ร้ายที่ 28 นี่ผมกับมัน . . เป็นแฟนกันแล้วจริงๆเหรอ
ปกติมันจะทำได้แค่ห้อยน้ำเต้าหู้หน้าห้องผม บัดนี้มันสามารถเข้ามาเดินเล่นในห้องผมได้อย่างสะดวกสบาย
“จะกินเลยป่ะ” มันหันมาถาม ผมที่มองมันอยู่ถึงกับสะดุ้ง มันคงหมายถึงน้ำเต้าหู้ที่อยู่ในมือของมันสินะ
“ก็ . . อืม” วันนี้ผมตั้งใจตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อที่จะรอคอยน้ำเต้าหู้จากไอ้มังกร ซึ่งมันก็เอามาให้ตรงเวลาดีและนั่นทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจที่มันฟังที่ผมพูดด้วย
“ตื่นเช้านะวันนี้ ปกติคงยังไม่ตื่น” มังกรเดินมานั่งข้างๆ แล้วก็ยื่นแก้วน้ำเต้าหู้มาให้
“นอนไม่ค่อยหลับน่ะ” ผมบอกมัน ดื่มน้ำเต้าหู้เข้าไปแล้วก็ร้องจ๊าก “ร้อน!”
“มันก็ต้องร้อนสิ” มังกรรีบหยิบทิชชูมาเช็ดปากให้ผม “รีบกินทำไม”
“ไม่ได้รีบเว้ย” ผมเถียงมัน ลิ้นพองไปหมดแล้ว . . แต่ลิ้นพองน่ะผมไม่ได้ตื่นตระหนกเท่าใบหน้าของคนที่เพิ่งจะตกลงปลงใจคบกันเมื่อคืนมาหายใจรดอยู่ใกล้ๆ บอกตามตรงว่าไม่คุ้นเคย และบอกตามตรงว่า . .
ผมเขินมาก
“ใกล้ไปแล้วมึง ออกไป” ให้ตาย . . ช่วงนี้ผมเป็นอะไร อยู่ใกล้ๆไอ้มังกรแล้วหัวใจจะวาย
มันไม่ได้ติดใจอะไร ผมบอกให้เขยิบออกไป มันก็เขยิบออกไป
ผมว่าผมกับมันเราต่างคนต่างเขินๆยังไงก็ไม่รู้
“วันนี้มึง . . ไปไหนป่ะ” วันนี้วันเสาร์ครับ ไม่รู้ว่ามันมีงานอะไรที่ไหนหรือเปล่า ผมก็เลยลองถามดู
“ทำงานบาร์พี่มึง . . คืนนี้”
“งั้นแสดงว่าวันนี้ทั้งวัน มึงก็ว่างงั้นดิ”
“บ่ายสามต้องกลับไปช่วยแด๊ดเตรียมของขาย”
“งั้นตอนนี้มึงก็ว่าง” ว่างสักทีเหอะ . . กูถามจนเหนื่อยแล้วนะ
มังกรคิดสักพัก ดวงตาที่ขนตายาวเป็นแพหลุบลงต่ำ “อืมใช่” เยส ผมแทบจะกระโดดออกมาเต้นที่หน้าโซฟา
“งั้นไปเที่ยวกัน” ผมลุกพรวดขึ้น ในขณะที่มันทำหน้าตื่น
“ว่าไงนะ”
“ไปสร้างความคุ้นเคยให้กันหน่อย. . ดีมั้ย” ผมพูดเองเออเองสรุปเอง มัวแต่เขินกันมัวแต่ทำอะไรไม่ถูกอยู่นั่น ชีวิตรักจะมีความสุขได้ยังไง
มังกรเกาหัว . . ก้มหน้าก้มตามองดูสารรูปตัวเอง เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นแค่เข่ารองเท้าแตะ ดูก็รู้ว่าชุดอยู่บ้าน "ชุดนี้เนี่ยนะ” มันไม่เคยรู้เลยสินะว่าหนังหน้าอย่างมันแต่งตัวเหมือนแม่บ้านมีหนวดก็ยังดูหล่อ
“ไม่ต้องห่วง” ผมรีบพูด “กูไม่แต่งข่มมึงหรอก”
และผมก็ทำตามคำพูดของตัวเอง ขาสั้นเสื้อยืดรองเท้าแตะ ไอ้มังกรเห็นมันก็เลยดูโล่งอกขึ้นนิดนึง
“ไปกันได้รึยัง” ผมถาม
“อืม”
ผมโยนกุญแจรถให้มันเพราะรู้ว่ามันไม่มีรถ มังกรรับและก็เดินตามผมมา ผมเดินสองก้าว มันเดินสองก้าว ผมหยุด มันหยุด . . ผมก็เลยต้องหันไปหามันแล้วยิ้มให้นิดๆ
“มึงเป็นไรเนี่ย ฮ่าๆ” อดขำไม่ได้จริงๆครับ
“ก็ . .” ดูเหมือนมันจะไม่มีคำตอบให้คำถามของผม
“มานี่ . . มาเดินพร้อมกัน”
ผมพูดไปแล้วมันก็ยังยืนนิ่งๆ ผมจึงต้องก้าวไปหามันจับแขนมันแล้วก็พามันเดินไปด้วยกัน ให้ผมเดินคนเดียวข้างหน้าได้ไง
บนรถ . .
“จะไปไหนเหรอ” มังกรหันหน้ามาถาม มันรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย เลื่อนสายตามามองดูผมที่ยังไม่ได้รัด มันส่ายหน้าเบาๆแล้วก็เลื่อนมือมารัดให้ อันที่จริงเลื่อนมาเกือบทั้งตัว ใบหน้ามันอยู่ห่างจากหน้าผมสี่เซ็นต์ ผมเห็นเส้นเลือดของมันเกือบจะทุกเส้นบนแก้ม
ผมตาโตอย่างตื่นๆ มันไม่ได้คิดอะไรเลยเลื่อนตัวกลับไปแล้วก็หันมามองผมที่เดิมท่าเดิมรอฟังคำตอบ
เมื่อกี้มันไม่รู้เลยว่ามันทำผมใจเต้นแรง อะเกนแอนด์อะเกน . .
“เอ่อ . .” ไปไม่เป็นเลยกู . . “ไปที่ๆนึงก่อนละกัน”
มังกรทำหน้าฉงนเมื่อผมบอกสถานที่ที่อยากจะไปให้มันได้รับฟัง มันไม่ได้พูดอะไรแต่มันก็พาผมไปแต่โดยดี ที่ๆหนึ่งซึ่งช่วงนี้ผมไปบ่อยมากๆ มากจนเขาคนนั้นอาจเบื่อผมไปแล้วก็ได้ . .
“คิดอะไรอยู่” มังกรถามระหว่างทาง ตอนรถติดไฟแดง
“ก็ . .” ผมเริ่มพูด “. . คิดว่าควรจะซื้ออะไรไปเยี่ยมรึเปล่า”
“รู้อะไรไว้อย่างหนึ่งนะ” มังกรพูดเสียงนิ่ม “แมทแพ้เกสรดอกไม้”
“จริงอ่ะ” ผมร้องอย่างตกใจ “ชิบหาย กูซื้อไปเยี่ยมเค้าเป็นสิบๆช่อแล้วมั้ง”
มังกรอดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมานิดหน่อย แม้จะเป็นอะไรที่นิดหน่อยแต่มันก็ดูดีกว่าใครหลายๆคนที่ยิ้มกว้างจนปากจะฉีก “มึงซื้อให้ . . มันคงไม่ว่าอะไรหรอก”
แค่นึกถึงแมท ดวงตาของมังกรก็เป็นประกายขึ้นมา จนผมอดคิดไม่ได้ว่า . . ผมเป็นคนที่พรากแมทไปจากเขารึเปล่า
“กูขอโทษนะ”
“มันเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุม อย่าโทษตัวเองเลย” มังกรพูด “กูต่างหากที่ควรจะขอโทษ ที่ตอนแรกก็เผลอโทษมึงไป . .”
“เป็นกู . . ก็คงโกรธไม่เลือกหน้าเหมือนกัน” ผมพูดตามความจริง
“หึ ตอนนี้แม้แต่จะโกรธมึง กูยังไม่กล้าเลย”
ท้ายประโยคเสียงมันแผ่วซะจนผมไม่ได้ยิน ผมเลยหันไปหามันส่งสายตาบอกให้มันพูดอีกรอบ แต่มันก็ไม่พูด . .
สุสาน . .
ป้ายหลุมศพพี่แมทกลายเป็นที่ๆผมคุ้นเคยไปซะแล้ว ผมก้าวนำหน้าไอ้มังกรที่มัวแต่มองซ้ายมองขวา ในมือผมไม่มีของมาฝากพี่แมทเลย ซึ่งไอ้มังกรนี่แหละที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้ผมไม่ได้ซื้ออะไรมาให้ ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่มีตัวตนแล้ว แต่ผมว่ามันก็เป็นความสุขของคนที่ได้ให้บ้าง
อย่างน้อย . . ให้ผมได้ทำความดีตอบแทน
“ไม่ต้องซื้อไรมาหรอก” มังกรนั่งแหมะลงข้างๆป้ายชื่อพี่แมท ถอนวัชพืชที่ขึ้นอยู่แถวนั้นออกไป “ไอ้แมทมันรักความสะอาด”
เมื่อได้ยินดังนั้นผมเลยนั่งลงข้างๆมันบ้าง ถอนวัชพืชออกไปพร้อมๆกับมัน แล้ววัชพืชนี่มันเป็นยังไงวะ ผมเหลือบมองสิ่งที่ไอ้มังกรถอนออกไป มองหาในส่วนของผมแล้วก็ทำตาม
โป๊กๆ . . มังกรเคาะป้ายหินอ่อนเสียงดังอย่างไม่เกรงใจเจ้าของป้าย
“เฮ้ เชี่ยแมท” มันพูด “ดูซิกูพาใครมาด้วย”
มีแต่เสียงลมเบาๆที่ตอบกลับมา . .
“อิจฉาล่ะสิ . . ขวัญใจของมึงเลยนะ”
คืนนี้เค้ามาเข้าฝันมึงแน่ๆ . .
“กูขอโทษ . . ที่ไปแย่งขวัญใจมึงมา” มังกรพูดไปเรื่อย เหมือนพูดถึงลมฟ้าอากาศ ส่วนผมก็ได้แต่นั่งฟัง มองดูมังกรที่ดูเหมือนมีความสุขขึ้นมาอีกครั้งราวกับได้กลับมาหาเพื่อนเก่าและได้เอาเรื่องหนักอึ้งที่เคยมีอยู่ในใจออกไป “แต่เชื่อเหอะว่าถ้ามึงยังอยู่ . . กูคงแพ้มึง”
ผมคิดไปเองรึเปล่าว่า . . ลมมันพัดแรงขึ้น . .
“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” มังกรหันมาถามผม
ผมที่กำลังฟังไอ้มังกรพูดจนเพลินเลยไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อ . . ที่จริงที่ผมมาที่นี่ผมมีวัตถุประสงค์บางอย่าง
“ต่อหน้ามึงคือพี่แมทใช่มั้ย”
“ . . ใช่” มันทำหน้าเหมือนคิดว่าผมจะถามมันทำไม
“ถ้ามึงทิ้งกู . . เค้าจะส่งสายฟ้าฟาดมาฟาดหัวมึง” ผมพูดรัวเร็วราวกับเป็นเรื่องปกติ แต่นั่นทำให้ไอ้มังกรชะงัก ใช้เวลาประมวลผล และก็หลุดหัวเราะออกมานิดนึง ขอย้ำ นิดนึง พอผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันมันก็เลิกยิ้มแล้ว . . อดเห็นรอยยิ้มของมันเลย
“จะให้กูสาบานว่างั้น”
“สัด ก็ไม่ถึงขนาดนั้น”
มังกรอมยิ้ม มองไปที่ป้ายพี่แมท มองอยู่นานกว่าจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดียว
“กูจะดูแลเจ้านาย กูจะปกป้องเจ้านาย . . ด้วยชีวิต ด้วยหัวใจของกู . . ถ้ามึงได้ยินและวันใดก็เกิดผิดคำพูดขึ้นมา . . วันนั้นกูกับมึงคงได้เจอกันอีกครั้ง และกูจะให้มึงต่อยล้านครั้ง กระทืบกูล้านครั้ง เหยียบกูล้านครั้ง”
เป็นประโยคที่ยาวที่สุดของไอ้มังกรเท่าที่ผมเคยได้ยินมา . . ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะพูดอะไรขนาดนั้นต่อหน้าผมและก็ต่อหน้าพี่แมท สายลมแรงพัดจนเส้นผมของผมปลิว . .
“สบายใจได้เลยนะ” มังกรยิ้มเล็กๆให้ผมและก็เอื้อมมือมาหา ผมกระพริบตาปริบๆส่งมือไปหามันอย่างกล้าๆกลัวๆ พอมันเห็นดังนั้นมันก็ดึงมือผมไปจับอย่างรวดเร็ว “ไปกันเถอะ แมท กูไปละนะ เดี๋ยวมาหาใหม่นะเว้ย”
มังกรดึงมือผมให้ผมลุกขึ้นยืน ผมลุกขึ้นยืน โค้งศีรษะให้ป้ายพี่แมทอย่างงกๆเงิ่นๆ “ไปละนะครับ”
มังกรขำกับท่าทางของผม มันจูงมือผมเดินกลับไปที่รถท่ามกลางป้ายหลุมศพนับร้อย . . ผมเชื่อว่าพี่แมทคงรับรู้แล้วว่าผมกับมังกรคบกัน และผมสัญญาว่าผมจะใช้ชีวิตของผมที่พี่แมทเคยได้ปกป้องเอาไว้อย่างดีที่สุด จะดูแลเพื่อนที่พี่แมทรักที่สุดคนนี้ . . คนที่กำลังจูงมือผมแต่ไม่มองหน้าผมคนนี้ . . ด้วยชีวิตและด้วยหัวใจเช่นกัน
ห้างสรรพสินค้าบางแห่ง
เพิ่งจะเคยเดินห้างกับไอ้มังกรเนี่ยแหละ เดินในสภาพอย่างที่ออกมาจากบ้านนั่นแหละครับคือขาสั้นเสื้อยืดรองเท้าแตะ แต่ผมกับมังกรก็ไม่ค่อยแคร์อะไรเท่าไหร่ ซึ่งสิ่งที่น่าประหลาดใจที่ผมเพิ่งได้รับรู้ก็คือ . . มังกรไม่ค่อยได้เดินห้าง หนึ่งคือไม่มีเวลา และสองคือคงขาดแคลนทุนทรัพย์รึเปล่า อันหลังผมเดาเองมั้ง เพราะมังกรเดินตามหลังผมตลอดเลย ปล่อยให้ผมเลือกซื้อของอยู่นั่น มันมองและเดินตามอย่างเดียว เช่นผมก้าวไปดูเสื้อสีขาวข้างๆสองก้าว มันก็ก้าวตามมาสองก้าว ผมก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว มันก็ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว
มันบอกว่าเดินตามผมแล้วสบายใจดี . . แต่ผมสิ . . โคตรเขินเลย คือชาวบ้านชาวช่องที่เดินซื้อข้าวของกันอยู่นั้นดูผมกับไอ้มังกรสองวิก็รู้แล้วว่าเป็นแฟนกัน เพราะมังกรเดินตามผม ปล่อยให้ผมซื้อของอย่างเดียว
“มังกร มึงไปดูอย่างอื่นบ้างก็ได้นะ” ผมพูดเบาๆ
“ไม่ได้อยากดูอะไร” มังกรตอบเสียงเรียบ “ดูมึงนี่แหละ ตลกดี”
“กูตลกตรงไหน”
“มึง . . น่ารักดี”
โอเคจบ . . ผมไม่ถามแม่งแล้ว พอได้ยินดังนั้น ผมวางเสื้อแล้วเดินหนีเลย หน้าผมคงแดงเป็นปื้นแน่ๆ คือคนอย่างไอ้มังกรมันไม่ชมใครง่ายๆอยู่แล้ว น้ำเสียงอย่างนั้น หน้าตานิ่งๆอย่างนั้นแล้วไปชมคนอื่น ผมว่าร้อยทั้งร้อยมีอันต้องเขินอ่ะ
เป็นความเดือดร้อนของมันที่ต้องเร่งฝีเท้ามาเพื่อตามผมให้ทัน . .
“เสื้อตรงนี้สวยกว่าตรงนั้นเหรอ” มันถามงงๆ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
“ใช่” ผมไม่ยอมให้มันรู้หรอกว่าผมเขิน “เหมาะกับมึงดี” ซึ่งก็เหมาะกับมันจริงๆ เสื้อยืดสีน้ำเงินมีลายกราฟิกตรงไหล่ โคตรเหมาะกับมัน . . ผมเอาเสื้อไปทาบใส่ตัวมัน . . ดูดีแฮะ เหมาะเหม็งที่สุด
มันดูป้ายราคา “ . . ตั้งสามพันเก้า”
“กูจ่ายได้” สองล้านสาม . . กูก็ยังเคยจ่ายเพื่อมึงมาแล้ว
“ไม่เอา” มันสั่นหัวทันที
“กูจะซื้อ”
“ไม่”
“ก็กูจะซื้อ”
ผมยื้อยุดฉุดกระชากเสื้อตัวนั้นกับไอ้มังกรไปมาจนพนักงานของร้านมองพวกผมด้วยสายตาจิกๆถึงแม้ว่าพวกผมจะหน้าตาดีแค่ไหนก็ตาม(?) พอเห็นดังนั้นมังกรก็เลยปล่อย แล้วก็ให้ผมไปจ่ายตังค์สมใจอยากของผม . .
พอได้เสียตังค์แล้วอารมณ์ดี๊ดี . .
“อยากได้ตัวไหนอีกป่ะ” ผมถามมัน มังกรหน้านิ่งกว่าเดิม แต่ก็แย่งถุงช้อปปิ้งในมือผมไปถือให้
“. . ไม่เอาแล้ว”
“เฮ้ย ตัวนั้นเท่ดี” ผมไม่ได้ฟังมัน เห็นเสื้อตัวไหนเหมาะกับมันผมก็พุ่งจู๊ดเข้าไปหาแล้วก็เอามาเทียบกับตัวของมังกรทันที ยิ่งผมทำ มันก็ยิ่งหน้าบึ้งหนักขึ้นเรื่อยๆ “เฮ้ ทำหน้าดีๆหน่อยสิ”
“ของพวกนี้มันแพงนะ . . กู . .”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูซื้อให้”
“กูยังมีหนี้ค้างกับมึงเป็นล้านนะ . . กูไม่อยากมีหนี้เพิ่ม”
ผมส่ายหน้าใส่มันเบาๆแล้วก็รีบซื้อชุดที่ผมถืออยู่ไว้ให้มันทันที “เงียบๆไว้ . . ใครๆก็อยากมีแฟนดูดี”
ผมเชื่อว่าหลังจากประโยคนั้น . . มันทำหน้าตกใจ
เมื่อซื้อของให้ไอ้มังกรและก็ของผมจนเหนื่อยแล้ว(สังเกตได้จากถุงช้อปปิ้งในมือไอ้มังกรที่มีมากกว่าห้าถุง) ผมก็พามันเดินไปหาร้านนั่งกินไอติมเล่นๆ . . ผมเพิ่งรู้สึกได้ว่าเรามาเดทกันแบบที่คู่รักคนอื่นๆเค้าทำ ถึงแม้ว่ามันจะดูตลกๆ และก็ไม่ค่อยเคยชินเท่าไหร่ แต่ผมก็มีความสุขนะ
ไม่รู้ว่าคนข้างๆผมจะมีความสุขมั้ย เพราะมันหน้าเดียวตลอดเวลา จะถามก็กลัวคำตอบ . .
หรืออาจจะไม่มีความสุขวะ?
“นี่” ผมตัดสินใจถามมัน ขณะที่มันมองดูผมกินวัฟเฟิลในร้านแห่งหนึ่ง มันนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ข้างกายมันคือถุงช้อปปิ้งที่เกิดมาจากผม “มึงมีความสุขป่ะเนี่ย”
มังกรถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อผมถาม “มีสิ”
“มึงทำหน้าเหมือนไม่มีความสุขอ่ะ” ผมบ่นออกมาเหมือนระบาย “มึงตามใจกูทุกอย่างตั้งแต่ออกมาจากคอนโดเลยรู้มั้ย กูเดินดูนั่นดูนี่ มึงก็เดินตามกู ไม่ใช่กูไม่ชอบนะ แต่ดูเหมือนกูบังคับให้มึงออกมาด้วยยังไงไม่รู้”
มังกรอมยิ้มออกมานิดนึง “นี่มึงยังไม่รู้อีกเหรอ ว่ากูเป็นอย่างงี้”
“ยังไง”
“เวลากูมีความสุข กูก็หน้าอย่างงี้ เวลากูทุกข์ กูโกรธ กูก็หน้าอย่างงี้”
“กูเดาอารมณ์มึงไม่ถูกแม่ง” ด้วยความสัตย์จริง . .
“เอางี้” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ วางมือลงกับโต๊ะ ก่อนจะพูด “แค่กูคิดว่ากูเป็นแฟนใคร กูก็มีความสุขแล้ว”
O_O
มันเกิดมาเพื่อทำชีวิตคนอื่นพังเหรอ . . คำตอบของมันไม่ได้ต่างอะไรจากการที่มันบอกว่ามันมีความสุขตลอดเวลา
ผมพูดไม่ออก ก้มหน้าก้มตาตักวัฟเฟิลเข้าปากอย่างเดียว
เหลือบมองขึ้นไปอีกที . . เห็นมันมองไปที่โปสเตอร์หนังใหม่ที่อยู่ไม่ไกล . .
หนังฮีโร่ของมาร์เวล ผมจำได้ว่ามันติ่งเดอะฮัลค์ยักษ์ตัวเขียวมากขนาดไหน ถึงขนาดที่ว่ามันมีโมเดลเกือบทุกขนาดของพี่ฮัลค์เลยก็ว่าได้
“อยากดูเหรอ” ผมถาม
มันมองดนาฬิกาข้อมือ “เดี๋ยวต้องไปช่วยแด๊ดเตรียมของขายแล้วอ่ะ”
“งั้นวันหลังมาดูกันดีมั้ย”
“เอาสิ”
. . .
ผมจะจำเอาไว้ ว่าหน้านิ่งๆของมันนี่แหละ คือหน้าเวลามีความสุข
ขณะเดียวกัน . .
ผมเดินนำหน้าฝาแฝดของผมไปยังชั้นที่ขายตั๋วหนัง ไม่รู้ทำไมช่วงหลังมันเอาแต่เหม่อลอยและก็เศร้าสร้อยยังไงชอบกล ผมเลยพาน้องชายของผมออกมาเปิดหูเปิดตาสักหน่อย เผื่อบางทีมันจะเลิกคิดถึงบางสิ่งบางอย่างและก็ทำให้มันมีความสุขมากยิ่งขึ้น
แต่ผมก็คิดผิด . .
“ไอ้ธัญ . . อยากดูเรื่องไร เลือกเลย กูเลี้ยงเอง” อันที่จริงไม่ใช่เงินผมหรอก แต่เป็นเงินของม๊า ฮ่าๆๆ
มันไม่ตอบผม เอาแต่เล่นโทรศัพท์ด้วยท่าทีเศร้าๆ ให้ตาย . . มันเป็นบ้าอะไรของมัน ยิ่งเห็นมันทุกข์ผมก็ยิ่งทุกข์น่ะสิคือหนึ่งผมเป็นพี่มันและสองคือผมเป็นแฝดมัน
“เป็นไรไปวะ” ผมลากมันมาคุยด้วยตรงระเบียง เพราะดูท่าทางมันไม่พร้อมที่จะดูหนังอย่างแรง “ทำเหมือนคนอกหัก”
“กูคง . . อกหัก” มันพูดเสียงเศร้า
“แล้วไง” ผมสวน “หน้าตาอย่างมึงหาคนใหม่เมื่อไหร่ก็ได้” นั่นไง . . ผมแอบชมตัวเองด้วยเพราะผมหน้าเหมือนมันเป๊ะๆ
“แต่คนนี้ไม่เหมือนใครนะเว้ย”
“เจ้านายใช่มั้ย” ผมพูดขึ้นมาอย่างคนรู้ดี นั่นทำให้ใบหน้าของไอ้ธัญอึ้งตะลึง “ทำไมวะ คิดว่ากูไม่รู้เหรอ กูก็แค่แกล้งโง่”
“มึงรู้นานยัง”
“ก็ตั้งแต่ที่มึงไม่สนใจยัยเอมอรนั่นเลย และก็เอาแต่เป็นห่วงไอ้นายจนตัวเองจะบ้า” ผมพูดเสียงเรียบ “แต่มึงก็รู้ใช่มั้ย . . ว่าเจ้านายมันรักใคร”
มันพยักหน้า . . นี่ใช่มั้ยที่เป็นต้นเหตุอาการเหงาหงอยเศร้าสร้อยของมันทั้งหมด
“ทำใจเถอะนะ” ผมตบบ่าของมันแปะๆอย่างปลอบประโลม ถึงแม้ว่าน้ำเสียงและทุกๆอย่างของผมจะดูเหมือนง่ายๆสบายๆคล้ายเรื่องชิวๆ แต่ที่จริงผมแอบมองมันด้วยใบหน้าที่ห่วงใยขนาดหนัก . .
ยิ่งสายตาของผมทอดไปมองเห็นชายชายคู่หนึ่งที่กำลังนั่งกินไอติมกันอยู่ไม่ไกล ยิ่งทำให้ผมห่วงมันมากขึ้นอีก มันจะเห็นรึยังวะ . . ไอ้เจ้านายกับไอ้มังกร . . เดทกัน!!! เจ้านายโดนผมล้อยันลูกมันบวชแน่ๆ คอยดู
แต่ตอนนี้ดึงไอ้ธัญออกมาจากตรงนั้นก่อน เพราะแผลยังสดและก็ยังใหม่ คงไม่สมานเอาง่ายๆ มันต้องใช้เวลา . . อย่าราดแอลกอฮอล์ใส่ตอนนี้เลย
“มานี่” ผมลากแขนมันไปให้ไกลจากจุดนั้น
“อะไรของมึงเนี่ย”
“มาดูหนังกัน”
“หนังอะไร ไม่ดูเว้ย”
“กูเลี้ยง”
“ไม่เอา”
“แถมป๊อบคอร์นไซส์ใหญ่สุดด้วย”
“…”
มันเริ่มเงียบ . . แน่ะ เริ่มลังเลล่ะสิ ทำไมผมจะไม่รู้ ว่าแฝดผมมันชอบกินป๊อบคอร์น ถึงแม้ว่าจะคนละรสกับผมก็เถอะ
“มาๆๆ อยากดูเรื่องอะไร เลือกเลย”
พามันมาหยุดหน้าจอโชว์รอบหนังแล้วให้มันเลือก ผมแอบมองไปข้างหลัง ภาวนาในใจอย่าให้ไอ้คู่รักหมาดๆนั่นขึ้นมาดูหนังตอนนี้เลย . .
“เอาเรื่องนี้”
มันจิ้มไปที่หนังรักของฝรั่งที่ผมอ้าปากปฏิเสธมันทันทีแบบไม่ต้องคิด
“ไอ้เชี่ย เอาฟอร์มยักษ์ดิ”ผมชี้ไปที่หนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่กินเนื้อที่มากกว่าห้าโรงตอนนี้
“กูอยากดูเรื่องนี้”
“ไม่เอา”
“ก็มึงให้กูเลือก”
“ไอ้ . .” เชี่ยแม่งเอ๊ย ตอนกูอกหักมึงอย่าลืมยอมกูเหมือนที่กูกำลังจะยอมมึงนะ “ก็ได้ ดูก็ดู . . พับผ่าสิ”
สุดท้ายผมต้องดูหนังรักจริงๆใช่มั้ยเนี่ย . . หรือผมคิดผิดมาโดยตลอดว่าแฝดของผมมันจะชอบอะไรเหมือนๆกัน หรืออาจเพราะตอนนี้สภาพจิตใจและสภาพอารมณ์ของมันไม่ปกติ มันเลยต้องดูหนังรัก . . ?
ผมเกาหัวเซ็งๆขณะยัดป๊อบคอร์นเข้าไปในปากตอนเดินเข้าไปในโรง น้องผมมันถือเป๊บซี่ ส่วนผมถือป๊อบคอร์น . .
ตลอดเวลาที่ดูหนัง . . ผมรู้เลยว่าแม่งเลือกหนังผิดเรื่องจริงๆ
ก็หนังเรื่องนี้มันเป็นหนังแอบรักเพื่อนสนิท! ถึงแม้ว่าตัวละครหลักจะเป็นผู้ชายกับผู้หญิงก็เถอะ แต่แม่งใช่ไอ้ธัญเหี้ยๆ . . ผมเห็นมันนั่งทำหน้าเครียดตั้งแต่ต้นเรื่องยันกลางเรื่อง ไม่มีตอนไหนที่มันมีความสุขเลย
“เชี่ยธัญ . .” ผมกระซิบข้างหูมัน”ออกจากโรงกันเถอะ” ไม่ไหวแล้ว ผมเป็นห่วงมัน . . ไอ้หนังเรื่องนี้ก็เหี้ยเกิ๊น เข้าโรงมาทำไมตอนที่น้องผมมันกำลังจะเป็นจะตาย . .
มันไม่ตอบ แต่มันหันหน้ามาซบไหล่ผม . . และก็ร้องไห้เบาๆ
ผมตัวแข็ง ชาวาบไปทั้งร่าง ไม่เคยเห็นน้องผมมันจริงจังกับใครมากถึงขนาดนี้ ไม่เคยเลยจริงๆ ผมเอื้อมมือไปปลอบมันเผื่อมันจะรู้สึกดีขึ้น แต่เสื้อของผมที่เริ่มเปียกชุ่มนั่นทำให้ผมรู้เลยว่ามันเป็นไปได้ยาก
มันคงจะรักเพื่อนคนนี้มากเลยสินะ . .
มันซบไหล่ผมอยู่อย่างนั้นและหนังก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าตอนสุดท้ายหนังมันลงเอยกันยังไง เพราะสมาธิของผมจ่ออยู่กับน้องชายที่อยู่ใกล้ๆ
ผมสงสารมันจับใจ . .แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากปลอบมันไปก็เท่านั้น
ที่แท้ก็เป็นเจ้านาย . . คนที่มันจ้องโทรศัพท์รอคอยให้โทรมาหามัน . . คนที่มันเล่นกีต้าร์เพ้อถึงทุกวัน . . คนที่มันเป็นห่วงเป็นใยอยู่เสมอจนไม่เป็นอันกินอันนอน . . คนที่มันตามใจทุกครั้งถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่ไอ้เจ้านายมันทำก็ตาม . .
“ทำใจซะ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าตามไปกับมัน . .
มันไม่ตอบ . .
“รู้ใช่มั้ยว่ากูจะอยู่กับมึงตลอด”
“…”
“ใครจะทิ้งมึงก็ช่าง แต่กูจะไม่มีวันทิ้งมึง มึงรู้ใช่มั้ย”
“…”
มันพยักหน้าเบาๆ . . ผมถอนใจอย่างโล่งอกที่คำเหล่านั้นส่งไปถึงตัวมัน . . ก่อนที่ไอ้ธัญจะส่งเสียงตอบกลับมาเบาๆ
“ขอบใจนะ”
กระเสือกกระสนตัวเองออกจากเล้า