ร้ายที่ 18 ผมถูกสายตาอำมหิตของไอ้มังกรบังคับให้นั่งอยู่ตรงหลังร้าน ใกล้ๆกับที่ๆมันประกอบกิจกรรมทางการขาย น้ำเต้าหู้ร้อนๆกับปาท่องโก๋ร้อนๆน่าอร่อยวางอยู่ตรงหน้า แต่ผมกลับไม่กล้าที่จะหยิบขึ้นมากิน
เห้ย ไม่ได้นะ . . อย่าไปกลัวมัน ไอ้เชี่ยนี่แม่งไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก มันด่า มึงก็ด่ามันคืนสิไอ้นาย กลัวอะไร กลัวทำไม . .
ก็ได้แต่คิดในใจ พอเอาเข้าจริงๆมันพูดไม่ออก
“ชอบใช่มั้ยเมื่อได้อยู่ใกล้คนอันตราย” มังกรพูดทั้งๆที่ทำมาหากินไปด้วย ไอ้แอร์กับแฟนกลับไปแล้ว สรุปวันนี้มันมาขายคนเดียวรึไงกัน ไม่เห็นพ่อมันเลย
แต่ผมว่าผมควรเอาตัวเองให้รอดจากรังสีอำมหิตของไอ้มังกรก่อนนะ “เปล่า”
“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าไปใกล้มัน” ตึง! มันวางอะไรสักอย่างลงบนรถเข็นน้ำเต้าหู้ของมันอย่างมีอารมณ์ ผมสะดุ้งสุดตัว ทำไมมันต้องทำเหมือนผมเป็นเด็กป.2และก็มีมันเป็นพ่อด้วยฟะ ?!!!
“เรื่องมันยาวน่ะ” ถ้ามันหันหลังกลับมา มันจะเห็นผมยิ้มแหยๆด้วย “แล้วมึงจะเสือกอะไรด้วยอีกวะ!” มังกรหันขวับกลับมาตาขวาง ทำเอาผมหน้าตื่น มันคงไม่อยู่ในอารมณ์ที่ผมไปกระตุกหนวดเสือของมันได้สินะ
“แล้วทำไมต้องแต่งตัวแบบนั้นด้วย”
ผมก้มลงมองดูสภาพตัวเอง เกือบลืมไปว่าผมเพิ่งหนีการดูตัวมานี่หว่า “เรื่องน่าเบื่อน่ะ”
“มันดูตลก”
อ้าว . . ไรของมึงวะมังกร! พูดงี้เอาน้ำเต้าหู้ที่กำลังเดือดปุดๆนั่นราดใส่หน้ากูเลยจะดีกว่านะ แม่ง
“กูจะกลับละ” ผมลุกขึ้นยืน
“ยังกลับไม่ได้” มังกรพูดสวนขึ้นมา
“ทำไมละวะ”
“ขายของเสร็จวันนี้ . . คงจะพอจ่ายหนี้ก้อนแรกให้มึงได้”
หวะ ว่าไงนะ . . นี่มันรู้แล้วเหรอ ว่าผมเป็นเจ้าหนี้คนใหม่ของมันน่ะ
“อันที่จริงเงินนั่น . .” สองล้านสามสำหรับผมมันไม่ได้ลำบากอะไรเลย แต่สำหรับไอ้มังกรนั่นอาจจะหมายถึงทั้งชีวิตของมันเลยก็ได้ “ . . มึงค่อยเอามาคืนวันหลังก็ได้ กูไม่รีบ”
“ไม่ได้!” มันวางทุกอย่างในมือและก็ย่างสามขุมมาหาผมแทน ท่าทางมันจะหงุดหงิดเรื่องนี้มานานแต่เพิ่งได้ระเบิดออก สรุปมึงหงุดหงิดเรื่องอะไรบ้างวะเนี่ยมังกร . . แต่ดูเหมือนว่าสาเหตุของทุกเรื่องนั้นมันจะมาจากผมหมดเลย เอิ่มมมมมม “ที่มึงทำน่ะ มันดูถูกกูมากนะ!”
นั่นไง ต้องมีเรื่องศักดิ์ศรีเข้ามาเกี่ยวข้อง “กูไม่ได้ดูถูก ก็แค่ . . เห็นมึงลำบาก” มันอ้าปากจะเถียงขึ้นมา แต่ผมพูดแทรกเข้าไปก่อน “ยังไงซะเป็นหนี้กูก็ยังดีกว่าเป็นหนี้พี่ขุนกับพ่อ เพราะกูไม่ทวง” ผมยกสองมือขึ้นมาแบประหนึ่งให้มันรู้ว่าผมน่ะชิวโคตรแค่ไหน แต่การกระทำนั้นยิ่งทำให้มังกรโกรธเข้าไปใหญ่
“อย่ามาทำให้กูเสียวินัยทางการเงิน” พ่อง . . ดูมันใช้ศัพท์ดิ วินัยอะไรนะ ฟังไม่ทัน . . “กูจะคืนมึงเดือนละเจ็ดหมื่นห้า”
“ไม่ต้อง กูชอบรับเป็นก้อน” ผมคิดว่าตอนนี้ผมกำลังแถสดอยู่นะครับ . .
มังกรตวัดสายตามามองผม “แต่กูชอบจ่ายเป็นงวด”
“ไอ้ . .”
“ตกลงตามนี้” มันสรุปเอาเองแล้วมันก็ไปขายของต่อ ผงกหัวน้อยๆให้ลูกค้าสาวที่ตอนนี้กำลังจะเป็นลมเพราะความหล่อของมัน ซึ่งในสายตาของผมตอนนี้คือมันเป็นคนที่กวนตีนโคตรๆ ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย
“เห้ย” ผมเดินเข้าไปข้างๆ แป้งปาท่องโก๋ถูกกางเกงของผมจนเป็นรอยขาว
“อุ้ย . . ยังไงล่ะนี่” ลูกค้าสาวมองผมกับมังกรอย่างสงสัย “นี่อย่าบอกนะว่าเป็นอีกคู่น่ะ!!!!”
ผมกับมังกรทำหน้างงแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ “กูจะกลับแล้ว คงอีกชาติกว่าล่ะสิที่มึงจะขายของเสร็จ”
“ก็บอกแล้วไงว่ารอก่อน”
“ไม่โว้ย ง่วง จะกลับไปนอน”
“บอกให้รอก่อนไง”
“โอ้ยยย . . อีกคู่เหรอเนี่ย เสียดายจัง” ลูกค้าสาวพูดแทรกผมกับมังกร จนผมกับมันหยุดเถียงกัน เธอมองมาที่มังกรอย่างเสียดายจนปิดไม่มิด แอบเอาลิ้นแตะริมฝีปากเสียหลายรอบ
“คู่อะไรเหรอครับ ปาท่องโก๋เหรอ” ผมเลิกคิ้วถาม
“เดี๋ยวผมแถมให้อีกคู่ก็ได้ครับ” มังกรเสริม
“อ๋ออออ ค่ะค่ะ!! คู่ปาท่องโก๋ค่ะ แหะๆ แหม นึกว่าจะเป็นอีกคู่ซะแล้ววว เกือบเป็นกันทั้งโลกแล้วมั้ยล่ะ” ประโยคหลังๆเธอพูดแผ่วมากๆจนผมกับมังกรไม่ได้ยิน “แหะๆ ไม่มีอะไรค่ะ คือไม่ต้องแถมก็ได้ค่ะคุณคนขาย เดี๋ยวฉันซื้อเพิ่ม จะเอาไปเลิ้ยงคนงานที่บ้านน่ะค่ะ”
“ครับ เอาเท่าไหร่ครับ” มังกรฟังลูกค้า “ครับๆ สักครู่นะครับ”
ขายดีขนาดนี้เป็นหนี้ได้ไงวะเนี่ย ผมส่ายหน้าเซ็งๆขณะจะเดินออกไปจากร้านเพื่อเตรียมตัวกลับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้มๆ เอ้าเชี่ย . . แบตแดง และพอกดโทรออก แม่งเสือกแบตหมด!!!! เจริญมากกกก ดีนะที่พอมีตังค์จะเรียกแท็กซี่แถวนี้ได้บ้าง
ก็เสือกมีแค่ร้อยนึง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ในเมื่อกลับบ้านไม่ได้ ก็เลยต้องเดินซมซานกลับมาที่ร้านไอ้มังกร ที่ตอนนี้มีลุงเมฆกลับมาช่วยงานแล้ว
“อ้าวคุณเจ้านาย สวัสดีครับ” ลุงผงกหัวทักต่ำเสียจนผมคิดว่าลุงเป็นคนเกาหลี “มาเยี่ยมมังกรมาเหรอ”
มังกรที่อยู่ข้างหลังพ่อมันยิ้มเยาะเมื่อรู้ว่าผมต้องประสบปัญหาอะไรแน่ๆที่ทำให้กลับบ้านไม่ได้จนต้องซมซานกลับมาหามัน ชิ ทีใครทีมันเฟ้ย
“ครับ” ผมแสร้งตอบ “แต่ที่จริงคือจะกลับแล้ว”
“เอ้ามังกร ไปส่งเพื่อนหน่อยสิ”
“แด๊ด แล้วงานที่นี่ล่ะ”
“ไอ้ไนท์ช่วยคนเดียวก็พอแล้วล่ะ”
“แล้วมันไปไหน มันไปฉี่พร้อมแด๊ดนี่”
“ต่อคิวเข้าห้องน้ำอยู่น่ะสิ”
“งั้น. . ก็ได้ครับ”
หึยยยย . . มึงไม่ต้องทำหน้าไม่เต็มใจขนาดนั้นก็ได้เว้ยไอ้บ้า กูก็แค่จะมายืมเงินมึงสักสองร้อยเท่านั้นแหละ (สามร้อยบาทรับรองถึงหน้าบ้านใหญ่ผมเลย เหลือประมาณยิ่สิบบาทนี่แหละมั้ง)
ผมบอกมันว่าจะให้มันไปส่งแค่ทางขึ้นแท็กซี่ แต่มันไม่ยอมแม่งนั่งแท็กซี่ไปส่งผมถึงบ้าน พอถึงหน้าบ้านผมและก็ปล่อยให้ผมเดินเข้าไปข้างในเรียบร้อย มันก็เดินกลับ ไม่นั่งแท็กซี่ต่อ มันขอเลขบัญชีผมเอาไว้โอนเงินเข้าด้วย ผมเลยแกล้งบอกมันว่าจำไม่ได้ มันก็เชื่อสนิทและยอมจากไปแต่โดยดี
ซึ่งอันที่จริงน่ะ . . ผมจำเลขบัญชีของผมได้ขึ้นใจมากกว่าเบอร์โทรศัพท์ของพ่อซะอีก
พอเข้าไปในบ้านปุ๊บ เสียงของผู้ใหญ่สองคนก็ดังขึ้นพร้อมกันแต่ไม่เป็นคำเดียวกันเอาเสียเลย
“เอ็งรู้มั้ยว่าข้าต้องเสียหน้าต่อหน้าไอ้วิชัยแค่ไหน!!!!!”
“มึงมากับใคร ใครมาส่งมึง!!!!!”
เป็นพ่อและก็พี่ขุนตามลำดับ . .
สองร้ายในหนึ่งรัก *
สนามบิน
ทะเลจ๋า พี่จะไปหาแล้วนะ เย่!!!!! ผลสรุปก็คือมีผมไปคนเดียวกับพี่ขุน โดยแฝดเพื่อนผมมันไม่ว่างเพราะตอนนี้อยู่ที่อังกฤษเป็นที่เรียบร้อย หึ พวกมึงไปอังกฤษแต่กูไปทะเลเว้ยยยย กูเหนือกว่าเห็นๆ(เหรอวะ?)
“ทำไมเอาของมาน้อยจังวะ” พี่ขุนถาม ตลอดทางมาสนามบินพี่ขุนคงคิดว่าผมมีกระเป๋าเดินทางอยู่หลังรถตลอดสินะ แต่เปล่าเลย แค่มีเป้ใบเดียวนี่แหละ รับรองเอาอยู่ “เป็นทางการนะโว้ย แขกเป็นทีมงานทูตฝรั่งเศสเชียวนะ”
“ไม่ได้จะไปร่วมงานด้วยสักหน่อย แค่จะไปเที่ยว”ผมยักไหล่ไม่สนใจ
“มึงต้องไปร่วมงานด้วย ในฐานะเจ้าของสถานที่”
“หะ” ผมอ้าปากค้าง “แล้วทำไมไม่บอกล่ะ!!!”
“งานจริงๆมันมีคืนวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวให้คนส่งชุดไปให้ก็แล้วกัน” พี่ขุนตอบ กดจิ้มนั่นจิ้มนี่ในโทรศัพท์ สักพักก็ยกเอามาคุย อีกประเดี๋ยวก็วางมันลงและก็กลับไปจิ้มเหมือนเดิม ดูท่าทางพี่ชายผมจะยุ่งมากถึงมากที่สุด ตอนนี้ผมเริ่มรู้สีกว่าตัวเองโชคดีแล้วล่ะที่เกิดมามีพี่ชายที่รับผิดชอบแบบนี้
“แหมะ กะจะให้ตัวเองหล่อเท่อยู่คนเดียวอ่ะเด๊”
“. . งานนี้แม่งมีคนมาแย่งซีน” น้ำเสียงพี่ชายผมแลดูหงุดหงิดไม่น้อย อันที่จริงไอ้พี่ขุนก็หน้าตาไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากมายนักหรอกครับ เพราะมีหลายเสียงที่เคยบอกผ่านหูผมมาเยอะเหมือนกันว่าผมกับพี่ผมหน้าคล้ายกัน ฉะนั้นมันจะขี้เหร่ไม่ได้เด็ดขาด! แต่ก็มีบางเสียงที่ผ่านหูผมมาแล้วผมเอามันทะลุออกไปจากหูอีกข้างทันทีเพราะมันบอกว่าพี่ขุนคือผมในเวอร์ชั่นที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่โวยวาย และก็เวอร์ชั่นที่หล่อ คือสรุปมึงจะว่ากูขี้เหร่ว่างั้น?
“ใครจะมาแย่งซีนพี่”
“ก็พวกฝรั่งไง”
“อ้าว มีผู้ชายเยอะเหรอ” ผมถามอย่างนึกเสียดาย
“ผู้หญิงก็มี แต่แก่รุ่นป้า”
เซ็งไปเลย . . แต่ก็ช่างมันเหอะ วันนี้ผมจะไปหาทะเลไม่ใช่ไปหาผู้หญิงดูสักหน่อย ที่ริมหาดของโรงแรมก็น่าจะมีอยู่หรอกมั้งสาวๆสวยๆใส่บิกินี่น่ารักๆ
“เลิกทำหน้าเซ็งแล้วก็ไปเช็คอินได้แล้ว” พี่ขุนดันหลังผมให้เดินไปเช็คอิน . . แล้วก็หันไปคุยกับผู้ติดตามที่แต่งตัวโคตรจะเป็นทางการเดินตามหลังผมกับพี่ขุนมาประมาณสี่ห้าคน หนึ่งในนั้นมีเลขาสาวขายาวสุดสะพรึงนามเจ๊จิ๊บมากับพี่ขุนด้วย ทุกคนดูเป็นการเป็นงานกันหมด ยกเว้นผมที่แต่งตัวชิวสุดตั้งแต่หัวจรดเท้าคือขาสั้นกับเสื้อยืดสีแดง “แล้วเจ้านั่น. . มารึยัง”
“คิดว่าน่าจะยังไม่มาค่ะบอส”
“โทรตามเร็วๆเข้า ให้ตายสิ”
“ค่ะๆ ได้ค่ะ แป๊บนึงนะคะบอส”
ผมที่เช็คอินเสร็จก็เดินไปเดินมารอบตัวพี่ขุนที่เอาแต่คุยงาน ยืนบิดซ้ายบิดขวาฟังเพลงอยู่นั่น รอเวลาที่ ‘เจ้านั่น’ ของพี่ขุนจะมาสักที ซึ่งถ้าช้ากว่าสิบนาทีมีอันตกเครื่องแน่ . .
“พี่ขุนนนนน . .ไปรอข้างในเกทได้มั้ยอ่ะ” ผมชักจะหงุดหงิดก็เลยหันไปพูดเสียงเซ็งๆกับพี่ชาย
“ไม่ได้ ต้องไปพร้อมกัน”
“. . นานแล้วเนี่ย เตรียมซื้อตั๋วใหม่ได้เลย ตกเครื่องชัวร์”
“ขอโทษครับ” เสียงกระหืดกระหอบดังขึ้นตรงหน้าพี่ขุน มันหยุดแบบหยุดชะงักเลยทำให้คนที่วิ่งตามมาชนตัวคนพูดอย่างจังจนเซเกือบจะล้มลงไปกองกันทั้งหมด . . “ผมมาสาย”
มันเงยหน้าขึ้นมา . . ไอ้มังกร . . ไอ้ฝรั่งหัวดำนัยน์ตาฟ้า . . อะไรกัน มันก็ต้องไปด้วยเหรอ? และที่เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้นคือแม่งใส่กางเกงยีนส์แต่เสื้อเป็นสีแดง สีแดงงงงงงงงง สีแดงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เป็นบ้าอะไรมาใส่สีเสื้อตามกูฮะไอ้บ้า!!!!! (ไม่ได้คิดเล้ยยยว่ามันบังเอิญ)
ข้างๆมังกรไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นไนท์กับแอร์ ทั้งคู่หอบแฮ่กๆ ดูยังไงก็เหมือนรีบวิ่งมาเช็คอินกันสุดชีวิต
“มึงถูกตัดเงิน” พี่ขุนเลิกคิ้ว ล้วงกระเป๋ากางเกงมองดูไอ้มังกรอย่างคาดโทษ
“. . ครับ” มังกรยอมรับแต่โดยดี มันยังหอบไม่หาย เหลือบมามองผมเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมองหน้าพี่ขุนตรงๆ
“แล้วไอ้เด็กสองคนนี้ . . มันอะไรกัน” พี่ขุนกวาดสายตามองผู้ติดตามของมังกร “กูจ่ายค่าตั๋วให้มึงคนเดียวกูไม่ได้จ่ายให้ผู้ติดตามของมึงนะ”
ไนท์โชว์ตั๋วขึ้นมา “. . มีปัญญาจ่ายเอง”
อุ้ย . .มันกล้าเล่นกับพี่ขุนเว้ยเห้ย ไม่เคยเห็นไอ้ไนท์ในมุมนี้มาก่อน คือปกติมันจะนอบน้อมกับผมเสมอซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันจะนอบน้อมกับผมทำไม ผมน่ะนิสัยเสียกว่าพี่ขุนตั้งเยอะ
พี่ขุนยักมุมปากเล็กๆ ก่อนที่พยักเพยิดให้มันทั้งสามที่มาช้ารีบไปเช็คอิน ผมยังไม่มีโอกาสถามพี่ขุนเลยว่ามังกรมันมาทำไม แต่ที่แน่ๆก็คือมันเป็นการแสดงออกว่ามันยังไม่ได้ลาออกจากงานที่บาร์ของพี่ขุน
ตอนวิ่งเข้าเกท . . อย่างฮาเลยครับพี่น้อง ฮาน้ำตาจะไหล เหนื่อยสัด ดีนะที่โหลดกระเป๋าลงใต้เครื่องไม่งั้นสาหัสกว่านี้แน่ๆ เจือกจะได้ขึ้นเกทที่อยู่ไกลชิบหายวายป่วง วิ่งกันเหงื่อแตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่ว
กว่าผมจะมานั่งหอบแฮ่กๆข้างๆพี่ขุนที่อยู่บนเครื่องได้ เรียกได้ว่าเหนื่อยแทบขาดใจ ผมทรุดตัวนั่งลงก่อนเพราะมาถึงก่อน แล้วไอ้มังกรกับเพื่อนอีกสองคนก็ตามมาทีหลัง มันมองหน้าผมก่อนที่จะเดินไปนั่งข้างหลังตามที่นั่งที่มันได้เช็คอิน ซึ่งผมหันหลังไปมองจนสุดคอเห็นมันนั่งข้างๆเจ๊จิ๊บ เลขาพี่ขุน
“ไม่ปวดคอเหรอ”
“ฮะ”
“เอี้ยวไปซะขนาดนั้น ไปนั่งกับมันเลยดีมั้ย”
“พี่ขุนหมายถึงพี่จิ๊บเหรอ”
“. . อย่ามาแถเลยไอ้น้อง”
อะไรกันเล่า ผมไม่ได้แถสักหน่อยแค่ถามเพื่อความแน่ใจ พี่ขุนยกมุมปากขึ้นนิดๆหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ส่วนผมก็นั่งจ๋องเตรียมหลับรอเครื่องทะยานลงสู่ภูเก็ต
“ฮ้าวววววววววววว” ผมอ้าปากหาวหวอดๆขณะที่กำลังรอกระเป๋าโหลด โคตรง่วงเลยว่ะครับ ปิดเทอมนอนตีสามทุกวันเมื่อเช้าถูกปลุกให้รีบมาให้ทันเช็คอินสภาพเลยเป็นอย่างที่เห็น ผมหาวเป็นรอบที่สาม แสดงออกอย่างชัดเจนว่าง่วงสุดอะไรสุด จนกระทั่งหาวรอบที่สี่ ที่ผมหาวแล้วแม่งเจอกับสายตานิ่งๆของคนๆหนึ่งพอดี ทำเอาผมหาวค้างอย่างน่าอนาถ อ้าปากหวอจนแมลงวันจะบินเข้าไป
ผมสั่นหน้าพลางเกาหัวตัวเองเพื่อเรียกสติสตางค์ให้กลับคืนมา ไม่รู้เดี๋ยวนี้เป็นอะไรอยู่ต่อหน้าไอ้มังกรแล้วเหงียมแล้วทำตัวไม่ค่อยจะถูก . . มันมีอำนาจวิเศษที่ผมไม่รู้รึเปล่า เห้ย ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ ทำไมแม่งไม่ยอมบอกกันมั่งวะ (อะไรของเมิงงงง?)
“รถมาจอดหน้าโรงแรมแล้วค่ะบอส” เจ๊จิ๊บรายงานพี่ขุน
“เอามากี่คันล่ะ”
“เอ่อ . . คันเดียว . . นี่คะ” เธอเริ่มหน้าเสียเพราะเธอคิดว่าเธออาจจะทำอะไรผิด
“โทรเรียกใหม่ เอามาสองคัน เรามีแขกเพิ่ม” พี่ขุนสั่งฉับอย่างโคตรมีมาด สายตาพี่ชายผมปรายตาไปมองไอ้ไนท์ที่หน้างี้บึ้งใหญ่เพราะดูยังไง้ยังไงพี่ขุนก็หมายถึงมันกับแอร์ แต่มันควรจะดีใจไม่ใช่เหรอวะมีรถไปส่งที่โรงแรมด้วย ว่าแต่มันจะพักที่โรงแรมของบ้านผมเหรอ?
“เอ่อ . .เห้ย” ผมค่อยๆเดินไปเลียบๆเคียงๆถามแอร์ที่กำลังงกๆเงิ่นๆกับการหากระเป๋าของตัวเอง มันอยู่แยกออกมาจากไอ้ไนท์และก็ไอ้มังกรที่ได้กระเป๋าของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ครับ เจ้านาย”
“มึงกับไนท์จองตั๋วเครื่องมา และก็จองโรงแรมพี่ขุนด้วยเหรอ”
“ใช่ครับ” ไอ้มังกรแม่งมีเพื่อนมีอันจะกินนี่หว่า “อยากมาอยู่เป็นเพื่อนมังกรทำงานน่ะ”
“มันทำงานอะไร”
“บาร์เทนเดอร์น่ะครับ ต้อนรับพวกทูตฝรั่งเศสน่ะ คุณเจ้าขุนบอกว่ามันเป็นคนฝีมือดี ก็เลยออกให้มันทุกอย่างเพื่อที่จะให้มันมาด้วย พวกผมเลยตามมันมา ถือโอกาสเที่ยวไปด้วยเลย”
“อ๋อ . . เหรอ”
“แล้วแฝดเพื่อนเจ้านายไม่อยู่เหรอ”
“มันไปเที่ยวอังกฤษ”
“งี้ก็ทางสะดวกน่ะสิ” แอร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“อะไรของมึง”
“เปล่าครับ!”
ผมส่ายหัวกับไอ้แอร์ . . เจอกระเป๋าของผมพอดีผมเลยคว้ามันมาสะพายข้างหลัง แต่กอดที่ผมจะสะพายดันโดนมือดีแย่งกระเป๋าผมปือจนผมทรงตัวแทบจะไม่อยู่เพราะผมไม่รู้ตัว
โจรฉกกระเป๋าทำหน้านิ่งมาก . . ไม่พูดอะไร หยิบกระเป๋าเป้ของมันที่ไหลมาตามรางและก็สะพายใส่แขนอีกข้าง
“มึงสับสนกระเป๋าตัวเองกับกระเป๋ากูเหรอ” ผมเหน็บแนม “เอามา กูจะถือเอง” ผมจะแย่งกระเป๋าของผมมาจากมัน แต่มันขยับตัวหนีหนำซ้ำยังส่งสายตามาให้ผมหยุดการกระทำนั้นอีก “โว้ยยย งั้นเรื่องของมึงแล้ว! อย่าขโมยอะไรไปจากกระเป๋ากูล่ะ!!!”
ผมเดินตีอกชกหัวจากไปทิ้งให้ไอ้ไนท์กับไอ้แอร์ยิ้มให้กันเบาๆอย่างรู้กัน ส่วนไอ้โจรฉกกระเป๋าแม่งก็ทำหน้านิ่งๆแล้วก็เดินตามขบวนมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โรงแรมของตระกูลกิตติเกษม
“นี่ห้องมึงนะ” พี่ขุนโยนกุญแจมาให้
O.O มันเป็นห้องสวีทที่โคตรหรูและใหญ่แบบมหาบิ๊กเบิ้ม ไม่อยากจะถามเลยว่าพี่ชายผมจะคิดแขกที่มาพักคืนละเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆสำหรับผมมันคือฟรี เย้!!!! ผมโดดเด้งดึ๋งๆลงบนเตียงอย่างปลดปล่อยอารมณ์ ตรงริมระเบียงนั้นเผยให้เห็นสระน้ำสีฟ้าสะอาดขนาดใหญ่และยาวที่มีทางเดินเป็นแผ่นไม้เรียงติดกัน และที่สำคัญห้องของผมเกือบจะอยู่ติดกับทะเลด้วยซ้ำ เพียงแค่เดินผ่านเจ้าสระนี่ไปไม่นานก็เห็นชายหาดแล้ว
“ถูกใจมั้ย” พี่ขุนมองไปรอบๆอย่างชาชิน “คืนละแปดพันห้า”
แทบทรุด . . “แพง”
“นั่นราคาสมาชิกด้วย ไม่ใช่ราคาลูกค้าขาจร” พี่ขุนเปิดประตูกระจกออกไป ลมเย็นๆพัดเข้ามากระทบใบหน้าของผม
“แล้วพี่ขุนนอนไหน”
“กูมีห้องของกูอยู่แล้วทึ่ตึกใหญ่โน่น แต่ว่า . .”
“อะไร”
“. . ถ้างานกูไม่ยุ่งกูจะมานอนที่นี่”
“เอ่อ . . ทำไมวะ” อันที่จริงต้องการความเป็นส่วนตัวมากมาย เชิญพี่แกไปทำงานเถอะ
“มึงก็ดูพวกที่นอนบ้านหลังตรงข้ามกับมึงสิ”
ผมลุกขึ้นยืน เดินไปดูข้างๆพี่ขุนว่าใครมันจะหน้าตาเหมือนผู้ก่อการร้ายจนทำให้พี่ชายผมเป็นห่วงผมถึงขนาดนี้ แต่ที่ไหนได้ . .ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายหรอก แต่เป็นไอ้เด็กหนุ่มหน้าตาดีสามคนมันกำลังเปลือยท่อนบนกระโดดลงสระว่ายน้ำอย่างตื่นเต้นดีใจราวกับชาตินี้เพิ่งเคยเห็นสระน้ำอะไรทำนองนั้น ไม่สิ . . ไอ้ผู้ชายอีกคนที่ผิวขาวสุดมันไม่ได้โดดลงน้ำด้วยแต่ถอดเสื้อเหลือแค่กางเกงนั่งเช็คอะไรอยู่ก็ไม่รู้ในโทรศัพท์บนม้านั่งริมสระ
“ระวังตัวนะ” พี่ผมหันมาบอกก่อนที่จะเดินจากไป ผมเกาหัวมองดูพวกนั้นผ่านทางกระจกในห้องที่คาดว่าใช้เวลาไม่นาน ยังไงพวกแม่งก็ต้องเห็นผม
“เห็นนายเงียบๆ แต่นายก็มีเขี้ยวเล็บเพียบนะ” อดีตผู้ทรงอิทธิพลของมหาลัยเลยนะ . .
“พักผ่อนไปให้เต็มที่ละกัน มีอะไรโทรหา กูรับสายมึงตลอด”
“ครับ”
“อย่าออกไปนอกเขตโรงแรมเข้าใจมั้ย”
“ครับ”
“กูเริ่มจะไม่เชื่อมึงละ”
“อะไรล่ะพี่ขุน เพื่อนก็ไม่มีสักคน จะให้ออกไปเที่ยวไหนกับใครล่ะ”
“หึหึ อย่าให้รู้ละกัน”
กว่าพี่ชายผมจะได้ฤกษ์ออกจากห้องเล่นเอาผมเถียงจนเหนื่อย ทำไมหลังๆนิสัยเป็นห่วงมากเกินไปของพี่ขุนมันกำเริบขึ้นมาไม่รู้ ผมว่าช่วงนี้ผมเกี่ยวข้องกับอันตรายน้อยที่สุดแล้วนะ
ผมรื้อเอาของที่ยัดอยู่ในเป้มาจัดวางข้างนอก ได้ยินเสียงตู้มต้ามตู้มต้าม กระโดดขึ้นกระโดดลงสระน้ำที่อยู่ใกล้ๆแล้วรู้สึก . . อยากไปเล่นด้วยยังไงไม่รู้ว่ะ ผมไม่ได้ว่ายน้ำมาเป็นชาติหนึ่งแล้ว นี่กะว่าจะมาว่ายน้ำที่นี่เล่นสักหน่อย ผมเตรียมกางเกงว่ายน้ำมาตั้งหลายตัวแต่ถ้าไอ้พวกนั่นมันเล่นกันอยู่ ผมก็ไม่กล้าที่จะออกไปเล่นเท่าไหร่หรอกนะ โธ่เอ๊ย คนไม่มีเพื่อนมาด้วยนี่มันก็ซวยตรงนี้
“เห้ยมังกร!!! โดดลงมาดิวะ วันนี้ยังไม่มีงานไม่ใช่เหรอ!!!!” เสียงไอ้ไนท์ตะโกนลั่น ดังผ่านเข้ามาถึงในห้องของผมเลย ถ้าจะให้ผมเดามันคงอยู่ในสระน้ำและกำลังว่ายไปมาอย่างสนุกสนานกับไอ้แอร์ ส่วนไอ้มังกรก็คงนั่งเล่นบนม้านั่งหน้าบ้านหลังของมันที่เดิมนั่นแหละ
“เจ้านายสั่งให้ไปดูบาร์ของโรงแรมเย็นนี้ว่ะ”
“หา เจ้านาย . . เจ้านายของมึงอ่ะเหรอ” ไนท์ถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจ เดี๋ยวนะ . . กูไม่ได้สั่งมัน!!!!! แต่ทำไมต้องบอกว่ากูเป็นของไอ้มังกรด้วยวะแม่ง
. . มันแปลกๆ แต่ไม่ใช่ไอ้ไนท์หรอกที่พูดแปลกๆ ผมนี่แหละแปลกไปเอง แปลกอยู่ข้างใน . . ใจผม
แต่มันก็แค่นิดเดียวนั่นแหละ!
“อืม” มังกรตอบเพื่อนมัน
“เห้ยยยย เดี๋ยวนี้เพือนกูมีคนสั่งได้ด้วยเหรอวะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ”
“ก็เค้าเป็นนายจ้างกู”
“อ้าว ไม่ใช่เจ้านายเหรอ”
“คุณเจ้าขุน”
“เหรออออออออออออออออออ” ตอนนี้ไนท์มันคงเกาหัวและก็เข้าใจในที่สุด เจ้านายของไอ้มังกรก็คือพี่เจ้าขุนนั่นแหละ ทำไมมันไม่เรียกว่าบอสเหมือนที่คนอื่นเค้าเรียกล่ะวะ . . แบบนี้มันทำไอ้ไนท์สับสนนะโว้ยแม่ง
. .
กูก็ด้วย แต่ละคำ แต่ละประโยค มันช่างกลั่นกรองออกมาได้อย่างยากเย็น