ร้ายที่ 21 “เป็นเหี้ยอะไร มังกร”
“ทำไม”
“กูเห็นมึงนั่งสั่นขาและก็ถอนหายใจ และก็ลุกขึ้นเดินว่อนไปมา และก็กลับไปนั่งที่เดิม และก็กลับไปทำแบบเดิมใหม่วนลูปแบบนี้เป็นสิบๆรอบแล้วอ่ะ”
“ . . กูเปล่า”
“ไอ้ไนท์มันก็เห็นเหมือนกู”
“. . เหรอ”
“ไม่น่าคิดให้เหนื่อยเลยนะเว้ยไอ้เชี่ยแอร์ มึงก็เห็นฉากจูบนั่นนี่หว่า สุดยอด ลูกพี่กูแม่งเฉรงอ่ะ”
“กูเห็นเจ้านายอายม้วนต้วน”
“ตอนนั้นไอ้มังกรแม่งก็หน้าแดงว่ะ ฮ่าๆๆ หน้าแดงไม่พอเสือกจับมือเค้าไม่ยอมปล่อยอีกนะ เชี่ยนี่แม่งโหดสัดอ่ะ”
“หุบปากนะ พวกมึง”
“แล้วเรื่องคนร้ายที่ทำร้ายเจ้านายอ่ะ สรุปจะเอาไงวะมังกร”
“ . . ถ้ามันคิดจะฆ่าเจ้านายขนาดนี้ หลังงานเลี้ยงคืนนี้ . .”
“. . .”
“คงต้องบอกคุณเจ้าขุน”
“มึงเป็นเชี่ยไรไอ้นาย” พี่ขุนที่กำลังแต่งตัวอยู่ถามผม ผมที่เดินไปเดินมาบ้าบอถึงกับหยุดชะงัก
“อะไร”
“ดูมึงลุกลี้ลุกลนแปลกๆนะ”
“ไม่นี่ มั่วตลอดเลย” ผมโบ้ยความผิดไปให้พี่ขุนทั้งๆที่จริงๆแล้วมันจริงอย่างที่พี่ชายผมพูด จูบเมื่อเช้านั่นมันอะไรกัน มังกรมันทำผมใจเต้นไม่เป็นส่ำมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนใกล้จะถึงงานปาร์ตี้ริมสระแล้วนะ ถึงจูบนั้นจะเป็นจูบที่ผมเองก็สัมผัสความรู้สึกที่ปากไม่ทันก็เถอะ แต่ที่มันทำอย่างนั้นมันหมายความว่ายังไง
มันชอบผมเหรอ . .?
“โว้ยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ไอ้ชิบหาย!” พี่เจ้าขุนที่ผูกไทด์อยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง “จู่ๆก็ร้องขึ้นมา พ่อมึงท้องรึไงไอ้น้องเวร!”
“พูดงี้เดี๋ยวจะฟ้องคุณกิต” ผมพูดเสียงเซ็ง
“เป็นเหี้ยอะไร นี่ถ้ามึงเป็นผู้หญิงกูคงคิดว่าเมนส์มึงมาแน่ๆ”
“เปล่าๆๆๆ ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นนนน”
“ไหวมั้ยมึง . .กินยาป่ะ”
“มียาที่จะทำให้รู้ใจคนอื่นบ้างป่ะ”
“กูว่ามึงไปถามศาสตราจารย์สเนปดีกว่า ไอ้น้องเหี้ย! ไรของมึงเนี่ย เพี้ยนใหญ่แล้วนะเว้ย!!!” พี่ขุนเริ่มทำหน้าแหยงๆผมมากขึ้นๆเรื่อยๆ
“ชิ”
“แล้วนั่นจะเดินไปไหนล่ะนั่น”
“ไปที่งานไง ถึงเวลาแล้วนี่”
“เห้ย รอแป๊บ ยังไม่ได้เซ็ทผมเลย”
มึงจะหล่อไปให้แหม่มดูรึไงเนี่ยไอ้พี่ขุน . . เห็นแต่งตัวตั้งนานแล้วแม่งก็ยังไม่เสร็จสักที ผมรีบคลายเนคไทออกเพราะรอนานจนเหงื่อไหลไคลย้อย แอบได้ยินเสียงเพลงทีข้างล่างของตึกแล้วล่ะครับ งานเลี้ยงต้อนรับจัดอยู่ที่ริมสระน้ำ ซึ่งเป็นคนละสระกับแถวบ้านพักของผม อาณาจักรแห่งนี้เคยกว้างอยู่แล้วด้วยฝีมือการบริหารของคุณกิต แต่ยิ่งกว้างเข้าไปใหญ่เมื่ออยู่ภายใต้การบริหารของคุณกานต์
“ทำแทบตายยังไงก็สู้นายไมได้หรอก”
“เออไอ้หล่อ รออยู่นั่นแหละ แป๊บนึง” พี่ขุนจับแว๊กซ์ขึ้นมาตบๆๆกับฝ่ามือแล้วก็แปะมันลงบนผม “กูแอบเห็นน้องลินด้วยนี่หว่า”
. . “อืม”
“คนนั้นใช่แฟนไอ้มังกรมั้ย”
ถามผมทำไม ทำไมไม่ถามไอ้มังกรโน่น “น่าจะใช่มั้ง ไม่รู้ดิ”
“กูว่าไม่”
“แล้วจะไปยุ่งกับเขาทำไมกันล่ะพี่”
“แล้วทำไมมึงต้องหงุดหงิดด้วยเล่า!”
ช่างเป็นพี่ที่กวนประสาทจริงๆ ผมไม่สนใจแล้วว่าพี่ผมมันจะแต่งตัวเสร็จหรือไม่เสร็จ ผมเดินนำหน้าลิ่วออกไปจากห้อง พี่ชายผมตาลีตาเหลือกตามผมมา โดยยกกล้องหน้าของโทรศัพท์ต่างกระจกส่องหน้า โคตรฮา
“แล้วต้องอยู่ในงานนานป่ะ ง่วงแล้ว จะไปนอน”
“อยู่พอให้คนในงานรู้ว่ามึงเป็นน้องเจ้าของสถานที่ก็พอ”
“พี่ขุน . . นั่นหมายถึงอยู่จนงานเลิกใช่มั้ย”
“ถั่วต้วม”
นี่ถ้าไม่ใช่พี่ชายของผมล่ะก็ ผมถีบมันตกลิฟต์ไปแล้ว จริงๆนะ . .
งานเลี้ยงต้อนรับคณะทูต . .
เซ็งเป็ดเสลดไก่ งานเชี่ยไรจืดชืดโคตรมีแต่ฝรั่งมังค่าหน้าคมที่ผมไม่มีปัญญาสื่อสารกับพวกเขาสักคน ทุกคนแต่งตัวดูดีมีระดับ คุยกันอย่างเป็นทางการซะจนผมเกร็งตัวจนขี้บิด เกือบสองชั่วโมงที่ผ่านมาผมเอาแต่พูดไนซ์ทูมีทยูๆเป็นสิบๆรอบ แต่พี่ขุนนั้นหาใช่มีภูมิปัญญาแบบผมไม่ พี่แกเล่นพูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อซะจนผมคิดว่าเป็นพวกเดียวกันกับที่มาเยี่ยมเมืองไทยในครั้งนี้นะ . .
ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมสระ ซดไวน์ลงไปในกระเพาะแก้วที่เท่าไหร่และก็ไม่รู้ นั่งเงียบๆยังไม่ออกจากงานอย่างมีมารยาทตามคำสั่งของพี่ชาย ตรงกันข้ามกับผมนั้นพี่ขุนเนรมิตบาร์สุดหรูมาตั้งไว้ริมสระโดยมีบาร์เทนเดอร์หน้านิ่งอยู่หนึ่งที่แม่งไม่ยิ้มกับแขกในงานเลยสักคนเดียว
ไม่น่าเชื่อว่าไอ้บาร์เทนเดอร์สุดเท่คนนั้นมันจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่ขโมยจูบผมเมื่อตอนกลางวัน . .
ยิ่งคิดก็ยิ่ง . . จิบไวน์ดีกว่า! มันเป็นความรู้สึกที่ตีกันมั่วไปหมด ทั้งเขินอายและก็ทั้งโกรธผสมปนเปกัน ก็เลยไม่รู้จะแสดงออกไปยังไง นอกจากจิบไวน์ไปซะงั้น
ดูเหมือนว่าไอ้มังกรจะรู้ว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ มันก็มีมองมาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษต่างไปจากปกติ ไม่รู้ว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมโกรธมันเพิ่มรึเปล่า แต่ทว่ายิ่งผมเห็นมันทำท่าอย่างนั้นเท่าไหร่ แอลกอฮอล์ก็ถูกจับกรอกลงปากผมมากขึ้นเท่านั้น
มึงจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ!!!!!!
“มึงมานั่งอะไรตรงนี้วะ” พี่ขุนเดินเข้ามาหา “แดกเยอะไปละ แก้วมึงนี่ไม่เคยปล่อยให้ว่างเลยนะกูเห็น”
“มันเป็นสไตล์ของผมเอง”
“สไตล์เหี้ยไร” พี่ขุนด่าได้อย่างไม่เกรงใจฝรั่งข้างหลังเลย “ทำไมต้องมานั่งแถวนี้ ไม่ไปนั่งที่อื่นวะ”
“มันมีที่ให้นั่งกี่ที่กันล่ะ” ผมสวน “อยากนั่งคนเดียวไม่อยากคุยกับใคร เพราะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง”
“เหงาใช่มั้ย”
“ . .”
“ไปคุยกับมังกรก็ได้ กูไม่ว่า”
“เฮ้ย!” ผมแทบจะทำไวน์กระฉอกลงจากแก้ว “ทำไมต้องเป็นมัน”
“เชื่อกูเถอะ ในนี้ถ้าไม่นับบริกรคนอื่นมึงคุยกับมันได้คนเดียว”
ก็จริงของพี่ขุนนะ . .
แต่จะให้ผมไปนั่งคุยกับมันอย่างงี้อ่ะเหรอ ฝันไปเถอะ . . ยังไงก็ไม่มีทาง
“อย่าดื่มให้มากนักล่ะ”
พี่ขุนโบกมือหยอยๆแล้วเดินจากไป ผมเพิ่งรู้ว่ากำลังพาร่างของตัวเองมายังบาร์ O_O ผมนั่งจุมปุกลงที่บาร์ริมสุด มองดูไอ้มังกรอย่างสำรวจปฏิกริยาของมัน มันก็หน้านิ่ง ทำงานของมันไปเหมือนเดิม เช็ดก้งเช็ดแก้ว เดินไปมา เมื่อแขกสั่งมันก็พยักหน้ารับแล้วก็ทำ . . ไม่ได้รับรู้เลยว่าผมมานั่งตรงนี้แล้ว
จนกระทั่งผมเห็นมันเงยหน้าขึ้นมองไปยังที่ๆผมเพิ่งจากมา ผมแทบจะหลุดขำออกมาตอนที่เห็นมันแอบหน้าเสียและก็มองซ้ายมองขวา จนในที่สุดมันก็เจอผม มันทำหน้าตกใจซะยิ่งกว่าตอนที่ผมหายอีก ตลกเป็นบ้า
พอมันรู้ว่าผมหัวเราะ แม่งก็รีบปรับสีหน้าและก็ทำเป็นเช็ดแก้วต่อทันที ไม่ทันแล้วล่ะมั้ง . .
“มังกรคะ!” เจ้ยยยย สะดุ้งกับผู้หญิงชุดสีแดงที่จู่ๆก็โผล่มานั่งข้างๆผม “ลินมาแล้ว ลินมาเฝ้ามังกร”
“ลิน . . ผมบอกให้อยู่แต่ในห้องไง” มังกรเดินมาพูดกับลิน ทำท่าเฉยเมยกับผมที่นั่งอยู่ข้างๆลินมาก . . มันทำราวกับผมไม่มีตัวตน มึงกวนตีนกูแล้ว
“อยู่ในห้องมันน่าเบื่อจะตาย” ลินพูด “แล้วอีกอย่างหนึ่งลินกลัวมังกรจะเหงา ดูสิ มีแต่คนที่มังกรไม่รู้จัก” อ้าวคุณ ทำไมพูดแล้วต้องหันมามองผมเหมือนหมายถึงผมด้วยเล่า . .
“นี่มันงานของผมนะ ผมไม่เป็นไร”
“ยังไงก็ช่างเถอะ . . ขอน้ำส้มให้ลินด้วยนะมังกร”
มังกรดูเหมือนจะปฏิเสธไม่ได้ ก็เลยต้องไปหาน้ำส้มมาให้เธอผู้ที่ตอนนี้ทำตัวกลมกลืนร่วมไปกับแขก เธอหันมาหาผมแล้วยิ้ม มันเป็นยิ้มที่ผมไม่เคยคิดว่าผมจะได้รับจากเธอมาก่อน
“ฉันมาก่อน ฉันไม่ยอมแพ้แกหรอก”สองร้ายในหนึ่งรัก *
อ๊ากกกกกกกก โคตรเหนื่อยเลยเว้ยยยยยยยยยยยยยย
วันนี้ทั้งวันผมเหนื่อยไปกับการจัดเตรียมงานเลี้ยง หากหมดสิ้นคืนนี้ไปก็คงจะโล่งใจสำหรับผมมากเพราะคงเหลือแต่จัดของเบรคให้ระหว่างการพบปะกันของทูตทั้งสองฝ่าย ก็นับว่าดีที่ยังไม่มีปัญหาอะไร
ฟู่วววววววววว . . ผมสูบบุหรี่อยู่ระเบียงติดริมทะเล หลบแขกเหรื่อมากมายเพียงเพราะว่ามันเหนื่อย นั่งชันเข่าข้างเดียวมองดูทะเลที่เงียบสงบและก็คงมืดสนิทหากไม่มีแสงไฟสีส้มคงโรงแรมช่วยเอาไว้
จู่ๆผมก็เห็นเงาตะคุ่มๆของคนสองคน เหมือนกับเตะกันไปมาราวกับหยอกล้อกัน คนหนึ่งเป็นผู้ชายค่อนข้างตัวใหญ่ เอ๊ย ยักษ์เลยแหละ ส่วนอีกคน . . มันเตี้ยกว่าอีกฝ่าย ดูยังไงก็คุ้นตาชอบกล
ก็คงจะเป็นคู่เกย์มาฮันนีมูนกันนั่นแหละน่า . .
ผมเสมองไปทางอื่นพลางส่ายหน้าเบาๆ ไม่อยากให้เค้าทั้งคู่เสียความเป็นส่วนตัว บางทีก็นึกอิจฉาในใจว่าเมื่อไหร่คนอย่างผมจะมีคู่กับเค้าบ้างนะ . . วันๆเอาแต่ทำงาน ไม่มีสาวที่ไหนโผล่เข้ามาในชีวิตบ้างเลย
“อั้ก!”
ผมได้ยินเสียงคนร้องเจ็บ . . ไอ้คู่นั้นนั่นแหละ แม่ง เล่นกันแรงไปป่ะวะ ไอ้คนตัวใหญ่มันจัดการตุ๊ยหน้าท้องคนที่เตี้ยกว่าอย่างไม่ปราณี ไอ้เตี้ยคนนั้นมันก็ใจสู้นะถึงแม้ว่าจะรู้ว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบ แต่เห้ย . . ไอ้ยักษ์มันทั้งเตะลงและก็เหยียบซ้ำ มันอะไรกัน . . มันเกินวิสัยของคนเป็นแฟนกันนี่หว่า
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย ไอ้ชิบหาย ไอ้ . .”
โวยวายขนาดนี้และก็เตี้ยขนาดนั้นจะเป็นใครคนอื่นได้ที่ไหนกัน นั่นมันไอ้ไนท์ . . และมันกำลังถูกทำร้ายด้วยการถูกกดหัวลงน้ำ
งานเข้ากูแล้วไง . .
ผมกระโดดเหยงลงมาจากระเบียง ในใจพยายามประมวลวิธีจัดการไอ้ยักษ์คนนี้ให้จอดแต่โดยเร็ว ว่าแต่กูต้องทำยังไงวะแม่ง ดูเหมือนมันจะกินก้ามปูเป็นอาหารนะ เพราะแม่งทั้งตัวใหญ่ทั้งกล้ามแน่น โคตรน่ากลัว
แต่โชคดีที่ผมน่ากลัวกว่า(?) ศิลปะป้องกันตัวทุกแขนงที่เคยเรียนถูกนำมาใช้ จนทำให้ไอ้ยักษ์เหี้ยนั่นเลิกจับหัวไอ้ไนท์และก็เซถลาเพราะถูกผมปะทะแทน มาเลยมึง มึงเข้ามาเลย บังอาจมาทำเรื่องร้ายกาจในโรงแรมภายใต้การนำของกู
ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยอยากสู้กับผมเท่าไหร่นัก เพราะแม่งผลักผมออกและก็วิ่งหนีไปซะงั้น ไอ้เหี้ย ไอ้ป๊อดเอ๊ยยยย ไม่เก่งจริงนี่หว่า อดแสดงฝีมือเลย . . แต่ก็ดีนะที่มันหนี เพราะถ้ามันเอาจริงขึ้นมาล่ะก็ ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมจะชนะมันรึเปล่า
“แค่กๆๆ”
ผมคิดว่าจะไล่ตามไอ้ยักษ์ไปแต่ดูเหมือนไอ้คนที่เปียกเป็นลูกหมามันต้องการความช่วยเหลือนะ ตอนนี้ผมเพิ่งค้นพบว่าสูทของตัวเองเปียกจนเกือบถึงเข่า รองเท้าหนังเละไม่มีชิ้นดี . .
“เห้ย” ผมจับตัวขึ้นมา แต่โดนมันผลักออก . . ผมสีดำของไอ้ไนท์ปรกตาของมันลงมาจนหมด และดูเหมือนมันโมโหมาก
“มาช่วยทำไม กูกำลังจะชนะมันอยู่แล้ว”
เหรอวะ . . มั่นมากนะ “เป็นไรมากรึเปล่า”
“ไม่”
“มึงเลือดออกนะ” ผมพยายามมองมันที่ชอบหันหน้าหนี มันคงหงุดหงิดที่ตัวเองทั้งเจ็บและก็เปียก
“เยอะกว่านี้ก็เคยโดนมาแล้ว”
“ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใคร”
“. .” มันไม่ตอบแฮะ
“บอกมา มีศัตรูตามมึงมาถึงโรงแรมกูเหรอเหรอ”
“ไม่ใช่”
“ถ้างั้นอะไร”
“มังกรยังไม่ได้บอกมึงอีกเหรอ”
. . . “ยัง”
ไนท์ยกมือปาดเลือดออกจากหน้าอย่างไม่ค่อยแคร์อะไรเท่าไหร่ “ไอ้เหี้ยนั่นมันทำร้ายเจ้านายสองครั้งแล้ว ทุกครั้งเจ้านายถูกจับกดน้ำเหมือนกูตลอด . . คนร้ายแม่งก็บ้า ทำร้ายโดยใช้วิธีอื่นไม่เป็น”
. . . ผมรู้สึกว่าสติของผมกำลังจะขาดผึงยังไงชอบกล
“มึงพูดจริงเหรอ”
“อันที่จริงกูก็ไม่ใช่คนขี้ฟ้อง แต่ว่าเรื่องนี้ . . มันเกินกำลังพวกกูจริงๆ”
“. . .”
“น้องมึงกำลังถูกหมายหัว”
ฟิวส์ของผมขาดผึงขึ้นมาทันที . . คนที่พยายามฆ่าน้องของผมได้ คือคนที่พยายามฆ่าตัวเองตายเช่นกัน มันไม่รู้เหรอว่ามันกำลังกระตุกหนวดของใครอยู่ . .
“ขอบใจที่ดูแลน้องกู ฝากบอกราชาของมึงด้วยนะ”
ผมรีบพูดแล้วรีบรุดเดินหนีอย่างรวดเร็ว อันดับแรกต้องไปจัดการเรื่องหาตัวคนร้ายก่อน มีคนร้ายเดินว่อนอยู่แบบนี้แขกในโรงแรมคงจะไม่ปลอดภัย รวมถึงน้องชายเพียงคนเดียวของผมด้วย
. . ผมน่าจะมีเวลาอยู่กับมันมากกว่านี้
“มังกรมันเต็มใจอยู่แล้วล่ะ”
กูก็พอรู้อยู่ . . “มานี่”
“อะไร”
“กลับเข้าห้องพัก ไปทำแผล อย่าอยู่คนเดียว”
“เห้ย กูดูแลตัวเองได้”
“กลับ เข้า ห้อง พัก” ผมพูดทีละคำกับมันแล้วก็มองมันอย่างแน่วแน่ในคำสั่ง นั่นทำให้ไอ้ร็อตไวเลอร์ดูหงอลงไปนิดหน่อย แต่ก็ยังแฝงฤทธิ์เอาไว้อยู่
“ก็ได้”
ผมเดินไปส่งมันจนถึงห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของน้องผม . .
“ทีหลังมีเรื่องใหญ่แบบนี้ก็ควรจะบอกกูตั้งแต่ครั้งแรกที่คนร้ายมันทำ ไม่ใช่เก็บเงียบกันอย่างกับจะจัดการกันเองได้”
“รู้แล้วๆๆๆ บ่นเป็นคนแก่ไปได้ ไอ้แก่เอ๊ย”
. . หนอย เดี๋ยวกูก็ถีบเด็กขึ้นมาหรอก
“ดูแลตัวเองด้วย”
“อื้อ”
ผมดันหลังมันเข้าไปในห้อง ก่อนจะจากไป ผมไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองไอ้ไนท์ที่ยื่นหัวเปียกๆออกมามองผมอยู่
“และก็อย่าลืมล่ะ . . กูช่วยชีวิตมึงเอาไว้ มึงติดหนี้กูอยู่”ขอโทษนะที่ตอนนี้ไปสั้นไป
ปมกำลังจะคลาย ปมกำลังจะคลาย และปมกำลังจะคลาย
จุ๊บๆๆๆคนอ่านทุกคนเลยค่าา