- GAYscale Magazine - กองบ(เ)ก(ย์)สุดป่วง! #แจ้งข่าววววว P.41 30/01/16
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - GAYscale Magazine - กองบ(เ)ก(ย์)สุดป่วง! #แจ้งข่าววววว P.41 30/01/16  (อ่าน 347894 ครั้ง)

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
พี่เอ้ถอยออกมาเป็นตัวแม่สาววายอ่ะ ดีแล้ว

พี่ปืนกับพี่เอส เค้าอยู่ด้วยกันมานานขนาดนั้น นอกจากรักคงผูกพันธ์ด้วย

ตอนนี้ขำจีน้อยกับสิปป์ จัดเต็มมาก

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
แบบนี้ต้องให้พี่ปืนทำอะไรให้ชัดเจนไปเลยเหอะ
พี่เอ้คะ อย่าเสียใจไป  ถอยตัวเองออกมาดูเค้า  ปืนเอส...
อาจจะฟินกว่าก็ได้นะคะ  ได้คู่จิ้นเพิ่มลงหนังสืออีก แฮปปี้ๆๆ ค่า

ปล.ตอนแรกว่าจะยุ 3p แต่เผอิญพี่เอ้ เป็นหญิง เศร้าไป>//< 

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
รุ่นใหญ่นี่หน่วงแฮะ แต่น้องจีน่ารัดมาก แบบอยากกอดรัดแน่นๆ :man1:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
หน่วงคะ บอกตรง

พี่ปืนเป็นคนกลาง ถ้าเป็นคนอื่น ที่ไม่ใช่น้องตัวเองก็ยังพอทำใจ

แต่นี่น้องตัวเองด้วย มันยากเหลือเกิน

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
ทำไมคู่นี้เราเชียร์พี่เอ้ มากกว่าเอสอ่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่เอ้สู้ๆนะ

อินมากกกกกก

คือมันเป็นสถานการณ์ที่ถ้าเจอกับตัว มันจะต้องเลวร้ายมากในความรู้สึกแน่ๆ!!

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 รักเศร้าเราสามหรือไง

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
บางทีสิ่งที่คิด มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จริง


สงสารพี่เอ้
ทางสายมโน  :hao5:

ออฟไลน์ +HaNeul+

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
งงกับ เอส ปืน เอ้


แต่ก็รอดูว่ามันจะเป็นยังไง

ออฟไลน์ grenjewel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ลุงปืนกับบก.เอ้มีความหลังอะไรกันนะ อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

รอตอนต่อไปนะคะ
 :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

อ่านมาถึงตอนนี้...หน่วงอ่ะ สงสารพี่เอ้!!!!   :ling2:  //ทั้งที่เคยคิดว่าจะไม่สงสารนีในเล้าแล้วนะ

ทั้งพี่เอ้กับพี่เอสชอบพี่ปืนแน่นอนอ่ะ  แต่พี่ปืนนีสิชอบใคร

เหมือนเคยสัญญากับพี่เอ้ แต่ทำไมหายไป (ใช่ป่ะ??)

หรือคบกับพี่เอส แล้วกับพี่เอ้... คือ ????

โอ๊ยยยยยยยย...หน่วงกับพวกทำอะไรไม่ชัดเจนจริงๆ นี่แน่ะ  :z13:

ออฟไลน์ Eliz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
พี่ปืนรักใครกันแน่ ทำอย่างนี้เสียความรู้สึกจริงๆ  เหมือนจะจริงจังกับคนหนึ่งแต่ก็มาให้ความหวังกับอีกคนหนึ่ง แถมเขายังเป็นพี่น้องกันอีก เลวไปป่าว :katai1:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
รักสามเศร้า เราสามคน เหอะๆ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
มันเป็นแบบนี้นี่เอง  :hao4: :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ done_dirt_cheap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
 :mew5:
ลำบากใจแทนพี่เอ้อ่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ savada

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อะ  โผล่มาก็ดราม่าเลยแหะ   

แต่ดีใจจุงที่กลับมาแล้ววว

เปิดดูทุกวัน เย้

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อยากให้พี่ปืนเลือก บก.เอ้ นะคะ
ไม่อยากให้ทำอย่างนี้ ถ้าคิดจะเลิกพี่เอส ก็อย่ามาใกล้พี่เอ้สิ
แต่ถ้าเลือกพี่เอ้ ก็ทำให้มันชัดเจนกว่านี้

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
Page 29 : ตะกอนในใจ


   มื้อเย็นนี้สมาชิกเกย์สเกลมีโอกาสได้จับกระทะถือตะหลิวทำอาหารกินกันเอง เนื่องจากพี่เอสอยากให้ทุกคนได้นำความรู้เรื่องการเข้าค่ายพักแรมตอนมัธยมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยอาจจะลืมไปแล้วว่าในชาตินี้คงไม่มีใครหลงป่าแล้วพกหม้อสนามติดตัวอีกต่อไปแล้ว

   ทีมเซลส์ทั้ง 3 คนกำลังง่วนอยู่กับการวอร์มเตาบาร์บีคิว ยังดีที่ทางที่พักมีถ่านให้ ไม่งั้นพี่เป็ดอาจต้องลงทุนโค่นต้นสนมาใช้เป็นฟืนแทน ส่วนนักเขียนไปขอยืมหม้อจากครัวเพื่อปรุงต้มยำสูตรพิเศษที่เจ้าตัวเคลมว่าเป็นรสชาติสากลที่ใครๆ ก็ต้องยอมรับ

   “น้องปันทำข้าวผัดให้พี่ๆ กินสิครับ” ลุงปืนผู้กำลังทำอะไรสักอย่างกับกุ้งเอ่ยกับหลานชายที่เดินเล่นไปมา

   ปันหันมาทำหน้าลังเลกับคำพูดนั้น “ปันไม่เคยผัดกระทะใหญ่ๆ อ่าครับ”

   “ทำไม่เป็นมากกว่ามั้ง” พี่เก็ตพูดลอยๆ แต่ฟังดูก็รู้ว่าหมายถึงใคร

   คนถูกพาดพิงหน้ามุ่ย ก่อนจะเอ่ยเสียงมั่นใจ “ทำให้กินก็ได้ ถ้าอร่อยแล้วอย่ามาขอให้ทำอีกก็แล้วกัน”

   พี่ปืนหัวเราะขำกับท่าทีของหลานชาย มองคนพูดที่จะเดินไปทางห้องครัวของที่พักโดยมีพี่กราฟิกตามไปด้วย จากนั้นจึงหันมาสนใจเมนูของตัวเองต่อ วันนี้พี่ปืนตั้งใจทำเมนูคุ้นเคยสำหรับสองพี่น้องตัว อ. สมัยก่อนถ้าเมื่อไรที่เขาไปบ้าน แม่ของเอ้กับเอสจะยกครัวให้เขาทุกที แล้วมื้อนั้นก็จะมี ‘กุ้งโอเชี่ยน’ เป็นเมนูหลักอยู่เสมอ

   “ให้ช่วยมั้ย” พี่เอสมายืนข้างๆ เพื่อน หลังจากหายไปอาบน้ำและเช็กเมลครู่ใหญ่

   “อืม...” คนถูกถามหยุดคิดนิดหน่อย “อยากกินกับพริกน้ำปลาเปล่า”

   “ขอน้ำปลาพริกได้ป่ะ” น้ำเสียงยียวนเอ่ยขึ้นตามสไตล์

   “ไม่รู้จัก รู้จักแต่พริกน้ำปลา”

   “งั้นไม่เอาอ่ะ จะกินน้ำปลาพริก”

   “งั้นกินกะน้ำจิ้มซีฟู้ดละกัน จบ!” คนถูกกวนปิดประเด็นพลางทำท่าจะยกจานอาหารหนี

   “อะไรเนี่ย กลายเป็นคนโมโหง่ายไปตั้งแต่เมื่อไรครับคุณ”

   “ก็ตั้งแต่คุณมายืนอยู่ตรงนี้นี่แหละครับ”

   “โห่ยๆ คนอุตส่าห์ตั้งใจมาช่วย” พี่เอสสลัดคราบผู้บริหาร เหลือไว้เพียงมาดจอมกวนน่าหมั่นไส้

   “งั้นช่วยยืนเฉยๆ นะครับ โอเคนะ” พูดจบพี่ปืนก็นำกุ้งลายเสือที่ล้างสะอาดแล้วมาใส่กระทะใบย่อม ตั้งไฟความร้อนสูงสุด พอกุ้งเริ่มสะดุ้งก็เทน้ำมันใส่เล็กน้อย พี่เอสมองกุ้งที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้วยิ้มกริ่ม เมื่อจำได้ว่าขั้นตอนต่อไปจะเป็นการโชว์ฝีมืออย่างแท้จริง

   “เมตๆ มาถ่ายรูปพี่ปืนหน่อยเร็ว” พี่ใหญ่ร้องบอกลูกน้องที่เดินถ่ายรูปเล่น พอหนุ่มเซอร์มาถึง พี่เอสก็ชี้ไปยังกระทะในมือพ่อครัวทันที

   พี่ปืนหยิบเกลือเม็ดมาโรยจนทั่ว ก่อนจะจับด้ามกระทะแล้วขยับข้อมือเพียงเล็กน้อย ทว่ากุ้งตัวโตๆ กลับพร้อมใจกันลอยขึ้นในอากาศ และพลิกตัวลงกระทะอีกครั้งอย่างสวยงาม

   “โอ้โห! ขออีกทีได้มั้ยครับ” เมตตาอุทานด้วยความทึ่ง ซึ่งพี่ปืนก็ยอมทำท่าสุดโปรให้ตากล้องลั่นชัตเตอร์ซะหลายชุด จากนั้นพ่อครัวก็ปล่อยให้เกลือที่ละลายซึมเข้าเนื้อกุ้งสักพัก ก่อนเททั้งหมดใส่จาน

   สิปป์เดินยิ้มเผล่ออกมาพร้อมพนักงานชายที่ถือหม้อใบย่อมตามหลัง ต้มยำกลิ่นหอมฉุยเหมือนเป็นสัญญาณเรียกให้ทุกคนมารวมกันตัวกันอีกครั้ง ไม่นานนักพี่เก็ตกับปันก็ช่วยกันถือข้าวผัดจานใหญ่ออกมาสองจาน เป็นอันว่าอาหารค่ำมื้อนี้เสร็จสมบูรณ์ จะเหลือก็แค่ของทะเลที่รอปิ้งย่างเท่านั้น

   ลมเย็นๆ พัดโชยพร้อมเสียงคลื่น ขณะดวงอาทิตย์ทิ้งแสงสุดท้ายก่อนบอกลา ไม่นานนักทั่วบริเวณก็ปรากฏแสงไฟให้ความสว่าง ลานกว้างๆ ถัดจากที่พักถูกจับจองด้วยเหล่าสมาชิกเพียงกลุ่มเดียว เหมือนท้องทะเลตรงหน้าเป็นของพวกเขาเท่านั้น

   ขณะนั่งรอเมตตาแกะกุ้งให้ สิปป์จึงคว้ากีตาร์โปร่งมาดีดคลอด้วยเพลงที่คิดว่าเข้ากับบรรยากาศที่สุด

   “เหมือนชีวิตได้ผ่านเลยวัยแห่งความฝัน วันที่ผ่านมาไร้จุดหมาย ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่เพียงตัวและจิตใจ เป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกัน...”


   “โถ...ทะเลดราม่า ทะเลเพื่อชีวิต ทะเลวัยกลางคน” พี่เป็ดเอ่ยแซวนักร้องของวง ซึ่งสิปป์ศิลป์ก็ตอบรับด้วยการลุกขึ้นยืนแล้วโค้งอย่างสวยงาม โดยที่เสียงเพลงไม่มีขาดตอน

   แม้จะแซวไปอย่างนั้น แต่พี่เป็ดก็เป็นคนแรกที่หาอุปกรณ์ดนตรีมาช่วยเสริมความไพเราะ อย่างเช่นการเคาะขวดโซดาด้วยตะเกียบ เป็นต้น จนถึงตอนนี้วงดนตรีของสิปป์ก็ได้รับความนิยมและมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะพี่พุด ที่อยู่ๆ ก็เอาไอแพดมากดเปียโนเล่น ท่ามกลางความตะลึงของทุกคน

   “อ้าวเก็ต เอาหมึกมั้ย นี่สุกแล้วนะ” พี่เอ้ผู้กำลังดูแลการปิ้งย่าง หันมาเจอลูกน้องที่นั่งกินข้าวผัดอยู่เงียบๆ

คนถูกทักส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ เก็ตไม่ค่อยกินอาหารทะเล”

“งั้นสั่งไก่ทอดมั้ย ครัวเค้าน่าจะยังไม่ปิดนะ”

“แค่นี้ก็อิ่มแล้วครับพี่เอ้”

“อร่อยก็บอกมาเถอะพี่” เจ้าของข้าวผัดเดินถือจาน ‘กุ้งโอเชี่ยน’ เข้ามา ก่อนจะหันไปหาผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม “ลุงเอสฝากมาให้พี่เอ้ครับ”

พี่เอ้รับจานในมือเด็กชายมาถือไว้ มองดูอาหารหน้าตาคุ้นเคยที่ไม่ได้กินมาหลายปี บอกขอบใจคนเอามาส่งเบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปในวง

“ไงพี่ ตกลงอร่อยใช่ป่ะ” ปันยังแซวคนซัดข้าวผัดต่อ

“ก็พอกินได้” พี่เก็ตตอบเสียงในลำคอ

“โห่ยยยยย” พ่อครัวลากเสียงยาว “ผมจะไปแล้วนะ พูดให้กำลังใจกันหน่อยดิ”

จบทริปนี้ก็ถึงเวลาที่ปันต้องกลับไปมหาวิทยาลัย เพื่อทำเรื่องจบและอีกสารพัดอย่าง แม้จะอยู่ที่เกย์สเกลแค่เดือนกว่าๆ แต่ก็ยอมรับว่าอดใจหายไม่ได้เมื่อถึงเวลาต้องไป ทั้งๆ ที่ตอนเริ่มต้นไม่ได้คิดอะไรมากเลย นอกจากมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก็แค่นั้น
“อ่ะ” พี่เก็ตยื่นจานเปล่าให้เด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆ คนที่ตกอยู่ในห้วงความคิดทำหน้าสงสัย ก่อนคนแก่กว่าจะอธิบาย

“ไปตักข้าวผัดให้พี่อีกจานดิ”

“ตกลงว่าอร่อย?”

“เหอะ พอกินได้”

คร้านจะเค้นหาคำตอบจากคนปากแข็ง แต่แค่นี้ก็พอสรุปได้แล้วแหละว่าข้าวผัดอร่อยจริงๆ


พี่เอ้กลับมาถึงวงที่นั่งรอบกองไฟอีกทีก็ตอนที่พี่ปืนจับกีตาร์แล้ว ใบหน้าขาวเริ่มแดงนิดๆ จากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ตอนนี้พี่เอสรับหน้าที่เคาะจังหวะแทนพี่เป็ด ส่วนพี่พุดยังมุ่งมั่นกับการจิ้มเปียโนผ่านไอแพดเช่นเคย

“...ได้ยินไหมว่ารักเธอทั้งหัวใจ ...อยากขยับเข้าไป...ใกล้เธอ” นักร้องประสานเสียงจบท่อนสุดท้ายลงพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง ทันใดนั้นน้องจีก็ลุกขึ้นพร้อมอุทานว่า “ลืมไปเลย!”

พี่เอสมองหน้าพี่ปืน ก่อนจะเริ่มเคาะขวดโซดาเป็นจังหวะ “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง”

จากนั้นท่วงทำนองจากกีตาร์เสียงหวานก็ดังตามขึ้นมาทันที

“ลืมแล้วใยเจ้าเอย ก่อนเราเคยสัญญา จะรักกันไว้ให้มั่น...”

คนในวงโห่ฮิ้วรับเพลงเก่าที่พี่เอสเป็นคนร้อง แม้กระทั่งน้องจีเองที่กำลังวิ่งเข้าบ้านพัก ก็ยังอดโห่แซวกับเพลงบอกอายุเพลงนี้ไม่ได้

จบจากเพลงนี้ กติกาใหม่ก็เกิดขึ้น เมื่อพี่เอสออกกฎให้ทุกคนร้องเพลงที่คำแรกของเพลง ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเดียวกับชื่อ โดยจะเป็นชื่อเล่นหรือชื่อจริงก็ได้ ถ้าใครไม่ร้องจะต้องถูกทำโทษ

“เริ่มต้นที่...ไอ้สิปป์เลยละกัน” พี่เอสประกาศ

“อ้าว ทำไมถึงเป็นผมล่ะพี่” สิปป์โวยวาย

“พี่เลือกจากคนที่หน้าตาดีที่สุด” เจ้านายใหญ่พูดเสียงซื่อ

“อ๋อ... มันก็จริงเนอะ โอเค” คนหน้าตาดีทำสีหน้าภาคภูมิใจ “เอ่อ มันยากมากเลยอ่ะ ขอนึกแปบนะ”

“งั้นเอาเป็นว่า ใครนึกได้ก่อน ยกมือ” กติกาใหม่ถูกประกาศอีกครั้ง คราวนี้คนถือกีตาร์อยู่รีบยกมือทันใด

“คุณปืนครับ คุณจะร้องเพลงอะไรครับ” พี่เอสจ่อไมค์สมมติที่ริมฝีปากคนข้างๆ พี่ปืนไม่ตอบ แต่เริ่มดีดกีตาร์ด้วยท่าทีสบายๆ

“เพลงนี้...” คนพูดเว้นวรรค ปล่อยให้เสียงกีตาร์ดังคลอไปนิดหนึ่ง “มาจากชื่อจริงของพี่นะครับ”

ทำนองหวานเศร้าดังต่อไป “ชื่อว่า...จักรพรรดิ”

“จะให้อภัยได้ไหมให้ใครคนหนึ่ง ที่ทำให้เธอเหนื่อยหัวใจ...” เพียงท่อนแรกก็เรียกเสียงปรบมือได้จากรอบวง ยกเว้นคนหนึ่งที่นั่งก้มหน้าก้มตากินกุ้งในจานเหมือนไม่ได้ยิน

“เข้าใจเสมอ ถ้าเธอโกรธฉัน ที่ทำกับเธอวันนั้นฉันเองก็ยังเสียใจ” เสียงนุ่มขับกล่อมค่ำคืนนี้เหมือนสายลมแผ่วเบา พี่เอ้วางของกินลงแล้วเปลี่ยนเป็นนั่งกดเข่า รับฟังทุกท่วงทำนองที่ดังผ่านหู และรู้ดีว่าเจ้าของเสียงร้องต้องการสื่อถึงใคร


หลังปืนกับเอสจบปริญญาโท ทั้งสองคนก็มาเริ่มต้นชีวิตการทำงานในเมืองไทย กับเอสไม่มีอะไรยาก เพราะเข้ามาเป็นผู้ช่วยพี่เอ้ทำบริษัททัวร์ของครอบครัวต่อ ส่วนพี่ปืนได้งานที่บริษัทน้ำมันแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งลูกค้าสัมพันธ์ โดยเน้นดูแลลูกค้าต่างชาติ ด้วยบุคลิกสุภาพ ใจเย็น เสียงเพราะ และภาษาอังกฤษดีเยี่ยม ก็ทำให้พี่ปืนเดินยิ้มเข้าบริษัทได้อย่างสบายๆ ระหว่างนั้นความสัมพันธ์ของเขาสามคนก็ยังเหนียวแน่นไม่มีเปลี่ยน อาจมีบ้างที่พี่เอ้ดูจะทำตัวห่างๆ ไป อาจเพราะต้องบินไปต่างประเทศบ่อย ต่างจากพี่เอสที่เน้นบริหาร คิดกลยุทธ์มากกว่า แต่เมื่อไรที่มีเวลาว่าง พวกเขาก็มักจะหาอะไรเล่นเป็นเด็กไม่ยอมโตอยู่ทุกที

“ฟูลมูน?” พี่เอ้ในตอนที่อายุเลยเบญจเพสมานิดหน่อยร้องถามเสียงดัง

“ช่ายยยยย” สองหนุ่มเพื่อนรักประสานเสียงตอบ ขณะมือยังไม่ยอมวางจอยสติ๊กที่กำลังเตะต่อยกันอย่างเมามัน

“เมื่อไร?” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเอ่ยถามอีกรอบ

“คืนนี้” คราวนี้เป็นเจ้าน้องชายตัวดีที่ตอบ “ดูตารางแล้ว พวกเราสามคนว่างตรงกันตั้งห้าวัน พี่เอ้รีบเก็บของเลยนะ คืนนี้จะให้แม่ไปส่งที่สถานีรถไฟ”

“รถไฟ!” พี่เอ้อุทานอีกรอบ ไม่รู้จะตกใจเรื่องอะไรก่อนดี ระหว่าง อยู่ๆ ตัวเองก็ได้หยุดงานไปเที่ยว 5 วัน หรือการที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟโดยไม่ทันได้เตรียมใจแบบนี้

“เถอะน่า มันต้องสนุกแน่ๆ!” ผู้ชายอีกคนหันมายิ้มปลอบใจ เป็นรอยยิ้มที่พี่เอ้บอกตัวเสมอว่าไม่ใช่ และไม่มีวันได้เป็นของตัวเอง


ฟูลมูนปาร์ตี้ในตอนนั้นยัง ‘เบา’ กว่าในตอนนี้ พระจันทร์ยังมีความหมาย แม้แอลกอฮอล์และเสียงเพลงติ๊ดๆ จะอยู่ยงคงกระพัน สองวันแรกเป็นการเที่ยวชมความสวยงามรอบเกาะ พี่เอ้หอบงานไปทำพลางๆ ในขณะที่สองหนุ่มผูกมิตรกับชาวบ้านจนได้พักบังกะโลฟรีสองคืน และเมื่อวันที่รอคอยมาถึง ทุกคนก็ต้องสะพรึงกับจำนวนชาวต่างชาติที่หลั่งไหลมาจนน่าตกใจ

ตกดึกสีสันแห่งเกาะพงันยิ่งสาดแสง พวกเขาสามคนอุ้มขวดเบียร์เดินไปรอบๆ จนแอลกอฮอล์ในสายเลือดพุ่งเกิน 50% ถึงได้มาทิ้งตัวนั่งหน้าร้านเหล้าเล็กๆ ที่เจ้าของเป็นสาวใต้หน้าตาคมขำเซ็กซี่ ซึ่งร้องทักสารพัดภาษากับทุกคน

“อิรัชชัยมัสเซะ! Hello sir” ทันทีที่เห็นหน้าพี่ปืน เจ้าของร้านก็สวัสดีเป็นสองภาษา ทำเอาเจ้าตัวเหวอไปเล็กน้อย แต่ก็ยังรับมุขต่อด้วยการพ่นภาษาอังกฤษกลับ ทำทีเป็นชาวต่างชาติต่างภาษา ทั้งพี่เอ้และพี่เอสต้องเล่นละครไปด้วย โดยพี่เอสแนะนำตัวว่าเป็นคนฟิลิปปินส์ ซึ่งสาวใต้ก็ไม่ได้มีคำถามอะไรต่อ

หลังเหล้าหมดไป 1 บักเก็ต เสียงเพลงจากรอบทิศก็เริ่มดังกระหึ่ม ตอนนี้เจ้าของร้านมานั่งดริ๊งผูกมิตรด้วยเต็มตัว และมือไม้ก็เริ่มเลื้อยไปกอดคอพี่ปืนที่เมาหน้าแดงจนเหมือนพร้อมจะลงไปนอนกลางทรายได้ทุกเมื่อ

“I love you, you’re so handsome Hahaha” เจ้าของร้านกระซิบชิดใบหูคนเมา ตอนแรกทุกคนก็ขำดี แต่พอหนักเข้า ดูเหมือนสาวสุดเซ็กซี่จะยิ่งเอาจริงขึ้นเรื่อยๆ


“Hey! Sorry, he is mine!” พอประกาศความเป็นเจ้าของไปอย่างนั้น เจ้าของร้านที่เหมือนจะเมากลับสร่างขึ้นทันที ในขณะที่พี่ปืนหันมองซ้ายมองขวา แล้วก็พยักหน้าหงึกๆ แถมยังซบลงกับบ่าของเพื่อนสนิทเป็นการยืนยัน

“I’m gay ผมเป็นเกย์ครับ เอิ๊ก...” พี่เอ้เห็นท่าไม่ดี เลยรีบจ่ายเงินแล้วช่วยพี่เอสลากคนเมาออกมาทันที พอเห็นว่าพ้นสายตาคู่กรณีแล้วจึงทิ้งร่างสูงโปร่งให้นอนกลิ้งไปกับพื้น ส่วนตัวเองก็เอาแต่มองหน้าน้องชายซึ่งหลบตาทันควัน

“นี่เรื่องเล่นหรือเรื่องจริง” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มถามเสียงสั่น

พี่เอสแสร้งหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขำขัน และเริ่มโวยวาย “จริงก็บ้าแล้วพี่ ฟ้าได้ผ่าตาย”

แม้ใจจะไม่ยอมเชื่อ แต่พี่เอ้ก็เงียบแล้วไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก พอดีกับที่พี่ปืนลุกขึ้นยืนไหว ทั้งหมดเลยไปร่วมเต้นแร้งเต้นกากับคลื่นนักท่องเที่ยวที่ขยายวงออกมาเรื่อยๆ เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานทำให้แอลกอฮอล์พลุ่งพล่าน การแสดงโชว์หลากหลายมีสลับมาให้ทุกคนได้ตื่นเต้นกันตลอด พระจันทร์ดวงโตลอยขึ้นประจำตำแหน่ง ณ กลางท้องฟ้า ถึงตอนนั้นทุกคนต่างแหงนหน้ามอง และโห่ร้องราวกับจะสรรเสริญบูชาราชินีหนึ่งเดียวของค่ำคืนนี้ และช่วงเวลานั้นเอง ที่พี่เอ้ได้เห็นจากปรายหางตา ว่าน้องชายและเพื่อนสนิทกำลังประทับริมฝีปากกันอย่างแผ่วเบา พร้อมกระซิบคำบางคำที่พี่เอ้ไม่มีวันได้ยิน

เพียงเสี้ยววินาทีที่ไม่อาจแน่ใจว่านั่นคือความจริงหรือความฝัน พี่เอ้ก็พบว่าน้ำตาของตัวเองไหลมาจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ และได้แต่บอกตัวเองซ้ำๆ ว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว

คืนนั้นพี่เอ้เมาอย่างหนัก และเต้นอย่างบ้าคลั่งแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งเดือดร้อนผู้ชายสองคนต้องคอยระวังไม่ให้ใครมาลวนลามหรือพาพี่เอ้ออกไปได้ จนปาร์ตี้จบลง ผู้คนเริ่มทยอยไปตามจุดหมาย บ้างก็ไปหาที่เที่ยวต่อ บางคนกลับที่พัก และมีอีกไม่น้อยที่ทิ้งตัวลงนอนกันอยู่ตรงนี้ ซึ่งพวกเขาสามคนเป็นอย่างหลัง

พระจันทร์ดวงกลมเมื่อคืนหล่นหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครรู้ เพราะรู้ตัวอีกทีก็ในตอนที่แสงอาทิตย์สาดส่องพ้นท้องทะเล พี่ปืนสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษทราย ในขณะที่พี่เอสยังนอนหลับสนิท ส่วนพี่เอ้ตื่นแล้ว และกำลังนั่งหันหน้ามองทะเลอยู่

พี่ปืนกระเถิบไปนั่งข้างๆ ผู้หญิงคนเดียวของกลุ่ม ก่อนพบว่าสองมือนั้นกำลังขุดทรายแล้วค่อยๆ ก่อร่างเป็นกองอะไรสักอย่าง มือเรียวจึงช่วยขุดหลุมรอบๆ นั้น

“อย่าลืมสร้างคลองสิ” เทคนิคการสร้างปราสาททรายสมัยเด็กถูกรื้อมาใช้อีกครั้ง จนกองทรายถูกปะแปะเป็นปราสาทเรียบร้อย พี่ปืนจึงวิ่งลงทะเลพื่อชะล้างเม็ดทรายออกจากตัว

“ปลุกเอสมั้ย” คนตัวเปียกร้องถาม

พี่เอ้ไม่ตอบ แต่กลับถามเรื่องที่ค้างคาในใจ “ปืนกับเอสคบกันเหรอ”

เสียงนิ่งๆ เศร้าๆ ทำเอาพี่ปืนไปต่อไม่ถูก ในตอนที่คิดว่าจะตอบคำถามนี้ยังไง อีกคนที่เกี่ยวข้องก็งัวเงียตื่นขึ้นมาพอดี

“โอ้ย...ปวดหัว” บ่นแล้วก็สลัดหัวไปมาอย่างแรง ก่อนจะเห็นว่าเพื่อนและพี่สาวนั่งคุยกันอยู่ข้างหน้า

“ตื่นกันนานแล้วเหรอ” พี่เอสคลานมานอนแปะอยู่ข้างๆ แล้วจึงเห็นปราสาททรายที่เจ้าของน่าจะเป็นสองคนข้างๆ

“เราจะถามครั้งนี้แค่ครั้งเดียว แล้วจะไม่ยุ่งอะไรอีกเลย” พี่เอ้พูดต่อโดยไม่สนใจว่ามีใครอีกคนอยู่ด้วย “ปืนกับเอสเป็นแฟนกันหรือเปล่า”

คราวนี้พี่เอสตื่นเต็มตา และหันมามองพี่ปืนอย่างตกใจ เนิ่นนานหลายนาทีที่ทั้งคู่มีให้เพียงความเงียบ ซึ่งนั่นคงเป็นคำตอบโดยไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ

“เราเข้าใจแล้ว” พี่เอ้รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกโยนหายไปในทะเล ในตอนนี้หากมีใครสักคนปฏิเสธว่าไม่ใช่ พี่เอ้ก็คงพร้อมจะเชื่อ และจะไม่สงสัยอะไรอีก

“พวกเราไม่อยากทำให้เอ้เสียใจ” พี่ปืนหลุดคำพูดแรกหลังนิ่งงันไปนาน

“อืม...เราเสียใจ” พูดแค่นั้น พี่เอ้ก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงดิ่งออกไปโดยไม่หันมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังอีก

พี่ปืนเป็นคนแรกที่วิ่งมาถึงตัวพี่เอ้ ก่อนจะคว้าร่างสั่นเทามากอด พี่เอ้ร้องไห้อย่างหนักจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ยิ่งพบว่าอ้อมกอดอบอุ่นนั้นไม่ใช่ของตัวเอง ก็ยิ่งอยากให้ร่างสลายไปกันผืนทราย

“เราขอโทษ...เราขอโทษ” พี่ปืนเอ่ยเสียงสั่น รู้สึกสงสาคนตรงหน้าจับใจ

พี่เอ้ยืนยิ่ง ในใจสับสนยากจะอธิบาย ขณะเงยหน้าขึ้นก็ได้สบตากับน้องชายตัวเองที่ยืนตาแดงกล่ำอยู่ไม่ไกล สุดท้ายพี่เอ้ก็กลั้นใจ ถามคำถามที่อยู่ในใจตลอดมา

“ปืนเคยชอบเราบ้างมั้ย”

“....เคย”

“เหรอ” คำตอบนั้นทำให้พี่เอ้หมดเรี่ยวแรงและคำพูด หากประโยคต่อมากลับทำให้หัวใจหยุดเคลื่อนไหวยิ่งกว่า

“เอ้...จริงๆ ตอนนี้เราก็ยังชอบ...”

“อย่ามาพูดแบบนี้! อย่ามาเห็นแก่ตัวแบบนี้”

“เราก็อธิบายไม่ได้หรอกนะ ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ แต่เรา...ชอบเอ้ เหมือนกับที่ชอบเอส จริงๆ..”

 คนได้ฟังไม่เหลือน้ำตาจะไหล ความรู้สึกผิดหวังถาโถมจนรู้สึกเหมือนคนที่พูดประโยคนั้นเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกัน “ปืนที่เรารู้จัก ไม่ได้เลวแบบนี้...”

ทริปพะงันครั้งนั้นคือทริปสุดท้ายของเขาสามคน ตารางห้าวันถูกลดเหลือแค่สาม อีกวันคือเวลาเดินทางกลับ และหลังจากนั้นคือช่วงเวลาที่พวกเขากลายเป็นคนอื่น โดยไม่อาจรู้เลยว่าช่วงเวลาดีๆ จะหมุนกลับมาอีกได้หรือไม่

ไม่นานต่อจากนั้น พี่เอ้ก็ปล่อยให้พี่เอสดูแลกิจการคนเดียว และหาหัวหน้าทัวร์มาทำแทนตัวเอง ทั้งสองคนยังพูดคุยกันเหมือนเดิม ในขณะที่ใครอีกคนหายไปจากชีวิตอย่างสิ้นเชิง ซึ่งพี่เอ้ไม่มีคำถามใดๆ อีก ว่าทำไมพี่ปืนถึงหายไป แล้วทำไมเอสถึงคบผู้หญิงคนใหม่จนถึงขั้นวางแผนแต่งงาน รู้แต่เพียงว่าหัวใจดวงเดิมของตัวเองและน้องชายไม่อาจดีได้เหมือนเดิมอีกแล้ว


(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2014 01:56:00 โดย lykar »

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
เสียงปรบมือรอบวงดึงความคิดพี่เอ้ให้กลับสู่ปัจจุบัน จริงๆ พี่เอ้ก็อยากจะรับคำขอโทษนั้นไว้ แต่มันก็ยากเหลือเกินกับการทำแบบนั้น จริงๆ การที่ปืนกับเอสคบกัน ยังไม่ทำให้พี่เอ้เสียใจเท่าการที่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าชอบทั้งตัวเองทั้งเอส มันเหมือนความเชื่อ ความไว้วางใจที่เคยให้ไปนั้นสูญเปล่า เพราะปืนกลับกลายเป็นอีกคนที่พี่เอ้ไม่รู้จักอีกต่อไป

วงดนตรียังเล่นเกมร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน มีเพียงพี่เอ้ที่หลบออกมานั่งมองทะเลสีทึมเงียบๆ และไม่นานหลังจากนั้นน้องชายผู้เป็นบอสใหญ่ของกลุ่มก็ตามออกมา

“ยุงไม่กัดเหรอ” พี่เอสเอ่ยถามหลังหย่อนกายลงนั่งกับพื้นทราย ลมทะเลพัดแรงทำเอาผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด

“ระดับนี้ละ ยุงที่ไหนจะกล้า”

“ผิวแข็งเหมือนใจเลยนะ”

“เอส...” พี่เอ้ถอนหายใจ “แกให้อภัยเค้าได้ยังไง”

น้ำเสียงของคนถามฟังดูอ่อนแรง ไม่มีแววคาดคั้น มีเพียงความสับสนมากมายในนั้น พี่เอสกอบเม็ดทรายแล้วเริ่มวางฐานของปราสาท พี่เอ้เห็นอย่างนั้นเลยช่วยขุดคลองล้อมรอบไม่ต่างจากวันวาน

“บางอย่างนะพี่...” มือหนาตบลงกับกองทรายตรงหน้า “ยึดถือเอาไว้ก็ไม่เห็นมีประโยชน์ คนเรามันก็เคยทำอะไรผิดพลาดมาทั้งนั้นแหละ ขนาดตัวเราเองยังไม่เพอร์เฟ็ก แล้วเรามีสิทธิ์อะไรจะไปโกรธไปเกลียดคนอื่นที่มีโอกาสทำผิดเหมือนๆ เรา”

“แกรู้มั้ย วันนั้นเค้าบอกกับพี่ว่าไง เค้าบอกว่าเค้าชอบเราทั้งสองคนเท่ากัน...”

   “ผมรู้มาตลอดแหละ รู้ด้วยว่าพี่เอ้ก็ชอบไอ้ปืน แต่ผมกล้าบอกก่อน ก็เท่านั้นเอง”

   “แล้วทำไมถึง...” พี่เอ้กลืนคำว่า ‘เลิกกัน’ ไว้ในใจ เพราะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วสองคนนั้นเลิกกันหรือเปล่า

   “วันที่เราสองคนคบกัน ทั้งผมทั้งไอ้ปืนก็รู้อยู่แล้วว่าเราคบกันได้ไม่นานหรอก จะเอาอะไรกับความรักของผู้ชายกับผู้ชาย รักกันแค่ไหน สุดท้ายมันก็ได้เท่านี้ ยิ่งครอบครัวไอ้ปืนจีนจ๋าซะขนาดนั้น ถ้าป๊าม๊ามันจับได้ขึ้นมา สงสัยได้ตายกันไปข้างหนึ่ง”

   บอสใหญ่ตอบด้วยท่าทีสบายๆ แต่พี่เอ้รู้ว่าความเจ็บปวดข้างในยังไม่คลายนับจากวันนั้น

   “แล้วอีกอย่าง” พี่เอสเอ่ยขึ้นมาอีกรอบ “ผมก็ทนเห็นพี่เอ้เสียใจไม่ได้หรอก ถ้าจะเจ็บมันก็ต้องเจ็บกันทุกคนแบบนี้แหละ”

   “ไอ้บ้า! แกบ้าป่ะเนี่ย ไอ้เอส!”

   “ไม่รู้สิพี่ พูดกันตามจริง ยังไงปืนมันก็คนนอก ถ้าให้ผมเลือกระหว่างพี่สาวแท้ๆ กับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ยังไงผมก็ต้องเลือกครอบครัวอยู่แล้ว”

   “แกมันจอมเสียสละ”

   “ถ้าผมเสียสละจริง ผมคงไม่แย่งไอ้ปืนมา ตอนนั้นผมแอบอิจฉาพี่นะ พี่เป็นผู้หญิง เป็นคนเก่ง ทำอะไรก็ดีไปหมด ขนาดผมไปเรียนเมืองนอกมายังสู้พี่ไม่ได้เลย ...ขนาดผมอยู่กับไอ้ปืนทุกวัน มันยังไม่ได้รักผมทั้งใจเลย”

   “เค้าก็ไม่ได้รักฉันทั้งใจเหมือนกันแหละโว้ย”

   “ผมไปเจอมันอีกทีตอนสัมมนาผู้บริหารที่สิงคโปร์ พี่เชื่อมั้ย ตอนเจอกันครั้งนั้นอย่างกับละคร ผมกำลังยืนเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าลิฟต์ พอเสียง ติ๊ง! ลิฟต์เปิดปุ๊บ ทุกคนกรูๆ กันออกมา ผมเงยหน้าขึ้นพอดี แล้วก็ เปรี้ยง!! เห็นมันยืนหน้านิ่งๆ อยู่ข้างใน เสียงอิเจ๊ข้างหลังบอก sorry แล้วเบียดตัวผมเข้าลิฟต์ แล้วประตูก็ค่อยๆ ปิด ผมยืนค้าง แล้ว ติ๊ง! ประตูลิฟต์ตัวเดิมเปิดอีกครั้ง มัน..ไอ้ปืนเดินออกมา แล้วรู้ตัวอีกที เราก็ยืนกอดกันอยู่หน้าลิฟต์”

   “โรแมนติกสุดๆ!”

   “แต่พี่...ในตอนนั้นจนถึงนาทีนี้ เราไม่มีความรู้สึกรักต่อกันอีกแล้ว ที่หลงเหลือมันคือความผูกพันล้วนๆ ความเป็นเพื่อนที่ตัดยังไงก็ไม่ขาด ผมว่าพี่ก็รู้สึกเหมือนกัน”


   สิ่งที่เอสพูดไปไม่ใช่เรื่องโกหก ตอนนั้นเขารู้ตัวเองแล้วว่าแอบชอบเพื่อนสนิท แต่ยังดูไม่ออกว่าอีกคนคิดยังไง พอใกล้เรียนจบ เอสก็ทำทุกอย่างให้ตัวเองกับปืนได้ไปเรียนต่อด้วยกัน เพราะบางครั้งเขาเองก็รู้สึกเหมือนปืนคิดอะไรเกินเลยกับพี่เอ้ ตอนแรกเขาก็แทบจะทิ้งความหวังที่คิดว่าเคยมี แต่ความอ่อนโยนที่ได้รับ ก็ทำให้หัวใจมีหวังขึ้นมาอีกครั้ง จนวันหนึ่งที่ความใกล้ชิดทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาต้องการ ทั้งสองคนก็ตกลงคบกัน โดยมีเงื่อนไขว่า จะให้พี่เอ้รู้ไม่ได้เด็ดขาด ด้วยเหตุผลที่พวกเขาต่างหลอกกันเองว่ากลัวพี่เอ้น้อยใจ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว เอสกลัวพี่เอ้จะแย่งปืนไป และปืนก็กลัวจะเสียพี่เอ้ไปมากกว่า

...สุดท้ายทั้งเขาทั้งปืนก็เป็นคนเลวที่หลอกความรู้สึกของคนที่ตัวเองรักไม่ต่างกัน

   แล้วเขากับปืนก็ไปกันไม่รอด หลังจากทริปพะงัน เอสก็นึกรังเกียจตัวเองที่เอาแต่ทำร้ายพี่สาวที่หวังดีกับตัวเองมาตลอด พร้อมๆ กับรู้ว่าแม้จะคบกันมาถึงสี่ปี ก็ไม่อาจทำให้ปืนรักเขาได้ทั้งใจ ที่ผ่านมาปืนเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นแฟน เป็นทุกอย่างที่พึ่งพาได้ ทว่าภายใต้ความอ่อนโยนนั้น ปืนก็ยังมอบความรู้สึกเช่นเดียวกันให้กับพี่เอ้ผ่านคำว่าเพื่อนอยู่เสมอ เมื่อเรื่องที่พะงันเกิดขึ้น เอสจึงหันหลังให้กับความสัมพันธ์นี้ บอกลาคนที่คิดว่าเป็นรักแรกของตัวเอง แล้วทำเหมือนไม่เคยมีคนๆ นั้นอยู่ในชีวิต

เขากลับมาใช้ชีวิตปกติ ทั้งในความหมายของการเติบโต และความสัมพันธ์ ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในวันที่เขาพร้อมแล้วทุกอย่าง ตำแหน่งผู้บริหารเป็นหลักฐานมั่นคงพอสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ เอสมีความสุขดีเมื่อได้คบกับคนที่เหมาะสมกัน ความเจ็บปวดในวันวานค่อยๆ เจือจางลง

แล้วเมื่อไม่นานมานี้ ปืนก็กลับมา ผู้ชายตัวสูงโปร่งแสนสุภาพไม่เหลือเค้ารอยของเด็กวัยรุ่นคนเดิม ปืนโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีเพียงรอยยิ้มอันอบอุ่นที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง หลังได้คุยกันอีกครั้ง เอสถึงได้รู้ว่าปืนยังคงไม่มีใคร...ไม่มีเลย ตั้งแต่เหตุการณ์ในตอนนั้น คล้ายๆ กับปืนลงโทษตัวเอง ด้วยการกักขังหัวใจให้อยู่กับความผิดในวันวาน


“เรามีชีวิตอยู่ไม่ถึงร้อยปีหรอกพี่ ให้มากสุดก็เก้าสิบอ่ะ” คนเป็นน้องเอ่ยขึ้นหลังนั่งเงียบไปนาน เสียงวงเหล้าเงียบลงแล้ว กลายเป็นเสียงพูดคุยเบาๆ แทน

“รู้แล้ว” พี่เอ้ตอบรับ สายตาเหม่อมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้า “แกกำลังจะบอกให้ฉันรีบให้อภัยเค้าใช่มั้ย”

“เปล่า” พี่เอสปฏิเสธ ทำเอาคนนั่งฟังขมวดคิ้ว “ผมจะบอกว่า พี่ก็อายุเยอะแล้วนะ อีกห้าสิบปีที่เหลือ พี่ไม่อยากใช้ชีวิตกับคนที่พี่รักมาตลอดเหรอ”

“ไอ้เอส!! แต่ว่าฉันแก่เหรอ!!”

“โอ้ยยย... อย่าแปลความหมายผิด พ้อยท์ไม่ได้อยู่ที่ความแก่ แต่อยู่ที่ความรัก! พี่ไปคิดดีๆ นะ ผ่านวินาทีนี้ไป พี่ก็มีเวลาไม่ถึงห้าสิบปีแล้วล่ะ”

พอทิ้งระเบิดไว้ตูมใหญ่ บอสตัวดีก็ลุกขึ้นปัดก้นแล้วเดินกลับไปที่วงเหล้าเหมือนเดิม ทิ้งให้พี่เอ้นั่งนิ่งกับถ้อยคำเหล่านั้นเพียงลำพัง

   พี่เอสกลับมาในตอนที่พี่เป็ดกำลังเล่าเรื่องผีที่ห้องน้ำหญิงของโรงเรียน พอมองผู้ชายตัวโตๆ เกือบสิบคนนั่งรวมหัวกันแล้วก็อดขำไม่ได้

   “พออาจารย์กำลังจะผลักประตูห้องน้ำหญิงห้องนั้นเข้าไปนะ...” พี่เป็ดเล่าเสียงกระซิบ

   “เดี๋ยวๆๆ” คนมาใหม่ร้องทัก ทำให้พี่เป็ดต้องหยุดเล่ากะทันหัน

   “อะไรพี่เอส”

   เจ้านายใหญ่หรี่ตาก่อนจะถามเจ้าของเรื่อง “เอ็งเรียนชายล้วนไม่ใช่เหรอ?”

   “ห๊า!!” คนรอฟังอุทานกันยกใหญ่ เมื่อพบว่าเรื่องที่อุตส่าห์กลัวนั้นเป็นเรื่องลวงๆ จากเซลส์นัมเบอร์วัน สมาชิกที่นั่งรวมหัวถึงกับวงแตก หมดอารมณ์จะฟังเรื่องผีอะไรนี่ต่อ

   “คือ...เพื่อนของเพื่อนมันเล่ามา จริงจริ๊ง” พี่เป็ดยังไม่วายแก้ตัว หากไม่มีใครสนใจฟังอีกต่อไป

   “ไปๆ ไปนอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปดำน้ำแต่เช้า” พี่เอสจัดการไล่ลูกน้องให้แยกย้ายไปพักผ่อน ก่อนตัวเองจะไปบอกพนักงานที่อยู่แถวนั้นให้มาเคลียร์กองไฟ แล้วเดินกลับที่พักพร้อมเพื่อนสนิท

   “ทำไมมันไกลจัง” พี่เอสบ่น เมื่อรู้สึกว่าบ้านของตัวเองอยู่ในสุด ซึ่งห่างจากจุดที่นั่งเล่นกันพอสมควร

   “ขี่หลังป่ะ เดี๋ยวไปส่ง” อีกคนเอ่ยขึ้นขำๆ ซึ่งก็ได้รับสีหน้าประหลาดจากพี่เอสเป็นการตอบแทน

   “แก่แล้วนะลุง กระดูกไม่ได้แข็งแรงเหมือนสมัยก่อน” คนเด็กกว่าแค่หนึ่งปีหัวเราะเย้ย ก่อนจะนึกขึ้นได้

   “คุณไปตามพี่เอ้สิ นั่งทำตัวเป็นนางเอกเอ็มวีอยู่ตรงนั้นน่ะ” พี่เอสชี้ไปยังชายหาด พี่ปืนลังเลเล็กน้อย แต่พออีกฝ่ายตบบ่าหนักๆ ร่างสูงโปร่งจึงเริ่มออกเดินไปอีกทาง

   ชายหาดในตอนนี้เหลือพื้นที่เพียงคืบจากการที่น้ำทะเลขึ้นสูง บก.เอ้จึงย้ายตัวเองมานั่งที่ขอบบันไดทางลงพลางยื่นขาลงไปให้คลื่นอาบไล้ พี่ปืนเดินมาถึงก่อนส่งเสียงเรียกเบาๆ เป็นการบอกล่วงหน้า ด้วยกลัวว่าอีกคนจะตกใจจนร่วงลงทะเลไปก่อน

   “เอ้” เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก พอเห็นว่าเป็นคนในห้วงความคิด พี่เอ้เลยทำท่าจะลุกหนี แต่ผู้มาเยือนรีบทิ้งตัวลงนั่งด้านหลังในบันไดขั้นสูงขึ้นไป พี่เอ้เลยต้องนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

   ปืนไม่มีคำพูดอะไร ได้แต่นั่งเงียบๆ ฟังเสียงทะเลสาดซัดฝั่ง พร้อมกับจ้องมองร่างของผู้หญิงที่อยู่ในความคิดถึงไม่คลาย

   “ทำไมถึงได้มาทำนิตยสารล่ะ” เป็นปืนเองที่เอ่ยทำลายความเงียบ ผู้หญิงตรงหน้าขยับตัวเล็กน้อยก่อนตอบคำถาม

   “ตอนนั้นชีวิตพัง เราไม่มีอะไรจะทำแล้ว ไอ้เอสเลยจ้างเราเป็นบก.”

พี่เอ้เล่าตามจริง หลังออกจากบริษัททัวร์ พี่เอ้ก็ไปทำงานโรงแรม ก่อนเปลี่ยนไปเป็นเออี แล้วก้าวไปทำธุรกิจกับเพื่อน ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องพบปะผู้คน และความเจ็บช้ำลึกๆ ในใจ สุดท้ายร่างกายก็ทนไม่ไหว พี่เอ้ถึงกับต้องรักษาตัวในโรงพบาลนานเป็นเดือนๆ พอหายดีก็กลับกลายเป็นเคว้งคว้าง ตอนนั้นพี่เอสกำลังมีแพลนจะเปิดหัวนิตยสารใหม่ เลยชวนพี่เอ้มาเป็นบก.ทั้งๆ ที่พี่เอ้ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการทำหนังสือเลย ยังดีที่พี่เอสมีคอนเน็กชั่น กระบวนการต่างๆ เลยมีผู้ช่วยจนค่อยๆ ประกอบกันเป็นรูปเป็นร่าง และ Gayscale Magazine ก็เติบโตเรื่อยมาพร้อมกับพี่เอ้คนเดิม คนที่เฮฮา ร่าเริง เป็นที่รักของลูกน้องจนถึงทุกวันนี้

   “สนุกมั้ย”

   “ก็ดี สนุกบ้างเบื่อบ้าง ปนๆ กันไป” บก.เอ้ตอบ ก่อนถามอีกคนบ้าง “แล้วปืนเป็นไงบ้าง”

   “ก็เหมือนๆ เดิมแหละ เดี๋ยวเดือนหน้าจะมาช่วยเอสดูบริษัทใหม่มัน รายนั้นชอบหาอะไรใหม่ๆ เล่นอยู่เรื่อย”

   “ตามสไตล์มันนั่นแหละ ขี้เบื่อ แต่แปลกนะ ทำอะไรก็ไม่เคยเจ๊ง”

   “อย่าไปแช่งมันสิ เดี๋ยวเราตกงาน ฮ่าๆๆ” พี่ปืนเขยิบที่นั่งให้อีกคนขึ้นมานั่งด้วยกัน เพราะบันไดขั้นล่างๆ จมหายไปในทะเลแล้ว

   “แล้วยังไง ลงหุ้นกันเหรอ”

   “อืม ประมาณนั้น ...ชีวิตเราก็ไม่เหลือใครแล้วเหมือนกัน สุดท้ายก็มากระโจนลงเรือลำเดียวกันกับครอบครัวเอ้อีกจนได้”

   “หวังว่าครั้งนี้มันจะไม่ล่ม”

   “ไม่ล่มหรอก เพราะตอนนี้เราอยู่ระยอง ไม่ใช่พะงัน”

เค้าว่ากันว่า หากจะดูว่าความเจ็บปวดมันจางหายไปหรือยัง ให้ดูว่าเรานำมันกลับมาพูดเป็นเรื่องตลกได้หรือไม่ และตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะคลี่คลายลงไปแล้ว หากพี่ปืนได้มองหน้าพี่เอ้ชัดๆ คงเห็นว่าใบหน้านั้นปรากฏรอยยิ้มจางๆ เช่นกัน

   “เข้าบ้านกันเถอะ น้ำขึ้นสูงแล้ว” น้ำทะเลไล่มาถึงบันไดขั้นบนสุดที่พวกเขานั่งอยู่ด้วยกัน พี่เอ้จึงลุกขึ้นตามผู้ชายอีกคนหนึ่งไป พลางนึกถึงสิ่งที่น้องชายเคยพูดเอาไว้...

‘มันไม่เหลือความรักระหว่างกันแล้ว ที่เหลือมันคือความผูกพัน ความเป็นเพื่อนล้วนๆ’



TBC.

ทอล์กตอนนี้สั้นมาก เพราะจะบอกแค่ว่า "ตอนต่อไปมารอแล้วค่ะ :))"

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
Page 30 : คนเดิม


   เช้าวันที่สองของการเอาท์ติ้งเริ่มต้นด้วยความวุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากวันนี้จะมีลูกค้าที่สนิทๆ กันมาร่วมแจมด้วย พอเก้าโมงกว่าๆ รถตู้ของลูกค้าก็มาถึง ทว่าสมาชิกแต่ละคนยังไม่ตื่นดี ทำให้แผนการณ์ต่างๆ ต้องเลื่อนออกไป ตั้งแต่การกินข้าวเช้าที่เริ่มตอนสิบโมง ซึ่งพี่เป็ดถึงกับต้องแบกน้องจีออกมานั่งหลับตากินข้าว เพราะทางรีสอร์ทจะเก็บโต๊ะอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ยังดีว่าลูกค้าที่มาเป็นคนสนิทกัน เลยไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก พี่เอส พี่เอ้และบรรดาเซลส์จึงเพียงแค่นั่งคุยเล่นขำขัน แล้วปล่อยให้ลูกค้าไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ระหว่างนั้นก็โทรไปหาพี่ทหารที่รอต้อนรับกรุ๊ปทัวร์ดำน้ำ ให้เปลี่ยนเวลาจากรอบเช้าเป็นรอบบ่ายแทน

   “บอกแล้วว่าไม่ต้องมีแพลน มากันชิลๆ ไม่ต้องรีบดีกว่าอีก” พี่เอสโวยวายกับพี่เอ้ ที่กำลังโปะครีมกันแดดสลับกับกินข้าวต้ม

   “ถ้าไม่จัดตารางเวลา พวกแกคงตื่นอีกทีพรุ่งนี้ ลูกค้าคงได้เที่ยวกันเอง แล้วก็นั่งรถกลับเลยล่ะสิ” เพราะรู้ดีว่าผู้ชายออฟฟิศนี้ขึ้นชื่อเรื่องตื่นสาย พี่เอ้เลยต้องมัดมือชกวางโปรแกรมเที่ยวให้เรียบร้อย

   “ดีนะไม่มีทัวร์ไหว้พระแถมมาด้วย” นักเขียนทำหน้าบูด เพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับลงก็เกือบตีห้า ด้วยความที่ห้องพักติดทะเลจนเสียงคลื่นสาดซะนอนไม่หลับ

   “ฉันไม่พาพวกแกเข้าวัดหรอก เดี๋ยวศาสนาได้เสื่อมกันพอดี”

   “พี่เอ้คนเดิมกลับมาแล้วว่ะ” สิปป์ศิลป์แอบกระซิบกับเมตตา ซึ่งอีกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที

   “ได้ยินนะโว้ยยย!!” คนถูกนินทามองตาขวาง ทำเอาแขกของทริปกลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว นี่แหละคือเอ้คนเดิมที่พี่ปืนรู้จัก เสียงดัง โวยวาย และมีชีวิตชีวาแบบนี้

   แก๊งเกย์สเกลพร้อมลูกค้ารวม 20 คนเดินทางไปถึงท่าเรือซึ่งมีพี่ทหารรอรับอยู่ตอนบ่ายโมง แสงแดดกำลังร้อนจ้าได้ที่ เรือโดยสารขนาดกลางแล่นออกจากฝั่ง เพื่อมุ่งสู่เกาะเล็กๆ ซึ่งเพิ่งเปิดให้ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งหมดก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

   “เต่า!!” น้องจีตะโกนน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อเห็นเจ้าเต่าตัวเล็กๆ นอนกลิ้งอยู่ในบ่ออนุบาลตัวอ่อน ซึ่งพี่เป็ดต้องคอยดึงตัวน้องจีไว้ เพราะกลัวว่าจะล่วงลงไปนอนเล่นกับเต่าเข้าจริงๆ ในขณะที่สิปป์ขอบาย ถอยออกมายืนห่างๆ เพราะเห็นไอ้ตัวเล็กๆ อยู่รวมกันเยอะๆ แล้วมันดูยั้วเยี้ยหยุบหยับอย่างบอกไม่ถูก

   จากนั้นพี่ทหารก็พานักท่องเที่ยวทั้งหมดมาที่ชายหาด เพื่อรับฟังข้อควรปฏิบัติในการดำน้ำ พร้อมซักซ้อมทำความเข้าใจให้เรียบร้อย ก่อนทุกคนจะได้ไปลอยคออยู่ในทะเลสมใจอยาก

   “จับมือเป็นวงกลมครับ” พี่ทหารเริ่มต้นจับมือพี่เก็ตเป็นคนแรก ก่อนทั้งหมดจะเอื้อมมือจับกันตามคำสั่ง

   “เอามือมาสิ” พี่ปืนบอกพี่เอ้ที่ยังลอยคอนิ่ง พออีกคนยังไม่ยอมขยับ พี่ปืนเลยคว้ามือคนดื้อมาจับไว้เอง พี่เอสที่มองอยู่เลยหัวเราะหึหึกับท่าทีของพี่สาว ...จริงๆ ก็หายโกรธแล้วนั่นแหละ แต่ยังไว้ฟอร์มอยู่ตามสไตล์

   การดำน้ำแบบผิวน้ำในครั้งนี้สร้างความประทับใจให้ทุกคนเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าทะเลระยองจะยังมีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำและปะการังอยู่ถึงขนาดนี้ เพียงแค่ก้มหน้ามองผ่านแว่นลงไป ทุกคนก็ได้ใกล้ชิดกับปลาตัวเล็กๆ พร้อมเห็นดอกไม้ทะเลและปะการังที่อยู่ข้างล่างซึ่งค่อนข้างสมบูรณ์อยู่มาก พี่เอ้หัวเราะร่ากับปลาตัวเล็กตัวน้อยที่ว่ายวนอยู่รอบตัว ชักชวนให้เมตตาถ่ายรูปให้หลายช็อต รวมถึงยังกอดคอว่ายน้ำเล่นกับพี่ปืนเหมือนลืมแอ๊บโกรธไปชั่วคราว ซึ่งสร้างความโล่งใจให้กับสมาชิกทุกคน ที่ไม่ต้องทนกับความอึดอัดเหมือนวันที่ผ่านมา

   “ดูคุณเอ้สนิทกับลูกน้องดีนะคะ” ลูกค้าที่ซื้อโฆษณากันมานานเอ่ยขึ้นกับพี่เอส ในขณะที่มองพี่เอ้ผู้เป็นลิงชั่วคราว ว่ายน้ำตามลูกบอลที่เด็กๆ ปากันไปมา หลังกิจกรรมดำน้ำสิ้นสุดลง

   “เราอยู่กันแบบพี่น้องครับ เลยสนิทกัน คุณแจนไม่ไปเล่นกับเด็กๆ เหรอครับ” พี่เอสเอ่ยชวนด้วยมารยาท พอดีกับที่พี่ปืนหอบแฮ่กๆ ขึ้นฝั่งมา

   “ไม่ไหวๆ” เจ้าของร่างสูงโปร่งพูดได้แค่นั้นก็ทิ้งตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนลงกับชายหาด “เจ้าปันเล่นลุงมันซะน่วมเลย”

   “เออ ปืน นี่คุณแจน ...คุณแจนนี่ปืนครับ” พี่เอสจัดการแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน เพราะดูแนวโน้มแล้วคุณแจนน่าจะสนใจทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์ไม่น้อย

   หลังลูกค้าทนเสียงเฮของวงลิงทะเลชิงบอลไม่ไหวจนต้องไปเล่นด้วย พี่เอสกับพี่ปืนจึงเหลือกันแค่สองคนบนชายหาด ทันทีที่คุณแจนวิ่งลงทะเลปุ๊บ เพื่อนรักก็พูดสวนกันขึ้นมาปั๊บ

   “คุณแจนก็โอเคนะ...”

   “ไม่ต้องมาจับคู่ให้ผมเลยครับ”

   ประโยคแรกเป็นของพี่ปืน ซึ่งส่งแววตาล้อเลียนอีกคนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนประโยคหลังแน่นอนว่าเป็นของพี่เอส ผู้ถูกจับคู่ทุกรูปแบบตั้งแต่กลับมาเจอกันอีกครั้ง

   “แก่ปูนนี้แล้ว ไม่ต้องมีมันแล้วเมีย มีตังค์อย่างเดียวพอ” พี่เอสพูดทีเล่นทีจริง

   “สุดท้ายก็โสดกันหมดทั้งสามคน” พี่ปืนสรุป

   “คุณก็ไปจีบพี่เอ้ใหม่สิ”

   “ไม่เอาแล้ว” คนถูกยุเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ผมว่าเป็นเพื่อนกันนี่แหละดีสุด”

   “งั้นก็ตามนั้น” บอสใหญ่รับคำอย่างง่ายดาย เพราะในใจก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน


   กว่าลูกทัวร์จะกลับที่พักก็เกือบมืด คืนนี้มีกิจกรรมพิเศษรออยู่ พี่เอสกับพี่ปืนเป็นสองคนแรกที่พร้อมร่วมงาน เพราะไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก จึงได้ออกมาดูสถานที่ก่อนใคร

   จอโปรเจกเตอร์ขึ้นสไลด์เป็นชื่องานด้วยตัวอักษรสุดเบสิกว่า “Gayscale on the beach” พร้อมข้อความภาษาไทยในบรรทัดต่อไปว่า “ทะเลดาว” ซึ่งพี่ปืนแอบแซวไปเบาๆ ว่าเชยเหมือนคนคิด ทำเอาเจ้าของความคิดเสียเซลฟ์ไปพักใหญ่

   “สวัสดีครับ” พี่เอสก้าวขึ้นไปบนเวทีพลางส่งเสียงทักทายผ่านไมโครโฟน “สวัสดีทุกท่านนะครับ สำหรับค่ำคืนนี้ Gayscale Magazine ของเราได้จัดปาร์ตี้เล็กๆ ขึ้นมา เพื่อให้พี่ๆ น้องๆ ผู้เป็นที่รักของพวกเราได้มาสนุกสนานร่วมกัน หากใครที่เตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ขอเชิญทุกท่านมาที่หน้าเวทีแห่งนี้เลยนะครับ เพราะเรามีอาหารอร่อยๆ ที่ทาง Dream Catcher จัดไว้ให้ รวมถึงยังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกมากมายเลยครับ ขอเรียนเชิญทุกท่านเลยนะครับ”

   “เล่นใหญ่มาก” บก.เอ้อดแซะน้องชายตัวเองไม่ได้ เป็นอันรู้กันว่าเมื่อไรที่ให้พี่เอสเป็นพิธีกร มันก็จะเต็มที่จนลืมไปเลยว่าเคยเป็นเจ้านายใหญ่

   “อ้าว...คุณเอ้ไม่แต่งตัวตามธีมเหรอครับ” ลูกค้าคนหนึ่งที่มาถึงลานปาร์ตี้ร้องทัก พี่เอ้เลยหันไปหัวเราะก่อนจะหยิบหมวกทรงนักมายากลที่ประดับด้วยปลาดาวเพชรมาสวม ซึ่งดูเข้ากับดีกับเดรสสีดำที่ประดับด้วยเข็มกลัดรูปดาวตรงหน้าอก

   “แต่งสิคะ แต่เอ้ไม่ลงประกวดนะ กลัวจะแย่งรางวัลเด็กๆ ค่ะ” บก.กล่าวอย่างอารมณ์ดี คืนนี้มีการประกวดการแต่งกายในธีม “ทะเลดาว” ซึ่งเจ้าของความคิดนั้นก็คือพี่เอส ผู้พยายามสรรหากิจกรรมมาให้สมาชิกเล่น แม้จะมีกันแค่ยี่สิบคนเท่านั้น

   เมื่อสมาชิกและลูกค้ามากันครบ วงดนตรีอะคูสติกก็เริ่มบรรเลงเพลงเพื่อขับกล่อมเคล้าบรรยากาศเย็นสบาย ทุกคนดูผ่อนคลาย พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนเวลาล่วงไปถึงสามทุ่มตรง พี่เอสจึงทำหน้าที่พิธีกรอีกครั้ง

   “และในตอนนี้ก็ถึงเวลาของการประกวดการแต่งกายกันแล้วครับ อย่างที่ผมได้แจ้งให้ทราบว่า คืนนี้เรามากันในธีม ‘ทะเลดาว’ เพราะฉะนั้น เราจะมาค้นหาผู้ที่แต่งตัวตามธีมได้โดนในคณะกรรมการที่สุด เพื่อรับเงินรางวัล 5,000 บาท กันครับ”

   เสียงโห่ร้องดังมาจากผู้ชมซึ่งไม่มีใครรู้มาก่อนว่างานนี้จะมีเงินรางวัลให้ด้วย จากเดิมที่ทุกคนแต่งกันมาเล่นๆ โดยไม่คิดจะลงประกวด กลายเป็นแย่งกันลงประกวดให้วุ่น จนต้องมีการคัดเลือกผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย เพื่อมาแสดงความสามารถเรียกไลค์จากกรรมการ

   “สำหรับผู้เข้ารอบคนแรกนะครับ ท่านนี้มาแบบสวยๆ คนเดียวเลยครับ ขอเสียงปรบมือให้... คุณแจนครับ!!”

   คุณแจนขอเปิดเวทีด้วยการเต้นเพลงฮิต ที่แลกเบอร์กันไปเป็นล้านเบอร์ในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยท่าเป๊ะเก็บทุกเม็ดจนเรียกเสียงปรบมือกันสนั่น

   “หญิงแจนก็ได้เต้นจนทรายยุบกันไปแล้วนะครับ มาถึงผู้เข้ารอบคนที่สองบ้าง ว๊าว... อันนี้มาเป็นคู่ดูโอ จากสมาชิกของเกย์สเกลเองครับ ขอเสียงปรบมือให้น้องเมตและน้องสิปป์ด้วยคร๊าบ”

   ผู้เข้ารอบกำลังกินไก่ทอดกันปากมันแผล็บ เลยต้องรีบซดน้ำแล้ววิ่งขึ้นเวทีไปอย่างงงๆ คืนนี้นักเขียนกับตากล้องมาในลุคเซิร์ฟบอย เสื้อฮาวายปล่อยชาย กางเกงขาสั้นลายดาว และหมวกสไตล์บรูโน่ มาร์ส ด้วยการแต่งตัวเหมือนกันอย่างกับแฝด ทำเอาพี่เอ้ถึงกับเสียจริตส่งเสียงกรี๊ดเชียร์จนออกนอกหน้า ยิ่งได้รู้ว่าทั้งคู่มาแสดงอะไรแล้วพี่เอ้ก็แทบจะลงไปนอนดิ้นตาย

   “จริงๆ วันนี้เราสองคนไม่ได้เตรียมอะไรมาแสดงเลย...” เมตตาออกตัวอย่างเขินๆ นานๆ ทีจะเห็นหนุ่มเซอร์ทำอะไรแบบนี้

   “ใช่ครับ...งั้นเราขอร้องเพลงที่เราชอบร้องกันบ่อยๆ แล้วกันครับ” สิปป์เสริมต่อ พร้อมๆ กับที่เสียงกีตาร์จากเมตตาดังขึ้น

   “เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ” มือกีตาร์ปิดท้าย ก่อนเพลงท่อนแรกจะถูกขับร้อง “ทะเลสีดำ ไม่มีแสงไฟ ...มองไม่เห็นทาง เธอกลัวหรือไม่”

   เพียงเท่านี้บก.เอ้ก็ถึงกับทรุดนั่งแล้วกรี๊ดจนสุดเสียง มวลมหาความฟินที่อยู่ดีๆ ไอ้คู่นี้ก็จัดให้แบบเต็มๆ ทำเอาสาววายตัวแม่ถึงกับตั้งตัวไม่ทัน

“ได้ยินเสียงเธอ จะกลัวอะไร ...จับมือฉันไว้ ฉันก็อบอุ่นหัวใจ” สิปป์ศิลป์ร้องท่อนต่อไปสลับกับมือกีตาร์ แม้จะตื่นเต้นแต่ก็อดขำท่าทางของพี่เอ้ไม่ได้ นี่ถ้าได้รู้ได้เห็นแบบเต็มๆ สงสัยเลือดพี่เอ้จะหมดตัว

การแสดงของสองหนุ่มจบลงด้วยการประสานเสียงท่อนสุดท้ายพร้อมการมองตากันเบาๆ ซึ่งสองหนุ่มยืนยันว่าเป็นการมองตาเพื่อส่งสัญญาณ ไม่ได้มีนัยอื่นใดเหมือนที่พี่เอ้มโนจริงจริ๊ง!

“พนักงานครับ ผมขอยาดมกับยาลมให้ป้าข้างหน้าด้วยนะครับ” พิธีกรเอ่ยแซวพี่สาวตัวเองที่ดูท่าจะอาการหนักจากโรคหัวใจวาย
อีกสามลำดับที่ผ่านเข้ารอบเป็นลูกค้าทั้งหมด เนื่องจากสมาชิกเกย์สเกลคนอื่นๆ เล่นแต่งตัวตามใจชอบ โดยไม่อิงกับดาวหรือทะเลแม้แต่น้อย อย่างเช่นพี่เป็ดกับน้องจี ที่อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นคู่แฝดบันนี่ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่พี่เป็ดบอกกับทุกคน

“กูอยากเห็นน้องจีใส่หูกระต่าย จบป่ะ”

ส่วนน้องปันมาในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงเลที่เหมือนมาเข้าค่ายรับน้องมากกว่า ด้านพี่เก็ตยังคงความไม่แย่แสโลก ด้วยเสื้อยืดลายหูฟังอันเบ้ง กางเกงยีนส์ ในขณะที่พี่พุดกับพี่ชิขอบายตั้งแต่ต้น เพราะขี้เกียจหาพร็อพให้วุ่นวาย

“เดี๋ยวเราจะให้ทุกท่านที่ไม่ใช่ผู้เข้ารอบ ร่วมกันลงคะแนนลับๆ แล้วมาประกาศผลให้ช่วงท้ายงานนะครับ ส่วนในตอนนี้ ถึงเวลาของความสนุกสนานแล้ว ใครอยากร้องเพลงอะไร มากระซิบกันแบนด์บนเวทีได้เลยนะครับ”

ครั้งนี้พี่เอสขอไม่ ‘เปิดไมค์’ เหมือนทุกที เพราะรู้สึกเจ็บคอและตัวเริ่มรุมๆ อาจเพราะตากแดดโดนน้ำมาทั้งวัน จึงปล่อยให้ลูกน้องและลูกค้าเต็มที่กันไปแทน ส่วนตัวเองหลบฉากมาซัดยาพาราเงียบๆ คนเดียว

   “เดี๋ยวนี้กินยาได้แล้วเหรอ” พี่ปืนแซวคนที่หย่อนเม็ดยาลงคอแล้วซดน้ำตามอักๆ

   พี่เอสกลืนน้ำจนหมดแก้วแล้วจึงหันไปมองอีกคนตาขวาง “จะสี่สิบแล้วป่ะ กินยาไม่ได้คงตายไปนานแล้ว”

   “หูย... พี่น้องคู่นี้นี่ยังไง สลับกันโหดใส่ผมอยู่เรื่อย” คนโดนตอกกลับบ่นอุบ ก่อนจะถามถึงอาการของคนป่วย “แล้วเป็นอะไร กินยาไรไป...ไหนดูซิ”

   ไม่ทันจะได้ยื่นซองยาให้ อีกคนก็คว้าเอาตัวของคนป่วยเข้ามาใกล้ แล้วแตะเบาๆ ที่หน้าผากเพื่อวัดไข้เหมือนทุกที

   “นี่...” พี่เอสส่งเสียงเย็นๆ กับคนที่เหมือนจะทำเกินกว่าเหตุไปนิด

   “ว่า?”

   “บอกเลยนะว่า ไม่มีถ่านไฟเก่า ส่วนทางต่อไปไม่เลี้ยวซ้ายก็เลี้ยวขวา ห้ามยูเทิร์น!”

   พี่ปืนได้แต่ขำกับคำสั่งเด็ดขาดจนหน้าดำหน้าแดง ก่อนรับปากหนักแน่นว่าไม่ได้คิดอะไร และจะไม่คิดอะไรอีกแล้ว

“แต่ถามอะไรอย่างสิ” พี่ปืนปล่อยมือ แล้วกระซิบเสียงเบา

   “ว่า?”

   “เห็นว่าเกือบแต่งงาน แล้วทำไมไม่แต่ง หืม?”

   “อ๋อ ไม่มีอะไรมากหรอก” พี่เอสเล่าเสียงราบเรียบ “แค่ผู้หญิงเค้ารู้ว่าผมเคยคบผู้ชาย แล้วก็รับไม่ได้น่ะ”

   พี่ปืนยืนนิ่ง เมื่อรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง ส่วนพี่เอสยิ้มขำแล้วตบบ่าคนฟังเบาๆ “ช่างมันเหอะ เป็นโสดดีกว่าเยอะ ...ไปๆ เข้างานกัน”

   สองหนุ่มมาถึงหน้าเวทีอีกครั้งในตอนที่สมาชิกออกสเต็ปกันจนลืมอายุไปแล้ว โดยเฉพาะพี่เอ้ที่กำลัง ‘เตี้ยลงๆ’ อยู่กลางฟลอร์ พี่เอสถึงกับบ่นว่าอุตส่าห์รีเควสเป็นวงอะคูสติกอย่างเดียว ทำไมรีสอร์ทถึงใจดีแถมดีเจเปิดแผ่นให้อีก (วะ)

   “พี่ปืน พี่เอสสสสส” เจ้าของเสียงที่ตะโกนแข่งกับจังหวะตื๊ดๆ คือน้องจี ซึ่งยังคงประดับหูกระต่ายไม่มีหลุด

   “เด็กคุณเรียกพวกเราทำไมอ่ะ” คนถูกเรียกหันไปถามบอสใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆ

   “ไม่ใช่เด็กผม เด็กเจ้าเป็ด!” พี่เอสรีบแก้คำพูดให้ถูกต้อง “แล้วจะรู้มั้ยล่ะ ก็เข้าไปสิ”

   พี่ปืนลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ลากให้เพื่อนสนิทเข้าไปด้วยกัน พอน้องจีเห็นปุ๊บก็กระโดดโหยงๆ ดีใจใหญ่

   “พี่ปืนกับพี่เอสมาแล้วๆๆ” มือขาวคว้าแขนของพี่ใหญ่ทั้งสองคนให้มายืนกลางวงก่อนอธิบาย “มาถ่ายรูปรวมกันหน่อยฮะ”

   รูปรวมที่ว่าไม่ใช่การยืนเรียงแถวหน้ากระดานแต่เป็นการที่ทุกคนถือแก้วแล้วเฮกันอยู่ในวง เพื่อให้เมตตาใช้เลนส์ฟิชอายเก็บภาพความสนุกสนานไว้ครบในแชะเดียว จากนั้นก็เป็นมหกรรมโพสต์ท่า ที่ทุกคนพยายามจะสรรหาแอคชั่นและโพสิชั่นมาพรีเซนต์ตัวเองอย่างเต็มที่

   “เอ้าๆ พี่เก็ตกับปันมาถ่ายคู่กันหน่อยสิ” ตากล้องร้องเรียกสองกราฟิกที่เอาแต่ยืนมองคนอื่นแล้วหัวเราะ น้องปันทำหน้าเหรอหราแต่ก็ยอมขยับมายืนหน้ากล้อง ในขณะที่อีกคนยังลังเล

   “เร็วๆ ดิ่พี่ เร๊วววว” เด็กตัวโย่งกวักมือเรียกพี่ชายที่ยืนนิ่ง จนสุดท้ายต้องไปคว้าแขนแล้วลากให้มาถ่ายรูปด้วยกัน

   “ยิ้มหน่อยๆ” เมตตาตะโกนแข่งกับเสียงเพลง พอได้ภาพสมใจแล้วก็เดินไปหาเหยื่อคนต่อไป

   “ไอ้สิปป์!” ตากล้องสุดเซอร์คว้าคอเสื้อเพื่อนรักที่กลายมาเป็นคนรักไว้แน่น “มาถ่ายรูปกัน”

   สิปป์ศิลป์ที่กำลังมึนๆ เบลอๆ พยักหน้าแล้วยิ้มตาหยีรอท่า พอเห็นคนถือกล้องยังหาคนถ่ายให้ไม่ได้เลยหยิบมือถือตัวเองมาเปิดกล้องหน้าถ่ายไปพลางๆ

   “หนึ่ง สอง” แชะ!

   ถ่ายเสร็จเจ้าของโทรศัพท์ก็อัพภาพคู่ขึ้นอินสตาแกรม แถมยังแชร์ลงเฟซบุ๊กเรียบร้อย พร้อมคำบรรยายที่ทำเอาเพื่อนในลิสต์ถึงกับต้องขยี้ตาหลายรอบเมื่อได้เห็น

   “เฮ้ยๆ อัพลงเฟซเลยเหรอ” เมตตาเห็นหน้าจอมือถือแว๊บๆ เลยต้องร้องถาม ซึ่งอีกคนก็เอาแต่หัวเราะคิกคักแล้วบอกว่า ‘อือ’

   ‘ที่รักคร๊าบบบ’ คือแคปชั่นใต้ภาพทำเอาเมตตาต้องร้อง ‘ฮะ!!’ เสียงดังลั่น ตกลงว่ามึงเมาจริงใช่มั้ยไอ้สิ๊ปปป์

   เสียงเพลงสุดตื๊ดค่อยๆ เฟดเบาลง พร้อมๆ กับการปรากฏตัวบนเวทีของพี่เอส พิธีกรกิติมศักดิ์กล่าวทักทายผู้ร่วมงานแล้วขอโทษขอโพยที่มาขัดจังหวะความสนุก ก่อนจะบอกว่าถึงเวลาประกาศผลการประกวดการแต่งกายตามธีมแล้ว

   “...และผู้ที่ได้รับรางวัล การแต่งกายดีเด่นในค่ำคืนนี้ได้แก่...”

   เสียงกลุ่มคนด้านล่างตะโกนกันโหวกเหวกโวยวายเต็มกำลัง โดยเฉพาะบก.เอ้ที่เป็นหัวคะแนนสำคัญของลูกรักทั้งสอง ซึ่งพยายามล็อบบี้ให้ทุกคนโหวตสิปป์กับเมตด้วย

   “ได้แก่....คุณเจี๊ยบครับ!!” เสียงปรบมือโห่ร้องแสดงความยินดี พร้อมเจ้าของรางวัลที่เดินเซแซ่ดๆ ขึ้นเวที เจ้าตัวเป็นกะเทยโฉมงามที่บางทีถ้าหลุดๆ ก็จะแมนขึ้นมาโดยไม่คาดคิด แต่คืนนี้เธอจัดเต็มในชุดลิตเติ้ลเมอร์เมด ดูมาแรงแซงโค้งทุกคนแบบไม่เห็นฝุ่น

   “ขอแสดงความยินดีกับนางเงือกน้อยของเราด้วยนะคร๊าบบบ” พี่เอสประกาศพร้อมมอบรางวัลตามสัญญา พอเสร็จสิ้นพิธีการ พี่เอ้เลยขึ้นไปแย่งไมค์จากน้องชายบ้าง

   “ฮาโหลๆ... เอ้มีรางวัลพิเศษอีกหนึ่งรางวัล ที่อยากมอบให้ผู้ที่ชนะใจเอ้ค่า” พูดจบก็ควักแบงค์พันสองใบออกมาแล้วโบกหยอยๆ “ขอเชิญน้องสิปป์และน้องเมตขึ้นมารับรางวัลค่า!!”

   เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองคนขึ้นไปบนเวทีแบบงงๆ ซึ่งบก.ตัวป่วนก็ยืนยิ้มหวานรออยู่แล้ว

   “สำหรับเงินก้อนนี้ ก็ถือว่าพี่ให้เป็นทุนสำหรับค่าสินสอดของทั้งคู่นะ ขอให้รักกันจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร มีเรื่องมาให้พี่ได้ฟินบ่อยๆ โอเคร๊”

   “จูบเลย จูบเลย จูบเลย!” ต้นเสียงคือพี่เป็ดที่ตะโกนนำ ทำเอาลูกค้าสนุกสนานร่วมตะโกนด้วย จนคนได้รับรางวัลอายม้วน รีบกล่าวขอบคุณพี่เอ้แล้ววิ่งลงจากเวที ไม่บ้าจี้ทำตามเสียงยุดังกล่าว

   “รอแต่งจริงแล้วเดี๋ยวจะจูบโชว์นะครับ!!”

   “ฮิ้วววววววว”

   เสียงตะโกนแหวกเสียงเชียร์นั้นไม่ใช่ของใครที่ไหน แต่เป็นของ...สิปป์ศิลป์!! ผู้ที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตอบรับเสียงโห่ฮิ้วจากผู้ชม ในขณะที่เมตตาถึงกับกุมขมับ เพราะรับมือไม่ทันกับอาการเมาแล้วกล้าของแฟนตัวเอง

...พี่เมตเครียดครับ พูดเลย!
   

…………. Gayscale Magazine………….


   วันสุดท้ายของทริปเอาท์ติ้งมาถึง พี่พุดจัดการเช็กเอาท์ให้กับสมาชิกในทีมพร้อมทั้งลูกค้าทุกห้อง เพราะนอกจากจะเป็นคนรับหน้าที่นี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว พี่พุดยังเป็นคนเดียวที่มีชีวิตปกติ ไม่เข้าขั้นเสียจริตเหมือนสมาชิกที่เหลือ โดยเฉพาะสิปป์ศิลป์ที่เผลอตัวกินเหล้าเยอะไปหน่อย กรรมที่ตามมาเลยได้มาโก่งคออาเจียนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง

   “โอเคนะ ไม่มีใครลืมอะไรใช่มั้ย” เสียงแหบแห้งของพี่เอสเอ่ยถามคนบนรถ ซึ่งนั่งคอพับกันอย่างหมดสภาพ

   “รถคันลูกค้าโอเคแล้วนะ ทางนั้นบอกว่าแยกกันเลยก็ได้” พี่เอ้เดินมาบอกกับน้องชาย หลังไปดูแลให้ทุกคนขึ้นรถโดยสวัสดิภาพ

   “ดีเหมือนกัน เพราะไม่รู้ไอ้คันเราจะงอแงไม่ยอมแวะเที่ยวหรือเปล่า งั้นเดี๋ยวผมไปลาลูกค้าก่อนนะ”

   พี่เอ้ขึ้นนั่งบนรถตู้ ก่อนจะหันไปเช็กความเรียบร้อยของผู้โดยสารอีกครั้ง ภาพที่เห็นคือตากล้องกำลังถือยาดมจ่อจมูกนักเขียน พี่เป็ดกำลังเอาหมอนรองคอให้น้องจี ส่วนคนอื่นๆ ก็นอนหลับตาหน้าแฮงค์กันทั่วทุกคน

   พอทุกอย่างเรียบร้อย ทีมเกย์สเกลก็ได้บอกลา Dream Catcher กันตอนเที่ยงพอดีเป๊ะ รถตู้แล่นออกมาทางเดิม ซึ่งพี่เอสถามย้ำกับเด็กๆ หลายรอบว่าจะแวะเที่ยวหรือซื้อของฝากกันหรือเปล่า หากทั้งหมดโบกมือและเอ่ยคำว่า ‘ม่ายยยย’ กันอย่างพร้อมเพรียง

   “ยังไงก็แวะหน่อยแล้วกัน แม่บ่นอยากกินข้าวหลามหนองมน ไม่ซื้อให้เดี๋ยวมีงอน” พี่เอ้กล่าวสรุป

   “เดี๋ยวก็ไขมันเกินอีกหรอก” ลูกชายคนเล็กบ่นสำทับ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “เออคุณ เดี๋ยวเลยไปหาแม่หน่อยมั้ย กลับไปถึงน่าจะยังไม่เย็นมาก”

   พี่ปืนเหลือบมองพี่เอ้เหมือนกล้าๆ กลัวๆ จนคนถูกมองพูดขึ้นบ้าง “ก็...ก็ไปสิ”

   เพียงเท่านั้น สองหนุ่มที่เหลือก็แอบอมยิ้มแบบรู้กัน

   “ยิ้มอะไรกัน!” บก.เอ่ยเสียงดุ “งั้นค่าข้าวหลามเอาไปหารกันสองคนเลยนะ!”

   พี่ปืนวางแผนจะซื้อข้าวหลามไปสักร้อยกระบอก เป็นการขอบคุณข้าวหลามหนองมนที่ทำให้ได้ความเป็นเพื่อนกลับคืนมา

   และครั้งนี้เขาสัญญา ว่าจะไม่ทำลายมันลงอีกแล้ว...


TBC.


อะไรคือมาลงสองตอนรวด!!
แฮ่ๆ พอดีสองตอนนี้ต้องเขียนต่อกันค่ะ
พอเขียนเสร็จแล้วเลยคิดว่าเอามาลงเลยดีกว่า ไม่รู้จะกั๊กไว้ทำไม

อย่างที่เคยบอกว่าเรื่องราวของรุ่นใหญ่นี่เหมือนคอลัมน์สัมภาษณ์นะ
เนื้อหาจะเยอะ จะดราม่า จะนู่นนี่มากกว่าเด็กๆ
ตอนเริ่มเขียนเรื่องนี้ เราตั้งใจอยากให้ทุกคนในกองมีบทบาท มีสตอรี่ของตัวเอง
แต่ละคนมากบ้าง น้อยมาก คละเคล้ากันไป

จริงๆ เรื่องของพี่เอ้ พี่เอส พี่ปืน ลังเลอยู่นานว่าจะเขียนหรือไม่เขียน
บางคนอาจชอบให้พี่เอ้อยู่เหนือเรื่องราวต่างๆ เป็นเจ้าแม่ตัวชงสวยๆ ต่อไป
แต่เราเองคิดว่า คนอย่างที่เอ้นี่เราอยากรู้จักนะ
คนที่เหมือนจะเฮฮา เป็นที่พึ่งของคนอื่น เราอยากรู้ว่า ชีวิตจริง ตัวตนจริงๆ เค้าจะเป็นแบบนั้นมั้ย
(อ้างอิงจากบก.เก่าของตัวเองเลย ชีวิตดราม่าพอๆ กะพี่เอ้ 5555555555)

อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไง แนะนำกันได้นะคะ

ปล. เรื่องนี้อีกไม่กี่ตอนก็คงจะจบแล้วค่ะ แอบใจหายเนอะ
(คนอ่านบอก ใจหายไรป้า ดองนานเกิ๊น)

เจอกันตอนต่อไปจ้า :D




ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

ไม่เจอกันนาน...คิดถึงจุงเบยยยยย~

แต่มาสองตอนคือดีงามค่ะ  :กอด1:

อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้ว  o22

ขอเมต-สิปป์ กับ เป็ด-จี แบบเต็มๆหน่อยฮะ

ปูลิง...   รอรวมเล่มและเป็นกำลังใจให้คับ

ปูลิงสอง....  ขอตอนพิเศษเท้่าเนื้อเรื่องหลัก //แอร่กกก  :z6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
โอ้ย ดีใจหลายสองตอนรวดอย่างจุใจเลยทีเดียว

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
ดีใจที่เอ้ไม่กลับไปคบกับปืนอีก คนโลเลเห็นแก่ตัวแบบปืนอยู่คนเดียวนั่นแหละดีแล้ว
ดีแค่ไหนที่เอ้กับเอสยอมเป็นเพื่อนด้วย นับถือน้ำใจพี่เอ้มาก
ขนาดโดนหักหลังแบบนี้ยังไม่เกลียดเกย์เหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ
ซ้ำยังผันตัวมาเป็นสาววายน่ารักๆอีก หาคู่ให้พี่เอ้แกหน่อยสิ
เอาดีๆไม่โลเลเหมือนปืนนะให้มันเสียดายเล่นๆ ฝาก  :z6: ปืนมันด้วย  :katai1:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
เอส-ปืน-เอ้ คนที่เลวสุดก็คือปืนนั่นแหล่ะ

โลเลไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาด สมควรแล้วที่สุดท้ายไม่เหลือใคร

ฮา สิปมากเลย เมาแล้วกล้าสุดๆ เมตควรจับกลอกบ่อยๆ :laugh:

ออฟไลน์ Shin Heeyoo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
มันเป็นไปได้เหรอที่จะรักคนสองคน(แบบคนรัก)พร้อมกัน เหมือนกัน เท่ากัน แถมยังคนละเพศซะอีก
สงสารทั้งสามคนนะ แต่เหนือจากความสงสารคือสงสัย ว่าระหว่างพี่ปืนกับพี่เอสนี่ ใคร bottom ใคร top ฮ่าๆๆๆๆๆ :z1:


คิดถึงสิปป์ศิลป์กับเมตตา มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เอา ก ทั้งโลกมาใช้ได้เลย)
ไม่อยากให้เรื่องนี้จบเลย ยังอยากให้เมตสิปป์มุ้งมิ้งอีกเยอะๆ
ชอบใจสิปป์มาก เมตอย่าเครียดเลย สิปป์ออกจะน่ารักเวลาเมา ฮิฮิ

ยังไงไอ้ไม่กี่ตอนที่ว่านี่ ขอตอนที่เมตยอมสิปป์หน่อยนะคะ
ยังไม่ลืมนะว่าเมตรับปากสิปป์ไว้  :oo1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เย้ มาสองตอนรวด !!
เอาจริงๆ เรายังแอบรู้ว่าเรื่องราวของรุ่นใหญ่เหมือนหนามที่ยังอยุ่ในใจ
เราอินไป 55555

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
สองตอนรวด
ดีใจที่ทั้งสามคนลงเอยแบบนี้นะคะ
เป็นเพื่อนกันแหละเน๊อะดีที่สุดแล้ว
เป็นกำลังให้คนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เรื่องของรุ่นใหญ่ ก็ชวนอึดอัดใจไม่น้อย ทำไงได้ใจมันรักทั้งสองเท่ากัน ถึงสุดท้ายจะอดทั้งหมดก็ตาม
เวลาผ่านไป ทุกคนก็โตเป็นผู้ใหญ่ บาดแผลก็ลางเลือน
ได้กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม นี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

คู่ตากล้อง นักเขียน แอบหวานไม่เบานะ

ออฟไลน์ done_dirt_cheap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด