให้หมดนะ ไม่เอาครึ่งกลางๆแบบที่ผ่านมาแล้วนะ"
   “กู...”
   “เค้าบอกคุณไม่ได้หรอก" สเตลล่าพูดขึ้น "เค้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองต้องการอะไรน่ะ"
   “อะไรนะ" เอิร์ธหันไปหาสเตลล่า ขณะที่วินก้มหน้าลง "งั้นเหรอ ที่มึงทำวันนี้ มันดูเหมือนมึงลังเลมากเลยสินะ"
   “เออกูผิดเองแหละ" วินะโกนออกมาทันที เอิร์ธและสเตลล่าถึงกับตกใจเล็กน้อย "ใช่ สเตลล์ชั้นไม่รู้ว่าชั้นต้องการอะไร ก็เค้าเป็นคนบอกชั้นเอง ว่าลองทำไปก่อนอ่ะ ชั้นก็แค่ดุ่ยๆทำมาตามสิ่งที่ชั้นคิดก็เท่านั้นเองอ่ะ กู.....เห็นมึงอยากมีชื่อเสียงในวงการนี้ อยู่ที่นี่ กูก็เลยทำให้ เพราะกูเอง ก็ไม่รู้หรอก ว่าถ้าไม่ใช่ทำให้มึง แล้วกูจะทำเพื่ออะไร มึงเข้าใจป่ะ"
   เอิร์ธมองหน้าเพื่อนช้าๆ ขระที่สเตลล่าหายใจเข้าไม่เป็นจังหวะ
   “กูไม่มีจุดหมายแล้วอ่ะโอเค้" วินร้อง "เมืองนี้แม่งก็มีเรื่องประหลาดๆ คนประหลาดๆ คนที่กูไว้ใจได้ มันก็มีไม่กี่คนอ่ะ กูก็แค่อยากช่วย อยากช่วยมึง ช่วยให้มึงสำเร็จอย่างที่มึงคาดหวัง ช่วยเธอสเตลล์ เธอกลับมาที่นี่ เพราะอยากจะทำงานเป็นนางแบบไม่ใช่รึไง...ชั้นก็แค่" วินส่ายหน้า "ชั้นก็แค่.....อยากช่วยคนที่เคยให้กูพึ่งมา ก็แค่นั้น”
   เอิร์ธนิ่งเงียบนั่งฟังวินระบายออกมาจนหมด ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้าทันที
   “โหไอ้วินเอ้ย มึงอายุ 24 แล้วนะ คิดเป็นเด็กๆไปได้" เอิร์ธว่า "โตโตกันแล้วอ่ะ มึงต้องรู้ได้แล้วว่าตัวเองต้องการอะไร ดูอย่างกูดิ กูยัง..."
   “ใช่ ก็เพราะมึงไง" วินว่า "มึงมีอิสระชัดเจน กูต่างหากที่ไม่มี ทางที่มึงต้องการจะไปมันชัดเจน ก็เพราะแบบนี้ไงกูเลยอยากทำให้มึง.....”
   “อย่ามาหล่อไอ้วิน" เอิร์ธว่า "มึงกับกูก็ได้ด้วยกันงานนี้น่ะ"
   “ไม่หรอก" วินว่า "เพราะกูจะไม่เอา"
   “อะไรนะ" เอิร์ธว่า
   ถึงตรงนี้สเตล่าหันมามองวินทันที
   “เพราะถ้าเผื่อว่า ตอนนี้กูมีเป้าหมายอื่นที่กูอยากทำ" วินว่า "ถ้าเผื่อว่าตอนนี้กูแค่....กูแค่รู้สึกว่า กูไม่อยากได้สิ่งที่เราได้วันนี้แล้ว กูจะไปตามหา....”
   “มึงไม่อยากอยู่ใต้อาณัติของพ่อมึงแล้ว" เอิร์ธว่า "ทั้งหมดที่มึงทำก็เพราะเหตุผลนี้ใช่ป่ะ มึงก็เลยดึงกูเข้ามาเสียบแทนในเกมส์นี้ เพราะมึงคิดว่ากำลังจะถอนตัวไปอย่างงั้นสิ"
   วินมองหน้าเพื่อนทันที
   “เอิร์ธ กูขอโทษ" วินพูดเสียงสั่น ขณะที่เอิร์ธมองไปทางอื่น เขาเดินไปเดินมาอยู่สองสามครั้ง ที่หน้าประตูโชว์รูม หันไปหันมาอย่างเป็นกังวล
   “มึงรู้จักพ่อมึงดีกว่าใคร" เอิร์ธถลาเข้ามาหาวิน "มึงก็รู้ว่าเค้าไม่มีวันยอม"
   วินเงียบสนิท
   “มึงจะหนีเค้าไปได้ไกลซักแค่ไหนวะ" เอิร์ธว่า
   “แล้วมึงอ่ะ" วินว่า "มึงจะกล้าเดินไปไกลกว่าคนที่มึงรักได้ซักกี่ก้าว"
   “เราก็เลยต้องมาติดแหง่กอยู่ตรงนี้ทั้งคู่ไง" เอิร์ธว่า "ให้ตายเหอะ ถ้าเรื่องของมึงกับกูมันจะเยอะขนาดนี้ล่ะก็นะ"
   สเตลล่าจ้องหน้าวินอย่างไม่กระพริบตา ขณะที่เอิร์ธหลับตาลงครั้งหนึ่ง
   “เอาล่ะ กูซื้อคำพูดของสเตลล่า" เอิร์ธว่า "กูว่าเราสองคนไปพักดีกว่าว่ะ มึงกับกูแม่ง เหนื่อยเกินไปละ โดยเฉพาะมึงอ่ะ กูว่ามึงป่วย"
   “เออ กูยอมป่วย" วินว่าตาม
   “มึงกลับไปกับแฟนมึงเหอะ" เอิร์ธว่า "เดี๋ยวเรื่องพ่อมึง กูจัดการเอง"
   “อะไรนะ" วินทวนคำอย่างไม่เชื่อหู
   “เออน่า....” เอิร์ธว่า พลางหันมาหาวินอีกครั้ง "มึงยังไม่แน่ใจไม่ใช่เหรอ ว่าจะถอนตัวดีไหมน่ะ ก็ลองดูดิวะ"
   “ไอ้เอิร์ธ" วินร้อง
   “อย่างที่ก้องมันบอกมึงน่ะ ถูกแล้วล่ะ คนเราถ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มันก็ต้องลองดูหลายๆอย่าง กูไม่ตำหนิมึงหรอก" เอิร์ธว่า "หลายเดือนที่ผ่านมา มึงทำให้กูมาเยอะละ กึงมันกำลังจะมีปัญหา บางอย่าง กูก็ควรจะแก้ด้วยตัวเอง มึงเองก็เหมือนกัน"
   “ขอบใจว่ะ" วินว่า
   “มึงไม่เห็นจะต้องมาขอบจงขอบใจอะไรกูเลยไอ้วิน" เอิร์ธว่า "กูต่างหาก ต้องขอบใจมึง กับเรื่องเซอร์ไพรส์ทั้งหมดนี่อ่ะ กูพูดตรงๆ ก็ติดสตั๊นมาก"
   “หึ" วินพูดเบาๆ "แล้วมันจะดีเหรอวะ"
   “เรื่องไหนอ่ะ" เอิร์ธว่า
   “ก็ทุกเรื่อง" วินว่า "ที่มึงกับกูตั้งใจจะลองกันเนี่ย"
   “ดีไม่ดีมันขึ้นอยู่กับมุมมอง" เอิร์ธว่า "ถ้าเรื่องพ่อมึงเนี่ย กูว่า......”
   เอิร์ธทำสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสู้ดีนัก วินก้มหน้าลง
   “...มันก็ไม่ต่างเท่าไหร่กับตอนที่มึงกับกูช่วยกันโกหกเค้า แล้วพากันออกไปร่อนตอนนั้นหรอกมั้ง" เอิร์ธพูดต่อ
   วินถึงหัวเราะเบาๆ
   “ไปได้แล้วไป" เอิร์ธพยักเพยิดให้ พลางหันไปหาสเตลล่า "ฝากดูมันด้วยครับ สเตลล์"
   “ค่ะ" หญิงสาวรับคำ ก่อนจะดึงตัววินออกไปจากโชว์รูมทันที
   เอิร์ธเดินออกมาจากประตูโชว์รูม มิกยังคงยืนอยู่ในห้อง ดูผลงานของเอิร์ธที่ยังอยู่ในห้อง เมื่อเอิร์ธเดินมายืนข้างๆ มิกก็หันมาหาเขา
   “ผมขอโทษฮะ" เอิร์ธพูดเบาๆ "พี่มิก ถึงผมจะทำอะไรเสี่ยงๆไม่ปรึกษาพี่แต่....ที่ผมทำไปทุกอย่าง ก็เพื่อที่จะมาอยู่ด้วยกัน กับพี่อ่ะ ผมแค่...”
   “ช่างเหอะ" มิกว่า "พี่ไม่โกรธหรอก"
   “จริงๆนะ" เอิร์ธว่า
   “อื้อ" มิกว่า "แต่พี่ก็มีจุดยืนของพี่นะ"
   “ว่า"
   “ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม" มิกว่า "พี่จะไม่ช่วยเราแล้วนะ"
   เอิร์ธมองหน้ามิกอีกครั้ง
   “อะไรนะพี่" เอิร์ธทวนคำ
   “พี่ช่วยอะไรเราไม่ได้ ถ้าเกิดว่าเราเลือกที่จะมาอยู่ที่นี่" มิกว่า "ทุกๆคนที่นี่ทำงานกันแบบมิตรและศัตรู มันไม่มีที่ว่างสหรับคนรักกันที่นี่หรอก"
   “พี่หมายความว่าไง" เอิร์ธถามต่อ
   “ถ้าเจอพี่ที่นี่อีก เราต่างคนต่างทำงาน" มิกว่า "จะมีแค่เจนเท่านั้นที่รู้เรื่องเราสองคน คนอื่นๆที่ซูเม่จะรู้ไม่ได้เด็ดขาด"
   “ทำไมอะ" เอิร์ธว่า
   “เพราะมันจะพัง พังด้วยกันทั้งคู่" มิกว่า "พี่ขอละกัน"
   มิกหันซ้ายหันขวาก่อนจะดึงเอิร์ธเข้ามาจูบหน้าผาก
   “ไม่เป็นไรหรอก ถึงแกจะทำเรื่องแสบกว่านี้ พี่ก็ไม่รักเราน้อยลงหรอกเอิร์ธ" มิกพูดเสียงกระซิบ แต่คำพูดนั้น กำลังสร้างความหนักใจเพิ่มให้เอิร์ธทีละน้อย "อย่าลืมนะ พี่ไปก่อนละ"
   มิกยิ้มให้เอิร์ธเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกจาโชว์รูมไป คราวนี้กลับเป็นเอิร์ธที่ถูกทิ้งให้อยู่ตรงนี้ พร้อมแบกเอาความรู้สึกผิดทั้งหมดมาไว้กับตัว
   เขาเริ่มเข้าใจวินในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ว่ามันเป็นความรู้สึกยังไง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2012 17:04:41 โดย M2M_Jill »

pmnet

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากๆ จบงานแล้วไปหาไกด์กันนะ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
..... :เฮ้อ: เหนื่อยแทนเอิร์ธกับวินจัง

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
เหนื่อยอยู่นะที่อ่านเรื่องนี้เหนื่อยใจนิดๆ
ตอนนี้อยากรู้เรื่องก้องมากในที่นี้ขอเป็นก้อง
คิดว่านะเนื้อแท้ของไกด์คือก้องนี้แหละมันอยู่ภายในลึกๆ
ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
กดดันและเครียดกว่านี้ มีอีกไหม

 :เฮ้อ: เศร้าสลด

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 22 Leave Me Alone : Part II

   วินเช็ดแก้วและจานเสร็จเรียบร้อย หลังจากที่รับหน้าที่บาริสต้าแทนไกด์ที่ร้านเกล็ดหิมะ มาทั้งสิ้นเกือบ 10 ชั่วโมงตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึงช่วงหัวค่ำ โดยไม่พัก ถึงเจ๊ใหญ่จะยืนยันว่าเธอสามารถหาบาริสต้ามาแทนก้องของเธอได้แล้ว แต่วินก็เต็มใจที่จะทำงานที่นี่ต่อ ยอมรับจริงๆว่าการชงกาแฟและได้ดูแลร้านเกล็ดหิมะที่นี่นั้นทำให้เขาอึดอัดได้อย่างมากก็หนึ่งเดือนแรกกับลูกค้าที่งี่เง่าจริงๆเท่านั้น แต่หลายเดือนมานี่ทุกครั้งที่เค้าชงกาแฟ มันกลายเป็นความรู้สึกใหม่ ความรู้สึกของการปลีกตัวออกจากเรื่องราวทั้งหมดที่เขาไม่อยากจะรับรู้ และกลิ่นอันหอมนุ่มนวลของกาแฟชั้นดีของเจ๊ใหญ่ มันนำพาเขาล่องลอยไปหาความอบอุ่นที่เขาสัมผัสได้ จากผู้ชายคนหนึ่งที่เขายังติดค้างอะไรๆอยู่หลายๆอย่าง
   อากาศที่เย็นเยียบลงบ่งบอกเวลามืดค่ำ เจ๊ใหญ่ฝากเขาปิดร้านอีกตามเคย ก่อนจะหายไปตั้งแต่หนึ่งมุ่มตอนฟ้ายังไม่มืดดี การที่เจ๊ฝากเขาปิดร้านนั่นก็หมายความว่าเธอไว้ใจเขามากพอๆกับไกด์ เพราะว่าอันที่จริงแล้ว ไกด์และวิน เป็นเพียงสองคนที่ยังอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าจะเหลือเพียงวินอย่างเดียว เขายืนยันกับเจ๊ใหญ่ไปแล้ว ว่าจะไม่ทิ้งร้านนี้ไปไหน และก็ยินดีที่จะทำงานต่อไปโดย แม้ว่าก้องของเจ๊ใหญ่จะไม่กลับมาที่นี่อีก
   เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้นขณะที่วินกำลังวางแก้วลงบนชั้นอย่างพิถีพิถัน
   “Excuses,Nous avons éteint.” วินกล่าวเป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งหมายความว่าร้านได้ปิดแล้ว
   “ที่นี่น่ะเหรอ ที่ที่แกใช้ทำงานหาเงินน่ะ" เสียงอันคุ้นหูดังขึ้นจากหน้าร้าน วินถอนหายใจครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาหาพ่อของเค้า วรพัฒน์เดินไปรอบๆร้าน อย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก "น่าจะซื้อได้ในราคาซัก ล้านสี่เศษๆ"
   “ไม่มีใครขายให้พ่อหรอก" วินว่า "ถ้าที่นี่ถูกซื้อไป จะมีคนไทยอีกมากที่จะเดือดร้อน"
   “แกก็เลยทำตัวเป็นคนเดือดร้อนมาพึ่งที่นี่เหมือนกันล่ะสิ" พัฒน์กล่าว
   “ก็ไม่เชิงหรอกฮะ" วินว่า "ผมเองก็คิดว่าที่นี่อบอุ่นดี อบอุ่นเสียยิ่งกว่าบ้านด้วยซ้ำ"
   วรพัฒน์หันมามองลูกชาย
   “ชั้นให้แกรอชั้นที่ซูเม่" พัฒนืว่า "แกหายไปไหน"
   “ผมมีเรื่องต้องจัดการ" วินว่า "ผมไม่ค่อยว่างนักหรอกครับพ่อ พ่อมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า"
   “การที่แกอยู่ได้เองแล้วที่นี่ มันไม่ได้หมายความว่าแกจะมาปีกกล้าขาแข็งกับชั้นได้นะไอ้วิน" วรพัฒน์พูด "อย่าลืมว่าชั้นส่งแกมาที่นี่ทำไม"
   “ผมก็ทำให้พ่อแล้วไง" วินว่า "พ่อจะเอาอะไรอีกล่ะ"
   “ชั้นต้องการให้แก เข้าไปช่วยงานที่ซูเม่ให้เยอะกว่านี้ ไม่ใช่มานั่งชงกาแฟไร้สาระอยู่ที่นี่" วรพัฒน์ว่า "ชั้นจะจ่ายเงินให้แกเพิ่ม จ่ายแทนค่าจ้างที่แกได้จากร้านนี้ เจ้าเอิร์ธมันเล่าให้ชั้นฟังหมดแล้ว ว่าแกต้องทำงานอะไรยังไงบ้าง"
   “พูดมาตรงๆดีกว่าพ่อ พ่อต้องการให้ผมเข้าไปทำอะไรที่ซูเม่กันแน่" วินว่า
   “ซูแม่อินเตอร์เนชั่นนอลควรจะเติบโตโดยมีแกเป็นส่วนร่วมที่สำคัญ" วรพัฒน์กล่าว "ตลาดของสุเมธกำลังไปได้อีกไกล อย่างน้อย ชั้นก็อยากจะแน่ใจ ว่าแกจะได้เป็นคนควบคุมผลงานให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม"
   “เป็นเงาของพ่อ แทรกอยู่ในซูเม่น่ะเหรอ" วินว่า "ใครเค้าจะยอม"
   “แกเองก็มีความสามารถอยู่แล้ว" วรพัฒน์ว่า "ถึงตอนนี้ แกก็มาไกลกว่าที่ชั้นคิดไว้เยอะ"
   “ผมจะลองคิดดูก็แล้วกัน" วินว่า "ต้องคุยกับเอิร์ธก่อน"
   “เพื่ออะไร" วรพัฒน์ว่า
   “เค้ากับผมเป็นพาร์ทเนอร์กัน" วินว่า "เราสองคนมาถึงตรงนี้ได้ ก็เพราะทำงานร่วมกันและสู้มาด้วยกันเยอะ ผมไม่ใช่คนประเภทได้ดีแล้วทิ้งเพื่อนฝูง เพียงเพราะเห็นเงินดีกว่าหรอก"
   “เรื่องเงินคงต่อรองแกไม่ได้แล้วสินะ" วรพัฒน์ว่า
   “ผมจะไม่เลิกชงกาแฟ" วินว่า "ดีไซน์เนอร์ทุกๆคน เค้าก็มีชีวิตอีกด้านนึงกันทั้งนั้น ผมก็มีของผม พ่อไม่ต้องมาสนใจหรอก ถ้าผมกับเอิร์ธไตร่ตรองดีแล้วว่าข้อเสนอที่พ่อให้มันดี ผมจะติดต่อไปหาพ่ออีกที"
   “นี่แกกล้าประเมิณข้อต่อรองของชั้นงั้นเรอะวิน" พัฒน์พูดเสียงดัง
   “เผื่อพ่อจะนึกไม่ออก ผมเชิญพ่อมาวันนี้ ก็เพื่อให้เกิดการถกเถียงกันที่ซูเม่ เรื่องการมาถึงแบบไม่ใสสะอาดของพ่อ" วินว่าเสียงแข็ง "มันส่งผลดีกับผมและเอิร์ธก็จริงในแง่ของความก้าวหน้า แต่ที่ซูเม่ก็ไม่มีใครปลื้มกับเรื่องนี้กันนักหรอก"
   “แกว่าอะไรนะ" พัฒน์ว่า
   “คอสโม่คอนเทลีโอนี่คงกุมบังเหียนของซูเม่ได้แค่ที่กรุงเทพนะผมว่า ไม่น่าจะใช่ปารีส พ่อมาที่นี่ได้ ก็มีแค่ตำแหน่งเดิมค้ำคอมาก็เท่านั้น" วินว่า
   “แกอย่าลืมนะ ว่าที่แกจะผ่านไปได้ด้วยดีหลังจากนี้ก็ต้องพึ่งชั้น" วรพัฒน์เดินมาทุบลงที่บาร์
   “พ่อก็อย่าลืมสิ ว่าพ่อจะสามารถคุมสาขาปารีสได้หลังจากนี้ ก็ต้องพึ่งผมผมและเอิร์ธเหมือนกัน" วินว่า "พ่อจะรับข้อเสนอของผมบ้างไหมล่ะ"
   “ข้อเสนอของแกงั้นเหรอ" วรพัฒน์ว่า
   “ใช่ ผมก็มีข้อเสนอของผม" วินว่า
   “งั้นแกก็ว่ามา" วรพัฒน์พูด
   วินมองไปยังแก้วกาแฟที่วางอยู่บนชั้นวางของ หน้าของไกด์แว้บเข้ามาในหัว ถ้าเขาได้มีโอกาสเลือกชีวิตเป็นของตัวเองก็ดีสินะ
   “ความอยากได้ อยากมีของแกมันมีอยู่ไม่กี่อย่างหรอก" วรพัฒน์ว่า "ชั้นจ่ายให้แกมาเยอะกว่าที่แกจะขอชั้นได้ซะอีก"
   “งั้นเหรอ" วินว่า "งั้นข้อเสนอของผมก็คือ.....ผมขอเปลี่ยนเงินที่พ่อจะจ่ายให้ผมที่ซูเม่ เป็นเงินก้อน"
   “เท่าไหร่ แล้วแกจะเอาไปทำอะไร" วรพัฒน์กล่าว
   “ผมไม่จะทำ ถ้าพ่ออยากได้อำนาจในซูเม่ปารีสไว้ พ่อก็ทำให้ผมก่อนพ่อจะบินกลับไทย" วินว่า "ผมต้องการห้องขนาดไม่ต่ำกว่า 40 ตารางเมตร จ่ายสด และทำสัญญาในชื่อผม จะเป็นห้องแถวทั้งหลัง หรือแค่ชั้นล่างก็ได้ ผมไม่เกี่ยงและขอแค่ให้อยู่ในปารีส"
   “แกมีที่พักอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ" วรพัฒน์ว่า
   “ผมไม่ได้ต้องการที่พัก" วินว่า "ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม"
   “เรียกมาสูง ก็ต้องจ่ายสูงนะเจ้าวิน" วรพัฒน์ว่า
   “ผมไม่เสียโอกาสตัวเองหรอก" วินว่าพลางจ้องหน้าพ่อของเขาอย่างท้าทาย
   วรพัฒน์ยิ้มย่องใส่วิน ในความคิดของเขา อย่างน้อยวินก็เดินตามเขามาติดๆ
   “ได้.....แล้วแกล่ะ จะรายงานผลของซูเม่ให้ชั้นได้เมื่อไหร่" วรพัฒน์ถามกลับ
   “รายงานเหรอครับ" วินว่า "ผมไม่ได้บอกพ่อไปแล้วเหรอ ว่าผมกับเอิร์ธจะต้องพิจารณากันดูก่อนน่ะ"
   “นี่แกอย่ามาเล่นลูกไม้กับชั้นนะเจ้าวิน" วรพัฒน์กล่าวเสียงเยียบเย็น
   “ผมบอกพ่อว่า ผมไม่ยอมเสียโอกาสของผม" วินว่า "พ่อล่ะ จะยอมเสียโอกาสของตัวเองหรือเปล่า"
   “หมายความว่ายังไง" วรพัฒน์ร้อง
   “ผมกับเอิร์ธอยู่ในซูเม่ตามที่พ่อต้องการมาแล้วครึ่งตัว พ่อต่างหากที่ยังไม่จ่ายอะไรเลย" วินว่า "ถ้าพ่ออยากได้ผลลัพธ์อย่างที่หวัง ก็เอาห้องที่ผมขอมาลงเสี่ยงโอกาสดูสิ"
   “เจ้าวิน"
   “พ่อเก่งไม่ใช่เหรอ เรื่องบริหารโอกาสให้คนที่อยากได้น่ะ" วินว่าพลางยิ้มที่มุมปาก
   “นี่แกกล้ามากนะ ที่เล่นข้อต่อรองแบบนี้กับชั้น" วรพัฒน์ว่าเสียงเข้ม
   “ก็อย่างที่พ่อบอก ผมมาไกลกว่าที่พ่อคิดไว้เยอะ" วินตอบ
   “ได้ ชั้นจะหาให้แก ก่อนชั้นกลับ" วรพัฒน์ว่า "แต่ทันทีที่ชั้นเอาสัญญามาให้แกเซ็น นั่นหมายความว่าแกก็จะไม่ได้เงินใดใจากชั้นอีก รวมทั้งเงินทุนทุกอย่างที่ซูเม่จะทำ ในชื่อของแก"
   วินหรี่ตาลงทันที
   “แกเองก็ต้องทำงานให้กับซูเม่ หลังจากที่สุเมธซื้องานของแกวันนี้" วรพัฒน์ว่า "แต่ชั้นจะถือว่าค่าห้องที่แกขอให้ชั้นซื้อ จะเป็นเงินก้อนสุดท้าย ที่ชั้นจะโยนให้แก และซูเม่ ก็คงจะไม่จ่ายให้ดีไซน์เนอร์ที่ไม่มีแรงสนับสนุนจากชั้นอีกแน่ เพราะชั้นจะจ่ายให้แกอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อชั้นมีเส้นสายอยู่ในซีเนียร์ดีไซน์เนอร์ของซูเม่อินเตอร์เนชั่นอลเท่านั้น"
   วินหายใจเข้าทันที
   “พ่อจะถอนเงินลงทุนงานทุกอย่างที่มีชื่อผมร่วมอยู่ในโปรเจ็คงั้นเหรอ" วินว่า
   “โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน และเพื่อกันแกตุกติกกับชั้น แม้แต่ชื่อของเจ้าเอิร์ธ ชั้นก็จะไม่ให้เหมือนกัน" วรพัฒน์ว่า "ชั้นว่ามันน่าก็แฟร์ดีกับข้อตกลงของแก"
   “หึ" วินหัวเราะในคอเบาๆ "ได้ครับ
   วรพัฒน์ตกใจเล็กน้อยที่ไม่เห็นสีหน้าเป็นกังวลของลูกชาย
   “งั้นชั้นก็จะกลับละ" วรพัฒน์ว่า "สวัสดีไอ้ลูกรัก"
   “เดี๋ยวก่อนพ่อ" วินร้องเรียกเอาไว้ พลางเอากาแฟวางลงตรงหน้าพ่อของเขาหนึ่งแก้ว วรพัฒน์ทำหน้านิ่งพลางมองแก้วกาแฟตรงหน้า
   “อะไรเนี่ย" วรพัฒน์กล่าว
   “กาแฟฟรีครับ" วินว่า "ที่นี่จะแจกกาแฟฟรีหนึ่งแก้วให้กับคนไทยที่เดินเข้ามาทักทายกันด้วยคำว่าสวัสดีแบบเป็นมิตรและจริงใจน่ะครับ"
   วรพัฒน์มองหน้าลูกชายครั้งหนึ่ง ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟขึ้นมา
   “แกไม่มีทางหนีไปจากโลกของชั้นไอ้วิน" วรพัฒน์ว่า "แกจะอยู่กับชั้นเหมือนลูกชาย หรือลูกจ้าง ก็เลือกเอา"
   "แล้วพ่อจะกลับไทยเมื่อไหร่ล่ะครับ" วินถามขึ้น วรพัฒน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ผมจะได้เตรียมตัวเซ็นสัญญา"
   วรพัฒน์คว่ำแก้วกาแฟลงตรงหน้าวินทันที ก่อนจะเดินออกจากร้านไป วินหลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะเก็บแก้วกาแฟขึ้นมา
   เขารู้ดีอยู่แล้วว่าเอิร์ธก็คงกันท่าพ่อเขาไว้ไม่ได้ตลอดเย็น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรกับการที่พ่อของเขามาถึงแล้วยื่นข้อเสนอแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรซักนิด แต่ที่มึนเหนือขึ้นกว่าเดิม คือเขาจะไม่ใช่คนที่ยอมทำตามพ่อของเขาโดยไร้เงื่อนไขอีกแล้วเท่านั้นเอง
…........
   ฝีเท้าของวินเดินไปตามถนนทอร์ควิลอย่างเชื่องช้า วันนี้เป็นศุกร์ที่เหนื่อยที่สุดเท่าที่เขาจะเคยสัมผัสมา มันเป็นความเหนื่อยที่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ต้นอาทิตย์แล้ว เขาเจอเรื่องไม่หยุดหย่อนเลย ตั้งแต่กลับมาจากทอร์ควิล รอบตัวเค้ามีแต่ข้อตกลงเต็มไปหมดที่ต้องจัดการไม่เว้นแม้แต่เรื่องของสเตลล่า เขาคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าจะต้องใช้เงินที่เหลืออยู่อย่างระมัดระวัง จัดตารางชีวิตให้เหมาะสมที่สุด ทำงานให้คุ้มค่าที่สุด และเก็บหอมรอมริบทุกอย่างให้มันพอสำหรับการสปอนเซอร์ตัวเองหลังจากนี้
   วินส่ายหัวไล่ความคิดออกไปเมื่อมาถึงห้องแถวบนถนนทอร์ควิลที่คุ้นเคย เขามองไปยังทางขึ้นบันได้ตรงหน้า ประตูของตึกปิดลงพร้อมเสียงติ๊ด ดูเหมือนว่าจะมีคนเดินเข้าตึกไปก่อนเขา วินส่ายหัวเบาๆ คนที่นี่จะมีน้ำใจซักนิดก็ไม่มี จะรอเขาซักนิดก็ไม่ได้สินะ วินมองขึ้นไปบนห้องหนึ่งครั้ง หวังว่าจะใช้มันเป็นที่พักผ่อนยาวตลอดคืนสุดสัปดาห์นี้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปบนห้องของตัวเองที่อยู่บนชั้นสี่ หรี่ตาอย่างเพ่งพินิจเมื่อเห็นว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่หลังผ้าม่านนั้น จนกระทั่ง
   ครืด!!!
   ผ้าม่านถูกเปิดออก วินถลาไปยังประตูอพาร์ทเมนท์ ก่อนจะกดรหัสเดิมเข้าไปอีกและ
   ติ๊ด!!!
   เสียงสัญญาณดังเปิดประตูออก วินสาวเท้าวิ่งขึ้นตึกไปอย่างรวดเร็ว ระบบรักษาความปลอดภัยของตึกนี้เป็นที่หนึ่ง ไม่มีทางที่ใครจะเข้าไปได้ ถ้าไม่รู้รหัส สเตลล่ามีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เธอทนนอนที่นี่ไม่ได้ ดังนั้นคนที่จะสามารถเข้าห้องของเขาได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น
   หัวใจของวินพองโตขึ้นและเต้นรัวตามจังหวะเท้าที่ก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น คำพูดร้อยพันตีกันวุ่นวายมากในหัว เขาไม่รู้แล้วว่าอยากจะพูดอะไรกับหมอนั่นกันแน่ แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุด เขาขอแค่ได้เจอหน้าหมอนั่นอีกซักครั้ง.........
   ไม่กี่อึดใจวินวิ่งมาถึงห้องของเขา ประตูถูกแง้มเอาไว้เล็กน้อย วินหลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะวิ่งไปทันทีอย่างไม่รีรอ
   “Shit!!!”
   เสียงร้องดังก้องขึ้น วินเบรคตัวเองไว้แทบไม่ทัน เมื่อชายสูงอายุปรากฎอยู่ตรงหน้าแล้วเขาก็เกือบจะชนล้มไปอยู่แล้ว เมื่อวินสามารถตั้งสติและนึกเอาได้ว่าเขาคือใคร ชายคนนั้นก็ก่นด่าเสียงดัง
   “Why you show up like this man!!!” ชายแก่ก่นด่า "You scared me”
   “Im sorry Mr.Bayard” วินร้อง คุณเบย์ออดเจ้าของตึกนั่นเอง ช่วงที่เขาวุ่นๆกับงาน เขาฝากให้เบย์ออดเข้ามานำขยะออกไปทิ้งแทนเขา เขาลืมไปเสียสนิท
   “You back right?” เขาร้องด้วยเสียงเหนื่อยหอบ วินรีบประคองทันที ปนตกใจเล็กน้อย คุณเบย์ออดอายุมากแล้ว การเกือบชนเมื่อครู่อาจจะทำให้เขาหัวใจวายเอาได้
   “Yeah but I'm so sorry.” วินว่า "Is everything all right?”
   “Yeah I'm fine.Could you please let me.....” เบย์ออดว่า
   “Yeah...Thank you” วินหลีกตัวเองหลบให้เบย์ออดนำขยะออกไปจากห้องแทนเขานั่นเอง วินมองเบย์ออดออกจากห้องไป
   "Errrr....sorry sir.Did you pull my curta....?” วินตั้งใจจะถามพลางมองไปยังผ้าม่าน แต่ทว่ามันกลับยังปิดสนิทอยู่ที่เดิม
   “Anything?” เบย์ออดตะโกนกลับมา
   “Errr....No.....Nothing.Thank you Mr.Bayard” วินว่าพลางส่ายหน้าให้กับความหวังอันงี่เง่าของตัวเอง ก่อนจะปิดประตูลงไล่หลังเบย์ออดไป วินถอนหายใจเล็กน้อย พลางหันหลังกลับมาที่ห้อง มันยังคงว่างเปล่าเหมือนเดิม เขาหลงคิดไปเองว่าจะมีใครกลับมาที่นี่ วินก้มหน้าลงเล็กน้อยขณะวางเป้ลงบนโซฟา  เขาทอดตัวลงบนโซฟาพลางมองออกไปยังห้องที่ว่างเปล่า เขาไม่รู้จริงๆว่าจะไปตามหาได้ที่ไหน มันเป็นความรู้สึกที่แย่อยู่ไม่น้อย ที่เขาต้องกลับมานอนบ้านของคนอื่น ทั้งๆที่เขาเป็นคนปฎิญาณว่าจะไม่กลับมา หรือว่าที่สเตลล่าไม่ยอมนอนที่นี่ ก็คงเป็นเหตุผลประมาณนี้กระมัง วินก้มหน้าลงกับตัวเองอีกครั้ง
   ถ้าเพียงแต่เขาอารมณ์เย็นลงกว่านี้...
   ไม่ใช่เพราะเขารู้จักเย็นลงกว่าเดิมแบบที่หมอนั่นบอกเขาเหรอ ถึงทำให้สิ่งที่ดีดีมากมายเกิดขึ้นในชีวิตตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่เขาต้องการตอนนี้ ก็แค่โอกาสให้ตัวเองได้ตอบแทนบางอย่างเท่านั้นเอง วินกำหมัดแน่น เขาไม่อยากโกหกตัวเองอีกต่อไปแล้ว
   “ให้ตายสิ นายอยู่ไหนวะไกด์" วินร้อง พลางเงยหน้าขึ้นมองครัวที่อยู่ด้านขวา เขามองมันด้วยดวงตาที่แข็งกร้าวและมือที่สั่นไหว "ฉ....ฉันคิดถึงนายนะ"
   สายลมหนาวพัดลู่มาต้องหลังของเขาเบาๆ วินห่อตัวเล็กๆพลางหันหลังไปมองดู ผ้าม่านปลิวลู่ลมเบาๆ ที่พักมาจากข้างนอก
   วินหรี่ตามองเห็นเงาลางๆยืนอยู่ที่ระเบียง ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นเดินไปยังระเบียงช้าๆ ภาพเงาที่เลือนรางเด่นชัดขึ้นในดวงตา โครงร่างที่ทำให้ลมหนาวที่พัดลู่เข้ามาทำตัวของเขาสั่นสะท้าน วินค่อยๆเดินไปถึงผ้าม่านและระเบียง
   ผ้าม่านเปิดออกนสุดพอดีกับที่ร่างๆนั้นหันหลัง ตั้งใจจะกลับเข้ามาข้างใน วินจ้องร่างนั้นอย่างไม่กระพริบตา ขณะที่ไกด์มองวินด้วยความตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับเวลารอบๆตัวหยุดหมุนไป วินหายใจเข้าไม่เป็นจังหวะ ขณะที่ไกด์ค่อยๆผ่อนคลายตัวเองลง
   “ก...กลับมาแล้วเหรอ" ไกด์ถามด้วยเสียงเย็นชา วินพ่นลมออกมาครั้งหนึ่ง ขณะที่เผยรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า ไกด์มองใบหน้านั้นที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมาย "ก...กินอะไรมาหรื.....”
   วินถลาตัวเองเข้ามากอดไกด์เอาไว้ทันที ร่างของวินสั่นไหวอยู่ภายใต้อ้อมกอดของไกด์ที่ระเบียง ไกด์หลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆสวมกอดวินกลับ
   “ขอโทษ" วินพูดเสียงเข้ม "ชั้นขอโทษ"
   ไกด์ยิ้มเบาๆ แม้ว่าเขาจะยังไม่พร้อมกับอะไรทั้งนั้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า
   แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็กอดกันอยู่เนิ่นนานแม้ว่าอากาศมันจะเลวร้ายลงแค่ไหนก็ตาม
….....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2012 03:25:34 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 23 Past

   “เข้าไปข้างในเหอะ" ไกด์พูดเบาๆ "เดี๋ยวจะหนาวตายกันทั้งคู่"
 ไกด์ดึงตัววินออกจาอ้อมกอด พลางดึงตัววินเข้าข้างในห้อง ก่อนจะปิดกระจกระเบียงลง
   วินประจันหน้ากับไกด์ที่ระเบียง ไกด์มองหน้าวินอยู่ได้ครู่เดียวก็ต้องหลบสายตาลง ก่อนจะก้มหน้าเดินหลบไป วินอึกอักอยู่เล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นยังไง
   “กินอะไรมาหรือยังคับ" ไกด์ถามเสียงอบอุ่น วินก้มลงด้วยความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นอยู่เต็มอก หมอนี่ทำอะไรให้เค้ามามากเกินพอแล้ว ถ้าไม่ใช่เงินก้อนที่ไกด์เก็บเงินของเขาเอาไว้ เขาไม่มีทางมีเงินทำทุกๆเรื่องที่ผ่านมาได้ขนาดนี้
   “ไกด์ชั้น...." วินพูดขึ้น
   “ว่าไงล่ะ" ไกด์พูดขัดขึ้น "เอ้าตอบสิคับ จะได้ทำให้กิน"
   “ช,,,,ชั้น" วินขมวดคิ้ว "ชั้น ไม่ค่อยหิวอ่ะ.....ชั้น.....นายทำอะไรก็ได้ง่ายๆ ได้มะ"
   ไกด์เลิกคิ้ว ก่อนจะก้มตัวลงไปค้นคลุกๆในตู้ด้านล่าง ก่อนจะหยิบบางอย่างขึ้นมาทำอยู่ตรงนั้นคลุกคลักๆ วินก้มหน้าลง ในหัวคิดเตรียมคำพูดเอาไว้บางอย่าง
   “นี่ไกด์ฟังนะ....วันนั้นน่ะชั้นเอ่อ....” วินเดินเข้ามาใกล้ไกด์มากขึ้น "ชั้นไม่รู้จะพูดยังไงแต่...ชั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดแบบนั้นกับนาย...แล้วเอ่อ.....เรื่องทั้งหมดนั่น....ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปรับรู้เรื่องของนายนะแต่ว่า...ชั้น.......ชั้นแค่......”
   “ช่างมันเหอะ" ไกด์ว่า "ชั้น.....ไม่ได้คิดเรื่องวันนั้นแล้ว"
   “แต่ชั้น.....” วินว่า "ชั้นอยากจะขอโทษ"
   เสียงเครื่องครัววางลงเสียงดัง วินตกใจเล็กน้อย และแล้วเงียบกันไปพักนึง
   “ชั้นต่างหากที่ต้องขอโทษนาย" ไกด์พูดขึ้นก่อนจะก้มลงทำอาหารต่อ "หึ...นี่นายคงไม่ได้เป็นวินลูกคุณหนูเอาแต่ใจอีกแล้วสินะ"
   “ก็คงเหมือนนายที่คงไม่ใช่ก้อง บาริสต้าสุดเย็นชาแห่งร้านเกล็ดหิมะอีกแล้ว" วินว่าต่อ วินไม่อยากหลบหลีก หรือพูดจาอ้อมค้อมกับไกด์อีกแล้ว ยังไงซะ ไกด์ก็มาอยู่ตรงนี้อย่างที่เค้าต้องการ การสบายใจกันทั้งสองฝ่าย มันเป็นเรื่องจำเป็นต่อการอยู่ด้วยกันที่นี่ต่อไป
   “ไกด์" วินว่า "ชั้นยังเก็บสัญญาไว้ได้อยู่หรือเปล่า ถ้าชั้นจะขออยู่ที่นี่ต่อ"
   “เอาดิ" ไกด์ตอบสั้นๆ
   “ต...แต่ว่า.....” วินพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม "ชั้นว่าเรา ก็ไม่ควรจะมีเอ่อ....เรื่องที่ต้องปิดบังกันอีกหรือเปล่า"
   ไกด์หันหน้ากลับมามองวินเล็กๆ
   “คือชั้นหมายความว่า" วินว่า "ถ้านายมีเรื่องอะไรที่คิดว่าควรบอกชั้นก่อน นายก็น่าจะ......”
   ไกด์หันหน้ากลับมา ก่อนจะวางชามมาม่าลงตรงหน้า วินตกใจเบาๆ เป็นอาหารง่ายๆอย่างที่วินว่าจริงๆเสียด้วย แต่หน้าตาของมาม่ารสหมูสับชามนี้ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเลย
   วินมองมาม่าอยู่พักนึง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไกด์ที่ก้มลงมองชามนั้นอย่างเพ่งพินิจ วินเอื้อมมือไปจับไกด์ทันที
   “นายก็เคยบอกชั้นเอง ว่าถ้าลองเล่าให้คนที่ไม่รู้จักฟัง มันอาจจะทำให้นายได้มุมมองอะไรอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยก็ได้ไม่ใช่หรือไง" วินว่า
   ไกด์เงยหน้าขึ้นมองวินช้าๆ
   “ไกด์ ชั้นว่าชั้นพร้อมรับฟังเรื่องของนาย" วินว่า "เล่ามาเถอะ"
   ไกด์ขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลง ชายหนุ่มหายใจเข้าช้าๆ ก่อนมือที่วางอยู่ในเคาท์เตอร์จะกำแน่น
   “ชั้นน่าจะรักเค้าให้มากกว่านี้" ไกด์ว่า "มันเป็นความผิดของชั้นเองทั้งหมด เพราะชั้นมันไม่เคยดี"
   วินมองใบหน้าไกด์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ใบหน้าที่เคยเย็นชาแดงระเรื่อ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองวินอีกครั้ง
   “เรื่องมันเกิดขึ้นที่นี่เองแหละ" ไกด์ว่า พลางพยักเพยิดไปที่มุมเปียโนและกีตาร์ที่ตั้งอยู่ แต่ไม่เคยได้เปิดออก "มันเป็นน้องที่ไม่เคยทำอะไรได้ดั่งใจชั้นซักอย่าง มันชอบทำอะไรไม่บอกชั้น ทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเองถูกตลอดอ่ะ แต่ตัวชั้นเอง กลับแย่กว่านั้นมาก ถ้าไม่นับเรื่องเรียนที่ชั้นเป็นคนดูแล นอกนั้น ชั้นก็ไม่เคยดูแลอะไรมันอีกเลย

   ชั้นกับก้องย้ายมาปารีสได้สองเดือน เราสองคนพี่น้องอยู่ที่นี่ ชั้นทำงานของชั้น เค้าก็เรียนของเค้า เราสองคนแทบไม่ได้คุยกันเลยจนกระทั่ง ก้องพาสเตลล่าเข้ามา

   ไกด์เปิดประตูเข้ามาในห้อง ก็พบกับน้องชายสุดแสบของตัวเอง กำลังนัวเนียอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งบนโซฟา ชายหนุ่มเดินไปกระชากตัวน้องลงมาทันที
   “เห้ย เกรงใจพี่มึงหน่อยมั้ย" ไกด์ร้องเสียงดัง
   “เอ่อ....เอ้อ...เฮีย" ก้องกุลีกุจอลุกขึ้นทันทีขณะที่หญิงสาวค่อยๆจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ไกด์เหล่มอหญิงสาวด้วยความพินิจอยู่ครู่หนึ่ง
   “อะไรของมึงเนี่ยก้อง" ไกด์ว่าเสียงดัง
   “ก็...นี่เสตลล่าไงเฮีย" ก้องว่า "เฮียเคยเจอแล้วนี่....ที่สตาร์เบิร์กอ่ะ"
   “มันอธิบายเรื่องที่มึงตอกกันตรงนี้ยังไงวะ" ไกด์ถามน้องเสียงดุ พลางถอดเสื้อคลุมออกพาด พลางเดินไปยังตูเย็นเพื่อหาน้ำดื่ม
   “ก็...วันหยุดเค้า ผมก็เลยว่าจะให้เค้ามาอยู่ที่นี่ซักสองสามวัน" ก้องว่า
   “ห้องนอนมันมีห้องเดียวไอ้น้อง" ไกด์ว่า "อ่อ....จะให้ชั้นนอนในห้อง แล้วแกสองคนก็นัวกันที่โซฟาเนี่ยนะ"
   “ปล่าว ก็....อธิบายให้ฟังไง ว่าอะไรยังไง เฮียก็...อย่าทำเป็นไปหน่อยเลยน่า ทีเฮียพาผู้หญิงมาห้องผมยังไม่ว่าซักคำ" ก้องย้อน
   “ชั้นไม่เคยมานั่งนัวกันตรงห้องนี้ได้ป่ะวะ" ไกด์ว่า
   “งั้นผมขอห้องเฮียนะ" ก้องพูดเสียงกวน
   “ไอ้ก้อง" ไกด์ตวาด "แล้วกูนอนไหน โซฟาไง?”
   “อ้าว ก็เฮียไม่ค่อยอยู่แล้วนี่" ก้องว่า "จีโอเค้าก็มีเรื่องจะปรึกษาเฮียอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ"
   “หึ" ไกด์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะมองไปที่สเตลล่าที่กำลังมองมาที่ไกด์อย่างจงใจ ชายหนุ่มมองหน้าเธอกลับ หญิงสาวที่เคยสบตากันอยู่บ้างที่สตาร์สเบิร์ก ไกด์จำได้ดี
   “แล้วยังไง" ไกด์ว่า
   “โธ่เฮีย...เฮียก็รู้อ่ะ" ก้องยักคิ้วให้เป็นนัยๆ
   ไกด์ไม่ตอบอะไร ได้แต่ดื่มเบียร์ที่อยู่ในตู้อยู่อย่างนั้น

   เราสามคนใช้เวลาในหลายๆสุดสัปดาห์ มันงี่เง่าเอามากๆที่ชั้นไม่ได้ทันระวังตัว สำหรับชั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก กับการที่น้องจะควงผู้หญิงซักคนอยู่แล้ว

   “หมายความว่ายังไงคะ ที่ยูบอกว่าคยูมาที่นี่บ่อยน่ะ" สเตลล่าตะโกนเสียงดังขึ้นในบาร์ ฤิทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เธอล่องลอยไปกับความสนุก
   “ผมก็....”
   “เสตลล์ พี่ผมอ่ะนะ แม่งเชี่ยวจะตาย เรื่องผู้หญิงอ่ะ จริงมั้ยเฮีย" ก้องร้องเสียงดัง เด็กหนุ่มก็เป็นอีกคนที่ล่องลอยไปกับฤทธิ์เหล้า ก่อนจะคว้าขวดเบียร์คล้องคอพี่ชายและแฟนสาวไว้ด้วยกัน "มากับผมสองคนทีไรนะ....ได้กลับไปทุกคืนอ่ะ"
   “จริงเหรอ เห็นยูเป็นคนเงียบๆนะ ร้ายลึกเหรอคะ" สเตลล่าส่งสายตามายังไกด์ ชายหนุ่มยิ้มกริ่มให้เธอขณะที่ยกขวดเข้าปาก
   “ก็แล้วแต่จะคิดน่ะ" ไกด์ตอบ "แล้ว สเตลล่าคิดว่ายังไงล่ะคับ"
   “ก็....ไม่รู้สิคะ" สเตลล่าพูดเสียงล่อยลอย "ก็แล้วแต่จะคิดน่ะค่ะ"
    ก้องยังคงสนุกสนานไปกับเสียงดนตรีที่ดังกึกก้องต่อไป

   หลายวันต่อมา ก้องต้องไปประกวดทำอาหารพื้นบ้านแถวๆทางเหนือ ก้องฝากเสตลล่าไว้ให้ชั้นดูแลสองสามวัน เสตลล่ากับชั้นก็เลยได้มีเวลาอยู่ร่วมกันสองคน ชั้นไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าความสนุกของตัวเอง จนกระทั่ง.....

   ชายหนุ่มผู้ไม่เคยตกต่ำในเรื่องบนเตียงกับหญิงสาวผู้โหยหาอิสระกำลังปล่อยความรู้สึกผิดชอบให้ล่องลอยไป ชายหนุ่มยกสะโพกขึ้นให้สามารถมอบความสุขได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ขณะที่หญิงสาวอ้าตอบรับอย่างสุขสม เสียงคร่ำครวญดังก้องไป ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายด้านนอก แต่กลับไม่ได้ทำให้ความเร่าร้อนในห้องนี้ลดลงไปแม้แต่น้อย
   เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าร่างของทั้งคู่จะยังไม่แยกออกจากกันเลยซักนิด
   “พี่ไกด์!!!" ก้องร้องเสียงดัง เมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพรักอันร้อนแรงตรงหน้า ระหว่างหญิงสาวที่เขรักหมดหัวใจ กับพี่ชายที่เขาเคารพมากที่สุดในชีวิต
   เกมส์รักอันร้อนแรงหยุดลงแต่เพียงเท่านั้น

   การทะเลาะที่ผ่านมาในชีวิตทั้งหมด ไม่เคยมีครั้งไหนที่รุนแรงมากไปกว่าคืนนั้น มันเป็นความผิดพลาดครั้งที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ชั้นจะทำให้เค้า
   ก้องเลิกกับเสตลล่า และไม่ยอมพบหน้าเธออีก แต่กับชั้นมันเลวร้ายกว่านั้นมาก เค้าออกจากบ้านไปสถาบันทุกวันโดยที่ไปไม่ถึง ขณะที่ชั้นก็ยังไม่สำนึก ไม่ได้ใส่ใจดูแลเค้าอีกตามเคย ตอนนั้น คิดไว้แต่ว่า มันก็แค่เรื่องสนุก มันเป็นแค่....ความสนุกชั่วข้ามคืนเท่านั้น
   แล้ววันนั้นมันก็มาถึง
   ชั้นกลับบ้านมาในวันปีใหม่ คิดเอาไว้เหมือนกัน ว่าอยากจะคุยกับเค้าให้เข้าใจกันทั้งคู่ วันนั้นสภาพห้องแย่กว่าวันที่ชั้นไม่สบายซะอีก ข้างของวางกระจัดกระจาย ชั้นเดินเข้าไปในห้องของตัวเองรู้ไหม
   ชั้นได้เห็นหน้าเค้า นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น....
   กับเข็มฉีดยา แล้วก็เฮโรอีนอีกสองห่ออยู่บนหัวเตียง....


   ไกด์เงียบเสียงลงไปพักนึง วินหายใจหอบถี่ ราวกับไกด์พาเขาวิ่งมาเป็นระยะทางหลายกิโล การวิ่งผ่านอดีตที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เค้าจะเคยได้ยินมา
   “รู้ไหมวิน" ไกด์พูดขึ้น "ชั้นทนเห็นหน้าเสตลล์ไม่ได้อีกเลย"
   “ก....ไกด์" วินร้องออกมาเบาๆ
   “คำพูดก่อนที่เค้าจะไปประกวดคืออะไรรู้ไหม" ไกด์พูด

   “เฮียรู้ป่ะ ตอนนี้ชีวิตผมนะ โคตรแฮปปี้อ่ะ" ก้องร้องเสียงใสที่สถานีรถไฟ "ถ้าผมชนะประกวดครั้งนี้นะเฮีย ผมก็จะให้จีโอเปิดร้านให้ที่ปารีส แล้วผมจะขอสเตลล่าแต่งงาน แล้วเฮียก็จะได้ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายเรื่องผมอีกแล้วด้วย"
   “นี่แก....รักผู้หญิงคนนี้จริงๆเหรอวะเนี่ย" ไกด์ถามเสียงสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาน้องชาย
   “โหย รักจริงดิเฮีย แล้วเฮียก็ไม่ต้องมาขัดผมเรื่องนี้เลยนะ" ก้องว่า "ถึงผมอ่ะ จะไม่ใช่น้องที่ดีอย่างที่เฮียหวังนะ แต่ครั้งเนี้ย ผมจะพิสูจน์ให้เฮียเห็นซักที เฮียจะได้ไม่ต้องมากงการอะไรผมอีก....เห้ยเฮีย ฟังอยู่ป่ะเนี่ย น้องนุ่งจะได้ดีอ่ะเห้ย"
   “ฟังดิ...แกรีบไปไปเหอะ" ไกด์ว่า "ถ้ามันชนะจริงๆอ่ะนะ เดี๋ยวชั้นเปิดร้านให้เอง"
   “จริงดิเฮีย นี่ไม่ได้พูดเล่นกันนา" ก้องว่ากอนจะหัวเราะอยู่ตรงนั้น


   “ความจริงก็คือ...ชั้นอ่ะพูดเล่น" ไกด์ว่า "แต่ก้องอ่ะ.....เค้าชนะจริงๆล่ะรู้ไหมวิน"
   วินหายใจเข้าอีกครั้ง เค้าไม่เคยได้ยินเรื่องไหน ทำให้เขาเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้เลย ชายหนุ่มกดมือลงบนหมัดที่กำแน่นของไกด์ มันค่อยๆคลายลง
   “ชั้นไม่เคยอยากกลับไปเป็นอย่างเดิมอีกเลยอ่ะ" ไกด์ว่า "แค่ชั้นนั่งคิดถึงตัวเองในวันเก่า แค่จะก้าวกลับไปเป็นตัวเองอีกครั้งมันก็ทำให้ชั้นกลัวไปหมดแล้วอ่ะวิน ชั้น.....ชั้นไม่เคยได้พูดแม้แต่คำขอโทษ...ชั้นยังจำได้วันที่เค้าหันหลังไปวันนั้น....มัน.....ชั้นฆ่าน้องชายของชั้นเองอ่ะ....ชั้นไม่ได้ดีอย่างที่นายคิดไว้หรอกนะ......ชั้นมันไอ้ตัวร้าย...แม้แต่สเตลล์เองก็รู้ว่า....”
   “แต่สำหรับชั้น ชั้นไม่สนว่ะไกด์" วินพูดแทรกขึ้นมาทันที "สิ่งที่ชั้นรู้ก็คือ นายทำให้ชั้นเป็นชั้นทุกวันนี้ ไม่ว่านายจะใช้ชั้นเป็นตัวแทนของก้องเค้าหรือเปล่าแต่....ชั้นเป็นชั้นทุกวันนี้ อยู่ในเมืองเหี้ยๆนี้ได้ก็เพราะนายนะไกด์"
   ไกด์มองหน้าวินอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
   “นายเคยเป็นคนที่เชื่อมั่นในด้านดีของคนอื่นมากกว่านี้ แล้วทำไมถึงกลายเป็นนายที่มองไม่เห็นมันในตัวของตัวเองล่ะไกด์" วินพูดต่อ "เรื่องบางเรื่องที่มันก็เลวร้ายที่สุด สุดท้าย มันก็กลายเป็นแค่อดีต นายแก้อะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว"
   “ชั้นไม่ได้จะมาแทนที่เค้าที่นี่แต่....” ไกด์ว่า "ชั้นแค่ไม่อยากให้ความฝันของก้องพังทลายไปหมด ชั้นอยากให้มันเหลือบางอย่างอยู่ที่นี่ บางอย่างที่ก้องจะยังอยู่ที่นี่ ชั้นไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่ ชั้นแค่รู้สึกว่า ชั้นควรจะทำ ชั้นควรจะได้เห็นโลกที่ไม่มีความขัดแย้งจากฉัน ไม่มีความกดดันจากใคร ไม่มีเงิน ไม่มีความรับผิดชอบมากมาย แบบที่เค้าเคยเห็น แล้วก็ได้มีความรู้สึกดีดีให้กับใครจริงๆดูบ้าง...."
   ไกด์มองหน้าวินอย่างจงใจ
   "เหตุผลนี้สินะ ที่ชั้นก็ดันมาเหมือนกับก้อง น้องของนาย....เหตุผลที่นายบอกว่าชั้นไม่ควรรู้อ่ะ" วินว่า
   “ไม่ใช่หรอก" ไกด์ว่า "ชั้นใช้เวลาหลายวันที่หายไป คิดทบทวนดูแล้ว เหตุผลที่ชั้นไม่อยากให้นายรู้ไม่ใช่เพราะนายเหมือนเค้าหรอก"
   “แต่นายเคยบอก" วินว่า
   “ใช่ ชั้นเคยบอก ว่านายเหมือนเค้ามาก ชั้นเลยทำทุกๆอย่างกับนาย เหมือนที่ควรทำให้เขา" ไกด์ว่า "แต่ชั้นคิดว่ามันไม่ใช่
   “แล้วนายทำทุกอย่างให้ชั้นเพื่ออะไรอ่ะไกด์" วินว่า
   “ชั้นคิดว่านาย มีบางอย่างที่พิเศษกว่าน้องชองชั้น" ไกด์พูด "นายมีพลังที่จะทำบางอย่างได้ด้วยตัวเอง นายกล้าที่จะพิสูจน์ ว่าสุดท้าย ไม่ว่าตัวเองจะเจอเรื่องผิดพลาดอะไร กดดันแค่ไหน นายจะผ่านมันไปได้.....นายทำในสิ่งที่ชั้น....ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ"
   วินก้มหน้าลงยิ้มเบาๆ
   “และที่สำคัญ นายกลับมา" ไกด์ว่า "นายยังอยู่"
   “ชั้นไม่มีทางเลือกต่างหากเล่า" วินร้อง "แล้วที่สำคัญ ชั้นจะไปหามาม่าหรูๆแบบนี้กินที่ไหนล่ะ"
   วินว่าพลางยกชามไปวางที่โต๊ะกินข้าวทันที ก่อนจะนั่งลงกินมันอย่างเอร็ดอร่อย ไกด์เดินมานั่งลงตรงข้ามวิน ก่อนจะมองหน้าวินอยู่อย่างนั้น วินชะงักเล็กน้อย
   “มองคนกำลังกินเพื่อ" วินว่า
   “ทำไมนายถึงไม่เกลียดชั้นอ่ะ" ไกด์ว่า "กับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทุกๆเรื่อง"
   วินวางช้อนกับตะเกียบลงทันที
   “รู้อะไรป่ะคับเจ้าบาริสต้า" วินว่า "ชั้นก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรนักหนามาก่อนหรอกนะ ยิ่งถ้าสมัยอยู่กับไอ้เอิร์ธด้วยล่ะก็ นายนึกไม่ออกแน่ๆ"
   “ชั้นว่าพอจะนึกออก" ไกด์ว่า วินมองค้อนเบาๆ
   “คือนึกออกป่ะ แค่เนี้ยนายยังผิดไม่พออีกเหรอวะ" วินว่า ไกด์ก้มหน้าลง "นายไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเองเพิ่มให้ทุกอย่างมันดูแย่ไปกว่าเดิมหรอกไกด์ เชื่อเหอะ สิ่งที่นายตั้งใจทำให้น้องของนาย มันถูกต้องแล้วล่ะ มันอาจจะไม่ได้ช่วยแก้ไขอะไรให้ดีขึ้น แต่ชั้นชอบนะ คนที่ไม่ได้ดีแต่พูดว่าสำนึกผิด แต่ลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง เพื่อจะพิสูจน์ว่าตัวเอง ได้สำนึกผิดแล้ว มันก็เหมือนสุดท้ายชั้นยอมบินมาโผล่ที่นี่นั่นแหละ"
   ไกด์มองหน้าวินอย่างไม่เชื่อสายตา
   “เกิดอะไรขึ้นกับนายกันนะ" ไกด์ว่าพลางอมยิ้ม รอยยิ้มบางๆอยู่ใบหน้าที่เศร้าหมอง "เกิดอะไรขึ้นช่วงที่ชั้นหายไป เกิดอะไรขึ้นกับนาย"
   “เอาเหอะ" วินว่า "ชั้น...ได้ทำอะไรลงไปเยอะ ที่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะทำได้เหมือนกัน.......ว่าแต่นายเหอะ หายไปไหนมา"
   “ไปเบอร์ลิน" ไกด์ตอบ วินขมวดคิ้ว "ที่นั่นเค้าจัดงานโปรดักส์แฟร์ ชั้นไปหาซื้อตู้เสื้อผ้ามาเพิ่ม ชั้นย้ายของของนายเข้าไปข้างในแล้วล่ะ"
   วินถึงกับสำลัก
   “ห๊ะ" วินว่า "แล้ว..นายรู้ได้ไง ว่าชั้นจะกลับมาอยู่ด้วยอ่ะ ชั้นอาจจะโกรธนายจนไม่กลับมาก็ได้นะเห้ย"
   “ไม่รู้ดิ" ไกด์ว่าพลางก้หน้าลง พลางมองไปที่หระตูห้องนอน "ความรู้สึกชั้นบอกว่า นายไม่ได้ออกไปวันนั้นเพราะโกรธที่ชั้นโกหกเรื่องของตัวเอง"
   วินหลบสายตาลงทันที
   “เหมือนว่า นายโกรธชั้นเรื่องสเตลล่า" ไกด์ว่า "ใช่หรือเปล่า"
   “ก็.....ทุกเรื่องอ่ะแหละ" วินว่า "ช่างเหอะ.....ยังไงก็ขอบใจเรื่องเงินที่คืนให้ด้วยก็แล้วกัน"
   “นึกว่าชั้นจะชุบมือเปิบไปแล้วอ่ะดิ" ไกด์ว่า
   “ไม่รู้ดิ" วินย้อน "ความรู้สึกชั้นก็บอกว่า นายไม่ได้โกงชั้นเหมือนกัน"
   ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย
   “แต่ แค่ไปซื้อตู้เนี่ยนะ หายไปเป็นอาทิตย์" วินว่า
   “ก็ พยายามให้จีโอช่วยเรื่องหาร้านด้วยอ่ะ" ไกด์ว่า "ชั้นจะเปิดร้านอาหารไง ที่เคยบอก"
   “จะเปิดให้ก้องอ่ะดิ" วินว่า "ใช่ไหมล่ะ"
   “อือ...แต่ที่สตาร์สเบิร์กเค้ากำลังมีการเวนคืนผังเมือง ชั้นก็เคยต้องชะงักเรื่องนั้นไปแล้วก็กลับมานี่ก่อน" ไกด์ว่า "ดีใจนะ ที่สุดท้ายก็เจอนายอีก"
   “อือ" วินร้องในลำคอเบาๆ "ล..แล้ว...ทำไมไม่เปิดที่ปารีสอ่ะ"
   “ไม่รู้ดิ" ไกด์ว่า "สู้ราคาไม่ไหวมั้ง จีโออ้วกแน่ ชั้นเองก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนอ่ะ"
   “งั้นเหรอ" วินว่าพลางตักซุปคำสุดท้ายเข้าปาก "อาหารนายนี่ยังอร่อยเหมือนเดิมนะเจ้าบาริสต้า"
   วินลุกขึ้นพลางเอาจานไปล้าง
   “ชั้นไม่พลาดโอกาสกินข้าวเย็นอร่อยๆทุกวันหรอกน่า" วินว่าติดตลก "แล้วก็โอกาสที่จะมาเค้นเอาคามจริงอันเลวร้ายทั้งหลายของนายนั่นด้วย"
   วินวางจานลงหลังจากล้างเสร็จ ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าห้องนอน เขาอยากจะอาบน้ำอุ่นซักหน่อย เค้าเหนื่อยมาหลายวันเหลือเกินแล้ว ไกด์กลับมาก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างเบาขึ้น
   เบาขึ้นจริงๆ
   "สเตลล์ย้ำนักหนา ว่ายังไงนายก็ต้องกลับมาเล่าให้ชั้นฟังแน่ๆ ชั้นก็เลยขออยู่ที่นี่ต่อ เธอเองก็บอกว่านอนที่นี่ไม่ลง" วินว่า "คิดดูสิ ที่นอนฟรีบ้านฟรี อาหารก็อร่อย เหตุผลแค่นี้ใครจะไม่กลับมาล่ะ"
   “ไม่ใช่เพราะว่านายคิดถึงชั้นด้วยหรอกรึไง" ไกด์ว่า
   วินสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับมาหาไกด์
   “บ้า....พูดอะไรของนายอ่ะ" วินร้อง
   “ไม่รู้ดิ" ไกด์ว่า พลางเดินตัดวินเข้าห้องไปก่อนทันที "ชั้นได้ยินคนที่เกือบจะชนคุณเบย์ออดเพ้ออยู่คนเดียวเมื่อกี้อ่ะนะ"
   วินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนที่ประตูห้องของไกด์จะปิดลง
   ความรู้สึกที่สับสนตีวนอยู่ในหัว เขาไม่รู้จะบอกว่าคืนนี้มันหนาวหรืออุ่นดี
   แต่ที่แน่ๆ มีหลายเรื่องถูกยกออกไปจากใจของเขา แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ใจของเขาว่างขึ้น มันกลับวุ่นวายขึ้นเท่าทวี
…........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2012 23:48:33 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :-[

เพื่อน กรุรักเมิงว่ะ อิอิ

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
เจอกันแล้วว  :-[

Tuna Omega

  • บุคคลทั่วไป
กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว :-[

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังที่สองคนต่างก็กลับมาหากัน
และผ่านไปเปลาะนึงแล้วเนาะ ฝีกลัดหนองในใจของไกด์(เรื่องก้อง) ฝีแตกแล้ว คงหายสนิทในไม่ช้า
ยังเหลือแค่ความแน่ใจในความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองที่มีต่อกันและกัน ระหว่างวินกับไกด์

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 24 Unexpected

   เอิร์ธเดินไปตามท้องถนนที่ว่างเปล่า ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงแต่เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเค้าเมื่อช่วงซัมเมอร์ปีก่อนที่เมืองไทย ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากการที่ตัวเองอยากจะลอง ลองทำอะไรที่ท้าทายตัวเอง กล้าก้าวออกจากกรอบ เพื่อกางแขนออกวิ่งไปสู่อิสระที่รออยู่ตรงหน้า เอิร์ธก้มหน้าลงพลางห่อตัวออกเดิน ถึงแม้ว่าฤดูหนาวของปารีสจะหมดไปแล้ว แต่สำหรับเอิร์ธ อากาศที่นี่มันก็ยังคงแปลกประหลาดสำหรับเขาอยู่ดี เขาไม่เคยคุ้นเคยกับที่นี่เลยซักนิด เขาไม่เคยเข้าใจอะไรๆที่นี่เลย
   สองเท้าหาออกเลี้ยวห่างจากห้องพักของตัวเองข้างวิหารโรสแมรี่ ห้องเล็กๆที่เอื้อเฟื้อให้เขาโดยคุณลุงทิม ญาติห่างๆของแม่ที่เป็นเจ้าของตึกแบ่งปันห้องเล็กๆให้เอิร์ธได้ใช้สำหรับเรียนต่อ มันเป็นความต้องการของเขาเอง ที่จะอยู่เองเพียงลำพัง เขาไม่ต้องการบกวนใครทั้งนั้น มันเป็นสิ่งเล็กๆสิ่งแรกที่การพิสูจน์ตัวเองควรจะต้องทำ แต่วันนี้เขาไม่อยากอยู่คนเดียว มีความรับผิดชอบมากมายที่เขาต้องไปทำ มีคำถามมากมายที่รอคำตอบอยู่ คำถามที่โถมเข้าใส่เขามาตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา
   ครึ่งชั่วโมงของการเดินทางมายังซูเม่อินเตอร์เนชั่ลนอลกลมกลืนกลายเป็นสัญชาตญาณไปในที่สุด การทำงานของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อมันมีหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบมากขึ้นตั้งหลายอย่าง หน้าที่ทั้งบนโต๊ะและใต้โต๊ะ
   “Good Morning....En” เสียงของแอนนาทักอย่างเป็นมิตรเป็นประจำ เอิร์ธเปลี่ยนชื่อของตัวเองเป็นเอ็น คนไทยชอบตั้งชื่อเล่นให้ลูกเป็นภาษาอังกฤษแต่มันไม่ใช่คำที่ควรเป็นชื่อ เขาอยากให้ตัวเองมีชื่อใหม่ที่คนฝรั่งจะเรียกได้ง่ายๆ เอ็นมันคือตัวอีซึ่งมาจากเอิร์ธและเอ็นที่มาจากชื่อจริงของเขา นฤเดช
   ลิฟท์ที่ขึ้นมาจากลานจอดรถจอดตรงหน้า เปิดประตูออกช้าๆพร้อมกับลมหายใจของเอิร์ธที่ขาดช่วงไปพักหนึ่ง มิกสบตาเอิร์ธอยู่ครั้งหนึ่งจากในลิฟท์ แม้ว่าเจ้าตัวจะหลบตา เอิร์ธยักตัวน้อยๆอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะปล่อยให้ลิฟท์ปิดประตูลงไปอย่างนั้น
   กึง!!!
   “ตลกมากป่ะวะเอิร์ธ" วินตะโกนลั่นมาจากด้านหลัง ขณะที่ตัวเองยื่นกระเป๋าไปคั่นลิฟท์ไว้ทัน ก่อนจะตกหัวเพื่อนไปหนึ่งที "ลิฟท์มาแล้วไม่ขึ้น คือ!!?”
   เอิร์ธหันไปทำหน้าดุใส่วินครั้งหนึ่ง ก่อนจะพยายามหลบตาคนที่อยู่ในลิฟท์ต่อไป วินทำหน้างงงันก่อนจะมองเห็นคนที่อยู่ในลิฟท์อยู่ก่อน
   “อ...อ่าว....พี่มิก" วินร้อง "อรุณสวัสดิ์ฮะ"
   เอิร์ธถอนหายใจครั้งหนึ่ง วินรู้สึกถึงพลังมาดุประหลาดก่อตัวขึ้น ส่ายหน้าเบาๆครั้งหนึ่ง ก่อนจะลากตัววินเค้ามาในลิฟท์ และยิ้มทักทายมิกอย่างเป็นมิตร เอิร์ธปล่อยให้วินยืนพูดคุยกับมิกกั้นเขาเอาไว้ ไม่กี่อึดใจต่อมาลิฟท์ที่ชั้นสามก็หยุดนิ่ง วินลาพี่มิกก่อนจะเดินออกจากลิฟท์ เอิร์ธเดินตามออกไป แต่ในทันที มิกก็คว้าข้อมือมิกเอาไว้ เอิร์ธหันไปมองทันที
   มิกก้มหน้าลงมองเอิร์ธอย่างจริงจัง ชายหนุ่มขมวดคิ้วเบาๆและส่ายหน้า เอิร์ธก้มหน้าลงก่อนจะยิ้มให้มิก
   “ผมไปทำงานก่อนนะครับ พี่มิก" เอิร์ธยิ้มให้มิกอย่างกวนที่สุดเท่าที่จะเคยทำมา ก่อนจะปล่อยมือตัวเองออกให้ประตูลิฟท์ปิดลง เอิร์ธส่ายหน้าก่อนจะหันกลับมาหาวิน
   “เป็นเชี่ยไรของมึงเนี่ย" วินถาม "ยังไม่เลิกเขินกูอีกหรือไง จะหวานก็ได้ กูไม่แซวมึงหรอก"
   “หวานอะไรขอแกไอ้วิน" เอิร์ธว่า "กูกับเค้าก็แบบนี้แหละ เป็นแบบนี้มาตั้งนานและ"
   “หรา" วินพูดเสียงแซว พลางส่ายหัวอีกครั้งก่อนจะมองไปที่ลิฟท์
   “จะมองให้ประตูมันเปิดรึไงวะ" เอิร์ธว่า "เขาไปทำงานของเค้า และเราก็ไปทำงานของเราได้แล้ว"
   เอิร์ธว่าพลางออกเดิน
   “อ่อ"
   ผัวะ!!!
   เอิร์ธตบหัววินคืนทีหนึ่งก่อนจะออกเดินไป ทิ้งให้วินก่นด่าเอิร์ธตามมาติดๆ
   เป็นเวลาสามสัปดาห์แล้ว ที่ทั้งวินและเอิร์ธย้ายตัวเองมาทำงานที่ซูเม่ในฐานะสองจูเนียร์ดีไซน์เนอร์ งานที่ไม่มีที่สิ้นสุดเสียยิ่งกว่าที่ Esmod Academy พี่สุเมธเป็นมนุษย์ที่คลุกอยู่กับงานศิลปะมาค่อนชีวิต ไอเดียทุกๆอย่างที่ลงมาถึงสตูดิโอนี้ ล้วนเป็นงานที่แปลกใหม่และท้าทาย และเป็นหน้าที่ของดีไซน์เนอร์หน้าใหม่อย่างเอิร์ธและวินที่จะต้องนั่งถอดรหัสศิลปะเหล่านั้น ออกมาเป็นแฟชั่นด้วยเครื่องมือที่เรียกว่าดีไซน์ ผ่านมาสามอาทิตย์ที่หฤโหด ความสามารถในการทำงานของทั้งคู่พัฒนาขึ้นเป็นทวีคูณ ห้องเล็กๆที่ทั้งคู่ใช้ทำงาน แทบจะเป็นบ้านอีกหลังไปแล้ว
   เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นเป็นระยะ วินและเอิร์ธเงยหน้าขึ้นจากกองงานในบ่ายของวันนั้น มันใกล้เข้ามาทุกทีและ
   “...มันเห็นกันชัดๆอยู่แล้วกาย แล้วเจนก็พยายามบอกเอาไว้แล้วด้วยว่าอย่า แล้วทีนี้จะทำยังไงกันล่ะคะ" เจนจิราเดินเข้ามาในห้องทำงานของวินและเอิร์ธ พร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง วินและเอิร์ธตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
   “ถ้าเจนโวย มันก็จะกลายเป็นปัญหาระหองระแหงใจกันเปล่าๆ ให้ตายสิกาย เจนไม่ชอบกับเรื่องแบบนี้กายก็รู้" เจนยังคงบ่นต่อไป ชายหนุ่มคนนั้นหลับตาลงเบาๆก่อนจะหันหน้ามาหาวินและเอิร์ธ
   “หวัดดีเอิร์ธ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ" ชายหนุ่มคนนั้นทักเอิร์ธทันที
   “พ...พี่กาย" เอิร์ธร้องเบาๆ "หวัดดีฮะ พี่มาทำอะไรที่นี่น่ะ"
   “และนั่นก็น้องวินใช่ไหมครับ" กายกล่าวทักอย่างสุภาพ "ลูกชายของคุณวรพัฒน์ เจ้าของคอสโม่คอนเทอลิโอนี่ สาขาประเทศไทย"
   “ช..ใช่ครับ ผมเอง" วินก้มหน้าลงเบาๆ
   “จะกล่าวทักทายกันอีกนานไหมเนี่ย" เจนร้องขึ้น "ทำอย่างกะไม่ได้เจอกันซักสิบปี"
   “เจน" กายพูดเสียงเข้ม "คุณใจเย็นลงก่อนดีกว่าไหม"
   “กายคะ เราสองคนทำงานในวงการนี้มานานพอๆกัน คุณก็น่าจะรู้ ว่าเจนไม่ชอบวิธีแบบนี้ที่สุด" เจนจิราร้อง "การที่เค้าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจนจะต้องทำอะไรๆตามสิ่งที่พวกเค้าต้องการหรอกนะคะ"
      “ขอโทษนะคับ มีเรื่องอะไรกัน มาโวยวายกันถึงสตูดิโอเราสองคนเนี่ย" เอิร์ธร้องขึ้น เจนจิราหันมาหาเขาทันที
   “ถามเค้าสิ เพื่อนเธอน่ะ” เจนจิราว่าเสียงแข็ง
   เอิร์ธหันไปหาวินทันที ชายหนุ่มเลิกคิ้วพลางยักไหล่
   “ตลกแล้วไอ้เอิร์ธ ชั้นตรัสรู้เองไม่ได้หรอกนะ" วินร้อง
   “งั้นเหรอคะ" เจนจิราว่า "งั้นคุณก็คงไม่บังเอิญส่งดราฟท์ดีไซน์ธีม Coldness Town ให้พี่สุเมธไปเมื่อวานหรอกใช่หรือเปล่า หรือบังเอิญได้เข้าประชุมสรุปผลโปรเจ็ค และการปันงบประจำไตรมาสที่ 2ตอนค่ำๆอีกด้วย และไม่น่าเชื่ออีกว่าคุณก็คงบังเอิญมีชื่อรับผิดชอบอยู่ในงานแฟชั่นวีคปีนี้ควบไปกับคู่หูสุดฝีมือของคุณคนนี้น่ะ"
   “ใช่ ผมรู้" วินว่า "นั่นไม่ใช่เรื่อบังเอิญ แล้วไงอ่ะครับ"
   “แล้วไง....ห๊ะ" เจนจิราพ่นลมออกจากปาก "แล้วไง.....ชั้นเคยบอกคุณแล้วที่ Esmod ว่าชั้นจะเป็นคนทำโปรเจ็คแฟชั่นวีคของซูเม่ปีนี้เองไงคุณวิน นี่เป็นงานของชั้น"
   “ผมไม่ได้เป็นคนขอนะคับ" วินว่า "พี่สุเมธเป็นคนเลือก คุณเองก็น่าจะรู้ ว่าพี่เค้าเป็นยังไงเวลาสั่งงาน"
   เจนจิราหันมาหากายทันที
   “เป็นไงคะ คุณเห็นพี่เมธของคุณทำกับเจนหรือยัง ทำเหมือนกับว่าเจนเป็นดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ จะจับโยนโยกย้ายไปไหนก็ได้อ่ะ" เจนจิราร้อง "ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ แล้วเค้าจะเอาเรามาจากกรุงเทพทำไม ถ้าไม่ให้เราสองคนทำงานนี้อ่ะกาย"
   “ทุกอย่างมีเหตุผลในตัวของมันนะเจน" กายว่า "เราสองคนเอง ก็จับงานใหญ่มาเยอะแล้ว สองคนนี้จะต้องมีฝีมือมากจริงๆ ไม่งั้นพี่สุเมธไม่เลือกพวกเค้าหรอก"
   “ฝีมือมากหรือเงินมากกันแน่คะ" เจนจิราว่ากลับ
   “พี่เจน พูดอะไรระวังหน่อยนะฮะ" เอิร์ธว่าขึ้น "คำพูดเมื่อกี้ มันก็อาจจะกระทบไปถึงพี่สุเมธได้ มันไม่ใช่เรื่องดีแน่"
   “มันไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้วล่ะเอิร์ธ" เจนจิราว่า "คุณวิน คุณพ่อคุณไม่ได้มีความรู้และความเข้าใจในความเสี่ยงของการประชันงานดีไซน์กันในแฟชั่นวีคเลยซักนิด คุณรู้หรือเปล่าว่าแฟชั่นวีคมันคืองาน...”
   “ที่จะกำหนดความเป็นไปของกระแสแฟชั่นของทุกแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก การแลกเปลี่ยนไอเดีย ซื้อขาย งานทุกอย่าง ดีไซน์เนอร์ ช่างภาพ นางแบบ จะถูกคัดเลือกและประชันกันทุกแบรนด์ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ผมทราบดีครับ" วินว่า
   “คุณกล้ามากนะ ที่มาเทคงานชั้นไป" เจนจิราว่า " เจนไม่น่ากลับไทยไปหาคุณเลยให้ตายสิกาย เจนเว้นปีที่แล้วแค่ปีเดียว เจนก็เสียเก้าอี้งานนี้แล้ว"
   กายส่ายหัวให้เจนเบาๆก่อนจะมองเอิร์ธ
   “ถ้าน้องวินเป็นสไตลิส เราก็ต้องเป็นอาร์ทไดสินะเอิร์ธ" กายพูดกับเอิร์ธ "ไม่เจอหกเดือน นายเทียบชั้นพี่ซะแล้วเหรอเนี่ย"
   “ไม่มีใครเทียบพี่ได้หรอกพี่กาย ยังไงพี่ก็เป็นที่สุด เป็นพ่อมดแห่งวงการนี้ของซูเม่อยู่ดีอ่ะ ผมไม่ได้มาเทียบชั้นพี่หรอก" เอิร์ธว่า "พี่สุเมธเขาคงแค่อยากให้แบรนด์เราไม่ดู แก่  ไปล่ะมั้งฮะ"
   เจนจิราหันมาจ้องหน้าเอิร์ธทันที เด็กหนุ่มทำเป็นไม่ใส่ใจอย่างกวนๆ
   “สรุปคือที่คุณมาโวยวาย เพราะโดนปาดหน้าเค้กเท่านั้นเองเหรอครับ คุณเจน" วินว่า "มันจะไม่ดูตลกไปหน่อยเหรอ"
   “เดี๋ยวนายก็รู้ว่าใครจะดูเป็นตัวตลก" เจนจิราว่า "ถ้าชั้นไม่ทำงานนี้ นายทุนอีกหลายๆคนที่เคยสนับสนุนแบรนด์ในชื่อชั้น มีสิทธิถอนการลงทุนออกจากโปรเจ็ค และมันไม่ได้เกิดจากการกระทำของชั้น และจะเป็นนายสองคนที่ต้องลำบาก"
   “อ...อะไรนะ" เอิร์ธว่า "หมายความว่ายังไง......ผมไม่เข้าใจ อะไรอ่ะพี่กาย"
   “ประเด็นมันคือ นายสองคนใหม่เกินไปในวงการ ดังนั้นการสนับสนุนจากหุ้นส่วนทั้งหลายมันจะลดลงอย่างหวบห้าบ และพี่สุเมธอาจจะไม่ได้คิดเรื่องนี้" กายพูด "พี่เป็นหนึ่งในผู้บริหารพี่รู้ หุ้นส่วนหลายๆคน ทุ่มเงินหลายพันล้านลงให้กับแบรนด์นี้ก็เพราะว่ามีดีไซน์เนอร์ที่มีชื่ออยู่ในแบรนด์นี้ต่างหากล่ะเอิร์ธ"
   “ซูเม่อินเตอร์เนชั่นนอลเป็นแบรนด์ใหม่นะ" เจนจิราพูดเสริม "เงินมันตามชื่อเสียงของพี่มา ของพี่สุเมธ ของพ่อมดอย่างกาย หุ้นส่วนเค้าไม่ได้ศรัทธากับแบรนด์เอิร์ธ แต่เค้าเลือกให้เงินพวกพี่ไงล่ะ...คิดสิเอิร์ธ"
   เอิร์ธหันไปมองหน้าวิน
   “นี่นายไม่ได้บังเอิญลืมบอกชั้นหรอกใช่ไหม" เอิร์ธถามวิน แม้ว่าวินยังคงจ้องไปที่เจนจิราและกายเขม็ง
   “คำถามก็คือ นายกล้าเอาแบรนด์นี้ไปเสี่ยงแค่ไหนวิน" เจนจิราพูด "ชั้นไม่ใช่นางอิจฉาที่จะมานั่งโวยวายเพียงเพราะเธอสองคนแย่งงานชั้นนะ แต่นี่มันกำลังหมายถึงอนาคตมูลค่าหลายพันล้าน พี่สุเมธเค้าเป็นอาร์ทิส เค้าไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าเค้ากำลังทำอะไร เค้าสนุกที่ได้เล่นกับเด็กใหม่ แต่อนาคตของแบรนด์ มันคือสิ่งที่ชั้นให้ความสำคัญ"
   เอิร์ธส่ายหน้าขณะมองหน้าวิน เป็นความเงียบอันร้อนแรงเอามากๆในสตูดิโอนี้
   “....ถึงคุณไม่ได้งานในแฟชั่นวีค แต่คุณก็มีงานขยายแบรนด์ที่อังกฤษไม่ใช่เหรอครับ" วินว่า
   “คุณรู้ได้ยังไง" เจนจิราว่า "ให้ตายเถอะกาย นี่สรุปวินเค้าป็นจูเนียร์ดีไซน์เนอร์หรือหุ้นส่วนกันแน่คะ เราสองคนควรจะลาออกแล้วมาสมัครงานที่นี่ใหม่ไหม แล้วคุณก็บอกเป็นหลานอาพัฒน์ของคุณอ่ะ"
   “ไม่ต้องหรอกครับ" วินว่า "พ่อผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และก็เป็นคุณเองไม่ใช่เหรอ ที่เคยบอกผมไว้ที่ Esmod ว่ามันก็คงดี ที่มีผมช่วยเป็นคนคัดง้างกับคุณพ่อ เรื่องงบที่จะลงทุนกับซูเม่น่ะ"
   เจนจิราเงียบเสียงลง
   “ผมไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพื่อมานั่งทนฟังคำดูถูกเรื่องเส้นนะครับ" วินว่า "ผมเห็นว่าคุณยุ่งมาก และไม่อยากจะใส่ใจเราอีก ผมเลยทำงานกันหนักมาก ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อช่วยคุณ ช่วยดีไซน์เนอร์ที่นี่ ช่วยแบรนด์ที่นี่"
   “นายน่ะเหรอช่วย" เจนจิราว่า
   วินเดินไปที่โต๊ะพลางหยิบแฟ้มสีดำแล้วยื่นให้เจนจิราทันที เธอรับมันมาไว้ในมือ ก่อนจะเปิดมันออกดู เจนจิราหันไปทำหน้าตกใจกับกายก่อนจะยื่นให้ดู กายถึงกับมองมาที่วินทันที
   “หมายความว่ายังไง" กายถาม
   “ผมกับพ่อ มองว่าการขยายสาขาก็เป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุดของซูเม่เหมือนกัน สำคัญพอๆกับการประชันผลงานในแฟชั่นวีคที่นี่" วินว่า "มันจะไม่ดีว่าเหรอครับ ถ้าเราจะทำมันไปพร้อมกัน"
   “มันไม่เหลือเงินก้อนนะวิน น้องอาจจะเด็กเกินไปที่จะเข้าใจเรื่องแบบนี้แต่ว่า ช่วงปลายปีน่ะ หุ้นส่วนแต่ละคนจะให้ความสำคัญกับสิ่งเพียงสิ่งเดียวคือแฟชั่นวีค และทุกแบรนด์จะเป็นอย่างนั้น" กายอธิบาย "ไม่มีใครยอมเทกระจาดสองใบหรอก"
   “ก็เพราะว่าทุกแบรนด์ที่เหลือเทใบเดียวไงครับ" วินว่า "และจะเป็นซูเม่ ที่จะเทสองใบ"
   เจนจิราหรี่ตามองวินอีกครั้ง
   “งานขยายสาขาที่อังกฤษมันสำคัญมาก พี่สุเมธถึงเลือกคุณสองคน" วินว่า "ผมกับเอิร์ธทำไม่ได้หรอก มันเป็นงานใหญ่เกินไป ถ้าเราจะขยายซูเม่ ดีไซน์เนอร์ที่นี่อาจจะต้องแยกกันไปทำงานให้เกิดผลทั้งสองทาง และพี่สุเมธเชื่อใจผมสองคนให้ทำงานนี้ พี่สองคนล่ะ เชื่อใจผมหรือเปล่า"
   “สมเป็นลูกชายคุณวรพัฒน์จริงๆ" เจนจิราพูด "ไม่มีดีไซน์เนอร์คนไหน กล้าทำอะไรเสี่ยงแบบนี้"
   “ผมไม่ใช่ดีไซน์เนอร์แบบที่พี่เคยเจอหรอก" วินว่า "ผมอาจจะเหยียบอยู่สองฝั่งก็ได้"
   เจนจิราปิดแฟ้มลงทันที
   "นักธุรกิจก็นักธุรกิจ ดีไซน์เนอร์ก็คือดีไซน์เนอร์" เจนจิราว่า "เงินเป็นมูลค่าที่ตอบแทนงานดีไซน์น่ะใช่ แต่ชั้นจะไม่ยอมให้มันมามีอำนาจมากไปกว่าการสร้างสรรค์ผลงานของแบรนด์หรอกนะ เมื่อพวกเราทำงานกันไปมากกว่านี้อย่างที่เธอว่าบางทีเธอก็อาจจะต้องเลือกฝั่งนะวิน"
   “บางทีผมอาจจะไม่เลือกฝั่งไหนเลยก็ได้" วินว่า "แต่ดีแล้วล่ะครับ ในโต๊ะผู้บริหารควรจะมีดีไซน์เนอร์อย่างพี่อย่างคุณกายเอาไว้น่ะดีแล้ว คนบางคนจะได้รู้ ว่าเงินมันซื้อไม่ได้ทุกอย่าง"
   วินก้มหน้าลง
   “แต่มันก็อาจจะเป็นตัวกำหนดทุกอย่างได้เหมือนกันนะวิน" กายพูดต่อ เจนพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ
   เอิร์ธมองทั้งสามคนคุยกันอย่างงวงย นับตั้งแต่วันที่เขาโดนน๊อคตอนทำแฟชั่นโชว์ วันนี้เป็นอีกวันที่เขาโดนน๊อคจนมึนงงอีกครั้ง วินพาเขาเดินมาไกลจนน่าตกใจ เขาตามอะไรแทบไม่ทัน
   “งั้นชั้นก็จะขอให้พวกเธอโชคดีกับโปรเจ็คนี้ก็แล้วกัน" เจนจิราว่าพลางมองมาหาเอิร์ธ "เธอมาอยู่ระดับเดียวกับชั้นได้จริงๆสินะเจ้าตัวแสบ"
   เจนจิราเดินหันหลังออกจากห้องไปทันที
   “พี่ขอโทษแทนพี่เจนด้วยนะ จริงๆแล้วพี่เค้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น" กายพูด
   “ผมรู้พี่....” เอิร์ธว่า "พี่ก็รู้อ่ะ ว่าผมก็รู้"
   “อืม...โชคดีนะเอิร์ธ" กายว่า พลางหันหลัง
   “เอ่อ...พี่กายครับ" เอิร์ธว่า กายหันหลังกลับมา "ผมเอ่อ....ผมดีใจที่ได้เจอพี่ที่นี่นะ.....รู้สึกเหมือนทีม BAD กลับมาเจอกันน่ะครับ แล้วเอ่อ...พี่ได้เจอพี่นัทกับพี่สาบ้างหรือเปล่า"
   “ไม่อ่ะ" กายพูด "พี่แค่แวะมาน่ะเอิร์ธ ไม่ได้ตั้งใจมาหาใคร...เราก็รู้ ว่าพี่เป็นไงนี่"
   “ครับ ไว้เจอกันพี่" เอิร์ธว่าพลางมองกายเดินหายไป เอิร์ธหันมาหาวิน "มันอะไรกันวะ กะแล้ว ว่าไอ้ทำกันมาสองสามอาทิตย์กว่าๆมันแปลกๆ พี่สุเมธดูเค้าจะแคร์มึงเหลือเกินอ่ะ นี่ขนาดเรียกเข้าไปประชุมเลยเหรอวะ กูไม่เห็นรู้รเื่องเลย แล้วดีไซน์เนอร์คนอื่นเค้าจะมองยังไง"
   “ไหนว่าไม่กังวลไง" วินว่า "ทำๆไปเหอะ หนักกว่านี้ไม่มีแล่ว"
   วินว่าพลางหันหลังกลับไปทำงาน
   “มึงตกลงอะไรกับพ่อมึงหรือไง" เอิร์ธถามขึ้น
   “ทำไมถึงคิดงั้น" วินว่า
   “มึงทำเหมือนมึงรู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นไอ้วิน" เอิร์ธว่า "มึงรู้เรื่องพวกนี้ดีเกินไป เกินกว่าคนที่เพิ่งมาอยู่ที่นี่สามอาทิตย์"
   “กูก็บอกมึงไปแล้ว ว่าพ่อกูเค้าวางไว้แล้วว่ากูต้องเข้ามาอยู่ในนี้ มึงเองก็อยากอยู่ในนี้ กูทำให้สำเร็จแล้วนี่ไง" วินว่า
   “แต่มึงไม่ได้บอกกู ว่าเราต้องทำงานกันต่อโดยงบจะไม่เท่าเดิม" เอิร์ธว่า "เงินเป็นล้านนะเว่นวิน"
   “กูรู้" วินว่า
   “ใช่มึงรู้ เมื่อต้นปี เรื่องเงินไม่ถึงหมื่นที่มึงต้องเอาไว้ใช้ มึงกังวลจะตายห่า นี่เงินเป็นล้าน มึงไม่กังวลเลยซักนิด กูว่ามันไม่ใช่ละ" เอิร์ธว่า
   “เอาน่า....มึงทำพาร์ทดีไซน์ไปเหอะ เดี๋ยวที่เหลือกูจัดการเอง" วินว่า
   “มึงจะเอาชนะพ่อมึงให้ได้ใช่ไหมเนี่ย" เอิร์ธถาม
   “ก็พอๆกับที่มึงจะเอาชนะพี่มิกให้ได้นั่นแหละ" วินว่า
   เอิร์ธเงียบไปเล็กน้อย
   “ไม่เกี่ยวกันซักหน่อย" เอิร์ธว่าพลางนั่งลบนเก้าอี้ "นั่นมันเรื่องที่กูไม่อยกให้เค้ามองว่ากูพึ่งเค้า เป็นอย่างนี้น่ะดีแล้ว ที่พึ่งไม่ได้ ทำเหมือนรู้จักกันก็ไม่ได้น่ะ"
   “ก็เหมือนกันนั่นแหละ" วินว่า "กูไม่อยากให้มึงต้องใช้เงินพ่อกูทำงานเหมือนกัน งานเรา ก็ต้องเป็นงานเราจริงๆดิวะ"
   “เออ...” เอิร์ธว่า "เป็นไงก็เป็นกันวะ บังเอิญมาอยู่ตรงนี้แล้ว มันก็ช่วยไม่ได้"
   เอิร์ธจมตัวเองหายไปกับหน้าจอ หน้าของมิกวนเวียนอยู่ในหัว เขาไม่อยากยอมรับความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่มันอยู่ในอก มันทำให้เขาดูงี่เง่าเกินไป พี่มิกให้เขาออกห่างไว้น่ะถูกแล้ว แค่นี้เขากับวินก็ต้องแบกรับอะไรๆหนักหนามากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เขาไม่มีทางถอยหลังกลับแล้ว ไม่มีทางแน่ๆ
   วินหยิบกระเป๋าขึ้นมา เปิดเอาสมุดสเก็ชของตัวเองออกมาวาง
   แฟ้มๆหนึ่งซุกอยู่ในกระเป๋า
   แฟ้มที่บรรจุซองเอกสารสัญญาเช่าซื้อตึกแถวเลขที่ 488/489 ถนนรู เดอ แปง ขนาดสามชั้น
   สัญญา...ที่มีลายเซ็นวินเป็นเจ้าของเรียบร้อยแล้ว
….........

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด