♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣
บทที่ 28
I constantly feel like I’m at war with myself.
[Puen talks]
“นี่ๆ นายเห็นอาร์ตไหม อาร์ตไปไหน ป่านรอนานแล้วนะ”
“...”
“แล้วนายเป็นใคร อาร์ตไปไหน ฮือออ อาร์ต อย่าไป!!!”
“ใจเย็นพี่ป่าน!” ผมกอดพี่สาวตัวเองไว้แน่นแนบอก เสียงกรีดร้องอย่างทุกทรมานราวจะขาดใจ ใครที่ได้ยินเป็นต้องเบือนหน้าหนีเพราะเวทนาหญิงสาวที่ร้องไห้ปานจะสิ้นใจเพราะผิดหวังในความรัก
“ฮือออ อาร์ตกลับมาหาป่านเถอะนะ อย่าทิ้งป่านไว้คนเดียว ฮือ!”
บุรุษพยาบาลของโรงพยาบาลมาช่วยกันจับตัวพี่สาวผมไว้แล้วพากลับเข้าไปในห้องคนไข้ ผมได้แต่ยืนมองภาพพี่สาวของตัวเองกรี๊ดร้องเสียงดังอย่างไร้สติ
เพราะความรักบ้าๆนั่น ที่ทำให้พี่สาวผมต้องกลายเป็นคนบ้าแบบนี้
จะต้องทำยังไงผมถึงจะได้พี่สาวที่แสนดีคนเดิมกลับมา
“ช่วงนี้คุณป่านเธอคลุ้มคลั่งแบบนี้บ่อยมากครับ เราได้แต่ฉีดยานอนหลับให้เธอ ช่วงนี้คงต้องมัดเธอไว้กับเตียงก่อน เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเธอเอง” คุณหมอรักษาโรคประสาทบอกกับผม
“ครับ ขอบคุณคุณหมอมากครับ” ผมยกมือไหว้คุณหมอ ขนาดหมอยังทำอะไรไม่ได้ แล้วคนอย่างผมจะไปช่วยพี่สาวได้ยังไง
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษไอ้เหี้ยอาร์ต คนที่มาหลอกให้พี่สาวผมรักมันหัวปักหัวปรำ สุดท้ายมันก็ทิ้งพี่สาวผมอย่างไม่ใยดี
ที่โดนไปครั้งก่อนสงสัยมันจะยังไม่เข็ด คงอยากจะได้แดกตีนผมอีกรอบ ในเมื่อมันไม่คิดจะเลิกยุ่งกับพี่สาวผมทั้งๆที่พี่ป่านเจ็บปวดมากจนเป็นบ้าขนาดนี้ ผมจะให้มันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดไม่ต่างกัน!!!
“วานคุณหมอช่วยดูทีนะครับ ถ้าผู้ชายคนนั้นมาอีกช่วยกันเขาออกไปที”
“ได้ครับ หมอนะคอยดูให้”
“ขอบคุณครับ งั้นวันนี้ผมขอตัวก่อน”
ผมลาคุณหมอ ก่อนจะเดินไปที่หน้าห้องผู้ป่วย ห้องที่พี่สาวของผมนอนอยู่ สายตาผมมองผ่านกระจกบานเล็กที่ติดอยู่หน้าประตู ร่างบางนอนดิ้นทุรนทุรราย โวยวายไม่ยอมให้บุรุษพยายามจับมัดแขนขากับเตียง ใบหน้าสวยหวามเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากที่เคยพร่ำสอนผมตั้งแต่เด็กกรีดร้องสุดเสียงเหมือนจะระบายความอัดอั้นตันใจให้ใครต่อใครได้รับรู้ว่าเธอทรมานมากแค่ไหนกับสิ่งที่เป็นอยู่ ทำไมพี่สาวผมจะต้องมีชีวิตแบบนี้ด้วย
เพราะไอ้ชั่วนั่นคนเดียว ถ้าไม่มีมันทั้งคน พี่สาวผมก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้ ทั้งที่พี่สาวผมอาการดีขึ้นแล้วแท้ๆ แต่มันกลับมาหาเธอ ไม่ว่าจะหวังดีเพราะอยากมาเยี่ยมหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มันรู้บ้างไหมว่าทำให้อาการพี่ผมทรุดหนักขนาดนี้
ผมจะไปเลือดหัวมันออก!!!
ผมขับรถกลับบ้านอย่างหงุดหงิด เมื่ออาทิตย์ก่อนหมอบอกว่าพี่สาวผมสามารถกลับมาอยู่บ้านได้ แต่หลังจากนี้คงต้องอยู่รักษาที่โรงพยาบาลตามเดิม ยิ่งคิดผมก็ยิ่งแค้น ถ้าผมฆ่ามันได้ผมทำไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าจะทำให้ใครเสียใจ ผมจะไม่ลังเลที่จะฆ่าไอ้เศษสวะนั่นเลยสักนิด!
[Krrrr Krrrr]
ต้นหอม...
ผมมองชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ มือที่กำพวงมาลัยบีบแน่น ต้นหอมโทรมาหลายครั้งแล้ว แต่ผมไม่มีกระจิตกระใจจะรับเลยหลังจากที่พี่สาวผมอาการทรุดลง เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับต้นหอมเลยสักนิด ผมรู้ แต่ยิ่งเห็นเขาโทรมา ผมก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจมันถูกหรือเปล่า ที่ผมคบกับเขามันดีแล้วใช่ไหม
ผมถามตัวเองหลายต่อหลายครั้งว่าผมรู้สึกยังไงกับต้นหอม ผมชอบเขา ชอบที่จะมีเขาอยู่ข้างๆ ชอบที่ได้มองรอยยิ้มใสซื่อ หรือแม้แต่ตอนที่เขาทำหน้าตลกๆผมก็ชอบ จากที่เป็นคนไม่ค่อยยิ้ม ผมก็ยิ้มบ่อยมากเมื่ออยู่กับเขา ความรู้สึกที่อยากคอยปกป้อง คอยมองดูว่าเขาจะคิดอะไรทำอะไรในแต่ละวันมันยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที แบบนี้เรียกว่าผมรักเขาหรือเปล่า
แล้วถ้าผมรักต้นหอม...อะไรมันจะเกิดขึ้น ภายภาคหน้ามันจะมีอะไรเปลี่ยนไปไหม ถ้าเกิดวันหนึ่งที่เราต้องเลิกลากัน ใครกันที่จะเจ็บปวด
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดมันก็เงียบลง ผมได้แต่ถอนหายใจ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะคุยกับต้นหอม
“พี่เป็นไงบ้างลูก” แม่ที่ออกยืนรออยู่หน้าบ้านหลังจากได้ยินเสียงรถผมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เฮ้อ อาการไม่ดีเลยครับ วันนี้ก็เอาแต่เรียกหาไอ้อาร์ต อาละวาดไม่ฟังใคร” ผมเดินเข้าไปในบ้านพร้อมแม่ คนรับใช้เอาน้ำเย็นมาให้ ผมยกดื่มจนหมด แต่ความเย็นของน้ำก็ไม่ช่วยดับความร้อนในหัวใจได้เลยสักนิด
“เวรกรรมแท้ๆ” แม่ผมส่ายหน้า คนทั้งบ้านเป็นทุกข์กันไปหมดตั้งแต่พี่ป่านเป็นแบบนี้
“ถ้าพี่ป่านไม่รักไอ้อาร์ตมากเกินไป พี่คงไม่เป็นแบบนี้”
เพราะมีตัวอย่างให้เห็น ผมถึงได้ไม่อยากมีความรัก มีรักที่ไหนมีทุกข์ที่นั่น ผมไม่เคยเห็นใครมีรักแล้วไม่ทุกข์สักคน อยู่ที่ทุกข์มากหรือน้อยก็แค่นั้น ก็ถ้ามีแล้วทุกข์จะมีไปทำไม ผมไม่เข้าใจ
“มันห้ามกันไม่ได้หรอกลูกเรื่องความรักน่ะ เราจะไม่รู้ตัวหรอกว่าเราจะรักเขาหรือไม่ เพราะรู้อีกทีมันก็รักไปแล้ว” ผมทิ้งตัวลงนอนหนุนตักแม่ ปล่อยให้แม่ลูบหัวผมเบาๆ
“ไม่เห็นจะมีเหตุผลเลย”
ถ้าความรักสามารถทำลายชีวิตคนๆหนึ่งได้ มันก็ไม่สิ่งที่ดีที่ถูกต้องเลยแม้แต่น้อย
“มันไม่ใช่เรื่องของเหตุผลหรอกลูก มันคือความรัก”
“ผมไม่เข้าใจ”
“เมื่อไหรที่ปืนมีความรัก ปืนจะเข้าใจ”
แล้วระหว่างผมกับต้นหอม มันจะใช่ความรักไหม
“แม่ครับ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเรารักเขาล่ะ” ผมถามเหม่อ สมองเอาแต่คิดถึงใบหน้าเล็กหน้ารักของต้นหอม ริมฝีปากที่ผมชอบพรมจูบ แก้มใสๆที่ขั้นสีเวลาที่ผมกอดเขา หอมเขาหรือจูบเขา ถึงจะเขินอาย แต่เขาก็ไม่เคยห้ามปราบผมเลยสักครั้ง คิดถึงท่าทางออดอ้อนให้ผมตามใจ
เฮ้อออ! ผมคิดถึงต้นหอมมากขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย!
“ก็เมื่อไหร่ที่ลูกคอยคิดถึงแต่เขา เป็นห่วงเขา อยากอยู่ใกล้ๆเขา อยากให้เขารักและมองลูกคนเดียว คนที่ลูกคอยห่วงหา นั่นแหละคนที่ลูกรัก ความรักมันจำกัดความไม่ได้หรอกลูก แต่ถ้าลูกรู้สึกดีๆกับเขา ต้องรีบบอกให้เขารู้”
“แล้วมันจะไม่เป็นไรเหรอครับ”
“อะไรกัน มีความรักแล้วหรือไงเรา” แม่เสยผมที่ปรกตรงหน้าผากผมขึ้น ผมหลบสายตาแม่ ถ้าเป็นอย่างที่แม่บอก ผมก็คงรักต้นหอมไปตั้งนานแล้วแหละ
ไม่อยากจะยอมรับเลยวะ!
คนอย่างผมเนี่ยนะมีความรัก
=_=^
“ก็...คงงั้นมั้งครับ” ผมตอบอ้อมแอ้ม
“ไม่คงงั้นหรอกมั้ง ท่าจะรักมาสิท่า คนที่ไม่เคยคิดอะไรอย่างปืน กลับคิดมากเรื่องนี้ ไปแอบชอบใครมาหรือไง” พี่ผมถามพลางยิ้มล้อๆ ผมปั้นหน้าไม่ถูก แค่พูดไม่กี่คำแม่กลับเข้าใจอะไรได้มากขนาดนี้ เซนส์ผู้หญิงนี่แรงจริงๆครับ
“ผมไม่ได้แอบชอบใครหรอก เขาเป็นแฟนผม” ผมตอบไปตรงๆ มาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่ต้องมีอะไรปิดบัง
“หืม ไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกแม่มั้งเลย”
“ก็สักพักแล้วครับ ที่ไม่บอกเพราะผมยังไม่มั่นใจเท่าไหร่”
“หืม? คบกันแล้วแต่ยังไม่มั่นใจเนี่ยน่ะ”
“ครับ...ก็น้องเขามาจีบผมก่อน ผมก็เลยตกลงคบ ตอนนั้นยังไม่ได้รู้สึกชอบด้วยซ้ำ”
“ไม่จริงมั้ง คนอย่างลูกเนี่ย ถ้าไม่ชอบ ต่อให้ตามตื้อตามจีบแค่ไหนก็ไม่มีทางสนใจไม่ใช่เหรอไง”
“...” มันก็จริงครับ ผมถึงได้บอกไงว่าผมโคตรจะสับสน ต้นหอมทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่เรื่อย บางครั้งรู้สึกว่าเขาสามารถทำให้ผมเป็นไปในแบบที่เขาต้องการได้โดยไม่รู้ตัว
แม่งเหมือนโดนมนต์สะกดเลยวะ
ต้นหอมทำของใส่ผมหรือเปล่าวะเนี่ย!
“เฮ้ออ..” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลับตาหลง รู้สึกเหนื่อยๆยังไงไม่รู้
“แล้วตอนนี้ชอบน้องเขาบางหรือยังล่ะ”
“...” รักแล้วเลยครับ ไม่ใช่แค่ชอบหรอก -_-!
“อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้บอกชอบน้องน่ะ!” แม่ผมดุเสียงเขี้ยว
“...จำไม่ได้ว่าเคยบอกไปหรือยัง” ผมตอบความจริง แต่แม่คงรับไม่ได้ เลยตีผมซะแรงเลย
เพี๊ยะ!!!
“แม่! ผมเจ็บนะ!” ผมหยัดหัวขึ้นมาดูที่แขน รอยห้านิ้วขึ้นแดงเป็นปื้ดเลยครับ
“ระวังเถอะ เดี๋ยวน้องมันไปหาคนใหม่แล้วจะรู้สึก” แม่ชี้หน้าว่าผม เพราะผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน ไม่นับคนที่เคยควงหรือนอนด้วยนะ ผมไม่เคยมีแฟนเลย ต้นหอมนี่คนแรก
“เขาไปชอบใครหรอก เขาชอบผมคนเดียว” ผมไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย
“ก็ไม่แน่ ถ้าลูกไม่บอกรักเขาแล้วเขาจะรู้ไหม คนเรามีความอดทนจำกัด วันนี้เขาอาจจะทนได้ แต่ถ้าเขาทนไม่ได้ขึ้นมา ไปเจอคนที่พร้อมจะรักเขามากกว่า ถึงวันนั้นแล้วอย่ามาเสียใจทีหลัง แม่จะซ้ำให้” บางทีแม่ผมก็ฮาร์ดคอไป มิน่าถึงเอาพ่อผมอยู่ =_=
“การกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดนะแม่” ผมแย้งแม่อีกครั้ง ผมทำอะไรให้เขาตั้งหลายอย่าง ทั้งหวงทั้งห่วงขนาดนั้น เขาก็น่าจะรับรู้ได้บ้าง
“มันก็จริง แต่จะดีกว่าถ้าทำทั้งสองไม่ใช่หรือไง ถ้าเขาทิ้งแกไปอย่าร้องไห้กลับบ้านมาซบอกแม่นะ”
“ไม่มีทาง!” ผมสวนทันควัน แต่แอบหวั่นในใจไม่ได้ ถ้าเกิดต้นหอมเลิกรักผมขึ้นมา...
ไม่มีวัน!
ผมไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่!!!
“แม่...” ผมหันไปประจันหน้ากับแม่
“อะไร” แม่จ้องผมกลับเมื่อเห็นผมจริงจัง
“ผมมีอะไรจะบอก แต่แม่อย่าตกใจนะ”
“อืม ว่ามาเถอะ ถ้าลูกไม่ไปฆ่าใครตายแม่ก็ไม่ตกใจหรอก” พูดเป็นเล่นไปแม่ผม เชื่อเถอะว่าบอกไปแล้วแม่ต้องตกใจแน่ๆ
“แฟนผมเป็นผู้ชาย”
“...!!!”
เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วว่าแม่ต้องตกใจ ผมพูดไปแล้วก็ได้แต่นั่งนิ่ง ส่วนแม่ก็นั่งตาโตอ้าปากค้างอยู่เป็นนานกว่าจะทำหน้าเครียด
“ผมขอโทษนะครับ ผมไม่โกรธถ้าแม่จะไม่พอใจหรือไม่ยอมรับ แต่ผมบอกไว้ก่อนว่าผมไม่เลิกกับเขาแน่นอน ขอโทษที่ทำให้แม่ผิดหวัง” ผมกราบลงที่อกแม่ แม่นั่งคงนิ่งค้างไม่ขยับ ไม่แม้แต่จะเอ่ยอะไรออกมา
“จริงเหรอ” แม่ถามเสียงแผ่ว
“ครับ”
“คือ...แม่...”
“...” ผมรอให้แม่ได้เรียบเรียงคำพูด สติแม่คงออกจากตัวไปแล้ว ก็สมควรแล้วที่แม่จะตกใจ เพราะผมไม่เคยมีท่าทีว่าชอบผู้ชายมาก่อน ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ชอบนะ ก็แค่คนเดียวเท่านั้นแหละที่ทำระบบในตัวผมรวนไปหมด
“เฮ้อ! นึกไม่ถึงเลยแหะ ไม่ได้โกหกแม่ใช่ไหม” แม่ผมเบิกตาโตแล้วก็ถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ”
“โอ้แม่เจ้า! เกือบช็อคไปแล้วฉัน”
“ผมขอโทษ” ผมคงพูดอะไรที่ดีกว่าขอโทษไม่ได้ ไปโทษคนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้นู่นเถอะ -_-^
“ไม่ๆ ไม่ต้องขอโทษแม่หรอก แม่ไม่ได้โกรธหรือจะห้ามหรอกนะ แค่ตกใจเฉยๆอ่ะ” เท่านั้นผมก็เข้าไปกอดแม่แน่น
“ขอบคุณครับ” ผมไม่คิดว่าแม่จะรับได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว
“เขาดีกับลูกใช่ไหม”
“ครับ” ดีมากๆเลยล่ะ
“เอาเถอะ ลูกรักใครแม่ก็รักด้วย อยากรู้จริงๆว่าเด็กผู้ชายที่ไหนทำลูกของแม่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ มีรูปไหม” แม่ถาม ผมพยักหน้าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมากดหารูปต้นหอม หาไม่ยากหรอก ในมือถือผมมีแต่รูปต้นหอมคนเดียว รูปผมยังไม่มีเลย =_=;
“หืม?? แกไปล่อลวงลูกเขามาใช่ไหม น้องไม่น่าจะหลงผิดมาชอบเราได้เลยนะ” ดูแม่ผมพูดเขา ผมไปล่อลวงต้นหอมที่ไหน มีแต่เขานั่นแหละที่ล่อลวงผมสารพัด เห็นหน้าติ๋มๆอย่างนั้น แต่ร้ายใช่เล่นเลยนะบอกไว้ก่อน อย่าได้หลงกลเชียว ผมหลงคนเดียวพอ
“ใช่ที่ไหนเล่าแม่ เขามาชอบผมก่อนเถอะ” แม่ทำเบ้หน้าเหมือนไม่เชื่อ ตามใจครับ ผมไม่เคยโกหก คิดไงก็บอกอย่างนั้น แม่ผมดูรูปไปเรื่อยๆไม่หยุด รูปต้นหอมเยอะมากในเครื่องผม แต่เจ้าตัวไม่รู้หรอก ถ้ารู้คงมีช็อคกันบ้าง
รูปในโทรศัพท์มีแค่เบสิกเท่านั้น รูปเด็ดๆผมอยู่ในคอมฯหมด พอเปิดดูทีไรผมก็รู้สึกว่าตัวเองแม่งโรคจิตขึ้นทุกวันๆ
“ว่าแต่น้องชื่ออะไรล่ะลูก”
“ต้นหอมครับ”
“หืม แม่แต่ชื่อก็ยังน่ารัก พามาหาแม่หน่อยสิ” แม่ส่งโทรศัพท์คืนให้ผม
“ได้ครับ แต่คงเป็นเดือนหน้า ตอนนี้เขาอยู่ที่ฝรั่งเศส”
ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ผมไม่ได้รับสายต้นหอม ไม่ได้เข้าไปเช็คในเฟสหรือไลน์เลย ป่านนี้ไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งแย่แล้วเหรอ ยิ่งเป็นคนที่ชอบคิดเองเออเองอยู่ด้วย
ผมอยู่คุยกับแม่จนถึงเย็น จนยัยปิ่นกลับมาจากเรียนพิเศษ ผมก็กลับคอนโด เชื่อไหมว่าใครมายืนอยู่ที่หน้าห้องผม พอมันหันมาเห็นผมเข้า มันก็ปรี่เข้ามาหาผมด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
พลั๊ก!!!
แล้วมันก็ต่อยผม ผมก็สวนสิครับ เรื่องอะไรจะยอมให้มันต่อยผมอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ใช่ไม่รู้นะว่ามันต่อยผมทำไม คงไม่พ้นเรื่องที่ผมไม่รับสายต้นหอม อันนั้นผมผิดเต็มๆ ผมให้มันต่อยได้ ไม่ว่ากัน แต่ที่ผมต่อยมันกลับนี่เป็นความหมั่นไส้ส่วนตัวล้วนๆ ใครใช้ให้มันชอบกอดชอบหอมแฟนผมวะ!!!
แม่ง! ของตัวเองมีก็ไม่ไปกอดไปหอม มายุ่งกับแฟนชาวบ้านอยู่ได้!
ถึงมันจะมาก่อนผมก็เถอะ แต่ใครจะไปยอมวะ! แฟนทั้งคน!!!
“มึงเป็นเหี้ยอะไร ทำไมไม่รับสายน้องกู!!!” เห็นไหม ผมเดาผิดที่ไหน
“แล้วมึงเสือกอะไรด้วย!!!” ผมตีรวนมัน ยิ่งเห็นหน้ามันเขียวคล้ำด้วยความโกรธก็ยิ่งสะใจ
“มึงไม่มีสิทธิ์ทำให้น้องกูร้องไห้ ถ้ามึงไม่รีบโทรไปหาต้นหอมนะ กูจะหาแฟนใหม่ให้มัน ไอ้สัดเอ้ย!!!” ไอ้แมทคำรามลั่นคอนโด แต่สงสัยไม่มีใครอยู่เลยไม่มีคนออกมาด่ามันผมและมันเสียงดัง
“ถ้ามึงทำแบบนั้นกูจะยุให้ไอ้ก้องจับไอ้มินซะ!!!” มันขู่ผมได้ผมก็ขู่มันได้เหมือนกัน
“ไอ้ปืน!!!”
มันกระโจนเข้ามาต่อยผมอีกรอบ ผมสวนกลับแล้วเตะมันไปที ต่อยกันจนน่วมผมและมันถึงได้หยุด แล้วก็พากันเข้ามาในห้องผม
“กูถามหน่อย มึงเบื่อน้องกูแล้วใช่ไหม!” มันยังไม่หยุดหาเรื่องผมครับ
“เปล่า” ผมตอบมัน แรงแม่เยอะฉิบหาย เล่นเอาผมปากแตก
“แล้วทำไมมึงเงียบหาย มึงรู้ไหมว่าต้นหอมร้องไห้”
“รู้”
“มึงนี่มัน!!!”
อะไรวะ พอผมพูดความจริงแม่งก็รับกันไปไม่ได้ ถ้าผมบอกว่าไม่รู้ก็คงจะตอแหลเกินไป ขนาดผมแกล้งนิดหน่อยต้นหอมยังร้องเลย นับประสาอะไรกับการที่ผมไม่รับสายเป็นสิบๆครั้ง นึกภาพออกเลยว่าตาจะต้องปวมเป็นปลาทองแน่ๆ คงน่ารักน่าดู
ผมคงโรคจิตจริงๆนั่นแหละ เพราะผมชอบเวลาต้นหอมร้องไห้
หน้าแบบนั่นน่าแกล้งให้ร้องจะตายไป พอร้องแล้วก็จมูกก็จะแดง
คิดแล้วก็อยากให้มาอยู่ใกล้ๆ จะฟัดให้หนำใจเลย!
“มึงอย่าพูดมากเลยวะ กูรำคาญเสียงมึง เดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมบอกปัด ลุกขึ้นไปหาน้ำดื่ม แต่ไม่เอาไปให้แม่งหรอก ผมเกลียดมัน!!!
นั่งอมเลือดในปากไปเถอะมึง!
“เหอะ! กูไม่น่าปล่อยให้น้องกูไปคบกันมึงเลยจริงๆ” มันมองหน้าผมไม่พอใจ
“ช่วยไม่ได้วะ น้องมึงมาชอบกูเอง มึงกลับไปๆ” ผมไล่มัน เดี๋ยวต้องออกไปค้างนอกอีก แล้วดูสภาพผมตอนนี้ดิ แม่งเอ้ย! หน้ากูจะบวมไหมเนี่ย!
“เออ กูไปแน่ มึงคอยดูเถอะ กูจะไม่ให้มึงเข้าใกล้น้องกู!”
“ถ้ามึงคิดว่าทำได้ก็ลองดู”
“กูทำได้แน่ ต้นหอมเชื่อฟังกูกว่าใคร!” มันกระยิ่มยิ้มคิดว่าตัวเองเหนือกว่าผม ผมกอดอกไปโต้ตอบมันจนมันออกไปจากห้องผม
“เฮ้อ งานเข้าแล้วกู” ผมถอนหายใจ เดินเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัว ถ้าไม่ติดว่าผมนัดกันพวกไอ้เหนือไว้แล้วผมจะไม่ออกไปเด็ดขาด
ก่อนออกจากห้องผมกดโทรหาต้นหอม แต่เขาไม่รับ ผมกดโทรหาอีกหลายๆรอบก็เป็นเหมือนเดิม
เฮอะ!!! นี่กะจะดัดหลังผมสินะ
ผมโทรอีกหลายๆรอบ สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้ แต่ให้อภัยครับ ผมทำตัวเอง จะโทษใครได้ เอาเถอะ ไว้ตามไปสะสางทีเดียว
ผมออกจากคอนโดไปที่ผับประจำที่ไอ้ก้องทำงานเป็นอาร์เทนเดอร์อยู่ ไปถึงมันก็พร้อมหน้าพร้อมตากับเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ไอ้เหนือหนีบแฟนสาวสุดสวยของมันมาด้วย ส่วนไอ้เวฟก็นั่งม่อสาวไปเรื่อง วันนี้ไอ้ก้องไม่ต้องทำงานมันเลยมานั่งกับพวกผมได้
“หวัดดีปืน ไม่เจอกันนานเลย” โรส แฟนไอ้เหนือทักผม ผมผยักหน้าทักก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างไอ้เวฟ
“มึงไปฟัดกับใครมาวะ” ไอ้ก้องถามผม ตาแม่งดีเกิน มืดขนาดนี้มันยังมองเห็น
“ไอ้แมท” ผมตอบ รับแก้วเหล้าที่ไอ้เวฟชงมาให้ขึ้นดื่ม
“เฮอะๆ ไอ้เด็กนี่แม่งแสบจริง กูชอบ” ไอ้ก้องเอ่ยชม ถ้าไม่ติดว่าผมเกลียดมันนะ ไอ้แมทมันก็เป็นคนที่น่าชื่นชมคนหนึ่ง แค่รู้จักกันแปบๆ ผมยังรู้เลยว่ามันเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก สูงมากกว่าพวกผมเสียอีก แม่งทำงานไปเรียนไปเลี้ยงเด็ก(ต้นหอม)ไป มันทำตัวยังกะลุงวัยสามสิบยังไงอย่างงั้น
“เออ มึงรู้หรือเปล่าว่าสุดที่รักมึงแอบไปมีกิ๊ก” ไอ้เหนือพูดยิ้มๆ แต่รอยยิ้มแม่งร้ายชะมัด
“อะไรของมึง” ผมถามอย่างไม่สบอารมณ์ ต้นหอมเนี่ยนะจะไปมีกิ๊ก แต่ถึงจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ผมก็ขึ้นนิดๆ ยิ่งตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีเพราะเพิ่งมีเรื่องกับไอ้แมทมา แถมต้นหอมยังงอนไม่ยอมรับสายผมอีก ผมเพิ่งได้อ่านข้อความที่ต้นหอมส่งมาให้ทั้งหมด
โคตรรู้สึกผิดเลยครับ งานนี้คงได้ง้อยาว
“อ้าว นี่มึงยังไม่เห็นรูปเหรอ” ไอ้เวฟกดโทรศัพท์แล้วก็ยื่นมาให้ผม รูปที่เห็นทำเอาผมของขึ้นสุดๆยิ่งกว่าตอนที่เห็นพี่ป่านอาละวาดเสียอีก
ไอ้หน้าจืดนี่มันเป็นใครวะ!!!
“ไงมึง ถึงกับอึ้งๆ” ไอ้ก้องทำหน้าสมน้ำหน้าผม ผมยื่นขาถีบมันไปเต็มแรง ก่อนจะกลับมาจ้องรูปต่อ
ท่าจะถ่ายใกล้กันขนาดนี้ไม่กอดกันไปเลยวะ!
แต่ถ้ากอดกันจริง ผมจะไปกระทืบไอ้หน้าจืดให้ถึงที่เลย แม่งเป็นใครวะ!
“ไอ้เวฟ! จองตั๋งเครื่องบินให้กูด่วยเลย ไปปารีส ไฟท์พรุ่งนี้เท่านั้น!!!”
เดี๋ยวก่อนเถอะ กล้ามากที่ปล่อยให้คนอื่นถูกเนื้อตัว คอยดูนะ ผมจะลงโทษซะให้เข็ดเลย!!!
“หึหึ จัดไปเพื่อนรัก^^”
-----------------------------------
# หึหึ ตอนหน้าเขาง้องอนกันแบบจัดหนัก ฟินตายกันไปข้าง ^^

# รู้กันแล้วนะว่าทำไมพี่ปืนถึงไม่อยากมีความรัก แต่ตอนนี้ก็หนีไม่พ้น เพราะรักน้องไปเป็นที่เรียบรอยแล้ว เย้!!!

# หลังจากนี้ดีกรีความหึงหวงของพี่ปืนจะเพิ่มมากขึ้น ลำบากน้องต้นหอมแล้วนะ คึคึ

# ใครรอแมทมิน รอกันไปก่อน หลังฉากเขาง้องอนกันอยู่ ^^

# ทีแรกว่าจะมาบ่ายโมง แต่เพิ่งช่วยเพื่อนย้ายของที่หอเสร็จ คงไม่ว่ากันนะ

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ค่ะ รักกันๆ
