ร้ายที่ 13 ผมเข้ารับการรักษาตลอดอีกสามสี่วันต่อมา ไม่รู้ว่าหมอทำอะไรกับผมบ้าง รู้เพียงแต่ว่าผมยังมองไม่เห็น แล้วก็เอาผ้าปิดตานั้นออกไม่ได้ แต่พ่อบอกกับผมว่าอีกไม่นานนักผมจะหายดี ซึ่งหลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาล ผมต้องโดนพ่อยึดรถที่ใช้สำหรับแข่ง และก็ยึดบัตรเครดิตไป เพราะทำตัวให้เสี่ยงอันตรายต่อชีวิตเกินไป หนำซ้ำยังถูกห้ามไม่ให้ไปเหยียบสนามแข่งรถอีกตลอดทั้งปี!!!!!!!!!!! นี่ถ้าผมหายนี่ . . ชีวิตผมคงจะเรียบร้อยอยู่ในกรอบขึ้นเยอะกระมังและมันก็คงต้องน่าเบื่อมากขึ้นด้วย
มังกรยังไม่ฟื้นT______T ผมจะบ้าตายกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ผมถามไอ้ธัญกับไอ้ธีตลอดทุกชั่วโมงในแต่ละวันที่ผมเข้ารับการรักษา คำตอบแม่งก็ยังเหมือนเดิมคือยังไม่ฟื้น นี่มันนานเกินไปแล้วนะ ถ้ารวมตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องก็ปาเข้าไปอาทิตย์กว่าแล้ว ทำไมล่ะมังกร . . ทำไมมึงถึงไม่ฟื้น มึงแข็งแรงจะตาย ทำไม!
สงสัยธัญเห็นผมเครียดมั้ง ก็เลยพาผมออกมาสูดอากาศข้างนอกโรงพยาบาล อากาศดีแต่ผมมองทัศนียภาพไม่เห็น นั่นยิ่งไม่ทำให้กูเครียดกว่าเดิมเหรอวะธัญ ?
ผมนั่งอยู่บนรถเข็น นั่งเงียบๆ . . ไม่ได้คุยอะไรกับธัญเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่ง . .
“ธัญ มึงไปดูหน่อยดิ ว่ามังกรมันฟื้นรึยัง” ผมพูดประโยคนี้บ่อยมากครับช่วงนี้ “ . . ธัญได้ยินรึเปล่าวะ”
มันเงียบ . .
“กูรู้นะเว้ยว่ามันน่าเบื่อ แต่กูอยากรู้จริงๆว่ามันฟื้นรึยัง มันเจ็บเพราะกูนะ กูนอนไม่หลับเลยเพราะเอาแต่คิดเรื่องมัน มันเป็นความผิดของกู ที่สร้างปัญหาอยู่เรื่อย”
“…”
“เฮ้อออออออ ได้พูดออกไปก็ดีเหมือนกัน กูจะได้ระบาย”
สงสัยเชี่ยธัญมันรำคาญผมมั้ง . . มันเลยยัดแอปเปิลชิ้นโตใส่ปากของผม
“ไอ้สัด!!!” ผมด่าทั้งๆที่เคี้ยวตุ้ย “กวนตีนนะมึง!”
ธัญหัวเราะเบาๆนิดหน่อย
“กูมองเห็นเมื่อไหร่ กูเตะมึงแน่”
“…”
“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอวะ”
อะไรของแม่งเนี่ย . .ปกติเห็นจ้ออย่างกับลิง ผมเกาหัวแกรกๆ หยิบแอปเปิลที่มันแอบเอาจานมาวางไว้บนตักผม มีบางชิ้นที่มันหยิบขึ้นมาป้อนให้ด้วย ผมรู้สึกแปลกๆแฮะ . . รู้สึกเหมือนมีคนนั่งยองๆและกำลังจ้องมองอยู่ตรงหน้า
“ใครวะ”
ผมเอื้อมมือไปข้างหน้า . .มองไม่เห็นนี่เป็นอะไรที่โคตรน่ารำคาญ ผมแตะโดนใบหน้าของมันคนนั้น แล้วบีบแก้มอย่างแรง
“โอ๊ย!”
“จ้องเหี้ยไรเชี่ยธัญ กวนตีนไอ้สัด!” หน้ากูยิ่งประหลาดๆ อย่างกับซุปเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวล มีผ้าเหี้ยอะไรไม่รู้พาดไปซะครึ่งหน้า
มันจับมือผมเอาไว้ . . มือของมันเรียวดี และก็เย็นเฉียบ
ผมรู้สึกแปลกๆ . . มันไม่เหมือนกับมือของธัญที่ผมเคยจับ . .แต่เป็นมือของอีกคนที่ผมคิดว่าตอนนี้น่าจะนอนอยู่ข้างบนหอผู้ป่วยหนัก และยังคงไม่ฟื้นตื่นขึ้นมา
“. .มังกรเหรอ” ผมพูดเสียงเบาอย่างมีความหวัง
มันเงียบ บีบมือผมเบาๆแทน
“อย่ากวนตีนกู!!!! ตอบมานะโว้ย!!!”
ผมเขย่ามือที่โดนจับไปมาอย่างแรงแล้วอาละวาด มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่น ผมเป็นห่วง ผมคิดหนัก ผมคิดสารพัดโน่นนี่นั่นว่าถ้าไอ้มังกรเป็นอะไรไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อไปมันหนักหนาสาหัสแค่ไหน ผมเครียด และผมก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่ผมทำ มันเป็นผมเอง ที่ทำให้มันเจ็บ มันเป็นความผิดของผมเอง . .
“ตอบมา!!!!!!!!!!!”
มันไม่ตอบ . . คงเป็นไอ้ธัญสินะ . .
“ให้ตายสิธัญ อย่ามาเล่นกับกูอย่างนี้” ผมพูดเสียงอ่อน
“…”
“กูเหนื่อยนะ กูลุ้นชิบหาย เมื่อไหร่มังกรมันจะฟื้น กูมีเรื่องจะพูดจะด่ามันตั้งเยอะแยะ”
“ . . .ก็พูดสิ” “พูดเชี่ยไร ไม่ใช่กับมึงหรอกธัญ กูไม่ด่ามึง ต้องเป็นไอ้มังกรโน่น แต่ . . เดี๋ยวก่อน”
ผมใช้มืออีกข้างที่ไม่โดนจับสัมผัสเข้าอย่างจังกับใบหน้าที่นั่งยองๆอยู่ตรงหน้ารถเข็นของผม เพราะผมสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงนั่น มันแปลกๆ มันไม่เหมือนธัญ
จมูกโด่งเหี้ยๆอย่างนี้ จะมีสักกี่คนกัน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“ไอ้มังกร!!!” ด้วยความตกใจหรืออะไรไม่รู้ ผมถึงเผลอทุบตัวมันเข้า “มึงแกล้งกู!!!!”
“. . กูยังไม่หายดีนะ”
“นั่นเรื่องของมึงแล้ว!!!!” ผมร้องด่า “ฟื้นเมื่อไหร่ทำไมไม่บอก ไอ้เชี่ย ไอ้ชิบหาย ทำกูห่วงแทบตาย ไอ้สลัดผักเอ๊ย!!!!!”
“มึงอยากรู้เรื่องของกูเหรอ”
“ก็แหงสิ!!! มันเป็นความผิดของกูเองนะ”
“…ไม่ใช่ความผิดมึงหรอกน่า”
“มันจะไม่ใช่ได้ยังไงล่ะ”
“กูเลือกที่จะไปเอง . . กูเท่านั้นที่เป็นคนผิดเอง อย่าโทษตัวเองเลย”
ผมทอดถอนใจ . . มังกรยังเป็นคนดีเหมือนเดิมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย . . แต่เป็นคนดีที่กวนตีนไปหน่อยนะ
“เจ็บมาก . . รึเปล่า” ผมถามเสียงเบา เบามากจนเหมือนกับว่าผมคุยอยู่กับตัวเอง
“เมื่อไหร่ . . มึงจะมองเห็น” ตอบโคตรจะตรงกับคำถามมากเลยขอบอก แต่น้ำเสียงของมัน ก็ไม่ต่างอะไรจากน้ำเสียงของผมเลย
“ขอโทษนะ” ผมกับมันพูดขึ้นมาพร้อมกัน มังกรกับผมจึงปล่อยมือกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
“มึงขอโทษเชี่ยไรมังกร”
“มึงขอโทษกูเรื่องเชียไรล่ะ”
“เอ๊า ไอ้สัดนี่”
“อยู่เงียบๆ แล้วแดกแอปเปิลของมึงไปซะ” ผมได้ยินมันด่าผมว่างี้ เสียงของมันแลดูปกติสุดยอด คือนิ่งและราบเรียบเช่นเดิม . . นี่มันหายแล้วเหรอ
“มึงหายแล้วใช่มั้ย”
“อืม นอนอีกไม่กี่วันก็ได้ออกแล้ว”
“ . .เก่งนะ”
“ว่าไงนะ”
“เปล่า”
“กูได้ยินเหมือนมึงชมกู”
“เออเว้ย ก็ได้ กูชม!” ผมขี้เกียจเถียงกับมันละ “กูได้ข่าวมาว่ามึงอาการร่อแร่ ก็นึกว่าจะเป็นอะไรไปซะอีก แต่นี่มึงรอดมาได้ ก็โอเค มึงเก่ง”
“ไม่ได้เก่ง แค่ตอนที่หลับ มันไม่ได้รู้สึกเจ็บ”
“เฮ้อ . .” ผมถอนหายใจ
“เป็นไร” อย่าคิดว่ามันจะถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงผมนะ เปล่าเลยครับ มันถามเหมือนว่า มึงเป็นไรของมึงอีกวะ ประมาณนี้
“อยากหายบ้าง”
มองอะไรไม่เห็นมาหลายวันแล้ว ก็อยากจะกลับมามองเห็นบ้าง . .
“เดี๋ยวก็หายน่า”
“มังกร” เสียงธัญตัวจริงนี่หว่า . . “ได้ข่าวว่าหมอกับพยาบาลตึกนู้นตามหามึงให้วุ่น มึงควรจะรีบกลับไปให้เค้าตรวจนะ”
ได้ยินดังนั้นแล้วผมถึงกับต้องหันมาค้อนขวับ(ไม่รู้ว่าหันถูกทางรึเปล่า)
“มังกร นี่มึงหนีหมอมาเหรอ! มึงไม่หายจะทำไงวะ ไอ้ห่านี่!!!!!”
“กูอยู่ทางนี้” มีเสียงของมังกรแอบหัวเราะหึหึเบาๆอยู่อีกฝั่ง ให้ตาย ก็กูมองไม่เห็นนี่หว่าฟวย! มังกรยัดแอปเปิลเข้าปากผมอีกหนึ่งชิ้นก่อนที่จะเดินจากไป ผมแอบได้ยินมันกระซิบอะไรกับไอ้ธัญ “ . . ฝากด้วยล่ะ”
“เรื่องนั้นมึงไม่ต้องบอกหรอก” เสียงไอ้ธัญดูไม่สบอารมณ์เต็มที . .
“พรุ่งนี้ถอดผ้าพันแผลออกได้แล้วนะคะ” คุณพยาบาลคนสวยบอกกับผมเสียงใจดี(รู้ได้ไงว่าสวย?) ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ไปพร้อมๆกันกับพ่อ พี่ขุน และก็ไอ้แฝด คนพวกนี้คือครอบครัวของผมครับ
“ยินดีด้วยนะเว้ย” ไอ้ธีเข้ามาเขย่าตัวผมใหญ่ หลังจากที่พยาบาลเดินออกไป
“หึ หวังว่าจะเจอหน้าข้าเป็นคนแรกนะ” พ่อของผมแผดเสียงออกมาอย่าง(ทำเป็น)เย่อหยิ่ง “รู้ใช่มั้ยอะไรที่รอเอ็งอยู่ . .”
“กักบริเวณ ยึดรถ ยึดบัตรเครดิต” ผมพูดเซ็งๆ
“อันนั้นมันจิ๊บๆสำหรับเอ็ง ไอ้ก้าว”
“อะไรของพ่อ นี่อย่าบอกนะว่า . .”
“ร้านหนังสือไง! ข้าทำเสร็จแล้ว”
“เฮ้ยยยมันจะเร็วไปไหนอ่ะพ่อ!!!!”
“หวังว่าต่อไปนี้ที่สุมหัวแก มากกว่าสนามแข่งรถของข้านะ”
“พ่อ ไม่เอา มันน่าเบื่อ!!!!”
“อย่ามาเถียงข้า ไอ้เด็กเวร!!!”
“เอ่อ คุณกิตครับ” พี่ขุนช่วยผมพูดอีกแรง “คือตอนนี้สถานการณ์เกี่ยวกับตัวไอ้เจ้านายมันยังไม่สู้ดีนัก ถ้าหากให้มันไปคุมร้านตอนนี้ ผมกลัวว่าศัตรูมันจะไปเผาร้านหนังสือจนไม่เหลือซากซะก่อน”
“ใช่ครับพ่อ คือช่วงนี้ไอ้นายโดนศัตรูเก่าลอบทำร้ายตลอดเลย” ไอ้ธัญก็ช่วย
“เฮ้อ . . แสบเหมือนแม่มันไม่มีผิด”
“อย่าให้แม่มาอ้างเลย พ่อนั่นแหละสอนผมแบบนี้เอง อำนาจ อิทธิพล ควรเป็นสิ่งที่เรามีอยู่ไว้ในมือ” พูดจบผมก็โดนพ่อเขกหัว
“พอสักทีกับเรื่องแบบนี้! ดูก็รู้ว่าเอ็งเอาดีด้านนี้แล้วมันไม่รอด” ให้ตาย คำพูดของพ่อนี่ทำให้ผมใจเสียชะมัด “ข้าจะให้ไอ้ขุนตามเช็ดตามล้างให้เอ็ง หวังว่าจะไม่มีใครหลงเหลือมาทำอะไรน้องเอ็งได้อีกแล้วนะขุน”
“โหยพ่อ ไม่เอาดิ เรื่องของผม ผมเคลียร์เอง!”
“เคลียร์เองเรอะ เคลียร์เองแล้วเป็นยังไง ดูสภาพตัวเองตอนนี้สิ!!!!” พ่อแผดเสียงลั่น “ยังเอาลูกไอ้เมฆมาเกี่ยวด้วยอีกนะ ป่านนี้พ่อมันไม่เครียดลงกบาลแย่แล้วเหรอ”
“พ่อ . . ผมรู้สึกแย่มากพอแล้วนะ” ผมถอนหายใจอย่างมีความรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในอก
“หนักไปกว่านั้นเมื่อเค้ารู้ว่าแกใช้หนี้ให้เค้า เค้าวิ่งวุ่นตามหาตัวแกใหญ่”
“ตามหาตัวผมทำไม” แด๊ดดี้ 2499 ของไอ้มังกรเนี่ยนะ ตามหาตัวผม ไม่ใช่ว่าผมจะโดนเค้าตีรันฟันแทงเรอะ!!!!
“เค้าก็แค่จะมาจ่ายหนี้กับเอ็งแทนน่ะสิ”
“เอ่อ เรื่องนั้นน่ะ”
“ยังไงซะ . . แกก็ต้องโดนลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ตาม” พ่อสรุปในที่สุด ไม่อยากนึกภาพหน้าของพ่อตอนนี้เลยว่าจะทั้งโหดทั้งห่วงแค่ไหน แต่ก็เอาเถอะ ครั้งนี้ถือว่าผมโดนหนักจริงอะไรจริง เพราะเล่นเอาตาเกือบบอดแน่ะ แอบเข็ดนิดๆ แต่เชื่อเหอะ ผมอยากให้แก๊งของไอ้วายุมันโดนเอาคืนบ้าง คอยดูนะ ถ้าเรื่องนี้เงียบและผมถูกลงโทษน้อยลงเมื่อไหร่ . . มันเสร็จผมแน่ (สรุป . . ก็ยังไม่เข็ดอยู่ดี)
สองร้ายในหนึ่งรัก *
[/b]
“ใจเย็นๆนะครับ” เสียงหมอนุ่มๆดังขึ้นข้างๆหูผม ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนเตียง โดยค่อนข้างที่จะแน่ใจว่ามีคนล้อมรอบคอยลุ้นคอยให้กำลังใจผมอยู่แน่ๆ “ค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ”
ผมถูกดึงผ้าพันแผลออก ดวงตาที่ปิดสนิทของผมเริ่มเปิดขึ้นมาช้าๆตามคำสั่งของหมอ แสงสว่างจ้าส่องเข้ามาทำให้ผมรู้สึกแสบตาเล็กน้อย แต่ที่แน่ๆก็คือ . . ผมหายแล้ว
ผมค่อยๆเหลือบมองไปยังคนที่อยู่รอบข้าง เห็นหน้าพ่อคนแรกจริงๆ(อย่างที่พ่อคาด) ตามมาด้วยพี่ขุน ไอ้แฝด พวกในแก๊งอีกสองสามคน
“เป็นไงบ้างครับ มีอาการข้างเคียงอะไรอย่างอื่นหรือเปล่า” หมอยังหนุ่มอยู่เลยครับ ผมส่ายหน้าตอบหมอไป และหมอก็เช็คอะไรอีกนิดหน่อยก่อนที่จะเดินจากไป บอกกับผมว่าวันนี้ไปรับยาและก็กลับบ้านได้แล้ว ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างพากันเฮมาล้อมหน้าล้อมหลังผมเป็นการใหญ่
หลังจากนั้นไม่นานผมก็ขอตัว พวกที่มาเยี่ยมก็เริ่มถอยร่นกลับไปจนหมดนี่รวมถึงแฝดผู้จงรักภักดีของผมด้วยที่วันนี้ต้องเป็นเวรพาหม่าม้ากับป่าป๊าของมันไปตรวจสุขภาพที่โรงพญาบาลแถวฝั่งธน(ไปทำไมไกลจังวะ?) ก็เลยเหลือแต่ผมกับพี่ขุนที่อยู่ในห้องเท่านั้น พี่ขุนทำตัวมีประโยชน์มาก ยืนอ่านFHMที่ไอ้เชี่ยธีทิ้งไว้ให้ผมเปิดเล่นระหว่างป่วยเฉยไม่ช่วยน้องเก็บข้าวเก็บของเลยสักนิด
“ถ้าพี่ขุนจะไม่ช่วยนะ . . ก็หลบไปเลย”
“ไอ้น้อง ของก็มีอยู่แค่นี้ เก็บๆเข้าไปเหอะน่า”
“ไม่มีหญิงไปหารึไง ว่างเหรอ มายืนเฝ้าน้อง”
“หึ ตอนนี้ไม่มีใครเค้าปล่อยให้มึงอยู่ตามลำพังอีกแล้วล่ะ” พี่ขุนกระหยิ่มยิ้มย่อง “โดยเฉพาะเวลาที่มึงต้องถูกลงโทษแบบนี้”
“นี่ พูดจริงๆนะ นายแอบไปเที่ยวบ้างไม่ได้เหรอ พี่ขุนก็ไม่ต้องบอกพ่อด้วย นายเพิ่งจะมองเห็นทั้งทีนะ”
“นั่นแหละยิ่งไปไหนไม่ได้ใหญ่เลย” พี่ขุนวางนิตยสารหน้าปกชวนให้เปิดนั่นลง “มึงรู้มั้ย ที่มึงโดนน่ะ มันร้ายแรงมาก ถ้าหากมึงมองไม่เห็นขึ้นมาจริงๆ หรือมันเกิดรักษาไม่ได้ขึ้นมา อนาคตมึงดับวูบเลยนะ”
“เอ่อ . . นายคงไม่ซวยขนาดนั้นมั้ง”
“เชี่ยนาย!” พี่ขุนย่ำเท้ามาเพื่อเขกหัวผม “พอสักที ยังไงก็ช่าง มึงห้ามไปมีเรื่องกับใครที่ไหนอีกแล้ว กูสั่งห้ามเด็ดขาด!”
“พี่ขุน!!!!” ผมร้อง “อย่างน้อยก็ให้นายไปแก้แค้นไอ้วายุก่อนดิ!!!!”
“นี่มึงไม่รู้เหรอ ไอ้วายุน่ะ โดนลูกลุงเมฆยำซะอ่วม . . อาการก็ร่อแร่ๆพอๆกับลูกของลุงเมฆเลย กูจับแม่งไปโรงพยาบาลอื่นละ มันก็มารักษาที่นี่เหมือนกัน”
“ว่าไงนะ”
“ดีแล้วที่กูปิดเป็นความลับ ไม่งั้นพวกมึงเล่นกัดกันจนโรงบาลกูพังแน่ๆ”
“แต่นายรู้อย่างนึง” ผมรีบพูด “มังกรมันดีขึ้นแล้ว”
“รู้ได้ไง แล้วไอ้เด็กนั่นมันเกี่ยวอะไรกับมึงด้วย”
“ก็มันโดนจับไปเป็นตัวล่อให้นายตัดสินใจไปโกดังบ้านไอ้ยุคนเดียวไง ก็มันนี่แหละ!”
“มึงกับมันเป็นเชี่ยไรกัน” พี่ขุนชักสีหน้า กอดอกจ้องผมเขม็ง “ทำไมมันต้องเป็นตัวล่อให้มึงไปโดนซ้อม และทำไมหลังๆ . . ไอ้เชี่ยนี่กับมึงมีความเกี่ยวข้องอะไรกันเยอะจัง”
“พี่ขุนคอยตามผมเหรอ”
“นี่ขนาดตามแล้วกูยังคลาดสายตาจากมึงได้ และดูสิ!!! กูคลาดไปแป๊บเดียว มึงโดนอะไร!!!!” ไม่ได้เถียงกันจริงจังนักหรอกครับ พี่ขุนเพียงแค่เสียงดังอย่างดุๆเพราะเป็นห่วงผมเท่านั้น
“เอ่อ จบเรื่องนี้กันได้แล้วมั้ง”
“หึ บอกจบทุกครั้งที่เถียงไม่ออกสินะ น้องกู” พี่ขุนช่วยผมแบกเป้ที่ถูกรูดซิบปิด เตรียมออกจากห้องพักผู้ป่วยนี้แล้ว เพิ่งจะเห็นพี่ชายผมมีประโยชน์ตั้งแต่มาอยู่ในห้องก็คราวนี้แหละ “กลับบ้านกันได้แล้ว”
“เดี๋ยวสิพี่” ผมรีบพูด “ต้องไปเยี่ยมมังกรก่อน”
“สรุปพวกมึงเป็นอะไรกัน”
“ศัตรูกันไง”
“ศัตรูเหี้ยอะไรเป็นแบบนี้ ไม่มีหรอก!!!!”
“ศัตรูกัน!!!!!!!”
หน้าห้องไอ้มังกร
มาไม่ถูกหรอกครับ อาศัยไอ้พี่ชายตัวดีที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลถามพนักงานกับพยาบาลแถวนั้นเอา จนมาหยุดที่หน้าห้องนี่แหละ เป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ที่ดวงตาของผมมองไม่เห็น ตอนนี้กลับมาเห็นอีกครั้งแล้ว และทำไมผมต้องตื่นเต้นด้วยละวะเนี่ย ตอนดวงตาถูกเปิดครั้งแรกผมยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้เลย เป็นเพราะอะไรกันหว่า
“น้องกูเป็นอะไรไป” พี่ขุนทำหน้างง “มาแล้วก็เข้าไปสิ”
“เอ่อ . .”
“อะไรของมึง”
เคาะประตูก่อนละกันวะ ก๊อกๆๆ . . ปกติมังกรจะมีแค่ไนท์กับแอร์มีเฝ้าไข้ครับ ลุงเมฆถึงแม้จะห่วงลูกชายมากแต่ลุงก็ทิ้งร้านมาไม่ได้ เพราะเป็นรายได้หลักของครอบครัว ผมกำลังรอให้ไนท์ไม่ก็แอร์มาเปิดประตูให้ จนกระทั่งประตูเปิดออก
O_O
นี่ดาราเหรอ ?
“ว้าว” พี่ขุนถึงกับออกอาการเลยทีเดียว เมื่อเจอเข้ากับผู้หญิงตรงหน้า เธอเป็นคนสวยชนิดที่ว่าทั้งน่ารักทั้งสวยอ่ะครับ ดวงตากลมโตสีดำขลับ ขนตาทั้งยาว ทั้งงอน ทั้งหนา(ไม่รู้ว่าของจริงหรือของปลอม) ผมสีน้ำตาลดัดเป็นลอนยาวเกือบจะถึงเอว จะใช่เธอคนนี้รึเปล่านะที่ไอ้มังกรเคยควงเข้าห้างในรูปที่ไอ้วายุไปเก็บมาได้น่ะ
ผมว่าใช่นะ . .
“สวัสดีค่ะ” เธอทักงงๆ “มาเยี่ยมมังกรเหรอคะ คือเค้ากำลังหลับอยู่เลยน่ะค่ะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ” ผมรีบตอบ “ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ พี่ขุน ไปเหอะ”
“คุณชื่ออะไรคะ เดี๋ยวมังกรตื่นขึ้นมาจะได้บอกให้ว่าใครมาตอนที่เค้าหลับ” เธอช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงาม สง่า เรียบร้อย และก็ใจดีเสียจริง
ก็เหมาะแล้ว กับคนอย่างไอ้มังกร . . คนอย่างมันต้องเจอคนสวยๆดีๆแบบนี้แหละ
“เจ้านายครับ”
“เจ้านาย เหรอคะ”
“ครับ”
“ชื่อเท่ดีนะคะ” เธอยิ้มให้อย่างจริงใจ “เราชื่อลินนะ ตอนนี้เรากำลังจะไปซื้อของเข้าตู้เย็นพอดี ไนท์กับแอร์เพิ่งทานของมังกรจนหมดน่ะ ยังไงก็ช่วยเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเค้าก่อนได้มั้ยคะ”
“เอ่อ . .คือ”
“ให้เจ้านายมันอยู่เป็นเพื่อนมังกร เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนน้องลินก็ได้นะครับ”
ไอ้พี่ขี้หลีเอ๊ย! ผมถองสีข้างพี่ชายอย่างแรงจนพี่ขุนร้อง ลินยืนขำก่อนที่จะเปิดประตูให้ผมกับพี่ขุนเข้าไป ส่วนเธอก็เดินถือกระเป๋าสตางค์ออกไปข้างนอก ดูจากท่าทาง กิริยา การแต่งกาย และกระเป๋าถือไฮเอนด์ที่จอดอยู่โต๊ะข้างๆเตียงไอ้มังกรทำให้ผมรู้ว่าเธอ . . รวยขนาดไหน
ผมส่งสายตาเป็นคำถามให้ไอ้มังกรที่นอนหันหลังให้ มึงขายแค่น้ำเต้าหู้แต่มึงสามารถมัดใจคุณหนูไฮโซโคตรรวยคนนี้ได้เลยเหรอวะเนี่ย เก่งนะมึง . .
“พี่ไปรอข้างล่างดีกว่า” พี่ขุนขอตัวออกไป ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรพี่เค้าก็เดินออกไปแล้ว ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่กับไอ้มังกรที่นอนหันหลังให้ผม
โอ้ มายก้อด สิ่งที่ผมเห็นคือมังกรโดนหนักมาก มีผ้าพันแผลแปะอยู่ทั่วร่างกาย ขาซ้ายเข้าเฝือก ที่หัวก็ถูกพันผ้า เรียกได้ว่าเกือบจะทั้งตัวจริงๆ เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารมัน และรู้สึกนับถือในความเข้มแข็งของมันไม่ได้ ที่สามารถผ่านช่วงอันตรายมาได้
ขอบคุณ . . ที่มึงรอดนะเว้ย
ผมค่อยๆเดินอ้อมไปทางฝั่งที่จะเห็นหน้ามันได้ แม้หน้ามันจะพังยับเยินมีรอยแผล หรือยังบวมเป่ง แต่ก็ไม่สามารถปิดบังความหล่อเกินมนุษย์มนาของมันได้ มันกำลังหลับปุ๋ยอย่างที่ลินพูดจริงๆ และผมก็ไม่อยากที่จะรบกวนมันสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้อยู่ใกล้ๆมันขนาดนี้ก็เถอะ
ใช่ ผมตัดสินใจแล้วตั้งแต่ที่ผมกับมันอยู่ในโกดัง คนอย่างมันกับผมไม่ควรจะเสือกเรื่องของกันและกันอีกต่อไป โดยเฉพาะมัน ที่ปกป้องผมจนเกินตัว ไม่รักตัวเอง ไม่สนใจสวัสดิภาพของตัวเองเลยสักนิด โอเค ผมซึ้งใจ ผมรู้สึกดี และก็รู้สึกขอบคุณมันมาก และครั้งนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นสิ่งที่หนักหนาเกินไปสำหรับมัน ผมมันตัวแสบ ส่วนมังกรจากที่เป็นแก๊งเงียบๆก็ต้องมาดังเปรี้ยงปร้างเพราะผม ทุกอย่างมันเป็นเพราะผม ผมไม่ควรที่จะอยู่ใกล้ๆคนอย่างมัน ไม่ควรให้มันต้องมาปกป้องอีกต่อไป
ผมนั่งยองๆลงมองดูใบหน้าของไอ้มังกรในยามหลับ ในท่าที่มันก็เคยทำกับผมโดยผมนอนอยู่ในห้องของเอกพยาบาล มองดูมันกำลังหลับปุ๋ย มีลมหายใจสม่ำเสมอ ใบหน้านั้นขมวดคิ้วเล็กๆราวกับว่าไม่ค่อยสบายตัวเท่าใดนัก ซึ่งอาจจะจริงเพราะดูสภาพมันตอนนี้สิ
ผมถอนหายใจ ก่อนที่จะกระซิบคำนั้นออกมาอย่างแผ่วเบา
“หายไวๆนะ . . และก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย”