ตอนที่17
รักสุดท้าย... คือนิรันดร์
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
คำพูดสั้นๆที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง... แต่ในตอนนี้... ผมคงทำตามสัญญานั้นไม่ได้... ผมปล่อยแขนมันช้าๆ หันหลังกลับมาด้วยความเจ็บปวด... ผมเกลียด... เกลียดที่จะต้องเสียน้ำตาให้คนอย่างมัน ยิ่งรักมาก... เวลาเกลียดมันก็ยิ่งเจ็บหนัก... ผมเดินออกมาด้วยอาการเจ็บหน่วงๆในใจ ว่าแต่... อาการหน่วงนี้มันเป็นยังไงกันนะ...
“พอใจมึงแล้ว... ทีนี้ก็ทำตามที่มึงสัญญาสิ”ผมพูดกับคนที่ยืนรออยู่ปลายทาง... มันมองผมอย่างชั่งใจก่อนจะเดินนำหน้าผมออกไป ปล่อยให้ผมเดินตามมันไปอย่างเงียบๆพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นทาง...
“เอ้า... ที่นี้... ถ้าอยู่สักระยะคงพอไหวล่ะมั้ง”มันบอกก่อนจะดันผมเข้ามาในบ้านริมทะเลเก่าๆ... ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งปุลงบนโซฟาที่ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด...
“อาหารสดจะมาส่งทุกวันอังคาร ส่วนอาหารแห้งมีอยู่ในตู้เก็บของชั้นล่าง น่าจะพอช่วงมึงอยู่ที่นี้...”มันพล่าม แต่ตัวผมตอนนี้ปิดประสาทการรับรู้ทุกอย่าง...
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
‘รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...’
ประโยคติดปากของมันที่พร่ำบอกผมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน... สุดท้ายแล้วมันก็แค่คำพูดพล่อยๆที่ทั้งผมและมันไม่มีใครทำได้... ผมรักมัน แต่ผมก็ต้องยอม... ความรักที่ผมให้มันไป... มันคงน้อยกว่าที่มันให้ผมกลับมา... บางที... ความรักที่มาอย่างรุนแรง มันก็อาจจะจบได้อย่างรวดเร็ว... ผมไม่เคยเชื่อ และก็ไม่เคยคิดจะเชื่อ... แต่ตอนนี้... ผมไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวอีกแล้ว...
มัน... เดินออกไปแล้ว... ส่วนผมก็เดินออกจากบ้านพัก ที่ชายหาดผมมองคนที่เดินผ่านไปมา... ผู้หญิงหลายคนส่งสายตาให้ผม แต่ผมเพียงแค่เบนหน้าหนี... มีบ้างบางส่วนที่เดินเข้ามาทักทายผม แต่ในอารมณ์ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะตอบรับอะไรทั้งนั้น.... ผมก้าวลงสู่ผืนทะเล ปล่อยตัวให้ลอยอยู่บนผิวน้ำ เงยหน้ามองท้องฟ้าจนกระทั่งคลื่นซัดสาดให้ผมขึ้นมาสู่บริเวณที่หลังผมโดนกับผืนทรายในที่สุด... และผมก็ทนไม่ไหว น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดตั้งแต่หลายชั่วโมงที่แล้วทำให้ผมเพลียแล้วหลับไป...
“นี่คุณ... ตื่นดิวะ...”ผมเรียกเบาๆทำให้ผมตื่นขึ้นมา... ใครคนนั้นมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจเบาๆ...
“ฟู่ว์... ดีชิบที่ยังไม่ตาย”ผมได้ยินมันสถบเบาๆก่อนจะฉุดผมให้ลุกขึ้น...
“คุณๆ... ช่วยไรอย่างดิ... นอนทับผมที”มันบอกก่อนจะถอดเสื้อตัวเองออกแล้วร่นกางเกงลงนิดนึง... ผมมองตามมันอย่างงงๆ ก่อนจะถูกมันเลิกเสื้อขึ้นแล้วดึงตัวผมให้ล้มทับมัน...
“อือ... พี่ครับ อ๊า... อย่า... อย่าจับตรงนั้น... อื๊ออออ...”ผมยังไม่หายงง แต่มันส่งเสียงเหมือนผมกำลังกระทำชำเรามันซะรุนแรง... ผมเห็นเงาตะคุ่มๆของใครหลายๆคนเดินเข้ามาใกล้ แต่พอคนใต้ร่างผมส่งเสียงออกไปอีก เงาพวกนั้นก็ค่อยๆกระจายหายออกไป... ผมมองก่อนจะดันตัวเองลุกขึ้น...
“พวกมันไปแล้ว”เป็นเสียงแรกที่ผมเปล่งออกไปหลังจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วงและก็เห็นว่ารอบตัวผมมีแต่แสงดวงจันทร์ร่ำไรๆเท่านั้นที่พอจะส่องให้ผมเห็นร่างของคนตรงหน้า...
“แต๊งค์พี่ ไหนๆก็ไหนๆล่ะ ผมไปนอนกับพี่ได้มั๊ย”ผมมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ
“ผมแค่จะหลบพวกมันเฉยๆ ไม่ได้หวังอะไรจากพี่เลย แต่ถ้าพี่หวังจากผมก็ตามสบายนะ... ถือเป็นค่าที่พักก็ได้”มันพูดออกมาชิวๆเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ผมส่ายหน้าแล้วพามันเดินไปยังที่พักของผม... เพราะเพิ่งมาอยู่สดๆเมื่อเย็น ดังนั้นไม่ต้องหวังว่าจะมีอะไรพิเศษในบ้าน ยิ่งผมที่มาอยู่ไม่เกินเดือน ยังไงก็ไม่ยี่หระอะไรกับพวกนี้อยู่แล้ว...
“โห... บ้านพี่โทรมชะมัด... อุ้ย... โทดพี่ ผมปากพล่อยไปหน่อย ผมนอนพื้นก็ได้นะ ถ้าพี่รังเกียจอ่ะ แค่ให้ผมเข้ามานี้ก็บุญคุณสุดล่ะ”มันพล่ามอะไรไปเรื่อยที่ผมไม่ได้ฟัง... ผมเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อจะหาอะไรกิน แต่พอเห็นมือของตัวเอง... มือที่ทิ้งมืออีกคู่นั้นมา มันก็ทำให้ผมน้ำตาไหลอีกครั้ง
ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก!
ผมรัวหมัดไม่หยุดจนกำแพงสีขาวมีรอยแดงๆขึ้นอยู่ประปรายถ้าไม่ติดว่าอีกคนพุ่งถลาเข้ามากอดตัวผมไว้ก่อน... ผมก้มลงทรุดลงไปในอ้อมแขนของมัน... ไม่เหลือสภาพของคนที่ดูดีในสมัยก่อน มีแค่ไอ้บ้าที่นั่งร้องไห้เป็นวักเป็นเวรอยู่คนเดียว...
“โอ๋ๆพี่... มีอะไรบอกผมได้นะ... ถึงผมจะไม่รู้จักพี่ แต่ผมก็ฟังปัญหาพี่ได้นะ อย่าทำร้ายตัวเองดิ”ผมไม่ตอบอะไรมันกลับไป... ทำเพียงแค่กอดตัวเองเอาไว้แบบนั้น... เคยมั๊ยครับ มันเหมือนจุดพีคที่สุดที่เห็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาก็อย่าทำลายมันทิ้งไปให้หมดน่ะ...
“เอางี้พี่เอางี้... พี่ลืมร้องไห้ก่อน เรามาเล่นเกมกัน...”มันพูดทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง... ผมเห็นมันยิ้มก่อนจะปาดน้ำตาผมออกไป...
“เรามาเล่นเกมความในใจกันพี่... สลับกันตั้งคำถาม แล้วก็บอกคำตอบของตัวเอง พร้อมกับที่อีกฝ่ายต้องตอบคำถามนั้นด้วย... โอเคป่ะพี่... เริ่มนะ... พี่เป็นคนที่ไหน ผมเป็นคนที่นี้นะพี่”มันรัวไม่ให้ผมหยุดพัก... แล้วมันก็มองหน้าผมเพื่อหาคำตอบ...
“กรุงเทพ...”ผมตอบเบาๆ มันยิ้ม... ยิ้มแบบไม่มีความทุกข์ใดๆนั้นทำให้ผมต้องหันมามองมัน...
“เอ้า! ตาพี่ถามแล้วไง ถามดิพี่”มันคะยั้นคะยอ...
“เธออายุเท่าไร.... ฉัน29”ผมถามไปแบบไม่คิดอะไร อย่าให้ผมเล่นนักก็เอา... ไหนๆผมก็มีแต่เศร้ากับเศร้าในชีวิตที่เหลือเท่านั้นแหละ...
“โห... แก่ว่ะพี่ ผม20เอง...”9ปี จะว่าแก่ผมก็โคตรแก่... แต่... ช่างเหอะ...
“ตาผมถามนะพี่... พี่มีแฟนป่ะ ผมไม่เคยมีเลยนะพี่”ผมสะอึก...
“เคย... มี... แล้วเมื่อไรจะเลิกถาม...”ผมถามกลับ... มันหัวเราะก่อนจะส่ายหน้า...
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ว่ะพี่ เอ้า! เมื่อกี้พี่ถามไปแล้วใช่ป่ะ ทีนี้ตาผม... เรื่องที่เจ็บที่สุดในชีวิตพี่คืออะไร... ของผมเหรอพี่... โดคตรผู้ชายด้วยกันข่มขืนว่ะพี่ แม่งโคตรอยากตายอ่ะ ฮะๆ”มันหัวเราะเสียงใสราวกับพูดแค่ว่า อ่อ ผมเป็นร้อนในในปากว่ะพี่... และคำตอบนั่นก็ทำให้ผมหันกลับไปมอง...
“ของพี่ตอนบอกเลิกกับแฟนคนล่าสุด เธอโดนพวกนั้นทำตอนอายุเท่าไร... พี่เพิ่งเลิกกับแฟนเมื่อเย็น...”
“อ่อ... อกหักนี้เอง... มิน่า... ไปนอนให้น้ำทะเลสาดเล่น... ของผมเหรอ... ตอนแปดเก้าขวบมั้งพี่ จำไม่ค่อยได้แล้วอ่ะ พวกเพื่อนๆพี่ชายของพ่อเลี้ยงล่ะมั้ง ผมก็จำไม่ค่อยได้ล่ะ... ที่นี้ตาผมถามนะ... พี่เคยอยากตายมั๊ยพี่... ผมเคยนะพี่ นี่ไงๆ”มันถลกแขนเสื้อให้ผมดู รอยกรีดหลายแผลที่ขึ้นเป็นแผลเป็นทำให้ผมเบนหน้าหนี... แต่หางตากลับเหลือไปเห็นรอยแดงที่ข้อมือ... เหมือนถูกอะไรรัดไว้สักอย่าง...
“พี่... ไม่เคยอยากตายหรอก... แล้วเธอ... ทำไมถึงอยากตายนักล่ะ...”ผมสงสัย... เด็กที่มีรอยยิ้มกับแววตาสดใสอย่างมัน แค่บอกว่าโดนข่มขืนผมก็แทบไม่เชื่อแล้ว ถ้าไม่ถกแขนเสื้อให้ผมดู ผมก็ไม่เชื่อแน่ว่ามันเคยคิดจะตาย
“โธ่พี่... ชีวิตมันเฮิร์ทนี้หว่า... บางทีมันก็อยากทำอะไรบ้าๆมั่ง แล้วพี่ทำไมเมื่อกี้ไปนอนเล่นริมทะเลล่ะ ผมนึกว่าพี่จะไปตายซะแล้วรู้ป่ะ”ตอนนี้เหมือนเรากำลังถามปัญหาคาใจกัน... ผมมองหน้ามันก่อนจะตอบ
“พี่แค่อยากไปดูท้องฟ้าเฉยๆ แล้วเมื่อกี้ ทำไมเราถึงทำแบบนั้นกับพี่”ผมหมายถึงตอนที่มันให้ผมนอนทับตัวมันแล้วส่งเสียงครางนั้นออกไป
“โหพี่... คราวหน้านอนแค่ชานหน้าบ้านก็พอมั้งไม่ต้องลงทุนไปนอนในทะเลหรอก... น่ากลัวชิบเป๋ง... ส่วนคำถาม... ถ้าพี่หมายถึงตอนเย็นล่ะก็... ไอ้พวกนั้นมันแมงดาอ่ะพี่ พ่อเลี้ยงกับพี่ชายจับผมขาย แต่ผมหนีมาได้ก่อนเนี่ย... แล้วดันไปเจอพี่พอดี เห็นแม่งมืดๆเลยจัดฉากไม่ให้มันกล้าเข้ามาหา... โอนะพี่...”มันหัวเราะเหมือนเล่าเรื่องไปกินข้าวมื้อเย็นให้ผมฟัง
“ทำไม... มึงถึงไม่ทุกข์เลยวะ”สรรพนามเริ่มเปลี่ยน... มันมองหน้าผมแล้วยิ้ม...
“มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองอ่ะพี่... ผมเคยผ่านจุดที่คิดว่าเลวร้ายที่สุดแล้ว เคยคิดจะตาย คิดจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอด... แต่พอสุดท้ายทุกอย่างแม่งก็ยิ่งเลวร้าย มันทำให้ผมคิดแล้วก็ดิ้นรนที่จะทำตัวเองให้ดีขึ้นอ่ะพี่... ปัญหาทุกอย่างผมก็แค่คิดว่ามันเป็นปมเชือกปมหนึ่ง... ถ้าเราแก้ไม่ได้ ก็ปล่อยมันไปแล้วเราก็เดินตามเชือกไปเรื่อยๆ เพราะถึงเราไม่แก้ปม เราก็เดินไปถึงปลายทางได้จากอีกปลายที่โผล่ออกมาอยู่ดี... เก็ทป่ะวะพี่”มันพูดพล่ามอะไรของมันไปเรื่อย... ที่จริงมันคิดแบบนี้ก็ดูเป็นความคิดที่ดี...
“แล้วทำไมพี่ถึงเลิกกับแฟนพี่อ่ะ”มันถาม... ผมหันไปมองหน้ามันก่อนจะหลับตา... กลั้นใจเล่าเรื่องให้มันฟัง บางที... ผมเองก็ต้องการคนระบายบ้าง...
“กู... ไม่สบาย... มีเวลาอีกไม่นาน... พี่ชายมันรู้แล้วก็ไม่อยากทำให้น้องมันต้องเสียใจเรื่องกู... มันขอให้กูบอกเลิกน้องมัน... แลกกับการที่มันจะหาที่อยู่ดีๆให้กูในช่วงที่กูยังมีชีวิตอยู่...”ผมตอบ...
“โห... โคตรโรแมนติกอ่ะพี่... ไม่อยากให้เขาเจ็บเลยชิงบอกเลิกให้เขาเจ็บก่อนเนี่ยนะ... ถุย! พี่แม่ง... พระเอกเกาหลีชิบหายอ่ะ... ถ้าเป็นผมนะ... ผมจะอยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้ายอ่ะ... ถ้ารู้ว่าจะตายนะ... ยังไงผมก็ไม่มีทางห่างจากเขาแน่...”มันพล่ามมาเรื่อย... ก่อนที่ผมจะตัดบทแล้วลุกขึ้นเพื่อไปนอน...
“ขอบใจที่ชวนคุย แต่พี่ว่า เธอไปนอนได้แล้ว... บนห้องนั่นแหละ... เดี๋ยวพี่นอนข้างล่างเอง...”ผมไล่มันไปนอน... มันยิ้มๆก่อนจะก้มลงหอมแก้มผม...
“แทนคำขอบคุณครับ... เพราะพี่เอง... ก็ช่วยผมไว้หลายเรื่องเหมือนกัน”เสียงมันนิ่งไปในตอนท้าย แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร... ผมเดินออกไปนอนบนโซฟา ผ่านค่ำคืนโหดร้ายคืนแรก อีกไม่นาน... แค่อีกไม่นานเท่านั้นแหละ...
ผมลืมตาขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น... ทำท่าจะเดินขึ้นไปเรียกคนที่นอนหลับอยู่บนห้อง... แต่น่าแปลก... ในห้องเหมือนไม่มีคนอยู่... ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่เคยมีใครอยู่อยู่ต่างหาก ผ้าปูที่นอนเรียบจนเหมือนไม่มีใครนอน... บานประตูฝืดเคืองจนแทบเปิดไม่ออก... ผมเดินลงมาด้านล่างหวังว่าจะเห็นตัวของมันบ้าง... แต่ผมก็ไม่พบใคร ไม่แม้แต่รู้สึกถึงสัมผัสที่มันกอดตัวผมเอาไว้...
ผมเดินออกไปริมทะเลหวังจะพบมัน... แต่ก็ไม่... จนสุดริมหาด... ผมเหลือบไปเห็นหลุมศพที่ฝังไว้... มีป้ายชื่อเขียนไว้ว่า... นายพิพัฒน์ เหล่าภัคดี... ผมมองภาพบนหลุมศพ มองวันชาตะและวันมรณะ คำนวณคร่าวๆ อายุแค่17เองหรือ... น่าเสียดายที่ต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย... ผมมองหลุมศพไปเรื่อยๆ จนมีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาสะกิดผม...
“รู้จักเขาหรือ...”ผมหันไปมอง เป็นผู้ชายอายุราวๆ45ปี... ผมส่ายหน้าก่อนจะมองเขาที่เดินไปกวาดหลุมศพนั้น...
“ผมชื่อภาวนา... ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...”ผมพยักหน้าตอบรับ เขาจ้องมองแววตาของผมเล็กน้อยก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ...
“ถ้าไม่รบกวนอะไร... คุณช่วยฟังเรื่องของผมหน่อยได้มั๊ย...”ผมหันไปมองเขา... ชายหนุ่มที่กำลังยิ้มเศร้าๆ...
“ผมกับเขา...”เขาที่ว่านั่น... ผู้ที่กำลังเล่าหันไปมองป้ายหลุมศพทำให้ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร... “เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก... เราอยู่บ้านใกล้ๆกัน ผมรวยแต่พ่อแม่ไม่เคยอยู่กันพร้อมหน้า เป็นเด็กขี้โรคที่อ่อนแอจนปกป้องอะไรตัวเองไม่ได้ และเขา... ก็ช่วยผมมาตลอด... ที่หนึ่ง...”ผมได้ยินชื่อเล่นของใครอีกคนหลุดจากปากของเขา ซึ่งผมเดาว่าคงเป็นของหลุมศพตรงหน้านี้...
“บ้านที่หนึ่งรวยพอๆกับผม แต่พ่อแม่เขาอยู่ด้วยกัน เป็นคนแข็งแรงมีเพื่อนฝูงมากมาย นิสัยก็ดี... จนมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งหนึ่ง... อยู่ดีๆเขาก็พูดจาร้ายๆกับผม ไถเงินผมเป็นว่าเล่น... แต่ทุกกลางวัน ที่เขาไถเงินผม บนโต๊ะเรียนของผม... ก็จะมีขนมปังกับนมวางเอาไว้ตลอด... ผมแอบคิดเข้าข้างตัวเอง... ว่าจะเป็นเขา... ที่เอามาให้ผม...”น้ำตาของคนตรงหน้าไหลออกมาเรื่อยๆ พอๆกับที่ผมนั่งฟังเขาเล่าต่อมา...
“มีอยู่วันหนึ่ง... ผมอาการกำเริบ... ผมบอกรึยังว่าผมเป็นโรคหัวใจ... ตอนนั้นผมสลบไปไม่รู้สติ... ฟื้นขึ้นมาในอีกสองอาทิตย์ถัดมา พร้อมๆกับที่เขาก็หายไปจากชีวิตของผม... ตอนนั้นผมร้อยรน ถึงเขาจะแกล้งผมบ่อยครั้ง ไถเงินผมตลอด แต่เขาก็เคยปกป้องผม... ไม่มีใครให้คำตอบกับผมได้ จนตอนที่ผมอายุครบ18คำตอบนั้นก็ผ่านมาหาผม...”เขาเอามือจับหน้าอกตัวเองเอาไว้...
“ที่หนึ่งไม่เคยหายไปไหน... หัวใจของเขา... อยู่กับผมมาตลอด... ผมอบอุ่นทุกครั้งที่หัวใจดวงนี้ยังเต้นอยู่ และผมก็รักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุด... ให้เท่ากับที่เขามอบมันมาให้กับผม... สายตาของคุณตอนนี้... มันเหมือนสายตาในตอนนั้นของผม... ว่างเปล่า... ดูไร้จุดหมาย...”เขาบอก ผมหลับตา... น้ำตา... มันไหลออกมาอีกแล้ว...
“ผมว่าคุณไม่ได้เป็นคนไร้จุดหมาย แต่คุณปล่อยมือออกจากจุดหมายนั้นเองใช่ไหม... เชื่อผมเถอะ... ไม่มีคนรักกันคนไหนอยากห่างจากคนรักหรอกนะ... ถึงแม้สุดท้ายจะต้องจากกัน แต่เขาก็อยากใช้ช่วงชีวิตสุดท้ายให้ดีที่สุด...”คนชื่อภาวนาลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมไปหลังหลุมศพที่ผมเพิ่งสังเกตว่ามีใครอีกคนถูกฝั่งอยู่ติดกัน...
“เด็กคนนี้... มาที่นี้ได้จะห้าปีแล้ว... เราเจอเขาตอนนี้เขาถูกน้ำซัดเข้าฝั่ง... ที่ข้อมือมีเชือกรัดเอาไว้แน่น... พวกเราที่อยู่ที่นี้พยายามช่วยแล้ว แต่เขาก็ไม่กลับมา... ที่ตัวเขามีรอยถูกทารุณหลายที่จนผมเองก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาต้องผ่านอะไรมาก่อนจะมาอยู่ที่นี่”ผมมองเข้าไปในรูป ก่อนจะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย...
‘มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองอ่ะพี่... ผมเคยผ่านจุดที่คิดว่าเลวร้ายที่สุดแล้ว เคยคิดจะตาย คิดจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอด... แต่พอสุดท้ายทุกอย่างแม่งก็ยิ่งเลวร้าย มันทำให้ผมคิดแล้วก็ดิ้นรนที่จะทำตัวเองให้ดีขึ้นอ่ะพี่... ปัญหาทุกอย่างผมก็แค่คิดว่ามันเป็นปมเชือกปมหนึ่ง... ถ้าเราแก้ไม่ได้ ก็ปล่อยมันไปแล้วเราก็เดินตามเชือกไปเรื่อยๆ เพราะถึงเราไม่แก้ปม เราก็เดินไปถึงปลายทางได้จากอีกปลายที่โผล่ออกมาอยู่ดี...’
เสียงคุ้นหูที่คุ้นเคย สัมผัสอุ่นที่โอบรัดและปลอบประโลมผมเมื่อคืน... ผมไม่มีทางลืมใบหน้านั้น... ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่นั่งลงข้างๆคุณภาวนา ก่อนจะลูบมือไปบนแผ่นหินสลักนั้นเบาๆ...
“ขอบคุณนะ... ที่ช่วยทำให้พี่หายเศร้า... ทั้งที่เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย... หลับให้สงบเถอะนะ... พี่สัญญา พี่จะกลับไปหาหัวใจตัวเองอย่างที่เราบอกนะ...”ผมขอบคุณหลุมศพนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกล่าวลาจากคุณภาวนา... และเขาก็ไม่ลืมบอกให้ผมกลับไปทำตามหัวใจตัวเอง...
ไม่นานที่ผมจะกลับมายืนหน้าห้องที่คุ้นเคย แค่สองวันที่หายไป มันทำให้ใจผมแทบไร้ซึ่งเรียวแรง... ผมไขกุญแจเข้าไป โชคดีที่เจ้าของห้องยังไม่เปลี่ยนกุญแจ...ผมเดินเข้าไปก่อนจะพบกับคนที่ผมคิดถึง... เขานอนมองผมอย่างเหม่อลอย... ข้อมือมีสายน้ำเกลือปักคาไว้อยู่.... มัน... เป็นอะไร...
“มา... ทำไม... กลับไป.... เรา.... เราเลิกกันแล้ว”มันพูดเสียงแหบพร่า... ผมกอดตัวมันไว้แน่น... น้ำตาไหลหยด ลงบนอกมันแบบไม่รู้ตัว...
“กู... กูขอโทษ... กูไม่รู้ว่ามึงป่วย... กู... กูขอโทษนะ”ผมพูดไม่ออก... ผมรู้ตัวแค่ผมป่วย อยู่ได้อีกไม่กี่เดือน... แต่ตอนนี้คนตรงหน้าผม... สายน้ำเกลือและเครื่องช่วยหายใจที่ต่อระโยงรยางค์ทำให้ผมใจหาย ทำไม... ผมไม่เคยรู้มาก่อน...
“กูไม่อยากให้มึงมาเห็นสภาพของกู... มึง... น่าจะได้ไปเจอคนใหม่... ที่ดีกว่ากู... ไม่ต้องเสียใจ... กูไม่เสียดาย... ที่รักมึง...”มันพูดกระท่อนกระแท่น เมื่อวาน ผมยังเห็นมันปกติ... ทุกครั้งที่เจอกัน... มันต้องอดทนแค่ไหน... มันต้องฝืนยิ้มฝืนพูดแค่ไหนให้ผมสบายใจ ยิ่งคิด... ผมก็ยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นทุกที... ทุกที...
“กูขอโทษ... แต่กูขอเวลา... ให้กูได้กับมึง... จนถึงวินาทีสุดท้าย... มึงกับกู.... เรารักกันเหมือนเดิมเถอะนะ...”ผมก้มลงร้องไห้ใส่มัน ไม่อาย... น้ำตาของผม... สำหรับคนที่ผมรักแล้วจะมากมายแค่ไหนผมก็ยอมเพื่อมันได้...
“รักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึง...”มันพูดให้ผมได้ยินเบาๆ... ผมยิ้มแล้วเงยหน้ามองมัน... ในขณะเดียวกันมันก็ยิ้มตอบกลับมาทั้งๆที่ใบหน้านั้นซีดเซียว... ริมฝีปากนั้นขยับเบาๆ...
“เพราะกู... ก็จะรักมึง... ให้มากกว่าที่มึงรักกู...”ผมหัวเราะแล้วเกี่ยวนิ้วก้อยของมันเอาไว้...
“กูสัญญา... รักของมึง... ไม่ว่าจะมากแค่ไหน... กูก็จะรักมึงให้มากกว่าที่มึงรักกู...”ผมโอบกอดตัวมันเอาไว้เพราะตัวของมันไม่มีแรงจะขยับอะไรแล้ว... ผมยิ้มแล้วมองมันที่หลับตาพริ้ม... แค่ช่วงเวลาไม่นาน... แต่มันคือความสุขของผม... ความสุข... ที่ทำให้ผมทั้งเจ็บและรู้สึกดีไปได้พร้อมกันอย่างไม่น่าเชื่อ...
ผ่านไปสองอาทิตย์ อาการของมันยังทรงตัวในขณะที่ผมก็ทรุดลงไปเรื่อยๆ... เราทั้งคู่นอนอยู่ข้างกันและประสานมือกันเอาไว้เพื่อให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆ... มันหันมายิ้มให้ผมและผมก็ยิ้มตอบให้มันไป...
“กูรักมึง... มากๆนะ”ผมบอกมันทุกครั้งที่เห็นหน้ามัน... ส่วนมันก็ยิ้มตอบกลับมา เพราะตอนนี้มันพูดไม่ได้... แม้แต่จะลืมตายังลำบาก... ผมเลยต้องพูดให้มันฟังอยู่บ่อยๆ...
“กู...”ผมรีบฟังว่ามันต้องการอะไร... เสียงมันแหบพร่าเหมือนคนแก่... และเบาหวิวราวกับมด...
“จูบกู... ได้ไหม...”มันพูดแค่นั้นแล้วก็นอนนิ่งเหมือนคนหมดแรง... ผมโน้มตัวไปจูบมันเบาๆ... ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากตัวมัน... น้ำตาผม... ไหลออกมาอีกครั้ง... มัน... จากผมไปแล้ว... นิ่งงันราวกับถูกตอกตะปูที่หัวใจ... จูบสุดท้าย... ที่วิเศษที่สุด...
“กูรักมึง... มากกว่าที่มึงรักกู... ดังนั้น... มึงก็ต้องรักกู... ให้มากกว่าที่กูรักมึงให้ได้นะ...”ผมพูดกับร่างของมันก่อนจะนอนลงข้างๆ ดึงตัวมันมากอด.... ผมเอง... ก็ยื้อร่างกายนี้ไว้ไม่ไหวเช่นกัน... เวลาของผม... ก็หมดลงเช่นกัน...
“พี่ๆ... มาแล้วเหรอ... มาสิ... เดี๋ยวผมพาไปหาแฟนพี่... เขามาที่นี้ก่อนพี่แปปเดียวเองแหละ...”ผมหันไปมอง... เด็กหนุ่มคนนั้นที่ผมคุ้นหน้า... เขาพาผมเดินมาถึงริมน้ำ มีชายสองคนนั่งคุยกันอยู่... คนแรกหันกลับมามองผม ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มรับผมอย่างยินดี... ผมจำหน้าของเขาได้... คนๆนี้คือที่หนึ่ง...
“คุณเจอกับภาวนาแล้วสินะ... ผมเห็นอยู่... ดีใจมากเลยนะครับที่เขารักผมถึงขนาดนี้...”เขาหัวเราะเบาๆ... ตอนนี้ใบหน้าเขาเท่าอายุตอนเสียชีวิต แต่จากอายุบนหลุมศพ ผมก็ควรเรียกเขาว่าพี่ได้แล้ว...
“ไปหาคนรักของคุณเถอะ... นั่งเงียบตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”เขาดันผมให้มานั่งข้างๆ... ผมมองอีกคนที่หลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเรื่อยๆ...
“รักกู... ให้เท่ากับที่มึงและกูรักกัน... ได้มั๊ย”ผมถามเบาๆ มันลืมตาและหันกลับมามอง...
“มึง! มึงมาได้ไง”มันถามหน้าตื่น... ผมหัวเราะแล้วดึงตัวมันมากอดเบาๆ...
“มึงไม่รู้... กูก็ป่วย... กูบอกเลิกมึงเพราะไม่อยากให้มึงมารับรู้ความป่วยของกู... แต่เพราะพวกเขา”ผมพะยักเพยินไปทางสองคนด้านหลัง “พวกเขามาบอกสิ่งสำคัญกับกู...”
“เรื่องอะไรวะ”
“การอยู่ด้วยกัน... ถึงวันสุดท้ายของลมหายใจ... แต่มึงกับกูนี้คงต้องเป็น... อยู่ด้วยกัน... แม้กระทั่งตอนเป็นวิญญาณล่ะมั้ง ฮาๆ”ผมหัวเราะเบาๆตบท้าย... มันเอนหัวมาซบไหล่ผม...
“รักกัน... ให้เท่ากับที่กูและมึงรักกัน... ไม่ต้องมากหรือน้อยกว่า... ตกลงมั๊ย...”ผมยิ้มแทนคำตอบ...
ไม่ต้องแทนที่ตัวเองด้วยหัวใจ... ไม่ต้องเจ็บปวดจนมีรอยยิ้ม... แค่พวกเราสองคน... ที่อยู่ด้วยกัน... ไม่จำเป็นต้องมีหัวใจไว้บอกรัก.... เพราะความรู้สึกที่เหลืออยู่... มันบอกทุกอย่างอยู่ในตัวของมันเอง... ผมรักมัน... และมัน... ก็รักผม... ถึงเราจะทำให้รักเราผิดพลาดไปบ้าง... แต่มันก็จบลงได้ด้วยดี... ยินดีย้อนรับ... ความรักครั้งสุดท้ายของผม... อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ...
--------------------------------------------------------------------------------
หายไปนานมากกกกกกกกกกกกก.... แต่ก็กลับมายาวนะคราวนี้ (คิดว่ายาวนะ)...
ใครเคยอ่านเรื่องของที่หนึ่งกับภาวนา ยกมือ!
มาแนวเศร้าๆโรแมนติกมั่ง... แต่งแนวนี้ทีไร ยาวทุกทีอ่ะ
ขอบคุณแฟนคลับ(ใช้คำนี้ได้มั๊ยเนี่ย ฮาๆ) ตามมาโพสทุกครั้งที่ผมโพสลง ถึงเรื่องจะสั้นไปนิ๊ส... ไม่รู้เรื่องไปหน่อย...
แต่ผมก็พยายามสุดๆแล้วน้า... เรื่องหน้าพอจะมีพล็อตแล้ว... ถ้าไม่เกินกำลังไม่นานคงคลอดออกมา...
(แต่ส่วนใหญ่เรื่องที่คลอดมักไม่มีพล็อต เรื่องนี้ก็ใช่ ฮา)
ใครไม่ชอบแนวเศร้าไม่ต้องห่วง... เดี๋ยวเปลี่ยนหลายๆแนว... มีครบแน่เรื่องสั้นนี้...
มีถามมาว่าทำไมไม่เขียนเรื่องให้ยาว... ตอบ... ผมเขียนเรื่องยาวไม่เคยจบ... เอาตอนสั้นๆแล้วแถมตอนพิเศษดีกว่าเนอะ... ผมสร้างปมไม่เก่ง แฮะๆ... พล่ามเยอะล่ะ... ขอบคุณที่อ่านนะครับ... ฝันดีจุ๊บๆ
ปล.เค้าชอบตัวนี้ :mew3:กับตัวนี้ :z13:อ่ะ ไปแหละๆ บาย