Coldness Town....เพราะหัวใจ ไม่เคยลืม [ตอนที่ 52 Coldness Town] จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Coldness Town....เพราะหัวใจ ไม่เคยลืม [ตอนที่ 52 Coldness Town] จบแล้วจ้า  (อ่าน 52608 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ในตอนนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการให้กำลังใจวินกับเอิร์ธ
ลุ้นเด็กสองคนที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นอันแน่วแน่

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 25 Stay

   วินนั่งมองหนังสือสัญญาที่อยู่ในมืออย่างเป็นกังวล กระดาษหนึ่งใบในมือนี้มีมูลค่าเกือบยี่สิบล้านบาท พูดได้เต็มปากว่านี่เป็นกระดาษที่แพงที่สุดที่เขาเคยถือมา และก็อาจจะพูดได้ว่านี่จะเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่พ่อจะให้เขา ไม่ว่าจะเป็นเงินสำหรับการใช้ชีวิต และการทำงานที่คอสโม่ เขาเพ่งมองมันอยู่หลายนาทีอยู่ที่โซฟาในห้อง
   เสียงกร๊อกแกร็กดังขึ้นที่ประตูหนึ่งครั้ง วินรีบเก็บมันกลับลงไปในกระเป๋า ก่อนที่ไกด์จะเปิดประตูเข้ามา
   “เห้" ไกด์ยิ้มให้วินทันที วินยิ้มตอบเบา "วันนี้กลับไวนี่นาย ชั้นแวะไปที่ซุปเปอร์มา เจอมะม่วงลูกใหญ่เขาขายโลละตั้งยี่สิบปอนด์แหนะ แต่พอนึกได้ว่านายคงไม่ได้กินผลไม้ไทยมานานมากๆแล้วแน่ๆ ก็เลยซื้อมาด้วยนี่ไง"
   วินยิ้มให้ไกด์น้อยๆ พลางมองถุงกระดาษสีน้ำตาลหลายใบในมือ
   “แต่ว่าลูกคุณหนูอย่างนายเคยกินข้าวเหนียวมะม่วงหรือเปล่า" ไกด์เดินไปพลางวองของลงที่เคาท์เตอร์ครัว พลางจัดข้าวของ "ต้องเคยบ้างสินะ วันนี้เดี๋ยวทำให้กินเอาหรือเปล่า"
   วินยังมองไกด์อยู่อย่างนั้น มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลยที่เขาเลือกเดินทางมาฝั่งนี้ มาอยู่กับคนที่เขาแทบไม่รู้จัก แต่สิ่งที่เขารับรู้ได้มาจนถึงตอนนี้ ผู้ชายคนนี้ เติมเต็มบางอย่างให้กับชีวิต ไกด์ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าสำหรับเขาอีกต่อไป สำหรับวินแล้ว นายเย็นชาคนนี้คือเพื่อน คือพี่ คือทุกๆอย่างที่เขาพึ่งได้ที่นี่
   และถ้าเขาจะตอบแทนอะไรซักอย่างให้กับใครซักคนที่ทำให้เขาเป็นคนอย่างทุกวันนี้ได้ ก็คงเป็น.....
   วินตื่นจากระบบความคิด เมื่อมือของเขาถูกสัมผัสด้วยมือของไกด์ ชายหนุ่มมานั่งลงตรงหน้า พลางมองเข้ามาที่ดวงตาของเขา
   “เป็นอะไรไป คิดอะไรอยู่" ไกด์ถามเสียงแข็ง
   “อ่อ...คือ...” วินกระพริบตาเบาๆ พยายายมตั้งสติ ไกด์ตั้งใจมองเข้ามาในดวงตาของเขา วินเห็นประกายที่เด่นชัดอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าที่พยายามจะยิ้มให้เขามันดูช่างน่าขำ เหลือบมองไปที่มือที่สัมผัสเขาอยู่ ความอุ่นค่อยๆเกิดขึ้นทีละน้อย กลิ่นลมหายใจที่ลอยมาปะทะใบหน้า บรรยากาศที่มีเพียงเขาและวินตอนนี้ คำรู้สึกมากมายตีวนไปมาอยู่ในหัว
   วินรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าใจของเขากำลังสั่นสะท้าน เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเลย
   “หืม...ว่าไงคับ" ไกด์เบิกตากว้างมองวิน "มีอะไรหรือเปล่า"
   วินยิ้มให้ไกด์อย่างไม่เคยยิ้มให้มาก่อน
   “มันจะเป็นยังไง ถ้าวันนึง ฉันกลายเป็นคนอื่นบ้าง เป็นคนที่นายไม่สามารถรู้จักได้อีก" วินถาม ไกด์เลิกคิ้วมองวินทันที
   “ทำไมอยู่ดีดีมาถามเรื่องนี้อ่ะ" ไกด์ถาม
   “เอาน่า ตอบหน่อย" วินว่าอีก
   “จะเป็นยังไงอ่ะเหรอ" ไกด์เงยหน้าขึ้นพลางนึก "ไม่รู้สิ จะตอบยังไงดีล่ะ ก็อย่างชั้นตอนนี้ก็กลายเป็นคนอื่นที่นายไม่รู้จักแล้วไม่ใช่ นายก็ยังอยู่ด้วยกันกับชั้นอยู่นี่ไง"
   “งั้นเหรอ ชั้นไม่รู้จักนายเลยงั้นเหรอ" วินว่าพลางมองไกด์อีกครั้ง
   “เห้ย ทำไมต้องทำหน้าเศร้าอย่างนั้นด้วยอ่ะ ไม่เอาดิ" ไกด์เอื้อมมือไปลูบหัววินครั้งหนึ่ง "ก็นายก็บอกชั้นว่า นายไม่สนไม่ใช่เหรอ ว่าชั้นจะเป็นใคร แต่ก็นายก็เลือกที่จะอยู่ด้วยกัน กับชั้นที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ"
   “ไม่ นั่นมันคนละเรื่อง มันไม่เหมือนกัน" วินว่า "ชั้นหมายความว่าถ้าชั้นต้องทำบางอย่างที่....”
   “มันเหมือนกันนั่นแหละวิน" ไกด์ว่า "สำหรับชั้น นายก็ยังเป็นลูกคุณหนูเอาแต่ใจคนเดิม"
   วินทำหน้ามุ่ยใส่
   “พูดแบบนี้ หมายความว่าไง" วินว่า
   “ถึงนายจะดูมีความรับผิดชอบมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เริ่มมีการงานที่มั่นคงทำแล้ว แต่นายก็ยังทำอะไรเอาแต่ใจ ไม่ปรึกษาใครอยู่ดีนั่นแหละ" ไกด์ว่า วินหลบตาลงน้อยๆ "เถียงสิ"
   วินก้มหน้าลงพลางอมยิ้ม
   “ชั้นมาคนเดียว อยู่คนเดียว มันไม่มีอะไรที่จะรอได้อ่ะ อะไรมันเข้ามาแล้ว มันก็ต้องรีบคว้า ชั้นปล่อยมันไปไม่ได้อ่ะ" วินว่า "พักนี้ มีเรื่องแบบนั้นเข้ามาแล้วชั้นก็ปล่อยมันผ่านเลยไปไม่ได้"
   “ก็คงเหมือนกับที่นายตัดสินใจวางเงินก้อนแรกให้กับบาริสต้าที่ไม่รู้จัก เพื่อให้ได้ที่นอนซักคืนก่อนเปิดเทอม" ไกด์ว่า    
   “นี่นายเป็นอะไรบ้างเนี่ยหะ คนชงกาแฟ พ่อครัว นักธุรกิจ แล้วกนักจิตวิทยาด้วยช้ะ" วินว่าพลางยิ้มให้พลางมองไกด์ด้วยสายตาที่อ่อนไหว ใจของเขาไหวรัวด้วยความรู้สึกประหลาด "ให้ตายเหอะ จะมีครั้งไหนไหมนะ ที่นายไม่สามารถให้คำแนะนำชั้นได้อ่ะ"
   ไกด์ยิ้มเบาๆให้วิน
   “หิวหรือยัง" ไกด์ถาม
   วินพยักหน้าเบาๆ
   “งั้นรอแป้บ เดี๋ยวทำอะไรให้กิน" ไกด์ตอบ
   “ทำไมถึงยังดูแลกันอ่ะ" วินถามต่ออีก "เพราะว่าชั้นก็ยังเหมือนก้องอยู่งั้นเหรอ"
   ไกด์ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้น
   “ไม่ใช่หรอก" ไกด์ว่าก่อนจะเดินหันหลังกลับไปยังเคาท์เตอร์ครัวเพื่อเตรียมตัวทำอาหาร "บอกไปแล้วไง ว่าไม่เหมือนแล้ว"
   วินยิ้มให้กับตัวเองเบาๆ
   “นายจะยังอยู่กับชั้นหรือเปล่าล่ะ" ไกด์หันมาถาม ขณะเริ่มหั่นผัก
   วินมองหน้าไกด์
   “อยู่ดิ....” วินว่า "ก็ต้องอยู่อยู่แล้ว"
   “เพราะนั่นแหละสาเหตุ" ไกด์ว่า วินมองไกด์ทันที "เพราะว่า นอกจากนายแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ว่าชั้นจะดูแลใครได้อีก จะใช้คำว่า ไม่เหลือใครอีก ก็คงได้แหละมั้ง"
   “ก...ไกด์" วินพูดเบาๆ แต่ไกด์ก็ก้มหน้าลงทำอาหารต่อไป
   “ชั้นเอง ก็ไม่คิดว่าจะกลับเมืองไทยอีกแล้ว...คงอยู่ที่นี่ ต่อไป" ไกด์ว่า "เพราะว่าที่ผ่านมามันก็ไม่มีอะไรให้ทำหรือให้คิดนักหรอก"
   วินลุกขึ้นช้าๆพลางเดินไปหาไกด์
   “ชั้นก็..อยู่คนเดียว ไมได้ดูแลใคร" ไกด์ยังคงพูดต่อ "ขนาดมีคนให้ควรดูแล ก็ไม่ค่อยทำอ่ะนะ มันก็เลย....เป็นแบบที่ผ่านมาแหละ ถูกแล้ว"
   วินเข้าใจอะไรบางอย่าง ความหนาวเย็นชาที่ออกมาจากผู้ชายคนนี้ มันคือความเดียวดาย
   เป็นอย่างนี้นี่เอง
   “ชั้นก็ไม่รู้หรอกว่าจะดูแลนายไปทำไม..แต่ว่ามันก็...”
   วินจับมือของไกด์ที่หั่นผักอยู่ให้หยุดลง ไกด์มองมือที่จับเค้าอยู่ ความเงียบเข้ามาแทนที่ เป็นบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกเศร้าที่เบาบาง
   ก้อง คนที่เต็มไปด้วยเป้าหมายการใช้ชีวิต มั่นคง และมีแต่การก้าวไปยังจุดหมาย มันไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ จะมีก็แต่ไกด์ อดีตเพลย์บอยเสเพล ไม่ใส่ใจครอบครัว จนต้องสูญเสียทุกอย่างไป และนั่งใช้เวลาที่เหลือจมอยู่กับอดีตที่เลวร้ายเพียงลำพัง คำพูดของสเตลล่าแว้บเข้ามาในหัว มันเป็นอย่างที่เธอว่า เมื่อเขาสามารถเจอไกด์ตัวจริงได้แล้ว เขาอาจไม่อยากจะรู้จักคนคนนี้อีกเลยก็เป็นได้
   “ไม่เป็นไรหรอกไกด์" วินว่า "ชั้นจะอยู่.....ชั้นสัญญา"
   ไกด์เงยหน้าขึ้นมามองวิน ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ
   “ไม่ต้องถึงขั้นสัญญาก็ได้" ไกด์ว่า "เดี๋ยวนายไปเจอเรื่องอะไรมาให้ตัดสินใจแล้วต้องย้ายออกไปจริงๆ ชั้นก็ไม่ว่าอะไรหรอก"
   “ไม่อ่ะ...นายไม่เข้าใจ ชั้นไม่ไปหรอก" วินว่า "ชั้นหมายความอย่างนั้นจริงๆ"
   ไกด์มองหน้าวิน ที่บีบมือของเขาอยู่อย่างนั้น
   “เห้ยวินจริงจังไป....”
   “โอ๊ย"
   วินปล่อยมือออกจากไกด์ทันที วินโดนมีดที่ไกด์ถืออยู่บาดยาวเข้าที่กลางมืออย่างจัง ชายหนุ่มกระตุกมือกลับทันทีพลางร้องเสียงหลง
   “วิน โธ่เอ้ย....อยู่นิ่งๆ กดแผลเอาไว้ ไม่ต้องแรงนะ" ไกด์ร้อง พลางรุดไปที่ตู้มุมห้อง และหยิบเอาเครื่องมือทำแผลออกมา วินเดินไปนั่งลงที่โซฟา ไกด์รีบตามไปทำแผลให้ทันที
   “โอ๊ย....ไกด์ เจ็บแสบมากอ่ะ" วินเริ่มโอดครวญ "ทำไมมันเจ็บแสบจังอ่ะ"
   “ก็มีดชั้นมันอาบน้ำเกลือ" ไกด์ว่า "แล้วชั้นก็ลับมันทุกวัน มันคมมาก"
   “อาบน้ำเกลือ" วินร้อง "เพื่อ"
   “ของที่โดนหั่นจะได้ไม่ช้ำไงล่ะ" ไกด์ว่า พลางค่อยๆทำชุบยาและป้ายลงบนแผล
   “เหยดดดดดด" วินร้องเสียงดัง "ไกด์ ให้สัญญาณก่อนเซ่"
   “โทษๆ" ไกด์ว่าพลางลงเบตาดีนเป็นอย่างสุดท้าย และเริ่มเอาผ้ามาพันมือของวินอย่างเบามือ
   “เชี่ย เจ็บไปทั้งมืออ่ะ" วินร้องโวยวาย ขณะที่ไกด์หัวเราะเบาๆ "นายขำอะไรวะ"
   “ตลกนายอ่ะสิ" ไกด์ว่า "มีดบาดแค่นี้ ร้องโวยวายไปได้"
   “ก็มันเจ็บอ่ะ มีดเชี่ยไรของนาย คมเป็นบ้า" วินว่า "โดนนิดเดียวเองอ่ะ"
   “เอาน่า...อย่าให้โดนน้ำนะ" ไกด์ว่า "เสร็จละ"
   “ซ๊ดดดด" วินยังคงร้องพลางมองมือ และมองมาที่ไกด์ที่กำลังหัวเราะเขาอย่างจงใจ "ไม่ต้องเลยนาย ตลกมากป่ะ"
   “นายน่ารักดีอ่ะ" ไกด์ว่า "ลูกคุณหนูขนานแท้นะเนี่ย ฮ่าฮ่า"
   “อะไรวะ" วินร้อง
   แม้ว่าจริงๆแล้วเขาไม่เคยเห็นไกด์มีอารมณ์แบบนี้มาก่อนเลย การหัวเราะไม่ใช่เรื่องที่จะเห็นได้ง่ายๆ
   “หัวเราะจริงจังมากอ่ะนาย" วินว่า "ไปทำกับข้าวก่อเลย เอาให้ไว้เลยคุณชาย"
   “คร้าบบบ คุณหนู" ไกด์ลุกขึ้นทำเป็นโค้งคำนับก่อนจะเดินจากไป วินยิ้มให้กับมือตัวเองครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะกัดฟันไปด้วยเพราะความเจ็บแผล
   เย็นวันนั้นวินได้ทานข้าวเหนี่ยวมะม่วงเป็นของหวานอย่างที่ไกด์ลั่นวาจาไว้ แม้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะทำให้เขาทำงานลำบากมากขึ้นไปโดยสิ้นเชิง เพราะมือขวาที่โดนมีดบาดนั้นทำให้ทำอะไรไม่ค่อยสะดวกนัก หลังจากพยายามนั่งทำงานอยู่สองสามนาที วินก็ทนไม่ไหว ลุกออกจากโต๊ะดราฟท์ไปเข้าไปในห้องนอนเพื่อค้นตู้เสื้อผ้าเตรียมตัวจะไปอาบน้ำประตูห้องน้ำเปิดออกทันที ไกด์นุ่งผ้าเช็ดตัวตัวเดียวยืนอยู่ในห้องน้ำ ก่อนจะเดินออกมาพลางเช็ดหัวของตัวเองไปด้วย
   “อ้าวยังไม่อาบน้ำอีกเหรอวิน" ไกด์ถาม
   “อื้อ นั่งงมอยู่กับงานอ่ะ ทำไม่ถนัดน่ะ ก็เลยว่าจะพักก่อน" วินว่า "เสร็จแล้วใช่ไหม จะได้อาบบ้าง"
   ไกด์ขมวดคิ้วใส่วินอยู่อย่างนั้น พลางมองมือของวิน
   “เอ้า หลีกดิคับ ยืนขวางเพื่อ" วินร้อง
   “มือเป็นแบบนี้แล้วจะอาบยังไง" ไกด์ว่า "ข้างถนัดด้วยไม่ใช่"
   “อาบได้น่า" วินว่า พลางแทรกตัวตัดไกด์เข้าไปในห้องน้ำทันที วินปิดประตูกระจกห้องชาวเวอร์ลง ก่อนจะตั้งอุณภูมิน้ำอุ่นให้ได้ที่ ไกด์กับเค้าชอบความอุ่นต่างกันมาก สำหรับวิน ไกด์แทบจะอาบน้ำร้อนอยู่แล้ว แต่ของเขา จะต้องอุ่นกำลังดีเท่านั้น วินถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด ความผิดพลาดเล็กน้อยขณะถอดปราการชิ้นสุดท้ายออก สร้างความเจ็บแปลบขึ้นอีกครั้ง วินซู้ดปากเบาๆพลางมองที่มือ ก่อนจะเอากางเกงในไปพาดไว้ที่ราวอย่างระมัดระวัง
   ทันใดนั้นมือที่บาดเจ็บของเขาก็ถูกคว้าเอาไว้
   “เห้ย" วินร้องด้วยความตกใจ ไกด์จับมือข้างที่บาดเจ็บของวินเอาไว้ ขณะที่มืออีกข้างถือฝักบัว "นี่นาย....”
   “อยู่นิ่งๆ" ไกด์พูดเบาๆ "เดี๋ยวชั้นอาบให้เอง"
   “ม...ไม่ต้องก็ได้ไกด์ชั้น....” วินพยายามจะขัดขืน แต่พื้นห้องน้ำมันก็ลื่นเกินกว่าจะมาออกแรงอะไรในสภาพแบบนี้ สภาพที่เขาเปลือยเปล่าต่อหน้าไกด์ "ให้ตายเหอะ นายทำอะไรของนายเนี่ย ชั้นอาบได้น่า"
   “ไม่ไว้ใจอ่ะเอาจริง" ไกด์ว่า "ถ้ามันอักเสบขึ้นมาเพราะนายซุ่มซ่ามล่ะก็ มันจะลำบากเอานะเวลาไปหาหมอ และชั้นก็ไม่อยากทำแผลให้นายบ่อยๆ"
   “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง" วินว่า พลางพยายามขัดขืน
   “ถ้าไม่อยากให้เห็นก็หันหลังไปดิ จะได้อาบให้จากข้างหลัง" ไกด์ว่า "หันไปสิค้าบคุณหนู"
   วินที่ไม่รู้จะอายหรือโกรธดี ได้แต่หันหลังไปอย่างช่วยไม่ได้ มือที่ถูกพันผ้าไว้หนาเตอะ และความเจ็บปวดๆตึงๆ มันทำให้ทุกอย่างดูไม่สะดวกตัวอย่างรุนแรง ได้แต่หันหลังไปอย่างช่วยไม่ได้
   “เอามือไปแปะไว้สูงๆสิค้าบ น้ำมันจะได้ไม่โดน" ไกด์ว่า วินทำตามอย่างเสียไม่ได้ ถ้าเขาขัดขืนต่อสู้แล้วล้มลงในนี้ล่ะก็ สัญชาตญาณของเขาจะต้องเอามือข้างถนัดรับตัวที่ล้มแน่ๆ มันไม่ใช่เรื่องดี
   ไกด์รดน้ำไปทั่วตัวของวินด้วยน้ำอุ่น ฝ้าก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งสองอย่างอบอวล ละอองน้ำที่อุ่นละมุลไหลไปตามร่างที่เปลืยเปล่าของทั้งคู่ ไกด์ลูบไปตามลำตัวของวินอย่างพิถีพิถัน ความรู้สึกอุ่นวูบวาบปนเย็นและเขินอาย กำลังก่อตัวเข้ามาใส่วิน แทนทีความแสบแผลขจากมือเข้าเสียแล้ว
   “ตอนเด็กๆชั้นเคยทำแผลให้กับก้องอยู่ครั้งนึง" ไกด์ว่าขระถูกสบู่ไปทั่วตัวของวิน "ไปต่อยกับเพื่อนข้างโรงเรียนมา เนื้อตัวเละเทะยังกะอะไร มันกลับมาถึงบ้าน ไม่อยากให้พ่อรู้เรื่อง ชั้นก็เลยจับมันนั่งลงอาบน้ำให้เลยอ่ะ ทั้งชุดนักเรียนนั่นแหละ ตักน้ำราดไม่ยั้งเลย"
   วินยังคงเงียบไม่มีคำพูดใดใด
   “แต่ปรากฎว่า แผลที่หลังก้องทำท่าจะอักเสบขึ้นมาหลังจากนั้นสองสามวัน" ไกด์เล่าต่อ "สรุปว่าปิดพ่อกับแทบตาย สุดท้ายก็มารู้อยู่ดี โดนทั้งคู่อ่ะ"
   ไกด์เปิดน้ำล้างสบู่ออกจากตัวของวิน
   “นายต้องระวังให้มากๆนะ ชั้นอยู่ที่นี่แล้วก็ถือสัญชาติที่นี่ การเขารับการรักษาพยาบาลมันเลยไม่ยุ่งยาก แต่กับนาย ถ้านายเปนอะไรขึ้นมามันจะแย่เอาน่ะ" ไกด์ว่า "นายจะต้องดูแลตัวเองดีดี ยิ่งตอนนี้มีอะไรต้องทำเยอะขึ้น ก็ต้องคิดให้มากขึ้นนะวิน"
   วินหันหลังกลับมามองไกด์เล็กน้อย
   “เผื่อว่าวันนึงเกิดอะไรขึ้น แล้วนายต้องออกไปอยู่เอง นายต้องคิดให้ดีนะ" ไกด์ว่าต่อ "อยู่ด้วยกันตอนนี้ ให้ฉันดูแลนายเอง"
   วินหันหลังกลับมาทันที ชายหนุ่มมองหน้าไกด์ที่อยู่ชิดกัน มองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยคู่นั้น
   “ห...หันกลับมาทำไม" ไกด์ถามเสียงเย็น
   วินหายใจเข้าไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกบางอย่างก่อขึ้นในใจอีกแล้ว เขาไม่รุ้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังบ้าไปแน่ๆ ที่รู้สึกอะไรแบบนี้ แต่ในตอนนี้ ไกด์ทำเพื่อเค้ามากเกินไปแล้ว และถ้ามันมากไปกว่านี้ล่ะก็...
   “นายไม่เชื่องั้นเหรอ" วินถาม
   “ไม่เชื่อเรื่อง?" ไกด์ถามต่อ "เรื่องนายอาบเองได้อ่ะนะ เชื่อ แต่วันนี้นายเพิ่งได้แผลสด มันก็ต้องระวังเป็นพิเศษไง"
   “ไม่ใช่ นายไม่เชื่อ ที่ฉันบอกว่าฉันจะไม่ไปไหนน่ะ" วินว่า "ไม่เข้าใจเหรอ"
   ไกด์ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ใบหน้าอันคมคายฉายความเย็นชาออกมาครู่หนึ่ง ก่อนชายหนุ่มจะพยายามตัดมันด้วยรอยยิ้ม
   “ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ยังไงซะ ลูกคุณหนูอย่างนาย ก็ไม่อยู่ที่นี่ตลอดไปหรอก พนันดิ" ไกด์ว่า วินเริมหัวเสียมากขึ้น
   “นายไม่เข้าใจอ่ะ" วินว่า เสียงของวินเริ่มสั่นเครือ "นายไม่เข้าใจจริงๆอ่ะเหรอไกด์"
   ไกด์หลบตาวินลง มันมีความจริงบางอย่างซ่อนอยู่อย่างบางเบาเหมือนไอน้ำที่กำลังค่อยเบาบางลงตรงนี้
   “มันมีเหตุผลทุกอย่างนั่นแหละ ว่าทำไมชั้นถึงกลับมา นายก็รู้อ่ะ" วินพูดเสียงสั่น "ไกด์....ถามจริง นายยังเห็นชั้นเป็นน้องชายนายอยู่หรือเปล่า ที่นายทำให้ชั้นทุกๆอย่าง แค่เพียงเพราะนายอยากจะให้ชั้นเป็นตัวแทนไถ่โทษงั้นหรือเปล่า"
   ไกด์ยังคงนิ่งเงียบ
   “ไหนนายเคยบอกกันว่า ชั้นเป็นที่อะไรมากกว่านั้น” วินว่า "ชั้นไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่ว่า...สำหรับชั้นนายก็เหมือนกันนั่นแหละ"
   ไกด์หลับตาทันที
   “ถ้าเกิดว่า....ที่ชั้นกลับมา ก็เพราะว่าชั้นเห็นบางอย่างที่พิเศษที่นี่อ่ะ ถ้ามันเป็นมากกว่าคนไม่รู้จักกันสองคนมาใช้ชีวิตด้วยกันล่ะ" วินว่า "ชั้นอาจจะไม่ใช่คนที่ไม่ได้เรื่อง แต่ชั้น...ชั้นไม่เคยมั่นใจอะไรบางอย่างขนาดนี้เลยอ่ะ...ชั้น....ชั้นคิดว่าชั้น.....”
   ไกด์มองหน้าวินอีกครั้ง วินสบตาไกด์ ไออุ่นจากทั้งคู่ลอยคลุ้ง เงียบกันไปพักนึง จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
   “ไหนเคยขอร้องให้อยู่ด้วยกัน" วินพูดเบาๆ "ไหงนายกลายเป็นคนที่พูดว่ายังไงฉันก็ไปอ่ะ แค่เพราะนายกลายเป็นไกด์ไปแล้วงั้นเหรอ รู้งี้ ชั้นหลอกตัวเองต่อว่านายคือก้องต่อไปดีกว่า"
   “ไม่ได้หรอก" ไกด์ว่า "เพราะว่าถ้าชั้นยังเป็นก้อง ชื่อนั้นจะเป็นข้ออ้างที่ทำให้ชั้นต้องดูแลนาย....”
   วินเงยหน้าขึ้นมองไกด์
   “หมายความว่ายังไง" วินถาม
   “ใช่แล้วล่ะ นายไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจคนเดิม เหมือนกับที่ชั้นก็ไม่ใช่ก้อง" ไกด์ว่าพลางเขยิบตัวเข้าหาวินมากขึ้น จนเห็นผิวกายที่ละเอียดอ่อนของวินอย่ตรงหน้าระเรื่อด้วยหยดน้ำที่วาววับ ไกด์หายใจหอบรัวพลางแตะมือลงบนไหล่ของวินและลูบไปช้าๆ วินสั่นสะท้านไปทั้งตัว
   “เพราะงั้นแหละ นายพูดมาอ่ะถูกแล้ว" ไกด์ว่า "ยิ่งเราอยู่ด้วยกัน เราก็ยิ่งหันตัวจริงเข้าหากันมากขึ้น และชั้นคิดว่า นั่นแหละคือสาเหตุที่อาจจะทำให้เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ได้"
   “นายไม่รู้หรอกว่าชั้นคิดอะไร และทำอะไรอยู่" วินว่า "นายไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าฉันทำอะไรอยู่ตอนนี้"
   “รู้สิ" ไกด์ว่า "ชั้นคิดว่าชั้นรู้"
   “รู้อะไร....” วินพูดเสียงแผ่วเบา
   “ก็รู้สึก.....แบบเดียวกับชั้น...." ไกด์ค่อยๆจ่อหน้าเข้าใกล้ใบหน้าของวินทันทีอย่างช้าๆ จมูกส่งผ่านลมหายใจให้กัน ห่างกันแค่ไม่ถึงนิ้ว ริมฝีปากที่ระเรื่อหยดน้ำของวินอยู่ตรงหน้าของไกด์ เขามองมันด้วยสายตาที่สั่นสะท้าน
   วินหลับตาลงครั้งหนึ่ง เขาไม่อาจจะต้านทานความอ่อนไหวข้างในหัวใจได้อีกต่อไป ชายหนุ่มหลับตา ก่อนจะค่อยๆแตะริมฝีปากไปหาไกด์เบาๆครั้งหนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้น ดวงตาทั้งคู่อยู่ใกล้กันมากจนเห็นความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาที่อ่อนไหว
   “.....ใช่ไหมวิน" ไกด์กระซิบเบาๆด้วยเสียงที่สั่นเครือ
   “รู้ตัวหรือเปล่า ว่าทำอะไรอยู่อ่ะ" วินพูดเบาๆ "รู้ตัวบ้างหรือเปล่าคับ.....ไกด์"
   ไกด์ยิ้มเบาๆ
   “ก็ไม่รู้....” ไกด์ว่า "มันก็คงคล้ายๆกันมั้ง......”
   และทั้งคู่ก็จูบกันทันทีอย่างนุ่นมนวลและอ่อนไหวที่สุดอยู่อย่างนั้น....
   วินไม่แปลกใจเลยซักนิดกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น เขาเข้าใจตัวเองดีที่สุดแล้ววันนี้ ว่าสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดตอนนี้คืออะไร
   เขาไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ทำไม
   แต่เขารู้แล้ว ว่าตัวเองจะอยู่ในเมืองนี้ต่อไปทำไม
   เขารู้แล้วว่ามีสิ่งที่พิเศษบางอย่างอยู่ทีี่นี่
   ที่เขาจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อขอให้เวลาอยู่ที่นี่หยุดต่อไปเมือนกับปาริส
   ผู้ชายคนนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างที่ตัวเขาเคยรู้จัก เคยรู้สึก
   ความรู้สึกที่เขาไม่เคยมีมาก่อนทั้งชีวิต
   ความรัก....

   ปล่อยตัวออกจากกันในที่สุด วินมองหน้าไกด์อยู่พักนึง ก่อนจะก้มหน้าลงพลางครุ่นคิด ไกด์ก็เช่นกัน
   “ชั้นเอ่อ....” ไกด์พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง "ชั้นขอโทษนะ"
   “ช่างเหอะ" วินตอบ "ชั้น...จะออกไปละ"
   “อืม" ไกด์ตอบสั้นๆ ก่อนจะเปิดประตูกระจก และก้าวออกมาด้านนอกดึงผ้าเช็ดตัวมานัุ่ง พลางส่งให้กับวิน วินรับมันมาและค่อยๆนุ่ง ไกด์รุดมาช่วยมือข้างที่ไม่ถนัดทันที วินหยุดชะงักครั้งหนึ่ง เมื่อไกด์กลับมาใกล้ชิดเขาอีก
   “ม...มันจะไม่ดีแล้วมั้ง" วินพูดเบาๆ
   “อื้อ...ไม่ดีแน่ๆอ่ะ" ไกด์ว่า "แต่ให้ทำไงได้.....ก็ดันรู้สึกไปแล้ว"
   วินมองไกด์อยู่อย่างนั้น เมื่อได้สติ
   นี่เป็นเรื่องใหญ่แน่ๆกับทั้งเขาและไกด์
…..............

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ขอเอ็นซีเลยได้ม่ะอ่ะ ไหนๆเขาก็ใจตรงกันแล้ว
จัดหนักเลยคนเขียนที่รัก หุๆๆ  :o8: :o8:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
วะ...วา...ว้าวววว... :o8: :-[ :impress2:

Tuna Omega

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: กรี๊ด...อาบน้ำให้วิน...ไมคิดถึงน้องล่ะค๊า

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
คุณพระ

 :กอด1:

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
ได้อ่านจนถึงบทที่ 11

เป็นอะไรที่เยี่ยมมากครับ

ชอบครับ


 :laugh5: :laugh5: :haun1:

ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมาก
ชอบวินมากอ่ะ มาดคุณหนูเอาแต่ใจหายหมดเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
คิดถึงแล้วครับ

Tuna Omega

  • บุคคลทั่วไป
คราวนี้หายไปนานจัง...กลับมาต่อไวๆน๊า เก๊าคิดถึง

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 26 Conquer

   “สาม" วินพูดเสียงหนักแน่น ตรงข้ามกับเอิร์ธที่ไม่ยอมอ่อนข้อเด็ดขาดอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะทำงานกลางสตูดิโอเล็กๆในบ่ายวันถัดมา
   “หก" เอิร์ธพูดกลับพลางหรี่ตาลงเพื่อให้เพื่อนสนิทอย่าทึกทักเอาว่าจะชนะเขาได้ง่ายๆ
   “งั้น....เจ็ด" วินว่าต่อ เอิร์ธเหล่มองไปที่แบบงานที่กองอยู่ตรงหน้าพลางกัดฟันเบา
   “สี่เหอะ" เอิร์ธพูดต่ออีก
   “ก็สามนั่นแหละ" วินว่าพลางขึ้นสียงดังเล้กน้อย "จะเพิ่มไปอีกตัวเดียวเพื่อ"
   “โอ้ย มึงพูดเหมือนเฟลอร์ที่นี่เหลือเยอะมาก" เอิร์ธว่า "แค่จัดเวทีก็หมดแล้ว กล้ามากบอกเอาเจ็ด"
   “มันก็ไม่ต่างจากหกเหมือนกันแหละน่า" วินว่าพลางทิ้งตัวลงพิงพนัก เมื่อการประมเิณตัวเลขชุดที่จะตัดเย็บเป็นตัวอย่างไม่ลงตัวกันซักที
   “มันไม่ไหวจริงๆว่ะวิน เราต้องหเงินเพิ่มนะ" เอิร์ธว่า "หุ้นส่วนอีกแค่รายเดียวก็โอเคแล้วอ่ะ"
   “วงเงินเท่าไหร่อ่ะ" วินถามต่อ
   “เมื่อวานกูไปคุยกับพี่มิกมา คร่าวๆก็เป็นแสนอยู่อ่ะ ไม่น้อยเลย" เอิร์ธว่า
   “อ้าว คุยกันได้แล้วเหรอ" วินแซว
   “ก็ป่าว" เอิร์ธว่า "คุยเรื่องงานไง แล้วพี่มิกเค้าก็เชี่ยวเรื่องการบริหารอยู่บ้าง"
   “หรา" วินแซวติดตลก แม้ว่าไม่อาจซ่อนแววตาแห่งความกังวลไม่ให้เอิร์ธเห็นได้ เอิร์ธเขยิบตัวเข้ามาหาโต๊ะใกล้ขึ้น
   “สรุปโปรเจ็ควันศุกร์แล้วนะวิน" เอิร์ธว่าจริงจัง "มันเหลือแค่งบประมาณที่ต้องเคลียร์ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบ ต่อให้มึงดีไซน์มาสวยหรูแค่ไหน พี่สุเมธจะชอบมึงแค่ไหน ถ้าคณะกรรมการคนอื่นๆไม่ซื้อ ก็คือจบ"
   วินมองตาวินอย่างมีความหมาย
   “นี่ยังไม่รวมเรื่องที่มึงไปตอกหน้าพี่เจนเอาไว้ด้วยนะ" เอิร์ธว่า "เค้าหัวเราะเราทีหลังเสียงดังแน่อ่ะงานนี้"
   “มันก็ไม่ยากหรอกน่า" วินว่า พลางครุ่นคิด
   “วงเงินเป็นแสนนะเว่ย มึงจะไปหาใครได้วะ" เอิร์ธว่า "เท่าที่กูไปกว้านมาได้ มันก็ได้แค่นี้เท่านั้น"
   เอิร์ธจิ้มไปที่เอกสารข้างๆสมุดแบบ เอกสารที่วินไม่คิดอยากจะหยิบมาดูซักนิดตั้งแต่เค้าทั้งคู่นั่งประชุมกันวันนี้
   “นี่มึงคงไม่ได้ทำเป็นลืมไปแล้วรอให้ปัญหามันแก้ด้วยตัวของมันเองหรอกนะ" เอิร์ธว่า
   “เปล่า" วินว่า "กูมีวิธีของกูแล้วกัน"
   “เอาให้มันได้เรื่องเหอะ” เอิร์ธว่า "ตื่นเต้นมากๆแบบคราวที่แล้วกูไม่เอาด้วยนะ"
   เสียงประตูดังขึ้นสองสามครั้ง เอิร์ธตอบรับก่อนที่ประตูจะเปิดออกให้เห็นหญิงสาวที่อยู่ในชุดสง่างามคนหนึ่ง ที่วินไม่ได้เจอมาอย่างน้อยก็ร่วมสามอาทิตย์
   “เสตลล่า" วินร้อง
   “เออดี งานยังไม่เคลียร์ นี่มึงนัดแฟนมาหาแล้วเรอะ" เอิร์ธว่า
   “ยูสองคนไม่ว่างงั้นเหรอ" เสตลล์ถาม "งั้นชั้นกลับก่อน..."
   “ไม่ต้องๆ" วินว่า "รออยู่นี่แหละ เรากำลังจะสรุปแล้ว"
   “สรุปบ้าอะไร" เอิร์ธว่า "ไอ้วิน พอแฟนมาก็ลืมงานเลยนะมึง"
   เสตลล่ายิ้มให้กับทั้งคู่ครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามา
   “นั่งก่อนนะ" วินว่าพลางยิ้มให้เธอ ที่นั่งลงที่หัวโต๊ะ เอิร์ธเหลือกตาขึ้นเบาๆ
   “ตลกมากป่ะวิน" เอิร์ธเริ่มหัวเสีย
   “เห้ยใจเย็นๆก่อนน่า" วินว่า "ที่ชั้นตามเสตลล์มาวันนี้ ก็เพราะเธอมีคำตอบให้เรื่องนี้ต่างหาก"
   “เสตลล์เนี่ยนะ" เอิร์ธร้อง "ทำไมแกถึงคิดว่าแฟนแกจะหาวงเงินหนึ่งแสนยูโรมาลงงานนี้ได้วะ"
   “ลำพังชั้นคนเดียวอาจจะทำไม่ได้" เสตลล่าว่า "แต่ว่าจีโอทำได้แน่"
   วินยิ้มกว้างทันที
   “เธอไปบอกเค้าแล้วใช่ไหม" วินว่า
   “ใช่ค่ะ" เธอว่า "จีโอจะมาถึงปารีสค่ำวันนี้ ชั้นจะไปรับเค้าที่สถานีรถไฟตอนหกโมงครึ่ง วินจะไปด้วยกันไหม"
   “เดี๋ยวๆๆ ใครคือจีโอ" เอิร์ธหันมาหาวิน "เซอร์ไพรส์อะไรอีกวะเนี่ย"
   “หึหึ ไอ้เอิร์ธ กูไม่มีทางยอมประมือกับเจนเค้าง่ายๆ โดยตัวเองไม่มีอะไรเลยหรอกน่า" วินยิ้มกริ่มในใจ "จีโอ เค้าเป็นนักลงทุนตัวยงคนนึงที่เยอรมันน่ะ เป็นลูกครึ่งเยอรมันไทย มีกิจการโรงแรมอยู่หลายที่ เงินหนาน่าดูเลยล่ะ"
   “เค้าไม่ได้ตอบรับทันทีหรอก" สเตลล่าว่า "เค้าอยากคุยกับพวกยูเป็นทางการด้วยมากกว่าน่ะ"
   “แล้วไปรู้จักกับเค้าได้ยังไง" เอิร์ธว่า
   “เอ่อ...ก็เค้าเป็นเพื่อนไก....”
   “เค้าเป็นเพื่อนชั้นเอง" เสตลล่ากล่าวตัดบท "เรารู้จักกันมาซักพักแล้วล่ะค่ะ"
   “งั้นก็สรุปว่าจบได้สินะ" วินว่าพลางเหล่ไปหาเอิร์ธ
   “เออ จบก็จบ"
   วินยิ้มให้สเตลล่าครั้งหนึ่ง แต่เอิร์ธก็ยังคงมองวินอย่างไม่ไว้ใจอยู่ดี มันมีกลิ่นอายแปลกๆ และส่อแววไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว วันพรุ่งนี้ เราจะมาเจอกันตอนสิบโมง เตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม และขึ้นไปเสนอชื่อจีโอพร้อมกันเลยนะ" วินว่า
   “มึงนัดช้าไปละ" เอิร์ธว่า "เจนจิรานัดกูตอนสองทุ่มคืนนี้ เค้าขอความกระจ่าง"
   “อะไรนะ" วินร้อง
   “ไม่ต้องมาโวยใส่กันเลยไอ้วิน" เอิร์ธว่า "มึงไปสรุปเรื่องกะจีโอให้เรียบร้อยก่อนสองทุ่ม แล้วเอาผลมาให้กู พี่เจนเค้าไม่ยอมให้การตุกติกหลังเค้าแน่นอน ก่อนอะไรๆไปถึงพี่สุเมธ เค้าต้องสกรีนก่อน"
   “ได้ไง" วินว่า
   “ก็เราไปหักหน้าเค้าไว้คราวที่แล้วไงล่ะ" เอิร์ธว่า "แล้วแกเอง ก็อยากให้ชั้นชนแทนไม่ใช่รึไง ก็ทำให้แล้วเนี่ย"
   วินหันไปมองหน้าสเตลล่าครั้งหนึ่ง
   “โอเค ชั้นกลับมาให้ทันสองทุ่ม" วินว่า
   “ไม่ต้องกลับมาที่นี่" เอิร์ธว่า "ไปเจอกันที่ืเดอลา คาเฟ่ ริมถนนฮักโซ"
   “โอเค" วินว่าพลางลุกขึ้น พลางพยักหน้ารับกับสเตลล่า
   “ห้ามสายเด็ดขาดวิน วันนี้กูขอ อย่าเพิ่งไปเที่ยวกับแฟนมึงเลย กูว่ามันใช่เวลาว่ะ" เอิร์ธว่าด้วยสายตาอ้อนวอน
   วินหันมายักคิ้วให้เพื่อนรักหนึ่งที ก่อนจะจูงมือสเตลล่าออกจากสตูดิโอทันที
   เขาไม่เคยรู้สึกเหนือกว่าพ่อของเขามากเท่าตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นหัวหน้าจูเนียร์ดีไซน์เนอร์ที่นี่มาก่อนเลย ทุกๆอย่างเป็นใจและเข้าล็อคให้เขาหมดทุกอย่าง เรื่องดีดีที่ก้าวเข้ามาตอนนี้มันรวดเร็วเอามากๆ แม้แต่เอิร์ธเองหัวเสียขึ้น....อาการหัวเสียของเอิร์ธเป็นเครื่องยืนยันได้ดี ถ้าเมื่อไหร่ทีเอิร์ธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แสดงว่าตัวเองมีเรื่องต้องจัดการมากขึ้น และนั่นหมายความว่าเปผนของวินสำเร็จไปแล้วกว่าครึ่ง
   ระหว่างรอจีโอที่สถานีรถไฟ วินและเสตลล่านั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ที่ร้านเครื่องดื่ม เพื่อรอเวลารถไฟมา
   “มันจะดีเหรอ ที่ให้เอิร์ธเค้าเข้าใจว่าเราเป็นแฟนกัน" เสตลล่ากล่าว
   “มันคิดไปเองนะ" วินว่า "ชั้นเองก็ไม่เคยบอกมันจริงๆซะหน่อย"
   “แต่เหมือนไปโกหกเค้ายังก็ไม่รู้" เสตลล่ากว่าว "ว่าแต่....ตอนนี้เห็นว่ายูทำงานหนักมาก"
   “ก็ นิดหน่อยน่ะ" วินว่าพลางยกนมขึ้นมาดื่ม "มันก็.....ต้องหนักแบบนี้แหละ ให้ทำไงได้"
   “ทุกอย่างโอเคขึ้นแล้วใช่ไหม" เสตลล่าถามขึ้น "เรื่องยูกับเคลวิน"
   วินเงียบขึ้นมาครู่หนึ่ง เขายอมรับว่าอยู่ดีดี ตัวเองก็หน้าแดงขึ้นมาเฉยๆ
   “อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง" เสตลล่าพูดพลางหัวเราะ
   “อะไรเหรอ" วินพยายามพูดให้เสียงเรียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
   “ก็ที่ยูเอาไอไปเป็นแฟน เพื่อที่จะปิดเอิร์ธเรื่องนี้ใช่ไหมคะ" เสตลล่าว่า ซึ่งสำหรับวินแล้ว เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้จะรู้อะไรๆดีเกินไปซะจริงๆ
   “ปล่าวซะหน่อย" วินว่าพลาทำเป็นมองไปยังชานชาลาที่อยู่ห่างออกไป
   “งั้นเหรอ" เสตลล่าเหล่มองวินมากขึ้นไปอีก
   “ไม่มีอะไรหรอกน่าเสตลล์" วินว่าพลางหันกลับมาหาเธอ "ว่าแต่เธอเถอะ ไปคัดตัวมาเป็นยังไงบ้าง"
   “ก็เรื่อยๆนะ เดือนนี้มีขึ้นปกอยู่สองเล่ม" เสตลล่าว่า "ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี"
   “ที่รบกวนเรื่องจีโอนี่ไปเบียดเวลางานเธอหรือเปล่า" วินว่า
   “ไม่หรอก" เสตลล่าว่า "ชั้นอยากจะช่วยจริงๆนะ"
   ทั้งคู่นั่งรออยูซักพัก เวลาที่รถไฟของจีโอก็มาถึง โบกี้จากฝั่งตะวันออกของสถานีค่อยๆรดความเร็วเข้ามาให้สถานีช้าๆ ขณะที่วินและเสตลล่า ลุกขึ้นจากคาเฟ่เล็กๆไปยังชาชาลาฝั่งตะวันออก ผู้คนทยอยลงจากรถไฟอย่างพรั่งพรู วินและเสตลล่าพยายามหรี่ตาเพื่อหาชายหนุ่มตัวสูงที่แต่งตัวดูภูมิฐานที่สุด และก็พบกับจีโอ ที่อยู่ในเสื้อโค้ทสีน้ำตาลส้ม และผ้าพันคอสีฟ้าโบกมือโบกไม้ให้กับทั้งคู่
   “เห้.....เสตลล่า วิน" จีโอกล่าวทักทายเมื่อได้พบกับทั้งคู่ ก่อนเขาจะโผกอดเสตล่าและวินอย่างเป็นมิตร
   “ยินดีต้อนรับสู่ปารีสครับ" วินทักทาย
   “ยังดูดีเหมือนเดิมนะคะจีโอ" เสตลล่าว่า
   “นี่ก็แต่งเต็มที่เลย พอได้ไหมเนี่ยวิน" จีโอกางแขนออกให้วินพิจารณาการแต่งตัวของเค้า
   “หล่อแล้วครับ" วินว่าพลางยิ้มกว้าง
   “แล้วจะยังไงเนี่ย จะไปคุยกันที่ไหนครับ" จีโอถามขึ้นทันที วินและเสตลล่ามอหน้ากัน
   “ตารางบางอย่างปรับเปลี่ยนน่ะจีโอ" เสตลล่าว่า "พวกเราต้องไปพบกับตัวแทนจากซูเม่ตอนสองทุ่มที่ถนนฮักโซ"
   “เดี๋ยวนะ ไม่ได้สิ ผมยังไม่ได้ตกลงเป็นทางการเลยคุณวิน" จีโอร้องท้วง "ผมต้องได้ยินรายละเอียดมากกว่านี้ก่อน"
   “ผมทราบครับ" วินว่า "ผมอยากคุยกับคุณก่อน ก่อนที่จะไปพบกับตัวแทนของซูเม่ด้วยกัน เรามีข้อตกลงบางอย่างที่ต้องคุยกันก่อน....เชิญทางนี้ครับ"
   “โอเค" จีโอรับคำ
   “เสตลล์ ชั้นมีเรื่องรบกวนเธอ" วินหันไปหาเธอ
   “ได้สิ" เสตลล่ารับคำ
   “ชั้นรบกวนเธอไปที่ร้านเกล็ดหิมะ" วินว่า "ฝากบอกเจ๊ใหญ่ว่า ชั้นอยากได้ห้องพักอยู่ไม่นานแค่เดือนเดียวเท่านั้น สำหรับจีโอ"
   “ได้ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้" เสตลล่าว่า "งั้นยังไงชั้นลาเลยละกัน พรุ่งนี้ชั้นมีงาน"
   “อ้าว ไม่อยู่คุยกันก่อนเหรอเสตลล่า" จีโอกล่าว
   “ไม่ล่ะ ขอให้การเจรจาธุกิจจบลงด้วยดีนะคะ" เสตลล่ากล่าวกับทั้งคู่ "บายล่ะจีโอ เอาไว้ค่อยเจอกัน โชคดีวิน"
   เธอกล่าวลากับทั้งคู่ ก่อนจะเดินหายไปกับฝูงชนของสถานีรถไฟ วินหันมาหาจีโออีกครั้ง
   “เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยครับจีโอ" วินว่า
   วินใช้เวลาที่เหลืออยู่ก่อนจะสองทุ่ม พาจีโอเดินทางไปถนนฮักโซ ซึ่งระหว่างทางเขาได้เล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขา หลังจากเขากลับมาจากสตาร์สเบิร์ก เรื่องที่เขาสามารถดันตัวเองและเพื่อนอีกคน เข้าไปเป็นจูเนียร์ดีไซน์เนอร์ของซูเม่ อินเตอร์เนชั่นนอลได้ และที่สำคัญโปรเจ็คงานปารีสแฟชั่นวีคที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า โดยที่ใช้กำลังสนับสนุนจากจีโอ
   “มันค่อนข้างเป็นไปได้ยากนะวิน" จีโอกล่าว "มันต่างจากการลงทุนที่ผมเคยทำมา ผมมองไม่เห็นสิ่งที่จะต้องต่อยอด"
   “ผมเข้าใจ งานแบบนี้ มันต้องใ้เวลาทำความเข้าใจ นี่เป็นเอกสารที่ผมอยากจะให้คุณดู ในนี้เป็นงานที่ผมกับเพื่อนผมออกแบบ" วินยื่นแฟ้มกับจีโอบนรถแท็กซี่ "งานพวกนี้ถ้าถูกคอนเฟิร์มจากแฟชั่นวีคปีนี้ มันจะถูกขาย กลายเป็นงานฝีมือที่มูลค่าหลายล้านมาก คุณจะได้ทุนคืนไม่ยากเลย"
   "เสี่ยงน่าดูเลยนะ" จีโอว่า "มีหลักประกันมั้ย"
   วินหลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะหยิบเอาหนังสือสัญญาเช่าออกมาอันหนึ่ง แล้วยื่นให้กับจีโอ
   “นี่คืออะไร" จีโอร้องถาม
   “หนังสือกรมสิทธิ์" วินว่า "ตึกแถว 200 ตารางวา อยู่ใจกลางปารีส ตรงข้ามพิพิทธภัณฑ์ลูว์ฟ"
   “โห นายไปได้มายังไงเนี่ย" จีโอร้อง พลางแกะเอกสารออกดู "พระเจ้า ราคาไม่ใช่ถูกเลย สิบกว่าล้านได้มั้ง ทำเลนี้"
   “อีกสองเดือน พอผมได้สัญชาติฝรั่งเศส ที่นั่นจะกลายเป็นธุรกิจผม" วินว่า
   “นี่มันเสี่ยงเกินไปแล้ววิน" จีโอว่า "งานคุณยังไม่ไปถึงไหนเลย นี่คุณเอาเงินลงซื้อร้านค้าที่จะขายของที่ไม่รู้ว่าจะขายได้หรือเปล่าเนี่ยนะ ผมไม่เอาด้วยหรอก"
   “ไม่ใช่คับจีโอ นี่ไม่ได้จะเป็นร้านแฟชั่นของผม" วินว่า จีโอเบิกตากว้าง "นี่จะเป็นร้านของคุณ กับเคลวิน"
   “อ...อะไรนะ" จีโอร้อง
   “เคลลี่ มีความฝันอย่างนึง" วินว่า "เขาอยากมีร้านอาหารที่ปารีส เป็นร้านที่พี่ชายของเค้า และคุณจะเปิดให้ ผมจะยกให้คุณทันที ที่คุณเอาเงินมาลงทุนกับงานนี้ของผม"
   “ให้ตายสิ" จีโอพูด "วิน นายทำตัวเหมือนนักธุรกิจน่าดูเลยนะ"
   “ผมรู้" วินว่า "มันอาจจะเปนเงินจำนวณมากโขอยู่ที่คุณจะต้องมาลงทุนกับผมในปารีสแฟชั่นวีค ของซูเม่ อินเตอร์เนชั่นอล ถึงมันจะไม่งอกเลยทันที แต่ผมอยากให้คุณเชื่อใจ....และนี่คือหลักประกันที่ผมมีให้ ที่ดินราคาสูงกว่าลิบลิ่ว"
   “ถ้านายมีตึกนี้ ทำไมไม่ขาย แล้วเอามันมาลงทุนให้ตัวเองล่ะวิน" จีโอถาม
   “ดีไซน์เนอร์ ออกเงินให้งานตัวเอง มันไม่ค่อยเป็นธรรมกับคนอื่นๆเท่าไหร่ ในสายงานของผม มันไม่ใช่เรื่องที่เค้าทำกัน" วินว่า
   “ประมาณว่า ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนกับ ถ้าใครมีเงิน ก็แสดงงานตัวเองได้ ใครไม่มีก็หมดสิทธิ์ใช่ไหม" จีโอว่าต่อ
   “ใช่ครับ" วินว่า "และที่สำคัญ ผมอยากดึงคุณเข้ามาในเกมส์"
   “ทำไมคุณถึงไว้ใจผม" จีโอว่า
   “คุณเป็นเพื่อนเคลวิน" วินว่า "ผมไว้ใจเค้า"
   “อืมมมม" จีโอมองเอกสารทั้งหมดที่กองอยู่บนตักพลางครุ่นคิด
….............
   “เค้ามาช้านะ" เจนจิรากล่าวเสียงเข้มข้นขณะมองดูนาฬิกาตัวเอง เอิร์ธที่พยายามทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกโจมตี ทำเป็นนั่งตรวจงานตัวเองบทแล็ปท้อป ไม่สนใจอาการของเจนจิราที่คุกคามอยู่เงียบๆ
   “ชั้นไม่ได้มีเวลาขนาดนั้นหรอกนะ" เจนว่า
   “พี่มีอย่างอื่นต้องทำเหรอครับ" เอิร์ธว่า "นอกจากงานพี่เมธแล้ว มีอะไรต้องทำอีกเหรอคับ"
   เจนจิราเหล่มองเอิร์ธ
   “ถ้าวันนี้ชั้นไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจล่ะก็ การประชุมวันพรุ่งนี้ อาจจะมีผลต่อเธอสองคนได้ไม่ยากนะ" เจนจิราว่า
   “แต่มันก็อาจจะไม่ง่ายก็ได้ครับ" เสียงของวินแทรกขึ้น พลางเดินมาที่โต๊ะของเจนจิรา
   “มาได้ซะทีนะ" เจนจิราว่า
   “โทษทีครับ พอดี ผมต้องไปรับนักลงทุนท่านนึง พอดีเค้าอยากจะมาพบคุณ" วินว่า
   “นักลงทุนงั้นเหรอ" เจนจิราว่า "เธอเนี่ยนะ"
   “ครับ ผมสองคน มีนักลงทุนอยู่ท่านนึง ที่จะแนะนำให้รู้จัก" วินว่า พลางหันไปอมยิ้มให้เอิร์ธ ชายหนุ่มพยักหน้าให้เพื่อนเบาๆ เอิร์ธถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งเล็กๆ วินผายมือให้เจนจิราพบกับจีโอ ที่เดินตามเข้ามา
   จีโอ เดินเข้ามาในชุดสูทสีดำอย่างดี ทำให้มาดคนอารมณ์ขำขัน หายกลืนไปกับความหล่อเหลาของความลงตัวในชุดสูทที่วิคัดเลือกมาให้ จีโอยิ้มกว้างให้กับทั้งสามคน อย่างเป็นมิตร
   “สวัสดีครับ" เขากล่าวทักทาย
   เจนจิราลุกขึ้นอย่างงงวยพลางยิ้มให้กับจีโอ เธอยื่นมือไปหาเค้า
   จีโอมองหน้าเธอพลางยิ้มให้
   “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ชั้น เจนจิรา...” เธอกล่าวขึ้น
   “ครับ....ผมจีโอ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน" จีโอว่า
   ทั้งหมดนั่งลงหลังจากทำความรู้จักกันพอสมควรแล้ว วินเริ่มสาธายายให้เจนจิราฟัง และเริ่มแนะนำที่มาที่ไปของการพูดคุยกันวันนี้ เจนจิรานั่งฟังสิ่งที่วินพูดอย่างตั้งใจ แม้ว่าเธอจะไม่วางสายตาลงจากจีโอได้เลย เธอมองเขาราวกับจะเจาะทะลุไปให้ได้ถึงข้างใน ในขณะที่จีโอ รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ มีรัสมีบางอย่าง ที่เขาอยากจะทำทุกอย่างเพื่อพุ่งเข้าใส่ เขารับรู้ได้ทันทีว่า สิ่งที่เขาตกลงกับวินไปบนรถแทกซี่และร้านเช่าชุดนั้น น่าสนุกขึ้นเป็นเท่าทวี
   เวลาผ่านไปเกือบบสิบนาที ที่วินกล่าวว่าจีโอสนใจงานของเขาและเอิร์ธ และมีความสนใจที่จะร่วมสนับสนุนงานแฟชั่นวีกของซูเม่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
   “....ผมเห็นว่าสองคนนี้ มีความสร้างสรรค์ แล้วก็กล้าที่จะแสดงผลงาน" จีโอว่า "ผมเชื่อเหลือเกินว่า งานแฟชั่นวีคที่จะถึงนี้ จะเป็นโอกาสดี ที่สองคนนี้จะได้แสดงฝีมือในนามของซูเม่ และเช่นเดียวกัน โดยการสนับสนุนร่วมกัน ระหว่างซูเม่ และผม"
   เจนจิราเคาะนิ้วเบาๆสองครั้ง
   “ค่ะ...ชั้นเข้าใจ" เจนจิราว่า "ชั้นแค่สงสัยว่า มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่อยู่ดีดี นักธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์อย่างคุณ จะมาสนใจงานดีไซน์ อย่างน้อยก็สามเดือนก่อนงานแฟชั่นวีค"
   “ไม่รู้สิครับ ผมเป็นพวกชอบลองของใหม่" จีโอว่า พลางยิ่นหน้าเข้าไปหาเจนจิรา "โดยเฉพาะของใหม่ที่มีสเน่ห์ ชวนค้นหา และดูลึกลับ....”
   เจนจิรามองหน้าจีโอ
   “.....อย่างงานดีไซน์น่ะครับ" จีโอยิ้มกว้างอย่างกวนประสทให้เจนจิราครั้งหนึ่ง เธอเหลบตาลงเล็กน้อย
   “ชั้น...เอ่อ....ชั้นคิดว่า เราอาจจะต้องมีการคุยกันอย่างเป็นทางการมากกว่านี้และเอ่อ.......ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณพักอยู่ไหนคะ" เจนจิราถามขึ้น
   “ทำไมเหรอครับ...คุณอยากจะนัดเจอผมนอกรอบงั้นเหรอ" จีโอหยอดเจนไปอีก
   “คุณจีโอ....ชั้นหมายความว่า.....”
   “ถ้าคุณสนใจข้อเสนอของผม ผมแนะนำให้คุณ นำเรื่องที่เราคุยกันนอกรอบวันนี้ เข้าไปเสนอทางผู้บริหารของซูเม่พรุ่งนี้ครับ" จีโอพูดต่อ "ผมพร้อมจะเซ็นสัญญาทันที เมื่อทางซูเม่พร้อม"
   เจรจิราเงียบไปพักนึง ขณะมองมาที่วิน ที่มองเธอกลับดวงดวงตาที่เบิกกว้าง
   “ถึงมันจะดูแปลก เหมือนกับว่าอยู่ดีดี คุณก็โผล่มาในเวลาที่เหมาะเจาะซะเหลือเกิน" เจนจิราว่า แม้ว่าจะยังไม่ละสายตาไปจากวิน "แต่ฉันก็ตกลงค่ะ...ฉันจะพูดเรื่องนี้ในการประชุม ถึงมันจะแปลกสำหรับชั้นมาก็ตาม"
   “มันอาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้ครับ" จีโอพูดพลางอมยิ้มให้เธอ "ที่ทำให้เราสองคนมาเจอกัน ในดินเนอร์ดีดีแบบนี้"
   “งั้นเหรอคะ" เจนจิราว่าเสียงเข้ม "งั้นพระเจ้าคงจะเล่นตลกน่าดู"
   “ดีเลยครับ" จีโอว่า "เพราะผมเป็นคนชอบเรื่องตลก ดีจังที่คุณก็ชอบ"
   “ค่ะ...ชั้นชอบเรื่องตลก" เจนจิราว่า "เพราะว่าเรื่องตลกส่วนใหญ่ที่ชั้นได้ยิน มักจะมาจากคนที่เอ่อ.....คนที่ไม่ค่อยมีสาระน่ะค่ะ....”
   เจนจิรายิ้มตอบอย่างไม่จริงใจที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แม้ว่าจีโอจะยังคงจ้องหน้าเธอต่อไปพลางยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่สุดกวนประสาท วินเหล่มองการปะทะสายตาและคารมของจีโอและเจนจิราอยู่ใกล้ๆก็รู้สึกถึงบรรยากาศมาคุที่ชวนขนลุก วินหันไปมองเอิร์ธที่กลั้นยิ้มซะจนหน้าเกร็งอยู่อย่างนั้น
   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ชั้นขอตัวก่อน" เจนจิรากล่าวโดยรวม เพื่อให้ทั้งวินและเอิร์ธรู้ไปด้วย
   “ด้วยความยินดีครับ หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีก เร็วๆนี้นะครับ" จีโอยิ้มกว้างให้เธอ พลางยื่นนามบัตรให้
   “โอ้.....ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" เจนจิราว่า ก่อนจะเดินตัดจีโอออกไปจากโต๊ะทันที
   จีโอมองเธอเดินจากไป แม้ว่าในหัวของเขาจะเต็มไปด้วยแผนเด็ดๆมากมายไหลไปมาเต็มไปหมด ชายหนุ่มหันหลับมาหาวินและเอิร์ธที่มองเขาอยู่เป็นสายตาเดียว
   “ผมเดาว่า คุณอยากร่วมลงทุนกับเรามากขึ้นกว่าเดิม" วินว่า
   “นายอ่านใจได้ด้วยนี่" จีโอว่า "แล้ว....หล่อน....เป็นใครกันเนี่ย"
   “คนที่คุณไม่ควรไปยุ่งด้วย หรือทำอะไรแบบที่คุณทำไปเมื่อกี้ด้วยเลยแหละ" เอิร์ธว่าต่อ พลางมองหน้าวิน
   “โอ้....งั้นเหรอ" จีโอว่า พลางหันกลับไปมองประตูอันว่างเปล่าที่เจนจิราเพิ่งเดินออกไป "ไม่เห็นมีใครบอกเลยนี่ว่า...ยุ่งด้วยไม่ได้น่ะ"
   “งั้นผมก็ขอต้อนรับคุณเข้าสู่ซูเม่ล่วงหน้าเลยแล้วกันนะครับ" วินว่าพลางลุกขึ้น "หุ้นส่วน"
   วินยืนมือไปจับกับจีโออีกครั้ง
   “ด้วยความยินดีวิน" จีโอจับมือกลับตาม เช่นเดียวกับเอิร์ธ
   วินและเอิร์ธคิดว่านี่เป็นโชคที่ซ้อนกันหลายชั้นมากทีเดียว ที่การเจรจาในวันนี้จบลงด้วยดี แม้ว่าจะเปิดเหตุการณ์มาคุขึ้นนาดู
   ในขณะที่จีโอกลับคิดว่า มีอะไรมากกว่าเงิน ที่เขาอยากจะลงทุนด้วยซะแล้ว.....
…......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2012 19:49:52 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
เจ้เจนจะสิ้นลายบ้างอะไรบ้างก็น่าดูนะหลังจากเจ้ผงาดมาตลอด
รอรื่องนี้นานมากกกกกกกกกก มาต่อแล้วดีใจ
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
ชื่นใจ  ได้อ่านอีกครั้ง

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 27 Midnight Breakfast   

วินส่งจีโอที่หน้าร้านเกล็ดหิมะ หลังจากที่แยกกับเอิร์ธแล้ว ผลจะออกหัวออกก้อยยังไงก็คงต้องรอสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการประชุมโต๊ะผู้บริหารของซูเม่วันพรุ่งนี้ เจนจิราเป็นก่วงแบรนด์ของเธอ การที่เขาสามารถหาตัวนักลงทุนมาเสียบแทนท่านอื่นๆที่กำลังจะเทกระจาดไปหาเธอและคุณกายสิทธิ์ในงานขยายตลาดที่อังกฤษได้ นั่นเป็นสิ่งที่เธอควรจะเบาใจ
   เจ๊ใหญ่เป็นธุระในการจัดหาที่พักให้กับจีโอได้สำเร็จ เป็นห้องเล็กๆที่อยู่ถัดไปอีกหกบล็อค ดังนั้นหลังจากพูดจากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ๊ใหญ่จึงให้เด็กที่ร้านไปส่งจีโอที่นั่น จีโอคงต้องอยู่ปารีสไปอีกอย่างน้อยก็หนึ่งเดือน พออยู่รอสรุปผลทั้งหมด ในขณะที่วินยังคงนั่งอยู่ที่ร้านเกล็ดหิมะ แม้ว่าจะเป็นเวลาดึกมากแล้ว
   “จริงๆนะวิน ช่วงนี้เราเองก็มีการมีงานทำมั่นคงแล้ว ถ้ามันลำบากนัก ก็ไม่ต้องกลับมาทำงานให้พี่ก็ได้ พี่หาคนอื่นเป็นบาริสต้าแทนเราไม่ยากหรอก" เจ๊ใหญ่ว่า "เกรงใจเราจริงๆเลย"
   “ไม่หรอกครับ" วินว่าขณะเช็ดจานที่กองอยู่บนโต๊ะ "แหมเจ๊ จะไล่กันซะแล้วเหรอ"
   “ปล่าว เจ๊กลัวงานชงกาแฟมันเบียดเวลาเราน่ะ" เจ๊ใหญ่ว่า
   “ผมทำได้อยู่" วินว่า "อย่างน้อย ผมก็มีรายได้เสริม เผื่องานผมขายไม่ได้ขึ้นมา จะได้ไม่อดตายไงครับ"
   “ไม่น่าเชื่อเลยให้ตายสิ" เจ๊ใหญ่ว่า "เจ๊ยังจำลูกคุณหนูคนที่มาเหวี่ยงในร้านนี้เมื่อต้นปีได้อยู่เลย"
   “ก็เพราะที่นี่ ทำให้ผมเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะไงเจ๊" วินว่า "ผมอยากทำอะไรให้ที่นี่บ้าง"
   “เห้อ....เจ๊เอง ก็ไม่รู้นะ ว่าเกล็ดหิมะ จะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน" เจ๊ใหญพูดขึ้น พลางทำเสียงเศร้า
   “ทำไมล่ะฮะ" วินถามต่อ
   “โอ๊ย...หลายปัจจัยน่ะวิน" เจ๊ใหญ่ว่า "ที่นี่หมดสัญญากันครั้งละ 2 ปี เจ๊ก็พยายามสู้ราคามาทุกปีนั่นแหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าปีไหนจะดวงตกขึ้นมา"
   “ถ้าเกิดที่นี่ปิดไปจริงๆ เจ๊จะทำไงอ่ะ" วินถามต่อ
   “เจ๊น่ะไม่เป็นไรหรอก เพราะสามีเจ๊ เค้าทำงานอยู่สถานทูตไทย เจ๊น่ะยังอยู่ได้ แต่คนไทยที่เหลือน่ะสิ" เจ๊ใหญ่ว่า "มันก็มีบางคนที่ทั้งชีวิต พึ่งไว้แต่เกล็ดหิมะคนพวกนั้น ลำบากแน่"
   วินนั่งฟังเจ๊ใหญ่พูดอย่างจริงใจ
   “ผมรักที่นี่นะเจ๊" วินว่า "ถ้าเป็นไปได้ ผมจะช่วย ถ้าวันสัญญามาถึง"
   “ขอบใจมากนะน้องวิน" เจ๊ใหญ่ว่า "แต่ถ้ามันลำบาก ก็อย่าพยายาม คนเรา ก่อนจะช่วยเหลือคนอื่น ต้องช่วยตัวเองให้รอดซะก่อนน่ะรู้ไหม เจ๊น่ะบอกทุกคนที่นี่เสมอ ว่าอย่าเอาเกล็ดหิมะเป็นที่พึ่ง ถ้าเกิดวันนึงที่นี่ปิดตัวลงขึ้นมาพวกเขาจะต้องแก้ปัญหากันเอง"
   “ครับ ผมเข้าใจ" วินว่า "ผมแค่ ไม่อยากให้ความหวังขอคนที่ไม่มี มันหายไปน่ะ"
   “เธอพูดเหมือนน้องก้องเลยนะเนี่ย" เจ๊ใหญ่ว่า "ถ้าเค้ายังอยู่ที่นี่ เค้าก็บอกแบบนี้แหละ"
   “งั้นเหรอครับ" วินว่าพลางอมยิ้มอย่างมีความสุข
   ก่อนจะจากลากันไปในคืนนั้น เจ๊ใหญ่ฝากความคิดถึงผ่านวินไปให้ก้อง วินไม่ได้บอกความจริงกับเจ๊ใหญ่ว่า คนที่ชื่อก้องของเธอ ไม่มีอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว แต่ขา ไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำให้เจ๊ใหญ่ต้องมารู้สึกไม่ดีกับไกด์ อย่างน้อยๆ ไกด์ก็เป็นคนที่อยากจะช่วยร้านเกล็ดหิมะเอาไว้ ถ้ามันจะเป็นไปได้ ไกด์เองก็เปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่ใช้ชีวิตตัวเองในชื่อของน้องชาย นักธุรกิจหนุ่มเพลย์บอยเสเพล ได้เรียนรู้จากความสูญเสียที่เกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงตัวเอง จนกลายเป็นไกด์คนใหม่ ที่อยากจะช่วยเหลือคนอื่น มันเป็นหนึ่งในไม่กี่เหตุผลที่ทำให้วินไม่รู้สึกแย่เลยซักนิด ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนคนนี้
   ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง วินกลับมาถึงบ้านที่ถนนทอร์ควิลในรถเมล์รอบสุดท้าย แน่นอนว่าท้องถนนยามค่ำคืนเริ่มเงียบสงัดและร้างผู้คนวินก้าวเท้ามาถึงหน้าห้อง ก่อนจะไขประตูเข้าไป
   ร่างๆหนึ่งนบอยู่บนโซฟา ซุกตัวอยู่ในผ้านวมหนาเตอะที่คงลากเอาออกมาจากห้องนอน ใบหน้าหล่อเหลาขาวสะอาด สะท้อนแสงไฟสีส้มนวลที่ลอดมาจากหน้าต่างที่ไม่ได้ดึงผ้าม่าน วินอมยิ้มน้อยๆก่อนจะปิดประตูห้อง และถอดเสื้อโค้ทออกแขวนนี่เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว เขาไม่ได้บอกไกด์ไว้ ว่าวันนี้จะกลับดึก เขามีเรื่องต้องจัดการมากมายเหลือเกิน วินเดินมานั่งลงข้างๆโซฟา พลางมองหน้าไกด์ อยู่ดีดีความรู้สึกมากมายก็ตีรวนเข้ามาในหัว เขายิ้มกว้างให้กับร่างที่หลับสนิท ตลอดชีวิตของเขา นอกจากแม่ ไม่มีใครคอยเขากลับบ้านบ่อยนัก ใบหน้าของไกด์ตอนนอนทำให้วินขำเบาๆ เจ้าบาริสต้าผู้เย็นชาหลับเป็นตายดูเหมือนเด็กน้อยเอามากๆ
   “ขอบคุณนะคับ" วินพูดเบาๆข้างๆใบหน้าของไกด์ "ถ้าไม่ได้นาย ชั้นคงไม่ได้มาถึงตรงนี้แน่ๆ"
   วินมองใบหน้าที่หล่อเหลานั้นอย่างมีความสุข กลิ่นอายจากบาริสต้าอบอวลไปทั่วตัวของวิน ความอบอุ่นก่อขึ้นในใจอย่างควบคุมไม่ได้อีกครั้ง เหมือนเมื่อหลายวันก่อนที่เขาโดนมีดบาด แผลของเขาหายดีแล้ว แต่บางอย่างมันยังอบอวลอย่ในใจราวกับแผลเป็น ความรู้สึกบางอย่างที่วินไม่กล้าแม้แต่จะค้นลงไปลึกๆ เพราะเขากลัวว่าถ้าเกิดมันเป็นแบบนั้นจริงๆ มันจะเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต เป็นความรู้สึกใหม่ ที่เขาไม่เคยเข้าใจ ความรู้สึกรัก
   เขาไม่แน่ใจกับมันมากนัก ว่าเขาจะตกหลุมรักผู้ชายได้ เหมือนกับเอิร์ธหรือเปล่า เขาไม่แน่ใจว่า ที่เขารู้สึกกับไกด์มันคือความรักจริงๆหรือไม่ แต่ยอมรับว่าความรู้สึกสงบ และอบอุ่น เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีหมอนี่อยู่ด้วยมันเกิดขึ้นชัดเจนขึ้นมาก หลังจากเหตุการณืวันนั้น วันที่เขาเผลอจูบหมอนี่เข้าให้ ความรู้สึกในวันนั้นมันเกิดขึ้นอีกครั้งตรงนี้แล้ว เวลาที่วินได้อยู่ใกล้กับไกด์มากๆ ไกล้จนมองเห็นทุกอย่างบนใบหน้านี้ มองเห็นความสงบที่นอนนิ่งอย่างมีความสุขและสงบเงียบ
   วินค่อยๆก้มหน้าลงไปหาไกด์ใกล้มากขึ้นอีกครั้ง เขาปล่อยให้ความรู้สึกอบอุ่นนั้นเข้าครอบงำหัวใจตัวเองอีกครั้ง เขาแตะริมฝีปากของตัวเองลงไปหาไกด์เบาๆ ราวกับเวลารอบตัวของวินหยุดหมุนลงไปอย่างนั้น วินลืมตาขึ้น เมื่อร่างไกด์ขยับตัว ดวงตาของไกด์มองมาที่เขาอย่างสลึมสลือ วินดึงตัวขึ้นนั่งหลังตรงด้วยความตกใจพลางหันหลังให้กับโซฟาทันที
   ไกด์ขยับตัวขึ้นนั่ง พลางกระแอมคอหนึ่งครั้งแก้เขิน แม้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มจะทำอะไรไม่ถูกนอกจากเกาจมูกตัวเองไว้ท่า เพื่อดึงสติตัวเองกลับมา
   “เอ่อ..... ก....กลับ....ม...มาแล้วเหรอนาย" ไกด์พูดเสียงแหบพร่า สมกับที่เพิ่งตื่นนอน และยังสั่นเคือด้วยความตกใจ
   “อื้อ" วินพูด แม้ว่าจะยังไม่หันหน้ามาไกด์ เขานั่งกอดเข่าหันหลังอยู่ด้านล่างของโซฟาอยู่อย่างนั้น
   ไกด์ขำเบาๆกับท่านั้นของวินเอามากๆ เขาส่ายหน้าให้วินช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งโกยผ้านวมขึ้นมาห่มตัว ชายหนุ่มนั่งห้อยขาลงจากโซฟาคร่อมตัววินเอาไว้ พลางดึงตัววินให้พิงมาหาเขาตรงโซฟาบริเวณหว่างขาตะวเองพอดี
   “ทำอะไรของนายเนี่ยหะ" วินร้องพอเป็นพิธี แม้ว่าตัวเองจะพิงไปหาไกด์อย่างว่าง่าย ตอนนี้ความอบอุ่นจากไกด์ปกคลุมเขาไปทั่วทั้งตัวซะแล้ว ไกด์ก้มตัวลงมาโอบเขาจากบนโซฟา
   “นายต่างหาก ทำอะไร" วินว่าพลางมองหน้าวินที่เมินหน้าไปอีกทาง ไม่ยอมเด็ดขาดที่ให้ไกด์เห็นว่าเค้ากำลังหน้าแดง
   “ทำอะไร" วินว่าเสียงสูง "ก็ เห็นหลับอยู่"
   “ก็เลยขโมยจูบกันเนี่ยนะ" ไกด์ว่า ไม่ได้รับเสียงใดใดกลับมา วินกัดปากตัวเองเบาๆ รู้สึกว่าตัวเองได้ทำบางอย่างผิดพลาดไปครั้งใหญ่ ไกด์อ้อมตัวไปอีกทางหนึ่ง วินก็หันหน้าหนีไปอีกทาง "เห้ย นาย จะหลบหน้าทำไมเนี่ย"
   “ปล่าวซะหน่อย" วินว่า ไกด์หัวเราะเบาๆ
   “วันนี้เป็นเอามากนะวิน เป็นอะไรไปน่ะ" ไกด์ถามขึ้น
   “ไม่ได้เป็นอะไร" วินตอบ
   “เหรอ...งั้น ชั้นไปนอนละ" ไกด์พูดพลางทำทีจะขยับตัว
   “ด...เดี๋ยวๆ" วินดึงแขนของไกด์เอาไว้ ไกด์จึงก้มลงมาประจันหน้ากับวินอีกครั้ง
   “ว่า" ไกด์ถามเสียงเยียบเย็นอีกครั้ง
   วินมองเข้าไปในดวงตาของไกด์ ที่ส่งกลับมาด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างประหลาด วินมองตาไกด์อยู่เนิ่นนาน วินเบิกตากว้างมองไปยังดวงตาคู่นั้น เขาไม่แน่ใจนักกับความรู้สึกแบบนี้
   “มีอะไรก็ว่ามา" ไกด์ถามต่ออีก ดวงตาที่เป็นประกายของไกด์ มันช่างต่างจากบุคคลิกที่นิ่งเฉยของไกด์เอามากๆ
   “นี่นายกำลัง.....ไล่ต้อนกันหรือเปล่าเนี่ย" วินว่า ไกด์กลอกตาเบาๆ
   “ไล่ต้อน....ยังไงเหรอ" ไกด์ถามเสียงหล่อ
   “คือ...หมายถึง มุกแบบนี้หรือเปล่า ที่นายใช้จีบสเตลล่ามาก่อน" วินถามต่อ ใบหน้าของไกด์กระตุกเบาๆ ก่อนจะมองไปยังมุมห้อง
   “นี่นายคิดว่าชั้นจีบนายเหรอ" ไกด์ถามเสียงแข็ง
   “ก็...ปล่าว" วินพูดเบาๆ พลางหลบตาลง
   “ไปอาบน้ำเถอะวิน จะได้นอน" ไกด์ว่าพลางดันตัววินให้ลุกขึ้น ขณะที่ตัวเองก็ลุกออกจากโซฟาและเก็บผ้านวม อารมณ์ที่เปลี่ยนไปในทันทีของไกด์ทำวินไปไม่เป็นอยู่พักนึง ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ ไกด์ก็เป็นแบบนี้ ตั้งแต่วันนั้น ไกด์ก็ทำตัวเหมือนหมองจางๆ ไม่ชัดเจน บางทีมันก็ทำให้วินแอบอึดอัดอยู่บ้าง บาริสต้าหนุ่มเดินผ่านตัววินเพื่อที่จะเข้าไปห้องนอน ไกด์หันมามองวินครู่หนึ่ง วินพยายามเต็มที่ที่จะใช้สายตามองไกด์กลับให้ดูปกติที่สุด
   “นายคิดว่าชั้นจีบนายเหรอ" ไกด์พูดขึ้น วินถอนหายใจครั้งหนึ่ง
   “แหนะ...ไม่จบ" วินว่า "ก็บอกแล้วว่าไม่ได้คิด"
   “แล้วถามทำไม" ไกด์ถามอีก
   “ถามอะไร" วินว่า
   “ก็ถามว่าชั้นไล่ต้อนนายหรือเปล่า" ไกด์ว่า
   “ก็.....ชั้นสงสัยเฉยๆ" วินว่า "ก็แค่อยากรู้"
   “ฉันไม่ได้ไล่ต้อน" ไกด์ว่า
   “อื้อ" วินว่า พลางหลบตา และหันหลังเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
   “แต่ชั้นจีบนายน่ะใช่" ไกด์ว่า ก่อนจะเดินหายไปในห้องนอน ทิ้งให้วินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่นานหลายนาที
…....
   แสงแดดอ่อนๆ ส่องเข้ามาต้องร่างของวินที่ค่อยๆลืมตาขึ้น ความอุ่นของฮีตเตอร์ที่ลดลงบ่งบอกว่าได้เวลาตื่นนอนแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงหลังด้วยความง่วงงัวเงีย เมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยกลับ ความตื่นเต้นมันทำให้ใจรัวเป็นกลองตอลดคืน โดยเฉพาะเมื่อต้องนอนอยู่ข้างๆไกด์ แต่วันนี้เขามีอะไรข้างนอกที่ต้องออกไปจัดการอีกเยอะ ดีดตัวออกจากเตียง และเก็บที่นอนอย่างเร่งรีบ ก่อนจะออกจากห้องนอนในทันที เพื่อเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแต่งตัว
   เมื่อประตูห้องนอนเปิดออก กลิ่นข้าวต้มก็โชยมาเตะจมูกวินเข้าอย่างจัง เขามองไปยังไกด์ที่ที่กำลังง่วนอย่กับการเคี่ยวข้ามต้มตรงุมครัวตรงนั้น ภาพนั้นนอกจากจะทำให้วินยิ้มกว้างแล้ว ตอนนี้ท้องของเค้าร้องขึ้นมาทันทีเสียด้วย ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาไกด์
   “ตื่นเช้าจัง" วินกล่าวทักทาย ไกด์หันมามองหน้าเขา พลางยักคิ้วให้ "เดี๋ยวนี้เพิ่มอาหารเช้าให้ด้วยเหรอ บ้านนี้เนี่ย"
   “ทำไมอ่ะ ไม่อยากกินข้าวเช้าที่บ้านเหรอ" ไกด์ถาม
   “ปล่าว ก็ปกตินายไม่ตื่นมาทำข้าวเช้าให้ชั้นนี่" วินว่า "ปกติทำแต่ข้าวเย็น"
   “ก็เดี๋ยวนี้ตอนเย็นนายกลับดึก ไม่ค่อยได้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันแล้ว" ไกด์ว่า "ก็เลยกะว่าจะเปลี่ยนมาทำข้าวเช้าให้แทน"
   “งั้นเหรอ" วินว่าพลางอมยิ้ม "ข้าวต้มปลาแซลมอนใช่มะ"
   “รู้ได้ไง" ไกด์ถาม
   “นั่นไง" วินชี้ไปที่ซิงค์ครัว ปลาแซลมอนอีกครึ่งตัวยังคงวางเอาไว้
   “ตาดีนี่" ไกด์ว่า "ไปล้างหน้าก่อนไป แล้วมากินข้าวกัน"
   วินทำตามอย่างว่าง่าย เขาใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีทำธุระของตัวเองให้เสร็จ ก่อนจะเดินออกมาที่ห้องครัวด้วยสีหน้าแช่มชื่น วินนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะลงมือทานข้าวต้มปลาแซลมอนที่ไกด์ทำให้อย่างเอร็ดอร่อย
   “วันนี้ไปทำงานหรือเปล่า" ไกด์ถามขึ้น
   “ไปดิ" วินว่า
   “เห็นว่าพักนี้วิ่งหาเงินลงทุนเหรอ" ไกด์ถาม วินเงยหน้าขึ้น
   “ใช่ ก็ จะทำแฟชั่นโชว์ในงานแฟชั่นวีคน่ะ" วินว่า
   “จีโอตอบตกลงหรือเปล่า" ไกด์ว่า
   “นายรู้ได้ไงเนี่ย" วินถามต่อ
   “เมื่อวานเสตลล่าแวะมาน่ะ" ไกด์ว่า
   “อ้อ" วินรับคำเบาๆ "ก็...จีโอน่ะตอบตกลง แต่ว่าก็คงต้องรอดูผลจากที่ทำงานวันนี้"
   “เดี๋ยวนี้นี่ทำตัวเป็นนักธุรกิจไปแล้วเหรอนาย" ไกด์ว่า "วิ่งหาเงินเก่งนี่"
   “ก็ใครสอนให้รู้จักดิ้นรนล่ะ" วินว่าพลางมองหน้าไกด์ "ว่าแต่นายเหอะ ออกจากร้านเกล็ดหิมะมาแล้ว พักนี้ไม่เห็นนายทำงานเลย"
   “อืม ก็ ดูดูอยู่" ไกด์ว่า
   “กลับไปช่วยเจ๊ใหญ่ เค้าไม่ได้เหรอ" วินถามต่อ ไกด์เงียบไปพักนึง วินรู้ดีว่าเมื่อไกด์เปิดเผยตัวจริงกับเขาแล้ว มันก็เป็นการยากที่ไกด์จะย้อนกลับไปเป็นก้องอีกครั้ง ชีวิตที่ร้านเกล็ดหิมะ เป็นชีวิตที่เขาสร้างขึ้นมาทดแทนภาพอดีตของก้องนั่นเอง
   “เจ๊เค้า ถามถึงนายน่ะ" วินว่า "คือชั้นหมายถึง ถามถึงก้อง"
   “อ่าหะ" ไกด์ว่า "ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ยังไม่ได้คิด"
   “ไกด์ ชั้นว่านายออกไปทำอะไรบ้างก็ดีนะ" วินว่า "อย่าอุดอู้อยู่แต่ในนี้เลยชั้นว่า"
   “ชั้นไม่เป็นไรหรอกน่า อยู่ได้สบายมาก" ไกด์พยายามยิ้มให้วิน แม้ว่ามันจะตลกมากก็ตาม"
   “เออนี่ เดี๋ยวอีกประมาณสองสามอาทิตย์ ชั้นจะว่างล่ะ" วินว่าพลางยิ้มให้ไกด์
   “ทำไม จะไปเที่ยวเหรอ" ไกด์ว่า
   “อื้อ" วินว่า "เรา ไม่ได้ไปไหน ด้วยกัน......มานานแล้วนะ"
   ไกด์ทำเป็นนึกอีกครั้ง
   “นายคงไม่อยากไปสตาร์เบิร์กอีกรอบนึงแน่ๆ" ไกด์ว่า "ถ้าอย่างนั้นไปดีสนีย์แลนด์ไหมล่ะ"
   “จริงเหรอ" วินว่า "ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ"
   “อื้ม ฉันไปกับก้องหนสุดท้ายก็สองปีที่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่า มีเครื่องเล่นอะไรใหม่ๆบ้าง" ไกด์กล่าวเสียงเศร้า วินถอนหายใจอีกครั้ง
   และบทสนทนาก็จบลงเพียงแค่นั้น ทุกครั้งที่ไกด์พูดถึงก้อง รัสมีเย็นเยือกประหลาดจะแผ่ออกมาจากตัวไกด์ทันที วินเข้าใจดี หมอนี่ไม่เคยลืมความผิดที่ทำลงไปได้เลยซักครั้ง วินเองก็กำลังคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เขาไม่ค่อยมีความสุขนัก กับความรู้สึกของไกด์ที่แบกรับอยู่ มันพลอยทำให้เขาอึดอัดใจไปด้วย
   มื้อเช้าจบลงด้วยความเงียบเชียบ ไกด์ล้างจานชามอย่างไม่เร่งร้อน ขณะที่วินเริ่มแต่งตัว เพื่อเตรียมตัวไปซูเม่ ก่อนออกจากห้อง วินมองไปยังไกด์ที่ค่อยๆเช็ดครัวอย่างพิถีพิถัน
   “ชั้นไปก่อนนะไกด์" วินร้องเรียก ไกด์หันมาหาเขา
   “เย็นนี้จะกลับมาทานข้าวเย็นหรือเปล่า" ไกด์ร้องถาม
   วินถอนหายใจ
   “ยังไม่รู้เลย" วินร้อง "ขอโทษนะ"
   “อืม ไม่เป็นไร" ไกด์ว่า
   วินเดินออกจากห้องมาด้วยความรู้สึกใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกกังวล
   เขาไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไกด์สามารถทำให้เขามีความรู้สึกสารพัดอย่างได้ภายในคืนเดียว ทั้งสุข ทั้งอบอุ่น ทั้งเหงา และเป็นกังวล ตีรวบอบอวลอยู่ภายในห้อง 20 ตารางวานั้น วินกำลังรู้สึกว่า ไกด์อาจจะกำลังฝังตัวเองอยู่กับคนเดิม ไกด์ที่จมอยู่กับความเศร้า ไม่ใช่ไกด์คนใหม่อย่างที่ควรเป็น และถ้ามันยังเป็นอย่างนั้น ตัวเขาเองก็ยังไม่ใช่วินที่ไกด์เห็น แต่เป็นเพียงภาพฉายทดแทนน้องชายที่จากไป
   ถ้าความรู้สึกที่ไกด์และเขามีให้กันมันเป็นเรื่องจริง วินก็อยากจะให้ไกด์เปลี่ยนเป็นคนใหม่มากกว่านี้ และเขาจะทำให้สำเร็จให้ได้
   ชายหนุ่มเดินออกจากถนทอร์ควิลในเช้าวันนั้น ด้วยหัวใจที่ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา
….....

ออฟไลน์ jusmine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ๊าย.......มาแล้ว แถมได้อ่าน 2 ตอนด้วย
     

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
ความฝันใกล้จะเห็นอยู่รำไร

Tuna Omega

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ได้เข้ามาหลายวัน...ดีใจจังมาสองตอนติดๆ

น้องวินน่ารักอ่ะ วางแผนอนาคตโดยมีไกด์อยู่ในนั้นขนาดนี้ ยังไม่แน่ใจอะไรอีกค๊า...

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
เขินที่ไกด์พูดว่าจีบน้องวิน อร๊ายยยยยย
เจ้เขินแทนลูกแต่ไหงตอนท้ายๆอึ้มครึ่มอย่างนี้ล่ะเนี้ย
สวัสดีปีใหม่นะคะคนเขียนนน

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ขอต้อนรับสู่ปี 2013 จ้า.....

อันดับแรกต้องขอโทษแฟนๆเรื่อง Coldness Town ก่อนเลย รู้นะว่ารอกันมากมายกับตอนต่อไปของเรื่องนี้ ขอโทษจริงๆนะ ให้ตายเถอะ ไม่ได้มีเจตนาให้รอกันเลยจริงๆจ้า แต่ด้วยความที่ตอนนี้กำลังยุ่งมาก มีปัญหาต่างๆนานาเข้ามานัวช่วงสิ้นปีน่ะ ก็เลยไม่มีเวลาแต่งตอนต่อไปให้แฟนๆอ่านต่อเลย

แต่ว่า...มันก็มีเหตุผลนะ

คือว่า.....มิรันดาไปไตร่ตรองมาอย่างถ้วนถี่แล้วล่ะ ว่าช่วงที่ผ่านมา Coldness Town นั้นมีโครงเรื่องที่กำลังงเบียดกับ Loveless Society มาก จนเรื่องนี้อาจจะขาดความเป็นอัตลักษณ์ของตัวเองไปเสีย และมันก็กำลังทำให้เรื่องเสียความสนุกไปเยอะมาก

(แม้ว่าแฟนๆหลายๆคนอาจจะไม่เห็นว่าจะสนุกลดลง แถมยังมาติดตามกันอยู่บ่อยๆเสียด้วย ซึ่งมิรันดาขอบคุณมากๆจ้ะ)

แต่มิรันดาไม่อยากให้ Coldness Town กลายเป็นภาคต่อของ Loveless Society มากขนาดนั้น อย่างที่เคยตั้งปณิธานไว้แต่แรก ก็เลยใช้เวลาร่างโครงเรื่องช่วงกลาง Season ใหม่ในช่วงที่หายตัวไปด้วยค่ะ ซึ่งเมื่อมิรันดาคำนวณความเป็นไปได้ของตัวละครใน Coldness Town ว่าจะสามารถเพิ่มเติมความ "มันส์" ไปได้ไกลแค่ไหน ก็ปรากฎว่าพบผลลัพธ์ที่น่าตกใจทีเดียว

ดังนั้นในตลอดปีใหม่นี้ ทันทีที่ตอนใหม่อัพ แฟนๆจะได้พบกับโครงเรื่องใหม่ที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมแน่นอน และอาจจะทำให้แฟนๆนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยก็ว่าได้ แค่มิรันดาลงมือเขียนต่อถัดไปตอนนี้ ก็มันส์แล้วล่ะ แต่โครงเรื่องใหม่ ไม่มีผลกระทบต่อตอนจบของเรื่องนะคะ ตอนจบของ Coldness Town จะยังเหมือนเดิมแน่นอน แต่อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของวินและไกด์ถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากๆได้เลยล่ะค่ะ

ยังไงมิรันดาขอขอบคุณแฟนๆทุกๆคนมากๆ ที่ยังคงติดตามเรื่องนี้กันมาตลอด แม้ว่ามิรันดาจะหายหัวไปนานเอามากๆ ขอโทษจริงๆจ้ะ ดังนั้นเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ มิรันดาจะขอยกบริบทอธิบายความสัมพันธ์ของไกด์ที่มีให้วิน และของวินที่มีให้ไกด์มาเป็นของขวัญให้แฟนๆนะคะ

บริบทย่อย
วิน ต่อ ไกด์

"ผมไม่รู้หรอกว่ามันเริ่มต้นยังไง ที่อยู่ดีดี ผมก็เอาแต่นึกถึงเค้าขึ้นมาบ่อยๆน่ะ ผมรู้ก็แต่ว่า ผมไม่อยากเป็นคนเดิม ผมงี่เง่ามาเยอะ และก็แสบมาเยอะ เค้า...เค้าทำให้ผมรู้วิธีที่จะก้าวไปข้างหน้า ผมทำอะไรได้เยอะขึ้น มากกว่าที่วินคนก่อนจะทำได้ เพราะเค้านั่นแหละ เค้าทำให้ผมเป็นผมทุกวันนี้ได้

ตอนนี้ผมแค่กลัว กลัวใจตัวเอง กลัวความรู้สึกตัวเอง ผม ยอมรับความสัมพันธ์ที่แปลกแบบนั้นไม่ค่อยได้ มันซับซ้อนเกินไป ผมเข้าใจมันไม่ไหว แค่ผมมองเห็นเอิร์ธกับแฟนของเค้า มันก็...วุ่นวายมากพอแล้ว ผมไม่อยากให้เรื่องของผมกับเค้ามัน เป็นแบบนั้น บางที สิ่งที่ผมรู้สึก ผมอาจจะคิดไปเอง และที่สำคัญตัวเค้าเอง ก็คงไม่อยากรู้สึกอะไรอย่างที่เค้าเคยพลาดมา....มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก ผมจะพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้น

แต่ผมรู้......ผมห้ามตัวเองไม่ค่อยได้ เวลาเห็นหน้าเค้า ..... เวลาที่เราอยู่ด้วยกันสองคน"



บริบทย่อย
ไกด์ ต่อ วิน

"นายเป็นใคร นายไว้ใจได้ไหม นายใช่เค้าหรือเปล่า หรือนายแค่เหมือนเค้า หรือนายไม่ใช่เค้าเลย นายเคยแสบแค่ไหน นายจะเอาชนะฉันให้ได้ใช่ไหม นายจะทำอะไรต่อไป ทุกวันนี้นายทำอะไรอยู่

นายจะอยู่กับชั้นต่อไปทำไม นายกำลังทำอะไร นายมีเหตุผลหรือเปล่า หรือนายไม่มีเหตุผลเลย นายรู้สึกอะไร นายมองตาชั้นแล้วเห็นใคร นายเชื่อใจได้ไหม นายเชื่อใจฉันไหม นายคิดว่าฉันเป็นใคร นายคิดว่าฉันเป็นคนยังไง นายให้อภัยฉันไหม นายโกรธชั้นหรือเปล่า หรือนายไม่ได้รู้สึกอะไร

จริงๆแล้วฉันเป็นใคร ฉันจะเป็นตัวเองได้ไหม ฉันกำลังทำอะไร ฉันกลับไปเป็นคนเดิมไม่ได้ใช่ไหม ฉันน่ากลัวใช่ไหม ฉันลึกลับขนาดนั้นเลยหรือเปล่า ฉันทำทุกอย่างชัดเจนแล้วใช่ไหม หรือฉันยังคลุมเครืออยู่

ฉันรู้สึกอะไรลงไป ฉันกำลังคิดอะไรกับนาย ฉันเข้าหานายเพราะอะไร ฉันไม่อยากให้นายไปเพราะอะไร ฉันเป็นห่วงนายเพราะอะไร ฉันเป็นห่วงนายจริงๆใช่ไหม ฉันกำลังมีความรักใช่ไหม ฉันกำลังรักใคร ฉันคิดว่านายเป็นใคร ฉันจะมีความรักได้ไหม ฉันจะมีโอกาสอีกไหม

ฉัน.....รักนายใช่ไหม...วิน"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2013 02:02:19 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ชอบเรื่องนี้มากกกกอ่านรวดเดียวเลยค่ะ
เหมือนอยู่กลางกรุงปารีสเลย ได้รู้อะไรเกี่ยวกับแฟชั่นเยอะเลยค่ะแถมยังได้กรี๊ดกร๊าดไกด์บ่อยๆ55555555
ยังรอตอนหวานๆของไกด์กับวินเสมอนะคะ ~~~

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ  อ่านถึงตอนของวันที่1แล้ว  เดี๋ยวตามอ่านต่อ เพิ่งเห็นว่ามีอัพเพิ่ม อิอิ  :laugh:

เนื้อเรื่องเรื่อยๆ บรรยากาศเหงาๆ   อ่านแล้วชอบมากกกกกกกกกกกค่ะ  o13

เดี๋ยวขอตามเรื่องนี้จนจบก่อน แล้วจะไปตามเก็บ Loveless Society เป็นเรื่องต่อไปนะคะ   
คนเขียนสู้ๆจ้า
 :กอด1:

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 28 Foe

   สำหรับเอิร์ธแล้ว ช่วงเวลาทำงานที่น่าหนักอกหนักใจตอนนี้ มันทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะความห่างเหินที่เขาและมิกมีให้กัน มันเป็นมวลที่ดูแปลกประหลาดและอึดอัดมากขึ้นโดยเฉพาะเวลาที่ได้เจอหน้ากันที่ซูเม่ โดยสายงานที่เอิร์ธทำอยู่ ต้องวกไปข้องเกี่ยวกับพี่มิกอยู่บ้างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเมื่อวินไอเดียตันในบางครั้ง เอิร์ธปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าจะต้องเป็นเขาที่ต้องนำงานไปปรึกษาพี่มิกอยู่ดี
   แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อหมดเวลางานแล้ว มิกและเอิร์ธก็จะกลับมาปฏิบัติต่อกันเป็นคู่รักเหมือนเดิม ซึ่งสำหรับเอิร์ธแล้ว มันก็เป็นได้แค่เชิงปฏิบัติเท่านั้น
   เอิร์ธและมิกนั่งนิ่งเงียบช่วงหัวค่ำที่สวนเลอดาปูโร มิกจอดรถอยู่ริมถนนก่อนถึงทางเข้าสวน ทั้งคู่เดินเล่นในสวนที่ใหญ่ที่สุดกลางกรุงปารีสมาตลอดเย็น เป็นเดทเล็กๆที่ไม่มีอะไรหวือหวาอีกแล้ว เพราะมันเต็มไปด้วยความเงียบและอึดอัดที่สุดเท่าที่ทั้งคู่เคยได้รู้สึก เอิร์ธนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนี้ พลางเหม่อมองไปยังต้นไม้และทางเดินตรงหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย มิกนั่งลงข้างๆ ไม่เว้นระยะห่างมากไปจนดูเป็นคนอื่น และไม่ใกล้จนเกินไปจนทำให้เอิร์ธรู้สึกอึดอัด เขารู้ดีว่าเอิร์ธเป็นเด็กยังไง อารมณ์แบบนี้ที่ส่งผ่านมาทางสีหน้า ไม่ใช่สิ่งที่มิกต้องท้าทายมันนัก
   “เป็นอะไรเหรอเอิร์ธ" มิกเป็นฝ่ายที่หมดความอดทนก่อน เปิดบทสนทนาขึ้นมาเป็นคนแรก มันเป็นแบบนี้เสมอ คนที่อดทนได้มากกว่าย่อมเป็นเอิร์ธ ตั้งแต่ความัสมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้น เอิร์ธเป็นฝ่ายที่พูดน้อยกว่ามิกเสมอ
   เอิร์ธเงยหน้าขึ้นมองมิกทันที
   “ไม่ได้เป....”
   “ไม่ได้เป็นอะไร" มิกตอบแทนทันที "นึกแล้ว.....ว่าแกต้องพูดแบบนี้ เพราะถ้าเป็นพี่นะ พี่ก็พูดแบบนี้เหมือนกัน"
   “อีกนานมั้ยพี่" เอิร์ธพูดขึ้น
   “เรื่องอะไรเหรอ" มิกถามต่อ
   “ก็ที่ผมต้องมาทนเรื่องงี่เง่าพวกนี้ไง" เอิร์ธว่า มิกก้มหน้าลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะมองตามเอิร์ธออกไปเบื้องหน้า
   “พี่ไม่ได้หมายความว่า พี่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้นะเว่ย" มิกว่า "มันก็จริง ที่หลายๆอย่างมันเปลี่ยนไป"
   “แล้วที่ดราม่าเมื่อกลางปีก่อน ว่ายังไงขอแค่มีผมก็พอ มันคืออะไรวะพี่" เอิร์ธว่ากลับ
   มิกมองหน้าเอิร์ธนิ่ง สำหรับเขาเอง มันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สิงที่เกิดขึ้นกับเขา เพื่อนของเขา และการงานของเขา จนกระทั่งพบกับการเปลี่ยนแปลงของเอิร์ธในแฟชั่นโชว์ที่ซูเม่วันนั้น ทำให้เขาต้องคิดหนัก เขาไม่คิดว่าเอิร์ธจะมาไกลได้ถึงขนาดนี้ และด้วยวิธีแบบนี้ และนี่ก็เป็นครั้งแรก ที่เอิร์ธเริ่มเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา หรือจะพูดให้ถูกนี่เป็นครั้งแรก ที่เขาเพิ่งได้อยู่กันสองต่อสอง ในบรรยากาศที่เงียบสงบขนาดนี้
   “มันไม่ได้หมายความว่า พี่ไม่เหมือนเดิมนะ" มิกว่า "แต่มันก็จริง ที่เรื่องงี่เง่าของเรา มันเกิดจากพี่"
   “ผมเป็นคนอื่นไปแล้วเหรอ" เอิร์ธว่าพลางหันมาหามิก "พี่เห็นผมเป็นคนอื่นไปแล้วเหรอ"
   “ปล่าว" มิกว่า "พี่จะเห็นเราเป็นคนอื่นไปได้ยังไงอ่ะ"
   “แล้วอะไรมันเปลี่ยนไปเหรอ" เอิร์ธถาม "มันเปลี่ยนไป ถึงขนาดที่ ผมกับพี่ต้องทำตัวเหมือนไม่รู้จักกัน เป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นเองเหรอพี่ ทำไมเหรอ ใครเป็นคนเอาอะไรใส่หัวพี่อีกอ่ะ พี่เจนอีกอ่ะดิ"
   “มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ....”
   “ผมไม่เข้าใจว่ะ ทำไมพี่ถึงปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาบงการทุกๆอย่างของพวกพี่ได้เสมอเลยอ่ะ" เอิร์ธเริ่มระบายความอึดอัดออกมา "เรื่องพี่นัทพี่กาย ยังไม่เข็ดกันใช่ป่ะ ผมอาจจะอยู่ใน Loveless Society ของพวกพี่ก็จริง แต่ผมขอนะ อย่าให้พี่เจนมาบงการอะไรเรื่องของผมพี่มิก ผมจัดการเองได้"
   “แล้วไหนบอกว่าไม่ได้เป็นคนอื่น" มิกถามกลับ
   “มันไม่เกี่ยวกันเลยพี่" เอิร์ธร้อง "ผมแค่....ไม่อยากให้ใครมายุ่งเรื่องของเรา ผมไม่อยาก....มีเรื่องแบบพี่นัทกับพี่กาย"
   “นัทกับกาย อาจจะมีปัญหามากมาย เพราะผู้หญิงคนนี้" มิกว่า "แต่เค้าลงเอยกันได้ เข้าใจกันได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้หญิงคนนี้เหมือนกันนะเอิร์ธ"
   “ทำไม....พี่กำลังตะล่อมให้ผมชอบเค้าขึ้นมางั้นเหรอ" เอิร์ธร้อง "พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าผมกับวิน เจออะไรกันมา"
   มิกหายใจเข้าเบาๆ
   “....เค้า...สำคัญกับเอิร์ธมากขนาดนั้นเลยเหรอ...วินน่ะ" มิกถาม
   “พี่หึงผมเหรอ......” เอิร์ธถาม "ผมกับวินเนี่ยนะ...”
   “ไม่ พี่ไม่ได้หึง...พี่แค่.....ไม่อยากเชื่อว่า เราจะมีความคิดที่ไม่ชอบพี่เจนเค้ามาจากวินต่างหาก" มิกร้อง
   “วินไม่ได้สอนให้ผมไม่ชอบพี่เจนหรอก ผมเองต่างหากที่บอกให้วินรู้สึกแบบนั้น" เอิร์ธว่าพลางถอนหายใจ เขาไม่อยากพูดเรื่องของเจนจิรา ตั้งแต่เขามาปารีสและพบเจอกับผู้หญิงคนนี้ ชีวิตเขามีแต่เรื่องอึดอัด และเขาไม่ชอบเรื่องอึดอัดทุุกเรื่อง
   “พี่มิก" เอิร์ธหันไปหามิกทันที ด้วยสีหน้าจริงจัง "ผมไม่อยากอึดอัดแบบนี้แล้ว ผมพูดตรงๆนะ ผมทำทุกอย่าง เพื่อที่จะได้มาอยู่กับพี่ที่นี่แล้วอ่ะ พี่ยังต้องการอะไรอีกเหรอ มันผิดตรงไหนเหรอ ผมก็แค่....”
   “แต่นี่มันมากเกินไปเอิร์ธ" มิกพูดเสียงแข็ง "มันมีอะไรอยู่อีกเยอะ ที่พี่ไม่อยากให้เราได้เจอ แกไม่เข้าใจหรอก"
   “ก็บอกผมมาดิพี่" เอิร์ธว่า "พี่มิก ผมสู้มาเยอะมากนะ กว่าจะมาถึงตรงนี้อ่ะ ผมไม่ยอมหรอก"
   “สู้ด้วยวิธีลัดขั้นบันไดมาแบบเจ้าวินเนี่ยนะ" มิกถาม
   “ก็ผมไม่ไว้ใจพี่เจน" เอิร์ธร้อง
   “งั้นพี่ก็ไม่ไว้ใจวิน" มิกพูดสวนทันที เอิร์ธถึงกับหยุดชะงักทันที ชายหนุ่มขมวดคิ้วครั้งหนึ่งอย่างไม่เชื่อหู
   “อะไรนะ พี่ไม่ไว้ใจวิน" เอิร์ธทวนคำ มิกหลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น เอิร์ธมองตามไป "เดี๋ยวก่อน ผมงงพี่ พี่ไม่ไว้ใจมัน....ทำไมเหรอ ก็พี่ไม่ได้หึงมันแล้ว....ยังไง....มันยังเคยไปนอนบ้านพี่ด้วยซ้ำ พี่เอง ก็เคยช่วยมันมาตั้งแต่ต้นปีไม่ใช่เหรอ"
   “พี่ เอ่อ.....”
   “ผมขอความจริงพี่" เอิร์ธว่า "พูดมาเหอะ ผมไม่ใช่คนอื่น"
   มิกหันมามองหน้าเอิร์ธ ก่อนจะถอนหายใจ
   “ใช่.....พี่เคยช่วยเค้ามาก่อน แต่นั่นมันก็ก่อนหน้าที่พี่จะรู้ว่าเค้าเป็นลูกชายของคุณวรพัฒน์" มิกว่า
   “แล้วไงอ่ะ" เอิร์ธว่า "วินมาเรียนที่นี่เพราะพ่อเค้าสั่งมาพี่ คุณพ่อเค้าอยากให้มันเป็นดีไซน์เนอร์ในแบรนด์ที่เค้าดูแลอยู่ เพื่อเป็น....”
   “เป็นหูเป็นตา....ให้กับคุณวรพัฒน์ ใช่มะ" มิกหรี่ตามองเอิร์ธ
   “ค....” เอิร์ธรีบหุบปากลงได้ทัน นี่เป็นสัญญาระหว่างกันของวินและเค้า เค้ากำลังทำหน้าที่นั้นแทนวินอยู่มาหลายวันแล้ว วินแลกตำแหน่งดีไซน์เนอร์ในซูเม่ให้กับเอิร์ธ เพื่อหาช่องทางหลบหนีไปจากกรอบของพ่อตัวเองอย่างอิสระ และทั้งเขาและวิน ก็กำลังอยู่ในช่วงดำเนินการหาช่องทางนั้น ดันตัวเขาเองไปสู่การเป็นหนึ่งในโต๊ะผู้บริหารเช่นเดียวกับพี่กายพี่เจนในนามของวิน ขณะที่วินจะหลบหนีหายไปจากที่นี่โดยสมบูรณ์
   “แกมีข้อตกลงกับเจ้าวินแล้ว พี่รู้" มิกว่า "พี่ถึงบอกให้เราห่างๆพี่ไว้วันนั้นไง"
   เอิร์ธเงยหน้าขึ้นเล้กน้อย บางอย่างถูกไขให้กระจ่างในหัวเขาแล้ว เอิร์ธมองหน้าพี่มิกทันที
   “โต๊ะบริหารของซูเม่ แบ่งสองฝั่งใช่ไหมครับ" เอิร์ธว่า "ฝั่งของพวกพี่ พี่กาย พี่นัท พี่เจนและพี่ กับอีกฝั่งนึง ฝั่งของคุณสุเมธ กับคุณวรพัฒน์"
   มิกเม้มปากเบาๆ
   “มันก็ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้นแต่.....” มิกพยายามพูดกลบเกลื่อน
   “พี่ไม่ไว้ใจวิน เพราะพี่รู้ว่าวินกับผมกำลังพยายามทำทุกอย่างให้เข้าไปอยู่ในซูเม่อย่างเต็มตัว" เอิร์ธว่า "พี่คิดว่าผมกับวินเข้ามาได้ เพราะจะเป็นเครื่องมือให้คุณวรพัฒน์แทรกแซงซูเม่"
   “พี่ไม่ได้คิดขนาดนั้นนะเอิร์ธพี่แค่.....”
   “แต่พี่เจนคิด พี่กายก็คิด" เอิร์ธว่า "วันนั้นเค้าสองคนถึงมาห้องผม และพูดกับวินแบบนั้น พวกเค้าคิดว่าการที่วินได้งานแฟชั่นวีค เป็นการเริ่มเทคโอเวอร์บางอย่าง พวกพี่คิดว่าผมกับวิน อยู่คนละฝั่งกับพวกพี่ พวกพี่คิดว่าผมเป็นคนอื่น"
   “พี่ไม่เคยคิดว่าแกเป็นคนอื่นเอิร์ธ สิ่งที่พี่ต้องการก็คือ กันแกออกไปจากเรื่องนี้ให้ไกลที่สุด" มิกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและสั่นเครือ ชายหนุ่มองหน้าคนรักด้วยความห่วงใยที่แสนบริสุทธิ์ เอิร์ธเชื่ออย่างนั้นจริงๆ พี่มิกเป็นคนแบบนี้ ไม่อยากให้ตัวเอง และสิ่งที่ตัวเองรักต้องไปพัวพันกับแผนการของคนอื่น จากเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อปีก่อน สอนทั้งคู่มากพอแล้ว ที่จะไม่เอาตัวเข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนั้น
   "พี่ไม่อยากได้ยินเรื่องพวกนี้ออกมาจากปากของเรา พี่ไม่ได้ต้องการแบบนี้ ตอนที่บอกว่าอยากให้เรามาอยู่ด้วย พี่ไม่ได้นึกว่ามันจะเป็นแบบนี้" มิกพูด "พี่ไม่เคยต้องการให้เราเข้ามาอยู่ในโลกของ....”
   “Loveless Society” เอิร์ธพูดต่อคำทันที พลางมองพี่มิกด้วยความอ่อนโยน ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับมือของพี่มิกเบาๆ ก่อนจะมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างเจ็บปวดทั้งคู่ที่มองกลับมาหาเอิร์ธอยู่อย่างนั้น
   “พี่มิก....รู้ป่ะ ทำไมผมถึงกลับไป Lovable Studio” เอิร์ธว่า "ผมก้าวพ้นกรอบของที่บ้าน ได้ ทำโปรเจ็คจบได้คะแนนดีได้ ผมทำได้ถึงขนาดนั้นแล้ว ผมสามารถไปที่ไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่สตูดิโอสาม Lovable Studio แต่ผมกลับไปพี่......เพราะอะไรรู้ป่ะ.....เพราะคนรักผมอยู่ที่นั่น ความรักผมอยู่ที่นั่น.....ผมกล้าวิ่งกลับไปหามันพี่และผมจะวิ่งเข้าใส่มัน ผมไม่กลัวความเจ็บปวดอีกแล้ว เพราะผมรู้ว่า ยังไงถ้าเป็นพี่ ผมยอมทำได้ทุกอย่าง"
   มิกมองหน้าเอิร์ธอยู่อย่างนั้น
   “แต่ทำไมถึงเป็นพี่วะ พี่ผลักผมออกจากเรื่องพวกนี้อ่ะ” เอิร์ธว่า “พี่กลัวผมเจ็บเหรอ เจ็บเพราะเรื่องของพวกพี่งั้นเหรอ กลัวว่าถ้าผมเข้ามาเจอเรื่องพวกนี้ แล้วผมจะหดหัวหนีหายไปเหรอ.....ขอโทษเหอะพี่ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ผมไม่ใช่คนที่จะไม่สู้โดยเฉพาะในเกมส์ที่ผมมีโอกาสชนะ....ขาดบางเกมส์ผมแพ้แล้ว ผมยังสู้ต่อเลย"
   มิกก้มหน้าลงทันที
   “พี่ไล่ผมออกไปจากเรื่องนี้ไม่ได้หรอก ผมอยู่ใน Loveless Society พี่" เอิร์ธว่า "แต่ Loveless Society มันจบไปแล้ว และมันจะไม่เกิดขึ้นอีก และผมสาบานแน่ๆ ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นกับเราสองคน พี่เจน พี่กาย จะไม่มีวันได้กำหนดเรื่องของเราสองคน และที่สำคัญเรื่องของผม เรื่องของเรา เราต้องจัดการกันเองได้สิพี่"
   มิกนึกถึงคำพูดของสาขึ้นมาในความคิด
   …..งั้นแกก็เห็นแก่ตัวมาก ที่คิดจะมีความรักโดยไม่ยอมให้ตัวเองเจ็บ.....
   …..ในเมื่อน้องมันวิ่งใส่แกขนาดนี้แล้ว ก็แสดงว่ามันไม่กลัวอะไรแล้วเว่ย.....
   …..ทำไมเรื่องของคนสองคน ถึงต้องคนอื่นมาจัดการ มาบงการให้ล่ะ ทำไมเราสองคนถึงจัดการกันเองไม่ได้....
   “แต่ว่าเรื่องในซูเม่ที่เกิดขึ้นอ่ะ มันจะทวีความรุนแรงขึ้นกว่านี้นะ" มิกว่า "ยิ่งเรากับวินเข้าใกล้แฟชั่นวีค การกระทบกระทั่งกันจะยิ่งมากกว่านี้ และคุณวรพัฒน์จะเข้ามาคลุกวงในด้วยอย่างแน่นอน พี่ไม่แน่ใจว่า เราจะรับมือกับมันได้ไหม แล้วถ้าถึงเวลานึงที่เราต้องเลือกฝั่งกัน เรากับพี่ อาจจะต้อง....”
   “ไม่พี่ มันจะไม่เกิดขึ้น" เอิร์ธว่า “เราสองคนจะต้องอยู่ฝั่งเดียวกัน"
   “เอิร์ธ อย่าคิดอะไรเป็นเด็ก ในโต๊ะผู้บริหารซูเม่ กำลังมีใครบางคนคิดถึงผลประโยชน์ มากกว่างานสร้างสรรค์นะ" มิกว่า "เรากับวินรู้ดีอยู่แกใจ"
   เอิร์ธมองไปยังสวนเบื้องหน้าพลางคิดอะไรบางอย่าง วินได้ตระหนักเรื่องนี้ไว้มากแค่ไหนนะ
   “วินต้องการอะไรในซูเม่ พี่ก็ยังไม่รู้" มิกพูดต่อ "พวกพี่คุยกันแล้ว ว่าลูกชายของคุณวรพัฒน์มีแผนบางอย่าง พี่ไม่แน่ใจว่า....."
   “พี่เชื่อใจผมกับวินเหอะ" มิกว่า "ไม่สิ....ผมเปลี่ยนใจพี่ไม่ได้หรอก งั้น พี่เชื่อใจผมได้ป่ะล่ะ ผมรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผมจะไม่พูดให้พี่เปลี่ยนใจไปเชื่อใจวิน แต่.....ผมรู้ เชื่อดิ"
   “เอิร์ธ...วินเป็นลูกชายคนเดียวของคุณวรพัฒน์นะ" มิกย้ำ "เค้าจะทรยศพ่อเค้าเองได้ยังไง.....”
   เอิร์ธสะดุดกับคำพูดนั้นของมิกเข้าอย่างจัง วินมีกำลังแค่ไหน ที่จะหนีออกจากเงื้อมือของพ่อตัวเอง เอิร์ธรู้ดีถึงกิตติศัพท์ความเหี้ยมของคุณวรพัฒน์ นักธุรกิจคนนี้มีความเข้มงวดและโหดเหี้ยมพอที่จะเสียเงินยี่สิบล้านไปเปล่าๆ เพื่อให้ลูกชายลงเรียนในคณะที่เขาต้องการ มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะลงทุนกับอะไรที่ต้องเห็นผลในอนาคต
   “เรากลับกันเหอะพี่ จะมืดแล้ว" เอิร์ธว่า มิกถึงกับตามไม่ทันนัก กับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปไวของเอิร์ธ "ผมอยากทานสเต็ก พี่มิกเลี้ยงหน่อยสิ"
   “อ...เอางั้นเหรอ" มิกว่า "เรายังคุยกัน.....”
   “เราคุยกันจบแล้วพี่ ผมขอให้พี่ื่เชื่อใจผมไง" เอิร์ธว่า "และพี่ก็ต้องทำป่ะ แฟนกันก็ต้องเชื่อใจป่ะ"
   “แต่ว่า....”
   “เห้ย.....เอาจริงดิ" เอิร์ธร้อง "ไม่เชื่อกันจริงดิ"
   มิกถอนหายใจครั้งหนึ่งอย่างเสียไม่ได้
   “โอเค้....ไอ้ตัวแสบ....ตกลง.....” มิกว่า "เชื่อ"
   “ก็แค่นั้น" เอิร์ธว่า "ไปกันเหอะพี่"
   เอิร์ธและมิกเดินออกจากสวนไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะรีรอ เอิร์ธเร่งฝีเท้าไปอย่างรวดเร็วพอๆกับความคิดที่กำลังแล่นโลดในหัว หวังในใจว่าวินจะมีเครื่องมือที่จะใช้แก้เกมส์นี้เอาไว้แล้ว เพราะนั่นจะทำให้เขาหายกังวลได้ดีมากเลยทีเดียว
….........
   วินรีบรุดไปตามถนนตัดริมโบสถ์โรสแมรี่ ไปยังบ้านพักแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกัน ผมการประชุมออกมาแล้ว และที่เขาถืออยู่ในมือก็คือข้อสัญญาการตกลงร่วมธุรกิจคร่าวๆและตารางนัดหมาย เขาคิดเอาไว้แล้วว่าเจนจิราและทุกๆคนในโต๊ะบริหารฝ่ายดีไซน์จะไม่ยอมเสียโอกาสนี้ แล้วเครื่องมือที่เขามี มันจะถูกใช้อย่างสัมฤิทธิ์ผล
   ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดไปจนกระทั่งถึงห้องพักของคนที่จะมาพบ เคาะประตูลงไปอย่างเร่งรีบ ก่อนที่มันจะเปิดออกทันที
   “อ้าว คุณวิน" เสียงของจีโอดังทักทาย "มาซะค่ำเชียว เข้ามาก่อนๆ"
   วินเข้าไปในห้องทันที
   “มามา ดื่มอะไรกันหน่อย อากาศแบบนี้มันน่า......”
   “ไม่ดีกว่าจีโอ ผมเพิ่งเลิกงานน่ะ อยากจะกลับบ้านมากกว่า เคลวินเค้ารออยู่ด้วย" วินว่าพลางมองไปรอบๆดูห้องของจีโอพอเป็นพิธีว่าเขาอยู่เป็นอย่างไรบ้างในปารีส "นี่ครับ ตัวอย่างเงื่อนไขคร่าวๆ สัยญาดราฟท์แรก แล้วก็ตารางนัดหมาย ทางซูเม่ สนใจข้อเสนอของคุณ"
   “ว้าว" จีโอร้องเสียงดัง พลางรับแฟ้มในมือของวินมาถือเอาไว้แล้วเปิดออกดู "นี่เลดี้คนนั้น เค้าเอาข้อเสนอผมเข้าที่ประชุมทันทีอย่างที่พูดด้วยเหรอเนี่ย"
   วินอมยิ้มน้อยๆ
   “คุณมีนัดกับเธอวันเสาร์นะครับ" วินพูดขึ้น "เธอไม่สะดวกในช่วงหลายวันที่เหลือนี้"
   “งั้นเหรอ" จีโอร้องเสียงหลง "ถ้าเป็นอย่างนั้นก็สวยมาก เป็นไปตามที่เราต้องการสินะวิน"
   “ไม่ครับ ผมไม่มีส่วนในเรื่องนี้ ผมจะยกทุกอย่าง ให้อยู่ในชื่อคุณ ที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ เรื่องหลักประกันต่างๆ ไม่เคยเกิดขึ้นครับ" วินว่า "ผมขอให้เป็นตามนั้นนะครับ"
   “งั้นตามนั้น ผมจะทำในชื่อของผม ให้เต็มที่" จีโอยื่นมือมาหาวินทันที "หวังว่าเราจะไปได้สวย จนกว่าจะถึงแฟชั่นวีคนะคุณวิน"
   “เช่นกันครับ" วินตอบพลางยิ้มให้ ก่อนจะไปที่ประตูเพื่อกลับ
   “เอ่อ....วินคุณบอกเคลวินหรือเปล่า เรื่องร้านที่จะเปิดให้เค้า" จีโอถามขึ้น วินชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันมาหาจีโอ
   “ก็.....กำลังจะบอกครับ" วินพูด ไม่ใช่เรื่องโกหกทั้งหมด
   “อ่อ....โอเค แล้วเลดี้คนนั้น เค้าเอ่อ......” จีโอพูดพลางทำท่าทางตลกๆมองมาทางวิน "คุณก็รู้อ่ะ....”
   “อ๋อ....ไม่รู้สิครับ" วินว่า "เธอไม่ค่อยควงใครให้เห็นเท่าไหร่ แต่ผมเดาว่า เธอเป็นพวกบ้างานจนอาจจะไม่เคยมี....คุณก็รู้อ่ะ"
   วินยิ้มให้จีโอที่กำลังยืนยิ้มกับตัวเองอยู่อย่างนั้น ก่อนจะขอตัวออกจากบ้านพักของจีโอมาทันที
   อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ได้พลาดอะไรไปอย่างที่คิด และแน่นอนว่าเอิร์ธจะต้องเลิกกังวลเสียทีว่ามันจะขัดข้อง การที่จีโออยากจะสนิทสมกับเจนจิรามากขึ้นไปแบบนี้สำหรับวินแล้วถือเป็นกำไร นั่นไม่ได้ส่งผลเสียหรือดีอะไรต่อเขามากนัก เจนจิราไม่ได้มีผลกับเขา สำหรับวิน เจนจิราคือผู้หญิงที่มีไฟแห่งความสร้างสรรค์อยู่เต็มเปี่ยม และยึดมั่นในอุดมการณ์ของครีเอทีฟเอามากๆ ในขณะที่เขาอยากจะสนับสนุนคนแบบนี้แบบจริงๆจังๆ ไม่ได้เห็นทุกอย่างเป็นเม็ดเงินไปเสียหมดเหมือนอย่างพ่อของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะปฏิเสธไม่ลงว่า ก็แอบไม่ชอบเจนจิราอยู่บ้าง ด้วยบุคลิกหยิ่งทนง และเต็มไปด้วยอีโก้ของเธอ
   วินใช้เวลาที่เหลืออีกสามชั่วโมงกลับไปช่วยงานที่ร้านเกล็ดหิมะ แม้ว่าร่างกายของเขาแทบจะแตกออกเป็นสองเสี่ยงอยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากผิดสัญญากับเจ๊ใหญ่ คนปารีสในฟดูใบไม้ผลิแบบนี้ สามารถนั่งแช่ในร้านกาแฟได้จนดึกดื่น บาริสต้าจึงสามารถอยู่ชงกาแฟได้จนถึงสี่ห้าทุ่ม และนั่นทำให้วินได้เงินค่าทำงานล่วงเวลาเพิ่มไปอีก เขาเก็บมันเอาไว้อย่างดี สถานะการเงินของเขาดีขึ้นเป็นลำดับ นอกจากค่าตอบแทนจากซูเม่ที่กลายเป็นงานประจำแล้วก็ยังมีเงินจากเกล็ดหิมะแห่งนี้อีก เงินที่เขาเก็บได้ตรงนี้ ก็จะเป็นอีกก้อน ที่เขาเผื่อเอาไว้สำหรับแผนสอง ถ้าเกิดมันผิดพลาด ยิ้มกริ่มในใจด้วยความสะใจ พ่อก็สอนให้เขารู้จักเส้นทางบริหารธุรกิจมาเยอะ และเขาก็เป็นเจ้าวินจอมวางแผนสุดแสบอยู่แล้ว และครั้งนี้เขาจะไม่ยอมพลาดเด็ดขาด
   ล่วงเลยเวลาไปเกือบเที่ยงคืน กว่าวินจะเก็บกวาดทุกอย่างในร้านเกล็ดหิมะจนเสร็จสรรพเรียบร้อย และเดินทางกลับไปยังบ้านที่ถนนทอร์ควิลอีกครั้ง ท้องถนนที่เงียบสนิทยามค่ำคืนแบบนี้เขาชินเสียแล้ว และเดินไปตามทางโดยสัญชาตญาณตัวเองมากกว่าใช้สมองไปแล้วด้วย ชายหนุ่มเดินตัดที่หัวมุมถนนไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังตึกของตัวเอง ทันใดนั้นความรู้สึกประหลาดก็เข้ามาแทนที่ วินเหลียวหลังไปดูก็พบเพียงท้องถนนที่ว่างเปล่า แปลกที่วันนี้เขารู้สึกถึงอะไรแปลกๆ มันเหมือนมีคนอื่นที่เดินตามเขามาอย่างนั้น
   วินขมวดคิ้วด้วยความตื่นกลัวครั้งหนึ่ง ก่อนจะเริ่มออกเดินต่อ เพ่งสมาธิไปที่เสียงฝีเท้า เสียงฝีเท้ากระทบพื้นที่วินได้ยินตอนนี้ กลับไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียว เขามั่นใจ วินรู้สึกถึงบางอย่างที่เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นไล่ตามหลังเขามาเร็วขึ้น วินไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังไปมอง ท้องถนนที่ว่างเปล่าตอนนี้ไม่ได้มีแต่เขาซะแล้ว
   วินเร่งฝีเท้าไปยังประตูที่อยู่ตรงหน้า ตั้งสติเต็มที่เพื่อที่จะกดรหัสอย่างรวดเร็วและเข้าไปในตึกให้เร็วที่สุด เขาไม่อยากยืนอยู่ตรงประตูนานๆ คนคนนั้นอาจจะบุกเข้ามาทำร้ายเขาได้จากตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงเอื้อมมือไปที่ประตูและ
   “วิน"
   “เห้ยยย ปล่อยยยยยนะ" วินร้องตะโกนโวยวายเมื่อร่างร่างนึง แตะตัวของเขาจากด้านหลัง วินใช้กำลังทั้งหมดที่มีสะบัดตัวออกจากมือที่พยายามจับตัวเค้าไว้และ...
   “วิน วินคับ นี่ชั้นเอง" ไกด์จับตัววินล็อคได้สำเร็จและดันตัววินเข้าไปติดประตู โดยใช้ตัวดันตัววินที่เล็กกว่าไปติดประตู วินหยีตาด้วยความกลัวก่อนจะค่อยๆเผยอตามองคนที่กระทำกับเขา
   “โธ่....ไกด์ ตกใจหมด" วินร้อง พลางลดความเกร็งตัวลง ไกด์จึงปล่อยตัววินออกและเขยิบช่วงตัวออกมาจากการเบียด
   “ตกใจอะไร" ไกด์ว่า "ชั้นเอง มีอะไรเหรอ"
   วินมองหน้าไกด์ แม้ว่าสีหน้าจะยังคงตื่นกลัวอยู่
   “ม...ไม่มีอะไรอ่ะ....” วินว่า "นายอ่ะแหละ ออกมาทำอะไรดึกๆดื่นๆ"
   “ก็นายไม่กลับอ่ะ" ไกด์ว่า "เป็นห่วง ก็เลยว่าจะไปตาม"
   “แล้วรู้เหรอ ว่าเจอชั้นได้ที่ไหนอ่ะนาย" วินว่า
   “เกล็ดหิมะ" ไกด์ว่า "คิดว่า นายต้องชงกาแฟอยู่ที่นั่นแน่"
   “อืม....” วินว่าพลางหันหลังไปกดรหัสประตู มันส่งเสียงดังติ๊ด ก่อนที่ทั้งคู่จะเปิดประตูเข้าไปในตัวตึก "แต่ไหนว่ายังไม่อยากกลับไปเกล็ดหิมะไง"
   “ก็....ไม่ได้กะจะเข้าไปในร้านอ่ะ ก็แค่อยากไปดูให้แน่ใจว่า นายอยู่ที่ร้าน แค่นั้น" ไกด์ว่า ขณะเดินตามวินขึ้นบันไดไปยังห้องของทั้งคู่
   “แอบดูอยู่นอกร้านเนี่ยนะ ทำตัวเป็นพวกโรคจิตแอบส่องสาวไปได้" วินว่าพลางไขกุญแจห้อง และเข้าไปข้างใน
   “อืมม....ก็คงอย่างนั้นมั้ง" ไกด์ว่า ขณะเดินตามเข้ามา
   “หือ...” วินเหล่มองไกด์ทีนึง ก่อนจะส่ายหน้า พลางถอดเสื้อโค้ทออก "โอยยยยยยย ไกด์ นายออกไปแล้วทำไมยังเปิดฮีตเตอร์ไว้ล่ะ ไม่ปิดล่ะค้าบ"
   “ปิดแล้วค้าบคุณหนู" ไกด์ว่ากลับ "มันยังอุ่นอยู่เพราะชั้นเพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง ยังไม่ทันจะเลี้ยวออกจากหัวมุมตึกเลย ก็เจอนายวิ่งหน้าตั้งมาแล้วน่ะ"
   วินหันมาไกด์ทันที
   “ห๊ะ นายเจอชั้นข่างล่างนี่เองเหรอ" วินว่า
   “อื้อ" ไกด์่ว่า "มีอะไรเหรอ"
   วินมองไกด์หน้าตาตื่นอยู่พักนึง ก่อนจะรุดไปเปิดแง้มผ้าม่านระเบียงของห้องและมองลงไปที่ถนนทอร์ควิลเบื้องล่าง ไกด์เดินตามมาวินมาทันที
   “มีอะไรเหรอวิน" ไกด์ถามเสียงเบาๆ พลางมองลงไปยังท้องถนนที่ว่างเปล่า เช่นเดียวกับวิน
   “ไม่มีอ่ะ" วินว่าพลางทำเสียงเงียบขรึม ก่อนจะหันกลับมาหาไกด์ "ไม่มีหรอก นาย...ไปนอนเหอะ เดี๋ยวฉันตามไป"
   วินปิดผ้าม่านลงตามเดิม ไกด์มองหน้าวินเหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง วินอ่านสายตาแบบนั้นได้ เขาอมยิ้มน้อยๆ พลางจับไปที่ไหล่ของไกด์
   “ไม่ต้องเป็นห่วงคับ ไม่มีอะไร" วินว่าพลางยิ้มให้ ไกด์มองหน้าวินอย่างเพ่งพินิจอยู่พักนึง ก่อนจะปรากฎรอยยิ้มจางๆบนใบหน้านั้น
   “จ...จริงนะ" ไกด์ว่า
   “อื้อ นายไปนอนเหอะ" วินว่า พลางจับตัวไกด์หมุนหันหลัง และผลักให้ไกด์เดินไปยังประตูห้องนอน "ผมจะได้อาบน้ำแล้วตามคุณเข้าไปนอนนะครับคุณไกด์"
   ไกด์ยอมให้วินผลักตัวเขาเดินไปข้างหน้าอย่างว่าง่าย แม้ว่าวินจะไม่ได้รู้สึกโล่งใจอะไรอย่างนั้น เขาจำความรู้สึกการถูกเฝ้ามองแบบนี้ได้ มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเอามากๆ
   เขากำลังถูกบางอย่างตาม คนที่เดินตามเขามาตั้งแต่หัวมุมถนนทอร์ควิล ความรู้สึกแบบนั้น เขาจำได้แล้ว มันเหมือนกับตอนที่เขาออกไปตะลอนๆทั่วกรุงเทพแล้วมีคนตาม เหมือนกับตอนที่เขาลงไปเที่ยวกับเพื่อนๆที่ภูเก็ตแล้วมีคนคอยเฝ้ามอง
   การติดตามแบบที่เขาเคยเจอมาก่อน จากสิ่งเดิมๆ
   จากคนของพ่อเขาเอง......
…......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 12:12:19 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
เข้มข้น จริงๆ !!


 o13 อ่านมาหลายตอนและตอนนี้อยากบินไปฝรั่งเศส จริงๆ ล่ะ

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
พ่อของวินจะยอมปล่อยหรือ...ไม่ใช่แน่

วินจะสลัดอาชีพแฟชั่นได้หรือเปล่า

ปะนีปะนอม สองฝ่าย ทำอย่างไร

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 29 Tracking

“วิน วิน" เสียงของไกด์ร้องเรียกดังขึ้นแม้ว่าวินจะยังนอนนิ่งและดิ้นไปมาอย่างทุรนทุราย ไกด์พยายามล็อคตัววินให้อยู่นิ่งๆให้ได้มากที่สุด แม้ว่าตอนนี้ วินจะแสดงสีหน้าออกมาว่ากำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่ไม่สู้ดีนัก ใบหน้าที่กำลังหลับสนิท แต่แสดงออกมาถึงซึ่งสิ่งที่ไม่ปลอดภัย ไกด์พลิกตัวขึ้นมาคร่อมตัวของวินที่เริ่มเอามือไม้ปัดป่ายตรงหน้าไปทั่ว ไกด์จับมือเหล่านั้นล็อคลงกับเตียงทันที ก่อนจะเพ่งมองไปยังวินที่ส่ายหน้าไปมา
   “วิน.....วิน" ไกด์เรียกเสียงดังอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งวินเริ่มสงบลงร่างกายที่เหนื่อยหอบของวินชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไกด์ปล่อยมือออกจากข้อมือที่ล็อควินไว้กับเตียง พลางเอื้อมมือไปทิชชูที่วางอยู่หัวเตียงแล้วค่อยๆเช็ดเหงื่อออกจากซอกคอของวินอย่างเบามือ
   ในเวลานั้นเองที่วินค่อยๆลืมตาขึ้น ด้วยความรู้สึกหนักที่ตัว พบกับไกด์ที่คร่อมตัวของเขาอยู่และเช็ดใบหน้าของเขา วินมองไกด์อยู่อย่างนั้น ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความตื่นกลัวแม้ว่าจะลดลงไปมากแล้วจากเมื่อครู่
   “ไกด์" วินร้องเรียกเบาๆ มองไปยังใบหน้าที่ไม่ค่อยเด่นชัดนักในความมืด "ฉัน...”
   “ฝันร้ายฉันรู้" ไกด์ว่า พลางเปลี่ยนท่าไปเป็นนอนลงข้างๆแทน พลางเปิดโคมไฟที่หัวเตียงและโยนทิชชู่ที่ชุ่มเหงื่อลงถังขยะ เมื่อวินเห้นไกด์ตื่นเต็มที่เอากลางดึก ก็เลยขยับตัวลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงไปที่หัวเตียง เช่นเดียวกับไกด์
   “ฉ...ฉันทำนายตื่นเหรอ" วินว่า
   “อืม" ไกด์ว่า "ก็นายดิ้นซะ....ฉันตกใจ ก็เลยลุกขึ้นมาดู"
   “โทษที ฉันฝันไม่ดีน่ะ" วินว่า
   “นายแค่ทำงานเยอะเกินไป แล้วก็ใช้หัวเยอะเกินไป" ไกด์ว่า "คิดเยอะ ก็เลยเก็บไปฝัน"
   “จะไม่ถามกันหน่อยเหรอ ว่าฝันว่าอะไร" วินถามเบาๆ
   “ใครเค้าให้เล่าฝันร้ายกันล่ะนาย บ้าป่าว" ไกด์ว่า "เค้ามีแต่ให้ลืม....เรื่องร้ายๆที่อยู่ในความฝันก็ต้องมีตัวตนอยู่แค่เฉพาะตอนหลับสิ พอเราตื่นขึ้นวันใหม่ก็ต้องเริ่มต้นขึ้นละ"
   วินถอนหายใจทันทีพลางมองออกไปที่หน้าต่าง ฟ้าด้านนนอกยังคงมืดสนิท หรือมันอาจจะเป็นอย่างที่ไกด์ว่า พักนี้เขาคงทำงานหนักมากเกินไป
   “ฉันคงทำงานหนักมากไป" วินพูดกับตัวเอง พลามองหน้าไกด์ที่มองเขาอยู่
   “อ่าหะ" ไกด์ว่า พลางเลิกคิ้วมองวิน ลูกคุรหนูตัวแสบ เวลาหมดแรง มันเป็นอย่างนี้นี่เอง "แล้วยังไง จะนอนต่อมั้ย"
   “ยังก่อน" วินว่า "ขอนั่งหายใจแป้บ"
   ไกด์วางมือของตัวเอง ไปบนมือของวิน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของมือนั้น เป็นอีกครั้งที่ความอบอุ่นได้ค่อยๆเคลื่อนขึ้นมาจากมือนั้น ไหลไปทั่วตัวของวิน เขาไม่เข้าใจเลย ทำไมเจ้าบาริสต้าคนนี้ถึงสามารถทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้ หมอนี่ทำให้เขารู้สึกเชื่อมั่นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายแรงแค่ไหน
   “ชั้นเคยขอบใจนายหรือยัง" วินพูดเบาๆ เหมือนเสียงกระซิบ
   “เรื่อง?" ไกด์ถามเสียงห้วน
   “ก็ทุกเรื่องอ่ะ" วินว่า "ที่นายดูแลกัน"
   ไกด์ยิ้มเบาๆในความมืด
   “เคยแล้ว" ไกด์ว่า
   “เหรอ" วินว่า "ฉันเคยขอบคุณไปแล้วงั้นสิ...แต่ฉันก็ยังไม่เคยทำอะไรตอบแทนนายเลยซักที"
   “คิดเยอะอีก เดี๋ยวก็ฝันร้ายอีกหรอก" ไกด์ว่า "ไม่ต้องคิดแล้ว"
   “นายเคยหยุดคิดได้รึไงเล่า" วินว่า
   “ได้ดิ" ไกด์ว่า
   “จะบ้าเหรอ ใครมันจะไปหยุดคิดได้เล่า" วินร้อง
   “ก็เวลาที่เราต้องเพ่งสมาธิไปที่อะไรอย่างเดียวไง" ไกด์ว่า "เวลาฉันคิดอะไรจนเครียดมาเกินไป ฉันก็จะหาอย่างอื่นทำ อย่าง ทำอาหารหรือชงกาแฟ"
   “นายทำเรื่องพวกนั้น เพราะนายไม่อยากคิดถึงก้องไม่ใช่เหรอ" วินถาม
   “ตอนแรกมันก็ใช่" ไกด์ว่า "แต่พอทำไปจริงจังเข้า มันก็รู้สึกสงบดีนะ"
   “สงบเหรอ" วินว่า "อืม จริงๆแล้ว เวลาฉันคุยกับนายเนี่ย ฉันก็รู้สึกสงบเหมือนกันนะ"
   “ขนาดนั้นเลยเหรอ" ไกด์ว่า
   “อ่าหะ" วินว่า "ก็ฉันก็ต้องเพ่งสมาธิฟังนายไง ว่านายโกหกหรือเปล่า"
   “ทำไมอ่ะ" ไกด์ว่า "ฉันมัน....ไว้ใจไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ"
   “ฉันหมายถึงตอนแรกๆที่เราเจอกัน" วินพูดแย้ง
   “งั้นก็หมายความว่า ตอนนี้ไว้ใจแล้ว ใช่ป่ะ" ไกด์เขยิบตัวเข้ามาใกล้วินมากขึ้นอีก วินมองหน้าไกด์ด้วยแววตาที่ใสแป๋วสะท้อนกับแสงไฟ ไกด์มองลึกเข้าไปดวงตาที่เป็นประกายเพราะความกึ่งลับกึ่งตื่นคู่นั้น
   “ก...ก...ก็" วินพูดไม่เป็นคำนัก เวลาไกด์ทำแบบนี้ทีไร เขารู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวเองขึ้นมาทันที ใบหน้าที่หล่อเหลาสะท้อนกับแสงไฟเรื่อๆแบบนี้ มันดูต่างจากไกด์ในเวลาปกติ และมันกำลังทำให้เขาไปไม่ถูกอีกแล้ว
   “ว่าไงอ่ะ" ไกด์ไล่ต้อนเค้าอีกแล้ว
   “ก็...อื้อ" วินลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบ เมื่อไกด์ขยับหน้ามาใกล้เขามากขึ้นทุกที
   “จริงนะ" ไกด์ถามต่ออีก
   “ทำไมอ่ะ..จ....จะอยากรู้ว่าฉันคิดอะไรยังไงขนาดนั้นไปเพื่อ" วินว่า พยายามทำทุกอย่างให้ปกติที่สุด
   “ก็ฉันเคยบอกนายแล้วนี่ ว่าฉันกำลังจีบนายอยู่" ไกด์ว่า พลางอมยิ้ม วินยอมรับเลยว่าโชคดีที่มันมืด ไม่อย่างนั้น ไกด์จะรู้แน่ๆว่าเขากำลังหน้าแดง
   “พูดบ้าไรของนายเนี่ย" วินร้องพลางเบนหน้าหนีการรุกคืบของไกด์ แต่ทว่าไกด์ก็ใช้มือจับคางของวินให้หันกลับมาหาเขาอีกครั้ง
   “บอกแล้วไงว่าอย่าคิดเยอะ" ไกด์ว่า "นายต้องหาอะไรเพ่งสมาธิไปแล้วล่ะ"
   “อ...อะไรอ่ะ" วินว่า
   “ก็ชั้นไง"
   ไกด์แตะริมฝีปากของตัวเองกับวินเบาๆ ความเย็นเยียบของริวฝีปากของสัมผัสเขาอยู่พักนึง ไกด์  จงใจแช่รอยจูบนั้นไว้ซักพักเพื่อชั่งใจ
   วินหลับตาลงอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาไม่อาจต้านทานความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ ความไว้ใจ และสงบนิ่งที่จู่โจมเข้ามาในหัวใจ เขาต้านมันไม่อยู่อีกแล้ว
   วินจูบไกด์ตอบกลับไปอย่างไม่มีการต่อต้าน ความรู้สึกหวิวอย่างประหลาดก่อตัวขึ้นกับทั้งคู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไกด์เอื้อมมือไปยังหลังคอของวิน ก่อนจะโถมตัวเองเข้าหาชายหนุ่มอย่างเต็มตัว เขาประคองหัวของวินลงกับที่นอน อย่างนุ่มนวลและวางศรีษะของวินลงกับหมอน วินได้แต่มองหน้าไกด์ที่หายใจหอบถี่รดใบหน้าของเขาอยู่อย่างนั้น แม้ว่าเขาเองก็ใจเต้นรัวเป็นกลองไปแล้ว เมื่อรู้ว่าตอนนี้ ร่างของไกด์ได้เบียดแนบมาหาเขาจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกายที่มากระทบตัวภายใต้ผ้านวมที่หนานุ่ม เสียงลมหายใจของไกด์และวินที่รดกันภายใต้ใบหน้าที่แนบชิดกันนั้น แทนคำพูดอีกหลายคำที่ไม่มีใครเอ่ยออกมา ทั้งๆที่ในใจขอทั้งคู่ ยังมีอะไรอีกมายมาย ที่ซ่อนอยู่
   ไกด์หลับตาลงแตะจมูกตัวเองลงกับจมูกของวิน เหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง ไกด์หายใจหอบถี่ขึ้น พลางขมวดคิ้ว ร่างกายที่โอบตัววินไว้เกิดอาการเกร็งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด วินพอจะเข้าใจอาการแบบนี้ เขาไม่ได้เห็นมันเป็นครั้งแรก ไกด์กำลังชั่งใจตัวเองเรื่องของเขา วินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและสับสนนั้น ยิ่งอาการนั้นมันเกิดขึ้นใกล้ตัวเขามากขนาดนี้ ความเจ็บปวดและสับสนของไกด์กำลังทำให้วินพลอยเสียใจไปด้วย
   วินค่อยๆโอบแขนตัวเองขึ้นไปไว้รอบคอของไกด์เอาไว้ ชายหนุ่มเมื่อเห็นวินทำอย่างนั้นแล้วก็ลืมตาขึ้นมองวินที่นอนอยู่เบื้องหน้าตัวเอง
   “....ฉ....ฉันจะกลับไปเป็นคนเดิมอีกไม่ได้" ไกด์พูดเป็นเสียงกระซิบ "ชั้นทำร้ายนายไม่ได้วิน"
   วินไม่อยากให้เขาและไกด์หยุดอยู่กับความอึดอัดตรงนี้ มันทรมาณเกินไป ในเมื่อทุกๆอย่างที่เขาทำมา ยอมแลกหมด เพื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเขา
   ดังนั้นตอนนี้ วินาทีนี้
   เขาตัดสินใจแล้ว
   “นายไม่ได้จะกลับไปเป็นคนเดิม" วินกระซิบบอก "แต่นาย.....คือคนใหม่ต่างหาก"
   “คิดงั้นเหรอ" ไกด์ถามกลับ "ไว้ใจฉัน ใช่ไหม"
   “นายคิดไม่ถึงเลยล่ะ" วินว่า
   และครั้งนี้ วินก็ปล่อยความรู้สึกทั้งหมดให้ไหลตามไกด์ไป ตอนนี้ เขาไม่รับรู้แล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับไกด์ จะเป็นเหมือนเอิร์ธกับแฟนของเขาหรือเปล่า แต่ตอนนี้ นี่คือสิ่งที่เขาวางใจ เขายอมทุกๆอย่างแล้วกับผู้ชายคนนี้ เขาไม่กลัวอะไรอีกแล้ว
   “ว...วิน...ชั้น....ชั้นเอ่อ...” ไกด์ผละออกจากการจูบ มากระซิบเบาๆที่ข้างหูของวิน "ชั้นขอนะ"
   วินหลับตาลงครู่หนึ่งเพื่อถามใจตัวเองว่าพร้อมแค่ไหน กับการเดินทางครั้งใหม่นี้
   “..อ...อ่าหะ" คำตอบถูกปล่อยออกไปพร้อมการปล่อยลมหายใจ
   ไกด์ยิมให้วินครั้งหนึ่งก่อนจะเริ่มบรรเลงบทเพลงรักที่หอมหวานและอบอุ่นที่สุด อย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยทำกับใครมาก่อน เคลวินชายหนุ่มที่รักสนุกอย่างไร้ชีดจำกัดคนก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ร่างที่กำลังปลดกระดุมเสื้อของวินอย่างช้าๆและนุ่มนวลนั้น เป็นสิ่งที่อบอุ่นและสุภาพกว่านั้นมาก ไกด์รู้ตัวเองแล้ว ว่านี่ไม่ใช่การทดแทนสิ่งที่เขาขาดหายไป แต่มันคือการเติมบางอย่างเพิ่มขึ้น เขาสามารถปราบพยศของคุณหนูเจ้าปัญหาลงได้แล้วในที่สุด จุดนั้น คือจุดเปลี่ยนสำคัญของตัวเขาเองมาตั้งแต่แรก มันไม่ได้เกี่ยวกับก้องอีกแล้ว วินพูดถูกตั้งแต่ต่อยเขาเข้าที่หน้าในวันนั้น ก้องจากเขาไปแล้ว แต่สำหรับวิน คนคนนี้คือจุดเปลี่ยนต่างหาก.....เปลี่ยนให้เขากลายเป็นคนใหม่
   เสื้อนอนของวินถูกถอดออกไปจนหมด ไกด์มองร่างอันนวลขาวของวินพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่มือลูบไปเบาๆตามลำตัวที่เนียนขาว วินหลับตาลง ปล่อยอารมณ์ตัวเองไปอย่างไม่มีการปิดกั้นอีกต่อไป แม้ว่าจะมีความตะขิดตะขวงเล็กๆอยู่บ้าง ซึ่งความรู้สึกนั้น ทำให้เขาเกร็งตัวเบาๆ ไกด์ขำจริงๆกับท่าทางแบบนั้น
   “นี่เป็นครั้งแรกของนายเหรอวิน" ไกด์กระซิบถาม "ต้องไม่ใช่กับลูกคุณหนูเอาแต่ใจอย่างนายดิ"
   วินกัดฟันพลางส่ายหน้าเบาๆ หมอนี่คิดไม่ออกหรือไงกันนะ
   นี่ไม่ใช่เซกซ์ครั้งแรกของเขา.....แต่เป็นครั้งแรกของเขา กับผู้ชายด้วยกันต่างหาก
   วินยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติที่สุดตอบไกด์ไปแทนคำพูด ไกด์ยิ้มเบาๆ ก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออกเผยให้เห็นกล้ามตามลำตัวและท่อนแขนที่สมส่วนและไกด์ไม่รีรอที่จะถอดเอาปราการชิ้นสุดท้ายของตัวเองออกตามไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มทาบตัวเองที่เปลือยเปล่าเข้าหาวิน ร่างเล็กๆหลับตาปี๋ ไกด์รู้ทันที ว่านี่เป็นครั้งแรกของวิน และเขาจะไม่ยอมให้ค่ำคืนที่อ่อนหวานนี้ต้องทำร้ายความรู้สึกของวินมากจนเกินไป ชายหนุ่มวางมือเบาๆไปตรงจุดอ่อนไหวของวินที่ยังอยู่ภายใต้กางเกงนอน
   “รู้นะ ว่านายก็ไม่ได้ทำอะไรกับตัวเอง เพราะว่าเกรงใจฉันอ่ะ" ไกด์พูดประโยคที่กระอักกระอ่วนออกมา เพื่อเริ่มปลุกอารมณ์ของวิน ชายหนุ่มหันมามองหน้าไกด์ด้วยใบหน้าที่แดงจัด "ไม่ต้องกลัวนะวิน ฉันจะไม่ทำอะไรที่นายให้ไม่ได้ ฉันสัญญา"
   วินมองหน้าไกด์ ทำไมคำพูดแบบนี้ของไกด์ ถึงเอาชนะเขาได้ทุกครั้ง
   ไกด์ปลดปราการด่านสุดท้ายของวินออกอย่างง่ายดายในทันที พร้อมกับจูบลงไปทั่วร่างกายที่นวลขาวสะท้อนกับแสงไฟอ่อนๆจากหัวเตียง ร่างที่ไร้สิ่งปิดกั้นของทั้งคู่แนบแน่นเข้าหากันอย่างอิสระ ก่อนที่ร่างของทั้งสอง จะดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความฝัน และเรียบลื่น บทเพลงรักที่ไกด์เป็นคนร่ายนั้นยังคงความอ่อนหวานและพลิ้วไหว เหมือนจะหยอกล้อกับร่างกายที่ห่างเหินความสุขกับตัวเองมาเนิ่นนาน แต่ก็ยังคงความอบอุ่นเอาไว้ตลอดเกมส์
   คืนนี้อากาศไม่ได้หนาวเย็นอย่างเมื่อก่อนแล้ว โดยเฉพาะเมื่อวินได้รับความอบอุ่นจากอีกร่างที่อยู่กับเขาตรงนี้ มันสวยงามและสงบมากกว่าที่อื่นใดใดบนโลกนี้ เขาเปิดประตูของตัวเองออกจนหมดแล้ว เพื่อรับการเดินทางครั้งใหม่
   เขายอมรับมันเข้าไปหมดทั้งหัวใจแล้ว
   เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อความรู้สึกแบบนี้
   อบอุ่นใจ......
….........
   “จริงเหรอ มันง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ" เอิร์ธร้องเสียงหลง เมื่อวินแจ้งให้ทราบว่า จีโอรับข้อเสนอที่เกิดขึ้นหลังจากการประชุมจบลงเป็นที่เรียบร้อย แถมยังปิ๊งปั๊งกับเจนจิราเข้าอีกด้วยเป็นกำไร "อั้ยย่ะ....”
   “อะไรจะดีใจขนาดนั้น ก็กูบอกแล้ว ว่ากูมีแผน" วินว่าพลางก้มลงสเก็ตงานต่อ
   เอิร์ธสะดุดกับคำว่ามีแผนของวินเอามากๆ จริงๆแล้วคำพูดของมิกกับเค้าเหมือนวาน ทำเอิร์ธคิดหนักอยู่ไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นวินก็พิสูจน์อะไรหลายอย่างมาเยอะ เกินกว่าที่ความไว้ใจของเขาที่มีให้ จะมาสั่นคลอนเอาตอนนี้ ไม่ช่ตอนที่พี่สุเมธอยากเห็น 200 สเก็ตสำหรับคอนเซปต์แรกสำหรับแฟชั่นวีคเดือนกันยา
   “ว่าแต่จริงเหรอวะ ที่จีโอเค้าเกิดปิ๊งปั๊งพี่เจนขึ้นมา" เอิร์ธว่า "เค้าดูเป็นคนตลกโปกฮาออกขนาดนั้น ไหงมาปิ๊งปั๊งกับผู้หญิงบ้างานอย่างพี่เจนเราได้วะ"
   “ตอนแรกกูตกใจกว่านั้นอีก" วินว่า "ตอนเจอกับจีโอครั้งแรก กูคิดว่าเค้ามีครอบครัวแล้วด้วยซ้ำ"
   “ห๊ะ" เอิร์ธร้อง "แล้วสรุปว่ามีหรือไม่มีเนี่ย ตายห่า นี่ถ้าพี่เจนรู้ว่าหมอนั่นจีบเค้าทั้งๆที่มีเมียอยู่แล้วล่ะก็..."
   “ก็เพิ่งมารู้จากสเตลล่าทีหลัง ว่าก็ไม่เชิงมี" วินตอบ "จีโอเป็นคนลั่นล้า คบคนนั้น ควงคนนี้ไปเรื่อย เดี๋ยวก็อยู่กินกับคนนั้นสามเดือน เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นอีกคนอีกสามอาทิตย์ไรเงี้ย"
   “โฮ่" เอิร์ธว่า "เพลย์บอยหรอกเรอะ.....พี่เจนหนีเสือมาเจอเสือชัดๆ"
   “พูดอะไรของแกวะ" วินถามขึ้น
   “จำพี่ผู้ชายหล่อๆที่มากับพี่เจนวันนั้นได้ป่ะล่ะ ที่เค้ามาพ่นไฟใส่มึงที่นี่อ่ะ" เอิร์ธถามขึ้น วินเหลือกตานึกอยู่พักนึง
   “อ่าๆ คุณกายสิทธิ์ ฉายาพ่อมดของวงการครีเอทีฟ" วินตอบ "พ่อกูพูดถึงออกบ่อยๆ"
   “คนนั้นอ่ะแฟนเก่าพี่เจน" เอิร์ธลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบ
   “จริงอ่ะ" วินว่า "ท่าทางเค้าเหมาะกันออก กูยังนึกว่าเค้าเป็นแฟนกันซะอีก"
   “เห้ยไม่รู้อะไร พี่กายอ่ะ เจ้าชู้ตัวพ่อเลยเหอะ" เอิร์ธว่า "นี่ก็ลดลงมาเยอะ ตั้งแต่ได้แฟนคนใหม่ แต่ก่อนหน้านั้นก็เห็นว่าพี่เจนทนความเจ้าชู้ไม่ไหวก็เลยเลิก"
   “อ่านะ" วินว่า "ว่าแต่มึงเหอะ พักนี้อารมณ์ดี เคลียร์กับพ่อเทพบุตรส่วนตัวมาแล้วอ่ะดิ"
   “เชี่ย" เอิร์ธด่าวินแก้เก้อ "เค้าไม่ใช่เทพบุตรของกูซะหน่อย กูต่างหาก เป็นเทพบุตรของเค้า"
   “โอ้โห เพื่อนกู" วินว่า "ตื่นยังมึง"
   “เออๆ นั่นแหละ.....แต่มึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีละ" เอิร์ธเริ่มเปิดประเด็น "วิน กูอยาให้มึงระวังตัวว่ะ"
   วินขมวดคิ้วทันที
   “ระวังตัว เรื่องไรวะ" วินถามกลับ
   “เรื่องพ่อมึง" เอิร์ธตอบทันที วินถึงกับชักสีหน้าเครียดลงทันตา
   “ทำไม มีใครมาพูดอะไรกับมึงเหรอ" วินถาม
   “ก็ไม่เชิงว่ะ แต่....แฟนกู เค้าขอให้กูอย่าทำตามเกมส์มึง" เอิร์ธพูดออกมาตรงๆ "เค้าไม่อยากให้กูมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งในซูเม่นี่"
   “มึงเอาตัวเองเข้ามาเองนะ" วินว่า "กูแค่นำทางให้เฉยๆ"
   “อันนั้นกูรู้แต่ มึงก็รู้ เราสองคนมาไกลจากวันนั้นมาก" เอิร์ธว่า "มึงจำข้อตกลงระหว่างเราสองคนได้ป่ะ ที่มึงจะผลักให้กูทำหน้าที่แทนมึงอ่ะ เป็นหูเป็นตาให้พ่อมึงอ่ะ...กูกำลังคิดว่า"
   “มึงไม่อยากทำแล้ว เพราะมึงกลัวที่จะต้องขัดแย้งกะแฟนมึงช้ะ" วินตอบแทน เขาอ่านใจเอิร์ธออก ปฏิกิริยาของพี่มิกที่มองมายังเขาและเอิร์ธตลอดหลายเดือนที่นี่ทำให้เขาเข้าใจดี
   “ไม่ถึงขนาดนั้น แต่กูไม่อยากให้เกิดการขัดแย้ง" เอิร์ธว่า "มึงรู้ดีนะ ว่าพ่อมึงไม่ยอมรับกูแบบคนเดียว ยังไงมันต้องเป็นมึงที่เป็นหัวหลัก ที่มีกูเป็นแพ็คคู่ต่างหาก มึงเรื่องนี้คิดไว้หรือยัง ว่าจะทำยังไง"
   วินก้มหน้าลงพลางสเก็ตงานโดยที่ลงน้ำหนักมือเกินไปโดยไม่รู้ตัว
   “เอาจริงๆนะเว่ย....กูก็ไม่อยากเป็นเครื่องมือของมึงว่ะ" เอิร์ธพูด "กูไม่ได้จะมาลืมบุญคุญที่มึงดันกูมาถึงนี่นะแต่ว่า...กูหมายความว่า"
   “มึงไม่ต้องคิดมากหรอกเอิร์ธ" วินตอบ "ปัญหาทุกอย่างแม่งต้องแก้ไขได้ดิวะ มึงมีเป้าหมายของมึงและตอนนี้เป้าหมายของมึงถึงที่หมายหรือยังวะ ยังไม่ใช่เหรอ มึงก็เดินต่อไป เท่าที่มึงคิดว่าจะหยุดเมื่อถึงเป้าหมายตัวเองก็พอ"
   “แล้วมึงอ่ะ" เอิร์ธถามกลับ "สมมติว่า ถ้ากูถึงเป้าหมายแล้วแค่นี้ มึงจะทำไงวะ ถ้าเกิด กูจะถอนตัว"
   “ก็หลังจากที่กูตบกะโหลกมึงแล้วอ่ะนะ กูก็มีวิธีของกูว่ะ" วินว่า "กูยังตอบอะไรมึงไม่ได้ เพราะตอนนี้กูเองก็มีอะไรหลายอย่างที่ยังไม่แน่ชัดอยู่รอบๆตัว....กูอยากให้อะไรบางอย่างโผล่ตัวออกมาให้กูเห็นก่อน กูถึงจะเดินหน้าต่อได้"
   “มึงพูดอะไรของมึงวะ" เอิร์ธถาม
   “เอางี้" วินว่า "การปรากฎตัวของจีโอ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเอิร์ธ เขาไม่ใช่แค่ก้อนเงินของกู แต่เขาคือตัวพลิกเกมส์นี้"
   “ยังไง" เอิร์ธถามต่อ
   “เมื่อสเก็ตชุดนี้เสร็จ มันก็จะพอดีกับที่จีโอเซ็นสัญญาถือหุ้นส่วนกับที่นี่เรียบร้อยแล้ว การจ่ายเงินให้กับดีไซน์เนอร์จะลงมาหาคอลลคชั่นของเราทันทีหลังจากนี้" วินว่า "กูมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างกับพ่อกู เค้าไม่รู้ว่ากูมีทางเลือกอื่น เค้าจะกลับมาวันที่ประชุมปันงบ พร้อมความมั่นใจเต็มที่ ว่ากูจะเอ่ยปากขอเงินเค้า"
   “นี่....มึงใช้จีโอมาตบหน้าพ่อมึงเหรอเนี่ย" เอิร์ธว่า "ถ้าพ่อมึงโกรธขึ้นมาล่ะก็...มันไม่ใช่เรื่องดีนะ"
   “พ่อกูอาจจะโดนตบ แต่เค้าไม่ยอมเอาตัวเองออกจากเกมส์หรอก เงินของเค้าจะส่งไปให้การขยายสาขาที่อังกฤษของคุณเจนจิรา" วินว่าต่อ "และนั่นจะทำให้เขาเบนสายตาจากฝรั่งเศสไปอย่างน้อย ก็หลายเดือน"
   “แล้วมึงก็จะหายไปตอนนั้น" เอิร์ธว่าตอบ
   “ก็ไม่รู้..... กูยังไม่ได้คิดถึงตอนนั้น" วินว่า "ก็ไม่แน่ว่า ที่กูคิด อาจจะไม่สำเร็จเลยก็ได้ กูก็แค่กะไว้คร่าวๆ หรือไม่ สุดท้าย กูอาจจะจมแหง็กอยู่นี่ต่อไปคนเดีย ถึงมึงจะถอนตัวไปแล้วก็เหอะ"
   เอิร์ธยอมรับว่าสิ่งที่วินบอกเขามาเมื่อครู่ ทำให้เขาต้องคิดหนัก ตัวเลือกที่สามอย่างจีโอ จะสามารถทำให้เขาไม่กลายเป็นศัตรูของฝั่งพี่เจน พี่กาย หรือพี่มิกได้ไหมนะ เขาจะต้องทำยังไงดีเจนจิราถึงจะไม่มองว่าเขาอยู่คนละฝั่งกับเธอ ถ้าเขาเลือกอยู่ฝั่งเดียวกับจีโอ และ.......
   “เชี่ย....กูมีความคิดดีดีละ" เอิร์ธหันมายิ้มให้วิน
   “อะไรของเมิง" วินร้อง "ร้องซะดัง คิดไรออก งานใช่มะ"
   “ไม่ใช่อ่ะ" เอิร์ธทำหน้าแหยๆ วินถึงกับด่าแบบไม่มีเสียงใส่เอิร์ธทันที "แต่กูคิดแผนที่จะทำให้ตัวเองไม่โดนหางเลขไปกับมึงมีเวลาสงครามออกน่ะสิ"
   “หรา" วินว่า "จะตัดช่องพอตัวเลยว่างั้น"
   “นี่มันซับซ้อนเกินกว่าที่กูจะไว้ใจนี่หว่า กูก็ต้องมีแผนสำรองสิ" เอิร์ธว่า
   “ไหนๆ แผนสำรองของมึง" วินว่า
   “กูจะทำตัวเป็นกามเทพ" เอิร์ธยิ้มกริ่ม
   “ห๊ะ" วินร้อง "จะนุ่งผ้าผืนเดียว ติดปีกถือธนูไปงานไหนครับ"
   “ไม่ใช่โว้ย" เอิร์ธว่า "งานนี้ ต้องมีคู่ใหม่ว่ะ"
   “เออ เออ จะทำอะไรก็ขอให้สำเร็จละกัน" วินว่า "มึงนี่ทำได้ทุกอย่างจริงๆเพื่อให้ได้ไปอยู่ที่เดียวกับพี่เค้าจริงๆเลยนะ"
   “แหงล่ะ" เอิร์ธตอบ "มึงไม่เข้าใจหรอก เป้าหมายที่มีความรักเป็นที่ตั้งอ่ะ แม่งมีพลังกับกูเสมอแหละ คนเราอ่ะ จะมีสิ่งสำคัญที่ต้องวิ่งเข้าหาและยอมแลกทุกอย่างเพื่อเข้าใส่อยู่ไม่กี่อย่างหรอก"
   วินมองหน้าเอิร์ธ เขาเข้าใจคำพูดเหล่านั้นดี
   “ต่อให้มีอุปสรรคแค่ไหนนะ สิ่งๆนี้ก็จะเป็นแรงผลักดันเรา ให้เราหาแผน หาช่องทางหลบหลีกออกไปได้เสมอแหละ ก็เหมือนกับกูที่.......”
   เอิร์ธหยุดพูดขึ้นมาเฉยๆ พลางเหล่มองมาที่วิน ที่จ้องเขาอย่างเข้าถึงและอินจัด
   วินรู้ตัวหลังจากนั้นช้าไปหนึ่งวิ ก่อนจะทำทีกลับไปนั่งสเก็ตงานต่อ เหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่เอิร์ธพูด
   เอิร์ธตบโต๊ะแล้วยื่นหน้ามาหาวินทันที วินมองหน้าเอิร์ธพลางทำตาเบิกกว้าง
   “อ...อะไรวะ" วินว่า "ม...มีอะไร"
   “ทำไมวันนี้หัวมึงคิดแผนได้ไวจังวะ ปกติไม่เป็นแบบนี้นี่" เอิร์ธว่า "ปกติอุบเงียบ แล้วรอเซอร์ไพรส์กูอย่างเดียวเลย ไหงวันนี้มึงมั่นใจเหลือเกินอ่ะ"
   “เหรอ ปกติกู....เป็นงั้นเหรอ" วินว่า
   “เออ" เอิร์ธตอบทันที "นี่มึงกับสเตลล่า ตกลงอะไรกันเนี่ย"
   วินหัวเราะพลางหลบตาเบาๆ
   “ฮั่นแหน่ะ" เอิร์ธว่า "กูว่ากูเข้าใจละ"
   “เข้าใจไรของมึง" วินร้องกลับ
   “มึงได้กับเค้าแล้วอ่ะดิ สายตาแบบนี้กูรู้" เอิร์ธว่าใส่ วินถึงกับใจหล่นวูบ
   “บ้า...” วินพูดเสียงสูง พลางก้มหน้าก้มตาทันที "พูดไรอย่างนั้น"
   “นี่มึงกับเค้าต้องไปไกลมากๆแล้วด้วย" เอิร์ธว่าต่อ "นี่วางแผนจะออกไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเองเหรอวะ"
   “เห้ยยยย......พูดไป๊ ไม่ใช่" วินยังคงร้องเสียงสูง
   “โอ่ยยยย" เอิร์ธอุทานเสียงดัง "ไม่ต้องเสียงสูงขนาดนั้นไอ้วิน ไม่ต้องปิดกู มึงจะอายกูทำไมเนี่ย กะไอ้แค่ได้หญิง"
   วินมองเอิร์ธพลางเม้มปาก เขาเข้าใจความรู้สึกน้ำท่วมปากเข้าก็วันนี้เอง
   “ก็....มัน" วินว่าต่อ
   “เห้ย ถ้ามึงไม่อยากอยู่ใต้อาณัติของพ่อมึง แล้วอยากออกไปอยู่กับสเตลล่าสองคนอ่ะ ไม่เห็นต้องทำอะไรให้มันยากถึงขนาดออกไปจากวงการก็ได้นี่หว่า เค้าเองก็เป็นนางแบบ" เอิร์ธว่า "ออกไปอยู่กันเอง แล้วมึงไม่มีงาน ให้เค้าเลี้ยงมันจะดีเหรอวะ"
   วินได้แต่ยิ้มแหยๆ และก้มหน้าก้มตาสเก็ตงานต่อไป
   เอิร์ธเข้าใจความจริงไม่หมด แต่ก็นับว่าเพื่อนรักของเขาคนนี้ ยิงได้เข้าเป้ามากทีเดียว คำพูดของสเตลล่าที่เตือนเข้าว่าไม่น่าจะโกหกเอิร์ธว่าเขาและเธอเป็นแฟนกันนั้น เริ่มชัดเจนขึ้นมาในหัว
   “แต่กูชอบนะ" เอิร์ธพูดขึ้น หลังจากเห็นวินนิ่งเงียบไม่พูดอะไร "อย่างน้อยไอ้วินตัวแสบ ก็รู้จักมีความรักกับเค้าซะที"
   วินเงยหน้าขึ้น เห็นมือของเอิร์ธยื่นมาตรงหน้า
   “พันธะสัญญาครั้งที่สอง กูจะช่วยมึงเองคราวนี้" เอิร์ธพูดกับวินที่ยิ้มตอบ "แล้ว....กูยินดีด้วยกับเรื่องของมึง กับแฟนมึง"
   วินวางปากกาและยื่นมืออกไปจับตอบ
   “ขอบใจเอิร์ธ" วินว่า "ขอบใจจริงๆ"
…............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2013 03:36:46 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :impress2:

กว่าจะได้กัน ลุ้นอยุ่นาน เลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด