ตอนพิเศษ #เกือกเป็นเหตุ (ย้อนหลังวันวิสาขบูชา)วันนี้เป็นวันสำคัญทางศาสนา และเป็นวันที่พวกผมได้หยุดงานหลังจากทุ่มเทหลังขดหลังแข็งกับงานมานาน
ตอนแรกว่าจะไปเวียนเทียนแต่เมื่อไม่กี่วันก่อนเกียร์เข้าไลน์การผลิตแล้วดันเอาแขนไปเฉียดโดนมอเตอร์เลยเป็นแผลกลับบ้าน อาจจะฟังดูเหมือนแผลใหญ่จนเหวอะ แต่ความจริงมันไม่มากขนาดนั้นหรอกครับเพราะโชคดีที่มอเตอร์เป็นเครื่องเล็ก ไอ้คนตัวใหญ่ของผมก็เลยโดนเคราะห์กรรมไป ผมเลยสั่งห้ามไม่ให้ไปอยู่ที่คนเยอะๆหรือมีสิ่งแปลกปลอมมากๆ กลัวแผลจะติดเชื้อแล้วจะแย่ลงน่ะครับ
แต่ไม่ใช่ว่าผมจะว่างนะ นึกว่าจะได้นอนเล่นกับคุณไอซิสสบายๆ เกียร์ก็ชวนออกไปซื้อของเข้าบ้าน ไอ้ผมก็เป็นห่วงแฟนไงเลยบอกให้แม่บ้านซื้อเข้ามาให้ก็ได้ แต่รายนั้นเขาไม่ยอมครับ อะไรที่เป็นเรื่องของเรานี่ต้องดีที่สุด ต้องไปเลือกไปเห็นกับตาถึงจะวางใจได้ ผมก็เลยเลือกห้างใหม่ใจกลางเมืองเพราะคนไม่เยอะเท่ากับห้างแถวคอนโดเรา
“หยิบผ้าผืนใหม่นะ” เกียร์บอกตอนที่ผมกำลังคว้าผ้าเช็ดตัวที่ห้อยอยู่ตรงชานระเบียง
“จะเอาไปซักเหรอครับ” ผมถามงงๆ ปรกติจะซักอาทิตย์ละสองครั้ง แต่นี่เมื่อวานพึ่งซักไปเอง
“ไอซิสมันตะกุยหล่นพื้น เมื่อกี้เผลอไปแขวน” อ๋อ ลูกผมครับลูกผม ว่าไม่ได้ โอ๋อย่างเดียว
“หื้มม ดื้อจริงๆเลยนะครับคุณไอซิส” ผมเดินไปหาเกียร์ที่อุ้มไอซิสอยู่แล้วเกาคางอย่างหมั่นเขี้ยว เล่นกันไปนิดหน่อยเกียร์ก็อุ้มไปส่งนอกห้อง ไอรักที่ยืนยกมือค้างได้แต่ยืนงง บ๊ายบาย หมดโควต้าจ้าคุณไอซิส..
สักพักพี่แกก็เดินกลับมาพร้อมขับแขนผมแล้วกระตุกยิกๆ
“ป่ะ” ห้ะ ไปไหน อะไรยังไงตอบ
“ไปไหนอะครับ ขอผมอาบน้ำก่อนสิ” ไอ้แฟนคนนี้นี่แม่งชักจะยังไง ไล่ให้เราไปอาบน้ำอยู่หยกๆ
“อืม ก็อาบน้ำด้วยกัน” อ๋อ………
“ห๊า”
“หะอะไร เร็วๆ เดี๋ยวไอ้ทรุดตามประท้วงขออาหารหรอก” เกียร์ดูรีบมากครับไม่พูดเปล่า ดันก้นผมให้เดินไปยังห้องน้ำไม่พอ ยังเอามือมารองใต้หว่างขาแล้วลูบคลำเฉย ไอ้เชี่ย ไอ้มือไวใจเร็ว ทำหนุ่มใจแตกอีกแล้ว โว้ยยยยยมีแววจะเสียตัวอีกแล้วกู
“เกียร์! เอามือออกไปก่อนครับ ทำอะไรน่าเกลียดอะ! อ๊ะ...” มันเริ่มกดจุดหนักขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ ไหนใครๆๆๆใครบอกว่ามันเจ็บแขนครับ ไม่ไหวละ ไอรักขออาบ(เอา)น้ำ(ออก)ก่อนนะครับ ฮืออออ
………………………………………………………
“ไปก่อนน้า คุณไอซิสลูกรัก” ผมทำปากม้วฟๆใส่แมวในชุดไทยอยู่นาน จนเกียร์สะกิดให้ลุกสักที ผมก็เอื่อยเฉื่อยนิดหน่อย สงสารลูกครับ มาดักหน้าดักหลังเหมือนจะไปด้วย หนำซ้ำยังเอาหัวชนขาแล้วล้มตัวแปะบนเท้าผมอีก โอ้ยยยย คุณลูกครับ น่ารักเกิ้น
“เอาบัตรมาแล้วใช่ไหม” คนข้างตัวถามพลางขับรถออกจากคอนโด วันนี้ขับรถผมไปเพราะระยะทางไกลแถมต้องแบกของที่ต้องซื้อกลับด้วย ตอนผมบอกว่าเกียร์จะเจ็บแผล ให้ผมขับแทนไหม มันก็ไม่ยอมนะ
“เซ่อ เยสเซ่อ ระดับนี้แล้วไม่มีคำว่าลืม” เกียร์หัวเราะในลำคอนิดหน่อย บัตรที่ว่าคือเงินเก็บของเราสองคน เป็นค่าส่วนกลางน่ะครับ เวลาจับจ่ายใช้สอย ค่าน้ำค่าไฟ และอื่นๆจิปาถะที่ใช้ร่วมกันก็จะใช้เงินนี้นี่ละ สักส่วนการฝากเงินก็ 80:20 ไอ้ที่ฝากเยอะๆนั่นคือของเกียร์ ส่วนของผมที่อุตส่้าห์เถียงแทบตายว่าจะช่วยออกก็ออกได้เพียงเท่านั้นละครับ
อ้อ ส่วนเงินเดือนทั้งหมดของเกียร์ พี่ท่านก็เอามาฝากผมไว้เต็มจำนวนนั่นละ แล้วผมค่อยให้เป็นรายอาทิตย์ไป ตอนแรกผมก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่เกียร์เป็นคนคะยั้นคะยอให้ผมเป็นคนเก็บ ก็เลยต้องทำตามหน้าที่ แต่บางส่วนผมก็โอนไปให้พ่อแม่เขานะครับ แล้วเงินที่เหลือก็เอาไว้ในบัญชีเขานั่นละไม่ได้เอามาใช้เองหรอก
“เมื่อกี้คุณแม่โทรมาชวนไปวัดละครับ น่าเสียดายเนอะ แด๊ดกับมาม๊าก็ไปด้วย ป่านนี้คงสนุกกันสี่คนอยู่แน่ๆ” ผมเล่าให้สารถีฟัง
“เราก็สนุกกันสองคน สนุกแอร์เย็นๆ” ไอ้คุณน้ำแข็งเริ่มเกทับ ถามจริง มึงอายุเท่าไรแล้วครับเพ่!
“จ้า พ่อเจ้าชาย” ไอ้ผมก็อดที่จะเหน็บแนมไม่ได้ เดี๋ยวนี้อัพเลเวลแล้วนะ คิดยังไงพูดอย่างนั้น แรกๆมันก็ไม่อึ้งนะ ติดจะขำเสียมากกว่า
“แฟนเจ้าชายหรอก” เอ๊อออออออออออออออออ เข้าตัวตล๊อดดด ไอ้ผมจะทำไงได้นอกจากหักหน้าออกข้างหน้าต่างแล้วกลั้นยิ้มไว้เต็มสตรีม มือแม่งก็จะแข่งกันพันไปไหนวะ เดี๋ยวตีมือแตกเลยนิ ฮึ่้ยยๆๆๆ
เมื่อมัน(แกล้งผมจน)พอใจแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ แหม่ะ ไอ้เราก็แอบเหลือบมองแบบลูกกะตาแทบจะหมุนหลับด้าน แฟนเรานี่มันหล่อจริงๆ นี่ไม่บอกไม่รู้เลยนะว่าเคยเป็นรองเดือนวิศวะน่ะ หล่อกว่าเดือนวิศวะตั้งเยอะทำไมไม่มีใครรู้สึกเหมือนผมบ้างวะ เอ๊ะหรือความรักบังตา อิอิ ไม่หรอกเนอะ
เอ้อ แต่เราก็เรียนจบกันมาหลายปีแล้ว จะมโนย้อนทำไมตั้งหลายภพวะ คิดไปคิดมาอยู่ๆก็ถึงที่หมายเฉย! เอ้า ไอรักโม้นานไปเหรอนี่
ผมเดินไปยังโซนอาหาร ความจริงมันก็เป็นมานานจนเคยชินแล้วนะที่เกียร์จะให้ผมเลือกร้านอาหารเองเสมอ แต่จำได้ว่าวันก่อนอยากกินอาหารไทยจัดๆ ผมก็เลยจัดเต็มให้ครับ ดุ่มๆไปร้านอาหารฝรั่งเลยทันที5555
ล้อเล่น ก็ไปร้านอาหารไทยสิคิดขนาดนี้แล้ว
“รายการอาหารมี….. เท่านี้นะคะ รบกวนขอเมนูด้วยค่ะ” เอ๊า นึกว่าให้ไปเลย ว่าจะเก็บไว้เช็ดก้นคุณไอซิสซะหน่อย
“ที่นี่มีสละลอยแก้วด้วย เดี๋ยวทานอาหารคาวเสร็จ ตบด้วยของหวานกันเนอะเกียร์เนอะ” ผมพูด มันก็อมยิ้มนิ๊ดดหน่อยแล้วมือก็ลอยมาแหมะบนหัว ซ้ำยังขยี้เหมือนขอล้างมือก่อนทานข้าว อืม เอาที่สบายใจอะ
พออาหารมา อีแร้งก็มา กินไปครู่หนึ่งก็เห็นไอ้คนที่นั่งข้างๆฝั่งเดียวกันมันขยุกขยิกเหมือนหนอนไชหรรมก็ไม่ได้ เป็นเกรื้อนก็ไม่เชิง
“มีอะไรหรือเปล่าเกียร์ นั่งดีๆสิครับ” ครู่ใหญ่ๆเลยนะกว่าที่ผมจะอดรนทนไม่ได้ต้องดุมันไปที เห็นมันหยิบช้อนส้อมขึ้นมาดูบ้าง ดูป้ายร้านที่ติดบนโต๊ะบ้าง จับหลอดคนน้ำเปล่าบ้าง ไม่รับประทานคุณกระเพราสักที
“คือ ขอ..ซื้อรองเท้าผ้าใบได้ไหม” ผมหันไปมองคนพูดที่ตั้งใจลงมือกินข้าวเกินพอดี
“อ้าว คู่เก่าไม่ดีเหรอ อาทิตย์ที่แล้วพึ่งซื้อไม่ใช่เหรอครับ” ไม่ได้จะว่าอะไรนะ แต่เห็นเดี๋ยวนี้นางสนมของผมฮิตสะสมรองเท้าเหลือเกิน ที่ซื้อมาไม่เห็นได้ใช้คุ้มราคาเลย อยู่มาตั้งนานไม่เคยสนใจอะไรนอกจากมอเตอร์ไซค์ ใครทำไอ้คุณน้ำแข็งคลั่งไคล้รองเท้าได้วะะะะ
“ก็..อืม” เกียร์พูดแค่นั้นแล้วก็เงียบ(หรือเงิบวะ)ไป ผมก็เฉยๆนะอยากดูปฏิกิริยาว่าจะทำยังไงต่อไป คือผมก็ไม่ขัดใจเขาหรอกเพราะนานโคตรนานที่เกียร์จะอยากได้สิ่งของอะไรสักอย่างที เห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้จริงๆครับ น้ำแข็งก้อนโตนั่งกัดปากหน่อยๆเหมือนอยากได้แต่ไม่กล้าพูด ส่วนคิ้วนี่เหมือนนั่งไขว่ห้างกันเลย พันกันเฉย
แล้วมันก็กินอย่างเงียบๆ ทำเหมือนปรกตินั่นละ พอเราทานอาหารเสร็จก็ว่าจะเดินไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย แต่คีมยักษ์ก็ยึดมือผมไว้ก่อน ผมก็มองมันงงๆ
“ชั้นบนยังไม่ได้ดูเลย” หือ ผมมองมันที่เสตาหลบ ชั้นบนคือจะหมายถึงรองเท้าอะไรนั่นหรือเปล่า ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิด มึงจะแต่งหล่อไปหาใครห๊ะ ไอ้ น้ำ แข็ง
“อยากได้ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ผมถามมันตรงๆ คนตรงหน้าก็หน้ามึน ยืนเป็นจ่าเฉยตอนเวอร์ชั่นแรกที่ยังไม่ติดกล้อง CCTV
“................”
“.............” ผมเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจ วันดีๆทำไมผมต้องรู้สึกคันยุบยิบในใจด้วยวะ เห็นมันพยายามทำอะไรสักอย่างแล้วไม่อยากบอกผม แค่นี้ก็รู้สึกแปลกๆ ไม่อยากคิดต่อแล้ว ผมเลยหันกลับไปเดินต่อพร้อมกับบอกมัน
“วันหลังค่อยมาเองเถอะ วันนี้ผมรีบ ไปเถอะครับ” เสียงผมคงเรียบเฉยนะ แต่ความจริงในใจมันแย่สุดๆ
ผมเดินไป แล้วก็คิดไปต่างๆนาๆ ก็บอกแล้วไม่อยากคิดต่อ บอกคิดแม่งก็มาเป็นเรื่องเป็นราว ไปยันฆ่าหั่นศพเกียร์แล้วฝังไว้ที่ท่อบาดาลโน่น กลับมาไอรักกลับมา พอถึงทางลงบันไดเลื่อนก็รู้สึกว่ามันเงียบแปลกๆ เลยหันไปมอง
อ้าวเฮ้ย เกียร์หาย
อย่าบอกนะว่ามันขึ้นไปดูเกือกใส่ส้นทีนไรนั่นอะ โอวม่าย นี่ผมยอมสยพแม้กระทั่งรองเท้าหรือวะ ผมเดินกลับทางเดิมอย่างหัวเสีย แต่ผมก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเห็นมันอยู่ที่เดิม ทำหน้างอนอีก เฮ๊ยยยยยยยย ใครควรงอนใครวะสรุป
“เกียร์ ทำไมไม่มานี่ละครับ” มึงอย่างอนทับกูขอร้อง กูสู้ไม่ถอยนะ แต่ทำไมคำพูดผมมันคนละฟิลริ่งกับความคิดวะ!?
“...........งอน” เอ๊อ คนงอนเขาบอกสถานะกันด้วยเหรอวะ
“อะไรละครับ ถ้าเรื่องรองเท้าก็ขึ้นไปซื้อตอนนี้กันเลยก็ได้” ทำเรื่องมดให้กลายเป็นเรื่องช้างนะ
“ไม่ใช่” อ้าว
“เกียร์ครับ ถ้าคุณไม่บอก ผมจะรู้ไหมว่าคุณเป็นอะไร เราเคยพูดกันแล้วไม่ใช่เหรอว่ามีอะไรก็หันหน้าคุยกัน ถ้าคุณยังมีอะไรในใจอยู่แบบนี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน คุณไม่คิดเหรอว่าผมก็เสียใจ” อ้าว ไอรักดราม่าใส่เฉย ไม่รู้ละ ใครผ่านมาจะมองยังไงก็ช่าง เคลียตรงนี้แม่งเลยครับ ไม่เคลียไอรักไม่กลับ
“..ไอรักไม่สนใจเกียร์เลย” เกียร์ก็ดูอึ้งๆไปนิดหน่อย แต่ก็ยอมพูดออกมา
“หือ ผมเหรอ”
“เวลาที่อยู่ด้วยกันก็ไม่ค่อยจะมี..”
“เดี๋ยวๆ ที่ผ่านมาผมทำงานนะ ทำเสร็จก็กลับบ้าน มากินข้าวเย็นด้วยกันตลอด” ผมแย้งขึ้น ไอรักเอ๋อหรือมันมึนวะ
“ทำแต่งานก็พอเข้าใจ แต่กลับมาทำไมต้องเล่นกับแมวก่อน” เฮ้ยยยยยย มึงหาเรื่องงี่เง่ามาชวนทะเลาะให้เลิกกันเหมือนในนิยายหรือเปล่าวะ
“ก็คุณไอซิสเข้ามาพันขานี่นา” ผมเกาหัวอย่างงงๆ ดูท่าจะยาวครับ ผมเลยดึงแขนมันให้ไปนั่งที่เก้าอี้ของห้าง
“เดี๋ยวนี้ชักจะเยอะไปแล้วนะ เพลาๆลงบ้างสิ มันนอนอยู่ก็ยังอุ้มมาเล่นจนตื่น เกียร์อยู่ข้างๆไม่เห็นเล่นด้วย” อืม ใครครับ ใครเยอะ มึงหรือตรู
“อ่า นั่นมันแมวนะครับ”
“แมวก็มีหัวใจ” เออ ก็ใช่ไง มันก็มีหัวใจเหมือนคนไงครับแฟน หรือมึงมีแต่หัว…
“ผมว่าเราหยุดงอนกันเรื่องนี้เถอะ เอาตรงๆนะครับ มันมีแค่เรื่องนี้จริงๆเหรอ” ร้อยวันพันปีเห็นไม่ค่อยจะเหวี่ยงผมกับลูกขนาดนี้ คุณแฟนกินไวอาก้ายี่ห้ออะไรมาครับ มีอ.ย.หรือเปล่าอยากรู้
“...................” อยู่ดีๆหน้ามันก็เริ่มมุ่ย ผมก็เหวอสิ เปลี่ยนสีหน้าไวขึ้นนะครับคุณน้ำแข็ง
“เอ่อ..” ผมงง พูดไม่ออก เชิญพี่ท่านพูดต่อเถอะครับ
“ไอรักเคยบอกว่าคนสะสมรองเท้ามันเท่ห์ แต่...ทำไมเกียร์ทำแล้วไม่เห็นชมบ้าง” พอมันพูดเท่านั้นละครับ ผมก็เริ่มประมวลผล เมื่อต้นเดือนที่แล้วผมกับมันนั่งดูโทรทัศน์กันอยู่ มีรายการหนึ่งเขาพาไปดูคนรักรองเท้ายี่ห้อชื่อดัง หน้าตาก็ใช้ได้นะครับ แต่ผมเห็นเขามีแนวคิดที่ดีก็เลยเปรยๆไปแบบนั้น ก็ไม่คิดว่ามันจะฝังใจ
ฉิบหาไม่เจอเลยสิทีนี้
“ก็รู้ว่าเกียร์มันอายุเยอะแล้ว.. เราก็คบกันมานานแล้ว..” ผมมองหน้าเศร้าๆบวกกับความไม่ค่อยมั่นใจของมันก็รู้สึกเอ็นดู มันคิดมากเรื่องนี้อยู่สินะ ไม่รู้นะว่าทำไมหลายคู่ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงที่เจอส่วนใหญ่ความรักก็มักจะแผ่วปลายจนเลิกลากันไป แต่ทำไมผมถึงรักมันมากขึ้น มากขึ้นทุกวันก็ไม่รู้ คิดอย่างนั้ก็ดึงมือข้างหนึ่งมากุมไว้แล้วยิ้ม
“เกียร์ครับ ผมไม่ได้อยากให้เกียร์เหมือนใครนะ อีกอย่างเราอยู่ด้วยกันจนมันเกินความผูกพันไปแล้ว ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมคุณถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่บางทีผมก็เคยคิดเหมือนกัน ถ้าวันหนึ่งเกียร์เคยชินที่จะอยู่กับผมจน..เบื่อ ถึงตอนนั้นผมจะทำยังไง..”
“เกียร์ไม่เคยเบื่อ” มันสวนขึ้นมา ผมจึงยิ้มๆแล้วพูดต่อ
“ก็ใช่ไงครับ ผมก็แค่คิด คิดไปเองคนเดียว กลัวว่าถ้าหน้าตาย่นเหี่ยวแล้วเกียร์จะหมดรัก กลัวว่าใครจะแย่งเกียร์ไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมหยุดความคิดนั้นก็คงเป็นการกระทำของคุณ”
“....”
“คุณทำให้ผมรู้ว่าคุณรักผมไม่น้อยกว่าที่ผมให้คุณไปหมดใจ” ผมพูดจบ รอยยิ้มเกียร์ก็ค่อยๆชัดขึ้น จนตอนนี้รอยยิ้มนั้นระบายเต็มหน้าแล้ว มันเป็นรอยยิ้มที่ผมคิดว่าตัวเองโชคดี โชคดีมากที่ได้เป็นคนที่รักเกียร์
“อีกอย่าง คนที่ผมรักก็ไม่ใช่ใครอื่นสักหน่อย..คนที่ผมรักน่ะคือคนเนี้ยะ คนที่ชอบมอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่รองเท้าสักหน่อย” ผมจิ้มที่หน้าอกหนาๆแล้วอมยิ้มไปพร้อมกันมัน
“นั่นสินะ” แหน่ะ ยังมาทำเป็นพึ่งนึกได้ คบกันมาก็นานมากแล้วยังทำมึนอีก เดี๊ยะๆ
“ป่ะ งั้นไปซื้อของกันได้แล้วครับ เดี๋ยวจะมืดค่ำไปกว่านี้แล้วจะอันตราย”
“ไปดูหมวกกันน็อคด้วยได้ไหม มันออกใหม่ เป็นคู่ สวยด้วยนะ” ผมหัวเราะออกมาเกือบจะเสียความเป็นคนเลยครับ ก็มันเล่นโฆษณาช่วยเขาขายของเหมือนร้านตัวเอง แถมหน้านิ่งๆยังทำตาวิ๊งๆจนอดเอื้อมมือไปดึงแก้มมันไม่ได้ แว๊นซ์เกียร์สิถึงจะเป็นแฟนก๊อยไอรักหน่อย
เอ้อ แต่ผมก็อยากถามมันอย่างนึงนะครับ มันอาจจะลืมไปว่าเรา………….
อายุเท่ากัน
สวัสดีวันวิสาขบูชาย้อนหลังครับ
...
+มาสายไปวันหนึ่ง โธ่ คิดถึงคนอ่านทุกคนจ้าาาาา หวังว่าจะเจอกันอีกนะคะ ^^