ตอน3วันนี้ผมตื่นเช้าตรู่ ทั้งๆที่มันไม่มีเรียนเช้า แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมอารมณ์เสียได้เลย เพราะอะไรน่ะเหรอ หึหึ
“สวัสดีครับ”
“.....เออ”
หืมม ... ขนาดเสียงงัวเงียยังหล่อเลย ไม่สิ น่ารักมากกว่า
“ผมอยู่ข้างล่างคอนโดคุณเกียร์แล้วนะครับ”
“อีกสิบนาที” แล้วก็วางสาย รวดเร็วติดจรวดเสียจริง
หลังจากเมื่อวานที่ผมได้สารภาพบาป เอ๊ยรักแบบโต้งๆไป มันอึ้งปนเหวอ น่าเอ็นดูมากๆ และดูเหมือนว่ามันคงไม่อยากคุยกับผมสักเท่าไร จะมีแค่เวลามันบอกทางไปคอนโดมันนั่นแหละ ความจริงผมรู้ตั้งนานแล้วว่ามันพักอยู่ที่ไหน เรียนวันไหนบ้าง แต่กลัวมันด่าผมว่าเป็นโรคจิต ตามติดชีวิตรองเดือนวิศวะเกินไป ฮ่าๆๆ
ผมลงรถไปมินิมาร์ทแถวคอนโด ตั้งใจว่าจะซื้อเครื่องดื่มบำรุงสมองกับขนมปังให้กับคุณเกียร์เสียหน่อย เอ๊ะ นมจืดรสช็อกโกแลตของผมด้วย ผมเป็นคนติดนมรสช็อกโกแลตมาก กินได้ไม่เคยเบื่อจริงๆ หลังจากคิดเงินเสร็จผมก็ตรงไปที่รถ กลัวเกียร์จะรอน่ะครับ
แหมะ วันนี้ก็ยังคงความหล่อเหมือนเดิมเลยนะครับ
“ไปครับ” ผมยิ้ม
“……” เกียร์มองผมด้วยหางตา เอ่อ อย่าพยายามทำหน้าแบบนั้นเลยครับ แค่นี้ผมก็หลงคุณจะแย่แล้ว ยิ่งได้เห็นคุณระยะประชิดแบบนี้ ผมอยากจะกระชากคุณมากอดเลยละ
“วันเลิกเรียนกี่โมงครับ” ถามไปงั้นละ ก็บอกแล้วไง เรื่องของคุณ ผมรู้หมด
“...สิบเอ็ดโมงครึ่ง” เกียร์นั่งเท้าคางมองไปนอกหน้าต่าง
“อ่า นั้นเดี๋ยวผมมารับไปทานข้าวแล้วกันนะครับ” เกียร์เหล่ตามอง
“วันนี้กูจะกินที่โรงอาหารวิศวะ อย่ามาช้าละ ” สงสัยประโยคนี้จะยาวที่สุดในวันนี้ละมั้ง
“ครับ”
....................................................................
“ฮัลโหล ไอ้เพื่อนเลวใจหยาบบ เมื่อคืนมึงหายไปไหนมา ทำไมไม่รับสาย แล้ว#%$*$^”
“…ให้กูตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะ”
“มึงไม่ต้องเลย คดีติดตัวเป็นกระทง แล้วตอนนี้สรุปมึงอยู่ไหน กูไปหาที่คอนโดทำไมไม่เจอ มีเรียนบ่ายไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้หมาคิมสบถมาตามสาย
“มึงจะเจอได้ไงล่ะ ตอนนี้กูอยู่ใต้ตึกคณะ”
“อ้าว เออๆไว้เคลียเดี๋ยวพวกกูไปหา” หืม? พวกกู
“ไอ้เจ้าชายเหี้ยยยยยยยยยย” เสียงไอ้เนมมาแต่ไกล
ผัวะ ปัก ปึก!!!!! “โอ๊ย!!!!!” เสียงไอ้เนมหลังจากที่โดนรองเท้า แก้วน้ำ และอื่นๆอีกมากมายที่บินมาจากไหนไม่รู้
“สมน้ำหน้า มึงบังอาจไปตะโกนด่าเจ้าชายสุดหล่อแสนเพอร์เฟคของมหาลัยเองช่วยไม่ได้” พิชยิ้มแสยะ พร้อมส่ายหัวมองไอ้เนมแหนมเนืองอย่างระอา
“เออแม่ง กูผิด! ….ผิดตรงไหนวะแม่งไอ้เจ้าชายเฮงซวย” แหมถึงประโยคหลังมึงจะบ่นพึมพำในลำคอ แต่หูกูดีกว่าหมานะมึง
“ว่าไงไอ้รัก มีอะไรจะสารภาพไหม” พ่อพิชสุดโฉดถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกชวนเสียวสันหลัง
“มี เมื่อวานกูขับรถเฉี่ยวคนมา” ผมพูดพร้อมดูดนมช็อกที่แสนอร่อย โดนไม่รู้ว่าเป็นการเชิญชวนสายตาคนรอบข้างที่ผ่านไปมาหันมามองอย่างหยดเยิ้มกันเป็นแถว
‘หล่อชะมัด อยากจะเป็นหลอดอันนั้นจังแก แอร๊ยย’
‘มึงๆ เจ้าชายชอบกินนมช็อกเว้ย จดใส่ในโทรศัพท์ด่วน!!’
‘คนอะไรวะ ทำอะไรก็เท่ หล่อ สมาร์ท’
‘กูขอเอาไปนอนกอดสักคืนคงฟินน่าดู’“ห๊ะ!!!” สี่หนุ่มเอฟโฟร้องเสียงหลงประสานกัน ขนาดไอ้ไทป์ยังไม่อาจเก็บเสียงของมันไว้ได้
“แล้วผู้เสียหายที่ดวงโคตรซวยของกูคือ... เกียร์”
“ห๊า!!!!!”
“แล้วมันก็ให้กูเลี้ยงข้าว มารับ-ส่ง ทำตามคำสั่ง”
“ห๊า!!!!!!!!!!”
“ถ้าพวกมึงจะพูดแค่ห๊า ก็กลับไปนอนบ้านเหอะ”
“ไม่ๆกูงง ไม่ดิกูตกใจ เอ้ย ไปยังไงมายังไงวะ โอ้ยยปวดตับชิบ” มึงพึมพำไรคนเดียววะน่ากลัวชิบ เหมือนความคิดในสมองของไอ้เนมกำลังตีกัน
“เออกูก็งง พรหมลิขิตบันดาลชักพาเหรอวะ” มึงเลือกเพลงไม่เข้ากับหนังหน้าเลยอะพิช
“สงสัยเมื่อคืนฟ้าฝนเป็นใจให้เรามาพบกัน” ถ้าไม่รู้จักกันมา ผมคงคิดว่าบ้านไอ้คิมผลิตน้ำคลองแสนแสบ เน่าได้อีกเหอะ
“แต่กูว่าดีเหมือนกัน”
“ยังไงวะไอ้ไทป์”
“พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสไงล่ะ หึหึหึ” เชี่ยย มึงหัวเราะอย่างนี้กูเสียวสันหลังตลอดเลย
“พลิกยังไงวะ ..อ้าวเฮ้ยจะไปไหนวะไทป์”
“กูมีเรียนสิบเอ็ดโมง” อยู่ดีๆมันก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
“อ้าวแม่งนึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป”
“เออแล้วทำไมมึงมาไวอะ” แหนะ หันมาสนใจเรื่องผมอีกละ
“ก็กูมารับเกียร์ไปเรียนคาบเช้า ส่วนกูก็มานั่งแกร่วรอมันไปกินข้าวกลางวันพร้อมกันแล้วมาเรียนบ่าย”
“โหไอสาดดด เผลอแปบเดียวแมร่งพัฒนาไปเยอะเลยวะแมร่งงงงง” กูว่ามึงติดคำว่าแมร่งเกินไปละไอ้เนม พูดย้ำอยู่ได้คำเดียว
“กูเป็นคนรับใช้ส่วนตัวมัน ไม่มีอะไรเกินกว่านั้นโว้ย”
“ก็ถือว่าดีกว่าแต่ก่อนที่มึงมัวแต่สะกดรอยตามโดยที่เขาไม่รู้หรือเปล่าละ”
“แต่มันไม่อยากคุยกับกูเลยอะไอ้พิช พูดแล้วน้อยใจชิบหาย ฮืออ” ผมพูดไปทำเป็นสะอื้นไป ไอ้พวกสามตัวนี้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก
“มึงไปขับรถเฉี่ยวเค้า แล้วยังจะให้เค้าคุยเล่นกับมึงอีกเหรอวะ ประสาท” อูยย ..
“มึงก็หน้าด้านเข้าไว้ดิวะ ปกติกูก็เห็นมึงยิ้มแย้มโลกสดใสชื่นมื่นพาเอาคนหนุ่มสาวในมหาลัยมองกันตาละห้อย ทำตัวให้ปกตินั่นละดีแล้ว” จ้าพ่อเนมรูปหล่อ
“เออยิ้มแย้ม ชวนคุย เฟรนลี่กับเพื่อนๆมัน เข้าทางพ่อตาแม่ยาย จะไปยากอะไรวะ ฮ่าๆๆ”
“พูดง่ายๆเนอะไอ้คิม เฮ้อออ”
“อ้าว หรือเพื่อรักของมึง มึงทำไม่ได้?”
“ได้” กูก็บ่นไปอย่างนั้นเอง ฮ่าๆๆๆ
สิบเอ็ดโมงครึ่ง
โรงอาหารวิศวะผมจอดรถอยู่ข้างหน้าโรงอาหารวิศวะแต่ยังไม่ลงไป ก็ใครมันจะไปกล้าลงวะแค่ขับเข้ามาก็มองกันตาเป็นมัน มันแปลกมากเหรอวะที่BMWจะมาจอดในเขตวิศวะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรวันนี้อารมณ์ดี จิตใจเบิกบาน หึหึ
“สวัสดีครับ เลิกเรียนหรือยัง” ผมกดโทรศัพท์ไปหาเกียร์
“อยู่กลางโรงอาหาร”
ปิ๊บบ ...
ยังคุยไม่ถึงหนึ่งนาทีมันก็วางสายใส่ผมเลยอะ คือมึงไม่ต้องห่วงค่าโทรศัพท์กูขนาดนี้ก็ได้นะ
ผมลงจากรถเดินเข้าไปในโรงอาหาร จากเสียงครึกโครมเงียบขึ้นทันตา ไอ้สาดผมก็คนนะ มันมองอย่างกับผมเป็นตัวประหลาด อย่าค้างดิ มึงมองผ่านๆไปไม่ได้เหรอวะ เสียงดังตึก ตึก ตึก ก้องทั่วโรงอาหาร ไม่ใช่เสียงหัวใจใครหลุดออกมาหรอก แต่เป็นเสียงผมเดินนี่ละ ผมเดินไปยืนตรงข้ามฝั่งที่เกียร์นั่ง มันนั่งก้มหน้าจับแผลอยู่
“เรียนเป็นยังไงบ้างครับเกียร์” เกียร์เงยขึ้นมาช้าๆ
“…..” กริบทั้งโรงอาหาร
“…ก็ดี”
“ตรงนี้มีคนนั่งหรือเปล่าครับ” ผมหันไปถามเพื่อนๆมันที่นั่งหน้าเหวออยู่รอบข้างมัน
“อ๊ะ เชิญครับเชิญ ตามสบายเลยครับ” พวกเพื่อนมันรีบกุลีกุจอเคลียที่ให้ผมอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงฮือฮาในโรงอาหารกลับมาดังอีกครั้ง
‘เหี้ยย เจ้าชายมาที่นี่ได้ไงวะ’
‘ถึงกูจะเป็นชายเถื่อน แต่กูยอมพรีกายให้ฟรีเลยจริงๆอะ’
‘ออร่าสว่างไปไหน กริ๊ดดด’เสียงที่ได้ยินนี่เป็นปกติอยู่แล้วไม่ว่าผมจะเดินไปทางไหนก็จะมีเสียงรอบข้างแบบนี้อยู่ทุกครั้งไป แต่ผมไม่สนใจหรอก คนตรงหน้าน่าสนใจกว่าเยอะ
“ขอบคุณครับ..เอ่อวันนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” ผมหันไปขอบคุณเพื่อนๆที่น่ารักของมันก่อนจะหันมาพูดกับมัน
“คะน้าหมูกรอบพิเศษ”
“แล้วน้ำ?”
“โอเลี้ยง” ถ้าโอไม่เลี้ยงไม่เป็นไร เดี๋ยวไอ(รัก)เลี้ยงเอง ฮ่าๆๆ
“ได้ครับ” ผมลุกออกไปซื้อข้าวซื้อน้ำให้มันโดยไม่ต้องต่อแถวแต่อย่างใด ผมยิ้มงงๆให้คนระแวกใกล้ๆที่เหมือนจะต่อแถวซื้อข้าวกัน แต่แหวกหนีอะไรสักอย่าง แปบเดียวก็ได้ของที่สั่งมาอย่างรวดเร็ว
“กู เอ่อผมชื่อพัตนะครับ ส่วนไอ้ผู้หญิงห้าวในกลุ่มคนนี้ชื่อสา ไอ้หน้าเหี้ยมชื่อโฟ่ ส่วนไอ้แว่นชื่อเน มันไม่กินผัก แล้วก็ไอ้ตัวโตๆขาวๆชื่อข้าวต้มมัด เรียกมัดก็ได้คร้าบบ” พัตหน้ากะล่อนกวนบาทาฟาดหน้านิดๆพูดขึ้น
“เจ้าชาย เอ้ยคุณไอรักไปรู้จักกับไอ้เหี้ยเกียร์ได้ไงอะ...ครับ” หืม..เสียงมึงไม่เหี้ยมสมหน้าตาเลยอะ นุ่มนวลฟังแล้วเพลิน น่าจะไปเป็นดีเจมากกว่าวิศวะนะ
“ครับยินดีที่ได้รู้จัก เรียกไอรักเฉยๆก็ได้ครับ คือผมเป็นคนทำคุณเกียร์เขาบาดเจ็บน่ะครับ” ผมยิ้มบางๆให้พัต ทุกคนทำหน้าอึ้งชั่วขณะ จนได้สติแล้วจึงคุยต่อ
“อ๊ะ ไอ้เพื่อนเหี้ยย มึงไปเดือนตัดหน้ารถเขาใช่ไหม มึงนี่มันเลวจริงๆ .. เอ่อขอโทษแทนไอ้เกียร์ด้วยนะคะ แหมมันคงเดินไม่ดูตาม้าตาเรือน่ะค่ะ” สาหันไปโวยวายให้เกียร์ก่อนจะหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“มันเฉี่ยวกูเอง ไฟเขียวให้คนข้ามถนนแล้ว แต่เสือกไม่หยุดรถ” มันบอกเพื่อนอย่างหงุดหงิด
“เค้าไม่ได้ตั้งใจหรอก มึงอะผิด”
“มันผิด”
”มึงอะผิด”
“กูไม่ผิด มันผิด” เกียร์เริ่มตะคอก
“เอ่อผมผิดเองครับ เดี๋ยวผมจะรับผิดชอบและชดเชยเสียหายให้เอง”
“โหยไอ้เพื่อนเลว มึงไม่ได้ตายสักหน่อย” อย่าไปแช่งที่รักผมสิครับไอ้คุณพิต
“เออใจร้ายว่ะมึง เค้าเสียเงินให้มึงแล้วต้องรับผิดชอบมึงอีก” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มบอก
“กูมองคนผิดไปสินะ” ข้าวต้มมัดดราม่าซะงั้น? เพื่อนมันมีคนเต็มสักคนไหมวะ
“โว้ยย เออ! มึงไม่ต้องชดเชยค่าเสียหายให้กู แต่มันต้องมาดูแลกูตามที่ตกลงกันไว้แค่นั้น”
“ตกลงไรกันวะ” พัดยังคงความเสือก
“ไปรับไปส่ง เลี้ยงข้าว ทำตามคำสั่ง”
“ไอ้สาดดดดดด เจ้าชายไม่ต้องทำนะครับเดี๋ยวจะเหนื่อยเปล่าๆ”
“ช่างน่าสงสารจริงๆ”
“เอ่อไม่เป็นไรครับ ถ้าเป็นเกียร์ผมเต็มใจ”
“......เอ่อ ฮ่าๆๆ ประโยคแปลกๆดีนะครับ” เสียงหัวเราะฝืดๆออกมาพร้อมกันห้าคน แต่เกียร์ยังหน้าบูดเหมือนเคย
“เออวันนี้ไปเตะบอลด้วยนะโว้ยอย่าลืม นัดพวกไอ้ดินเรียบร้อยแล้ว ส่วนไอ้เกียร์มึงก็ต้องไปนั่งดูด้วยกูเหงา” พัตบอกเพื่อนในกลุ่ม ลืมบอกไปว่าเกียร์เป็นกัปตันทีมในชมรมฟุตบอล
“เอ่อผมขอไปดูด้วยได้ไหมครับ” ก็คนอยากไปดู เป็นห่วงเกียร์ด้วยยิ่งขาเป๋อยู่ ถึงมันจะไปนั่งดูเฉยๆก็เหอะ
“เอ๊ะ ได้ครับๆ โหเจ้าชายมาสนามบอลทอล์คออฟเดอะทาวน์แหงๆ” นายแว่นไม่กินผักเจือกตอบ
“จะไปทำไม” เสียงทุ้มโหดๆติดหงุดหงิดดังขึ้น
“ตอนนี้ผมเป็นคนดูแลเกียร์ เพราะฉะนั้นผมต้องทำหน้าที่ให้ได้ดีที่สุดสิครับ” ผมยิ้มแก้มปริ มีเหตุผลอ้างโว้ย อย่าได้แคร์
“แล้วแต่มึง” มันลุกเดินไปยังตึกเรียน สงสัยจะไปเรียนต่อ
“อ๊ะ ผมช่วยครับ” ผมรีบเข้าไปพยุงเกียร์ มันมองปรายตา น่าทางยโสเสียจริง แต่ยอมให้ช่วยแค่นี้ก็ดีใจแล้ว
ผมเดินไปส่งมันที่อาคารเรียนแล้วกลับไปเรียนคาบบ่ายของตัวเอง
TBC------------>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
