บทที่ 3
[/size][/b]
......................พัต
ถ้าเป็นไปได้........มึงก็อย่ากลับมาหาอดีตที่มึงคิดว่าไม่ดีเลย
และกูเองก็จะไม่ขอกลับไปหาอดีตนั่นอีกเหมือนกัน
ลาก่อน...กูกับมึงคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ
ขอให้มึงเดินหน้าไปหาอนาคตที่ดีต่อไป แล้วอย่าหันหลังกลับมาอีก
เพื่อนกัน..................
กดส่งออกไปแล้วและหวังว่ามันจะได้อ่านนะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากผ่านเหตุการณ์ในวันนั้นมาแล้ว นี่ก็ผ่านเข้ามาสู่เดือนที่สองแล้ว ช่วงแรกๆ นั้นไอ้พัตมันก็โทรมาบ่อยอยู่หรอก วันละสิบกว่าสายได้ ข้อความอีกนับสิบ แต่พอผ่านมาได้แค่เดือนเดียว มันก็เริ่มเงียบหายไป จากที่โทรมาทุกวันก็เป็นวันเว้นวัน จากวันเป็นสัปดาห์ จากข้อความวันละสิบก็เหลือแค่ข้อความเดียว และคงอีกไม่นานมันก็คงจะไม่โทรไม่ส่งข้อความมาแล้วละ แล้วถ้าหากวันนั้นผมเลือกที่จะรอมันละ คนที่ต้องเป็นทุกข์ มันก็คงหนีไม่พ้นตัวผมเอง ดีแล้วละที่วันนั้นผมเลือกที่จะปฏิเสธ วันนี้ผมถึงไม่ต้องเป็นทุกข์ และสักวันผมเองก็คงจะลืมมันได้ ถึงแม้จะลืมมันได้ไม่หมดแต่มันก็จะถูกเก็บไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของสิ่งที่เรียกว่า
“ หัวใจ ” เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมอยู่ และเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมก็ได้รับข่าวดีด้วยว่า ผมสามารถสอบเข้าเรียนต่อ ม.ปลายที่โรงเรียนเดิมได้ และแน่นอนพวกเพื่อนๆ ในกลุ่มก็สอบติดเหมือนกัน แต่ถึงแม้จะยังปิดเทอมอยู่แต่ผมกลับไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลยนะสิ น่าเบื่อมาก เพื่อนๆ บางคนก็กลับไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดบ้าง ไปเที่ยวบ้าง แต่ก็มีเพื่อนบางคนที่ไม่ได้ไป หรือไม่ก็กลับมาแล้ว วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว
พี่เวย์เอง วันนี้ก็ไปเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่เพิ่งจบไปแล้ว กว่าจะกลับมาก็คงดึกหรือไม่ก็เช้า
พี่เมย์เอง วันนี้ก็ไปฝากครรภ์ ใช่แล้วละเป็นลูกของพี่เมย์กับพี่วัฒน์นั่นแหละ แกตั้งท้องได้ 4 เดือนเศษๆ นี่ก็คงอีกนานกว่าจะกลับมา
ส่วนแม่เอง ก็ขึ้นเหนือไปดูรีสอร์ท ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง กว่าจะกลับคงอีกเป็นอาทิตย์
ส่วนป้าเอม ที่คอยดูแลพวกเราเรื่องอาหารการกินวันนี้แกก็กลับไปดูคุณพ่อแก ซึ่งตอนนี้ก็อายุปาเข้าไป 80 กว่าแล้ว แกลาไปอาทิตย์หนึ่ง เห็นบอกว่าไม่ค่อยสบายไม่มีคนดูแลช่วงกลางวัน
ดังนั้นวันนี้ทั้งวัน บ้านหลังนี้จึงมีผมเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว เฮ้ออ ไม่รู้จะทำอะไร โทรไปชวนไอ้ม่านมาเล่นเกมที่บ้านดีกว่า พอดีเลยจะได้ทวงของฝากจากมันด้วย บ้านมันทำสวนผลไม้ครับ เป็นร้อยๆ ไร่เลยละ ว่าแล้วก็น้ำลายสอ รีบโทรเลยดีกว่า
“ ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด ....ฮัลโหลว่าไง ไอ้เนย์ ”
“ นี่ไอ้ม่านมึงกลับมาแล้วใช่มั้ย? ”
“ เออ กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แล้วนี่มีอะไร ”
“ ม่านนนนน กูกลัว ฮึก กู..อยู่ บ้านคนเดียว มึงมาหากูหน่อยสิ ฮึก ” ฮ่าๆๆ ถ้าหากบอกมันไปอย่างนี้นะอีกไม่เกิน สิบห้านาทีมันจะมาปรากฏกายพร้อมกับสัมภาระ อาหารต่างๆ มากมาย อยู่ตรงหน้าบ้านผมทันทีเลยละ ผมฉลาดมั้ย
“ อะไรนะ...แล้วนี่มึงอยูบ้านคนเดียว....แล้วแม่มึง พี่มึง ไปไหนหมด....แล้ว แล้ว แล้วถ้าเกิดมีโจรมาปล้นบ้านมึงละ............เกิดมันหน้ามืดข่มขืนมึง หรือเกิดมัน มันทำอะไรมึงละ แล้วจะทำยังไงเนี่ย.....มึง ไอ้เนย์ ปิดประตูหน้าต่างลงกลอนให้หมดนะ มึงห้ามเปิดประตูให้ใครนะ เข้าใจไหมแล้วเดี๋ยวกูจะรีบไปหา ตุ๊ด ตุ๊ด...........”
“ เอ่อออ............”
โอ้โห ผมไม่สามารถขัดมันได้เลย แล่นพูดรัวซะขนาดนั้น นี่ผมผิดใช่ไหมที่ไปบอกกับมันแบบนั้น เฮ้อ ลืมไปว่าไอ้ม่านนี่ มันเป็นพวกตื่นตูม ชอบคิดไปก่อนไกลๆ โอ๊ยยแล้วนี่อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง เหล่าบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหลายก็คงต้องแห่มาที่นี่แน่ จากบ้านที่แสนจะสงบสุขคงต้องอลหม่านกันแน่คราวนี้ เป็นไงเป็นกัน ก็ดีกว่าอยู่เงียบๆ คนเดียวละหว่ะ
และหลังจากนั้นไม่เกินสิบห้านาที ไอ้ม่าน ไอ้แวน และก็พะแพง ก็มานั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นในบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วน ไอ้ออมมันยังไม่กลับจากทัวร์เมืองกาญจน์ พิมพ์เองก็อยู่ที่สิงคโปร์ ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่นี้ที่สามารถมาได้
“ โอ๊ะ...โอ๊ยยยยย..พอแล้ววววว ” ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้ามันไอ้ม่าน ตอนนี้มันโดนทั้งไอ้แวนและพะแพงเองรุมทึ้งมันอยู่
“ มันน่าไหมละไอ้เวร ฮึ่ย ดันโทรมาบอกว่าไอ้เนย์โดนโจรจับปล้ำ อยู่บ้านคนเดียว แล้วเป็นไง.. พอมาถึงมันนั่งยิ้มระรื่นอยู่เนี่ย ” พะแพงแผลงฤทธิ์ ยืนท้าวสะเอวชี้หน้าด่าไอ้ม่านอยู่ ซึ่งมันก็สมควรโดนนั่นแหละ ว่าแล้วก็ขอสักหน่อยเหอะ ดันมาบอกว่ากูโดนโจรจับปล้ำ แหม๋กูไม่ใช่สาวน้อยนะ มือตีนกูก็มีกูก็สู้นะ ยกเว้นวันนั้นกูเมา
“ โอ๊ย อะไรอีกเนี่ย ไอ้เนย์ กูอุตสาห์มาหามึง แถมยังเอาไอ้สองตัวนี้มาอยู่ด้วย แล้วมึงมาทำกับกูแบบนี้นะเหรอ เนรคุณชัดๆ ” โห พูดมาได้นะมึงไอ้เวร
“ ยังกล้าททวงบุญคุณอีกไอ้นี่ บอกอะไรไม่บอก ดันไปบอกว่ากูโดนปล้ำ ดีแค่ไหนแล้วกูตบทีเดียว ดีนะกูไม่เสริมออฟชั่นให้มึงด้วย ”
“ ไอ้เวรรร กูก็ตกใจหมด นึกว่าเนย์น้อยของไอ้พัตจะเสียสาวซะแล้ว ” มึงพูดได้ดีมาก แต่กูไม่อยากจะบอก ว่ากูเสียสาวไปตั้งนานแล้ว ก็ไอ้พัตนั่นแหละมันเอาไป
“ พอเลยๆ หยุดพูดได้แล้ว ไหนๆ เอามาเลยพวกมึง ของฝากหน่ะ อย่ามาทำเนียนเอาเรื่องกูมากลบเกลื่อน เอามาๆ ” ว่าแล้วก็ทวงของฝากเลยละกัน
“ โห มึงนี่ไม่คิดจะขอบอกขอบใจพวกกูมั่งเลยรึไง หา อุตสาห์รีบมาหามึงกลัวจะเป็นไรไป แต่พอมาถึงทวงของฝากซะงั้น มันน่าห่วงมั้ยละ ” พะแพงก็บ่นต่อเลย แล้วนั่งแหมะลงข้างๆ ไอ้ม่านนั้นแหละ ไอ้ม่านมันก็คงจะกลัวเขยิบไปซะห่างเลย
“ กูไม่กัดมึงหรอกน่า ทำเป็นกลัวไปได้ ชิ ” นั่นแหละไอ้ม่านจึงค่อยๆ ขยับมานั่งใกล้ๆ มัน
“ คงมีเวลาได้เอามาหรอกนะ ” ไอ้แวนว่า พลางเหลือบหางตาไปมองไอ้ม่านที ทำเอามันสงบเสงี่ยมไปเลยทีเดียว
“ ใช่ คงได้เอามาหรอก ” ได้ทีพะแพงเองก็ทับต่อเลย
“ เค้าขอโทษ ” โอ้โห ไอ้ม่านมันแอ๊บหน้าพร้อมทำตาวิ้งๆ สองมือประสานกันไว้ใต้คาง
“ น่ารักตาย ” พวกเราสามคนประสานเสียงกันเลยทีเดียว
“ พวกมึงไม่ต้องไปโทษมันเลย พวกมึงนั่นแหละ เชื่อใครไม่เชื่อดันไปเชื่อไอ้ม่าน ฮ่าๆๆ ”
“ มึงพูดงี้เหรอ เออ งั้นกูกลับละ ” อ้าวไอ้แวนงอนเลย
“ โอ๋ๆๆๆ เค้าขอโทษค๊าบ ” ว่าแล้วก็ดึงแขนมันนั่งลงที่เดิม
“ หึๆ ” มันหัวเราะ แกล้งกูละสิ
“ พอเลยมึงไอ้แวน มันไม่เป็นไรก็ดีแล้วละ ว่าแต่ มึงคงไม่ลืมเอามาใช่มั้ยไอ้ม่าน ” พะแพงหันไปถามไอ้ม่าน ซึ่งมันก็พยักหน้างึกๆ
“ อือๆ ไม่ลืมๆ อยู่หลังรถนะ เดี๋ยวไปเอามานะ มีของที่พวกมึงชอบทั้งนั้นเลย ”
มันคุยใหญ่แล้วหลังจากนั้นมันก็รีบวิ่งแจ้นออกจากบ้านไปเอาของที่มันว่า ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นผลไม้จากสวนมันนั่นแหละ ที่ผมชอบที่สุดคงจะเป็นทุเรียนนี่หละ อูยนึกถึงแล้วน้ำลายสอ ซู้ดดด
“ มาแล้วๆ นี่ๆ มีเพียบเลย ทั้งมังคุด ส้ม ทุเรียน เงาะ มะม่วง มีแต่ของโปรดพวกมึงทั้งนั้นเลย ”
โอ้โห มันแบกมาได้ไงคนเดียว แล้วมันก็วางลงไปที่พื้นนั่นแหละ พะแพงเองก็วิ่งใส่ถุงมะม่วง ไอ้แวนเองก็กระโดดใส่มังคุด ผมเองก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม เหมือนจะรู้สึกว่าเหม็นๆ อะไรสักอย่าง อยากอ้วกเลยละ
“ มึงนี่เพื่อนรักกูเลยวะ ไอ้ม่าน ” พะแพงก็ชมมันเปราะเลย
“ อ้าว แล้วไมมึงไม่มาละ ไอ้เนย์ ” ไอ้แวนคงจะเห็นว่าผมไม่ลุกไปนั่นแหละมันถึงถาม
“ ปกติมึงก่อนเพื่อนเลยนี่ ” ไอ้ม่านต่อ
“ เอ้า ขี้เกียจหรอมึง ” พะแพงเดินเอาทุเรียนมาให้ผมถึงที่เลย พอดีมันปลอกมาให้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่บ้านไอ้ม่าน ทีนี้พอเปิดถุงออก มันก็เลย
“ อุ๊บบ ” เอามือปิดปากเกือบไม่ทัน เหม็นมาก แล้วจากนั้นก็วิ่งเข้าห้องน้ำเลย พวกมันคงจะตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ผมก็เกิดอาการอย่างนี้ พวกมันก็รีบวิ่งตามมา และพะแพงก็เป็นคนที่มาลูบหลังให้ผมอยู่ตอนนี้
“ นี่มึงเป็นไรไปนะ ไอ้เนย์ ” พะแพงถาม
“ นั่นสิ อยู่ดีๆ ก็วิ่งมาอ้วกเฉยเลย ” ไอ้ม่านว่า
“ มึงไม่สบายหรือเปล่า ไอ้เนย์ ” ไอ้แวนต่อ
“ ฮ่าๆ ไม่รู้เหมือนกัน พอได้กลิ่นทุเรียนมันก็ อุ๊บบ ” แล้วก็อ้วกออกมาอีกแล้ว
ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำประมาณ สิบกว่านาทีแล้วก็เดินออกมาโดยมีไอ้แวนพยุง ส่วนพะแพงก็เอายาดมมาให้ดมอยู่ข้างๆ ส่วนไอ้ม่านเองก็ไปเก็บทุเรียนออกไปไว้ที่อื่น แล้วพวกมันก็พาผมมานั่งอยู่บนโซฟาที่เดิมนั่นแหละ
“ เป็นไงบ้าง ” ไอ้แวนถาม
“ อือ ” ตอบได้แค่นั้นจริงๆ เพราะผมหมดแรงแล้ว และผมก็ซบอยู่ที่บ่าของไอ้แวนต่อ พะแพงเองก็ยังเอายาดมมาให้ดมอยู่
แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ง่วงนัก รอบๆ ข้างก็ดูเหมือนจะมืดไปถนัดตา แถมยังรู้สึกว่าหัวมันหนักๆ ไงไม่รู้แถมโลกมันเริ่มหมุนยังไงยังงั้น และก็เหมือนจะได้ยินเสียงพวกเพื่อนๆ ตะโกนเรียกอะไรสักอย่าง แต่ขอเถอะกูไม่ไหวแล้ว ขอนอนก่อนนะพวกมึง
“ เฮ้ยไอ้เนย์ เนย์ มึงเป็นไรวะ ” แวนเรียกถามเพื่อนที่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้สติแล้ว
“ เนย์ เนย์ เป็นไรไป เนย์ อย่าเพิ่งหลับสิเนย์ เนย์ ” พะแพงเองก้ทั้งตะโกนถามและเขย่าร่างของเพื่อนที่ดูจะไม่มีสติแล้ว
“ เฮ้ย ทำไมตัวเนย์มันซีดจังเลยวะ ” พะแพงพูดต่อเพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าเพื่อนของเขาจะขาวซีดยังกับไก่ต้มยังนั้นแหละ
“ เออ จริงวะ ” ม่านมาเห็นก็พูดต่อ
“ กูว่าพามันไปโรงพยาบาลเถอะวะ มึงเอารถออกเลยไอ้ม่าน มึงปิดบ้านนะไอ้พะแพง เดี๋ยวกูจะอุ้มมันไปเอง ”
“ เออ ได้ๆ ”
โรงพยาบาล xxxxxxxx
“ ครับ น้ากานตอนนี้หมอกำลังตรวจอยู่ครับ ”
‘ จ๊ะ ขอบใจมากนะจ๊ะหนูแวน ที่เป็นธุระให้ ’
“ โอ๊ย ไม่เป็นไรครับคุณน้า ยังไงเนย์ก็เป็นเพื่อนผม ยินดีช่วยอยู่แล้วครับ
‘ อีกเดี๋ยวน้าก็ถึงแล้วจ๊ะ ยังไงก็ขอบใจจริงๆ นะจ๊ะ ’
“ ครับ สวัสดีครับ ”
“ เป็นไงพะแพง พี่เมย์ถึงไหนแล้ว”
“ พี่เมย์อยู่ตึก....อีกประมาณสิบนาทีก็คงออกมาแล้วละ ”
“ อือๆ แล้วนี่ไอ้ม่านมันไปโทรถึงไหนแล้วเนี่ย หวังว่ามันคงจะไม่บอกพี่เวย์ว่าไอ้เนย์ช็อค หมดสติ หัวใจวาย ตอนนี้นอนอยู่ ICU หรอกนะ ”
“ ฮ่าๆ มึงนี่.....คิดเหมือนกูเลยวะ ฮ่าๆๆๆ ”
“ ฮ่าๆๆ เออๆ มันคงจะไม่บอกแบบนั้นหรอกนะ ”
ม่านเดินเข้ามาด้านหน้าห้องตรวจที่ตอนนี้มีพะแพงกับแวนรออยู่ก่อนแล้ว และดูเหมือนว่าจะมีเรื่องหนักใจอะไรสักอย่าง ถึงได้เดินขมวดคิ้วมาซะขนาดนั้น
“ นี่แกโทรไปบอกพี่เวย์แกว่ายังไงวะไอ้ม่าน มึงคงไม่ได้ไปบอกพี่แกว่าไอ้เนย์ช็อค หมดสติ หัวใจวาย ตอนนี้นอนอยู่ ICU หรอกนะ ” แวนว่าให้พลางทำหน้านึกถึงตอนที่พี่เวย์ได้ยินคนโทรไปบอกว่าน้องชายตัวเองตอนนี้นอนอยู่ ICU แต่แล้วพอมาถึงกลับพบว่า น้องชายแค่เป็นลมไปแค่นั้น งานนี้ไอ้คนที่โทรไปบอกคงได้นอนเล่นอยู่ที่ ICU สักคืนสองคืนแทนน้องชายตัวเองก็เป็นได้
“ โห มึงก็ กูก็ยังรักตัวกลัวตายอยู่นะเว้ย ขืนไปบอกแบบนั้นนะ พวกมึงจองศาลาไว้เลย ”
“ ฮ่าๆ นี่มึงคิดไปถึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ โอ๊ย ฮ่าๆ มึงนี่ กุไม่รู้จะบรรยายยังไง ” พะแพงหัวเราะออกมาอย่างไม่แคร์สายตาใครๆ ว่าจะมีคนมองมาอย่างไร หรือจะมีคนคิดกับเธอว่าทำไมสาวน้อยน่ารักคนนี้ถึงได้มีนิสัยที่ตรงข้ามกับหน้าตาขนาดนี้นะ
“ เออๆ แล้วนี่มึงบอกพี่เวย์ว่ายังไงวะ กุอยากรู้ ” แวนยังคงอยากรู้
“ กูก็แค่บอกว่า ตอนนี้ไอ้เนย์มันไม่ได้สติ นอนอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน ” ม่านตอบออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมากนักถึงผลที่ตามมา
“ แล้วกูก็ไม่รู้ว่าทำไมพี่เวย์แกต้องร้องโวยวาย แล้วไม่รู้ถามอะไรกูบ้าง สุดท้ายกูก็ได้แต่บอกชื่อโรงพยาบาลไป แล้วนี่กูทำอะไรผิดงั้นเหรอ? ” เพื่อนทั้งสองคนต่างก็มองหน้ากันสลับกับมองหน้าเพื่อนอีกคน ซึ่งพวกเขาคงคิดผิดอย่างมหันต์ที่ให้มนุษย์ที่มีชื่อว่า “ ม่าน ” โทรไปบอกข่าวที่ไม่ได้มีความร้ายแรงอะไร แต่เขาคนนี้ก็สามารถทำให้มันเป็นปัญหาระดับชาติได้
“ ไอ้ ไอ้ โอ๊ย แล้วใครให้มึงไปบอกว่าไอ้เนย์มันนอนอยู่ห้องฉุกเฉินละวะ มึงดูนี่ แค่ห้องมันอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นห้องเดียวกันนะ ” แวนว่าพลางดึงเพื่อนให้มาดูว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองห้องนั้นมันห่างกับแค่ไหน
“ อ้าว ก็เผื่อมันจะต้องใช้ไง ”
“ ไอ้บ้า ใครเขาจะเผื่อแบบนั้นกัน ” พะแพงตามมาว่าเพื่อนอีกแรง
“ เผื่อไว้ไม่ดีกว่าเหรอ? ” ม่านยังหันมาว่าหน้าซื่อ เพื่อนทั้งสองถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
ตอนนี้แม่เนย์ พี่เมย์ พี่วัฒน์ พี่เวย์ ก็พากันมารวมอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยเรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้ดูเหมือนว่าคุณหมอใกล้จะได้รับคนไข้รายใหม่แล้ว เพราะทันทีที่พี่เวย์มาถึงแล้วพบว่าน้องชายตัวเองนอนหลับสบายอยู่ที่เตียง ก็ถึงกับทำให้พูดไม่ออก ได้แต่นั่งจ้องหน้าเพื่อนน้องชายที่ชื่อว่าม่าน อย่างกับจะเอามีดมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วโยนลงไปในหม้อต้มพอสุกแล้วก็เอามาเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย
“ แล้วนี่เนย์มีอาการเป็นไงบ้างจ๊ะตอนนั้น ” คุณแม่เป็นคนถามเพื่อนๆ ของลูกชาย
“ ไม่รู้เหมือนกันคะ ตอนแรกก็ยังดูดีอยู่นะคะ แต่พอเอาทุเรียนไปให้แค่นั้นละคะ วิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทันเลย ” พะแพงบอกคุณแม่ของเพื่อนไปตามที่ตนเองรับรู้
“ คือ..” ม่านกำลังจะเอ่ยต่อ แต่กลับถูกแวนเอามืออุดปากพร้อมกับพูดเสียงแข็งใส่
“ มึงหุบปากไปเลยไอ้ม่าน ขืนให้มึงพูดนะ มึงได้เป็นศพแน่ ” ม่านก็เหลือบตามองไปยังพี่ชายของเพื่อน แล้วพยักหน้าหงึกๆ ส่วนคุณแม่เองก็อมยิ้มกับท่าทีของเพื่อนลูกชายตน
ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อคุณหมอก็เชิญคุณแม่ออกไปพบที่ห้องตรวจ พร้อมกันกับลูกและเพื่อนของลูกชาย แต่คงจะเหลือเพียงม่านเท่านั้นที่ไม่ไป เพราะรู้สึกกลัวพี่ชายของเพื่อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ห้องตรวจ“ น้องผมเป็นอะไรไปครับคุณอานพ ” ทันทีที่มาถึงภายในห้อง วัฒน์ก็เป็นคนถามขึ้นมา เพราะคุณหมอที่ตรวจเนย์นั้นเป็นอาของเขาเอง
“ คือสาเหตุที่พอจะเป็นไปได้คือ คนไข้อาจจะเกิดอาการอาหารเป็นพิษก็ได้ครับ แต่..... ” แล้วคุณหมอก็หยุดพูดเพียงเท่านั้น
“ แต่อะไรคะคุณหมอนพ หรือว่าเป็นโรคร้ายแรงอะไร ”
“ ไม่ใช่โรคร้ายแรงหรอกครับ แต่เรายังไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือเปล่าแค่นั้นเองครับ ”
“ ใช่....ใช่อะไรคะคุณอา ”
“ คือ คงต้องตรวจอย่างละเอียดอีกทีนะครับ เพราะว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลย คงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาตรวจอีกทีครับ ”
“ นี่ ลูกฉันป่วยเป็นอะไรเหรอคะ บอกหน่อยได้หรือเปล่า ”
“....ตอนนี้เราสงสัยว่าคนไข้ กำลัง...........”
รู้สึกหนักๆ เหมือนมีอะไรมานอนทับอยู่บนตัวเลย แถมดูเหมือนว่านั่นจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง แต่คิดดูอีกทีตอนนี้ เราอยู่ไหนกันนะ บ้านเหรอ? หากเป็นที่บ้านคงไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า แมว หรือสุนัขหรอกนะ พอตัดข้อนี้ออกไปก็คงเหลือแค่คนละนะ แต่ใครละ? คิดดูดีๆ คนในบ้านก็มีแต่คนตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น แล้วใครละ?
“ เนย์ ” ได้ยินเสียงของเด็กผู้หญิงเรียกชื่อเขาพร้อมกับแรงเขย่าที่แขน พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายกาย สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เบื้องหน้าคือเด็กหญิงคนหนึ่งใส่ชุดกระโปรงสีขาว ถักผมเปียอย่างสวยงามพร้อมกับใบหน้าที่แสนจะคุ้นเคยในความทรงจำ แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน แต่เหมือนกับว่าเขาสองคนมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างที่แนบแน่นเหลือเกิน
เธอเดินมาหยุดตรงหน้า พร้อมกับรอยยิ้มและจับมือเขาเอาไว้ทั้งสองข้าง
“ เนย์ สบายดีนะ เราดูเนย์อยู่ตลอดเลยละ เนย์นี่น่ารักจริงๆ เลย ” รอยยิ้มที่แสนงดงาม แลดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก อยากพูดโต้ตอบแต่ทำไมเหมือนกับว่าไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมาเลย
“ เราอยู่กับเนย์ไม่ได้ และเขาก็อยู่กับเราไม่ได้ แต่เราก็ขอฝากให้เขาไปอยู่กับเนย์และเนย์เองก็ต้องดูแลเขาดีๆ นะ ”
พร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นของเด็กคนหนึ่งในอ้อมกอดของเขาเอง และเด็กที่อยู่ตรงหน้านี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย แถมมองมายังเขาด้วยดวงตาที่สดใสราวกับกระต่ายน้อย
“แต่เด็กคนนี้...อยู่กับเนย์ไม่ได้นะ แต่ก็มีอีกคนที่เขาจะไปอยู่ด้วย แต่อีกไม่นานเธอสองคนก็จะได้พบกันอีกแน่ ” ในอ้อมกอดของเด็กสาวเองก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่หน้าตาน่ารักไม่แพ้กันอยู่ด้วย เด็กคนนั้นก็มองมาที่เขาด้วยแววตาที่ดูเหมือนว่าเสียดายเหลือเกินที่อยู่ด้วยกันไม่ได้
“ ดูเหมือนเขาเองก็จะชอบเนย์อยู่เหมือนกันนะ ถ้าอย่างนั้น เนย์ก็รับเขาไปเลยแล้วกันตั้งแต่ตอนนี้เลยนะจ๊ะ ” เด็กสาวคนนั้นพูดและก็หายไปจากตรงนั้นพร้อมกับเด็กหญิงในอ้อมกอด และพร้อมกับมีชายคนหนึ่งเดินมารับเด็กสาวไป แต่ทำไมผู้ชายคนนั้นช่างคุ้นเคยและทำให้รู้สึกคิดถึงเหมือนกับจากกันไปนานแต่วันนี้ได้พบแล้ว แต่ใครกันละ? ชายคนนั้นช่างเหมือนเหลือเกิน แต่กลับคิดไม่ออกนี่สิ ดูเหมือนคนในอ้อมกอดจะดูงอแงเพราะเขาไม่ได้ให้ความสนใจนัก ถึงได้ดิ้นอยู่อย่างนี้ นึกได้ว่าเด็กสาวคนนั้นฝากให้เราดูแลนี่นา ว่าแล้วก็ก้มลงมองดูเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดอีกที พร้อมกับประโยคที่ออกมาจากปากของเด็กคนนั้น
“ ม่าม๊า ม่าม๊าฮับ ”----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------->
ทุกสิ่งมันมีเหตุผลในตัวของมันเอง อยู่ที่เวลาที่จะเป็นตัวชี้ทางไปสู่เหตุของผล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------->
และก็มีปมมาให้งงอีก

เด็กสาวคนนั้นเป็นใคร? เกี่ยวข้องอะไรกับเนย์?
ผู้ชายคนที่มารับตัวเด็กสาวไปเป็นใครกัน? ทำไมเนย์ถึงได้รู้สึกคิดถึงและผูกพันขนาดนั้น?
เด็กผู้ชายคนที่อยู่กับเนย์ตอนนี้ คือ ไตเติ้ลใช่หรือไม่?
แล้วเด็กผู้หญิงอีกคนที่บอกว่าอยู่กับเนย์ไม่ได้ แต่จะได้พบกันอีก เป็นใคร?
แล้วที่คุณหมอสงสัย จะใช่ว่าเนย์กำลังท้องหรือเปล่า?
ถ้าใช่ จะมีใครรู้ว่าพัตเป็นคนทำ? ถ้าพี่เวย์รู้ว่าพัตทำ แล้วพี่เวย์จะทำยังไงกับเรื่องนี้?
และที่สำคัญ
อะไรที่ทำให้ผู้ชายอย่างเนย์ ท้อง?
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------->
สุดท้ายจริงๆ อยากจะถามว่า
คงไม่ค้างกันใช่มั้ย 