ร้ายที่ 34อเมริกานะ . . ไม่ใช่อุบลราชธานี
มังกรผู้ไม่รู้ว่าผมโดนคุณย่าของมันมาพบเงยหน้าขึ้นมาจากการวาดรูป ในบ่ายวันหนึ่งที่วันนี้ผมกับมันพร้อมใจกันอยู่ที่คอนโดของผม มันก็นั่งวาดรูปของมันไปส่วนผมก็คิดมากของผมไป เราต่างฝ่ายต่างเงียบกันมานานมากแล้ว เหมือนมังกรมีเรื่องอยู่ในใจและผมก็เช่นกัน
ตรงหน้าของผมคือกองชีทขนาดย่อมวิชาภาคของผมเอง มันไม่ได้เข้าหัวของผมเลยสักนิดเดียว(ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเข้าอยู่แล้ว . .) ผมหมุนปากกาควงเล่นเอามือค้ำคางอย่างคนเครียด มังกรก็บรรจงวาดรูปของมันต่อไปอย่างมีสมาธิรึเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ เพราะมันเอาแต่เงียบ บางทีก็เหม่อ . .
แต่บรรยากาศรอบข้างมันเงียบเกินไปแล้ว . .
“เฮ้” ผมส่งเสียงขึ้นมา
“ว่าไง” มังกรตอบรับ
“มึง . .” ง่ะ เรียกมันขึ้นมาก็ไม่รู้จะคุยกับมันเรื่องอะไรดี “กินน้ำมั้ย”
“ฮะ”
“หิวน้ำป่าว กูจะไปกินน้ำพอดี”
“อ๋อ อื้อ เอาสิ”
จึงจำเป็นต้องไปเอาน้ำมาให้คุณชายตามระเบียบ . . ระหว่างทางผมเดินผ่านรูปพี่แมทฝีมือไอ้มังกรด้วย ผมกับมันตัดสินใจแปะรูปพี่เขาไว้กลางผนังห้อง . . มังกรมันวาดสวยมาก และพี่แมทก็หน้าตาดีมาก นั่นยิ่งทำให้ผนังห้องผมดูมีสง่าราศีขึ้นมาเป็นกอง
ผมเทน้ำใส่แก้ว . . แล้วเดินเอามาประเคนให้ไอ้มังกรถึงที่ บอกตรงๆนะมังกรนะ กูไม่เคยดูแลใครดีขนาดนี้เลย พ่อกูกูยังไม่เทเหล้าให้เลยนะเว้ย . .
แต่พูดออกไปตอนนี้ไม่รู้ว่ามันจะขำกับมุขของผมหรือเปล่า
“น้ำ” ผมวางแก้วน้ำลงแล้วก็มองมันอย่างห่วงๆ
“อื้ม ขอบคุณนะ” มังกรรับแก้วมา แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“มึงกูถามจริงๆนะ . .มึงเป็นอะไรรึเปล่า”
มังกรวางแก้วน้ำลงทันที . .
“เปล่านี่”
“ไม่อ่ะ มึงเป็นอ่ะ” ผมเถียง “ถึงเราจะคบกันได้ไม่นาน แต่กูเชื่อว่ามึงมีอะไรในใจแน่นอน”
“…”
“มึงจะเล่าให้กูฟังมั้ย”
มังกรไม่ตอบ เอาแต่ถอนหายใจและก็จ้องมองผลงานตัวเองอยู่อย่างนั้นจนผมอดรนทนไม่ไหว
“นี่เราเป็นแฟนกันป่ะวะ!” ผมร้องเสียงดัง “มีเหี้ยอะไรทำไมไม่เล่าให้กูฟังบ้าง!”
“เจ้านาย . .” มังกรดูตกใจกับเสียงอันดังของผม
“ถึงแม้ว่าเราจะคบกันได้ไม่เท่าไหร่ แต่กูก็พอดูออกนะว่ามึงมีเรื่องอะไรในใจ กูเสียใจที่มึงไม่คิดจะเล่าให้กูฟังบ้างเลย!”
“นี่ ใจเย็นๆก่อน” มังกรลุกขึ้นมาจับมือผมเอาไว้ . .
“ไว้ใจกันบ้างดิวะ . . กูเป็นแฟนมึงนะ!”
“โอเคๆๆๆ” มังกรสวมกอดผมเอาไว้ในที่สุด นั่นทำให้ผมเลิกโวยวายได้แทบจะในทันที มันกอดผมแน่นกล่อมให้ผมใจเย็น “เราต้องไม่ทะเลาะกันนะ”
“ถ้าจะทะเลาะสาเหตุก็คงจะเป็นเพราะมึงนั่นแหละ”
“โอเคๆ จะเล่าแล้วๆ”
มันจับให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วมันก็หันเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆกันให้หันมาหาผมก่อนที่จะขยับตัวนั่งลง เราสองคนนั่งสบตากัน . .
“เล่าสิ” ผมที่ใจร้อนอยู่แล้วเอ่ยปากเร่ง
“เรื่อง . .”
“มึงช้าว่ะ” ผมสวนขึ้นมา “มึงกำลังคิดมากว่ามึงจะไปอเมริกาดีมั้ยใช่รึเปล่า”
“มึงรู้ได้ไง” มังกรขมวดคิ้วทันที
. . ผมคิดว่าปิดมันไปก็คงไม่มีประโยชน์ “คุณย่าของมึงเขามาหากูว่ะ . . เขาบอกให้กูช่วยพูดเรื่องที่จะให้มึงไปอเมริกากับเขา”
“แล้วยังไง มึงอยากให้กูไปเหรอ” มังกรกระชากเสียง
“เฮ้ย กูยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ”
“กูไม่ไปอเมริกาหรอก” มังกรพูด “จะพูดอีกกี่ครั้งร้อยครั้งล้านครั้งกูก็ไม่ไป . . พ่อกูกับแฟนกูอยู่เมืองไทย”
หน้ามันนิ่งและดูจริงจังมาก . . นั่นทำให้ผมดีใจ . .
ผมเองก็ไม่เคยเห็นด้วยกับคำพูดของคุณย่าไอ้มังกรเลย . .
“แล้วเรื่องที่มึงคิดมากคือเรื่องอะไรเหรอ”
“แด๊ดไม่สบาย. .” มังกรมีน้ำเสียงเศร้าลงทันที พร้อมกับทั้งพรั่งพรูแต่ละคำออกมาช้าๆ ราวกับต้องการการระบาย “แด๊ดเป็นโรคหัวใจ ทำงานหนักไม่ค่อยได้ แต่ที่ผ่านมาแด๊ดทำงานหนักตลอด”
“…”
“กูรู้สึกว่ากูเหี้ยมาก ที่ผ่านมาเหมือนกูเอาเปรียบแด๊ดเสมอเลย”
“ไม่นะ” ผมเถียงมันทันที “มึงไม่เคยเหี้ยเลย ถึงแม้ว่าแต่ก่อนกูจะเคยด่ามึงว่ามึงเหี้ยมากแค่ไหนก็ตาม แต่มึงไม่เคยเหี้ยเลย”
“…”
“มึงรู้มั้ยว่าที่กูรักมึงนั้นเป็นเพราะอะไร” ผมถาม มังกรส่ายหน้า “ก็เพราะมึงเป็นคนดีไง มึงดูแลกูดีจนกูหวั่นไหว และมึงก็รักครอบครัว รับผิดชอบต่อหน้าที่ รับผิดชอบต่อคำสัญญา คือมึงดีทุกอย่างอ่ะ”
นี่ผมอวยแฟนตัวเองเยอะเกินไปป่ะเนี่ย ? มังกรดูตกตะลึงที่ผมชมมันตรงๆ
“มึงไม่ต้องเครียดนะ . . แค่ให้พ่อมึงทำงานให้น้อยลง พาพ่อมึงไปหาหมอบ่อยๆ กูเชื่อว่าท่านจะต้องแข็งแรงขึ้นแน่นอน”
มังกรทอดถอนใจ . . แล้วก็เอามือผมขึ้นมากุมเอาไว้ มันมองผมด้วยสีหน้าที่ซาบซึ่งยังไงก็ไม่รู้ ผมอดภูมิใจในตัวของผมเองไม่ได้ นานๆทีผมถึงจะพูดจามีสาระเป็นเหมือนคนอื่นเขา
“ขอบใจนะ”
“เห็นมั้ย อย่างน้อยกูก็มีประโยชน์”
“หึหึ” แฟนผมหัวเราะในลำคอ
“ไม่คิดมากแล้วใช่มั้ย”
“ก็ . . อืม”
“แม่ง . . ตอบดีๆดิวะ”
“โอเค เลิกคิดแล้วก็ได้”
“ดีมาก”
“ขอจูบหน่อยนะ”
พูดจบริมฝีปากบางเฉียบของไอ้มังกรก็เข้ามาประกบกับริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งดันลิ้นหุยุ่นๆของมันใส่เข้ามาในโพรงปากผมด้วย มังกรจูบอย่างผ่อนคลายแต่ทว่าเร่าร้อน . . ผมงี้ขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว
“จุ๊บ”
ก่อนจะถอนปากออกมันส่งเสียงออกมาด้วย โคตรน่าอายเลย . .
ผมประหลาดใจที่เห็นมันยิ้ม แม่เจ้า ผมอยากจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้ มันยิ้ม มันยิ้ม มันยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมม
และมันก็หุบปากฉับลงเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของผม
“เป็นไรไป”
“กูว่า . . กูเพิ่งเคยเห็นมึงยิ้มนะ”
“กูก็ยิ้มออกจะบ่อยไป”
“ไม่อ่ะ วันนี้กูเห็นยิ้มแบบเต็มๆ เต็มๆสองลูกตากูเลย”
มังกรดูฉงนสนเท่ห์ที่เห็นผมประหลาดใจขนาดนั้น จนมันยิ้มออกมาอีกครั้งและก็เอามือลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา
“กูก็ยิ้มทุกครั้งที่กูอยู่กับมึงนั่นแหละ มึงไม่สังเกตเอง”
“หืม??”
“ขอบคุณที่เป็นรอยยิ้มของกูนะเว้ย” หวานสัด . . หน้าผมแดงเป็นลูกตำลึงสุก อีกฝ่ายเห็นก็ได้แต่ยิ้มและก็ลูบแก้มของผมอยู่อย่างนั้น ถามจริง เมื่อกี้เรายังเกือบทะเลาะกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอวะ แต่ไหงลงท้ายออกมาเป็นแบบนี้ได้ . .
โรงอาหารตึกบริหาร . .
“นายมึงเอาอะไร ธัญจะไปซื้อน้ำ” ธีเงยหน้าขึ้นมาถามผมในอีกสองวันต่อมา ในเวลาพักกลางวัน ใกล้จะสอบไฟนอลแล้วพวกผมเลยตั้งใจเรียนขึ้นมามากถึงมากที่สุดโดยเฉพาะผม ที่จะติดโปรอยู่รอมร่อแล้ว อายเขาตาย . .
ผมเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวบ้าง เหลียวไปมองไอ้ธัญที่ทุกวันนี้มันยังไม่ยอมคุยกับผมเลย
“กูเอา . .” ผมเหลียวไปมองข้างหลังไอ้ธัญ “น้ำส้มจากป้าคนนั้น” น้ำส้มเป็นขวดที่ป้าเขาเอามาขายเองหลังรถจักรยาน มิใช่จากร้านน้ำในโรงอาหาร ธัญไม่พูดอะไร แต่ก็เดินไปซื้ออยู่ดี
ผมหน้าบึ้ง ตักข้าวเข้าไปในปากอย่างประชดประชันใครก็ไม่รู้ . .
“กูเชื่อว่ามึงรู้นะนาย” ธีเอ่ยขึ้นมา . . มันจ้องมองผมด้วยสีหน้าที่ผมเองก็อ่านไม่ออก
“รู้อะไรวะ”
“ธัญมันชอบมึง”
“. . . ก็พอรู้อยู่”
“ที่มันเป็นแบบนี้มึงเข้าใจมันใช่มั้ย”
“ไม่” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง “มันเป็นเพื่อนกู มันเป็นมือขวาของกู . . การที่จู่ๆมันไม่พูดแบบกูแบบนี้กูเซ็งนะเว้ย”
“เอ่อ . .”
“กูรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่จะให้กูทำยังไงล่ะ ในเมื่อกูมีสองหัวใจไม่ได้”
“กูเข้าใจ”
“กูอยากให้มันกลับมาเป็นคนเดิมเร็วๆ”
“เฮ้อออออ” ธีถอนหายใจ “ถ้ามันชิวได้ครึ่งของกูก็คงจะดีกว่านี้อยู่หรอกนะ” ธีหมุนหลอดในขวดน้ำเปล่าไปมาอย่างเหม่อๆ “กูเห็นมันซึมทุกวัน กูพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้มันกลับมายิ้ม . . จนกูเหนื่อย แต่มันแม่งไม่เคยเหนื่อยที่จะเศร้า เศร้าอยู่ได้ ซึมอยู่ได้ ไม่ได้สนใจคนที่เป็นห่วงมันบ้างเลย”
“. . .”
“กูจะเป็นบ้าตายห่าอยู่แล้ว มันกับกูยิ่งไม่ใช่พี่น้องธรรมดาๆ”
สายใยแห่งฝาแฝดนั้นผมไม่มีวันรับรู้ได้ว่ามันวิเศษขนาดไหน ไอ้ธัญที่เอาแต่ซึมยิ่งทำให้แฝดของมันคิดมากตามเข้าไปใหญ่
“เพราะกูคนเดียว. .”
“อย่าพูดแบบนั้นเลยน่า”
“มึงก็พลอยเศร้าไปกับน้องมึงด้วย”
“กูห้ามไม่ได้”
หลังจากนั้นผมกับมันก็เอาแต่คอตก . . ไม่รู้จะทำยังไงกันต่อไปดี
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงเมสเสจดัง . . ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
มาเจอกันหน่อยสิ คิดถึงจัง หลังตึกสินกำตรงลานจอดรถนะ : KING DRAGON อ้าว . . เพิ่งแยกกันเมื่อตอนเช้านี่เองไอ้มังกรมันก็อยากเจอผมแล้วเหรอ ผมขมวดคิ้วกับสำนวนที่มันใช้เพราะถ้ามันอยากให้ผมไปหามันคงจะไม่บอกว่ามันคิดถึงผมหรอก มันจะใช้คำที่บังคับให้ผมไปหาเลย
แตถึงแม้มันจะดูแปลกๆ แต่ผมก็ยักไหล่และก็จัดการถือกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา และก็บอกลาเพื่อนของตัวเองเพื่อที่จะไปตึกศิลปกรรม คณะของมังกร . .
“เดี๋ยวนี้ไอ้เชี่ยไนท์เป็นอะไรวะ ไม่ค่อยมีเวลาให้เพื่อนให้ฝูง” แอร์เอ่ยขึ้นมาตอนที่มันเดินมาเจอผมที่ใต้ตึกคณะผมในเวลาสายๆของวัน แอร์เรียนวิศวะครับ ไนท์เรียนเศรษศาสตร์ ผมเรียนทัศนศิลป์ . . เราสามคนต่างกันสุดขั้วแต่ก็มาเจอกันได้เสมอๆ(แทบจะทุกวันเหอะ) แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าไนท์หายไปไหนตั้งหลายวันมาแล้ว . .
“เห็นบอกว่าจะไปฝึกงาน” ผมตอบทั้งๆที่ตัวเองกำลังแรเงาภาพ . . ชีวิตผมก็มีอยู่แค่นี้แหละครับ วาดรูปกับระบายสีรูป
“ที่ไหน ฝึกล่วงหน้าไปเป็นเทอมเลยเนี่ยนะ”
ผมยักไหล่ “ไม่รู้ดิ มันบอกมาแค่นั้น”
“เป็นห่วงมันจัง ไม่ชอบให้มันอยู่คนเดียวเลย” เสื้อช้อปสีน้ำเงินเดินอ้อมมานั่งข้างๆผม “มึงก็รู้ใช่มั้ยว่าไนท์มันเป็นโรคอยู่คนเดียวไม่ได้”
“ไปฝึกงานนะ ไม่ใช่ไปบวช มันไม่ได้อยู่คนเดียว”
“เออว่ะ” ไอ้แอร์นี่มันต๊องจริงๆ “ลืมไปเลย . . เออนี่กูได้ข่าวมา . .”
“ข่าวอะไรวะ”
“คุณย่าของมึง”
“มึงรู้จักท่านเหรอ” ผมถามเสียงเรียบ . . ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆกับคำพูดนั้น
“ใครๆก็ต้องรู้จัก ตอนแรกท่านใช้นามสกุลเดิมกูเลยจำไม่ได้ ทีนี้หลังจากกลับมาที่ไทยก็เป็นข่าวแบบอึกทึกครึกโครมและก็เห็นหนังสือพิมพ์บางฉบับใช้นามสกุลมึง กูก็เลยรู้”
ไม่ยักรู้ว่าเชี่ยแอร์มันสนใจข่าวสังคมชั้นสูงด้วย . . “แล้วยังไง?”
“บางข่าวเขียนว่าเขากลับมาเพื่อตามลูกชายกลับบ้านว่ะ”
“…”
“และบางข่าวก็เขียนว่าเขามาตามเฉพาะหลานชาย สรุปนี่ยังไงวะ”
นี่มันรู้จริงหรือมันอยากจะสอใส่เกือกกันแน่ . . ผมไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วคุณย่าผมต้องการอะไร แต่ถ้ารู้ล่ะก็ . . ผมไม่บอกไอ้เชี่ยแอร์แน่ๆ
“ไม่รู้”
“อ้าว . . มึงนี่”
“ก็ไม่รู้จริงๆนี่หว่า”
“แต่ย่ามึงสุดยอดเลยนะเว้ย เกือบจะรวยเท่าตระกูลโภคินทร์พิพัฒน์กับตระกูลกฤตฤทธิไกรเลยด้วยซ้ำ” มันอ้างอิงถึงตระกูลที่รวยอันดับต้นๆของประเทศผม . .
“แล้วยังไงวะ”
“กูตกใจที่กูมีเพื่อนรวย”
“ย่าก็ส่วนย่า กูก็ส่วนกู อีกอย่างหนึ่ง . .ถ้าแด๊ดไม่สนใจเรื่องนี้กูก็จะไม่สนใจเรื่องนี้”
ผมพูดเสียงเด็ดขาด ไอ้แอร์อ้าปากค้างและทำหน้าผิดหวังราวกับมันพลาดล็อตเตอรี่รางวัลแจ๊คพ็อต
หลังจากที่คุณย่ามาหาผมที่ร้านน้ำเต้าหู้วันนั้นเธอก็ไม่มาอีกเลย . . ผมสามารถพบเธอได้ตามร้านหนังสือพิมพ์ทั้วไปและก็ตามทีวีที่มีรายการกอสสิป ถึงแม้ว่าย่าจะอายุเยอะแล้วแต่ย่าก็ยังแข็งแรงดีและก็ยังดูสวย . . เธอเหมือนอยู่คนละโลกกับผมไปแล้ว ซึ่งผมเองก็ไม่ต้องการที่จะไปอยู่ในโลกที่ตัวผมเองนั้นได้จากมานานมากแล้ว ผมไม่อยากไปอยู่ในที่แบบนั้น
เพราะที่แบบนั้น . . สูงแบบนั้น . . และดูหนาวแบบนั้น อาจทำให้ผมไม่ได้อยู่เคียงข้างคนที่ผมต้องการที่จะอยู่เคียงข้างอีกเลย . .
แต่ดูเหมือนว่าย่าของผมท่านจะเป็นคนที่อายุยืนมาก . . เพราะเพิ่งกล่าวถึงท่านและนึกถึงท่านไม่ทันไร . . ท่านก็โผล่มาที่ใต้ตึกเรียนของผม
ทำเอาไอ้แอร์ถึงกับผงะและก็ลุกขึ้นยืนอย่างคุมตัวเองไม่อยู่ ผมน่าอายน้อยกว่ามันหน่อยเพราะผมแค่ทำดินสอตก . .
“คุณย่า . .”
“มังกร . . มังกรหลานย่า . .”
อะไรกัน . . ทำไมร้องไห้จนเครื่องสำอางเลอะไปหมดแบบนี้ . .
“พ่อของหลาน แด๊ดดี้ของหลาน . .”
“ทำไมครับย่า ทำไมเหรอครับ” ผมลุกขึ้นมาแล้วก็จับไหล่ทั้งสองข้างของย่าอย่างคาดคั้น . .
“จู่ๆก็ล้ม และตอนนี้ก็อยู่ห้องไอซียู . .”ฟังแล้วก็อยากจะล้มลงไปกองกับพื้นเสียเดี๋ยวนั้น . .
แด๊ด อย่าเป็นอะไรไปนะ ผมขอร้อง . .
ลานจอดรถหลังตึกศิลปกรรม
มังกรเรียกผมมาตรงนี้ทำไมหว่า ? ผมมองซ้ายมองขวาตามหาคนที่เรียกผม แต่มองเท่าไหร่ก็มองไม่เห็นหนุ่มลูกครึ่งผมดำสุดหล่อเลย . . ไม่เห็นเลยจริงๆ
ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์เพื่อที่จะโทรหามังกร . .
และในระหว่างที่ผมกำลังง่วนอยู่กับโทรศัพท์นั่นเอง . . ใครบางคนก็เดินเข้ามาหาผมพอดี . .
ผมเงยหน้าขึ้นมา . .
“ลิน” ผมทักเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยากทักผมตอบเท่าไหร่นัก เพราะคุณก็รู้ว่าผมเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พี่ชายแท้ๆของเธอต้องเสียชีวิต
“จับเลย”
สิ้นคำของเธอ ผมก็เห็นคนตัวใหญ่ที่อยู่ข้างเธอสั่งใครสักคนที่อยู่ข้างหลังผมให้ทำการอะไรบางอย่าง เดี๋ยวนะ . . คนตัวใหญ่ คนตัวใหญ่งั้นเหรอ?
พรึ่บ! ผ้าสีดำถูกคลุมลงมาบนศีรษะของผมจนผมมองไม่เห็นอะไรในที่สุด พวกมันอุ้มผมแล้วก็ยัดเข้าไปในรถตู้ด้วยกำลังวังชาที่มากมายจนผมไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้แม้แต่นิดเดียว
“ช่วยไม่ได้นะ แกแย่งพี่ชายของฉันไปแล้ว ฉันไม่มียอมให้แกแย่งมังกรไปจากอีกคนหรอก”เป็นลินนี่เองใช่มั้ย . . ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด . . ก่อนเปิดเทอมคนเขียนขอจัดหนักหน่อยนะ
ขอบคุณที่ยังอ่านนิยายเค้าอยู่นะ
ทั้งๆที่มีจุดบกพร่องอยู่ก็มาก แต่ก็ยังอ่านอยู่
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ