ร้ายที่ 26 เหี้ยยยยยยยยยยยยเ เหี้ยยยยยยยยยยยย เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“ไนท์ ขอยืมรถหน่อย” มังกรร้องบอกไอ้ไนท์ ที่ตอนนี้มันช็อคตาค้างเป็นที่เรียบร้อย ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสติสตังค์เท่าไหร่เลยคว้ากุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้มังกรอย่างกับคนถูกมนต์สะกด
มึงกล้าทำชีวิตกูพังต่อหน้าคนพวกนี้เชียวเหรอ
ผมหลับตาปี๋ด้วยความอับอาย มันอุ้มผมพาดบ่าแล้วก็เดินไปข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่สนใจอะไรใครทั้งนั้น แม่ง ชีวิตกูต้องเหมือนพวกนางเอกในละครเหรอ แบบนี้แม่งโคตรจะทุเรศ
“หมดแรงดิ้นแล้วเหรอ”
“ไอ้เหี้ย!!!” ผมร้องอย่างอารมณ์เสีย “ตัวมึงอย่างกับควาย กูดิ้นไปก็สู้มึงไม่ได้ ไอ้เหี้ย!!!”
“ก็ดี” แม่งไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไรหรอก หน้ามันมีคอนกรีตสามชั้นเสริมด้วยเหล็กอีกเป็นล้านชิ้น “จะว่าไป . .ตัวมึงเบานะ”
ผมชะงัก “เบาที่ไหน กูหนัก” นี่ก็ไม่อยากจะยอมอะไรมันเลยสินะ
เพราะคำว่าเบาบางทีมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าผมอ่อนแอ
“หนักก็หนัก” ในที่สุดก็ถึงรถยนต์ของไนท์เป็นเบนซ์สีบรอนซ์รุ่นอะไรก็ไม่รู้ . . ผมลืม มันจับผมยัดเข้าไปในรถก่อน แน่นอนว่าพอผมลงได้ผมก็จะหนีทันที แล้วมังกรมันก็คว้าผมไว้
และแขนมันก็เสือกจะมาโอบเอวผมไว้ทำไมก็ไม่รู้!
“เหี้ย!” วันนี้สัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้คงต้องจามหลายครั้งเพราะผม
“ขึ้นรถ”
มันใช้พลังสายตาอันบาดจิตบาดใจที่มีอิทธิพลทุกครั้งกับผมอีกแล้ว ผมอยากจะขัดขืนแทบตายแต่ยิ่งทำเท่าไหร่ไอ้มังกรก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆซะจนผมต้องยอมมัน “ตกลง ขึ้นก็ขึ้น แต่เอาหน้าออกไปก่อน”
มันไม่ยอมเอาออก . . แม่งแรมต่ำกะทันหันรึไงวะ
“เอาหน้าออกไปโว้ย”
การตอกย้ำของผมทำให้มันเอาหน้าออกไปในที่สุด ผมกลืนน้ำลายแล้วยัดตัวเองเข้าไปในรถ แอบเห็นไอ้มังกรเอามือลูบหน้าท่าทางเครียดๆก่อนที่จะตามมายังฝั่งคนขับ
ที่มันทำเมื่อตะกี้ . . มันไม่อึดอัดเลยรึไง มันไม่เหมือนผมนะ ที่ใจเต้นจะเป็นจะตายอยู่แล้ว
และตลอดทางที่อยู่บนรถ . . แม่งก็ไม่พูดอะไรกับผมอีก
มันพาผมมายังคอนโดของผม เดินนำหน้าราวกับบังคับให้ผมต้องเดินตามลูกเดียว ผมก้มหน้าก้มตาเดินตามมัน ผ่านหน้าห้องพี่แมทที่ตอนนี้ผมรู้สึกใจสั่นทุกครั้งที่เดินผ่าน แต่คนข้างหน้าผมกลับนิ่งเฉยราวกับว่านั่นเป็นเพียงห้องธรรมดาที่ไม่ได้มีความทรงจำอะไรหลงเหลืออยู่
แต่ผมรู้ . . ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น และมากเกินกว่าที่ผมจะรู้ด้วย ทุกครั้งและทุกวันที่ผมเดินผ่านห้องนั้น ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิด
“เปิดประตู”
มันสั่งผม . . แต่ผมไม่ได้ยินเพราะผมกำลังจ้องเขม็งไปที่เงาดำมืดที่อยู่แถวๆห้องของพี่แมท ผมคิดว่าผมเห็นอะไรๆแวบๆนะ
“ใครน่ะ” ผมตัดสินใจส่งเสียงถามไป แน่นอนว่ามันคงไม่โง่พอที่จะตอบผมกลับมา ผมเลยเดินเข้าไปหา หวังที่จะจับตัวคนที่ซุ่มอยู่ แต่ทว่า . . มังกรมาดึงมือผมไว้
“เข้าไปทำแผล ตัวมึงช้ำจะตายห่าอยู่แล้ว”
สายตามันไม่ไวพอที่จะรู้ว่าแถวนี้มีบุคคลที่สามอยู่ ผมยังไม่ทันจะได้บอกอะไรมันมันก็ลากผมไปยังเขตห้องของตัวเอง โดยที่ไอ้คนที่ซุ่มอยู่แม่งก็ไม่ยอมทำให้ผมจับได้อีกว่ามันอยู่แถวนี้
ผมคิดว่าผมเห็นคนอื่นจริงๆนะ
ในห้องของผม . .
มังกรมันสั่งให้ผมนั่งนิ่งๆที่โซฟา ส่วนมันก็เดินไปหาเครื่องมือปฐมพยาบาลในห้องของผม หาแบบหาชิบหาย แทบจะพลิกห้องอยู่แล้ว จนกระทั่งมันเจอกล่องที่ผมเอาไปวางไว้บนตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ซึ่งผมเองก็ลืมไปแล้วว่าในคอนโดของผมแห่งนี้มีกล่องปฐมพยาบาลด้วย
แล้วมันก็นั่งฉับลงข้างๆผม ผมตาโตเท่าไข่ห่านกับตัวเอง แล้วขยับไปนั่งไกลๆมันทีละนิด มันเงยหน้าขึ้นมามอง . . แล้วก็ขยับตัวตามมา ผมก็ขยับหนีอีก ในที่สุด . .
มันก็จับตัวผมเข้าไปปะทะปั้กกับอกแกร่งๆของมันเลย
“เฮ้ยยยยยยยยยย”
เท่านั้นยังไม่พอ แม่งยังโอบรอบตัวผมเพื่อที่จะให้ผมอยู่นิ่งๆด้วย
คือ . . คือมึงพูดดีๆกูก็อยู่เฉยๆแล้วมั้ง
“เชี่ย ปล่อยกู๊!”
มันไม่ตอบแต่โอบแน่นๆแทน กูจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ยมึงรู้มั้ย . . “ชู่ววว” มันกระซิบใส่ข้างหูผม ก่อนที่จะบรรจงทำความสะอาดแผลของผมทีละจุดๆไปเรื่อยๆโดยเริ่มจากมือก่อน
มังกรไม่เคยใกล้ชิดผมขนาดนี้มาก่อน . . สัมผัสมือแบบอ่อนโยนขนาดนี้ก็ยังไม่เคยมาก่อน . . ผมตัวแข็งทื่อขณะที่มันบรรจงจับมือผมขึ้นมาอย่างแผ่วเบาและก็เอาสำลีมาเตะในส่วนที่เป็นแผลสดที่นิ้วของผม
ผมใจเต้นแรงไม่เต้นส่ำ . .
และยิ่งเต้นหนักกว่าเก่าเมื่อรู้ว่าหลังของผมที่สัมผัสกับอกของมังกรนั้น สัมผัสได้ว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันกับอาการของหัวใจผมมากนัก . .
“พอได้แล้ว” ก่อนที่ผมจะเป็นหัวใจวายตายไปซะก่อน ผมเลยลุกขึ้นยืน แต่แน่นอนว่าโดนมันจับนั่งลงที่เดิมทั้งๆที่ยืนได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที . .
แล้วมันก็ลงมือทำแผลต่อ และก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
มันจำไม่ได้รึไงว่าผมเคยบอกอะไรมันเอาไว้ ไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงในใจของหรอกเหรอ ทำไมมันยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซ้ำยังถึงตัวถึงตัวผมเกินไปโดยใช่เหตุแบบนี้ มันต้องการให้ผมเป็นยังไง ให้คิดไปเอง ให้ตื่นเต้นไปเองคนเดียวว่ามันเองก็มีใจ หรืออะไรกันแน่ . .
“มึงทำแบบนี้ทำไมวะ” เป็นเวลานานกว่าที่ผมจะพูดขึ้นมาได้ ตอนนี้มันเริ่มทำความสะอาดแผลตรงริมฝีปากของผม ใบหน้าของมันนิ่งสนิทเหมือนอย่างเคย แต่ในแววตาของมันผมเห็นการสั่นระริกอยู่ไม่น้อย “มึงทำทำไม . .”
“. . .”
“มึงก็รู้ว่ากูรู้สึกยังไงกับมึง”
บรรยากาศนี้คุกรุ่นเกินกว่าที่มังกรจะหลีกเลี่ยงได้
“กูพยายามอยู่ห่างจากมึงแล้ว . . แต่เป็นมึงเองที่กลับเข้ามา . . กูเลยอยากรู้ . .ว่ามึงทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร”
มังกรวางสำลีลง . . แล้วจ้องมองผม . .
นัยน์ตาสีฟ้าของมันสั่นระริกด้วยความไม่แน่ใจ วุ่นวาย และสับสน ผมดูก็รู้ เรื่องนี้อาจทำให้มันคิดหนักมานาน ราวกับว่ามันแบกโลกทั้งหมดเอาไว้โดยที่ไม่ให้คนอื่นช่วยแบก
ผมที่เคยชินและค่อนข้างจะทำใจมานานระหว่างที่หลบหน้ามันพูดขึ้นมาอย่างลูกผู้ชาย
ง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้มาก
“ถ้ามึงไม่ได้คิดเหมือนกู มึงก็ไม่ต้องมายุ่งกับกู ไม่ให้พ้นจากชีวิตกู และกูก็จะไปให้พ้นจากชีวิตมึง . .แต่ว่า . .” อันที่จริงมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่ผมคิด ไม่ง่ายเลยจริงๆ ตอนนี้เสียงของผมสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “ถ้ามึง . . ถ้ามึง. .”
มังกรคว้ามือผมมากุมเอาไว้ราวกับต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง ผมตกใจเลยเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามัน . .
มันจะพูดอะไร . .
มังกรมองผม มองตาของผม . . ส่วนผมก็ใจเต้นแรง และก็ลุ้นจัดเหลือเกินว่ามันจะพูดอะไร . . บรรยากาศแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ . . มันจะบอกอะไรผม . .
รีบบอกเร็วๆเข้า เจ็บครั้งเดียวตู้มเดียวกูไม่ตายหรอก . .
“กู . .”
“ไอ้นาย พี่มึงมาเยี่ยม!!!!!!!!!!!!”
ผมกับมังกรปล่อยมือกันทันทีที่พี่ขุนเดินเข้ามาในห้อง . . แน่นอนว่าพี่ขุนต้องสตั๊นเมื่อพบว่ามีใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟากับผม
ผมงี้ทำหน้าไม่ถูก ส่วนไอ้มังกรกระแอม เก็บกล่องพยาบาล ลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้พี่ขุน และก็เดินหนีเอาของไปเก็บ
พี่ขุนในชุดเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยเนคไทคลายหลวมๆมองตามไอ้มังกรไปอย่างงงๆ และก็ทำหน้างงหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นหน้าผมแดงซะยิ่งกว่าปากของพลอยเฌอมี่ในโฆษณาออฟติกไวท์
“พวกมึงสองคน . .” พี่ขุนชี้มือไปที่ผมกับมังกรสลับกัน “. . ดีกันแล้วเหรอ”
ดูใช้คำ . . ดีกันก็คือต้องโกรธกันมาก่อน แต่นี่ผมกับมันไม่ได้โกรธกันสักหน่อย แค่ . . แค่อะไรดีล่ะ
“เปล่า” ตอบแบบนี้เซฟที่สุดแล้ว . . หวังว่าพี่ขุนจะไม่ซักอะไรต่อ
“เฮ้ย แล้วมึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมา” ขอบคุณแผลเหล่านี้ที่ทำให้พี่ขุนไม่ซักผมต่อ
“ตามประสาผู้ชายน่ะ”
“ถุยยยย” พี่ขุนลืมเรื่องมารยาทไปแล้ว “มึงรู้มั้ยว่ากูต้องเหนื่อยแค่ไหนในการตามมึงไปทุกที่เรื่องความปลอดภัยของมึง แต่มึงกลับ . . เอาตัวเองไปเสี่ยงเนี่ยนะ ไอ้เชี่ยนาย มึงเอามีดมาปาดคอกูเลยดีกว่ามา”
ผมฟังพี่ขุนจนมึนก่อนพูด “ก็มันมาท้าอ่ะ”
“ท้าแล้วมึงต้องรับคำท้าตลอดรึไง!” ท่าทางพี่ขุนจะโมโหจริง ไอ้มังกรเดินเข้ามาพอดี ทำให้มันโดนลากเข้าสู่บทสนทนาระหว่างพี่น้องอย่างงงๆ “มึงมาก็ดีแล้ว . . ช่วยกูดูมันหน่อย กูเหนื่อย . .”
“พี่ขุน นายดูแลตัวเองได้” น้องตัวเองแท้ๆ ฝากคนอื่นทำไมฟะ
มังกรดูงงๆ ส่วนพี่ขุนดูเหนื่อยๆ
“ครับ”
เห้ยยยยยยย คำตอบที่ค่อนข้างแน่วแน่ของมังกรซึ่งโผล่ออกมาหลังจากนั้นทำให้ผมถึงกับตาโตเท่าไข่ห่าน พี่ขุนก็เหมือนกัน
“ . . งั้นมึงสองคนก็ดีกันแล้วสินะ”
ผมยังคงอึ้งอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงพี่ขุนพูด
“. . ถ้างั้นมังกร . . ต่อไปนี้การดูแลน้องกูคือการทดสอบจากกู หวังว่ามึงจะจำได้”
มังกรเม้มปากเล็กๆตอนที่พี่ขุนชี้หน้าใส่มันอย่างคาดโทษ ผมงงกับการกระทำของพี่ชายตัวเองมาก เหมือนจะผลักผมให้ไปสู่อ้อมอกของไอ้มังกร แต่ตัวเองก็ยังคงรั้งผมไว้อยู่แบบครึ่งๆกลางๆ ตกลงพี่แกจะเอายังไงกันแน่เนี่ย . .
ตอนนี้ผมรู้แค่ว่า . . มังกรจ้องมองผมอย่างไม่ละสายตาเลยทีเดียว
“เจ้านาย . . ไอ้วายุมันคัมแบ๊คแล้วนะเว้ย”
ไอ้ธีกระซิบใส่หูผม ตอนที่พวกเรากำลังเรียนในวันถัดมา หน้าของแฝดกับผมนั้นแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยเพราะพวกเรามีพลาสเตอร์ยาแปะอยู่บนใบหน้าทุกคน คำพูดนั้นทำให้ผมมองซ้าย และมองขวาอย่างระแวดระวัง
หนึ่งคือมองหาคนของพี่ขุน และสอง . . คือมองหาคนที่พี่ขุนฝากผมกับมันเอาไว้
ซึ่งมันเรียนอยู่คนละคณะ และก็คงจะรับคำส่งๆไปอย่างนั้น เพราะฉะนั้น . . ทางสะดวก เฮ้!
รอคอยการแก้แค้นครั้งนี้มานานแล้ว . . ผมยังจำได้ดีว่าแม่งเล่นเอาผมเกือบตาบอดเลยและก็ที่สำคัญไปกว่านั้น
มันทำให้มังกรเคยอาการโคม่า . .
“สนามแข่งเหรอ” ผมถามธีเพื่อความแน่ใจ
“อาจใช่ แต่ว่า . .” ธีกระซิบลับหลังไอ้ธัญ เพราะรู้ว่าไอ้ธัญยังไงก็ไม่มีทางยอมให้มีเรื่องติดกันหลายวัน “ . . คนของเราเจ็บกันเยอะตั้งแต่เมื่อวาน . . เราจะทำไงดี”
อยากจะร้องไห้เป็นภาษาตุรกี . . นี่พวกผมอ่อนกำลังลงกันไปหมดแล้วเหรอ . .
“ถ้าเราแก้แค้นด้วยกำลังไม่ได้ . . เราก็แก้แค้นด้วยอย่างอื่นแทนสิวะ”
“ยังไงวะ”
“กูมีวิธี”
วิธีนั่นไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย . . ให้มันพ่ายแพ้จากการแข่งรถก็เท่านั้น ผมหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างดีว่าคืนนี้จะโผล่ไปสนามแข่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น . .ผมต้องผ่านการเรียนในช่วงบ่ายนี้ไปเสียก่อน โธ่ . .
“เออนาย . . กูมีเรื่องจะถาม”
“ว่าไง”
“มึงกับมังกร . .ชอบกันเหรอวะ”
“เฮ้ย!!” ผมร้องเสียงหลงตอนที่มันถาม คนทั้งห้องหันมามองผมอย่างงุนงงรวมถึงอาจารย์ นี่ผมเรียกร้องความสนใจในห้องเรียนแห่งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วฟะ
“กูว่า . . มึงกับมัน . .แปลกๆ” ธีขมวดคิ้ว “แถมมันยังกล้าหิ้วมึงอย่างกับมึงเป็นเด็กสองขวบต่อหน้าธารกำนัล . .”
“พอที . . ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
“มันเหมือนมีซัมติง”
“ไอ้เชี่ยธี . .”
“หรือว่าเรื่องศัตรูที่รักนี่มันจะมีจริงๆวะ . .”
“ไอ้สัด หยุดพูด”
แต่มันก็ยังคงไม่หยุดพูด . . “กูว่ามันต้องคิดอะไรกับมึงแหง ตั้งแต่มีมันเข้ามา ก็ดูเหมือนมีอะไรมากั้นมาขวางเวลาที่มึงมีอันตรายเสมอ ถึงแม้ว่ามันจะเคยล้มแก๊งพวกเราก็เถอะ แต่กูว่า . .”
ผมส่งสายตาให้มันรับรู้ว่าผมกำลังฟังแบบเบื่อๆ
“ . . คนนี้ผ่านนะ”
ผมถึงกับเปลี่ยนแววตาที่มองไอ้เชี่ยธีจากเบื่อๆเป็นอึ้งแดก
“ฮะ”
“จริง คนนี้ผ่าน” มันพูดอย่างจริงจัง “เห็นมันเป็นคนแปลกๆ แต่กูเชื่อว่ามันดูแลเพื่อนกูได้”
“…”
“แต่ไอ้ธัญคงจะไม่คิดแบบกูหรอกมั้ง”’
“ทำไมวะ” นี่ผมถามเฉยๆนะ ผมก็ไม่ได้อยากรู้อะไรขนาดนั้น
“มึงรู้มั้ย . .” ไอ้ธีเริ่มขยับเข้ามาใกล้หน้าผม “ . .ช่วงนี้มันหงุดหงิดง่ายมาก ยิ่งเห็นมึงอยู่กับมังกรวันนั้นมันยิ่งหงุดหงิด . .”
“…”
“มันคงคิดไรกับมึงอ่ะ”
“เฮ้ย”
“จริงๆนะ”
“คิดได้ไง . .เพื่อนกัน” ถึงแม้ว่าบางครั้งไอ้ธัญมันจะห่วงผมเกินเพื่อนก็เถอะ แต่มันจะมาคิดกับผมแบบนั้นไม่ได้นะ . .
มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมคนหนึ่งเลย . .
“อันนี้กูไม่รู้นะ” ธียักไหล่ ส่วนผมก็ไม่รู้จะอึ้งกับเรื่องไหนดี . .
ในที่สุดการเรียนแบบมาราธอนสี่คาบรวดก็ผ่านพ้นไป ผมกับไอ้ธีเดินคุยกันตัวติดกันเป็นพิเศษในวันนี้นั่นทำให้ไอ้ธัญแอบมองมาอย่างแปลกๆอยู่เหมือนกัน แต่โทษทีนะเพื่อน วันนี้กูจะให้มึงมาขวางทางกูเล่นงานไอ้เชี่ยยุไม่ได้ว่ะ
แต่แล้วผมก็ตกใจ . . เมื่อตอนที่ลงไปจากตึกแล้วผมก็เห็นคนมุงดูอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้ ทำไมวะ วงเกาหลีเอกโซ่คัมแบ๊คแล้วเหรอ
แต่ไม่ใช่แฮะ ผู้ชายหน้าตาดีตัวสูงโด่สองคนกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่
เหมกับมังกร
สงคราม . . ผมนึกถึงคำนี้ขึ้นมาทันที
“ก่อนที่กูจะหมดความอดทน . . กลับไปซะ” น้ำเสียงของมังกรกำลังสะกดความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ ผมว่าที่คนมุงกันไม่ใช่เพราะไอ้สองคนนี้มันหล่อหรอก แต่ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะมีเรื่องกันมากกว่า
ซึ่งผมกำลังจะเข้าไปเสือก . .
ผมเดินเข้าไปหาไอ้เหม . . แล้วก็ชกหมัดด้วยหมัดขวาอย่างรุนแรงที่สุด แน่นอนผมทำให้มันหน้าหันเลยทีเดียว
เหมดูงงๆ ส่วนมังกรนั้นดวงตาเบิกโพลง
“เจ้านาย . . ทำไม . .”
“มึงรู้อยู่แก่ใจ” ผมบอกไอ้เหม “แก๊งมึงเคยมาถล่มห้องกูด้วยนี่” และที่สำคัญไปกว่านั้น มันฆ่าพี่ชายที่แสนดีคนนั้นด้วย
“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าไปเชื่อที่มังกรมันพูด” เหมทำหน้าซีเรียส “จริงๆนะเจ้านาย อย่าไปเชื่อมัน ขอร้องล่ะ”
มันถึงกับจะมาจับมือผมไว้เลยทีเดียว แต่โดนมือของมังกรปัดทิ้งไปซะก่อน
ใบหน้าของเหมเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ เมื่อเปลี่ยนจากมองไอ้มังกรมาเป็นมองผมแทน
ผมไม่มีวันอภัยให้มันหรอก . .
“กูบอกให้มึงออกไป” มังกรย้ำน้ำเสียงโหด
เมื่อมองผมที่มองกลับไปด้วยสายตาที่มีแววเคือง มันจึงถอนหายใจแล้วจึงเดินจากไปช้าๆ
“อะไรอ่ะแก สองคนนั้นตีกันเพื่อแย่งเจ้านายเหรอ”
“กรี๊ดดด เจ้านายเนี่ยนะแก เสียดายมังกรอ่ะ TT”
“คนนั้นดูหล่อๆเลวดีจังเลย ชั้นชอบ”
เสียงลือเสียงเล่าอ้างเต็มไปหมดทั้งบริเวณ ผมเลยส่งสายตาเหี้ยมโหดไปใส่พวกนั้นให้เลิกพูดมั่วๆซะ แต่อำนาจที่ถูกลิดรอนไปทำให้พวกนั้นไม่สนใจผม ไอ้มังกรแม่งก็คงทนไม่ไหวมั้ง เลยมองไปทั่ว ผลปรากฏว่า . . ทุกคนแตกฮือกันไปใช้ชีวิตนักศึกษา
ตามปกติแทบจะในทันที
. . อำนาจแห่งเดอะคิง
ผมเดินหนีกะจะไปให้เพื่อนทั้งสอง แต่โดนใครบางคนฉุดมือเอาไว้
“จะไปไหน”
มันถามผม “มันเรื่องของกูป่ะวะ” ผมเลยสวนกลับไป
“เลิกดื้อสักที”
“มึงก็เลิกยุ่งกับกูสักที จะอะไรกับกูนักหนา”
“เจ้านาย . .”
“. . .”
“เมื่อวานกูยังพูดไม่จบนะ”
ผมจำได้ . . ก่อนที่มันจะพูด พี่ขุนดันโผล่เข้ามาซะก่อน
“แล้วยังไง” ผมหันไปถาม
“ไม่อยากฟังเหรอ”
มันจะแกล้งอะไรผม . . ผมจ้องเขม็งไปที่มันที่แอบเลิกคิ้วขึ้นเล็กๆอย่างกวนบาทา หนอย เมื่อกี้ยังจะแดกหัวไอ้เหมอยู่หยกๆ
แต่ทำไมผมกับมันต้องมาเถียงกันหน้าตึกที่มีคนอาศัยอยู่พลุกพล่านด้วยวะ
“แล้วมึงจะพูดอะไรล่ะ”
ถามมันให้ชัดไปเลยดีกว่า . .ไอ้มังกรมองซ้ายมองขวา ก่อนพูด “ตรงนี้เนี่ยนะ”
“อืม”
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นไอ้มังกรทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกสุดฤทธิ์ มันดึงแขนผมให้เดินหนีคนที่พลุกพล่าน นั่นทำให้ผมโวยวาย
“ไรของมึงเนี่ย”
“จะให้พูดต่อหน้าคนพวกนั้นเหรอ”
“ก็มึงจะพูดอะไรล่ะ มันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยรึไง”
“ก็ยิ่งใหญ่ดิ” มันก้มหน้างุด อะไรนะ ก้มหน้างุดเหรอ เฮ้ย . . มังกรมันกำลังทำในสิ่งที่ผมไม่เคยเห็น คนตัวใหญ่แบบมัน ฝรั่งแบบมัน กำลังหน้าแดงเป็นปื้น และก็มีท่าทีหลุกหลิก
มันเขินเหรอ . .
“เจ้านาย” เสียงหนึ่งดังขึ้น . . ไอ้ธัญกับไอ้ธีเดินเข้ามาผม ธีทำท่าเหมือนกับว่ามันโดนไอ้ธัญลากมา “ไปกันเถอะ”
ผมมองหน้ามังกร เป็นเชิงถามว่ามันจะพูดอะไรอีกรึเปล่า มันส่ายหน้า . . และก็ปัดมือไปราวกับว่าให้ผมไปเถอะ
เดินหนีมันออกมา แต่ก็หันกลับไปหามัน พลางคิดในใจอย่างสงสัยว่ามันจะพูดอะไรกันแน่
พิมพ์ต่ออย่างบ้าพลัง