Page 19 : เด็กใหม่
เพลงร็อกฝั่งอังกฤษดังกระทบโสตประสาทหูต้อนรับเช้าวันทำงานอีกวัน พี่เก็ตเดินฮัมเพลงเรื่อยเปื่อย วันนี้รถไม่ติดเลยมาถึงที่ทำงานตั้งแต่ยังไม่ 9 โมง มีเวลาเดินไปซื้อหมูปิ้งหน้าโครงการฯ เหลือเฟือ ไม่เหมือนวันก่อนๆ ที่ต้องลงรถเมล์กลางทาง แล้วโบกพี่วินให้แว๊นมาส่ง นอกจากไม่ทันได้กินมื้อเช้าแล้ว หัวหูยังฟูหมดสภาพ แถมแว่นตารุ่นคุณปู่ที่ใส่อยู่ก็แทบจะหักปลิวไปกับสายลม
ปริ๊นนนนน!!! เสียงแตรรถที่บีบใส่ในระยะใกล้พร้อมแรงเบรกที่แทรกเสียงเพลงเข้ามาทำเอาคนกำลังเดินใจหายใจคว่ำ เบื้องหลังที่ห่างจากตนเองไปไม่ถึงคืบ คือรถเวสป้าสีเหลืองครีมปักธงสัญชาติอเมริกันอันจิ๋วน่ารัก เมื่อเห็นว่าตนเองยังปลอดภัยดีอยู่ กราฟิกแห่งเกย์สเกลเลยเงยหน้าไปมองคนขับ ที่ตอนนี้ดูจะยังตื่นตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่เช่นกัน
“ขอ...ขอโทษครับพี่” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยกมือไหว้คู่กรณีงกๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังยืนนิ่ง เลยถอดหมวกกันน็อกแล้วรีบลงไปถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง
โครม!!!
ทันทีที่เจ้าของรถผละออกไป เจ้าเวสป้าคันเก๋าก็ล้มกระแทกพื้นอย่างแรง ท่ามกลางความตกใจของทั้งสองฝ่าย เป็นเก็ตที่ได้สติก่อน เข้ามายกรถให้ตั้งขึ้น ก่อนเด็กหนุ่มจะรู้ตัวแล้วกุลีกุจอมาดูรถตัวเอง
“ทำไมไม่เอาขาตั้งลง” เสียงเนิบช้าไม่บ่งบอกอารมณ์ของพี่แว่น ทำเอาเจ้าของเวสป้าใจเสีย ได้แต่พูดขอโทษอีกหลายคำ และตบท้ายด้วยการถามว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บอะไรหรือไม่
“ไม่ได้เป็นอะไร” ตอบคำถามจบ พี่เก็ตก็ยัดหูฟังเข้าหู เปิดเพลงดังกระหึ่มแล้วเดินต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เดี๋ยวครับพี่!!” คนบนรถมอเตอร์ไซค์ตะโกนเรียกคนที่เพิ่งเดินจากไป แต่ไร้การตอบสนอง “ว๊า...ว่าจะถามซะหน่อยว่าไอ้ออฟฟิศที่กำลังหามันอยู่ตรงไหน...”
บก.เอ้นั่งรัวนิ้วอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ วันนี้อารมณ์ดีและพอมีเวลาว่าง เลยขอส่งเสียงทักทายแฟนคลับเสียหน่อย ช่วงนี้ยุ่งๆ เลยปล่อยให้พี่พุดดูแลเพจไปคนเดียว ผลเลยกลายเป็นว่ามีคนกด Unlike ไปเกือบสิบคน สงสัยเพลียกับข้อมูลเชิงสถิติของแอดมินแหงๆ
“หวัดดีฮะ” เก็ตทักทายเจ้านายที่หน้าตาดูเมามันกับการทำงาน(?)อย่างยิ่ง บก.เงยหน้ามายิ้มให้นิดหนึ่งแล้วก้มหน้าก้มตาพิมพ์ต่อ ปล่อยให้กราฟิกเข้าห้องส่วนตัวไปเหมือนเคย
ขณะที่พี่เก็ตกำลังจัดการกับหมูปิ้งบนโต๊ะ โทรศัพท์ส่วนตัวก็ดังขึ้น หน้าจอปรากฏชื่อเซลส์นัมเบอร์วันของออฟฟิศ มาแบบนี้สงสัยจะไม่ได้กินหมูปิ้งซะแล้วมั้ง
“เฮ้ยเก็ต มึงถึงออฟฟิศยังวะ” พี่เป็ดส่งเสียร้อนรนมาตามสาย
“ถึงแล้วๆ พี่เป็ดมีไรอ่ะ”
“มึงโบกแท็กซี่มาเจอกูที่ออฟฟิศวูดู ทองหล่อเดี๋ยวนี้เลย ลูกค้าจะให้กราฟิกเข้าประชุมด้วยว่ะ มาให้ถึงภายในสิบโมงนะ กูขอโทษจริงๆ เพิ่งรู้เมื่อกี๊เหมือนกัน” โดยไม่รอคำตอบรับหรือปฏิเสธ พี่เป็ดก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนถูกตามตัวถอนหายใจกับข้าวเหนียวหมูเพียงลำพัง
“เก็ตไปประชุมที่วูดูนะ พี่เป็ดโทรตามเมื่อกี๊” กราฟิกรายงาน บก.เอ้พยักหน้ารับ และอวยพรให้คนงานเข้าโชคดี ส่วนตัวเองก็ตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์สเตตัสในเพจต่อไป
ระหว่างนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ เก็ตก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้เกี่ยวกับสิ่งที่พี่เอสบอกในห้องประชุมเมื่อวันก่อน หากนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เลยกดเข้าไปในไลน์กลุ่มของบริษัท จึงเข้าใจว่าเรื่องที่พี่เอสพูดก็คือเรื่องที่วางแผนไปเอาท์ติ้งกันนั่นเอง
...โดยไม่นึกเอะใจเลยว่า จริงๆ แล้วพี่เอสฝากให้ดูแล ‘ใคร’ ในวันนี้!
…………. Gayscale Magazine………….
สิปป์ศิลป์ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า คนโทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนสนิทที่ทำท่าจะยื่นเรื่องขอเปลี่ยนสถานะในเร็ววันนี้ เมตตาส่งเสียงทักทายอรุณสวัสดิ์ ก่อนจะบอกกับคนที่กำลังงัวเงียว่าวันนี้จะมีราชรถไปเกยถึงประตูหอ ให้รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วเจอกันในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า พอคนโดนสั่งทำเสียงฮึดฮัดขัดขืน ปลายสายก็ปล่อยลูกอ้อนแบบชวนขนลุก และไม่ต้องถามว่าไม้นี้ใช้ได้ผลหรือไม่ เพราะในขณะนี้ที่เวลา 8.30 น. สิปป์ศิลป์ก็พบตัวเองนั่งมึนๆ กินโจ๊กเจ้าดังแถวออฟฟิศ โดยมีไอ้เผด็จการนั่งอมยิ้มอยู่ตรงข้าม
“ยิ้มไร” นักเขียนถามน้ำเสียงชวนหาเรื่อง ทว่าคนถูกถามกลับยิ้มกว้างขึ้นอีกอย่างน่าหมั่นไส้
“คนมีความสุข ยิ้มไม่ได้ไง๊” ตอบเสร็จก็ตักปาท่องโก๋กรอบใส่ชามอีกฝ่าย แถมหมูก้อนใหญ่ให้อีกสองชิ้น “กินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ”
สิปป์ยู่หน้าแสดงอาการไม่พอใจ แต่ก็ยินยอมรับเครื่องเคียงที่ย้ายจากชามตรงข้ามมาสู่ชามตัวเองโดยไม่มีปากเสียง ก็ของชอบทั้งนั้นนะเฮ่ย! ปฎิเสธให้โง่เรอะ
“ขอบใจ แต่บอกไว้ก่อนว่านี่ไม่นับเป็นคะแนนในการตัดสินใจนะเว้ย”
เมตตาหัวเราะร่าเริง “ถ้ามึงจะนับไอ้เรื่องพวกนี้ มึงคงต้องเป็นแฟนกูตั้งแต่อยู่มหา’ลัยแล้วว่ะ นี่พูดเลย ฮ่าๆๆ”
เรื่องหน้าไม่อายนี่ยกให้อันดับหนึ่ง และหลงตัวเองตามมาอันดับสองสำหรับผู้ชายคนนี้ “ก็ถ้ามึงชัดเจนตั้งแต่ตอนนั้น มึงก็ไม่ต้องมานั่งทำคะแนนใหม่ตอนนี้ป่ะ เสียใจด้วย รับบัตรคิวแล้วไปต่อแถวนะครับนะ”
คนที่โดนไล่ไปต่อแถวใหม่เอื้อมมือไปดีดหน้าผากไอ้มนุษย์ปากดีด้วยความหมั่นเขี้ยว หลังจากที่ทำใจกล้าหน้าด้าน รุกหาคนตรงข้ามมาสองวัน ด้วยพฤติกรรมสุดพิเศษที่คิดว่าชาตินี้คงทำกับใครไม่ได้อีก ทั้งบอกฝันดี ซื้อขนมกุ๊กๆ กิ๊กๆ มาให้ เอาหนังสือมาฝาก และอีกสารพัดกระบวนท่า แต่สุดท้ายก็พบว่า สิ่งพิเศษที่ว่านี้มันช่างธรรมดา ทว่าสิ่งธรรมดาที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ต่างหากที่พิเศษ ...พิเศษโดยไม่ต้องพยายาม
“ยิ้มอีกละ มึงไหวป่ะเนี่ย??” มือเรียวโบกไหวๆ เรียกสติช่างภาพที่ตอนนี้เอาแต่จ้องหน้าเขาแล้วอมยิ้ม
“กูสบายดี แค่รู้สึกว่าตัวเองประสาทนิดๆ ที่พยายามทำอะไรหวานแหววใส่มึงไปสองวัน”
“เออ...รู้ตัวแล้วก็ดี กูขนลุกมากบ่องตง บรึ๋ยยย” คนพูดทำท่าขนลุกขนชันประกอบ
เมตตาหน้ามุ่ย ทำเสียงอุบอิบอยู่ในลำคอ “ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง คนอุตส่าห์พยายาม”
“ไม่!!” ...ไม่บอกหรอกว่าแม่งโคตรเขิน!!
หลังจัดการมื้อเช้าเรียบร้อย เจ้าเต่าคันเก๋าก็มุ่งหน้าเข้าบริษัทในเวลา 9 โมงเช้าไม่ขาดไม่เกิน ในขณะที่แล่นผ่านยามหน้าโครงการฯ ของออฟฟิศเหมือนปกติ อยู่ดีๆ วันนี้พี่ยามก็โบกมือเป็นสัญญาณให้จอดรถ เมตตาเลื่อนกระจกลงเพื่อเจรจาอยู่สักพัก พี่ยามก็กวักมือเรียกผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ข้างเวสป้าคันสวยให้เดินมาหา
“น้อง...นี่พี่สองคนนี้เค้าทำงานอยู่หนังสือที่น้องจะไปน่ะ” พี่ยามบอกกับคนที่เดินมาหา เมตตากวาดตาดูผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างยามคร่าวๆ ดูท่าทางจะเด็กกว่าเขา 2- 3 ปี แต่นึกไม่ออกว่าไอ้น้องนี่มีธุระอะไรที่ออฟฟิศ
“อ๋อ!! หลานพี่เอสใช่มั้ย ที่บอกว่าจะมาฝึกงานกราฟิก” คนที่นั่งข้างๆ ส่งเสียงแทรกขึ้นมา ทำให้เขานึกออกทันทีว่าเด็กนี่มาทำอะไร
“ใช่ครับพี่ พอดีลุงเอสไปญี่ปุ่น ผมเลยไม่รู้จะโทรหาใครอ่ะครับ” หลานเจ้านายตอบ ท่าทางสงบเสงี่ยมและมีรอยยิ้มที่เป็นมิตร แตกต่างจากไอ้พี่เก็ตกราฟิกของออฟฟิศเหลือเกิน
หลังเจรจาบอกทางกันเรียบร้อย เมตตาก็ขับรถเลยไปหาที่จอดก่อน และให้เวสป้าเหลืองไปรอที่บริษัทได้เลย เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณ พลางตำหนิตัวเองในใจที่ไม่ยอมหาแผนที่มาให้เรียบร้อย เสียเวลาขับวนในโครงการฯ ที่มีบริษัทตั้งอยู่เป็นสิบๆ หลังตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง
“เข้าไปจอดข้างในเลยก็ได้น้อง” สิปป์บอกผู้มาใหม่ ซึ่งเจ้าของเวสป้าก็ขยับรถตามแต่โดยดี
“น้องชื่ออะไรอ่ะ” เมตตาทักขึ้น คนข้างๆ เลยเออออเป็นเชิงสงสัยด้วยเช่นกัน
เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “ชื่อ ‘ปัน’ ครับ”
“พี่ชื่อสิปป์นะ ส่วนไอ้นี่ชื่อเมต” นักเขียนแนะนำเสร็จสรรพ “เฮ้ย...แล้วทำไมเอ็งไม่โทรหาบก.เอ้วะ”
คนถูกถามขมวดคิ้วเป็นเชิงนึก “อ๋อ...พี่ลุงเอสใช่มั้ยครับ จริงๆ แล้วผมเป็นหลานของเพื่อนลุงเอสอ่าครับ”
ทั้งตากล้องและนักเขียนร้องอ๋อออกมาพร้อมกัน คนอธิบายยิ้มรับแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก เพราะยังเกร็งๆ เล็กน้อยกับการมาใหม่
“ร้อนว่ะ ไปคุยกันในออฟฟิศเหอะ” ตากล้องยกมือปาดเหงื่อที่เริ่มผุดพรายตามไรผม สิปป์ศิลป์เห็นดังนั้นจึงตีมือคนขี้ร้อนไปหนึ่งที ก่อนจะหยิบทิชชู่ส่งให้
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเอามือเช็ดหน้า สิวมันถึงไม่หายอยู่อย่างนี้ไง” คนถูกดุทำหน้าสลด และรับทิชชู่มาเช็ดหน้าตามคำสั่ง
ปันมองพี่ผู้ชายสองคนที่เดินงุ้งงิ้งขึ้นบันไดไปด้วยความพิศวง ....นี่เป็นเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนร่วมเตียงวะ ?!?
บก.เอ้นั่งอ่านคอมเมนต์ของแฟนเพจพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สมาคมสาววายแห่งประเทศไทยกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากเงียบเหงาไปนาน หลายคนถามหาพี่ ม. กับ น้อง ส. ซึ่งบก.ก็แอบหยอดไปว่า เดือนนี้ถ้ายอดอ่านออนไลน์สูงถึงทาร์เก็ต จะมีเรื่องเล่าเบาๆ มาเล่าให้ฟัง เพียงเท่านั้นบรรดาแม่ยกก็พากันคลิกเข้า E-magazine กันรัวๆ จนคนดูแลเว็บไซต์ถึงกับโทรมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมตัวนับยอดถึงหมุนติ้วๆ ขนาดนี้
ความฟินถูกพักไว้ชั่วคราว เมื่อประตูออฟฟิศถูกผลักเข้ามา ร่างของตากล้องกับนักเขียน และเด็กผู้ชายตัวสูงโปร่งอีกคนปรากฏตรงหน้า บก.ยกมือรับไหว้ผู้มาใหม่ก่อนจะเอ่ยปากถามว่าเป็นใคร
“ปันครับ มาฝึกงานตำแหน่งกราฟิกครับ” เด็กหนุ่มแนะนำตัวกับสาวใหญ่
“อ๋อ...หลานเพื่อนไอ้เอสใช่มั้ย โทษทีๆ พี่ลืมไปเลย จริงๆ ไอ้เอสบอกไว้แล้วแหละ สิปป์พาน้องไปนั่งในห้องเจ้าเก็ตเลยแล้วกัน” ว่าจบตัวเองก็เดินไปเปิดตู้ด้านหลังพี่พุด แล้วหยิบเครื่องแมคออกมา เมตตาจึงเข้ามาช่วยหิ้วไปตั้งไว้บนโต๊ะด้านใน
“วันนี้พี่เก็ต...กราฟิกน่ะ ออกไปประชุม เดี๋ยวบ่ายๆ มันคงเข้ามาแหละ ยังไงเดี๋ยวพี่ให้สิปป์สอนวิธีเข้าใช้เซิร์ฟเวอร์ของออฟฟิศ ที่เป็นแหล่งเก็บงานทั้งหมดไปพลางๆ นะ” คนเป็นบก.กระวีกระวาดจัดแจงงานให้เด็กใหม่ พลางบอกให้เมตตาไปขนหนังสือเล่นก่อนๆ มาให้น้องเล็กสุดดูเป็นแนวทาง
“นี่เราเป็นหลานของใครนะ เผื่อพี่รู้จักเพื่อนไอ้เอส” พี่เอ้ส่งคำถามชวนคุย
คนถูกถามยิ้มตาหยีแล้วบอกว่า “ลุงปืนครับ”
บก.เอ้ชะงักมือเล็กน้อย เมื่อได้ยินชื่อใครบางคนจากปากของเด็กรุ่นหลาน ก่อนจะส่งเกย์สเกลเล่มเก่าๆ ให้เด็กหนุ่มต่อไป
"ป้าเอ้เคยเจอลุงของปันมั้ยครับ” บก.หันขวับในคำถามนั้น แล้วตอบอย่างรวดเร็ว
“เรียกพี่ได้มั้ย เรียกป้าแล้วมันปวดใจน่ะลูกเอ้ย!!”
…………. Gayscale Magazine………….
พี่เก็ตกลับมาถึงออฟฟิศตอนบ่ายแก่ๆ หลังเอสเพรสโซ่จากร้านดังหมดแก้ว กราฟิกสุดซึนก็พาตัวเองเข้าประจำที่ - ห้องแคบๆ ที่บรรจุเขาเพิ่งคนเดียว - เก็ตเริ่มทำงานที่นี่เมื่อสามปีที่แล้ว ลมหนาวจากเชียงรายหอบเขามายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรก็ไม่ทราบ รู้แต่เพียงว่าที่แห่งนี้ดึงดูดเขาไว้ด้วยอิสระในโลกส่วนตัวขนาดกะทัดรัด แม้บางครั้งจะถูกรบกวนจากหลายคน ทว่ามันก็สงบเพียงพอให้เขาพักพิง
“เฮ้ยพี่!! หวัดดีครับ!!” เด็กชายร่างสูงที่กำลังมุดลงไปต่อสายไฟใต้โต๊ะ ส่งเสียงทักทายด้วยความแปลกใจ คนนั่งอยู่ในโลกส่วนตัวขมวดคิ้วนึดหนึ่งเป็นคำถาม
“พี่ทำงานอยู่ที่นี่เหรอฮะ โอ้โห! โลกกลมจริงๆ พี่จำผมได้มั้ย ที่เกือบขั.....”
“พี่เอ้!!!” กราฟิกไม่ฟังคำทักทายของเด็กผู้ชายร่างสูงชะลูด เขาไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่าโต๊ะที่เคยว่างเปล่ามีเครื่องคอมพิวเตอร์จับจองพื้นที่อยู่
ใบหน้านิ่งเรียบประดับกรอบแว่นหนาสีดำไม่บ่งบอกอารมณ์ แต่แววตาที่เคยเรียบเฉยกลับฉายแววกร้าวไม่เหมือนที่เคยเป็น ขณะยืนกอดอกถามบก.เจ้านายตัวเอง
“ทำไมห้องเก็ตมีคนอื่นนั่งอยู่!” ท่าทีฮึดฮัดพร้อมหาเรื่อง ทำให้สมาชิกคนอื่นๆ หันมาสนใจ และเป็นสิปป์ศิลป์ที่ช่วยตอบคำถามนั้นแทนบก.ที่นั่งอ้าปากค้าง
“เด็กฝึกงานหลานพี่เอสไง ที่เค้าเคยพูดในห้องประชุม”
คนได้ยินคำตอบนั่นรู้สึกเหมือนโลกแคบๆ ของตัวเองกำลังถล่ม เรื่องที่เขาลืมเลือนไปปรากฏชัดขึ้นอีกครั้ง คำสั่งเด็ดขาดที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ ภาระที่เขาไม่เคยต้องการ
“พี่ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมนั่งในห้องกับพี่ได้สบายมาก” เจ้าของคำพูดเกาะประตูส่งยิ้มตาหยีเป็นเครื่องยืนยัน แถมคำแนะนำตัวพ่วงท้าย “ผมชื่อปันครับ กำลังจะจบปีสี่ ถนัดโปรแกรมอิลัสฯ สนใจอยากทำงานสิ่งพิมพ์ ยังไงพี่เก็ตช่วยแนะนำด้วยนะครับ!”
คนที่ต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นทำหน้าอยากตาย.... เอาโลกส่วนตัวของกูคืนมา!!!
เมตตาแอบมองเข้าไปในห้องกราฟิก เห็นลางๆ ว่าเจ้าเด็กตัวสูงกำลังยื่นหน้าไปดูหน้าจอของไอ้พี่เก็ต ส่วนเจ้าของห้องตัวจริงก็คอยจะผลักหัวน้องอยู่เรื่อย แต่ดูเหมือนว่าน้องใหม่จะไม่ละความพยายาม สงสัยงานนี้เชี่ยเก็ตเจอคู่ปรับตัวจริงซะแล้ว หึหึ
“ขำไรมึง” นักเขียนเอาเท้าสะกิดตากล้องที่นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว
“นิสัย! ใครสอนให้เอาขาหลังสะกิดคนอื่นเนี่ย” เมตตาดุคนมารยาททราม
คนโดนดุเบ้ปากทำหน้าไม่สนใจ “ตอบไลน์หน่อย”
ตากล้องเลิกคิ้วเป็นคำถาม แต่ก็ยอมหยิบมือถือมาเปิดโปรแกรมสนทนาโดยดี สิปป์ศิลป์แคปเจอร์หน้าจอบทสนทนาระหว่างตนเองกับแนนนี่ส่งมาให้เมตตาอ่าน พร้อมคำถามว่า ‘ในฐานะเพื่อน มึงว่ากูควรจะทำยังไงวะ’
เนื้อหาที่แนนนี่พิมพ์มา คือถามว่าทำไมช่วงนี้สิปป์เงียบหายไปแบบผิดปกติ เป็นอะไรหรือเปล่า เมตตาอ่านทวนอีกครั้งแล้วก็พิมพ์ตอบคนขอคำปรึกษาไป
‘ในฐานะเพื่อน กูอยากให้มึงทบทวนดีๆ แนนนี่เป็นผู้หญิงที่ดี ไม่งี่เง่า ไม่ดราม่าง่าย ใจกว้าง มึงควรจะรักษาเค้าไว้นะ’
คนข้างๆ ส่งสติกเกอร์หมีทำหน้ามึนมาให้ เมตตาจึงพิมพ์ต่อไปอีกประโยค ‘แต่ในฐานะคนที่คิดเกินเพื่อน กูภาวนาทุกวันให้มึงโสด!!’
บทสนทนาขึ้น ‘read’ แต่ไร้สัญญาณตอบรับ เมตตาจึงเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ
สิปป์ศิลป์นิ่งไปสักพักก่อนถอนหายใจยาว “เย็นนี้กูจะไปคุยกับแนนนี่”
เมตตารู้สึกเหมือนความหวังเล็กๆ เปล่งประกายก่อนแสงจะดับลง เมื่อนึกได้ว่า...
ความสุขที่ตามหา อาจต้องแลกมาด้วยความทุกข์ของใคร....
TBC.
เด็กใหม่มา รับน้องมันเลยดีมะ

ตัวละครรับเชิญ เด็กหนุ่มวัยละอ่อน เชิญขบเคี้ยวกันตามอัธยาศัย
เจ้าปันมันจะมาทำอะไร มีอิทธิพลอะไรต่อพี่เก็ต....ตอนต่อๆ ไปคงได้รู้กันจ้า
//กล่าวสั้นๆ หลบเลี่ยงการพูดถึงระยะเวลาที่หายหัวไปของคนเขียน
