ร้ายที่ 37 อย่างกับในหนังบู๊เรื่องอะไรสักอย่าง . . ผมเห็นรถวิ่งออกจากบริษัทของไอ้เจ้าขุนเป็นขบวน
ขุนกำลังคุยโทรศัพท์ไม่เลิก ส่วนผมกำลังจะติดรถแอร์เพื่อที่จะไปช่วยเจ้านาย เพราะมังกรเอารถของผมไปและกำลังล่วงหน้าไปก่อน แต่ก่อนที่ผมจะขึ้นรถไปผมก็โดนดึงคอเสื้อเอาไว้ก่อน เรียกได้ว่าแทบหงายหลัง
คนดึงคือไอ้คนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ . . ผมเท้าสะเอวมองหน้ามันอย่างเครียดๆ ในเวลาแบบนี้มันใช่เวลาที่จะมาแกล้งอะไรคนอื่นเขามั้ย?
“ไปหลายคันเปลืองน้ำมัน”
มันพูดแค่นั้นและก็เปิดประตูรถมันแทน ผมกับแอร์มองหน้ากันอย่างงงๆ แต่ก็ดีแล้วล่ะเพราะเมื่อตะกี้แค่รถลูกน้องของพ่อเจ้านายก็ปาไปเกือบสิบแล้ว อย่างกับขบวนประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ผมนั่งสั่นขาอย่างเครียดๆที่เบาะหลังกับแอร์ เบาะหน้าเป็นไอ้ขุนซึ่งเป็นคนขับ มันกำลังคุยกับทุกคนด้วยท่าทางเคร่งเครียด ผมกลืนน้ำลายเพราะผมเองก็เครียดเช่นกัน ผมไม่อยากให้เกิดอันตรายกับเจ้านายเลยจริงๆ
“ต้องไปไหนวะ” ผมถามไอ้คนขับ มันเหล่มามองแว้บหนึ่ง
“ชานเมืองเกือบจะเป็นจังหวัดอื่น”
“แน่ใจได้ยังไง”
“ราชาของมึงบอกมา . .”
ถ้างั้นก็คงน่าเชื่อถือได้แหละน่า ผมกำหมัดแน่น นึกในหัวว่าจะจัดการกับไอ้เหมยังไงให้สาแก่ใจ
“คิดอะไรอยู่” ขุนถามผม
“ทำไมวะ”
“มึงกับเพื่อนไม่ต้องลงไป กูจะจัดการเอง”
“น้อยๆหน่อย คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนวะ”
“พวกมึงรังแต่จะให้งานของกูเสร็จช้าลง”
“มั่นใจมากเกินไปหน่อยมั้ย”
“มึงคอยดูละกัน”
ไม่ว่ามันจะพูดยังไง ผมก็จะลงไปช่วยอยู่ดีนั่นแหละ . .
อีกด้านหนึ่ง
“มึงขับเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ” ธัญแผดเสียงลั่นใส่ผม
“มึงใจเย็นๆได้มั้ยวะ ถ้ากูขับเร็วไปมากกว่านี้ พวกเราอาจจะถูกสิบล้อเสยตายก่อนที่จะได้ช่วยเจ้านายอีกนะ” ผมด่าน้อง . . ตั้งแต่ที่อยู่ในห้องประชุมนั่นแล้วที่ไอ้ธัญใกล้จะเป็นบ้าเหมือนคนขาดสติ
มันขมวดคิ้วด้วยสายตาที่เครียดจัด ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันเครียดแค่ไหน
“เจ้านายต้องไม่เป็นอะไร” ผมพูดให้มันเบาใจ “กูก็ห่วงมันไม่แพ้มึง”
มันหันหน้าหนีออกไปทางหน้าต่าง ผมส่ายหน้าให้น้องชายขณะที่ตัวเองก็พยายามเร่งสปีดไปยังที่ๆพี่ขุนบอก ขอให้เจอเจ้านายเร็วๆ ขออย่าให้มีอุปสรรคมาขวางทางผมหรือใครต่อใครที่ต้องการช่วยเจ้านายเลย
“ตรงไหนวะ เลี้ยวซ้ายรึเปล่า” ผมให้ไอ้ธัญช่วยหาทางเข้า นี่ผมมาถึงเป็นพวกแรกๆเลยรึเปล่านะ ทำไมรอบๆถึงได้เงียบขนาดนี้
“แป๊บนะ” ธัญจิ้มโทรศัพท์กดโทรหาใครสักคน “พี่ขุนตอนนี้ผมอยู่ . . แล้ว พี่ขุนอยู่ไหน ยังไม่ถึงเหรอครับ ไม่ได้หรอกครับผมจะเข้าไปก่อน เลี้ยวซ้ายใช่มั้ยครับ ครับ ครับ . . ไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดการได้แน่ๆ ผมจะเข้าไปก่อนจริงๆครับ”
“ว่าไงมั่ง”
“เลี้ยวซ้าย ถ้ามีอะไรเดี๋ยวกูบอกอีกที”
ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายตามที่น้องบอก มันเป็นทางเข้าที่ค่อนข้างเปลี่ยวและมีคนอาศัยอยู่น้อยเหลือเกิน มันก็เหมาะแหละนะที่ไอ้เหมมันจะจับเจ้านายเอาไว้ ว่าแต่มันซอยไหนล่ะวะ
“เห้ยๆๆ เชี่ยธี จอดๆๆๆ”
“ทำไม อะไรวะ”
“ไม่ต้องหาให้ยากแล้ว มังกรอยู่นั่น”
ผมเบรกเอี๊ยดแล้วไอ้ธัญก็กระโดดผลุงออกจากรถไป ผมตามไปอย่างมึนๆเพราะผมเองยังไม่เจอมังกร และผมก็เจอ . . มังกรมันกำลังโดนซ้อมหนัก เพราะมันประจันหน้าอยู่กับลูกน้องไอ้เหมนับสิบคนเดียว ขอย้ำ . . คนเดียว
มึงจะพระเอกไปไหนวะ!!!!!!!!!!!! “เข้ามาเลย” ธัญตั้งการ์ดเตรียมต่อยพวกของไอ้เหม ไอ้นี่ก็พระรองเหลือเกิน “มึงไหวมั้ยมังกร”
ผมที่มาสมทบทีหลังจับไหล่มังกรเอาไว้ ให้ตาย เลือดเต็มหน้าเต็มตัวไปหมด “ไหว . . สิ”
“กูกับธีจะพยายามดึงพวกนี้ไว้ให้ มึงต้องหาช่องทางไปให้ได้นะ” ธัญกระซิบ ผมมองหน้ามันอย่างตื่นๆ คนสองคนสกัดคนสิบคนเนี่ยนะ มึงบ้ารึเปล่า . .
แต่ก็เอาวะ เพื่อเพื่อน สู้ตาย ตายกันไปข้างก็ยอม . .
“ไหวนะมึง” ผมตบบ่าไอ้มังกรแปะๆก่อนที่จะเปลี่ยนโหมดตัวเองเข้าสู่โหมดบู๊ ไม่ว่าจะยังไง ไอ้เจ้านายจะต้องปลอดภัย . .
เพราะผมใจลอยนี่เองทำให้หมัดของคนร้ายคนหนึ่งตรงมาที่ผม ไอ้ธัญมาช่วยสกัดเอาไว้ให้ “อย่าใจลอยดิวะ!”
“เออ! รู้แล้ว” ผมช่วยเตะคนที่จะมาทำร้ายมันให้ “มึงก็เหมือนกัน”
มันมองผมอย่างอึ้งๆ “จัดการให้หมด มังกรจะได้เข้าไปได้”
“เออ”
พวกมันแม่งทั้งถึกทั้งแรงควาย ผมโจมตีมันได้ก็จริงแต่น้อยครั้งนักที่จะสะเทือนไปถึงภายในของมัน
“มึงกับกูสองคนจะไหวเหรอวะ” ผมอาศัยจังหวะที่ได้ยืนอยู่ใกล้ไอ้ธัญถามมัน ธัญเหลือบมองไปที่มังกรที่ยังคงหาทางไปยังด้านหลังของเจ้าพวกนี้ไม่ได้
“ไม่ไหวก็ต้องไหววะ”
“สงสัยต้องล่อแม่งไปอีกทาง” ผมหาทาง ปาดเลือดออกจากปาก “เห้ย พวกมึง! ทางนี้โว้ย!!!!!!” ไม่รู้ว่าพวกมันจะโง่ตามผมมาทั้งหมดรึเปล่า แต่ก็มีพวกโง่แฮะ ผมวิ่งไล่พวกมันมาอีกทาง พยายามหลอกล่อ อีกด้านไอ้ธัญก็กำลังช่วยกันเช่นกัน แต่ทำไมไอ้ธัญมันถึงโดนรุมหนักขนาดนั้นล่ะ หรือพวกที่ไม่โง่มันมีมากกว่าพวกที่โง่ . . “เฮ้ย อย่าทำไรน้องกูนะโว้ย!!!”
“อ๊ากกกกกกก” เชี่ยแม่งใช้ไม้อะไรไม่รู้มาตีหลังไอ้ธัญจนมันต้องร้องโอดครวญ พอได้ยินเสียงมัน ผมก็เสียสมาธิ เลยโดนตีนยันหน้าเข้าให้จนเลือดพุ่ง
หรือมันจะหนักไปสำหรับพวกผมจริงๆ . .
“ไอ้ไนท์!!!!! กูบอกให้มึงรอในรถไง!!!” “ไอ้ไนท์!!!!! กูบอกให้มึงรอในรถไง!!!” ผมได้ยินเสียงตะโกนให้ไอ้เจ้าขุนจนแสบแก้วหู โคตรไม่มืออาชีพเลย แทนที่จะซุ่มไม่ให้ศัตรูรู้ทัน ทำไมต้องแหกปากออกมาด้วย และอีกอย่างหนึ่งนะ ทำไมมันต้องบอกให้ผมกับแอร์อยู่บนรถ? มันไม่รู้รึไงว่าผมอยากจัดการกับไอ้วิหคดำไก่กานี่มากแค่ไหน
“หุบปากไป”
ผมตะคอกใส่มัน กระโจนเข้าช่วยฝาแฝดเพื่อนรักของเจ้านายที่ตอนนี้ดูท่าจะไม่รอด แต่มองไกลๆเห็นหลังไอ้มังกรไหวๆไปไกลแล้ว หวังว่าคงจะเข้าไปช่วยไว้ได้ทัน และไม่ให้มีอะไรมาขวางหูขวางตา
“เชี่ยแม่งเอ๊ย” ผมเห็นเจ้าขุนบ่น พับแขนเสื้อเชิ้ตของมันเพื่อเตรียมบู๊
“ลูกน้องมึง พ่อมึงแม่งช้าว่ะ” ถ้ามาถล่ม พวกนี้คงราบเป็นหน้ากลองภายในเวลาไม่ถึงห้านาที
“หลงทางน่ะสิ”
อยากจะเงิบ แต่ก็ไม่มีเวลาให้เงิบเท่าไหร่นัก ผมรีบแกะตัวเกะกะที่กำลังรุมไอ้ธีหรือไอ้ธัญก็ไม่รู้ให้ออกจากตัวของมันไป ท่าทางมันไม่ค่อยไหวแล้ว
พลั่ก!
มีตัวอะไรก็ไม่รู้กระเด็นมาใส่ผม ผมหันไปมองเห็นไอ้เจ้าขุนตั้งท่าเตะค้างกลางอากาศก่อนที่จะเอาลงอย่างรวดเร็ว มันเพิ่งจะโชว์สกิลพลังถีบที่แสนจะรุนแรง และเหยื่อที่โดนมันถีบก็กระเด็นมาถูกผมเมื่อตะกี้ “พ่อมึงเหรอ!!” ผมด่ามัน
“ก็บอกแล้วไงว่าให้รถบนรถ!”
“แข่งกันมั้ยล่ะ!”
“ว่าไงนะ”
“มาแข่งกัน!” ผมชกหน้าคนที่พุ่งเข้ามาหา “กูล้มกลุ่มนี้ มึงล้มกลุ่มนั้น!”
“ชนะแล้วจะได้อะไร!” มันหลบหมัดฝั่งตรงข้ามอย่างคล่องแคล่วก่อนที่จะใช้เข่าแทงเข้าที่ท้องของคู่ต่อสู้
“อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย! มึงไม่ชนะกูหรอก!”
“บอกมาก่อนเหอะน่า!” มันตัดบทอย่างรำคาญ นี่ผมกับมันกำลังถกประเด็นท่ามกลางสนามรบ ไอ้แอร์หันมามองอย่างโคตรรำคาญผมกับไอ้ขุน ขณะที่มันกำลังเข้าไปช่วยแฝดอีกคน
“เออ ค่อยว่ากัน ชนะให้ได้ก่อนเหอะมึง!!!!”
ตอนนี้ผมกำลังเปลือยส่วนล่างอยู่ตรงหน้าไอ้เหม . .
หมดกัน . . ศักดิ์ศรีที่อุตส่าห์สั่งสมมา . .
“เฮ้ย . . ขาวว่ะ” เหมร้องอุทานอย่างประหลาดใจแกมมีความสุข ส่วนผมอยากจะฆ่าตัวตายเสียตั้งแต่ตรงนั้น มันเอามือของมันมาสัมผัสลูบคลำกับแก้มก้นของผมแล้วก็ชักมือกลับ ทำซ้ำแบบนี้สี่ห้ารอบ ให้ตาย . . ผมอยากถีบมัน
ที่สยองไปมากกว่านั้นคือมันยังคงถือมีดไม่ห่างจากตัว
ผมยังคงดิ้นทุรนทุรายจนข้อมือเป็นแผลเหวอะ . . ผมไม่อยากเสร็จมัน ผมไม่อยากหมดสภาพแบบนี้ต่อหน้ามัน ทำแบบนี้เหมือนฆ่าผมตายทั้งเป็น
“ขอโทษนะที่จะไม่มีการเล้าโลมอะไรทั้งสิ้น”
ตอนนี้มีเพียงใบหน้าเดียวที่ลอยเข้ามาอยู่ในหัวของผม . . หากผมเป็นอะไรไปและไม่รอดเงื้อมมือของไอ้เหม คนเดียวที่ผมรู้สึกผิดด้วยคือมังกร . . ผมกลัวมันเสียใจ ผมกลัวมันโทษตัวเอง . . ผมกลัวไปหมด ผมอยากจะทำอะไรให้ได้มากกว่านี้ ทำไมผมช่วยอะไรตัวเองไม่ได้เลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงสวรรค์ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้ง ไอ้เหมก็สะดุ้งเช่นกัน ใครสักคนมาเคาะประตูขัดจังหวะไอ้เหม และนั่นทำให้มันอารมณ์เสียมาก
“เหี้ยอะไร กูบอกแล้วไง ว่าให้อยู่แต่ข้างนอกบ้าน!!!”“มีคนบุกรุกครับคุณเหม พวกมันมากันเป็นโขยงเลย”
นั่นทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
เหมมองมาที่ผมอย่างชั่งใจ . . มึงยังจะต้องชั่งอะไรอีก ไปๆซะ
“ต้านไว้ไม่ได้เหรอ อีกนิดเดียวกูจะได้เจ้านายแล้วนะ!”“ยี่สิบคนตรงปากทางเข้ากำลังสาหัสครับ!”
“โว้ย!!!!” ไอ้เหมมันเตะผนังทำให้รูปของผมที่แขวนอยู่ตกลงมาจนกระจกแตกเสียงดังลั่นไปทั่ว . .
“แม่งเอ๊ยๆๆๆ!!!”ผมควรจะยินดีใช่มั้ย ผมควรจะดีใจใช่มั้ย . .
ไอ้เหมเปิดประตูห้อง ทำให้ผมเห็นคนที่มาเคาะประตูห้อง มันมองเข้ามา และแน่นอนมันเห็นสะโพกอันเปลือยเปล่าของผมเต็มๆ . .
ผมรู้แล้วล่ะ ว่าผมจะร้องไห้ทำไม TT
“มองเหี้ยไร ใครใช้ให้มึงมอง!” เหมด่าลูกน้องมัน . . “เฝ้าเจ้านายไว้ดีๆ ถ้าเจ้านายหาย มึงหัวหาย เข้าใจมั้ย!!!!”
“คะ ครับๆ”
เหมเหลือบมองมาที่ผมก่อนปิดประตูจากไป . . “เดี๋ยวเค้ามาเอาเตงใหม่นะ”
“พ่อมึงสิ!!!!”
ปัง! ประตูปิดพร้อมกับเสียงลงกลอนกุญแจต่างๆที่แน่นหนา . . ผมหลบตาปี๋ ลุ้นสุดชีวิตให้ใครก็ตามที่มาช่วยผมเกิดความประสบความสำเร็จ . . ไม่เอาแล้ว ผมเข็ดแล้วกับวงการนี้ ผมเข็ดแล้วจริงๆ มันไม่ได้บังเกิดอะไรขึ้นมาเลยนอกจากความสูญเสียกับความเจ็บปวด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
คราวนี้ไม่ใช่ประตูแต่เป็นหน้าต่าง ผมเห็นหน้าไปมอง
มังกร . .ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลของมันอ้าปากค้างอย่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นสภาพผม ส่วนผมนั้นดีใจชิบหายที่ได้เจอหน้ามัน
ผมดีใจจริงๆ . .
แป๊บ นึง นะ มันทำปากบอกผมแบบนั้น ท่าทางของมันแอบและลับๆล่อๆอย่างที่สุด ไม่รู้ว่ามันฝ่าด่านพวกนั้นมาได้ยังไง แต่มันมาช่วยได้ก็คือดีมากแล้ว
เพล้ง!!! หน้าต่างกระจกแตกด้วยฝีมือการหาค้อนอะไรไม่รู้แถวนั้นมาตี . . มังกรเดินเข้ามาหาผมและก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นท่อนล่างของผมที่ไม่ใส่อะไรเลย
“จะอึ้งอีกนานมั้ย” ผมด่ามัน
มันหากางเกงมาใส่ให้ผม และก็แก้เชือกที่มัดมือผมออกให้ ใช้เวลานานเกินไป เนื่องจากไอ้เหมมัดได้เป็นปมที่พิสดารเอามากๆ
พอผมหลุดจากพันธนาการ ผมก็โผเข้ากอดมันทันที . .
มังกรชะงักค้าง ก่อนที่จะลูบหลังผมอย่างแผ่วเบา
“กูกลัว”
“ไม่เป็นไรนะ มาช่วยแล้ว” มันกระซิบข้างหูผม หอมซอกหู หอมแก้มของผมอย่างรวดเร็ว “ต้องหาทางพามึงออกไปก่อน”
“หมายความว่าไง”
“กูต้องล้างแค้น”
“ไม่ ถ้าจะไปต้องไปด้วยกัน”
มังกรลูบข้อมือที่เต็มไปด้วยแผลมีเลือดของผมอย่างแผ่วเบา . . “ไม่ได้หรอก” มันดึงแขนผมให้เดินไปในที่ๆมันเข้ามา “เรื่องของกูกับเหมต้องจบวันนี้”
“…”
“ทั้งเรื่องไอ้แมท . . และก็เรื่องมึงด้วย”
“ไม่ได้นะ” ผมร้อง “มึงรู้มั้ยว่าไอ้เหมมันจิตมาก มันอันตรายมาก มันฆ่ามึงได้เลยนะโว้ย!!!”
“แต่มันข่มขืนมึง!!!” มังกรแผดเสียงตอบกลับมา ใบหน้าของมันแดงจัดและก็มือสั่นอย่างโมโหโกรธาอย่างที่สุด
“กูจะไม่มีวันมีความสุขแน่ ถ้ากูไม่กระทืบมันให้เจ็บเจียนตาย!!!”“มังกร” ผมจับใบหน้าฟกช้ำของมังกรให้หันมาทางผม “มันยังทำไม่สำเร็จ มึงเข้ามาขัดจังหวะก่อน”
ใบหน้ามังกรดูเย็นลงเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด
“พูดจริงเหรอ”
“อืม”
“โหยยยย โล่งใจว่ะ” มันดึงหัวผมเข้าไปจูบหน้าผากเร็วๆ “รีบหนีกันเถอะ”
สาบานได้ว่าผมไม่เคยเห็นมังกรในมุมนี้จริงๆ . .
“ทำไมต้องไปทางนี้วะ”
“มีพวกเรารออยู่”
“พวกเรานี่ พวกเราไหนวะ” ไม่ใช่เสียงผม . . แต่เป็นเสียงไอ้เหม . .มันเดินขึ้นมาทางที่มังกรใช้เข้ามา พร้อมกับทั้งอาวุธปืนอยู่ในมือ
ผมกับมังกรตกใจจนผงะเหมือนเห็นผี . .
“ก่อนที่จะมีคนตายไปมากกว่านี้ ส่งตัวเจ้านายมาให้กูซะ. .” เค้าเป็นแค่นักเขียนมือสมัครเล่น
อย่าถือสาหาความเค้านักเลยนะ