
ตอน 1
“คุณแม่ครับ อย่าเครียดเลยนะครับ” ผมเดินเข้าไปบอกแม่ ที่นั่งหน้าเครียดบนโซฟา
“แกจะบ้าเหรอไอ้เล็ก พรุ่งนี้จะไม่มีที่ซุกหัวนอนอยู่แล้วแกจะให้ฉันใจเย็นได้อีกเหรอ” แม่ตวาดลั่น ก่อนจะกลับไปนั่งหน้าเครียดเหมือน
เดิม อย่างที่ได้ยินกันนั่นแหล่ะครับ ครอบครัวผมกำลังจะล้มละลาย บ้านกำลังจะถูกยึด เพราะหนี้สินมหาศาลที่เกิดจากการลงทุนที่ผิดพลาด
“แต่แม่จะมานั่งเครียดมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะครับ”
“แล้วตัวแกมีประโยชน์นักหรือไงห่ะ ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าให้แกมาช่วยงานที่บริษัทมัวแต่ไปวาดรูปบ้าๆบอๆของแก แล้วแกเห็นไหม เห็นไหมว่าไอ้งานศิลปะของแกมันช่วยอะไรครอบครับเราได้บ้าง ทำไมแกถึงไม่ได้ดั่งใจฉันเหมือนตาใหญ่เลยนะ ”
“แต่แม่ครับ”
“แกหยุดพูดไปเลยนะ แล้วมาช่วยฉันคิดดีกว่า ว่าจะหาทางผ่อนผันเขายังไง ฉันไม่ยอมถูกเฉดหัวออกจากบ้านหลังนี้หรอกนะ คนอย่าง
คุณหญิง ทิพยากร สิริพิทักษ์ ไม่มีทางไป อยู่ในที่จนๆแบบนั้นเด็ดขาด” แม่บอกเสียงเครียด นี่เป็นสิ่งที่ผมกังวลที่สุด แม่เป็นคนที่จมไม่ลง
แม่ไม่มีทางไปอยู่บ้านที่แม่เรียกว่า “รังหนู” เด็ดขาด
“เออเล็ก แกเป็นเพื่อนกับคุณ วรวัต ไม่ใช่เหรอ แกลองขอร้องเขาสิ เผื่อเขาจะยืดเวลาใช้หนี้ให้เราบ้าง ขอแค่ให้เขายืดเวลาออกไปหน่อยรอตาใหญ่กลับมาจากอเมริกาก่อนฉันชื่อว่าตาใหญ่ต้องมีทางออก” แม่เสนอความคิด
“อะไรนะแม่ ไม่มีทาง ผมไม่มีทางขอร้องไอ้วัตเด็ดขาด ไม่มีวัน!!”
ไม่มีวันที่ผมจะต้องไปก้มหัวให้คนแบบนั้น ผมยอมจน ยอมไม่มีที่ซุกหัวนอนดีกว่า ยอมรับว่าผมแพ้ไอ้วัต คนอย่าง
ชนาธี สิริพิทักษ์ ไม่มีทางอ้อนวอนไอ้วัตเด็ดขาด
“ไอ้ลูกเวร แกทำเพื่อครอบครัวแค่นี้ได้เหรอห่ะ ศักดิ์ศรีของแกมันทำให้อะไรดีขึ้นมาไหม ใช้สมองโง่ๆของแกคิดบ้าง”
“แม่!!”
“ถ้าแกยังเป็นลูกฉันอยู่โทรไปหาคุณ วรวัตซะ” แม่ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมก่อนจะบังคับให้ผมโทรหาไอ้วัต
เสียงรอสายดังอยู่นานพอสมควรก่อนที่ปลายสายจะกดรับ
“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มรับสาย ผมได้แต่เงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ผมไม่อยากได้ยินเสียงมันเลยสักนิด
“ใครครับถ้าไม่พูด ผมจะวางแล้วนะ”
“ไอ้วัต กูเอง” ผมกลั้นใจพูดออกไป
“กูไหนครับ เท่าที่รู้ผมไม่รู้จักคนชื่อกูนะครับ”
“อย่ารวน กูรู้ว่ามึงจำเสียงกูได้”
“เหอะ อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้นสิครับ บอกผมมาดีกว่าว่าคุณเป็นใคร” ผมสะอึกกับคำพูดมันจนแทบอยากจะวางหูแต่ติดที่แม่ผมยังยืนเฝ้าอยู่
“ผม ชนาธี สิริพิทักษ์ ครับ”
“อ้าวคุณชนาธี โทรมามีธุระอะไรเหรอครับ หรือโทรมาเพราะคิดถึงผมกัน” โธ่เว้ย ถ้ามันอยู่ตรงนี้ผมคงต่อยหน้ากวนๆของันไปแล้วล่ะครับ
“คุณพอจะว่างออกมาพบผมไหมครับ”
“อืม เสียใจด้วยนะครับ ผมไม่ว่าง แต่ถ้าคุณจะมาหา ผมยินดีต้อนรับเสมอ”
“ไม่มีวัน!!” ผมบอกก่อนจะกดตัดสายทันที
“แกทำบ้าอะไรไอ้เล็ก ” แม่หันมาตวาดผม ก่อนจะแย่งโทรศัพท์โทรกลับไปหาไอ้บ้านั่น
“ค่ะ คุณวรวัต ดิฉันต้องขอโทษแทนตาเล็กด้วยนะคะที่เสียมารยาท ดิฉันจะให้ตาเล็กไปหาคุณเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“แกไปแต่งตัวแล้วรีบไปหาคุณวรวัต ที่บ้านเขาเดี๋ยวนี้” แม่หันมาสั่งผม
“แม่!!”
“แกไม่ต้องมาเรียกฉัน ฉันสั่งให้ไปแกก็ต้องไปเข้าใจไหม ไปสิ ก่อนที่ฉันจะโมโห”
ผมได้แต่ยอมทำตาคำสั่งของแม่ เพราะถึงดื้อไปก็มีประโยชน์ ยังไงแม่ก็ต้องบังคับผมไปอยู่ดี
………………………………………………………………………..
“มาถึงเร็วดีนี่” ร่างสูงที่นั่งบนโซฟา เอ่ยขึ้นหลังจากที่ผมมาถึง ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคือ วรวัต คุณานุการ นักธุรกิจหนุ่มที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ แถมมันยังเป็น 1 ใน 10 หนุ่มหล่อที่สาวๆอยากออกเดทด้วยมากที่สุด เหอะ แต่สำหรับผม ไอ้วัต ยังไงมันก็คือจอมเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ
“ครับ” ผมได้แต่ฝืนยิ้มก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับเจ้าของบ้าน
“แล้วคุณชนาธี มีธุระอะไรถึงมาหาผมที่นี่ได้ล่ะครับ”
“ผมจะมาคุยเรื่องขอผ่อนผันหนี้ครับ ทางคุณพอจะยืดเวลาผ่อนผันหนี้ให้เราออกไปอีกสักสามเดือนได้ไหมครับ” ผมกลั้นใจพูด ไม่คิดไม่ฝันว่าชาตินี้ผมต้องมานั่งขอร้องคนอย่างมัน
“แหมคุณ เงินตั้งเกือบ100ล้าน นะครับ ใจคอคุณจะขอกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ ผมทำธุรกิจนะคุณไม่ใช่เล่นขายของแล้วหนี้สินของคุณก็ไม่ใช่บาทสองบาทนะครับ” เขาตอบ
“ครับผมรู้ แต่คุณก็น่าจะเห็นใจเราบ้างหนี้มากมายขนาดนั้นคุณให้เวลาเราแค่ 6เดือนมันจะไปพออะไร”
คนเป็นเจ้าหนี้มองผมไม่วางตาก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“หึ คุณชนาธีครับ ผมมีข้อเสนอดีๆ ไม่รู้ว่าคุณจะรับมันไหม ”
“อะไรเหรอครับ”
“เอาตัว คุณมาขัดดอกสิ”
“ไอ้วัต!!!!” ผมตะโกนด้วยความโมโห ก่อนจะวิ่งเข้าไปหวังต่อยมันให้หายแค้นสักหมัด แต่ก็ช้ากว่าการ์ดสองคนที่ตอนนี้ กำลังเล็งปืนมาทางผม
“อ่ะๆๆ จะใช้กำลังเหรอคุณชนาธี ไหนบอกว่าตัวเองเป็นผู้ดี ไงล่ะครับ ตระกูลผู้ดีเก่าอย่างพวก สิริพิทักษ์ ชอบใช้กำลังแบบนี้เสมอหรือ
ครับ” อีกฝ่ายยังพล่ามไม่เลิก
“มึงไม่ต้องมาแดกดันกู ไอ้วัต คนอย่าง ชนาธี สิริพิทักษ์ ไม่เคยทำใครก่อนแล้วก็ไม่เคยลอบกัดใคร เพราะกูไม่ใช่หมาลอบกัดอย่างใครบางคน ”
“ฮ่าๆๆๆ เหรอครับ แต่ผมว่าเรามานั่งคุยกันอย่างที่ผู้ใหญ่เขาทำกันดีกว่านะ” เจ้าของบ้านที่ยังนั่งนิ่งเอ่ยบอกก่อนจะไล่ให้การ์ดออกไปข้างนอก ผมจำต้องนั่งลงที่เดิมทั้งๆที่ใจจริงอยากลุกไปต่อยหน้ามันสักครั้ง
“มีอะไรก็ว่ามาสิ”
“ผมอยากจะบอกคุณนะว่า ที่ผมให้คุณมาขัดดอกผมไม่ได้คิดพิศวาสอะไรในตัวคุณสักนิด ผมต้องการให้คุณมาเป็น คนใช้ส่วนตัวก็เท่านั้นเอง มันคงโก้ไม่น้อยนะครับที่มีคนใช้เป็น ชนาธี สิริพิทักษ์ หรือคุณว่าไงครับ คุณเล็ก” สายตาคมที่แผงความดูถูกมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า จนผมแทบอย่างจะต่อยหน้ากวนๆนั่นสักหมัด
“ไม่มีวัน ผมไม่มีวันรับข้อเสนอของคุณ เด็ดขาด”
“คิดให้ดีก่อนตัดสินใจนะครับ ผมให้เวลาคุณถึงพรุ่งนี้ไปคิดทบทวนให้ดี เรื่องนี้ผมไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว ถ้าคุณตกลง ผมจะผ่อนผันการ
ใช้หนี้ออกไปอีก สามเดือน แต่ถ้าไม่พรุ่งนี้เตรียมตัวหาที่อยู่ใหม่ได้เลย เชิญครับ”
ผมเดินออกจากบ้านนั้นด้วย ความสับสน ผมต้องทำยังไง ต้องเลือกทางไหนระหว่างศักดิ์ศรีกับความอยู่รอดของครอบครัวผมนั่งแท็กซี่ไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมายเพราะยังไม่อยากกลับไปตอบคำถามแม่ ผมต้องทำยังไงดี
“Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr”
“ว่าไง เมฆ” ผมพูดกับคนในสาย
“กูได้ข่าวว่ามึงไปหาไอ้วัตมาเหรอว่ะ” ข่าวไวจริง นี่ผมมีเพื่อนเป็นนักสืบหรือเปล่าครับเนี่ย
“ข่าวไวนะมึง”
“กูโทรไปถามคุณหญิงแม่มึง มาเว้ย แล้วนี่ตอนนี้มึงอยู่ไหนเนี่ย”
“อยู่บนแท๊กซี่ว่ะ”
“ไอ้เล็ก มึงโอเคนะ” ปลายสายถามอย่างเป็นห่วง
“เอ้ย กูระดับไหนแล้ว”
“เล็กตอนนี้มึงอยู่ไหน กูจะไปหา” ไอ้เมฆถามอย่างร้อนรน ด้วยความที่คบกันมานาน ไอ้เมฆมันคงรู้ว่าตอนนี้ผมไม่ไหวแล้ว
“ไม่ต้องมาหรอก มึงอยู่ที่คอนโดใช่ไหมเดี๋ยวกูไปหานะ”ผมบอก ตอนนี้อยากเจอไอ้เมฆที่สุดเพราะคงมีแค่ไอ้เมฆคนเดียวที่เข้าใจผม
“ไอ้เล็ก”
ผมโผเข้ากอดไอ้เมฆแทบจะทันทีที่มาถึง ไม่สนหรอกว่าใครจะมองพวกผมยังไง ผมแค่อยากกอดมันเท่านั้น
แค่อยากกอดเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตผม
“ไปขึ้นไปห้องกูก่อน อย่ามาร้องไห้แถวนี้นะเว้ยกูอายแทน” ไอ้เมฆบอกล้อๆ จนผมอดหัวเราะตามไม่ได้
ทุกครั้งที่อยู่กับไอ้เมฆผมจะรู้สึกผ่อนคลายเสมอมันทำให้ผมยิ้มได้แม้ว่าจะมีเรื่องมากมายก็ตาม
“ไหนมึงบอกมาดิว่าไอ้วัตมันว่าไงบ้าง” ไอ้เมฆถามทันทีที่ขึ้นมาถึงห้อง
ไม่ใช่ผมไม่อยากบอกแต่ไม่รู้จะบอกมันยังไงมากกว่า
“เฮ้ยอย่าเงียบดิ กูอยากรู้นะเนี่ย”
“คือ ไอ้วัต มันเอ่อ มัน”
“เอ๋า พูดมาสิว่ะ”
“มันให้บอกกูไปเป็นคนใช้มันแล้วมันจะผ่อนผันให้อีกสามเดือน”
“มันจะมากไปแล้วนะเว้ย เดี๋ยวกูไปพูดกับมันเองถ้าเรื่องมากนักกูจะใช้หนี้ให้มึงเอง”
“อย่าเลยว่ะ”
ผมรู้ว่าไอ้เมฆมันหวังดี แต่ถ้าผมยอมให้มันช่วย มันก็ไม่ต่างอะไรกับการยอมเป็นคนใช้ไอ้วัต แค่นี้ไอ้วัตมันก็ดูถูกผมมากอยู่แล้ว
ถ้ายอมให้ไอ้เมฆช่วยอีก มันคงได้หัวเราะเยาะผมแน่
“กูรู้ว่ามึงหวังดี แต่กูขอจัดการเองได้ไหม”
“เออ ตามใจแต่ถ้ามึงมีอะไรรีบบอกกูเลยนะเว้ย กูเป็นห่วงมึงนะ”
ไอ้เมฆบอกผมก่อนที่จะยิ้มให้กำลังใจ รอยยิ้มของเพื่อนทำให้ผมมีแรงที่จะต่อสู้กับปัญหาอีกโข ผมรู้ว่าต่อให้คนบนโลกนี้ไม่มีใครต้องการผม แต่ไอ้เมฆจะไม่มีวันทิ้งผม และผมก็จะไม่มีวันทิ้งมันเหมือนกัน
.........................................TBC.................................................................
กลับมาแล้วหลังจากหายไปนานแสนนาน
เพิ่งจะมีเวลาว่าง จริงๆเรื่องนี้คิดมานานมากแล้ว
แต่เพิ่งมีโอกาสจะได้ลง อิอิ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ
............................................
นิยายเรื่องนี้มีภาคต่อ แล้วนะจ๊ะ
อยากอ่าน จิ้มเลย ปล แต่คงต้องอ่านเรื่องนี้จบก่อนเพราะไม่งั้นคุณจะ งง ในบางตอน
ร้อยบ่วง ห้วงรัก (ใหญ่ เมฆ)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36537.0รักวุ่นๆ กรุ่นกาแฟ (ต้น ไม้)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40963.0