ร้ายที่ 32 มังกรแปลกๆไปหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นมาพบกับมังกร . .
บ่อยครั้งที่มันเอาแต่นั่งซึม จากที่มันเคยหน้านิ่งๆอารมณ์เดียวตลอดเวลาแต่ทว่าบัดนี้กลับมีเรื่องให้ซีเรียสและคิดมากจนต้องแสดงออกออกมา ผมเองก็ถามไปหลายครั้งหลายครา มังกรก็ยังคงไม่ยอมตอบคำถามของผม นั่นทำให้ผมเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาเรื่อยๆ
“เรียนเสร็จแล้วไปไหนต่อวะ” ผมที่พยายามติดต่อมังกรอยู่แต่ไม่สำเร็จหันไปถามเพื่อนแฝด ที่ตอนนี้ดูเหมือนผมจะมีไอ้ธีเป็นเพื่อนคุยคนเดียว เพราะไอ้ธัญกลายเป็นมนุษย์เงียบไม่พูดไม่จากับผมเลย . .
ธีมองไปหาธัญ ก่อนตอบ “สงสัยต้องกลับบ้าน”
“มันเป็นอะไรของมัน มันโกรธอะไรกูรึเปล่า” ผมถามธีอย่างใจเย็น และถ้าไอ้ธัญยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป ผมอาจจะใจร้อนขึ้นมาก็ได้
“เชื่อกูนะเจ้านาย” ธีจับไหล่ผมให้หันไปหามันอย่างซีเรียส “ช่วงนี้ปล่อยมันไปก่อน”
“มีอะไรก็ไม่เล่าให้กูฟัง เดี๋ยวจะหาว่ากูไม่สนใจเพื่อนอีกล่ะ”
“เอ่อ ..”
“ธี มึงแอบมันมาเล่าให้กูฟังไม่ได้รึไง”
“สักวันมึงต้องรู้เจ้านาย สักวัน”
ช่างเป็นแฝดที่มีความลับมากมายเหลือเกิน . . ผมถอนหายใจดังเฮือกไม่อยากเอาเรื่องของเพื่อนมาคิดเพิ่ม เพราะเรื่องคนของตัวเองก็ปวดหัวจะตายห่าอยู่แล้ว
มีเรื่องเดือดร้อนทำไมไม่เล่าให้ผมฟังบ้าง ทำไมเอาแต่เงียบและก็คิดมากอยู่คนเดียวแบบนั้น ถึงแม้ผมจะรู้ว่าตัวเองไม่มีศักยภาพมากพอที่จะช่วยเรื่องของมันได้ แต่อย่างน้อยผมก็รับฟังได้นี่หว่า
ในเวลาบ่ายสามกว่าๆที่ส่วนใหญ่นักศึกษาจะแข่งกันออกไปข้างนอกมหาวิทยาลัย ผมยืนเกาหัวงงๆอยู่หน้าตึกไม่รู้จะพาร่างกายไปไหนดี แฝดเพื่อนรักก็แยกกันไปอีกทาง แฟนก็ติดต่อไม่ได้ หรือผมต้องแอบไปนั่งเหี่ยวในคอนโดเหมือนเดิมหว่า จะออกไปไหนไอ้พี่ขุนก็จะรู้และก็โทรตามให้กลับคอนโดทันทีถ้าไม่มีไอ้มังกรหรือคนอื่นๆอยู่ด้วย แม่ง มันเซ็งตรงนี้แหละ
ผมมองเห็นคนของพี่ขุนยืนอยู่ไกลๆอีกฟากหนึ่งหน้าตึก . . อย่างน้อยวันนี้กูก็ไม่ได้อยู่คนเดียววะ มีบอดี้การ์ดแบบห่างๆยืนอยู่ตั้งโน่น . .
“ขอโทษนะคะ”
มีคนสะกิดผม ผมหันหลังไปเห็นเด็กปีหนึ่งประมาณสามสี่คน
“ว่าไง”
“มีคนอยากรู้ว่าพี่คบกับคิงตอนนี้จริงๆรึเปล่าคะ”
ผมว่ามันนั่นแหละอยากรู้เอง . . ดูทำหน้าเข้า แม่งเหมือนลุ้นคำตอบชิบหาย
“คิดว่าไงล่ะครับ”
“เอ่อ . . ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ค่ะ แต่เห็นพี่กับคิงไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ก็เลย . . . . สงสัยอ่ะค่ะ”
“คนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนกันเสมอไปหรอกครับ”
ผมถือโอกาสอบรมสั่งสอนพวกเธอ . . สาบานได้ว่าผมหน้าของพวกเธอหลุดดีใจออกมาทุกคนเลย แต่ขอโทษที่ผมต้องสต๊อปความสุขของพวกเธอเอาไว้ก่อน
“แต่พี่กับมังกร . . คบกันอยู่ครับ” พูดจบผมก็เดินหนีเพราะดันไปเกรียนใส่รุ่นน้อง ไม่ใช่อะไรผมกลัวโดนส้นตรีนพวกเขาต่างหาก สี่รุมหนึ่งเป็นผู้หญิงด้วยใครจะกล้าเล่นด้วยเล่า . .
สักพักหนึ่งก็มีคนเดินมาหาผมอีกแล้ว . . ท่าทางวันนี้ผมจะขายดีเป็นพิเศษ
“ก้าว กิตติเกษมใช่มั้ยคะ” เธอถามผม ผมมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งใบหน้าและการแต่งตัวของเธอเป็นทางการเหมือนพวกเลขาในทีวี
เธอหน้าตาคุ้นๆอย่างประหลาด เหมือนผมเคยเจอเธอเมื่อสองถึงสามวันก่อน ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นมาหาไอ้มังกร . .
“ใช่ครับ” ผมกระตือรือร้นที่จะคุยกับเธอเป็นพิเศษ เพราะรู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นมากแน่ๆ ผู้หญิงคนที่ดูเหมือนนางพญานั่น
“รบกวนตามดิฉันมาหน่อยได้มั้ยคะ เจ้านายดิฉันอยากพบคุณ”
แน่นอนว่าผมเดินตามเธอไปทันที ผมตามเธอขึ้นไปบนรถยุโรปคันหรูที่มีเจ้านายของเธอนั่งข้างใน นางพญาจริงๆด้วย . . ข้างในรถมีแต่หลุยวิคตองเต็มไปหมด
“มีไรกับผมเหรอครับ” ผมสุภาพไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่
“เธอเป็นเพื่อนกับหลานชายของฉันใช่มั้ย”
“หลานชาย!” ผมร้องเสียงหลง . . ไอ้มังกรลูกชายร้านขายน้ำเต้าหู้เป็นญาติกับนางพญาหลุยส์วิคตองคนนี้จริงๆน่ะเหรอ
“นี่เธอไม่รู้เลยรึไง”
“อ๋อ ผมจำคุณได้ . . คุณต้องรู้จักกับพ่อของผมแน่ๆ” เพราะผมเคยเห็นเธอตามงานสังคมต่างๆที่ผมเคยเกาะติดพ่อไป
“คุณเมสิตา ธวัชพลังกร” ทำไมผมไม่นึกออกให้เร็วกว่านี้นะ . . ผมรู้จักลุงเมฆ ผมก็ต้องรู้จักคนๆนี้สิ . .
เธอเป็นคุณย่าแท้ๆของไอ้มังกร . .
“และเธอก็เป็นลูกชายของอีตากิต เจ้าบ้าจอมกวนประสาทนั่น” ผมไม่โกรธสักนิดที่เธอว่าพ่อผมอย่างนั้น เพราะพ่อผมก็กวนประสาทจริงๆนั่นแหละ
“ใช่ครับ” ผมเริ่มหวาดระแวงนิดๆแล้ว เพราะไม่รู้ว่าเธอต้องการจะพูดกับผมเรื่องอะไร
“อันที่จริงที่ฉันมาวันนี้ก็ไม่ได้จะมาเพื่อพูดเรื่องพ่อของเธอหรอก”
ผมก็พอจะรู้ . .
“เรื่องหลานของฉัน”
“มังกรทำไมเหรอครับ” ให้ตาย ตอนนี้ผมรู้สึกใจเต้นอย่างประหลาด กลัวโน่นนี่นั่นไปหมดอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน ผู้หญิงคนนี้ทรงพลังเป็นอย่างมากดูจากน้ำหนักของเงิน น้ำหนักของหลุยส์วิคตองของเธอแล้ว เธอคงทำอะไรได้มากกว่าที่คนอย่างผมจะคาดคิดได้
“เธอคบกับหลานของฉันอยู่ใช่มั้ย”
เป็นคำถามที่ให้ความรู้สึกเหมือนผมโดนฟ้าผ่ากลางบาล . . ผมกลัวคำพูดที่เธอกำลังจะพูดต่อไปนี้ชะมัด ผมกลัวจริงๆนะ . .
“ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าหลานฉันกับเธอจะคบกัน ฉันหัวสมัยใหม่อยู่แล้ว”
หลังจากที่ฟ้าผ่าลงกลางกบาล . . ท้องฟ้าที่สดใสอากาศเย็นสบายก็ลอยเข้ามาแทนทีแทบจะในทันที . .
“แต่ฉันขออะไรเธออย่างหนึ่ง . .”
ประเด็นมันอยู่ตรงนิ้สินะ . .
“ฉันต้องการให้มังกรไปอยู่กับฉัน . .”
ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับมันอยู่แล้ว ถ้าเอาพ่อของมันกลับไปอยู่ด้วยอ่ะนะ . .
“. . ที่อเมริกา” คราวนี้กระแสอากาศแปรปรวนทั้งลมกระโชกแรงมรสุมพายุคลื่นยักษ์ทุกอย่างกำลังถาโถมเข้าใส่ผม . . ผมอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ว่าไงนะครับ”
“ถ้าเธอรักหลานชายฉันจริง เธอก็อยากจะให้เขาได้ดิบได้ดีใช่มั้ยล่ะ” คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณย่าของมังกรหันมาพูดกับผมด้วยใบหน้าที่ซีเรียส “ที่อเมริกาฉันมีเพื่อนที่มีชื่อเสียงด้านอาร์ตแกลเลอรี นำผลงานของมังกรไปแสดงก็คงจะทำให้เขามีชื่อเสียงไม่น้อย”
“แต่ว่า . . .”
“เธออยากจะให้หลานฉันขายน้ำเต้าหู้ต๊อกต๋อยต่อไปงั้นเหรอ เธอเองก็คงไม่ชอบนักหรอกใช่มั้ยที่เห็นเขาลำบากแบบนั้น”
“ผม . .”
“ยังไงก็ช่วยฉันพูดหน่อยก็แล้วกัน อเมริกากับไทยไปหากันได้ไม่ยากอยู่แล้ว ฉันรู้ว่าเธอมีปัญญาพอ”
ทำไมพูดออกมาเรื่อยๆเป็นน้ำไหลไฟดับแบบนี้นะ ผมไม่มีโอกาสจะพูดอะไรออกไปเลยด้วยซ้ำ ท่านเป็นใครกันถึงมาคิดแทนผมแบบนี้ ทุกอย่างมันเร็วไปหมด จะให้ผมคิดอย่างที่ท่านพูดทุกอย่างบางทีมันก็เป็นไปไม่ได้หรอกนะ
“ท่าทางหลานชายของฉันจะฟังเธอ . . เพราะฉะนั้นช่วยพูดให้ฉันที”
“ผมคิดแทนมังกรไม่ได้หรอกครับ” ผมตอบเธอตรงๆ “และผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะฟังผมรึเปล่าด้วย”
แต่มันน่าสงสัยนะ . . ผมพอจะรู้ว่ายังไงมังกรก็ปฏิเสธเงื่อนไขของคุณย่าของมันชัวร์ๆ แล้วทำไมมันต้องซึมเศร้าและก็คิดมากแบบนั้นด้วย
“เธอไม่อยากให้หลานชายของฉันได้ดิบได้ดีเหรอ เธออยากจะให้หลานชายของฉันต้องลำบากต่อไปงั้นเหรอ”
“แน่นอนว่าไม่หรอกครับ แต่ . .”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันให้เสียเวลาแล้วล่ะ”
“. . .”
“เธอจะต้องช่วยฉัน”
“กาแฟครับ” ไอ้เบ๊ที่ผมชักชวนเข้ามาทำงานเองเอากาแฟเข้ามาส่งเป็นรอบที่สามของวัน ปกติผมเป็นคนไม่ดื่มกาแฟเท่าไหร่ . . แต่หลังๆนี่รู้สึกจะแปลกไป
ในหัวผมคิดหางานให้มันทำอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นล่ะก็ . .
“ไปนะครับ”
มันก็จะพูดอย่างเย็นชาและก็หันหลังออกจากห้องทำงานของผมไปอย่างนี้ไง . .
นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว ไอ้ไนท์ถือว่าเป็นเด็กฝึกงานที่ดีเยี่ยม ตอนแรกผมคิดว่ามันจะโวยวายเหมือนนิสัยของมันที่ทำกับผมซะอีก แต่เปล่าเลย . . มันกลายเป็นเด็กน้อยน่ารักของออฟฟิศที่ใครๆต่างก็เรียกใช้ เพราะมันทำตัวเคารพนบน้อมต่อคนอื่นไม่พองานที่ใครก็ตามสั่งให้มันทำก็เนี้ยบปิ๊งกว่าคนที่อยู่มานานซะอีก เรียกได้ว่าใครๆก็เรียกน้องไนท์ๆๆๆอยู่นั่นจนบางครั้งหลังจากเสร็จงานมันก็ต้องถูกพนักงานของผมชวนไปดื่มต่อเกือบจะทุกครั้งไป
แต่มันเป็นเด็กฝึกงานที่มีเวลาไม่ค่อยแน่นอน วันแรกที่มันมาฝึกคือวันอาทิตย์ และวันธรรมดามันก็ยังคงมีเรียนอยู่ ตอนไหนมีเรียนมันก็ขับเบนซ์ไม่ก็บีเอ็มของมันไปเรียน(เห็นมันสลับรถใช้อยู่แต่สองยี่ห้อนี้) พอเรียนเสร็จมันก็มาที่ออฟฟิศนี้ต่ออย่างคนมีความรับผิดชอบ
ซึ่งนั่นผิดจากที่ผมคาดคิดเอาไว้มาก . . และมีอีกเรื่องที่ผิดจากที่ผมคาดคิด ซึ่งหนักหนาสาหัสกว่าเรื่องแรกมาก
ดูเหมือนมันจะไปได้ดีกับไอ้เชี่ยอาร์ต(เรียกเขาเชี่ย?) เพราะจากวันแรกที่ดูไม่ค่อยคุยกัน เดี๋ยวนี้กลับคุยกันมากขึ้น ยิ้มให้กันมากขึ้น และล่าสุด . .
ผมเห็นไอ้เด็กไนท์ขับรถไปกับไอ้อาร์ตเมื่อคืน!!!
ก็ดีอยู่หรอกที่คนอย่างผมสามารถปูโอกาสให้สองคนที่เคยรักกันกลับมารักกันได้ แต่ทำไมยิ่งเห็นมันก็ยิ่งขัดใจ ทำไมนะทำไม . .
ตอนนี้หน้าต่างในห้องทำงานของผมเป็นสถานที่ที่ผมสิงสู่เป็นประจำเป็นที่เรียบร้อย มือของผมถือกาแฟ มืออีกข้างดึงม่านลง สายตาของผมมองไปยังบรรยากาศในออฟฟิศ หรือจะพูดให้ถูกก็คือมองหาไอ้เด็กฝึกงานในชุดนักศึกษาที่มีป้ายห้อยคอว่า TRIANEE
“บอสคะ”
คุณจิ๊บโผล่เข้ามาในห้อง นั่นทำให้ผมตกใจถึงขนาดทำกาแฟกระฉอกรดเสื้อเชิ้ตตัวเองและด้วยความร้อนก็ทำให้ตัวเองดิ้นพล่านไปนั่งแหมะบนเก้าอี้นวมในห้อง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นสเตปที่โคตรไม่น่ามองเอาเสียเลย
คุณจิ๊บผงะ “ขอโทษค่ะบอส พอดีจิ๊บคิดว่า . .”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
“เดี๋ยวจิ๊บไปหยิบเสื้อบนรถมาให้นะคะเปลี่ยนนะคะบอส นี่ผ้าเช็ดค่ะ” เธอยื่นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูของเธอมาให้ผมเช็ดเสื้อตัวเอง ซึ่งตอนนี้ดำกระดำกระด่างเป็นรอยกาแฟเป็นที่เรียบร้อย . .
“เอ่อ ผมคิดว่าวันนี้ผมไม่ได้พกชุดสำรองมานะ” ผมกระแอมแก้เขิน เพราะเลขาของผมเธอคงเห็นผมทำอะไรประหลาดๆอยู่แถวหน้าต่างเพื่อส่องเป็นที่เรียบร้อย
“บอสไปทำอะไรข้างหน้าต่างตรงนั้นเหรอคะ จิ๊บเห็นหลายวันมานี่บอสอยู่แต่ตรงนั้น . .” เธอหรี่ตาอย่างจับผิดผม
“ไม่มีอะไรหรอกคุณจิ๊บ”
“แล้วเรื่องเสื้อนี่ . . จะทำไงดีคะ”
“ผมจะลองค้นในตู้นี้ดูนะ” ผมเดินอ้อมไปยังหลังโต๊ะทำงานที่มีซอกตู้เสื้อผ้าสำรองของผมอยู่ มีสูทชุดหลายชุดน่ะครับ ผมเตรียมการเอาไว้เผื่อได้ไปไหนมาไหนหลายที่
แต่ทว่า . . มีแต่สูททำไมไม่มีเชิ้ตวะฟวยยยยยยยย . .
โคตรซวยเลย . .
“เอาไงดีคะบอส”
“ช่างเถอะครับ” ผมบอกปัด “ว่าแต่คุณเข้ามาหาผม มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
“อ๋อ จิ๊บจะมาเตือนคุณน่ะค่ะ” เธอเปิดสมุดจดงานของเธอขึ้นมา เชื่อเถอะว่าในนั้นไม่มีงานของเธอหรอก มีแต่งานของผมทั้งสิ้น “ตอนบ่ายคุณมีนัดวัดตัวตัดชุดสูทใหม่ที่ห้องเสื้อนาดองส์”
“งั้นก็พอดีเลยดิ โอเค ผมจะไปหาเสื้อใหม่ที่นั่น ฝากงานที่นี่ด้วยนะ”
“บอสไม่ให้จิ๊บไปด้วยเหรอคะ”
“ไม่เป็นไร คอยรับโทรศัพท์อยู่ที่นี่ละกันนะ”
เป็นความโชคดีของผมใช่มั้ยที่เกิดมาสูงหน้าตาดีและก็หุ่นดี . . (เชิญอ้วกกันได้ตามสบาย) . . เนื่องด้วยผมเป็นนักธุรกิจอายุยังน้อยบวกกับต้องปรากฏตัวตามงานสังคมต่างๆเลยมีคนมาให้การสนับสนุนเยอะด้านเครื่องแต่งกาย เรียกได้ว่าเอาของเขามาใส่ให้สื่อเห็นและจะได้เป็นการโฆษณาในตัวนั่นแหละครับ วันนี้เป็นคิวของนาดองส์ . . ผู้ดูแลชุดสูทของผมแทบทุกชุด
ผมเดินตัวเปื้อนกาแฟออกไปข้างนอก พนักงานทุกคนเห็นสภาพผมถึงกับผงะ และก็หันไปหาไอ้ไนท์อย่างอยากรู้อยากเห็น
“เมื่อตะกี้น้องไนท์แกล้งบอสเหรอ น้องไนท์เอากาแฟไปเสิร์ฟบอสนี่” พนักงานฝ่ายบัญชีถามทีเล่นทีจริง
ไอ้ไนท์ที่กำลังเรียงเอกสารอยู่บนโต๊ะไอ้อาร์ตทำหน้างง . . ไอ้เชี่ยอาร์ต เรียงเอกสารเองก็ทำไม่เป็นเหรอ ?
“ผมเปล่านะ”
“เด็กฝึกงาน” ผมเรียกมัน
“. . ครับ” เงียบอยู่นานก่อนหันมาตอบ
“สงสัยคุณต้องออกไปกับผมซะแล้วล่ะ”
“ไงนะครับ”
“ผมสั่งคุณอยู่นะ”
“ไปไหนครับ”
“ตามมาเถอะน่า”
มึงจะให้กูยืนจังก้าเป็นหุ่นโชว์เสื้อเปื้อนกาแฟอยู่อีกนานมั้ยฮะ ผมทำหน้าโหดสั่งมันในคราบของบอสใหญ่ จนในที่สุดมันก็พยักหน้าเข้าใจ และก็วางงานของไอ้อาร์ตลงบนโต๊ะตามเดิม
“ไปนะครับพี่อาร์ต”
“อ๋อ อื้อ ซื้อของมาฝากด้วยนะ” ไอ้อาร์ตยิ้มให้ไอ้ไนท์จนตาหยี ไอ้ไนท์ยิ้มตอบเบาๆ สาบานได้ ผมก็เพิ่งจะเคยเห็นรอยยิ้มแบบนั้นของมันนี่แหละ
แม่งหมั่นไส้ฟ่ะ . . นี่ออฟฟิศกูกลายเป็นการเดทของใครบางคนไปแล้วเรอะ!!!
แต่ก็บ่นไรมากไม่ได้ เพราะผมเป็นคนทำให้พวกมันแม่งเริ่มเข้าหากันมากขึ้นเอง มันช่วยไม่ได้
“จะไปได้ยัง”
ไนท์เบะปากใส่ผม . . ก่อนตอบ “ครับ”
สองมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด ผมพ่นลมออกทางจมูกก่อนที่จะเดินนำออกไปโดยมีไอ้ไนท์เดินตามมา
“จะไปไหนวะ” พอออกจากใต้ร่มเงาของออฟฟิศปุ๊บ ไอ้ไนท์ก็พ่นคำปกติที่มันใช้กับผมปั๊บ “จะแกล้งอะไรกูอีก แม่ง”
“กูไม่ได้แกล้ง มันเป็นงาน” งานจริงๆนะ . .งานจริงๆนะเว้ย “และมึงจะได้ฝึกกับกูนานขึ้นถ้ามึงยังพูดไม่เพราะแบบนี้”
“ก็ดีนะ”
มันพูดสั้นๆเรียบๆ แต่สามพยางค์นั้นทำเอาผมเคืองสุดกู่ . .
“จะพูดกับกูดีๆมั้ย”
“ไม่มีพนักงานคนไหนมาเห็นหรอก”
“กูแก่กว่ามึงนะ”
“ตอกย้ำความสูงอายุของตัวเองทำไม . .”
กูยอมแพ้มึงก็ได้ . . ไอ้เด็กเวร
ผมเดินพามันมายังโซนจอดรถของผู้บริหาร รถผมตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่คันเดียว อีกสองที่ข้างๆว่างเนื่องจากเจ้านายกับพ่อไม่ได้อยู่ที่ตึกนี้
“โหย แม่ง ไม่ยุติธรรมว่ะ ทำแบบนี้เปิดแอร์ให้รถมึงเลยมั้ย” ไนท์บ่น
“ทำไมวะ”
“ก็โซนจอดรถพนักงานแม่งแดดส่องเกือบทั้งวัน แต่โซนของมึงให้ตายแค่ไหนก็ไม่โดนแดด"
“อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ”
“กูจะไซโคพนักงานทุกคนให้ร้องเรียนเรื่องนี้เยอะๆ”
“เดี๋ยวๆ อะไรของมึงนี่” ชักจะมากเกินไปแล้ว “เดี๋ยวนี้เยอะไปแล้วนะ เด็กฝึกงานก็ส่วนเด็กฝึกงานสิวะ อย่ามาเยอะ”
มันหน้าบึ้งที่เถียงอะไรผมไม่ได้ . . ผมโยนเสื้อนอกตัวเองเข้าไปในรถก่อนจะยัดตัวเองเข้าไปในที่นั่งคนขับ ยื่นหน้าออกไปหาไอ้ชุดนักศึกษาที่ยังยืนอยู่ข้างนอก
“ยืนหาส้นตรีนของพระแสงเหรอ เข้ามาสิวะ”
“อ้าวไอ้เชี่ยนี่ หงุดหงิดเหี้ยไร”
มันบ่นหลังจากนั้นมันก็ยัดตัวเองเข้ามานั่งข้างๆคนขับซึ่งก็คือผม
ผมหงุดหงิดเหรอ . .นี่ผมกำลังหงุดหงิดเหรอ
“ขับออกไปสิครับบอสสสสสสสส” มันลากเสียงยาวอย่างประชดประชัน ส่วนในหัวผมก็กำลังคิดอยู่ว่านานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่มีใครมานั่งข้างๆผมบนรถส่วนตัวของผมแบบนี้
ไอ้เชี่ยนี่เป็นคนแรกในรอบสิบปีเลยมั้ง . .
ห้องเสื้อนาดองส์
“มาทำเหี้ยอะไรที่นี่ มาจ่ายหนี้เหรอ” ไอ้ไนท์มองไปรอบๆอย่างตื่นตะลึง เพราะข้างในห้องเสื้อหรูมากอลังมาก ชนิดที่ว่าเห็นแต่สีส้มกับสีทอง สีส้มคือหลอดไฟ สีทองคือเครื่องตกแต่งร้านทั้งหมด
“หรูสิ” ผมตอบสั้นๆ เสื้อสูทที่นี่ราคาอย่างต่ำหกหลักไม่หรูได้ไงล่ะ แต่โชคดีที่ผมได้ใส่ฟรี . .
“คุณกานต์ สวัสดีค่ะ คือ เอ่อ . .” ผู้จัดการร้านดูอึ้งกับรอยกาแฟบนเสื้อผม “อุบัติเหตุก่อนมาลองเสื้อเหรอคะ คิกคิก”
“นิดหน่อยน่ะครับ ใจร้อนอยากใส่คอลเลคชั่นใหม่เร็วๆ” ผมพูดเอาใจ . .
“แล้วคุณจะไม่ผิดหวังค่ะ วันนี้เหนื่อยหน่อยนะคะ เพราะต้องลองอย่างต่ำก็ 5 ชุดน่ะ”
“ใช้เวลาเท่าไหร่เหรอครับ” ไอ้เด็กฝึกงานที่ยืนอยู่ข้างหลังผมถามแทรกขึ้นมาอย่างไร้ซึ่งมารยาท ผมกลอกตาขึ้นไปบนเพดานอย่างเซ็งๆ . . ส่วนผู้จัดการร้านก็ดูเหมือนจะเอ็นดูไอ้ไนท์ดีถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่เด็กฝึกงานก็เถอะ . .
“ไม่เกินสองชั่วโมงค่ะ”
“โหยยย นานอ่ะ”
“มึงจะรีบไปทำส้นตึกที่ไหนวะ” ผมหันหลังไปด่ามัน ลืมตัวไปเลยสะดุ้งเพราะพนักงานสามสี่คนรวมผู้จัดการกำลังจ้องผมอยู่ . .
“แหะๆ ไอ้เด็กคนนี้มันหัวดีครับ มันเป็นเจ้าของแบรนด์รองเท้าส้นตึกที่กำลังมาแรง . .” ไม่รู้ว่าผมแถหรือผมแอบกัดเด็กข้างหลังก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าฟังออกมาดูพิลึกโคตรๆ
“อ๋อ เหรอคะ” ผู้จัดการพยักหน้าอึ้งๆ “เชิญข้างในก่อนดีมั้ยคะ”
ผมเดินตามหลังพวกพนักงานร้านไป แอบมองไปที่เด็กฝึกงานที่หิ้วมาด้วย มันนี่หน้าหงิกเป็นตูดเป็ดราวกับเด็กโดนขัดใจ ให้ตาย มันช่างแตกต่างจากน้องไนท์ที่แสนน่ารักและยิ้มเก่งของพวกพนักงาน
ต่างกันราวสวรรค์ชั้นฟ้ากับนรกขุมที่สามสิบสี่ . .
“มีให้ลองห้าชุดเหรอครับ” ผมกระซิบถามผู้จัดการลับหลังไอ้ไนท์
“ค่ะ . . เยอะไปใช่มั้ยคะ ขอโทษด้วยนะคะ”
“เอามาเป็นสิบเลยครับ . . ตัวที่เหลือผมซื้อก็ได้”
“หา ?”
“อะไรก็ได้ที่จะทำให้ผมเสียเวลาน่ะครับ . . จัดมาเลย”
“อ๋ออออ ค่ะ ได้เลยค่ะ” แม้จะงง แต่เธอก็ตบปากรับคำ
ในที่สุดผมก็ได้ถอดเสื้อเปื้อนกาแฟที่โคตรเหนียวออกไปสักที ดูเหมือนมันจะซึมเข้าไปในเสื้อกล้ามของผมด้วยแฮะ ผมถอดอาภรณ์ส่วนบนออกจนหมด
“บอสครับ นี่ชุด” ผมหันไปตามเสียงเรียก ประชดขนาดนั้นคงไม่ใช่ใครคนอื่นแล้วล่ะ ผมเห็นไอ้ไนท์ยืนถือชุดสูทคอลเลคชั่นใหม่ของห้องเสื้ออยู่ไม่ไกลจากห้องลอง ผมเลยเดินเข้าไปหา
แปลกที่มันถอยหลังกรูดราวกับผมเป็นอสุรกาย . .
“อะไร”
“…”
“เป็นอะไร”
“สารรูปมึง . .” มันมองมาที่ร่างกายส่วนบนของผม มองเหมือนคนไม่กล้ามองเท่าไหร่ ทำไมวะ ผมก็ว่าผมไม่มีไขมันตุ่ยๆให้น่าอายนะ “ . . ดูไม่ได้”
ได้ยินแล้วแม่งโคตรเสียเซลฟ์ . . “เอาชุดมา”
“เอาไปเลย!”
แม่งโยนของราคาแสนกว่าๆใส่มือของผมเหมือนโยนขยะใส่ ผมนี่รับเอาไว้แทบไม่ทัน พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที แม่งก็หายจ๋อมไปจากคลองสายตาของผมแล้ว . .
ผมลองชุดเสร็จผมก็เดินออกมาให้พนักงานดู . . ทุกคนมองด้วยความตกตะลึง ส่วนผมน่ะเหรอไม่เคยรู้หรอกว่าตัวเองใส่สูทแบบไหนถึงจะดูดี ไหนแต่ยืนงงๆให้ทุกคนดู รวมทั้งไอ้ไนท์ด้วย
ผมเห็นมันนั่งตัวลีบอยู่มุมหนึ่งของโซฟาตัวยาว . . สามารถได้ท่าทางมันเหมือนคนตัวลีบจริงๆ เพิ่งจะเคยเห็นเนี่ยแหละ
ผมเดินผ่านพนักงานหลายคนที่ดูเหมือนออกอาการเพ้อไปแล้วไปหาไอ้ไนท์ พอมันเห็นผมมันก็ยิ่งตัวลีบมากกว่าเดิม
“เป็นไร ไม่สบายเหรอ” หรือแอร์ที่นี่มันเย็น ??
“เปล่า”
“เป็นไง ดูดีมั้ย” ผมถามเรียบๆ ไม่ได้หวังว่าจะได้คำตอบดีๆจากมันหรอก
“. . .”
“เฮ้ ดูดีรึเปล่า บอสมึงถามอยู่นะ”
“ก็ . . ดูดีกว่าชุดเปื้อนกาแฟเมื่อตะกี้อ่ะ”
มันกวนตีนผมละ . .
“งั้นไปช่วยกูถอดชุดข้างในทีซิ” ผมขอกวนตีนมันกลับคืนหน่อยละกัน . .
“ไม่ไป! พนักงานมีเยอะแยะทำไมมึงไม่ให้เขาช่วยล่ะ”
“ก็มีแต่ผู้หญิงอ่ะ”
“มึงก็ถอดเองสิ!”
“มึงจะกลัวอะไร . .หรือมึงเขินหุ่นกูฮะ????”
ผมถามแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ดูเหมือนมันจะคิดมากกับคำนั้นของผมอยู่นะ เฮ้ย พลิกล็อคแฮะ ดูมันเถียงไม่ค่อยจะออก แต่ก็พยายามเถียงอยู่
“ใครว่า กูบอกแล้วไงว่าสารรูปของมึงดูไม่ได้”
“งั้นมึงก็มาช่วยกูซะ อย่าเรื่องมาก”
“ไม่ไป”
“เฮ้ย ปล่อยให้คนอื่นเขารอมันเสียเวลานะ”
พนักงานทุกคนที่มองมาต่างก็สะดุ้งตัวโยนที่ถูกเอ่ยถึง เมื่อตะกี้พวกเธอต่างก็จ้องมองมาเหมือนผมกับไอ้ไนท์เล่นหนังกลางแปลงให้พวกเธออยู่เป็นฉากทะเลาะกันแบบโคตรไม่มีสาระ
“ก็ได้”
มันเดินนำหน้าผมเข้าไปยังห้องลองก่อนตัวคนลองซะอีก . .
ผมยิ้ม . . ท่าทางของมันแบบนั้นทำให้ผมมีความสุขยังไงก็ไม่รู้
“เร็วๆเข้า . . พี่ๆที่ออฟฟิศรอกินขนมจากกูอยู่นะ”
มันจะไม่มีความสุขเพราะการตะโกนของมันนี่แหละ
ผมเลยหันไปหาพนักงาน . .
“เอาชุดมาให้ผมลองเลยครับ!!! สิบชุดเลย!!! วันนี้ผมว้างว่าง ว่างโคตร ว่างสุดๆ จัดมาให้ผมเลย!!!”ดูซิใครจะวิน เป็นเค้าเค้าจะทำหน้าแบบนี้ใส่ขุนนะ . .
คู่นี้ใครไม่ชง คนเขียนชงเองจ้า
จุ๊บๆ