ร้ายที่ 35 ผมเกลียดโรงพยาบาล . .
ผมเกลียดทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นโรงพยาบาล ถ้าเลือกได้ผมจะไม่มีทางมาเหยียบมันเด็ดขาด เพราะโรงพยาบาลเคยแย่งวิญญาณเพื่อนรักที่สุดของผมไปจากผม . .
และมันอาจจะกำลังพยายามแย่งแด๊ดไปจากผมด้วย . .
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด . . เสียงชีพจรของแด๊ดยังคงดังเป็นจังหวะ รอบๆตัวเขามีสายระโยงระยางและก็เครื่องช่วยหายใจ ผมพยายามกุมมือของแด๊ดที่เย็นเฉียบเอาไว้ เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกว่าผมอยู่ตรงนี้ . .
“คุณย่า . .”
“ว่าไงหลานรัก” คุณย่าร้องไห้มานานมากจนตอนนี้ก็ยังไม่หยุดร้องไห้ . .
“. . คุณย่าช่วยแด๊ดได้มั้ยครับ”
“. . .”
“คุณย่าต้องช่วยแด๊ดนะครับ ผมไม่มีตังค์จ่ายทั้งหมดนี่ แต่ให้ผมทำอะไรก็ได้ แลกกับการที่คุณย่าช่วยแด๊ด” ผมพูดอย่างเย็นชาและราบเรียบซะจนผมดูเหมือนกลายเป็นคนที่น่ากลัวมากคนหนึ่ง . .
“มังกร . .”
“ได้โปรดเถอะนะครับ ให้แด๊ดอยู่กับผมไปนานๆ นะครับคุณย่า”
“. . เด็กโง่” ย่าเดินเข้ามาหาผมและก็ลูบหัวผมเบาๆ “นั่นลูกชายฉันทั้งคนนะ ทำไมฉันจะไม่ช่วยล่ะ?”
หลังจากที่ผมถูกคลุมผ้าสีดำเอาไว้จนมองไม่เห็นโลกภายนอก ผมก็ถูกรถอะไรก็ไม่รู้แล่นพาไปที่ไหนสักที่ ที่ที่ผมรู้สึกว่าไกลออกไปจากมหาลัยของผมมาก ผมพยายามจำเส้นทาง แต่ให้ตายยังไงผมก็จำไม่ได้เพราะพวกมันเล่นขับวนไปมาจนผมมึนและก็เลิกจำไปนานแล้วว่าผมถูกจับไปที่ไหนกันแน่ . .
ลินต้องการที่จะแก้แค้นผม แต่ผมไม่รู้ว่าลินจะจัดการผมในรูปแบบไหน . .
เมื่อรถจอดก็มีคนมาอุ้มผมไปอีกครั้ง ให้ผมเดาก็คงจะเป็นหนึ่งในบรรดาคนร่างยักษ์ของลินนั่นแหละที่มายกผมไป ผมพยายามดิ้นขลุกขลัก แต่ดิ้นไปก็ดูจะเป็นเหมือนหนูทดลองในห้องวิทยาศาสตร์ ดิ้นไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็ไม่รอดอยู่ดี
ให้ตาย . . ผมนี่มันโง่ชะมัด ทำไมไม่เชื่อลางสังหรณ์ของตัวเองที่ผุดขึ้นมาตั้งแต่แรก ทำไมนะทำไม . .
มังกรมันหวานไม่ค่อยเป็น . .มันไม่เคยส่งเมสเสจมาบอกว่าคิดถึงจังเลย . . ทำไมผมถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้นะ
แล้วลินไปเอาเบอร์ของมังกรมาจากไหนกัน? ผมถูกจับวางนิ่มๆลงบนสิ่งที่น่าจะเป็นเตียง? และมันคงไม่ใช่เตียงธรรมดาด้วยเพราะมันนุ่มและปูด้วยผ้านวมอย่างดี แต่ถึงยังไงก็ช่างการที่อยู่เป็นเตียงแบบนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่ปลอดภัยแน่ๆ
ผมเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีอีกครั้ง . .
“เอาตัวมาแล้วเหรอ” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นมา . . “พวกมึงออกไปให้หมด กูจะอยู่กับคนน่ารักของกูสองต่อสอง”
ยิ่งมันพูดแบบนี้ผมก็รู้เลยว่ามันเป็นใคร
ไอ้เหมไง . .เสียงฝีเท้าหลายๆฝีเท้าเดินออกไปจากห้อง จากนั้นก็ . . พรึ่บ! . . มีคนดึงผ้าคลุมสีดำออก แสงมันแยงเข้าตาผมสักพักจนผมปรับสภาพได้ผมจึงเห็นหน้าไอ้เหมเต็มๆ
“มึง . .”
“ใช่กูเอง” เหมยิ้มแฉ่ง พร้อมๆกับทั้งเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ราวกับต้องการจะหอมแก้มผม แต่ท่าทางของมัน . . เหมือนจะสูดดมมากกว่า ผมขยับหนีโดยอัตโนมัติทันที “โอเคๆ ไม่ได้หอมตอนนี้ ก็จะได้หอมตอนอื่นอยู่แล้ว เราจะยังอยู่ด้วยกันอีกนานเลยล่ะ” เหมยิ้มและเอาเชือกอย่างดีมามัดแขนที่ผมถูกมัดไว้อยู่แล้วไปมัดกับผนังหัวเตียง ให้ตาย สถานการณ์แบบนี้ทำให้ผมกลัว
ผมกลัวมากๆเลยนะ . .
“มึงกับลิน . .”
“ใช่ ร่วมมือกัน”
“ทั้งๆที่มึงเป็นคนฆ่าพี่ชายของเธอเนี่ยนะ!”
“จุ๊ๆ อย่าเสียงดังสิ” เหมทำหน้าทำตาเหมือนกำลังดุด่าผม . . “ลินไม่รู้เรื่องนี้ เพราะถ้ารู้ . . เขาจะไม่มีวันร่วมมือกับกู”
“มึงมัน . .” ผมกัดฟันกรอด ขณะพยายามดิ้นขลุกขลักแต่ดิ้นยังไงก็ไม่เป็นผล
“เหนื่อยเปล่าน่า” เหมถอดเสื้อแจ็คเกตของมันวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็เดินไปกินน้ำในเหยือกที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ท่าทางมันชิวมาก มากจนเกินไป . . “ดูสถานที่แห่งนี้สิ กูสร้างไว้เพื่อมึงกับกูเลยนะ”
ผมขมวดคิ้วอย่างฉงนแล้วก็มองรอบๆ แม่เจ้า นั่นรูปผมใช่มั้ย . . รูปผมรูปใหญ่เท่าฝาผนังบ้านทางซ้าย ทางขวาก็มีอีกรูป ตรงนั้นก็มีรูปเล็กๆอีกเป็นสิบๆรูป และตรงหัวเตียงนี่ก็มีรูปผมอีก . .
ตรงส่วนที่เป็นโต๊ะทำงาน ผมเห็นข้อมูลของผมและคนที่อยู่รอบข้างตัวผมอย่างกับหนังนักสืบที่ว่าจะต้องศึกษาทุกอย่างรอบๆตัวของคนที่ต้องตามหา รูปของมังกรโดนไอ้เหมขีดกากบาทสีแดงทับ เอกสารมากมายถูกวางกระจัดกระจาย ทุกอย่างมันเกี่ยวกับตัวผมทั้งสิ้น . .
ผมอ้าปากค้าง “มึง . . มึงเป็นโรคจิตเหรอ” ผมขยับขาตัวเองเข้ามาใกล้เมื่อรู้ว่าไอ้เหมเป็นตัวอันตรายแค่ไหน
มันบ้าคลั่งผมจนเกินไป ในห้องนี้ผมเห็นแต่รูปของตัวเองในทุกอิริยาบถ . . นั่นก็ทำให้ผมรู้แล้วว่ามันคลั่งผมมากเกินไปจริงๆ
. . จนผมกลัว
อยู่อีกฟากหนึ่งผมเห็นของที่ผมคิดว่ามันเป็นขยะ แต่เมื่อคิดให้ดีมันกลับไม่ใช่ ผมจำเป๊บซี่กระป๋องนั้นที่ผมกินเมื่อวานได้ ผมแอบบีบมันไปนิดนึง เมื่อผมเพ่งดูให้ดีอีกครั้ง ถุงขนมปังที่ผมกินสองวันที่แล้วก็มี เสื้อผ้าขาดๆวิ่นๆที่ผมให้แม่บ้านเอาไปทิ้งเป็นผ้าขี้ริ้วก็มาอยู่ที่มัน หนักสุดเลยก็คือเศษหมากฝรั่ง . .
แม่ง ขยะแขยงนะโว้ย!
“โรคจิตที่ไหน” เหมหันมาเถียง “เค้าเรียกคนมีความรัก”
ผมส่ายหน้าอย่างตื่นๆ . . เหมเห็นท่าทีที่ผมกลัวแบบนั้นจึงถอดเสื้อตัวเองออกราวกับต้องการให้ดูอะไรบางอย่าง . .
รอยสักรูปตัวเจ . . อันเบ้อเร่อตรงกลางแผ่นหลังมัน . .
“นี่ไง . . สักมานานหลายปีละนะ” มันดูภูมิใจสุดๆ และมันก็กระโดดผลุงขึ้นมานั่งที่เตียงที่มีผมถูกจับมัดอยู่ตรงกลาง ผมพยายามขยับหนีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ “อย่าเพิ่งหนีไปไกลเซ่ ดูนี่ก่อน . .”
ต่างหูรูปตัวเจ . . รอยสักที่ข้อเท้ารูปตัวเจ . . และตรงหัวไหล่ก็สักคำว่าเจ้านายที่เป็นภาษาอังกฤษ . .
มันเกินไปแล้ว . . ไอ้นี่มันบ้า . . มันบ้าชัวร์ๆ
“เป็นไง เท่ใช่มั้ยล่ะ” มันถามด้วยรอยยิ้มประหลาด ผมหลับตาปี๋พยายามอยู่ให้ห่างจากมันที่สุด “ขาเรียวๆของมึงนี่ก็ดิ้นจัง . . กูขอมัดนะ”
พูดจบมันก็หยิบเชือกที่โต๊ะข้างเตียงมามัดเท้าผม . . ตอนนี้ผมไม่ได้ต่างอะไรจากการที่แฮร์รี่ถูกมัลฟอยด์สาปเพ็ตติฟริคัส โททาลัสเลย ขยับไปก็ขยับไม่ได้ . .
แต่ผมยังมีปากนี่หว่า . .
“ช่วยด้วยยยยย!!!!!!!!!”
สาบานได้ว่าร้องดังที่สุดในชีวิตของผมแล้ว ไอ้เหมหัวเราะลั่น . . “น่ารักๆๆ ตะโกนอีกทีสิ เร็วๆเข้า . .” พอรู้ว่ามันชอบ ผมก็ไม่กล้าตะโกนขึ้นมาอีก “อ้าว ทำไมไม่ตะโกนล่ะ น่ารักดีออก”
. . . ใครจะกล้า
“เห็นมั้ย ตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์ ที่นี่อยู่ลึกลับมากเลยรู้มั้ย ดีไม่ดี ตอนนี้อาจมีแค่เราสองคนอยู่แถวนี้ก็ได้”
“ที่นี่คือที่ไหน”
“บ้านของเรายังไงล่ะ”
“อย่ามา . . กวนได้มั้ย” ผมพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุด เพราะไม่มีอะไรรับประกันว่าผมจะปลอดภัยหากผมทำให้ไอ้เหมอารมณ์เสียขึ้นมา
“โอเคจ้ะ ไม่กวนแล้วก็ได้” ไอ้เหมท่าทางมีความสุขสุดๆ ให้ตายสิผมโคตรขนลุก. . “ก็ที่นี่เป็นบ้านของเราจริงๆ กูสร้างเอาไว้เพื่อที่มึงกับกูจะได้มาอยู่ด้วยกันตลอดไปยังไงล่ะ”
ฟังแล้วอยากจะร้องไห้ . . ดูมันพูดสิ . .
“มึงฟังไม่ผิดหรอกนะ นับตั้งแต่นี้ไป . . มึงจะได้อยู่กับกูตราบชั่วฟ้าดินสลายเลย”
จากที่ผมกลัวในระดับปกติตอนนี้ผมเริ่มกลัวในระดับที่ผิดปกติทะลุปรอทซะแล้ว . . ทำไมต้องเป็นผมที่มันคลั่ง ทำไมต้องเป็นคนอย่างผม ผมไม่เห็นจะมีอะไรน่ารักเลย โวยวายชิบหาย เอาแต่ใจตัวเองโคตรๆ แถมยังหาเรื่องเก่งเป็นเลิศ ผมน่ารักตรงไหน . .
และจะให้ผมติดอยู่กับไอ้เหมตลอดไปเนี่ยนะ . . ไม่มีทางอยู่แล้ว
ผมดิ้นใหญ่พยายามที่จะให้เชือกมันหลุดออกมาบ้าง แต่ยิ่งดิ้นไอ้เหมยิ่งขำ มันดึงเก้าอี้มานั่งดูผมดิ้นอย่างสนุกสนาน
โอเคจบกัน . . ผมไม่รู้จะหาวิธีไหนมาต่อกลอนกับไอ้โรคจิตคนนี้จริงๆ
ก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่มีทำอะไรผม หรืออย่างหนักที่สุดเลยคือฆ่าผม . . ขอให้มันไม่ทำ
“เฮ้ ทำหน้าดีๆหน่อยสิ”
. . ใครจะไปทำได้ในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ . . “ดียังไง”
“หรือว่าหิว?”
“เปล่า”
“แล้วเป็นอะไรอ่ะ”
กูคงมีความสุขอยู่มั้งสัด!!!! “ปล่อยกูไปเถอะนะ กูขอร้อง”
“ไม่ได้หรอก” เหมส่ายหน้าปฏิเสธทันที “เพราะถ้าปล่อยมึงไป . . มึงก็จะไปอยู่กับไอ้มังกรนั่น”
พอพูดถึงชื่อมังกรจบ ไอ้เหมมันก็ลุกขึ้น ยกเก้าอี้ที่มันเพิ่งนั่งฟาดลงกับพื้นอย่างแรง . .
โอยยย พ่อจ๋า T_T นายคิดถึงพ่อ ฮืออออออ . . กูมาอยู่กับตัวเหี้ยอะไรเนี่ย ฮืออ
“ไม่ปล่อยมึงไป เข้าใจมั้ย ถึงจะยังไงกูก็ไม่ปล่อยมึงไป!!!” มันระเบิดเสียงลั่นใส่ผม ส่วนผมก็ได้แต่หลับตาปี๋อย่างไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง . . “กว่ากูจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับมึงขนาดนี้ มึงรู้มั้ย . . ว่ากูต้องผ่านอะไรมาบ้าง . .”
“. . .”
“ช่างเถอะ ตอนนี้มึงก็อยู่กับกูแล้วนี่” ทำไมอารมณ์มันขึ้นๆลงๆจังวะ นี่มันโรคจิตจริงๆใช่มั้ย ใช่มั้ยคนอ่าน . . “คืนนี้เราจะมีอะไรสนุกๆทำกัน”
“อะไร” ผมร้องเสียงหลงทันที
“เถอะน่า รับรองว่าสนุก และเจ้านายจะไม่มีวันลืมได้ลงแน่ๆ”
ไม่ว่ามันคืออะไร ยังไงผมก็ไม่มีวันสนุกกับมันอย่างแน่นอน . .
วันนี้ผมอารมณ์เสียแปลกๆ
ตั้งแต่เช้าแล้วที่อากาศดูมืดครึ้มคล้ายฝนจะตก . . ผมตื่นสาย รถติดมาก . . มีนกมาขี้ใส่หลังคารถ ไฟในออฟฟิศดับๆติดๆอยู่หลายนาที วันนี้มันวันบ้าอะไรของผมกัน . .
ผมนั่งกุมขมับอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง ปวดหัวอย่างที่ไม่เคยปวดมาก่อน . .
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “เข้ามาได้”
ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ตอนนี้คนๆนั้นได้เข้ามาอยู่ในห้องของผมแล้ว . .
“ว่าไงครับ” ผมถามทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้า
“ยาครับ” เสียงของคนๆนั้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาทันที . .ไอ้เด็กฝึกงานหน้าตาเอาเรื่องกำลังจ้องมองตอบกลับมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“ยาอะไร”
“คุณจิ๊บฝากมาให้ เธอบอกว่าท่าทางบอสจะปวดหัว” ผมมองซ้ายมองขวา . . ไอ้เด็กนี่มันพูดดีกับผมทั้งๆที่ไม่มีพนักงานคนอื่นอยู่ใกล้ๆ และผมก็มองยานั่นอย่างหวาดระแวงด้วยกลัวว่าไอ้ไนท์มันจะเอายาอย่างอื่นมาให้ผมกิน “ไม่ใช่ยาพิษครับ”
ผมมองไปที่โต๊ะของคุณจิ๊บ . .ดูคุณเธอก็ว่างดี นั่งคุยโทรศัพท์กับแฟน เม้ามอยไปเรื่อย
“ทำไมคุณจิ๊บไม่เอามาให้เองล่ะ”
ไนท์หันไปมองข้างหลังก่อนตอบ “เธอคุยโทรศัพท์ครับ”
ผมเกาหัว . . ก่อนที่จะรับยามาจากไอ้ไนท์ เป็นยาสีขาวคล้ายๆพาราทั่วไปนี่แหละ
“น้ำครับ” แก้วที่มีน้ำอยู่ประมาณ 85 %ถูกส่งมาใส่มือของผม
“นี่มึงกะให้กูแดกต่อหน้ามึงเลยใช่ป่ะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ กินซะหน่อยเผื่อจะดีขึ้น ผมไปนะครับ” มันจะเดินออกไปข้างนอก
ผมมองยาในมือและผมก็มองแก้วน้ำ ไม่รู้ทำไมผมถึงมือสั่นและปวดหัวเป็นกังวลมากถึงขนาดนี้ . . วันนี้ผมเป็นอะไร
“อย่าเพิ่ง”
“ครับ?” ไนท์หันมาถาม
“อย่าไปนะ” “…”
“อยู่ที่นี่ กับกูนี่แหละ” พอผมพูดจบโทรศัพท์ก็ดังพอดี . . ผมจึงไม่ได้มองหน้าไอ้ไนท์ว่ามันมีสีหน้ายังไง แต่ผมรู้สึกแย่มากจริงๆนะ ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลย
และทำไมโทรศัพท์ต้องดังในเวลาแบบนี้ด้วย . . เวลาที่ผมรู้สึกไม่ดีแบบนี้
หน้าจอโชว์เบอร์คนของผมที่เป็นผู้ติดตามห่างๆของเจ้านาย ผมมองหน้าไนท์ก่อนที่จะกดรับสาย “ฮัลโหล”
“บอสครับ ผมว่างานเข้า”
อะไรวะ . . หัวใจของผมหล่นวูบ
หรือจะเกิดเรื่องอะไรกับน้องชายผม . .
“งานเหี้ยอะไร พูดดีๆไม่งั้นกูไม่จ่ายตังค์ให้!” “คือ คือผม . .” เสียงตะกุกตะกักที่ตอบกลับมานั้น ทำให้ผมรู้สึกจะเป็นบ้าตาย ต้องเกิดอะไรขึ้นจริงๆใช่มั้ย “. . ผมตามหาคุณก้าวไม่เจอเลยครับ นี่ผมบุกขึ้นไปถึงห้องเรียนคุณก้าวก็ยังไม่เจอ”
ตึง! ผมทุบโต๊ะเสียงดังจนน้ำที่ไนท์เอามาให้กระฉอกรดเอกสารงานเตรียมการประชุมสำหรับอีกสิบห้านาทีข้างหน้า
“มึงปล่อยให้น้องกูคลาดสายตามากี่ครั้งแล้ว แล้วดูทุกครั้งสิ น้องกูต้องโดนอะไรบ้าง!!!” “ขอโทษครับบอส ผมขอโทษTT”
“จะยังไงก็ช่าง ถามคนแถวนั้นรึยัง อาจจะไปกับแฟนมัน แฝดเพื่อนมัน หรืออะไรก็ได้ ถามเร็วๆเข้า!” “ไม่มีสิ่งปกติเกิดขึ้นที่ตึกบริหารเลยครับบอส แต่ถามจากแฝดธีธัญแล้ว ดูเหมือนว่าคุณก้าวจะไปหาคุณมัทธิวที่ตึกศิลปกรรม”
“มึงก็ไปถามพวกที่ตึกสินกำเซ่!!!” เสียงผมดังซะจนคุณจิ๊บที่คุยโทรศัพท์อยู่หน้าห้องหันมามอง
“สมชายไปถามแล้วครับ” มันหมายถึงเพื่อนของมันที่ทำงานด้วยกันอีกคนหนึ่ง
“โว้ย!! ช่างแม่งแล้ว กูจะหักเงินพวกมึง!” ผมลุกขึ้นยืน คว้ากุญแจรถ ทิ้งของที่ระเนระนาดมั่วซั่วไว้อยู่บนโต๊ะ “กูจะออกไปเดี๋ยวนี้ ได้อะไรรีบโทรมาหากู เข้าใจมั้ย”
“ครับ ครับ T____________T”
ผมวางสายเสร็จ และผมก็เพิ่งรับรู้ว่าไอ้ไนท์ที่เคยอยู่ในห้องบัดนี้ได้หายตัวไปแล้ว เหลือเพียงแต่ประตูหน้าห้องของผมที่กำลังสั่นไหว นั่นหมายความว่าไอ้ไนท์มันเพิ่งจะออกไปเมื่อตะกี้นี่เอง
ผมรีบรุดออกจากห้อง เห็นหลังไอ้ไนท์อยู่ไหวๆ ตอนนี้พนักงานของผมกำลังแตกตื่นว่าน้องไนท์ของพวกเขาเป็นอะไร ผมก็อยากรู้เช่นกัน
“มึงจะไปไหน!!!!” ผมตะโกนลั่น ทุกสายตาที่มองไนท์อยู่หันมามองผมทันที บางคนตกใจถึงขนาดลุกขึ้นยืนเลยทีเดียว
“ก็ไปตามหาเจ้านายสิวะ ถามได้!!!” มันตะโกนสวนกลับมา ค่อนข้างที่จะอารมณ์เสีย เพราะผมได้ไปเบรกอาการรีบร้อนของมันเอาไว้
“มึงจะไปคนเดียวเหรอ สัด มันอันตราย!!!” “อย่ามามั่ว อาจจะอยู่กับมังกรหรืออะไรก็ได้!!!” “ถ้าอยู่กับมังกรจริง ป่านนี้ลูกน้องกูก็ต้องรู้แล้วสิ!!!” “ก็ช่าง กูจะไปแล้วแม่ง!!!” ผมกับมันเถียงกันเสียงดังจนไอ้ไนท์ทนไม่ไหวต้องรีบวิ่งลงไปก่อน คนรอบข้างดูตกตะลึงที่เห็นไนท์มุมป่าเถื่อนแบบนี้และยิ่งไปกว่านั้นคือได้เห็นผมในมุมป่าเถื่อนอีกคน ซึ่งแทบจะไม่มีครั้งไหนที่ผมแสดงออกไปให้ดูเลย
“อย่าตกใจ ทำงานกันไป เดี๋ยวกลับมา”
“บอสครับ ผมฝากไอ้ไนท์น้องผมด้วยนะครับ”
มีคนร้องบอกผมตอนที่ผมจะออกไปด้วย เป็นไอ้อาร์ตนี่เอง . .
“เรื่องนั้นมึงไม่ต้องฝากกูก็ได้ กูเต็มใจดูแลมันอยู่แล้ว!” ด้วยความที่อารมณ์เสียหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมจึงตะโกนตอบไอ้อาร์ตไป และก็รีบไปให้ทันไอ้อัศวินของน้องชายผมที่ตอนนี้อาจจะออกรถไปแล้วก็ได้ . .
อย่าให้กูต้องห่วงทั้งน้อง ห่วงทั้งมึงเลยนะ . .
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด . . สัญญาณชีพจรยังคงดังต่อไปในขณะที่ผมกำลังนั่งก้มหน้าเครียดอยู่ไม่ห่างจากพ่อผู้บังเกิดเกล้า นี่มันก็ผ่านมาสองสามชั่วโมงแล้วที่ผมอยู่ไม่ห่างจากแด๊ด คุณย่าก็เช่นกัน เมื่อนั่งไปนานๆผมจึงนึกขึ้นมาได้ว่าต้องติดต่อกับเจ้านาย ผมจึงควานหาโทรศัพท์ของผมในกระเป๋าของตัวเอง
หาไม่เจอ . .
ควานแล้วควานอีกก็หาไม่เจอ ซวยจริงๆ
“คุณย่าครับ” ผมหันไปหาย่าที่กำลังนวดขมับตัวเองอยู่บนโซฟา
“ว่าไงหลานรัก”
“ผมขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้มั้ยครับ”
“ได้สิ”
ย่าส่งโทรศัพท์มาให้ผม ผมจึงกดเบอร์เจ้านายอย่างชำนาญและก็รอสัญญาณตอบกลับ
เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ . . ผมชะงัก . . ติดต่อไม่ได้งั้นเหรอ เรียนอยู่? มีควิซ? หรืออะไรรึเปล่า
ปัง! ราวกับว่าฟ้าดินต้องการที่จะให้คำตอบผม ท่านส่งคนที่หน้าตาเหมือนกันเป๊ะสองคนเข้ามาหา โดยที่คนหนึ่งนั้นดูเหมือนจะโมโหโกรธาเป็นอย่างมาก
ไอ้ธัญ . .
มันผ่านหน้าคุณย่าของผมไป และก็เดินมาคว้าคอเสื้อผม รุนแรงจนผมทำโทรศัพท์หล่น
“มึงเอาเจ้านายไปไว้ไหน มึงบอกมา!!!!” ผมปัดมือมันออก ในขณะที่ธีที่มองเห็นพ่อผมไม่สบายก็พยายามที่จะห้ามปรามแฝดของมัน
“ว่าไงนะ”
“มึงเอาเจ้านายไปไว้ไหน ทำไมพวกกูตามหาทั้งมหาลัยแล้วก็ไม่เจอ และรถมันก็ยังอยู่!!!” “เจ้านายหายไปงั้นเหรอ”
“มึงมันใช้ไม่ได้ เป็นแฟนมันประสาอะไร!!!!” “ไอ้เชี่ยธัญ สงบสติอารมณ์หน่อย!!!” ธีร้องด่าธัญ
“มึงช่วยหันไปดูรอบๆ พ่อมันไม่สบายอยู่ มึงอย่าเพิ่งโวยวาย อย่าเพิ่งคิดไปเอง!!!” ธัญหายใจเสียงดังมองดูพ่อของผมที่กำลังหลับอย่างสงบนิ่ง มันไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วมันก็เงียบไปซะเฉยๆ
เจ้านายหายไป หายไปไหน? . . ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์โทรหาไอ้แอร์ . .
“มึง เจ้านายหายไปเหรอ หายไปยังไงวะ” ผมยิงคำถามรัวๆใส่ไอ้แอร์ที่ยังไม่ได้พูดฮัลโหลด้วยซ้ำ ตอนนี้มือผมสั่นไปหมด ทำไมจู่ๆก็มีเรื่องมากมายมารุมเร้าผมแบบนี้นะ . .
“ไม่รู้สิ ตอนนี้กูอยู่กับพี่ขุนกับไอ้ไนท์เนี่ย วุ่นสุดๆ หากันชิบหาย ไม่รู้จะหากันยังไง”
เรื่องถึงพี่ขุนผมว่ามันคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆแล้ว . .
ทำไมต้องเป็นผมที่รู้คนสุดท้ายด้วย . .
กุกกักๆๆๆ
“กรี๊ดดดดดด มังกร พ่อของหลาน พ่อของหลาน!!!” จู่ๆร่างกายของพ่อผมก็ชักกระตุกขึ้นมา ผมตกใจรีบเข้ามาดูอาการของแด๊ด แต่ก็ยังมีสติมากพอที่จะกดปุ่มเรียกพยาบาลเข้ามา . .
“แด๊ด แด๊ด!”
ร่างกายของแด๊ดสั่นกระตุกได้อย่างน่ากลัว . . น้ำตาของผมรื้นขึ้นมาทันทีอารามตกใจและก็ผิดหวังกับทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างให้ผมต้องมาเจอเรื่องรุมเร้าขนาดนี้
“คุณย่า . .คุณย่าครับ ฝากแด๊ดด้วย เดี๋ยวผมมา”
“หลานจะไปไหน?!!! ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ!!!” “แด๊ดจะต้องไม่เป็นอะไร . . แด๊ดของผมเก่งจะตาย” ผมมองไปที่ผู้มีพระคุณอย่างตั้งความหวัง “เดี๋ยวผมมานะครับคุณย่า”
“มังกร!!!!” ผมเดินเข้าไปหอมแก้มพ่อผู้ที่กำลังชักกระตุกอยู่อย่างนั้น . .
“สู้นะแด๊ด อย่าทิ้งผมไป ได้โปรด . .”
ผมกระซิบก่อนที่จะเดินไปพร้อมกันกับฝาแฝด ไม่ว่าจะยังไง ผมก็จะไม่มีวันให้อภัยคนที่ทำกับผมและเจ้านายแบบนี้
เจ้านาย . . รอกูก่อนนะมังกร เค้าไม่เคยแกล้งตัวเองเลยนะ TT