ร้ายที่ 40 “บอสคะ . .” คุณจิ๊บพยายามเรียกผมในวันปกติวันหนึ่งของการทำงาน แต่ผมไม่ได้ยิน “บอสคะ ฮัลโหลลลลล”
“ฮึ ว่าไง” ผมสะดุ้งแล้วหันไปมองเธอที่ยืนถือแฟ้มจำนวนหนึ่งอยู่
“แฟ้มที่บอสจะต้องเซ็นวันนี้ค่ะ” เธอส่งแฟ้มมาให้ผมแล้วยิ้มขำ
“ขำอะไร คุณจิ๊บ”
“ก็ . . ไม่มีอะไรค่ะ” เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ท่าทางวันนี้บอสจะมีเลขาส่วนตัวอยู่แล้วใช่มั้ยคะ”
เลขาส่วนตัวที่เธอว่าคือไอ้ไนท์ในชุดเด็กฝึกงานที่ห้อยป้ายชื่อเรียบร้อยกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกตรงส่วนที่ผมมักจะใช้ติดต่อกับลูกค้าและประชุมผู้จัดการฝ่ายต่างๆ มันหันมามองคุณจิ๊บแล้วยิ้มแหยๆ พอมันมองมาที่ผมหลังจากนั้นมันก็หน้าบึ้ง
ผมไม่ได้ตอบอะไรเธอ เพราะกำลังจ้องไอ้ไนท์เขม็งว่าทำไมมันถึงทำหน้าบูด นั่นยิ่งทำให้คุณจิ๊บถึงกับถอนหายใจปนส่งยิ้มล้อเลียน เธอจึงไม่พูดอะไรต่อและหันหลังออกจากห้องไป
“เป็นอะไร” ผมถามไอ้ไนท์ทันที
“. . ทำไมต้องบังคับให้มาด้วย มานั่งเฉยๆเนี่ยนะ บ้ารึเปล่า” มันโวยวาย แต่ไม่กล้าโวยวายเสียงดังเท่าไหร่
นั่นสิ . . กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมกูถึงต้องมาบังคับมึงมาด้วย . .
“ก็ . . จะได้เห็นตลอดไง” ผมตอบแบบเสียงไม่เต็ม เพราะถ้าเต็มมันจะได้ยินชัดน่ะ
“อะไรนะ”
“ก็ . . ช่างเหอะ อยู่นี่แหละ”
“ไนท์เซ็ง ไม่มีอะไรทำนี่”
“เอาเอกสารไปดูมั้ยล่ะ” ผมพยักเพยิดไปที่แฟ้มที่ตั้งสูงพอที่แตะเพียงนิ้วเดียวมันก็พังทลายลงมาได้ ที่เยอะขนาดนี้เนื่องจากผมตามไปดูแลไอ้ไนท์จนทำให้งานค้างเติ่ง . .
มันส่ายหัว “เป็นเด็กฝึกงาน ไม่ใช่ซีอีโอ”
“ก็ลองฝึกดู” ผมยังยืนกรานที่จะให้มันดู เผื่อมันจะหายเซ็งบ้าง “ที่บ้านก็น่าจะมีอะไรแบบนี้ให้ทำไม่ใช่เหรอ ออกจะรวยปานนั้น”
“ไม่มีอะไรให้ทำทั้งนั้นแหละ อย่าพูดถึงเรื่องที่บ้านได้ป่ะ” มันโวยวายทันที โอเคยอม เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่คุยกับมันไม่ได้จริงๆ “ถ้าเด็กฝึกงานไม่ต้องทำอะไรวันนี้ ไนท์จะอ่านหนังสือละนะ”
“อื้ม เอาสิ” ได้ข่าวว่ามันจะสอบนี่หว่า เห็นมันอ่านมาหลายวันละ . .
มันลุกขึ้นยืนทันทีและทำท่าจะก้าวเท้าออกไปจากห้อง
“เฮ้ยยย ไปไหนอ่ะ” ผมร้องทันที
“กลับคอนโด ไปอ่านหนังสือ” มันตอบซื่อๆ
หึ ไม่รู้อะไรซะแล้ว ใครจะปล่อยให้ไปง่ายๆ . . “ เอาชีททั้งหมดมาให้แล้ว . . อยู่บนรถ”
“ว่าไงนะ”
“เดี๋ยวไปหยิบมาให้นะ”
“พี่ขุน . .”
“จ๋า” ผมขานรับเสียงเพราะเป็นครั้งแรก นั่นทำให้มันตื่นตะลึง
“. . พูดเชี่ยไรแบบนั้นฟะ ไปหยิบมาให้เลย!”
“ฮ่าๆๆ อืม แป๊บนะ”
เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นว่าเด็กฝึกงานสั่งซีอีโอได้ . . ผมส่ายหน้าเบาๆอย่างขำๆพลางเดินไปหยิบชีทของมันที่ผมแอบจิ๊กมาจากบ้านไอ้ไนท์ในรถของตัวเอง ชีทมันก็อลังการเวอร์ เรียนห่าเหวอะไรไม่รู้เยอะแยะ หนักก็แสนจะหนัก
“บอส ผมช่วยมั้ยครับ”
“บอส ให้ดิฉันช่วยมั้ยคะ”
เสียงดังขึ้นตามทางที่ผมเดินผ่าน ผมส่ายหน้าดิกเป็นการตอบ พร้อมกับทำหน้าพวกเขาให้ออกไปจากทางของผม ปกติผมจะไม่ได้ถือของหนักแบบนี้หรอก คุณจิ๊บก็ไม่ได้ถือนะครับผมสุภาพบุรุษพอ จะมีพนักงานผู้ชายมาช่วยหอบแทน ทุกคนเลยดูตกใจที่เห็นผมถือของหนัก
หนำซ้ำยังเป็นชีทของเด็กมหาลัยอีกด้วย . .
ผมแทบจะเอาหัวโหม่งประตูห้องทำงานของตัวเองเพื่อเคาะประตู
“บอสคะ จิ๊บช่วยนะ” เธอมาเปิดประตูให้ ผมพยักหน้าขอบคุณ ไอ้คนข้างในคงนั่งส่ายเท้าดิกๆอย่างสบายใจเฉิบที่ได้ใช้งานผมสินะ . .
ผมวางชีทลงบนโต๊ะรับแขก เป็นเวลาเดียวกันกับที่มันวางกาแฟหอมฉุยลงบนโต๊ะทำงานผมเช่นกัน . . มันไม่ได้นั่งกระดิกเท้ารออย่างที่ผมคิดแฮะ
“อุ้ย เยอะขนาดนี้เลยเหรอ” มันดูตกใจ จะกุลีกุจอมาช่วย แต่ขอโทษเถอะ แขนใช้การได้ข้างเดียวไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นผมจัดการวางชีทให้มันเรียบร้อย แถมยังเรียงเป็นวิชาๆให้อีก . .
“นี่ไปชงกาแฟให้เหรอเนี่ย” ผมเดินไปถามมันทันทีน้ำเสียงดุ “น้ำร้อนลวกขึ้นมาจะทำยังไง”
“แขนเจ็บไม่ใช่แขนด้วน” มันพูดเสียงเซ็ง
“ก็นั่นแหละ ไม่ต้องลำบากอีกนะ เข้าใจมั้ย”
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมหันไปเจอคุณจิ๊บถือแก้วกาแฟหอมฉุยเข้ามาพอดี “จิ๊บชงมาให้ค่ะบอส . . ท่าทางวันนี้บอสจะงานเยอะ”
“โอ๊ะ ขอบคุณมากนะครับ” ผมรีบไปรับแก้วกาแฟจากเธอ เธอยิ้มและก็เดินจากไป
ผมวางกาแฟลงบนโต๊ะ ตอนนี้บนโต๊ะผมมีกาแฟสองแก้ว ท่าทางคืนนี้ผมคงจะไม่ได้นอนแล้วเพราะจะได้ดื่มกาแฟไปปริมาณมาก
ผมนั่งลงบนโต๊ะมองไปที่ไอ้ไนท์ เห็นมันหันหลังให้ผม . . นั่งลงกับพื้น ใช้โต๊ะรับแขกเป็นเสมือนโต๊ะเขียนหนังสือ ไนท์เลือกชีทอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเปิด เปิด เปิด และก็เปิด . .
ผมเห็นมันไม่เป็นไรแล้วจึงเปิดแฟ้มเพื่อที่จะทำงานของตัวเองบ้าง แต่เป็นเพราะใครบางคนอยู่ในห้องนี้รึเปล่าจึงทำให้ผมไม่มีสมาธิทำงานเลย ปกติผมจะรำคาญทุกสิ่งอย่างที่เข้ามารบกวน แต่วันนี้ผมกลับชอบที่ตัวเองไร้สมาธิแบบนี้ . . ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรมารบกวนผมเลยสักนิด คนๆนั้นเพียงอยู่แต่ในห้องของผม อ่านชีทของตัวเองเงียบๆ ไม่ได้ทำอะไรที่เสียงดังจนทำลายสมาธิผมเลย
ผมเปิดแฟ้ม อ่าน อ่าน และก็เซ็น . . เปิดอีกแฟ้ม หันไปมองไอ้ไนท์ กลับมามองที่แฟ้ม อ่าน อ่าน และก็เซ็น และก็หันไปมองไอ้ไนท์ . . วนอยู่อย่างนี้มากกว่าสิบครั้งในเวลาไม่ถึงสิบนาที
แต่ไนท์นั้นทั้งนิ่งและก็เงียบ นั่งอยู่ท่าเดิม ไม่ขยับเขยื้อนมาหลายนาทีแล้ว เป็นอะไรรึเปล่าหว่า ?
ผมค่อยๆเดินไปหามันอย่างเงียบเชียบ หลังจากนั้นผมก็นั่งลงแล้วแตะไหล่มัน
“ทำไรอยู่!!!”
“เหี้ยเอ๊ย!!!!!!”
พลั่วะ! เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมทำให้มันตกใจและมันก็มีปฏิกริยารีแอคชั่นโดยการต่อยผม โดยใช้มือที่ไม่มีเฝือก ถ้ามีเฝือกนะ ผมว่าผมคงฟันหัก . .
“ไนท์ ต่อยพี่ทำไมเนี่ยยยย . .” ผมจับปากอย่างเจ็บปวด ไนท์ตกใจอยู่ชั่วครู่แต่ก็กลับมาหน้าบึ้งหันไปอ่านชีทต่อ ไม่ขอโทษขอโพยผมสักคำ “เฮ้ย เป็นไรป่าวเนี่ย”
“…”
“งอนไรวะ” ผมถามอย่างงงๆ
“งอนเหี้ยไร!” มันสวนกลับมาทันที
“ก็แบบเนี้ย . . เรียกว่างอนชัดๆ”
“ไม่ได้งอนโว้ย!” มันเงื้อมหมัดจะต่อยผมอีกรอบ คราวนี้ใช้ข้างที่มีเฝือก
“อย่าขยับเยอะดิ เดี๋ยวก็ไม่หายหรอก” ผมปัดมือมันลง
“ชิ”
มันส่งเสียงจิ๊จ๊ะ เดี๋ยวนะ . . ไอ้การที่ผมโผล่เข้าไปใกล้แบบไม่ให้สุ้มให้เสียงนี่ถึงกับทำให้มันโกรธได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ไม่น่าจะใช่นะ เพราะทุกครั้งที่ผมเล่นแบบนี้ไอ้ไนท์มันก็มีแต่ขู่และก็หายโกรธไปเอง แต่นี่ . . แทบจะกินหัวผมเข้าไปด้วยซ้ำ
มันผิดปกตินะ . .
“เฮ้” แปลกแต่จริงที่คนใส่เสื้อเชิ้ตเนคไทครบไม่มีป้ายชื่อเพื่อนพนักงานคนอื่นๆกำลังนั่งสะกิดเด็กน้อยเพื่อง้องอน “เฮ้ . .”
มันขยับหนีเหมือนผมเอานิ้วไปจิ้มขี้ก่อนที่จะมาจิ้มสีข้างของมัน
“เฮ้ย . . งอนจริงๆใช่มั้ย งอนเรื่องไร”
“ไม่ได้งอน ไปไกลๆเลย” มันไล่ผม “ไม่ใช่ผู้หญิงด้วย งอนเหี้ยอะไร ไม่มีหรอก”
“ก็นี่อ่ะ มันงอนชัดๆ” ผมเอานิ้วจิ้มแก้มมัน นั่นทำให้มันตีหน้ายักษ์หนักขึ้นไปใหญ่ “อ่ะ ไม่งอนก็ได้ . . แต่โกรธไรพี่อ่ะ”
“…”
“ไม่ตอบแบบนี้พี่ไม่รู้นะ”
“…”
มันก็ยังคงไม่ตอบ . . ให้ตายนี่ผมต้องระลึกชาติเองใช่มั้ย . .
ตอนไหนที่มันยังปกติ และตอนไหนที่มันเริ่มผิดปกติ . .
โป๊ะเชะ . . ตอนที่คุณจิ๊บเอากาแฟมาให้เสร็จมันก็เงียบไปเลย . . มันงอนเรื่องนี้เหรอ งอนทำไมหว่า ?
“เฮ้ งอนที่พี่รับกาแฟจากคุณจิ๊บเหรอ”
“…”
“หรืองอนเรื่องอะไรอ่ะ นี่พี่คิดไม่ออกแล้วนะ”
“เปล่าหรอก ไม่ได้งอนอะไรทั้งนั้นแหละ”
“อ๋อ เข้าใจแล้ว” ผมสรุปเองเสร็จสรรพ “ไนท์โกรธล่ะสิที่พี่ด่าไนท์เรื่องชงกาแฟ แต่พี่ดันรับกาแฟจากคุณจิ๊บมาหน้าตาเฉยใช่มั้ย”
สาบานได้ . . ว่ามันผงะ
“อิจฉาเป็นด้วยเหรอ เราน่ะ”
“หุบปากไปเลย”
“ฮ่าๆๆๆ เรื่องแค่นี้เอง” ผมดึงมันเข้ามาสวมกอดทั้งๆที่มันดิ้นขลุกขลัก “ระหว่างกาแฟของไนท์กับกาแฟของคุณจิ๊บ พี่ชอบกาแฟของไนท์อยู่แล้ว”
ผมกระซิบ มันหยุดดิ้น . .
“พี่แค่เป็นห่วงไนท์ ไม่อยากให้ไนท์ลำบากเพราะพี่ . . เข้าใจรึเปล่า”
“… อืม”
“ทีนี้ไม่ต้องงอนอะไรอีกนะ”
“. . คุณจิ๊บ สวยมั้ย” หลังจากที่เงียบอยู่นานมันก็ถามผมขึ้นมา . .
“ก็สวยสิ หุ่นดีด้วย . . หน้าก็ไม่ค่อยแต่ง แต่ก็ยังสวยสุดๆ นี่ไม่ได้อวยเลขาตัวเองหรอกนะ ฮ่าๆๆ ถามทำไมเนี่ย”
“. . . งั้นเหรอ”
“ทำไมต้องทำเสียงอย่างนั้นฟะ”
“เสียงยังไง เปล่าซักหน่อย”
“นี่คิดมากอะไรอีกเนี่ย”
“เปล่า!!!”
“คุณจิ๊บเขาเป็นเลขาพี่นะ . . เขากำลังจะแต่งงานแล้วด้วยซ้ำ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเขานะเว้ย”
“. . ไม่ต้องแก้ตัวขนาดนั้นก็ได้” มันก้มหน้างุด
“ไนท์ . . ตลกนะ ฮ่าๆๆ ทำไมเป็นคนคิดมากแบบนี้วะฮะ” ผมแกล้งดีดหน้าผากมัน “เป็นพวกรักแรงหึงแรงเหรอ?”
“รักแรงหึงแรงเหี้ยไร ใครรักใครหึงวะ โคตรมั่วเลยอ่ะแม่ง” ป๊อก ผมแกล้งดีดหน้าผากของมันอีกครั้ง
“พูดไม่เพราะ”
“. . ก็อย่ามามั่วใส่ดิ” มันโวย ส่วนผมนั้นยิ้มขำลูกเดียว “. . ออกไปไกลๆเลยด้วย จะอ่านหนังสือ ไม่ทำงานแล้วเหรอ” ไนท์ทั้งถีบทั้งดันผม เฮ้ๆๆ กูซีอีโอ มึงเด็กฝึกงานนะโว้ย . .
. . แต่พูดอะไรแบบนั้นออกไปไม่ได้หรอก “ครับๆ”
กว่าผมจะเคลียร์งานเอกสารบนโต๊ะเสร็จก็ปาเข้าไปเวลาหลายบ่ายเลยทีเดียว
ต้องยอมรับว่าไอ้ไนท์เป็นคนสมาธิดีมาก ผมนี่เดินจากโต๊ะทำงานไปโต๊ะรับแขกนห้องเป็นสิบๆรอบไอ้ไนท์ก็ยังอ่านหนังสือได้ มันก็เงยหน้าขึ้นมาด่าอยู่นั่นแหละแต่ด่าได้แป๊บนึงมันก็ก้มหน้าไปอ่านต่อ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมเป็นคนสมาธิสั้นก็คราวนี้ จากบ่ายโมงถึงห้าโมงเย็นไอ้ไนท์เอาแต่นั่งที่เดิมไม่ขยับเลย
มันจะเอาเกรดเอรึไงฟะเนี่ย . .
“ไนท์ เย็นแล้ว กลับบ้านเถอะ” ผมร้องเรียก
ไม่ขยับ . .
“ไนท์ . . นี่มันเวลาเลิกงานละนะ” อีกไม่นานออฟฟิศผมก็จะเหลือแค่แม่บ้านกับยามและก็พวกพนักงานที่ทำโอที “กลับบ้าน เดี๋ยวพี่จะไปส่ง”
“แป๊บนึง เรื่องนี้จะจบแล้ว”
ผมค่อยๆเดินไปนั่งใกล้ๆที่ไอ้ไนท์มันนั่งอยู่ แต่ผมนั่งบนเก้าอี้นวมนะ
“อีกตั้งครึ่งปึก”
“นั่นแหละ ใกล้จะจบแล้ว”
“ไว้ไปอ่านที่บ้าน”
“จะให้ตรงนี้ให้จบ”
“ไนท์ . .”
“อยู่เฉยๆได้มั้ย”
อืม . . ไม่เร่งก็ได้วะ อย่างน้อยผมก็เคลียร์งานของผมจนเสร็จสิ้นหมดแล้ว ตอนนี้งานของผมก็คงจะมีแต่เฝ้าไอ้ไนท์ที่จมอยู่กับชีทเรียนต่อไป ดูมันทำหน้างง มันทำหน้าเข้าใจ และก็ดูมันทำหน้าตั้งใจ มันช่างเป็นคนที่หลากหลายอารมณ์อยู่ในตัวมันจริงๆ
“จ้องทำไม ไม่มีสมาธิ” มันด่าผม ทั้งๆที่ตาของมันก็จ้องชีทเรียนอยู่
“ไม่มีอะไรทำก็ต้องจ้องนี่หว่า”
“พอเลย มีอะไรให้ทำตั้งเยอะตั้งแยะ”
“ทำเสร็จหมดแล้ว”
“…” เหมือนมันจะเถียงไม่ออก ก็ได้แต่ปล่อยให้ผมจ้องมันต่อไปด้วยท่าทีรำคาญใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย
จนกระทั่งมันอ่านจนจบชีท ผมถึงได้ขยับตัวอย่างกระตือรือร้นเพราะถึงเวลาที่จะได้กลับบ้านไปนอนสักที แต่ทว่า . .
มันกลับหยิบอีกชีทขึ้นมา . . ซึ่งปึกใหญ่กว่าชีทอันที่แล้วมาก เห้ย!
“ไหนบอกอีกเรื่องนึงไง!” ผมโวยวายทันที
“ก็อีกเรื่องนึง เรื่องนี้มันมีสองปึกอ่า” มันตอบซื่อๆ
พอกันที . . “เอาไว้ไปอ่านที่บ้าน ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย”
ผมดึงแขนมันให้ลุกขึ้นยืน(แขนข้างที่ไม่มีเฝือกนะ) มันก็ดันรั้นไม่ยอมลุกขึ้นมาอยู่ได้ ซ้ำยังทำหน้าบูดบึ้งเพราะโดนขัดใจอีกด้วย แม่ง จะเด็กไปไหนวะ
“ไนท์ . .” ผมทำเสียงบังคับ “ที่นี่จะปิดแล้ว อยากอยู่เป็นผีเฝ้าออฟฟิศรึไง กลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว”
“ไม่ไป” มันดื้อ . .
“ชอบออฟฟิศนี่มากนักรึไง”
“…”
“หรือชอบที่จะอยู่กับพี่?” ผมถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ ถามไปงั้นๆไม่ได้คาดหวังอะไร หวังจะให้มันปฏิเสธและก็จะได้ย้ายก้นกันกลับบ้านสักที
แต่มันดันนิ่ง . . ไม่ยอมตอบผม แถมยังทำหน้าเหมือนเด็กโดนจับได้อีก . .
ก็เพราะหลังจากที่กลับบ้านไป ผมก็ต้องกลับบ้านผม มันก็ต้องกลับบ้านมัน . .
“ไม่ตอบแสดงว่าใช่นะ” ผมทำหน้าล้อเลียน
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“ไม่ใช่งั้นก็กลับ”
“. . .”
“งั้นก็แสดงว่าใช่ ฮ่าๆๆๆ” ผมดึงไนท์ให้ลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ . . รีบคว้าตัวมันเข้ามากอดอย่างแสวงหากำไร ฉกชิงโอกาสตอนช่วงที่มันไม่ค่อยมีแรงสู้นี่แหละ
“ไอ้พี่ขุน . .” มันใช้แขนข้างที่ไม่มีเฝือกทุบหลังผม . .
“ห่างกันแป๊บเดียวเอง พรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว” ผมกระซิบข้างหูมัน หูที่บัดนี้เริ่มมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาเป็นปื้น . .
“ไม่เห็นจะอยากเจอ” ไนท์เถียง
ฮ่าๆๆ เมื่อกี้ยังหาเรื่องอยู่ด้วยกันนานๆไม่ใช่รึไง . . “งั้นคืนนี้ไปนอนด้วยนะ”
“ไม่” มันตอบทันที
ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าผมจะไปมาหาสู่บ้านของมันบ่อยแต่ผมก็ไม่เคยค้างเลยสักวันเดียว
“นะๆ คืนนี้ไปนอนด้วยนะ” ผมออดอ้อน กระชับอ้อมกอดเข้ามาอย่างแนบแน่น ไอ้ไนท์ตัวสั่นงันงก พยายามดันตัวผมออก แต่ไม่น่าจะประสบผลสำเร็จ . .
“ออฟฟิศนี่รกจังเลยวะ . . เห้ย ไอ้ลูกชาย ข้ามาเยี่ยม . .” เสียงบุคคลที่สามดังขึ้นแบบที่ผมกับไนท์ที่กอดกันกลมไม่รู้ตัว . . เป็นคุณพ่อรูปร่างจ้ำม่ำของผมกับไอ้เจ้านายนี่เอง . . และคุณกิตเองก็ดูเหมือนจะอึ้งๆไปกับการที่เห็นผมกอดกับกับไอ้ไนท์
ซึ่งเราสองคนก็ยืนแยกกันแทบจะในทันที . .
“พ่อ มาได้ไง” ผมถามเสียงแห้ง เกาหัวตัวเองอย่างเก้อเขิน เมื่อกี้ผมเพิ่งอ้อนไอ้ไนท์ไปอย่างกับลูกแมวเหมือนตัวเองอายุ 2 ขวบ ทั้งๆที่ตัวเองอายุ 26
“นั่งรถมา” เสียงของพ่อขุ่นมัวลงไปถนัดตา “มานี่ซิ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเอ็ง”
ผมมองหน้าไนท์อย่างตื่นๆ ไนท์ก็มองมาที่ผมโดยใช้สายตาแบบเดียวกัน . . ผมเดินตามหลังพ่อออกจากห้องทำงานของตัวเอง ออฟฟิศตอนนี้ร้างผู้คน มีแต่ผมกับพ่อเท่านั้น
“เอ็งกับเด็กคนนั้นชอบพอกันรึไง” ผมยังไม่ทันจะได้ตอบ พ่อก็พูดสวนขึ้นมา “กับไอ้ก้าวข้ายอมได้ . . แต่กับเอ็ง ข้ายอมไม่ได้จริงๆตระกูลเราต้องมีคนสืบสกุล เอ็งก็รู้นี่”
“แต่ว่า . .”
“ไม่มีแต่ เอ็งจะรักเด็กคนนั้นมากแค่ไหน เอ็งก็ต้องเลิกยุ่งกับเด็กคนนั้น”
“พ่อ . .”
“หรือไม่เอ็งก็ต้องให้ไอ้ก้าวเลิกกับลูกไอ้เมฆ ใครคนใดคนหนึ่งต้องเลิกเป็นเกย์ซะ เพื่อพ่อ . . เพื่อตระกูลของเรา . .”
น้ำเสียงของพ่อไม่ได้ซีเรียส ไม่ได้ดุด่า พ่อพูดเหมือนกำลังอบรมสั่งสอนผม . . ผมที่เหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ตอนนี้กำลังรู้สึกผิดราวกับว่าผมเพิ่งฆ่าคนมาเป็นร้อย
คำพูดของพ่อเหล่านั้น . . ไอ้ไนท์ที่ยืนอยู่ข้างหลังประตู . . ได้ยินทุกคำ นับถอยหลังใกล้ตอนอวสานแล้วนะคะสำหรับเรื่องนี้
ขอบคุณที่ร่วมอ่านร่วมเม้นร่วมติชมกันเข้ามาในนิยายของนักเขียนมือสมัครเล่นคนนี้
ขอบคุณมากจริงๆนะคะT____T พบกันในตอนหน้านะคะ
ณ เวลาอันใกล้นี้แหละ ><