Page 12 : โบนัสไม่มี โอทีไม่ได้ เงินเดือนไม่ขึ้น!
‘ขอโทษที่รบกวน แต่พี่อยากประชุมกองเก้าโมงเช้า เพราะฉะนั้นเจอกันที่ออฟฟิศนะจ๊ะ เดี๋ยวตอนบ่ายปล่อยให้กลับมานอนต่อ’
สิปป์ศิลป์มองข้อความในไลน์ by บก.เอ้แล้วก็ซาบซึ้งถึงคำว่าน้ำตาตกใน วันหยุดที่ควรมีควรได้ก็เสียไปให้กับงานต่างจังหวัด กลับมาเหนื่อยๆ แทนที่จะได้อภิสิทธิ์นอนตื่นสายแบบไม่อายฟ้าดิน ก็มีเหตุให้ความฝันล่มสลายจากคำสั่งสายฟ้าฟาด บอกกับตัวเองเบาๆ ว่าทุกอาชีพย่อมมีข้อดีข้อเสีย แล้วก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำทั้งที่ตายังลืมไม่เต็มที่ หาววว...
ในขณะที่นักเขียนกำลังอาบน้ำ ตากล้องประจำกองก็กำลังขับรถออกจากบ้าน ปกติเมตตาไม่ใช่คนชอบตื่นสาย พอหกโมงครึ่งปุ๊บ ร่างกายมันก็ตื่นเองโดยอัตโนมัติ แต่วันนี้ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้า และไม่สามารถข่มตานอนต่อได้อีก เลยลุกขึ้นมาอาบน้ำ กินกาแฟ และค้นหนังสือเก่าๆ ออกมาอ่าน ทว่าเรื่องราวก่อนตื่นนอนก็ยังไม่จางหาย
และรถเต่าประจำกายก็คลานมาจอดหน้าหอพักของคนในความฝันแบบไม่รู้ตัว
“ว่าไง” สิปป์คว้าโทรศัพท์มาแนบหู ขณะมือข้างหนึ่งคว้าเชิ้ตลายสก็อตในตู้ออกมาใส่
“กูอยู่ข้างล่างหอมึงอ่ะ” เสียงจากปลายสายราบเรียบ ต่างจากคนฟังที่คิ้วแทบจะขมวดเป็นปม
“มึงมาทำไมวะ”
“กูว่าง ตื่นเช้าเกิน ไม่มีไรทำ”
โอ้โห...กูอยากจะซื้อต่อเวลาว่างของมึงจริงๆ สักสิบนาทีก็ได้ ให้กูได้นอนต่อ จะเป็นพระคุณอย่างสูง “ไอ้เชี่ย แล้วจะเอาไง รอข้างล่างหรือขึ้นมา”
ปลายสายเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเลือกอย่างหลัง เจ้าของห้องที่ดีเลยแนะนำว่าให้รอคนเข้าออกที่ประตูแล้วเมตตาค่อยขึ้นมา แทนที่สิปป์จะลงไปเปิดประตูให้
“กูกำลังรีดกางเกงใน แม่งไม่แห้ง” สมเหตุสมผลและควรให้อภัย เมตตาเลยต้องยอมรับเงื่อนไขแบบไม่มีข้อโต้แย้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเจ้าของห้องตะโกนรับเป็นเชิงอนุญาต ผู้มาเยือนเลยเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะถือวิสาสะเดินรี่ไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำส้มกล่องใหญ่มารินใส่แก้ว พาตัวเองไปหย่อนบนโซฟา และหยิบรีโมทมาเปิดดูสรยุทธ์เมาท์แตกในทีวี
“เกงในแห้งแล้วเรอะ” เมตตาทักคนที่ยืนหวีผมอยู่หน้ากระจก ดูแล้วแต่งตัวใส่กางเกงยีนส์เรียบร้อย
“ยัง ถ้าแห้งแล้วเดี๋ยวกูเอามาใส่ไว้ข้างนอก”
“เออดี งั้นวันนี้กูจอดรถไว้หอมึง แล้วเกาะหลังมึงบินไปก็แล้วกัน เบื่อรถติด”
“ได้ เดี๋ยวกูหาผ้าคลุมสีแดงก่อนนะ ไม่รู้เก็บไว้ไหน... ถุย! ถ้ายังไม่แห้งกูจะใส่กางเกงได้รึไง” ว่าที่ซุปเปอร์แมนรีบตัดบทก่อนมุขมันจะเสื่อมไปมากกว่านี้ จอมรับมุขหัวเราะลั่น ขณะยัดหัวตัวเองเข้าไปในตู้เย็นอีกหน
“กินไรยัง” ปากร้องถาม พลางหยิบบรรดาของสดของแห้งในตู้เย็นออกมาดู พออีกฝ่ายส่ายหน้า เมตตาเลยหยิบโบโลน่าแฮมกับขนมปังฟาร์มเฮาส์และแยมออกมา
เสียงกดไมโครเวฟติ๊ดๆ ทำเอาสิปป์ศิลป์ส่ายหน้า “มึงเป็นเจ้าของห้องใช่มั้ยเชี่ยเมต”
คนถูกกล่าวหายักคิ้วกวนๆ หนึ่งที “ป๋าส่งเงินค่าหอให้หนูทุกเดือน อย่างนี้ป๋าก็เป็นเจ้าของห้องรึเปล่าจ๊ะ”
“หนูอยากจะถีบยอดหน้าป๋าจริงๆ ขอสักทีได้มั้ยจ๊ะ” ไม่พูดเปล่า หนูที่ว่ายังยกเท้าขึ้นมาในท่าเตรียมพร้อม ดีว่าไมโครเวฟดังเป็นระฆังพักยก ไม่งั้นป๋าอาจได้รับรอยบาทาสวยๆ ประดับชีวิตก็เป็นได้
“โหดจุงเบยยย…” เมตตาไม่วายทำเสียงกวนประสาทอีกรอบ
“จุงเบยพ่อง!”
รถเต่าคันเดิมพาสองเพื่อนซี้เลี้ยวเข้าลานจอดรถเมื่อเวลาเกือบเก้าโมง ขณะวนหาที่จอด รถหรูคันคุ้นตาก็แล่นผ่านพร้อมส่งเสียงแตรปี๊นๆ ทักทาย เมตตาบีบแตรตอบกลับเบาๆ สองที ก่อนจะถอยเข้าซองที่ว่าง ซึ่งอยู่เลยออฟฟิศตัวเองไปถึงสามบล็อค ในขณะที่รถคันนั้นแล่นเข้าเทียบหน้าอาคารอย่างสบายใจเฉิบ
อภิสิทธิ์ชนแบบนี้ จะเป็นใครซะอีก ถ้าไม่ใช่บก.เอ้!
“แอร๊ยยยยย!! ไปทำอะไร ยังไง ท่าไหน ทำไมถึงมาด้วยกัน” เพียงแรกพบสบตา รัศมีความวายก็เปล่งประกายขึ้นทันที เมื่อคู่ขา เอ๊ย...คู่จิ้นประจำออฟฟิศเดินเคียงกันมาถึงจุดสแกนนิ้ว สิปป์ศิลป์รู้สึกได้ถึงสายตาของบก.ที่มองหาอะไรบางอย่างจากซอกคอของเขาอย่างมีนัยสำคัญ
“พี่เอ้หาอะไรครับ” คนถูกทักแสร้งหลุบสายตาไปยังต้นไม้ใบหญ้าด้านหลัง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพาดโยงไปถึงสมาชิกคนอื่นๆ ในทีม
“เอ้อ...เช้านี้พี่เก็ตมันจะมาทันมั้ยเนี่ย เห็นว่าเมื่อคืนจัดหน้าจนดึกดื่น”
เมตตาขมวดคิ้วแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเชี่ยเก็ตมันเช็คอินที่ลานเบียร์หน้าห้างแถวบ้านมันตอนห้าทุ่มกว่าๆ งานนี้สงสัยบก.จะโดนต้มซะแล้ว
“ประชุมอะไรอ่ะพี่ ใช้งานหนักแบบนี้ ปีใหม่ขอหยุดยาวสิบวันเลยนะ” นักเขียนอวดครวญพร้อมเสนอข้อแลกเปลี่ยน
“หยุดสองอาทิตย์เลยก็ได้...” บก.ร่างทอมส่งยิ้มหวาน ทำเอาทั้งตากล้องทั้งนักเขียนตาลุกวาว
“ถ้าเดือนนี้ปิดเล่มทันสองเล่มนะ!”
…………. Gayscale Magazine………….
น้องจีผู้มีปัญหากับเช้าวันจันทร์เสมอ กระหืดกระหอบผ่านประตูห้องประชุมเข้ามา เมื่อนาฬิกาบอกเวลา 10.00 น. จุดๆ นี้คงไม่มีคำใดแก้ตัวดีไปกว่าคำว่า...
“ขอโทษครับพี่เอ้ ขอโทษครับทุกคน” คนมาสาย(มาก)ยกมือไหว้รอบห้อง
สิปป์ศิลป์พยักหน้าให้เป็นเชิงเห็นใจ ก่อนจะหันกลับมาคุยกับบก.ที่นั่งหัวโต๊ะต่อ หากปลายหางตาก็ยังเห็นว่าไอ้พี่เป็ดที่นั่งกระสับกระส่ายมาตลอดหนึ่งชั่วโมงกลับมีอาการสงบลงอย่างน่าอัศจรรย์
“พี่บอกกับทุกคนคร่าวๆ แล้วว่าเล่มหน้าธนาคารสินทรัพย์สนใจลงแอด แต่เค้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลงมกราหรือกุมภา ที่เหลือจีก็อธิบายละกัน” พี่เป็ดบอกกับเซลส์ที่ดูแลโปรเจคนี้ น้องจีพยักหน้าเบาๆ
“ครับ คือปีหน้าเนี่ย ธนาคารสินทรัพย์เค้าจะมีแคมเปญเงินออมคนโสด คือปกติแล้วทุกธนาคารก็จะมุ่งเป้าหมายการออมเพื่อการสร้างครอบครัวในอนาคตใช่มั้ยฮะ แต่ที่นี่เค้ามองกลับกัน เค้าคิดว่าต่อไปคนไทยจะใช้ชีวิตโสดเยอะขึ้น แต่งงานน้อยลง มีลูกน้อยลง สังเกตได้จากอายุเฉลี่ยของคนแต่งงาน ที่เป็นชนชั้นกลางถึงสูง ตอนนี้อยู่ที่ 30-35 ปี”
“แล้วทำไมเค้าถึงสนใจหนังสือเราล่ะ” นักเขียนเอ่ยถาม
“เพราะคนส่วนหนึ่งที่ไม่ยอมแต่งงานก็คือเกย์ไงครับ” ตอบจบก็หน้าแดงขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ น้องจีกระแอมในลำคอก่อนจะบังคับตัวเองให้มาโฟกัสที่งานต่อ
“เมื่อเดือนก่อนผมเลยเสนอเรทราคาไป พอศุกร์ที่แล้วก็เข้าไปพรีเซนต์มา เท่าที่คุยกันไว้กับทางเอเจนซี่ที่ดูแลธนาคารนี้อยู่ เค้าไม่อยากทำเป็นทายอินลงในเนื้อหา แต่อยากให้ทำเป็นหน้าพิเศษขึ้นมาสำหรับโปรเจคเค้า ทำเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนสกู๊ปนึงไปเลย ประมาณสิบหน้าครับ” พอเห็นทุกคนพยักหน้ารับ จีรวัฒน์เลยพูดต่อ
“ทีนี้เค้ามีพรีเซนต์เตอร์อยู่สามคน เป็นคนดังที่ใช้ชีวิตโสด เค้าอยากให้ทำเป็นเหมือนว่า พาสามคนนี้ไปทำกิจกรรมต่างๆ แล้วก็ทำเป็นสกู๊ปมาลงหนังสือเรา” น้องจีส่งรูปคนดังที่ว่าไปรอบโต๊ะแล้วพูดต่อ “ตรงนี้เค้าอยากให้เราลองทำคอลัมน์ วางเลย์เอาท์แบบคร่าวๆ เป็นไอเดียให้เค้าดูก่อนอ่ะครับ”
เมตตากับสิปป์ศิลป์กระซิบกระซาบกันพร้อมหัวเราะคิกคัก ทำเอาบก.เอ้อยากรู้ขึ้นมาทันควัน “อะไรกันไอ้สองคนนี้”
“ไอ้สิปป์บอกว่า เค้าน่าจะติดต่อพี่เอ้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ด้วยอ่าครับ” ตากล้องชิงตอบ ทำเอานักเขียนโวยวายใหญ่ “มึงก็คิดเหมือนกูนั่นแหละ อย่ามาโยนกันดิ๊”
บก.สาววายส่ายหัวด้วยความระอา ฉันสั่งให้ไอ้เอสตัดเงินเดือนพวกแกสองคนดีมั้ยนะ เอ้อ!!
“พี่ยังไม่แต่งงาน เพราะพี่ยังมีห่วงอยู่น่ะ” บก.วัยสี่สิบปีเอ่ยอย่างชวนสงสัย
“ห่วงอะไรครับ” สองเพื่อนซี้ถามขึ้นพร้อมกัน
คนมีห่วงแสร้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนว่า “ก็เมตยังไม่มาขอไอ้สิปป์สักที อย่างนี้พี่จะออกเรือนได้ยังง๊าย”
ทั้งห้องประชุมหัวเราะลั่น มีเพียงสองหนุ่มที่นั่งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก นี่กูโดนพี่เอ้เล่นอีกแล้วใช่ม้ายยยย!!
หลังประชุมเสร็จ สมาชิกส่วนคอนเทนต์ (อันได้แก่ สิปป์ศิลป์ เมตตา และไอ้พี่เก็ต) ก็เดินหน้าหงอยออกมาตามๆ กัน เมื่อข้อสรุปซึ่งถือเป็นอันสิ้นสุดของบก.เอ้ระบุว่า ‘เดือนธันวานี้เราจะทำสองเล่มพร้อมกัน นั่นคือเล่มของเดือนมกรากับกุมภา เพราะในเมื่อธนาคารยังเลือกไม่ได้ว่าจะลงเดือนไหน เราก็ทำทั้งสองเล่มไปเลย จะได้สับเปลี่ยนกันได้ พอเสร็จแล้ว มกราเราก็เริ่มทำของเดือนมีนากันเลย’
“สิบวันของกู...ฮือๆ” สิปป์ยังโอดครวญไม่จบ แม้ในขณะที่คีบลูกชิ้นเข้าปาก วันนี้งอนพี่เอ้ขั้น –est เลยหนีมากินเตี๋ยวเนื้อแม่งเลย นี่!
“เอาเหอะน่ะ กูว่าสุดท้ายมันก็ทำสองเล่มให้เสร็จพร้อมกันไม่ได้หรอก เดี๋ยวธนาคารมันก็ต้องระบุเดือนที่จะลง ทีนี้พออันไหนที่ออกกุมภา เราก็หยุดทำไปก่อน ปั่นมกราให้เรียบร้อยก่อนดิ่” ตากล้องปลอบใจเพื่อนและตัวเองไปพลาง
“โบนัสไม่มี โอทีไม่ได้ เงินเดือนไม่ขึ้น ไม่มีอะไรซัพพอร์ตเราสักอย่าง” นักเขียนผู้น่าสงสารยังบ่นอย่างต่อเนื่อง “สั่งงานเหมือนมีนักเขียนสักสิบคน ตากล้องอีกแปด กราฟิกอีกห้า...”
คราวนี้เมตตาวางตะเกียบ แล้วพูดด้วยท่าทางจริงจัง
“ถึงจะไม่มีตากล้องเป็นสิบๆ คน...แต่มึงมีกูนะ”
…………. Gayscale Magazine………….
บ่ายนี้พี่เอ้ปล่อยให้กลับบ้านได้อย่างที่บอกในไลน์ ทว่าคอลัมน์ที่จัดเสร็จและปรินท์ออกมาแล้วกลับนอนรอให้นักเขียนตรวจอีกกองพะเนิน จบสิ้นทุกสิ่งอย่าง วันนี้ทำงานเต็มวัน!
“เก็ต อันนี้ไม่ผ่าน อ่านยาก มึงไปดรอปแบล็คกราวน์ลงแล้วปรินท์ให้กูใหม่ อันนี้เปลี่ยนเป็นรูปตามรหัสที่กูจดมาให้ เอารอยสักชัดๆ อันนี้ผ่าน อันนี้ก็ผ่าน อ่อ...มีคำผิดตามที่วงไว้ คอลัมน์ดวงมึงใส่เนื้อหาสลับกันอ่ะ เนี่ย ที่กูขีดสีแดงนะ” นักเขียนควบตำแหน่งพิสูจน์อักษรสั่งงานกับกราฟิกประจำกองรวดเดียวจบ
พรู๊ฟสองถึงสามรอบแรกจะเป็นการปรินท์ใส่กระดาษเอสี่ เพื่อตรวจคำผิด เช็ครูป และเลย์เอาท์ พอเรียบร้อยแล้วถึงจะส่งให้โรงพิมพ์พิมพ์แบบดิจิตอลพรู๊ฟมาให้ ขั้นนี้จะใช้เช็คสีเป็นหลัก ถ้าเพี้ยนจากที่ทำ โรงพิมพ์ต้องสั่งพิมพ์มาใหม่ แต่ถ้ามีการแก้เนื้อหา(ส่วนผิดพลาดที่รอดพ้นสายตาจากสามรอบแรก) ก็ต้องทำไฟล์หน้าที่ผิดไปใหม่ เสียเวลารอและพิมพ์อีกรอบ จนเมื่อตรวจแล้วว่าโอเคทุกอย่าง ถึงจะสั่งพิมพ์เป็นเล่มออกมา ซึ่งกระบวนการส่วนโรงพิมพ์นับตั้งแต่ดิจิตอลพรู๊ฟจนถึงจัดส่งเล่มใช้เวลาเกือบๆ สิบวันเลยทีเดียว
ตรวจเสร็จตั้งใจว่านอนรอพรู๊ฟรอบสอง แต่เห็นพี่เป็ดกับน้องจีกำลังเตรียมตัวออกจากออฟฟิศเลยนึกขึ้นได้ “เดี๋ยวๆ ผมซื้อปลาทูมาฝาก”
นักเขียนวิ่งลงไปเปิดตู้เย็น แล้วหยิบถุงบรรจุปลาทูแท้จากแม่กลองมายื่นให้คนสั่ง น้องจียิ้มตาหยีบ่งบอกอาการดีใจสุดขีด “ขอบคุณครับ ผมอยากกินมากเลยง่ะ ที่กรุงเทพไม่มีปลาทูแม่กลองเนื้อแน่นๆ กินเลย”
น้ำเสียงออดอ้อนที่ส่งมาให้ ทำให้สิปป์ศิลป์พอเข้าใจแล้วว่า ทำไมไอ้พี่เป็ดถึงได้ตามใจน้องเล็กสุดของออฟฟิศนัก ก็มันน่ารักอย่างนี้สินะ สินะ //เคลิ้มมมม...
“เดี๋ยวแวะเอาปลาทูไปเก็บที่บ้านก่อนเนอะ กลัวเน่า นัดลูกค้าไว้สี่โมงใช่ป่ะ” พี่เป็ดหิ้วถุงปลาทูเดินจากไปพร้อมเด็กในปกครอง..
เฮ้ย... แม่งไปอยู่บ้านเดียวกันตั้งแต่เมื่อไรวะ!!
TBC
//หายไปสามชาติเศษ หลังจากตอนที่แล้วที่บอกว่างานอาจจะไม่ยุ่ง
สามวันต่ิอมาโดนเลยจ้าาา เรื่องราวในตอนนี้ based on true story มากๆ 555555 *ขำกลบเกลื่อน*
ถ้าเจอคำสั่งให้ทำงานควบเป็นทาสในเรือนเบี้ยแบบนี้ สมาชิกเล้าจะทำไงคะ? ระหว่าง...
ก.โวยวายเรียกร้องความยุติธรรม แต่สุดท้ายก็ต้องทำ
ข.โวยวายเหมือนกัน และไม่ทำด้วยเว้ย! กูเก๋า!
ค.นิ่ง ทำใจยอมรับชะตากรรม
ง.นิ่ง แต่วางแผนว่าจะไม่ทำแน่นอน
การที่อิคนเขียนมันหายไปเป็นเดือน คงเดาได้ใช่มั้ยคะ ว่ามันเลือกอะไร
//ฆ่าฉัน... ฆ่าฉัน... ให้ตายดีกว่า~
กอดรัดฟัดเหวี่ยงคนอ่านรอบทิศ
