ร้ายที่ 29 บาร์แห่งหนึ่ง
ผมนั่งชิวๆกินเตกีล่าอย่างสบายใจเฉิบหลังจากที่ไม่ได้สบายใจแบบนี้มาหลายอาทิตย์ มีสาวสวยชุดเดรสสีแดงคนหนึ่งเคียงข้าง เธอคอยเอียงคอมาคุยกับผมคอยอ่อยผมด้วยสงสัยจะรอไม่ไหวเมื่อไหร่ผมจะพาเธอไปขึ้นห้องสักที ก็แค่วันนี้ผมอารมณ์ดีไปหน่อย อารมณ์ดีไม่จำเป็นต้องได้หญิงนี่จริงมั้ย
“คุณมีน้องชายมั้ย” ผมชวนเธอคุย . . เธอสั่นหน้าเบาๆ
“ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะ”
“ว้า เสียดายจัง” เป็นคำพูดที่โคตรแบ๊วสำหรับหนุ่มวัยยี่สิบหกอย่างผม แต่เพราะฤทธิ์เตกีล่าหลายช็อตด้วยนี่แหละถึงทำให้ผมกล้าพูดอะไรแบ๊วๆออกไปแบบนั้น “คุณควรสัมผัสความรู้สึกของการเป็นพี่บ้างนะ . . มันต้องเสียสละอะไรหลายๆอย่าง . .”
“. . .”
“แต่มันก็มีความสุขดี เมื่อเห็นน้องเรามีความสุข”
ภาพหลายภาพที่วางอยู่ตรงหน้าทำเอาผมยิ้มออกมาหลายวันแล้ว ไอ้เจ้านายน้องชายกับไอ้มังกรคงเริ่มต้นคบกันอยู่ เพราะหลังๆมานี่ไอ้มังกรเข้าออกคอนโดไอ้นายโคตรบ่อย และหลังๆมานี่ . . น้องผมก็ยิ้มโคตรบ่อยเช่นกัน
ตอนแรกกะจะทำให้มันต้องผ่านหลายด่านสักหน่อย แต่เรื่องของพวกมันสองคนหนักหนาพอควรผมไม่อยากจะไปสร้างเรื่องอะไรให้มันหนักมากมายไปกว่านี้อีกแล้ว ผมจึงอยู่เฉยๆคอยดูอยู่ห่างๆ หากวันใดวันหนึ่งไอ้มังกรทำน้องผมร้องไห้ขึ้นมา วันนั้นแหละ . . ผมจะเอามีดไปจ้วงไส้มันออกมาซะ!
เอ่อ . . ผมแค่ขู่นะครับ
“น้องชายคุณเหรอคะ” เธอที่อยู่ข้างๆหันมามองรูปภาพตรงหน้าผมอย่างสนอกสนใจ “คนไหนเนี่ย”
“ลองทายดูสิครับ”
“คนนี้รึเปล่าคะ” แหมะ . . โคตรไม่มีเซนส์เลย เธอจิ้มไอ้มังกรที่โคตรฝรั่ง ถามจริง หน้าไทยๆอย่างผมเหมือนมีเชื้อต่างชาติตรงไหน
“ไม่ใช่ครับ” ผมยิ้มเบาๆ “นั่นแฟนน้อง”
ผมสัมผัสได้ว่าเธอผงะ . . ก็สมควรจะผงะเพราะไอ้เด็กสองคนในรูปแม่งไม่ได้มีส่วนตุ๊ดแต๋วแบ๊วระเบิดออกมาให้เห็นเลยสักนิด พวกมันก็แค่ผู้ชายสองคน . .
“เอ่อ ล้อเล่นใช่มั้ยคะเนี่ย แหม . . คุณกานต์ชอบล้อเล่นตลอดเลย” เธอหัวเราะแบบไม่เสมือนจริงเอาเสียเลย
“ฮ่าๆ เปล่านะครับ แฟนน้องผมจริงๆ”
เธอทำหน้าเสียดายอย่างปิดไม่อยู่ . . “งั้นเหรอคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยคุณกานต์ก็ไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้ใช่มั้ยคะ” เธอออกอาการลุ้นจัดผ่านทางสายตา . .
“อันที่จริงผม . . ยังไงก็ได้” ผมยักไหล่ชิวๆ “แต่ผมไม่ยอมใครมาออนท็อปผมแน่ๆ แค่นั้นแหละครับ”
เธอยังคงหัวเราะอยู่และนั่นก็เป็นเสียงหัวเราะที่เสแสร้งที่สุดเท่าที่คุยกันมาตั้งแต่ต้น “คุณกานต์มีอารมณ์ขันตลอดเลย”
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ . . ได้แต่หยิบเตกีล่าช็อตต่อไปขึ้นมาดื่ม และก็จมดิ่งไปกับความสุขของน้องชายต่อไป . .
จนกระทั่งหางตาของผมไปสะดุดเข้ากับบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตา . . ผมนั่งอยู่ตรงบาร์ส่วนมันนั่งอยู่ที่มุมร้าน อาจจะนั่งมานานแล้วแต่ผมเพิ่งจะสังเกตเห็น
ไอ้ไนท์ . .
ผมมักจะเจอมันโดยบังเอิญทุกที . . และครั้งนี้ก็โคตรจะบังเอิญ . . มันนั่งกินอยู่คนเดียวและข้างหน้านั่นก็เป็นขวดมากมายมหาศาลซึ่งเป็นหลักฐานว่ามันดื่มมานานแค่ไหนแล้ว
ดูจากท่าทาง . . มันกำลังกรึ่มได้ที่
“คนรู้จักเหรอคะ” หญิงสาวข้างๆเธอมองตามสายตาของผมก่อนจะตั้งคำถาม
“ก็ . . ประมาณนั้นครับ แต่ไม่เท่าไหร่” แค่เพื่อนของน้องน่ะ . .
“เห็นนั่งกินคนเดียวอยู่อย่างนั้นมาตั้งนานแล้ว ท่าทางมีเรื่องในใจ”
“เหรอครับ” . . กำลังคิดว่าจะวันนี้ร็อตไวเลอร์อย่างมันจะกัดใครดีล่ะสิท่า . .
“ท่าทางเค้า . . น่าสงสารนะคะ”
“เหรอครับ” บอกตรงๆว่าไม่ค่อยมีอารมณ์อยากนึกสงสารสักเท่าไหร่ บางทีสาเหตุที่มันกินเหล้าอาจจะเป็นเพราะมันกำลังฉลองอะไรบางอย่างอยู่ก็เป็นได้ แต่ถ้ามันจะฉลอง . . มันจะมาฉลองคนเดียวเนี่ยนะ??
หรือมันจะมีเรื่องในใจจริงๆวะ
แต่ก็ช่างมันเถอะ มันไม่ใช่เรื่องของผมนี่นา . .
ผมยังคงนั่งต่อไปและก็กรึ๊บแอลกอฮอล์ลงไปในคออีกหลายๆแก้ว . . จนกระทั่งผู้หญิงที่นั่งกับผมเริ่มคอตกและก็เริ่มเลื้อยมาหาผมสัมผัสผมไปแทบทุกส่วน เอ่อ วันนี้ผมต้องได้เธอคนนี้แน่ๆใช่มั้ยเนี่ย . .
ถ้าผมได้เธอคนนี้ . . ไอ้คนที่เพิ่งเดินผ่านผมไป . . มันอาจจะได้ไอ้ไนท์
เพราะผมเห็นมันกำลังล่อลวงเพื่อนน้องชายผมที่กำลังเมาแอ๋ . . ทำเนียนเหมือนรู้จักกันมานานแรมปีแต่ที่จริงผมเห็นมันซุ่มอยู่อีกฝั่งของร้านคอยจ้องมองไอ้ไนท์ ผมโอบหญิงชุดแดง ไอ้คนแปลกหน้าโอบไอ้ไนท์ . . มันทำเนียนมากๆ ไอ้ไนท์ตอนเมาก็ดูโง่เอามากๆ ซบไหล่เขาไปทั่ว
. . จะปล่อยไปจริงๆน่ะเหรอ
อาจจะเป็นคนที่มันนัดเจอก็ได้นี่หว่า . . อาจจะเป็นรุ่นพี่มหาลัย . . แฟนเก่า . . ผัวเก่าอะไรของมันก็ได้ ผมไม่ควรไปเสือกใช่มั้ย . .
แต่ดูจากท่าทาง ที่ไอ้คนแปลกหน้ามันคอยเติมคอยยัดแก้วเหล้าใส่มือใส่ปากของไอ้ไนท์ ผมว่ามันไม่ได้คิดดีกับไอ้ไนท์แน่นอน
ให้ตาย . . หน้าอย่างมันก็มีคนอยากได้งั้นเรอะ?!!!
“น้อง . . พาเพื่อนพี่ไปเก็บที่ห้องด้วยนะ” ผมบอกพนักงานในร้าน ที่รู้จักมักจี่ผมเป็นอย่างดี เด็กมันพยักหน้ารับแล้วมาช่วยหิ้วหญิงชุดแดง “อ้อ . . เปิดห้องให้พี่ใหม่ห้องนึงด้วยนะ”
เพราะท่าทางจะมีคนให้เอาไปเก็บอีกคน . .
ผมสะบัดหัวมึนๆของตัวเองเพื่อรวบรวมสติก่อนที่จะเดินไปหามุมอับที่ไอ้ไนท์ใช้เป็นฐานลับ . . ผมกระแอมไอตอนที่ไอ้คนแปลกหน้าหน้าหล่อนั่นกำลังเกลี่ยแก้มไอ้ไนท์ที่พอเมาแล้วโง่ยิ่งกว่าควาย
“ว่าไง” หน้าหล่อแต่เจ้าเล่ห์หันมาถามผม หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ . .มึงจะเสือกอะไร
“ปล่อยมันด้วยครับ” ผมเป็นสุภาพชน ผมจะไม่ถ่อยต่อหน้าไอ้เกย์หื่นกามคนนี้เด็ดขาด
“อะไรของคุณ คนนี้แฟนผม”
ถุย ไอ้มโน . . “ตลกละครับ มันเป็นแฟนผมต่างหาก” อยากจะกัดลิ้นตัวเองแต่ก็พูดออกไปแล้ว . .ไม่อยากจะเชื่อว่าผมต้องมาเถียงอย่างปัญญาอ่อนกับไอ้คนแปลกหน้าเพียงเพราะไอ้เมาหน้าแดงที่นั่งอยู่ตรงนั้น
“ไม่จริง ผมเห็นคุณนั่งจู๋จี๋กับผู้หญิงชุดแดงอยู่ตรงบาร์” ชิบหายละ . . มันเห็น “ถ้าเขาเป็นแฟนของคุณจริง คุณคงไม่อยู่เฉยตั้งแต่ที่ผมเดินมาหาเขาแล้ว จริงมั้ย”
สมเหตุสมผลที่สุด . . เออ กูรู้แล้วว่ามึงฉลาด
“ที่ผมไม่เข้ามา เพราะผมเพิ่งเห็นเขาเมื่อตะกี้ต่างหาก” พูดไม่พอต้องกระชากแขนไอ้ไนท์ให้ลุกขึ้นยืนประกอบฉากด้วย เพราะถ้าไม่ทำอะไรเถียงอยู่นั่นคงอีกนานกว่าไอ้หล่อเจ้าเล่ห์เกย์หื่นมันจะยอมปล่อยไอ้ไนท์
“คุณครับ คุณเป็นแฟนหมอนี่จริงเหรอ” มันยังไม่ยอมแพ้แฮะ ถามไอ้ไนท์ที่โคตรเมาไม่รู้เรื่องซึ่งผมจับแขนไว้อยู่
บอกเขาไปสิมึง ถ้าอยากรอดมึงรู้ใช่ไหมว่ามึงต้องพูดว่าไง . .
“เหี้ยนี่ใครวะ”
ตอนที่มันส่งเสียงผมนี่แทบเงิบหงายหลังลงไปเหมือนหนังการ์ตูน แต่พอมันพูดจบแล้วมันก็โอบรอบคอผมเท่านั้นแหละ ผมตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้เลยทีเดียว
มึงไม่รู้ว่ากูเป็นใคร แต่มึงกอดคอกูไว้เนี่ยนะ . . อะไรของมึงเนี่ยเห้ย!
“เห็นแล้วใช่มั้ยครับ” ผมฉวยโอกาสนี้ตอกย้ำความ(ไม่)จริง “ผมกับแฟนกำลังงอนกันอยู่มันก็เลยแกล้งจำผมไม่ได้”
โคตรโชคดีเลยที่ไอ้เมามันไม่เถียงอะไรต่อ ร่างเตี้ยๆของมันพยายามตะเกียกตะกายขึ้นไปกัดหูผม แม่ง ร็อตไวเลอร์จริงๆใช่มั้ยวะมึงนี่
“ขอตัวนะครับ”
รีบลากมันออกไปก่อนที่ไอ้เจ้าเล่ห์มันจะจับทางโกหกได้ ลากไปไม่ทันไร ผมก็ต้องหยุดเดิน ไม่ใช่เพราะไอ้ไนท์มันดิ้น ไม่ใช่เพราะไอ้เจ้าเล่ห์มันจับได้ แต่เป็นเพราะพนักงานในร้าน
“ขอโทษค่ะ” เธอสะกิดผม “คือว่า . . โต๊ะนั้น . . ต้องมีคนรับผิดชอบ”
ผมหันกลับไปอย่างยากลำบากเพราะต้องคอยพยุงไอ้ร็อตไวเลอร์ เห็นไอ้เจ้าเล่ห์เกย์หื่นมันยักคิ้วจึกๆส่งให้ผมอยู่ที่โต๊ะ
แม่ง . . ก่อนจากมึงอยากให้กูจำมากใช่ป่ะ
“เอ้านี่น้อง” บัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินถูกส่งไปหาพนักงานสาว “เร็วๆด้วยนะ พี่หนัก"”ตัวไม่ใช่เบาๆ แล้วดันมาทิ้งน้ำหนักใส่ผมทั้งตัว โคตรเหนื่อย . .
“ขอบคุณค่ะพี่”
“เท่าไหร่ล่ะ”
“แปดพันหกร้อยห้าสิบบาทค่ะ”
“ฮะ” ผมร้องเสียงหลง . . เมื่อกี้ผมกับสาวชุดแดงกินกันไปเกือบสามพัน ไอ้เชี่ยไนท์กับไอ้เกย์หื่นแม่งแดกกันไปแปดพันกว่าเลยเหรอ
O_O จู่ๆผมก็ได้เสียตังค์เป็นหมื่น
“เดี๋ยวหนูรีบมานะคะพี่”
เธอรีบตาลีตาเหลือกวิ่งไปยังแคชเชียร์ สงสัยกลัวผมจะเปลี่ยนใจมั้ง ผมเหลือกตาขึ้นไปมองเพดานอย่างเซ็งๆ เงินก็ต้องจ่าย และก็ต้องรับผิดชอบไอ้เด็กขี้เมาที่รู้จักกันแค่ห่างๆนี่ด้วย มันจะขยันติดหนี้ผมไปถึงไหนกัน
ตอนผมช่วยมันที่ทะเลนั่นก็หนหนึ่ง . .
ผมส่ายหน้าเบาๆใส่ใบหน้าด้านข้างของคนที่ผมกำลังหิ้วปีก แม่งเสียฟอร์มชิบหาย แต่งชุดอย่างหล่อมาหิ้วไอ้ขี้เมาแบบนี้ ไม่เท่เลย เซ็ง
“ได้แล้วค่ะ” พนักงานสาวส่งใบมาให้ผมเซ็น ผมเซ็นอย่างเชี่ยวชาญ และเธอก็ส่งกุญแจมาให้ “ห้องที่คุณจองเพิ่มไว้ได้เรียบร้อยแล้วนะคะ”
ผมมีหนึ่งดอกอยู่กับตัวซึ่งก็คือห้องของสาวชุดแดง ส่วนอีกห้องผมเพิ่งได้มาเพราะผมต้องเก็บเพื่อนน้องชายเข้าไปในห้อง
อยู่ชั้นสิบสอง . .
เห็นเตี้ยๆก็นึกว่าตัวจะบาง ไม่บางเลยแถมยังโคตรหนัก ผมลากมันไปที่เตียงอย่างยากลำบาก ทิ้งมันลงตรงนั้นอย่างไร้ความปราณีเพราะแขนผมโคตรล้า เหนื่อยมากบอกตรงๆและหลังๆมันก็เริ่มแสดงฤทธิ์เดชออกมาให้เห็น
มันเมาแล้วมันเป็นพวกชอบกัดเหรอ แขนผมมีรอยเขี้ยวของมันมากกว่าสามที่ ที่ไหล่ก็โดนกัด . .
หรือแม่งจะจินตนาการว่าตัวเองเป็นแวมไพร์ กูล่ะเพลีย = =
“นอนแม่งอยู่นั่นแหละ ไม่ต้องมากัดกูอีกนะ”
ผมพูดอย่างโกรธๆกับคนเมา ที่พอหัวถึงหมอนปุ๊บแม่งก็นอนตะแคงเอาขาก่ายหมอนข้างปั๊บ ดีนะที่ไม่กัดหมอนข้างด้วยไม่งั้นผมคงขำตาย
มันนิ่งไม่ตอบผม แน่ล่ะตอบก็ปาฏิหาริย์แล้ว . . มันหลับคร่อกหลับเป็นตายหลับไปเลยทั้งอย่างนั้น ทั้งเสื้อแจ๊คเก็ตทั้งรองเท้าบู๊ต ผมมองอย่างเอือมๆ ถ้าหลับทั้งอย่างนั้นคงไม่มีวันหลับสบาย รองเท้าดูหนักจะตายไม่รู้มันนึกคึกมาใส่รองเท้าแบบนี้ทำไม หนักก็หนักถึงแม้ว่าจะเท่ก็เถอะ
ผมถอนหายใจและก็นั่งลงตรงปลายเตียง กะจะถอดรองเท้าให้ไอ้ไนท์ และเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้มันในวันนี้ . .
“ไอ้เหี้ย!!!!!!!!!!!!” โหยยยยยย มันเสือกจะดิ้นตอนที่ผมจับเท้ามันไว้และเตะเข้าอย่างจังตรงปลายคางของผม ใบหน้าของผมเงยขึ้นไปมองดาวระยิบระยับทันทีอย่างโคตรมึน ไอ้เชี่ยนี่ตีนหนักโคตร โคตรๆเลย
“ไอ้สัด!!!!!!!!!!!!” ผมด่ามันคืน เหวี่ยงเท้ามันกลับลงที่เดิมอย่างโกรธๆ กูเหนื่อยมึงเข้าใจกูมั้ย
“ไอ้จัญไร ไอ้ควาย ไอ้อุบาทว์!!!!!!!”
อ้าปากค้างเพราะไม่เคยโดนคนเมาใส่เป็นชุดแบบนี้ .. แต่ดูเหมือนมันจะหลับตาด่าใครสักคนในจินตนาการของมันมากกว่า เพราะมันไม่รับไม่รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ . .
ใครจะทำให้มันเกลียดได้ถึงขนาดนั้น . .
“มึงมัน . . ทุเรศ”
แล้วมันก็ร้องไห้โว้ยครับ มันทำผมตะลึงงัน นั่งตัวแข็งมองมันอยู่อย่างนั้น ร้องไห้เบาๆแบบไม่ค่อยมีเสียง น้ำตาไหลออกมานิดหน่อยแต่ดูจากท่าทางก็รู้ว่ามันอดกลั้นความเสียใจเอาไว้แค่ไหน
เป็นครั้งแรกที่ผมนึกสงสารมัน . . ผมไม่รู้ว่าไอ้เด็กไนท์มันผ่านเรื่องอะไรมาบ้าง และทำไมต้องดูเหงาดูเดียวดายขนาดนั้น
“ยอมวันนี้วันเดียวนะ” ผมพึมพำ . . แล้วก็ค่อยๆถอดรองเท้าออกให้มันช้าๆ คราวนี้มันไม่ได้ดิ้นพล่านเอาเท้ามาเสยคางของผมอีกแล้ว เพราะมันมัวแต่ร้องไห้เบาๆเงียบๆอยู่อีกฝั่งของเตียงภายใต้ผ้าห่ม
รู้สึกแปลกๆวูบๆโหวงๆเหมือนกัน จู่ๆก็ได้มาเห็นไอ้เด็กปากกล้าไม่เกรงกลัวอำนาจใครในมุมนี้ที่ผมคาดว่าคงมีน้อยคนนักที่จะได้เห็น . .
พอผมถอดรองเท้าให้มันเสร็จ (ถุงเท้าด้วยเถอะ ให้ตาย) . . ผมก็นั่งอยู่สักพัก มองร่างที่อยู่ใต้ผ้าห่ม จนกระทั่งตัดสินใจถอดเสื้อแจ๊คเกตที่โคตรหนานั่นให้ออกมาจากตังของมันด้วย
คราวนี้ดูเหมือนจะยากกว่าถอดรองเท้าเยอะ
เพราะมันเล่นกอดหมอนข้างราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นสุดท้ายของชีวิต ผมนี่แกะแล้วแกะอีกมันก็ไม่ยอมปล่อยมือจากหมอนข้างจนผมเหนื่อย
แม่ง เรื่องของมึงแล้วโว้ย!!!!
ถึงเวลาที่ผมต้องกลับบ้านกลับช่องของตัวเองเสียที สาวก็ไม่ได้แอ้มแถมยังมีภาระตัวใหญ่เป้งที่ไม่รู้เหมือนกันว่ามันโผล่มาจากไหน ผมควักเงินสดออกมาจากกระเป๋าสองพันแล้ววางไว้บนโต๊ะหัวเตียง สองพันนี่มากพอที่จะทำให้มันบินไปต่างจังหวัดได้เลยนั่นหมายความว่าคงถึงบ้านมันที่กรุงเทพแน่ๆ พอให้เงินมันไปแล้ว ผมว่าน่าจะหมดภาระของผมแล้วมั้ง เพื่อนน้องชายกูดูแลได้ดีที่สุดแค่นี้แหละ
ผมขยับคออย่างเมื่อยล้า ยัดกระเป๋าตังค์เข้ากางเกงแล้วก็จะเดินออกไปข้างนอก คงไม่ไปแอ้มสาวชุดแดงที่อยู่อีกห้องแล้ว เหนื่อยมากหมดอารมณ์ กลับบ้านไปนอนดีกว่า , ,
ทันทีที่ผมจับลูกบิดประตู . . เสียงแผ่วๆก็ดังขึ้นในห้องมืดๆ . .
“อย่าไปเลยนะ . .”
ไอ้เมามันพึมพำด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง คือมึงไม่ได้พูดกับกูแน่ใช่มั้ยทำไมมันเหมาะเจาะเหมาะเหม็งไปทุกอย่างแบบนี้วะ
“ไนท์ขอร้อง . . นะครับ . . พี่อาร์ต”
คำตอบของทุกอย่างที่มันเพ้อถึงได้ออกมาจากปากของมันแล้ว . . พี่อาร์ต . . ผมเดินกลับเข้ามากอดอกมองดูมันแล้วหัวเราะหึหึ ไม่ได้สะใจแต่อย่างใดแต่มันอดขำไม่ได้ ที่แท้ไอ้เด็กนี่ก็มีใครในใจเป็น มิหนำซ้ำยังดูฝังอกฝังใจมากด้วยจนเมาและก็เพ้อแบบนี้
ผมถอนหายใจ นั่งแหมะลงบนเตียง เอาตัวพิงผนังหัวเตียง . . และก็นั่งลงเฉยๆ
“อย่าไปเลยนะพี่อาร์ต . . อย่าไปจากไนท์ . .”
มันยังคงร้องไห้ไม่หยุด . . ผมค่อยๆตัดสินใจเอามือไปลูบศีรษะที่มีผมนิ่มๆนั่นอย่างแผ่วเบา เผื่อมันจะหลับตาลงนอนได้ วิธีนี้ตอนเด็กๆผมใช้กับไอ้เจ้านายบ่อยเวลาที่มันร้องไห้คิดถึงแม่หรือคิดถึงพ่อเวลาที่พ่อไปทำงานที่โคตรไกลบ้าน และมันได้ผลชะงัดเสมอ
“อย่า . .”
อย่างน้อยมันพูดน้อยลงล่ะวะ ผมค่อยลูบหัวมันเบาๆจนกระทั่งมันเงียบไปในที่สุด นั่นหมายความว่าวิธีที่ผมใช้กับไอ้เจ้านาย สามารถใช้ได้ผลกับไนท์ . .
อดไม่ได้ที่จะพูดติดตลก . . แอบแซวเจ้าร็อตไวเลอร์ที่บัดนี้ละม้ายคล้ายชิสุกำลังนอน . .
“พี่อาร์ตไม่อยู่หรอกนะ . . จะมีก็แต่พี่ขุนนี่แหละ . .” เช้าวันต่อมาผมมาถึงออฟฟิศอย่างคนสะโหลสะเหล . . กว่าไอ้ไนท์จะหลับลงได้ก็เกือบตีสาม ผมจึงได้กลับบ้านไปนอนถึงตีห้า หกโมงก็ต้องโผล่มาที่บริษัทแล้ว ศิริรวมผมได้นอนแค่สองชั่วโมงเท่านั้น อยากจะตายเสียให้ได้ นี่ขนาดคุณจิ๊บเลขาผมที่เป็นเจ้าของหุ่นโคตรเอกซ์ก็ไม่สามารถทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเต็มๆตาได้ . .
“คุณจิ๊บ . . ฮ้าววววว มีอะไรให้ผมเซ็นรึเปล่าเช้านี้” ผมพูดไปด้วยหาวไปด้วย
“มีจากเมื่อคืนประมาณสามแฟ้มค่ะ จิ๊บวางไว้ให้ที่โต๊ะแล้ว” เธอพูดฉะฉานแต่ก็มองมาที่ผมอย่างเป็นกังวล “บอสจะรับกาแฟมั้ยคะ . .”
“คุณจิ๊บก็รู้ผมไม่ชอบดื่มกาแฟ”
“แต่สภาพบอสต้องการการพักผ่อนจริงๆนะคะ”
“ไม่เป็นไรน่า . . ผมไหว”
“แน่นะคะ” เธอถามย้ำเพื่อความแน่ใจ “เพราะว่าวันนี้มีสัมภาษณ์ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีสามคนค่ะ”
“อ้อ ใช่สินะ . . เอ๊ะ บัญชีเหรอ . . คุณอดิศรผู้จัดการฝ่ายบัญชีเค้าไม่ว่างสัมภาษณ์เองรึไง” . . ทำไมต้องโยนมาให้ตูด้วย ตูง่วง T_T
“เอ่อ บอสเพิ่งอนุญาตให้เขาลาหยุดสามวันเพื่อไปดูแลแม่เมื่อวานนี่เองค่ะ”
ตึง!!!! . . เสียงหงายเงิบที่บังเกิดขึ้นอยู่ในใจของผมนี่เอง . . ใครจะไปจำได้วะพนักงานที่ดูแลก็มีหลายร้อย . .
“บอสเป็นคนออกนโยบายเองนะคะว่าหากผู้จัดการฝ่ายไม่อยู่ บอสจะต้องเป็นคนสัมภาษณ์พนักงานใหม่เองทุกคน . .”
จ้ะๆๆ . . เดี๋ยวจะเปลี่ยนนโยบายพรุ่งนี้แหละ “โอเค คุณนัดพวกเขาไว้กี่โมง”
“แล้วแต่บอสค่ะ”
ถึงเวลาทดสอบเด็กใหม่ . . “บอกพวกเขาให้มาพบผมตอนเก้าโมง เดดไลน์คือเก้าโมงสิบห้า ถ้ามาไม่ทัน อดทำงานบริษัทนี้”
“หวะ ว่าไงนะคะ”
“ได้ยินชัดแล้วนี่คุณจิ๊บ”
“แต่ว่า . .”
“คุณอย่าลืมว่าคุณเองต้องผ่านบททดสอบจากผมตั้งหลายอย่างกว่าคุณจะได้มาเป็นเลขาของผมนะ”
เธอเถียงไม่ออก . .
“โทรไปนัดพวกเขาตามนั้น”
“ค่ะบอส”
ผมเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตู แล้วก็ทิ้งตัวนั่งพิงประตูอย่างคนที่หมดแรง . . โคตรง่วงแบบง่วงบรรลัย พวกที่จะมาสัมภาษณ์ก็ซวยไป ดันมานัดวันที่ผมอารมณ์ไม่ค่อยดีเพราะนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
ผมเคลียร์สามแฟ้มจนเสร็จแล้วก็หลับโดนใช้ขาพาดบนโต๊ะของตัวเอง รอเวลาเก้าโมงที่จะต้องสัมภาษณ์พนักงานใหม่ . .
จนกระทั่งแปดโมงห้าสิบ ผมได้ยินเสียงเคาะประตูโคตรดัง . . ไอ้เหี้ย นักเลงยึดบริษัทกูเหรอ
“เห้ย มึงอยากเข้ามามึงก็เข้ามา” ผมตะโกนร้องบอกไปตัดความรำคาญเพราะเมื่อกี้หลับลึกไปมากแล้วจู่ๆเสียงก็ดังขึ้นแบบนี้
ประตูเปิดพรวดออก เห็นไอ้ชิสุเข้ามาด้วยสภาพร่างกายชุดเดิมจากเมื่อคืนเด๊ะๆ คุณจิ๊บกับรปภตามหลังมาท่าทางจะห้ามเอาไว้ไม่ทัน
“ออกไปก่อนครับ” ผมไล่พวกเค้าออกไป . . ทุกคนทำตามยกเว้นคุณจิ๊บ “ไม่เป็นไรครับ คนนี้ไม่มีฤทธิ์เดชอะไรมากมาย” เมื่อคืนยังร้องไห้เป็นหมาหงอยให้ผมเห็นอยู่หยกๆ
“ว่าไงนะ” ผมกระตุกหนวดแมวเข้าให้แล้ว “กล้าดียังไง”
“มีอะไร” ผมถามอย่างเหนื่อยๆ นวดหัวตาไปด้วยตอนที่คุณจิ๊บออกไปแล้ว
“เมื่อคืนมึงจ่ายค่าเหล้าให้กูเหรอ”
“เออ” ตั้งแปดพันกว่า . .กูไม่ลืมง่ายๆหรอก
“กูไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร โดยเฉพาะคนอย่างมึง” ไม่รู้มันเกลียดผมเพราะอะไร . . “ตอนที่อยู่ทะเลนั่นก็ด้วย”
“ก็ดีนี่ . .” ผมยักไหล่ “จะทำอะไรใช้หนี้ดีล่ะ”
“เดี๋ยวเอาตังค์มาคืนให้เย็นนี้แหละ”
“ง่ายไป” ผมสวนทันที ผมเหนื่อยแบกมันปลอบมันแทบตายจะเอาเงินมาให้เฉยๆได้ยังไงมันจะสนุกตรงไหน “ต้องมากกว่านั้นสิ”
“ไอ้ . .” ดูเหมือนมันจะเถียงผมไม่ออก “ต้องการอะไร ว่ามา”
ติ๊ง . .
เสียงนาฬิกาดังบ่งบอกเวลาว่าเป็นเวลาเก้าโมง พร้อมๆกับคนที่โผล่พรวดเข้ามาในห้องอีกคนสภาพเหงื่อซ่กไปทั้งตัว . . คนนี้คุณจิ๊บห้ามไว้ไม่ทันอีกแล้ว . .
เด็กใหม่ที่จะมาสัมภาษณ์งานนี่เอง ผมยกมือทักทายเขา ส่วนเขาหอบแฮ่กก้มหน้าก้มตาตั้งใจหาออกซิเจนเข้าปอดอย่างเดียว
เพิ่งสังเกตว่าไอ้ไนท์ทำหน้าอึ้ง . . อึ้ง . . และอึ้งมากเมื่อเจอเด็กใหม่
“พี่อาร์ต”
หวะ ว่าไงนะ . . พี่อาร์ต? ผมพยายามส่องดูปฏิกิริยาของทั้งคู่อย่างรวดเร็วเพื่อปะติดปะต่อเรื่องราว ไอ้คนที่ชื่อพี่อาร์ตเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงรำพึงของไนท์ และมันก็มีสีหน้าตกอกตกใจไม่แพ้ไอ้ไนท์เหมือนกัน
อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นวะ . .
ผมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง นั่งลงบนโต๊ะอย่างวางมาดผู้มีอำนาจสูงสุดของบริษัทนี้ . .
“รู้จักกันเหรอ” ผมถามลอยๆ
พวกมันไม่ตอบ มัวแต่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ดูก็รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่ผ่านมาด้วยกันแหงซะ . .
และพอได้มองหน้าไอ้เด็กใหม่ดีๆ ผมก็พอจะเข้าใจว่าทำไมไอ้ไนท์ถึงจงเกลียดจงชังผมตั้งแต่แรกเห็นแบบไร้เหตุผลขนาดนั้น
ไอ้อาร์ตมันสูงเท่าผม ทรงผมคล้ายๆผม . . หน้าตาคล้ายๆผม . . อาจจะแตกต่างกันตรงสีผิวตรงที่ผิวของผมเข้มกว่า . .
มิน่าล่ะ . .
หึ ผมนึกอะไรดีๆออกแล้ว
“ผมรับคุณเข้าทำงาน คุณผ่านการสัมภาษณ์แล้ว . .” ผมบอกไอ้อาร์ต หันไปมองไอ้ไนท์ “ส่วนมึง . . ต้องใช้หนี้กูด้วยการ . .”
“ . . เป็นเด็กฝึกงาน” ขอใช้บ้าง อันนี้ฮิตดีนะ ^^