มาต่อแล้วๆ จริงๆจะอัพลงวันที่ 21 แต่กังวลใจกลัวคนอ่านจะรอ เลยกลั้นใจแต่งนิยายมาให้คนอ่านหายคิดถึง เพราะจริงๆแล้วคนแต่งเองก็อดคิดถึงไม่ได้555
ตอนที่ 4
เหตุการณ์ที่แสนเลวร้ายสำหรับผมได้ผ่านไปด้วยความช่วยเหลือจากลุงวูพ่อบ้านอีกครั้ง เย็นวันนั้นพ่อผมไม่กลับบ้านตั้งแต่ออกไปทำธุระ พี่เลียงเลยเป็นคนพาผมมาพักผ่อนที่ห้องคนใช้ ผมตื่นขึ้นกับเช้าวันใหม่ที่แสนสดชื่น วันนี้เป็นวันเสาร์พี่ชีวินก็ไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยและเขานอนอยู่บนห้องชั้นสอง สำหรับต้นไม้ที่สวนหย่อมพวกนี้วันนี้ผมจะเป็นผู้ดูแลเองแล้วสินะ เพราะคนที่นี่ก็อย่างที่รู้ๆกันนะครับทำเป็นแต่ใช้กำลัง ส่วนงานบ้านงานเรือนก็เป็นหน้าที่แม่บ้านซึ่งก็แก่มากแล้ว ผมเลยต้องอาสาช่วยตั้งแต่เช้า จะว่าไปไม่รู้ว่าตอนนี้ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้างนะ แม่จะต้องถามพี่เจมส์แน่ๆ แต่เราบอกให้พี่เจมส์พูดไปตามตรงเลยนี่หน่าแล้วจะกลัวอะไรอีกหละเนเอ้ย ตอนนี้เราอยู่บนหลังเสือแล้วนะจะลงไปไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าเสือยังคงน่ากลัวและโหดร้ายอยู่อย่างนี้
“อ้าวๆ นี่จะรถน้ำต้นไม้ทั้งที แล้วรดยังไงไม่โดนต้นไม้ น้องเน!”
เสียงหนึ่งเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาผมกำลังคิดอะไรเพลินๆตกใจหมดเลย ผมหันกลับไปมองก็เจอตัวแล้ว ว่าแล้วเชียวนึกว่าใครที่ไหน
“พี่เลียง! สวัสดีตอนเช้าครับ”ผมทักพี่เขาพร้อมยิ้มให้ คนอะไรหล่อได้อีกนะเวลายิ้มอ่ะ
“อืม เหมือนกัน ว่าแต่เหม่ออะไรถึงขนาดรดน้ำไม่โดนต้นไม้ขนาดนั้น”
“อ้อ ไม่มีอะไรครับ ต่อไปจะพยายามมีสติกว่านี้ครับ”
“ฮ่าๆๆ นี่ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น พี่เป็นลูกน้องเสี่ยเหมือนๆกับน้องเนนั้นแหละ ทำอย่างกับพี่เป็นลุงพ่อบ้านไปได้” ลูกน้องเสี่ยเหมือนๆกัน
งั้นหรอ ใช่ตอนนี้ใช่แน่นอนพี่เขาพูดถูก
“ไม่รู้หนิครับ ผมก็ต้องเกร็งไว้ก่อนสิ คนบ้านนี้ใจดีกันซะที่ไหน”
“ดูพูดเข้า ไปกินข้าวด้วยกันไหม ไอ้หยวนน่าจะทำกับข้าวเสร็จแล้ว”
“หยวน!” ผมพูดทวนอีกรอบ เพราะผมยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยนะ
“อ้อ ไอ้หยวนเพื่อนพี่เอง นอกจากมันจะยิงปืนแม่น บู๊เก่งแล้วเนี่ย หนุ่มหล่อๆอย่างมันยังทำอาหารเป็นด้วยนะจะบอกให้”
“ว้าว บ้านหลังนี้นี่พิลึกจริงๆ แม้แต่คนทำอาหารยังเป็นผู้ชายเลยนะเนี่ย สงสัยเนื้อคู่นี่คงจะจับคู่กันซะเองหละมั้ง จะได้ครบสเต็ป”
“แล้วน้องเนสนใจรึเปล่าหละ”
“อะไรนะ จะให้ผมสนใจเรื่องอะไร”
“อ้าวก็ประโยคสุดท้ายเมื่อกี้ไง”
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ผมลืมมันไปแล้ว ว่าแต่ชวนไปทานข้าวไม่ใช่หรอ ปะ ผมตอนนี้หิวจะแย่อยู่แล้ว”
ผมพูดเบี่ยงเบนแล้วเดินไปปิดก๊อกน้ำ แต่ก็อดขำไม่ได้กับหน้าตาพี่เลียงที่พูดหยอกผม แล้วค่อยเดินมาหาพี่เลียงหนุ่มหล่อคม
เข้มที่ยิ้มให้อยู่ก่อนแล้ว ความรู้สึกตอนนี้เขานี่แหละกำลังทำให้ผมคิดว่าเขาคือพี่เจมส์คนที่สอง เพราะอยู่ใกล้แล้วดูอบอุ่นดีและพี่เขา
ก้เข้ามาช่วยผมไม่รู้กี่ครั้งแล้ว รู้สึกเกรงใจอยู่ลึกๆนะเนี่ย
“อาหารมื้อเช้าแบบนี้จะเป็นอะไรนะ อยากรู้จัง”
“ไม่บอก พี่ว่าเดี๋ยวพาน้องเนไปแล้วจะรู้เองหละน่า”
เดินยังไม่ถึงประตูทางเข้าห้องครัวเลย ก็มีชายหนุ่มใส่ชุดแบบเดียวกับพี่เลียงมายืนขวางไว้สองคน และนั่นก็เป็นอันคุ้นหน้า
คุ้นตาดี
“นายซุน นายเซ้ง” ผมอุทานขึ้นมา
“แหม ดีใจจังที่จำชื่อกันได้ด้วย ฮ่าๆๆ” สาบานได้ผมเกลียดน้ำเสียงของไอ้พวกสองคนนี้ที่สุด
“ซุน เซ้ง อั้วขอหละ อย่าเพิ่งมากวนน้องเนแต่เช้าเลยนะ นี่ก็กำลังจะไปกินข้าวเช้ากัน”
“ลื้อจะไปกินข้าวก็ไปดิ แต่ไอ้เด็กนี่ยังไปไม่ได้” นายเซ้งพูดขึ้นมา แล้วนี่จะทำอะไรผมอีกหละทีนี้
“ถอยไปอาเลียง ถ้าลื้อไม่อยากตกงาน นายใหญ่บอกมาว่าให้พาเด็กนี่ไปพบที่…….”
นายซุนหยุดพูด แล้วหันมาทางหน้าผมก่อนจะเผยยิ้มที่น่าสยองที่สุดออกมา
“ห้องนอนของนายใหญ่ ให้เร็วที่สุด”
“แต่ว่า……..” พี่เลียงสีหน้าตอนนี้ผมดูก็รู้ว่ากำลังกังวล
“ไม่เป็นไรครับพี่เลียง ผมจะรีบไปแล้วจะรีบกลับมาทานข้าวด้วยนะครับ”
“พี่ขอโทษนะน้องเน แต่คำสั่งนายใหญ่ก็เหมือนคำสั่งเสี่ย พี่ขัดไม่ได้ แต่ไม่ต้องกลัวนะนายใหญ่คงไม่ทำอะไรหรอก”
“ขอบคุณครับผมเชื่อพี่เลียงเสมอ ”
จะว่าไปแล้วจะไม่ให้ผมกลัวนายใหญ่ของพวกพี่ๆได้ยังไง ก็ในเมื่อวานเขาดูน่ากลัว ก้าวร้าว ขนาดนั้น
“ไปได้แล้ว สั่งเสียอยู่ได้”นายเซ้งพูดขึ้นมา เป็นประโยคที่ฟังแล้วลื่นหูผมเหลือเกินนะ ผมเบื่อมากแล้ว
“ผมยังไม่ได้ตายซักหน่อย” ผมหันไปตอบชายหนุ่มสองคนนี้เบาๆ
“โหไอ้เด็กนี้ อยากเจอของหนักกระแทกปากรึไงวะ”นายเซ้งพูดขึ้น คนบ้าอะไรนิดๆหน่อยๆก็โมโห พอๆกันเลยทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง
เลย
“เดินขึ้นไปได้แล้ว ชั้นสอง”
ผมถูกพาเดินไปบนชั้นสอง แต่ก็ต้องเดินซิกแซกไปมา เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอยู่สักพักก็เดินมาหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่ง ประตูห้องถูกปิด
สนิท แล้วนายซุนกับนายเซ้งก็เดินไปเคาะห้องพูดอะไรซักอย่างก่อนจะเดินมาหาผม
“นายรออยู่ เข้าไปได้แล้ว”
ผมเดินเข้าไปเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไปตามที่นายซุนนั่นบอกมา ภายในห้องที่ผมเดินเข้าไปสิ่งแรกที่ผมเห็นก็คือห้องรับแขก
ขนาดเล็กแล้วมีมู่ลี่รูปมังกรปิดประตูไว้อยู่ทางด้านซ้ายมือ ผมเดินพลางเอามือไปเปิดมู่ลี่นั่นออกก็พบกับชั้นวางหนังสือสามสี่ตู้ใหญ่ๆ
อยู่ทางด้านขวามือ มองๆไปรอบๆห้องแล้วห้องพี่ชีวินนี่จะตกแต่งสีออกแนวอ่อนๆ ซึ่งแน่นอนมันช่างตัดกันกับอารมณ์ของพี่ชีวินมาก
เหลือเกิน
“จะยืนดูอีกนานมั้ย!” เสียงนึงดังออกมาจากด้านหลังของมู่ลี่ที่อยู่ตรงหน้าผม ผมรีบเดินเข้าไปหาพี่เขาในห้อง พอเปิดมู่ลี่นั่นออกก็พบ
ว่าพี่เขานั่งมองผมจากเตียงนอนอยู่ก่อนแล้ว
“เอ่อ คุณ ไม่สิ คุณวินมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
พี่ชีวินทำหน้าเย็นชาก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินมาหาผม ก่อนจะเอาโทรศัพท์มีราคาแพงยื่นมาใส่ไว้ที่มือผม แต่อาจจะ
มองว่ายัดใส่มือผมเลยก็ได้
“ออกไปได้แล้ว!”
นี่เป็นคำพูดแรกตั้งแต่พบกันมา มีครั้งนี้แหละที่พี่วินพูดนิ่งๆไม่ตะโกนเหมือนกับเมื่อวานที่เจอกันครั้งแรก
“นี่มันอะไรกันครับคุณวิน ผมรับไว้ไม่ได้หรอก”
“ก็บอกว่าให้ออกไปไง! ได้ยินชัดรึยัง ”น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะหนักแน่นขึ้นมันทำให้ผมรู้แล้วว่ากำลังจะเจอกับสิ่งที่เกิดเหมือนเมื่อวาน
แต่ถึงยังไงก็ช่างผมจะไม่เอาโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นอันขาด
“ขอโทษนะครับผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ ที่มีอยู่นี้ก็ใช้งานได้อยู่”
“หึ สรุปง่ายๆก็คือ มึงไม่เอาใช่ไหม ”
ผมยังไม่ทันได้ตอบพี่ชีวินเลย พี่เขาเอามือดึงโทรศัพท์ราคาแพงที่ยื่นให้เมื่อกี้ออกจากมือผมอย่างเร็วก่อนจะเขวี่ยงมันไปที่ผนัง
ห้องอย่างแรง ผมเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแต่พูดไม่ออก นี่เขาทำอะไร เล่นปาของรึไง
“เพล้ง!”
โทรศัพท์เครื่องนั้นพังแล้วหรอ นี่เขาเห็นมันเป็นเครื่องเล่นระบายอารมณ์หรอ
“ในเมื่อฉันซื้อมาได้ด้วยเงินของฉัน ฉันก็ต้องทำลายมันได้เหมือนกัน อ้อแล้วก็ไอ้เครื่องนี้ที่แกบอกว่ายังใช้งานได้อยู่เนี่ยขอเอา
มาทดสอบหน่อยสิ ว่ายังใช้ได้จริงรึเปล่า ”
“ไม่นะครับนาย อย่าทำอย่างนี้ นี่เป็นของๆผมนะ ” ผมร้องขอให้เขาเลิกรา แต่ก็ไม่เป็นผลพี่เขาเดินเข้าพร้อมค้นตัวผมจนเจอโทรศัพท์
แล้วปามันไปที่ผนังอย่างไม่ลังเล
“เพล้ง!”
ผมพูดอะไรไม่ออกมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป ทำไมถึงได้ดูเยือกเย็นผิดมนุษย์อย่างนี้หละ รึว่าเขาเป็นมาเฟีย แล้วมาเฟียจำเป็นต้อง
โหดเยือกเย็นแบบนี้ด้วยหรือไง ไม่นานเท่าไหร่พี่วินก็เดินพุ่งเข้ามาเอามือดึงผมที่หัว ผมไว้อย่างแรง ก่อนจะลากผมไปตามแนวแรงที่
ดึงผมผมไว้
“โอ้ย คุณวินผมเจ็บครับ ปล่อยผมเถอะนะครับ ผมเจ็บหัวครับ เจ็บจริงๆนะครับ ผมไหว้หละ ผมกลัวแล้ว”
“แกรู้อะไรไหม ฉันเบื่อที่ต้องมาเห็นคนสกปรกๆแบบแก มาทำตัวดูดีมีค่า ทำเป็นเล่นตัว ไม่รับเอาสิ่งของที่ฉันจะให้ แกคิดว่าแกเป็น
ใคร อ้อ แต่แกมันน่ายกย่องชื่นชมจากฉันตรงไหนแกรู้ไหม….”
น้ำตาผมไหลอีกแล้วตอนนี้เจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ มันบอกไม่ถูกรอฟังคำพูดสบดที่จะออกมาจากปากเขาต่อ
“ตรงที่แกมันกล้า หน้าด้าน ใจถึงที่จะขายตัวไง” ผมได้ยินคำพูดนี้เป็นครั้งที่สองแล้วจากปากพี่ชายต่างมารดาของตัวเอง แต่ทำไม
ครั้งนี้มันช่างทำร้ายจิตใจผมเหลือเกิน ผมสุดที่จะกล้ำกลืนฝืนทนอีกต่อไป หยดน้ำของคนที่พ่ายแพ้ อ่อนแอ ของผมมันก็ไหลออกมา
มากขึ้นมากขึ้น
“ปล่อยผม ฮือๆ ปล่อยผมนะ ปล่อย! ปล่อย! ผมบอกให้ปล่อยไง ฮือๆ”
“ได้ ฉันจะปล่อยแกก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะ ฉันเกลียดพวกวิปริตผิดเพศ อย่าง! แก! จำไว้”
สิ้นคำพูดผมก็รู้สึกว่าร่างผมเหมือนลอยอยู่ในอากาศสักพัก หลังถูกโยนเหวี่ยงออกมาจากเตียงด้วยแรงผิดมนุษย์ของเขา ก่อนร่าง
ผมจะกระทบกับพื้นห้องอย่างแรง
“อึก!” เสียงจุกของผมดังออกมาจากลำคอ ก่อนจะรีบพยุงตัวตัวเองออกไปจากห้องของเขาให้เร็วที่สุด โดยไม่ได้หันไปมองหน้าพี่ชาย
แม้แต่น้อย
ผมเดินลงบันไดด้วยสภาพที่ดูไม่ได้เลย ทรงผมยุ่งยับเยิน ร่างกายมันเจ็บไปหมดจากแรงกระแทกเมื่อกี้ พอเดินลงบันไดไปถึงขั้น
สุดท้าย ผมแทบจะคงสถาพตัวเองไม่ไหว ก่อนจะวูบไป ได้ยินแต่เสียงของพี่เลียงเรียกชื่อผม แล้ววิ่งเข้ามารับผมไว้ ก่อนที่ผมจะหมด
สติ
ไหนใครตอบได้มั่งว่า ประโยคเด็ดสุดๆของตอนนี้ที่ 4 นี้คือประโยคไหน ^^