แอบมารัก ... ก็ไม่บอก 20/05/2015
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แอบมารัก ... ก็ไม่บอก 20/05/2015  (อ่าน 412346 ครั้ง)

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
ตอนที่ 6




เช้านี้ยังเป็นเช้าปกติเหมือนทุกๆวันครับ ผมเดินผ่านประตูโรงเรียนไม่ถึงสิบก้าว พี่หนึ่งหัวหน้าชมรมห้องสมุดก็คว้าแขนผมเอาไว้ ผมชะงักไปเล็กน้อยด้วยความตกใจ

   “หวัดดีครับพี่”

   “อืมดีๆ คิดว่าจะไม่เจอแล้วนะเนี่ย” พี่หนึ่งพูดขึ้น แล้วเธอก็ลากแขนผมเดินต่อ แน่นอนว่ามีหลายสายตามองมาที่ผม ก็แน่ล่ะว่าพี่หนึ่งเองก็ใช่ว่าหน้าตาไม่ดีเสียเมื่อไหร่กัน

   ผมสีดำที่มัดเป็นทรงหางม้าผูกกับริบบิ้นสีน้ำเงินเข้มสะบัดไปมาเบาๆ นัยน์ตากลมโตสีดำสนิทกับผิวขาวเกลี้ยง ถึงลักษณะโดยรวมจะดูเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน แต่ถ้าได้คุยหรือรู้จักก็จะรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้คล่องแคล่วและมั่นใจในตัวเองอย่างชวนมองเลยทีเดียว

   “แล้วพี่จะพาผมไปไหนครับเนี่ย”

จริงๆแล้วพี่ไม่ต้องลาก ผมก็ยอมเดินไปกับพี่ดีๆนะครับ...

   “เรื่องมาสคอตไง พวกพี่ทำมาแล้ว เลยกะว่าจะให้ปอมาลองใส่ดู”

   จริงสิ! ผมลืมไปเสียสนิทว่าผมได้รับเกียรติอันสูงส่งมาทำหน้าที่นี้ แต่ว่า...

   “เอ่อ.. ให้ผมทำอย่างอื่นแทนไม่ได้เหรอครับ” ผมลองถามดู เผื่อมีทางเลือกที่ดีกว่านี้

   “งานนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ไม่ต้องอายนะ พี่ทำหัวมาคลุมหน้าไว้ด้วย รับรองไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นเราน่ะ” พี่หนึ่งพลางส่งยิ้มมาให้

   “แต่ว่า...”

   “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มติพวกพี่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น” พี่หนึ่งหยุดเดิน พร้อมหันมาบอกผมเสียงเข้ม ก่อนเธอจะลากแขนให้ผมเดินต่ออีกครั้ง ผมก็ได้แต่ถอนหายใจปลงกับชีวิตครับ

   พี่หนึ่งพาผมมาเจอกับพวกพี่คนอื่นๆในชมรม ตอนนี้พี่จอยกำลังมองผมอยู่พลางส่งยิ้มทักทาย พี่ตาลกำลังค้นอะไรบางอย่างในถุงพลาสติกขนาดใหญ่ ส่วนพี่แหวนก็กำลังส่งยิ้มร่ามาให้

   “มาแล้วก็ดีเลย จะได้ลองว่าใช้ได้หรือเปล่า” พี่แหวนว่า

   “เดี๋ยวให้ลองใส่หัวดูก่อนว่าพอดีหรือเปล่า” พี่ตาลพูดต่อ ก่อนจะหยิบหัวของหุ่นที่ผมต้องใส่มาให้ ผมรับมามองดูครู่หนึ่ง มันเป็นหัวกลมๆธรรมดาครับ แถมใส่แว่นด้วย

   “เอ้า! อย่ามัวแต่มองลองใส่ดูสิ” พี่หนึ่งเร่ง ก่อนจะคว้าหัวของหุ่นที่ทำจากกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วทาสีสวมลงบนหัวของผม ตอนนี้ทัศนวิสัยของผมเป็นศูนย์แล้วครับ มืดมาก

   ก่อนผมจะสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้สึกมีอะไรบางอย่างดันเข้ามาเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงพี่จอยถาม “ประมาณนี้หรือเปล่าปอ”

   “ครับ” ผมตอบเสียงเบา กลัวพี่เขาแทงทะลุเข้าตาผมมากครับ พวกพี่เขากำลังเจาะลูกตาให้หุ่นอยู่ครับ หลังจากพี่จอบเอาไปเจาะรูคราวๆ ก็ส่งมาให้ผมลองใส่อีกครั้ง

   “กูว่าใช้ได้แล้วนะ” พี่หนึ่งว่า พลางมองหน้าผม ส่วนผมเองตอนนี้ก็มองเห็นโลกภายนอกแล้วครับ ยังดีที่พวกพี่ทำรูหายใจให้ผมด้วย ขนาดใส่แค่แปบเดียวยังรู้สึกได้ถึงความอึดอัดเลย

   “ส่วนหัวโอเคแล้ว มาลองส่วนตัวดูบ้าง” พี่ตาลว่าพลางส่งชุดที่ทำมาจากกระดาษลังมาให้ ลักษณะของชุดเป็นแบบประกบหน้าหลังแล้วเชื่อมติดด้วยตีนตุ๊กแกครับเลยใส่ได้ง่าย ไม่ทันที่ผมได้ดูชุดของตัวเอง พี่แหวนก็คว้าหัวของหุ่นที่ผมถอดวางไว้ก่อนมาสวมให้ผมอีกครั้ง

   ผมได้แต่กระพริบตา ก่อนจะโดนพี่หนึ่งหมุนไปหมุนมา “อืมๆ สั้นไปหน่อยแต่ก็โอเคแล้ว ไม่ต้องแก้อะไรหรอก”

   ในที่สุดผมก็ได้ถอดชุดมาสคอนี่ออก หลังจากถูกพวกพี่วิจารณ์มาได้สักครู่ ผมส่งยิ้มแห้งๆให้พี่เขา “เสร็จแล้วใช่ไหมครับ” รีบไปก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวมีงานอะไรเข้ามาอีก

   “ปอเดี๋ยวมาเจอพวกพี่ตอนพักที่ห้องสมุดด้วยล่ะ” พี่ตาลว่า

   “มีอะไรอีกเหรอครับ”

   “เรานี่ก็ถามแปลกๆ กลางวันนี้จะมีการโปรโมตงานกัน วันพุธนี้ก็วันงานแล้วนะ” พี่หนึ่งว่า

   “เอ่อ... เริ่มวันนี้เลยเหรอพี่” ขอผมไปทำใจก่อนได้ไหมครับ เฮ้อ...

   “ไม่เริ่มวันนี้จะเริ่มวันไหนล่ะ! แล้วก็มาเร็วๆด้วยนะ” พี่แหวนว่าปิดท้าย

   หวังว่างานนี้จะไม่ทำให้ผมอับอายนะครับ สาธุ!


:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …



   ผมรู้สึกไม่สงบเลยครับ ยิ่งเห็นเวลาที่กำลังเดินแบบไม่สนใจใครแล้วก็ได้แต่นึกปลงชีวิต ไม่อยากนึกภาพว่ากลางวันนี้จะเป็นยังไงบ้าง

   “เป็นอะไรเห็นดูนาฬิกาอยู่เรื่อย” ไอ้ดิวมันทักผม ธรรมดาผมจะตั้งใจเรียนครับ ไม่ได้ลุกลี้ลุกลนเหมือนตอนนี้

   “ช่างกูเหอะ”

   ผมมองไอ้ดิวแบบไม่สนใจ ก่อนจะลอบถอนหายใจอีกครั้ง คุณคงอยากรู้ว่าหลังจากไอ้ดิวไปค้างที่บ้านแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันไม่มีอะไรหรอกครับ นอกจากวันต่อมาผมหูชาเพราะโดนแม่บ่นตลอดทั้งวัน ส่วนสาเหตุก็หนีไม่พ้นคนที่มารบกวนผมเนี่ยแหละครับ เพราะมันดันตื่นแต่เช้าแล้วกลับไปก่อน โดยที่ไม่บอกผมสักคำ แม่ของผมก็โวยเลยครับว่า ผมนอนกินบ้านกินเมือง เพื่อนเขาหนีกลับไปแล้วยังไม่รู้เรื่องอีก งานนี้ก็เซ็งกันไปตามระเบียบ

   แน่นอนผมไม่ได้เก็บความคับแค้นใจไว้คนเดียวหรอกครับ หลังจากระบายให้น้องสาวคนเล็กที่นั่งฟังผมโดยไม่พูดอะไรนอกจากพยายามจะเข้ามาเลียหน้า ผมก็จัดการโทรไปหาต้นตอเพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้มันฟัง แล้วก็ตามเคยครับ มันได้แต่หัวเราะตอบกลับมาเท่านั้น น่าเบื่อจริงๆ

   เสียงหมดเวลาเรียนดังขึ้น ธรรมดาผมจะรู้สึกยินดีที่ได้ยินเสียงนี้ แต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้ครับ เสียงออดหมดเวลาเมื่อครู่ไม่ต่างจากระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลังแล้วในที่สุดมันก็ระเบิดจนได้ ไม่มีทางหนีครับ คงได้แค่จำใจรับความเป็นจริงเท่านั้น

   “กูไม่ไปกินข้าวนะ” ผมบอกไอ้กี้ที่ตอนนี้กำลังลุกจากเก้าอี้

   “ไปไหนวะ ซ้อมบาสเหรอ” ไอ้กี้ถามกลับ ผมกำลังลังเลว่าจะบอกความจริงดีไหมหรือว่าเออออตามมันไปดี สายตาก็เห็นนิ้งกับอั๋นมายืนรออยู่ที่หน้าห้อง

   สงสัยพวกพี่ๆกลัวผมหนีไปกลางคัน ถึงได้สั่งให้พวกนี้มันรับถึงหน้าห้อง เหอะๆ...

   “ไปงานชมรมว่ะ ไว้เจอกันตอนเรียนเลยแล้วกัน” ผมรีบบอกก่อนจะเดินไปสมทบกับเพื่อนร่วมชมรมที่รออยู่ ไม่ได้สนใจเพื่อนอีกสามคนในกลุ่มที่มองตามมา

   “เห็นพวกพี่ๆบอกว่าปอได้เป็นมาสคอตประจำงาน” นิ้งถามขึ้น ผมได้แต่พยักหน้ารับ ส่วนอั๋นก็หัวเราะพลางถอนหายใจ

   “กูก็นึกว่าต้องมาใส่ชุดบ้าๆนั่นแล้ว โชคดีที่เป็นมึงแทน” อั๋นบอกกับผมอย่างโล่งอก ผิดกับผมที่ตอนนี้อยากกลั้นหายใจตายให้รู้แล้วรู้รอด

   “พอดีกูไม่ว่างตอนเย็นไง พี่เขาเลยให้มารับหน้าที่นี่แทน” ผมว่าเซ็งๆ รู้อย่างนี้ไม่บอกว่าไม่ว่างก็ดี แล้วค่อยมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันทีหลัง

   “แล้วมึงไปไหนวะปอ” อั๋นถามผมต่อ

   “กูลงแข่งบาส แล้วมีซ้อมตอนเย็น”

   “มึงลงแข่งกีฬาหรือวะ กูก็ลงแต่คัดตัวไม่ผ่านเลยหันมาดูกองเชียร์แทน” อั๋นว่าพร้อมกับนิ้งที่ยิ้มขึ้น เมื่ออั๋นเริ่มเล่าเรื่องตลกตอนซ้อมเชียร์ให้พวกเราฟัง ผมคงจะหัวเราะได้มากกว่านี้ถ้าตอนนี้ไม่มีเรื่องกังวลใจอยู่

   ผมไม่เคยไปห้องสมุดด้วยความเหนื่อยใจแบบนี้มาก่อน...

   ทันทีที่พวกเราสามคนเปิดประตู ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็โหมเข้าโอบล้อมร่างกายราวกับต้อนรับ พวกพี่ๆกำลังรวมตัวกันอยู่ที่มุมหนึ่งในห้องสมุด

   “มากันแล้ว เดี๋ยวอั๋นกับนิ้งช่วยกันแจกใบปลิวด้วยนะ” พี่จอยว่าพลางยื่นกระดาษขนาดเอห้าที่ซีรอกซ์ข้อความประชาสัมพันธ์เรื่องงานสัปดาห์ห้องสมุด ผมได้แต่มองตาละห้อยก่อนจะโดนพี่แหวนดึงไปหาพี่ตาลที่เตรียมชุดรออยู่แล้ว

   “อย่าทำหน้าเหมือนจะไปตายอย่างนั้นสิ” พี่แหวนแซวผม ผมเลยได้แต่ยิ้มแห้งส่งรับคำเย้านั้น ก่อนหัวของหุ่นจะถูกสวมลงมาที่หัวของผม พร้อมกับชุดที่พี่แหวนช่วยใส่ให้ มานึกๆแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะแปลงร่างเหมือนในการ์ตูนไม่มีผิด

   “ไหนลองเดินไปเดินมาหน่อย” พี่ตาลว่า ผมก็เดินตามที่พี่เขาบอก ไม่เห็นภาพตัวเองเลยครับว่าเป็นยังไงบ้าง แต่คิดว่าก็ดีเหมือนกัน ไม่งั้นผมอาจจะช็อคเพราะรับสภาพของตัวเองไม่ได้ขึ้นมาก็ได้

   “น่ารักจัง”

   เสียงของนิ้งที่ดังขึ้นข้างหลัง ทำให้ผมต้องหันไปมอง ก่อนจะเห็นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของนิ้งกับอั๋นที่กำลังยืนมองอยู่

   “เจ๊มันมีชื่อหรือเปล่าอ่ะ” อั๋นหันไปถามพี่แหวน พี่เขาทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมา

   “ชื่อว่าบุ๊คคุงแล้วกัน!”

   เอ่อ ... ไม่ต้องมีชื่อก็ได้มั้งพี่ เฮ้อ



:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …



   เสียงจอแจในช่วงพักกลางวันนั้นปกติ แต่ที่แปลกมาหน่อยวันนี้ผมต้องมายืนอยู่หน้าโรงอาหาร โดยมีพี่หนึ่งถือโทรโข่งป่าวประกาศงานสัปดาห์ห้องสมุดที่จะมีในอีกสองวันข้างหน้านี้แล้ว โดยมีนิ้งกับอั๋นมาช่วยกันแจกใบปลิวให้นักเรียนที่เดินผ่าน พวกพี่แหวน พี่จอยและพี่ตาลไปดูแลงานในส่วนอื่นๆต่อ ส่วนผมตอนนี้ก็ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ครับ

   “เอ้า! อย่ามัวแต่ยืนนิ่งสิ” พี่หนึ่งว่า ก่อนจะร้องตะโกนผ่านโทรโข่งในมืออีกครั้ง

   “มึงก็เต้นดิ เหมือนที่เห็นตามสวนสนุกไง” อั๋นหันมาบอกผมยิ้ม ส่วนผมได้แต่สบถในใจ ไม่ได้ทำตามที่มันบอกหรอกครับ ผมก็ยืนอยู่เฉยๆ จนพี่หนึ่งจ้องยัดกระดาษใส่มือ แล้วร้องบอกเสียงดังผ่านโทรโข่งค่อ

   “วันนี้พวกเราก็มีบุ๊คคุง! มาสคอตประจำงานปีนี้มาด้วย สามารถมาถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกได้นะคะ!” พี่หนึ่งร้องบอก พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ผมเห็นนิ้งกับอั๋นหัวเราะกันใหญ่ เอาล่ะครับ! ผมขอลาชีวิตวัยรุ่นที่สดใสของผมไว้ที่นี้เลยแล้วกัน

   “เฮ้ยพวกมึงดูดิ!”

   เสียงคุ้นหูดังขึ้น ทำให้ผมต้องหันไปมองก่อนจะเห็นไอ้กี้กำลังรับใบปลิวจากนิ้งแล้วมองมาที่ผม แถมพ่วงด้วยโต้งกับไอ้ดิวที่กำลังรับใบปลิวจากอั๋นมา ตอนนี้ผมก็ยืนนิ่งแล้วครับ เหมือนมีใครมาหยุดเวลาไว้ โคตรอายเลยครับ!

   “จะมีคนมาถ่ายรูปด้วยเหรอพี่ ตลกว่ะ” ไอ้กี้มันเข้าไปถามพี่หนึ่งตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น พี่หนึ่งหันมามองไอ้กี้โดยที่รอยยิ้มไม่ได้หายไปจากใบหน้า

   “คุณน้องค่ะ ถ้าใครมาถ่ายรูปกับบุ๊คคุงมีสิทธิ์ชิงรางวัลกับทางชมรมด้วยนะคะ” พี่หนึ่งพูดผ่านโทรโข่ง ส่วนผมนี่งงไปหมดแล้วครับ มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?

   “โอ้ว! แล้วชิงรางวัลอะไรอ่ะพี่” ไอ้กี้มันทำตาโตแบบสนใจครับ

   “เรื่องของรางวัลจะประกาศตอนวันงานนะคะน้อง แต่รับรองว่าเด็ดแน่นอนค่ะ!” พี่หนึ่งว่าเสร็จก็หัวเราะ ไอ้กี้เหวอไปเลยครับ

   “ชมรมของแมลงปอนี่” ไอ้ดิวมันพูดขึ้น ก่อนจะหันไปคุยกับโต้งที่กำลังอ่านเนื้อหาในกระดาษแล้วพยักหน้าเห้นด้วย

   “เออจริงด้วย! ที่มันไม่ไปกินข้าวเพราะมาช่วยงานนี้แหงมๆ” ไอ้กี้มันว่าพลางมองไปรอบๆ ทีอย่างนี้มึงล่ะฉลาดจริง แต่ว่าตอนนี้พวกมึงรู้เรื่องกันแล้วก็ไปได้แล้ว มายืนคุยอะไรตรงนี้!

   “ขอถ่ายรูปหน่อยได้เปล่าพี่”




 :call:Note:::

-ขอมาแบบ 50% ก่อนนะคะ กำลังปั่นอยู่ แหะๆ
โปรดให้อถัยในความอ่อนด๋อยของน้องดิวที่ไม่สามารถรุกฆาตแมลงปอได้ เอิ๊กๆ  o18
เอาเป็นว่าปล่อยให้น้องดิวมันตะล่อมไปเรื่อยๆก่อนแล้วกันค่ะ มันไม่รีบ อิอิ

ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ หวังว่าจะชอบตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้ค่ะ แหะๆ
น่าจะลงทันตอนเย็นนะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2012 14:37:47 โดย marionatte »

mengsama

  • บุคคลทั่วไป
ดิวต้องรุกกว่านี้นะ อิอิ ^^



ปล.คนเขียนเป็นแฟนคลับแจจุงหรือคะ เหมือนเค้าเลยเค้าชอบแจจุงมากกกกกกก ><

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
หุๆๆ บุ๊คคุงแมลงปอเจอรุกคุงดิวแล้ว
เป็นกำลังใจให้นะคะ คนเขียน

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5


“เฮ้ย!” ผมร้องตกใจกับตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นโต้งเข้าไปถามพี่หนึ่งที่ตอนนี้ยิ้มรับ เอาจริงดิ!

   “เชิญเลยค่ะ แต่ว่ามีค่าถ่ายรูปนะคะ”  พี่หนึ่งว่า ก่อนจะส่งยิ้มการค้าไปให้โต้งที่หยิบประเป๋าตังมาควักเงินหน้าตาเฉย มึงบ้าไปแล้วโต้ง!

   พี่หนึ่งวางโทรโข่งก่อนจะบอกราคารูปละยี่สิบบาท ซึ่งโต้งก็ไม่ได้บ่นอะไร หลังจากลงชื่อไว้บนกระดาษแล้ว มันก็เดินมายืนข้างผมที่ตอนนี้หันไปมองคนข้างตัวแบบงงสุดๆ

   “ปอใช่ไหม”

เสียงของโต้งที่ดังขึ้น ทำให้ผมเหมือนโดนฟ้าผ่า ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วเข้าไปยืนชิดตามที่พี่หนึ่งบอก ก่อนพี่เขาจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายไว้

“เราจะประกาศผลอีกทีตอนวันงานนะคะน้อง” พี่หนึ่งว่า โต้งก็พยักหน้าก่อนจะเดินไปหาพวกไอ้กี้กับไอ้ดิวที่ยืนรออยู่พร้อมกับที่ผมรู้สึกหัวคิ้วกระตุกขึ้นเมื่อเห็นว่าไอ้ดิวกำลังมองมา

“เดี๋ยวกูไปถ่ายมั้ง” จู่ๆไอ้ดิวมันก็พูดขึ้น แน่นอนว่าตอนนี้พี่หนึ่งยิ้มไม่หุบเลยครับ ก็ตัวเรียกลูกค้ามาแล้วนี่หน่า

“อ้าวน้องดิวจะถ่ายรูปกับบุ๊คคุงด้วยเหรอคะ” พี่หนึ่งยิ้มรับ เมื่อเห็นไอ้ดิวเดินเข้ามาหา

“ครับ ถ้าถ่ายมากกว่าหนึ่งรูปนี่ได้ไหมครับ” ไอ้ดิวว่าพลางส่งยิ้มมาให้พี่หนึ่งเธอเขินเล่น ก็อย่างที่บอกกันนั่นแหละครับว่ามันฮอต

“ได้ค่ะๆ แต่ว่าก็ต้องเสียเงินมากขึ้นด้วยนะคะ” ถึงพี่หนึ่งจะปลื้มขนาดไหน แต่เรื่องเงินก็สำคัญกว่าอยู่ดี เหอะๆ

“ครับ งั้นขอสองรูปนะครับ” ไอ้ดิวว่า ก่อนจะหยิบเงินส่งให้พี่หนึ่งแต่โดยดี

ผมยืนเกร็งขึ้น เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของมันที่ส่งมาให้ ผมรอดูว่ามันจะพูดอะไรหรือเปล่า แต่ไม่มีครับ ไอ้ดิวมายืนข้างผมก่อนจะดึงแขนผมไปกอดไว้ก่อนจะโพสท่าชูสองนิ้วตามสมัยนิยมพร้อมกับเสียงของเหล่าบรรดานักเรียนหญิงที่ยืนดูมันอยู่ดังขึ้น ผมตกใจจนเกือบจะกระชากแขนออก ถ้าไม่ได้ยินเสียงพี่หนึ่งซะก่อน

ก่อนการถ่ายภาพครั้งที่สองจะทำให้ผมหายใจสะดุดยิ่งกว่าเดิม เมื่อไอ้ดิวมันกอดคอผมเข้ามาใกล้ โชดคีที่หัวของหุ่นที่ผมใส่มันใหญ่เลยยังสร้างระยะห่างระหว่างมันกับผมได้ แล้วไอ้หน้ายิ้มก็ยื่นหน้ามาใกล้หน้าของผมพร้อมกับส่งยิ้มใส่กล้อง ผมหันไปมองมัน ก่อนจะได้ยินเสียงพี่หนึ่งบอกว่าถ่ายรูปเสร็จแล้ว

   “แล้วผมจะได้รูปที่ถ่ายไว้ไหมครับ” ไอ้ดิวเข้าไปถามพี่หนึ่งอีกครั้ง ส่วนพี่หนึ่งก็ยิ้มรับ ก่อนจะบอกว่าจะล้างส่งให้ทีหลัง
 
“ไม่นึกว่าน้องดิวจะมาร่วมสนุกกับทางชมรมด้วย” พี่หนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวาน

“ก็มันน่ารักดี ใครมาถ่ายรูปด้วยคงจะน่ารักมากเลยนะครับ” ไอ้ดิวว่ายิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆที่เหล่าบรรดานักเรียนหญิงที่มองรอยยิ้มนั่นตาเยิ้ม

พวกมันเดินจากไปแล้ว แต่เพราะการประชาสัมพันธ์ของพี่หนึ่งรวมถึงการดึงกลุ่มนักเรียนโดยไม่ได้ตั้งใจของไอ้ดิว ทำให้มีนักเรียนหญิงอีกหลายคนเข้ามาถ่ายรูปด้วย ไม่นับรวมถึงนักเรียนชายที่พี่หนึ่งล่อลวง? มาอีก ผมก็ได้แต่ยืนเกร็งเป็นหุ่นเท่านั้นแหละครับ

“พี่หนึ่งสุดยอดเลยค่ะ!” นิ่งเอ่ยชม ตอนนี้พวกเรากลับมาอยู่ที่ห้องสมุดอีกครั้งแล้วครับ เพราะใกล้จะหมดเวลาพักแล้ว ที่สำคัญคือผมยังไม่ได้กินอะไรเลยแม่แต้น้ำสักหยด

“มีแผนการตลาดแบบนี้ก็ไม่บอกล่วงหน้า” อั๋นพูดบ้าง พลางมองไปยังจำนวนเงินที่พี่หนึ่งนำออกมานับ

“เปล่าย่ะ! ฉันเพิ่งคิดได้สดๆร้อนๆตอนนั้นนั่นแหละ ก็เห็นปอไม่ทำอะไรเลย แต่ว่านะ ... ไม่นึกว่าจะได้ผลด้วยนะเนี่ย” พี่หนึ่งพูดอย่างถูมิใจ ตอนนี้ผมถอดชุดออกหมดแล้วครับ เหงื่อออกเต้มตัวเลย

“โชคดีที่เพื่อนปอม่วยเปิดงาน แถมน้องดิวยังมาช่วยโฆษณาด้วย” พี่หนี่งเอ่ยอย่างมีความสุข สงสัยงานนี้คงหาทุนคืนได้แล้วล่ะครับ เหอะๆ

 “แต่ว่าของรางวัลนี่ มันคืออะไรเหรอคะ” นิ้งถามอย่างสงสัย ผมเองก็สงสัยครับ

“ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิดอ่ะ เดี๋ยวต้องลองคุยกับพวกนั้นดูอีกทีนึง” พี่หนึ่งว่าอย่างครุ่นคิด พวกนั้นที่วาก็คงเป็นพี่แหวน พี่ตาลและพี่จอยนั่นแหละครับ แต่เรื่องนั้นผ่านมันไปก่อนเถอะ มาคุยเรื่องของผมดีกว่า

“แล้วพรุ่งนี้ผมต้องแต่งตัวแบบนี้อีกหรือเปล่าพี่” ผมถามพี่หนึ่งเสียงอ่อย แต่ดูเหมือนความอ่อนล้าของผมจะไม่มีผลต่อความตั้งใจของพี่เขาครับ เวรกรรม...

“เหมือนเดิมนั่นแหละปอ” พี่หนึ่งพูดพลางส่งยิ้มสดใส



:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …



ผมเดินหมดแรงเหสื้อชุ่มขึ้นห้องเรียนครับ ยังดีที่ตอนนี้อาจารย์ยังไม่เข้ามาสอน ผมนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองที่ตอนนี้สมาชิกในกลุ่มอยู่กันครบทืม

“เมื่อกลางวันมึงไปช่วยงานชมรมมาใช่เปล่าวะ” ไอ้กี้ถามผม ผมก็พยักหน้ารับ “เมื่อกลางวันไอ้ดิวกับไอ้โต้งไปถ่ายรูปกับมาสคอตของชมรมมึงด้วยวะ โคตรฮา” ไอ้กี้เล่าต่อพลางหัวเราะ

ผมก็หัวเราะนะครับ แต่หัวเราะในคอ ไม่กล้าหยั่งเชิงถามมันครับ ว่ามึงไม่รู้หรือไงว่าไอ้ตัวตลกที่มึงว่าเนี่ยคือกู! เอาเป็นว่าเงียบไว้แล้วกันครับ เหอะๆ

“เฮ้ย! กูเพิ่งนึกได้ว่าวิชาต่อไปมีการบ้านนี่หว่า” ไอ้กี้ร้องขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะหันไปหาโต้งที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูนรายสัปดาห์อยู่

“ทำแล้ว” โต้งตอบอย่างไม่ได้สนใจท่าทีแตกตื่นของคนที่นั่งข้างกันเลยสักนิด

“ทำไมมึงไม่เตือนกูเลยวะ” ไอ้กี้บ่นขึ้น พร้อมกับหาสมุดการบ้านที่ว่าทันที ก่อนมันจะหันไปบ่นกับไอ้คนข้างตัวอีกครั้ง "เอามาให้กูลอกเลย"

“กูไม่ให้ลอก” โต้งพูดออกมาตรงๆ และนั่นทำให้ไอ้กี้ที่เบิกบานเมื่อครู่ ตอนนี้อารมณ์บูดสนิท เพราะรู้ว่าโต้งเป็นพวกตื้อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ไอ้กี้เลยหันมาทางผมแทน

“ไอ้ปอมึงเอามาให้กูลอกหน่อย ไอ้โต้งแม่งใจดำ”

“อืมๆ” ผมกำลังจะหันไปหยิบสมุดของผม ไอ้ดิวมันก็ยื่นของมันไปก่อน ไอ้กี้รีบคว้าไว้ ก่อนจะหันไปนั่งลอกอย่างรวดเร็วไม่ได้สนใจใครอีก ผมถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นโต้งมันหันมามองไอ้ดิวแบบไม่พอใจหน่อยๆ ส่วนไอ้หน้ายิ้มก็ทำหน้าไม่รู้เรื่อง ก่อนโต้งจะหันกลับไปอ่านการ์ตูนเหมือนเดิม

ผมก็พอรู้ว่าโต้งคงต้องการให้เพื่อนทำการบ้านเองมากกว่า แต่เวลาแบบนี้ใครมันจะสนล่ะวะ...

จู่ๆก็มีแซนวิซวางลงบนโต๊ะของผม ไม่ทันที่ผมอ้าปากออกเสียง คนที่ส่งมาให้ก็ดันชิงพูดขึ้นซะก่อน “คิดว่ามึงยังไม่ได้กินอะไรหรอกใช่ไหม”

“ขอบใจ” ผมไม่ได้อยากนึกเท้าความว่ามันรู้ได้ยังไง เอาเป็นว่าตอนนี้ผมหิวมากเกินกว่าจะสนใจเรื่องหยุมหยิมแบบนี้ครับ ผมกำลังจะหยิบแซนวิซตรงหน้าขึ้นไปกิน ทว่ายังไม่ทันหยิบ ไอ้หน้ายิ้มมันก็หยิบหนีมือของผมไป ผมหันไปมองมันอย่างไม่สบอารมณ์เลยครับ เดี๋ยวอาจารย์มาก็ไม่ทันได้กินกันพอดี

“แหมๆ ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นก็ได้นี่ จ่ายเงินมาด้วยไม่ได้ซื้อมาให้ฟรีๆหรอกนะ” ไอ้ดิวว่าพลางแบมือมาตรงหน้าผมแบบขอนิยามว่าท่าทางแบบนั้นมันกวนอารมณ์ของผมเสียจริงๆ  ตอนนี้รู้สึกเส้นประสาทแตกราวกับแก้วที่ค่อยเกิดรอยร้าวเลยครับ

“ขี้ตืด” ผมบ่นกับออกมา ก่อนจะหยิบเงินส่งกระแทกใส่ให้มันไป ไอ้ดิวก็รับก่อนจะส่งแซนวิซในมือมันมาให้ผม แล้วใช้แขนหนุนหัวตัวเองพร้อมกับมองมา

ไอ้หน้ายิ้มก็ยังคงทำหน้ายิ้มได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ตอนนี้ใบหน้าที่หลายคนๆนิยามว่าหล่อเหลวชวนให้ใจเต้นนั้น อีกทั้งยังแต้มด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ซึ่งคำนิยามที่ว่านั่นไม่ได้ผิดจากความเป็นจริงเลยสักนิด ตอนนี้ผมกำลังใจเต้น แต่คงไม่ใช่เพราะเขินอายกับสายตาคู่นั้น แต่เป็นเพราะมันกำลังมองดูผมกินแต่ละคำอย่างไม่ละสายตาต่างหาก

“มองคนอื่นกินอยู่ได้ เสียมารยาท” ผมว่า ก่อนจะจ้องมันเขม็ง แน่นอนว่าไม่ได้หยุดกินหรือตอนนี้เรียกว่ายัดเลยละครับ ยิ่งได้ยินเสียงในห้องเริ่มป่าวประกาศเป็นทำนองว่าตอนนี้อาจารย์เดินมาแล้ว

ทันทีที่ยัดคำสุดท้ายหมด ผมก็รีบเคี้ยวเร็วๆแล้วกลืน ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย เมื่อจู่ๆไอ้ดิวก็ยื่นมือของมันออกมาที่หน้าผม ไม่ทันที่สมองได้ทันสั่งการ นิ้วโป้งของมันก็ป้ายบนริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็ว ผมตาโตขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่รู้สึกว่าหยุดทำงานไปชั่วขณะ

ทันทีที่เห็นคราบมายองเนสเปื้อนที่ปลายนิ้วของคนตรงหน้า พลันหัวใจก็รู้สึกเต้นแรงผิดปกติขึ้นมา ก่อนจะมองไปยังเจ้าของปลายนิ้วที่กำลังทำหน้ายุ่งใส่ พร้อมกับยื่นนิ้วที่เปื้อนมาตรงหน้าของผม

“กินเลอะเทอะเป็นเด็กๆไปได้ ดูสิ!”

“ห๊ะ?”

ผมเพิ่งรู้สึกและเข้าใจอาการที่เรียกว่าช็อคจนพูดอะไรไม่ออกก็ตอนนี้แหละครับ แถมยังรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว พร้อมเสียงหัวใจที่เต้นราวกับรัวกลอง ก่อนผมจะกระพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นไอ้ดิวมันหัวเราะออกมาเบาๆ ท่าทางหน้าตาของผมตอนนี้คงตลกมาก ผมหน้ามุ่ยลงเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกแกล้งอีกแล้ว

“ไอ้สัด!” ผมสบถอย่างหงุดหงิด กำลังจะไปหากระดาษทิชชูมาเช็ด ปลายสายตาก็เห็นไอ้หน้ายิ้มเลียนิ้วของตัวเองซะอย่างนั้น
ทั้งๆที่มันเลียนิ้วตัวเอง แต่ทำไมผมถึงรู้สึกหัวใจที่เหมือนจะสงบได้เมื่อครู่ก็ดันเต้นแรงจนตัวเองยังตกใจ ใบหน้าที่ยังรู้สึกร้อนไม่จางหายตอนนี้กลับรู้สึกว่าแทบจะระเบิดออกมา

มึงทำอะไรของมึงไอ้ดิว!!!....

“มีอะไรงั้นเหรอ” ไอ้หน้ายิ้มถามพลางทำหน้าสงสัย

“อะ...เอ่อ...มึงเลียนิ้ว” ผมรวบรวมกำลังก่อนจะพูดออกไปเสียงแผ่ว ทั้งที่คิดว่าพูดด้วยน้ำเสียงดังชัดเจนแล้วแท้ๆ ส่วนไอ้คนฟังก็หัวเราะตอบกลับมา

“แล้วไง” ไอ้ดิวว่าพลางอมยิ้มบางๆ แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วครับ สมองของผมตอนนี้กำลังบอกว่า มันไม่ใช่แบบนี้สิ!

“กูกำลังจะหากระดาษทิชชู”

“ก็เรื่องของมึงสิ”

ไอ้บ้าเอ๊ย!

 “แล้วทำไมมึงไม่หาทิชชู่มาเช็ด มันสกปรก” ผมจ้องตามันเขม็ง ทั้งที่อารมณ์ยังไม่คงที่ แต่ไอ้ดิวกลับมองเหมือนผมพูดอะไรแปลกๆ

“แล้วมึงจะยุ่งอะไรกับกูล่ะแมลงปอ กูไม่ได้ให้มึงมาเลียสักหน่อย”

ประเด็นมันไม่ใช่ตรงนั้นเว้ย!

“แต่มันเพิ่งเปื้อนจากปากกู” ผมบอกมันเบาๆแต่ยังแฝงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ มันก็หยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะยิ้มออกมา

“อ่อเข้าใจแล้ว ทีหลังก็บอกกูก่อนสิว่ามึงจะเลียเอง”

“ไม่ใช่โว้ย!”

“มีอะไรอย่างนั้นหรือกนกพล!” เสียงอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องถามผมด้วยความสงสัย ผมก็เลยได้แต่หัวเราะ ก่อนจะบอกว่าไม่มีอะไรพร้อมกับเสียงหัวเราะของไอ้หน้ายิ้มที่ดังขึ้นข้างๆ

 ผมถอนหายใจ ก่อนจะมองไปยังใบหน้าตัวการที่ตอนนี้มันกำลังหันไปมองอาจารย์ที่หน้าห้องแล้ว ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ แค่รู้ว่าเหนื่อย ทั้งๆที่ยังไม่ได้ขยับตัวไปไหน ความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วหน้ากำลังทำงานจนผมต้องโบกมือพัดเบาๆ

วันนี้มันคงไม่ใช่วันของผมจริงๆสินะครับ เฮ้อ...



TBC:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …

 o22 Note :::

มาต่อจนครบแล้วนะคะ เย้ๆ
ถ้ามีพิมพ์ผิดไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยค่ะ ตาอาจจะเบลอ อิอิ
ขอยืมมุกซอสเปื้อนปากมาใช้นะคะ แหม พอเห็นฉากนี้ที่ไหนก็รู้สึกมันจักจี้ทุกที
เลยต้องยัดให้น้องดิวเข้าบ้างเหมือกัน ฮ่าๆ

สามารถแนะนำติชมได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  :กอด1:
ช่วยสนับสนุนและติดตามผลงานต่อไปด้วยค่ะ  อิอิ

 :serius2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2012 13:07:51 โดย marionatte »

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
ดิวต้องรุกกว่านี้นะ อิอิ ^^



ปล.คนเขียนเป็นแฟนคลับแจจุงหรือคะ เหมือนเค้าเลยเค้าชอบแจจุงมากกกกกกก ><

ฮ่าๆ อยากให้ดิวมันรุกหนักเหมือนกันค่ะ กลัวแมลงปอตะเลิดหนีไปซะก่อน อิอิ
เดี๋ยวค่อยหาวิธีให้น้องดิวเดฌจศึก ฮ่าๆ
ยังไงคอยตามเชียร์เต่าดิวด้วยนะค่ะ มันรุกแบบกระดึบๆ

คนเขียนเป็นแฟนคลับแจจุงค่ะ หลงรักมาครบปีที่หกแล้วเนี่ย
ยังไม่ได้ไปสารภาพรักเลย เอิ๊กๆ ไม่ใช่และ!
น่ารักเนอะๆ

หุๆๆ บุ๊คคุงแมลงปอเจอรุกคุงดิวแล้ว
เป็นกำลังใจให้นะคะ คนเขียน

น่ารักอ่ะ รุกคุงดิว! อาจจะขอยืมไปใช้นะค่ะ อิอิ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ หวังว่าอ่านจบจะพบกับรอยยิ้มนะค่ะ
ฝากผลงานของมือใหม่ด้วยคะะ โดโมะ!

Narcissus

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่าน เป็นกำลังใจในการแต่งจ้า

ออฟไลน์ Lunatan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เรื่องนี้น่ารักอ่า :-[
เข้ามาติดตามด้วยอีกคนนะค้า

ออฟไลน์ Mekaming

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ดิวกับแมลงปอน่ารักหลงรักมากกกกกก :กอด1:

nOsTrAdamUsz

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากขอรับ รอตอนต่อไปอยู่นะครับเป็นกำลังใจให้ สู้ๆครับ :call: :call: :call:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ดิวจะรู้มั้ยว่าปอเป็นมาสคอตเนี่ย อิอิ

ยังใช้ คะ ค่ะ ผิดอยู่นะ "นะคะ" "ค่ะ"

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
เพิ่งเข้ามาอ่าน เป็นกำลังใจในการแต่งจ้า

ขอบคุณมากเลยค่ะ ฝากผลงานไว้ด้วยนะคะ

เรื่องนี้น่ารักอ่า :-[
เข้ามาติดตามด้วยอีกคนนะค้า

ยินดีต้อนรับค่ะ ดีใจมากเลยที่มีคนชอบ
ช่วยติดตามต่อไปด้วยนะคะ อิอิ

ดิวกับแมลงปอน่ารักหลงรักมากกกกกก :กอด1:

น้องดิวมันแบ๊ว แต่ว่าแมลงปอมันมึนอ่านะ
ดีใจที่ชอบค่ะ

สนุกมากขอรับ รอตอนต่อไปอยู่นะครับเป็นกำลังใจให้ สู้ๆครับ :call: :call: :call:

ขอบคุณค่ะ ยังไงช่วยติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะค่ะ อิอิ

ดิวจะรู้มั้ยว่าปอเป็นมาสคอตเนี่ย อิอิ

ยังใช้ คะ ค่ะ ผิดอยู่นะ "นะคะ" "ค่ะ"

ขอบคุณมากเลยค่ะที่ช่วยแก้ให้ ค่อไปจะระวังให้มากขึ้นค่ะ
เรื่องมาสคอต ดิวมันคงรู้แหละค่ะ ขนาดโต้งยังรุ้เลย อิอิ

.....................................

แวะมาตอบแม้นถ่วงเวลา เอิ๊กๆ


ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
น่ารักมากอ่ะ อ่านไปก็ลุ้นไปกับความรู้สึกของแมลงปอ

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
ตอนที่ 7



   ถึงจะบอกว่าเป็นสัปดาห์ห้องสมุดแต่ก็จัดกันแค่สามวันเท่านั้น คือ วันพุธ พฤหัสบดีและศุกร์ครับ วันนี้เป็นวันเปิดงานวันแรก พร้อมกับความยินดีของผมที่ไม่ต้องไปแต่งตัวประหลาดให้คนอื่นถ่ายรูป เพื่อหารายได้เข้าชมรมตามแผนของพี่หนึ่งอีก ตอนนี้ผมก็สบายตัวแล้วครับ!

   งานนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ นอกจากจะมีบูธจากร้านหนังสือที่ทางโรงเรียนเชิญมาตั้งร้านขายหนังสือราคาถูก มีตั้งแต่เครื่องเขียนยันหนังสือต่างประเทศเลยครับ ตอนนี้ผมกำลังเดินอยู่ภายในงาน ไม่ได้คิดจะซื้ออะไรหรอกครับ แค่มาดูเล่นเฉยๆ

   แต่ว่าผมไม่ได้มาคนเดียวหรอกนะครับ ก็มาพร้อมกับกลุ่มของผมนั่นแหละ แต่ตอนนี้ก็กระจายตัวไปคนละทิศละทาง ไอ้กี้บอกว่าจะไปเชียร์เพื่อนที่ตอนนี้กำลังแข่งขันตอบปัญหาอยู่ที่ชั้นสอง ส่วนโต้งกับไอ้ดิวก็คงเดินวนเวียนอยู่ชั้นล่างกับผมแถวนี้ล่ะครับ

   ผมไม่ได้สนใจหนังสือประเภทไหนเป็นพิเศษครับ นอกจากหนังสือการ์ตูนแล้ว ผมก็ไม่ได้แตะต้องหนังสืออื่นนอกเหนือความจำเป็น ยกเว้นหนังสือเรียน ผมก็แค่ชอบบรรยากาศและกลิ่นอายของความสงบในห้องสมุดเท่านั้น

   “อ้าวปอ” เสียงนักเรียนหญิงที่ทักขึ้นข้างๆ ทำให้ผมต้องหันไปมอง ก่อนจะยิ้มให้เธอ รุ้งเองก็กำลังส่งยิ้มมาให้ผม ตอนนี้ใบหน้าขาวน่ารักของเธอยังแต้มด้วยสีเลือดฝาดอ่อนๆ “มาซื้อหนังสืออะไรเหรอ”

   “เปล่าหรอก เรามาดูเฉยๆนะ”

   ตลอดอาทิตย์นี้ผมไม่ได้เจอรุ้งเลยครับ เห็นโต้งบอกว่า ตอนนี้พวกฝ่ายพาเหรดกำลังทำงานหนัก ใครว่างก็ไปช่วยกันหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีรุ้งรวมอยู่ด้วย ได้ยินว่าเธอเป็นคนที่เดินอยู่ในขบวพาเหรดครับ

   “แล้วนั่นรุ้งกำลังอ่านอะไรเหรอ”

   ก็อย่างที่บอกครับว่า ผมเป็นพวกขี้อายแล้วก็พูดไม่ค่อยเก่ง แต่ก็ไม่อยากทิ้งโอกาสให้เสียเปล่า บอกตามตรงว่าตั้งแต่วันนั้นที่สารภาพความรู้สึกออกไปก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า คงเพราะมีเรื่องอื่นๆมารุมเร้าจนบางทีก็เกือบลืมเธอไปด้วยซ้ำ แต่ว่าตอนนี้ไหนๆก็มาเดินเจอกันโดยบังเอิญแล้วก็ต้องหาวิธีเชื่อมความสัมพันธ์ต่อเองครับ

   “อ่อ หนังสือดูดวงน่ะจ๊ะ” เธอพลิกหน้าปกให้ผมดูแล้วยิ้มอายๆ ส่วนผมก็ได้แต่มองพลางพยักหน้า ไม่ค่อยเข้าใจพวกผู้หญิงว่าทำไมถึงชอบงมงายเรื่องพวกนี้นัก

   “แล้วเขาว่ายังไงบ้างล่ะ” ผมถาม มานึกดูแล้ว มันช่างเป้นคำพูดที่ดูสิ้นคิดจริงๆนั่นแหละ ผมไม่เคยได้อ่านเรื่องอะไรทำนองนี้หรอกครับ

   “ก็ไม่มีอะไรหรอก ธรรมดานั่นแหละ” รุ้งตอบ ก่อนจะหันมาถามผม “แล้วปอเกิดวันอะไรล่ะ”

   “วันจันทร์แล้วรุ้งล่ะ”

   “วันศุกร์จ๊ะ แต่ว่าเดี๋ยวรุ้งลองเปิดดูของปอให้นะ” รุ้งว่า พลางเปิดหน้ากระดาษหา ผมไม่ได้สนใจเนื้อหาในหนังสือนั่นหรอกครับ แต่กำลังสนใจคนที่กำลังหาอยู่มากกว่า

   “คนที่เกิดวันจันทร์ส่วนใหญ่เป็นพวกเจ้าชู้เงียบ ชอบทำตัวน่ารักแต่ถ้าเริ่มคบกับแฟนแล้วจะแสดงความดื้อดึงออกมาทันที เพราะเป็นคนเอาแต่ใจไม่น้อย...” รุ้งอ่านพลางมองหน้าผมแล้วยิ้ม

   “ไม่จริงสักหน่อย” ผมโต้กลับ อะไรวะ มาหาว่าผมเป็นพวกเอาแต่ใจได้ยังไงกัน แล้วเรื่องเจ้าชู้อีก มันไม่จริงนะ!

   “แต่เขาว่าเล่มนี้แม่นมากเลย ดูสิเป็นหนังสือขายดีด้วยนะ” รุ้งชี้ไปที่หน้าปกที่มีสัญลักษณ์ของหนังสือขายดี พร้อมกับ
หัวเราะออกมา ไม่ทันที่ผมทันได้ตอบอะไร เสียงที่สามก็แทรกขึ้นข้างหลังของผม

   “แล้ววันอาทิตย์ล่ะ”

   ไอ้ดิวยืนยิ้มอยู่พลางมองใบหน้าของรุ้ง ผมก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ทำไมต้องมีมารมาผจญอยู่เรื่อยเลยวะเนี่ย แต่คงเป็นผมคนเดียวที่คิดแบบนั้น เพราะใบหน้าน่ารักของรุ้งกำลังยิ้มรับผู้มาใหม่

   “ดิวเกิดวันอาทิตย์เหรอจ๊ะ”

   “อืมๆ รุ้งช่วยดูให้หน่อยสิ ดิวอยากรู้เหมือนกัน” น้ำเสียงทุ้มที่แฝงไว้ด้วยความร่าเริงดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของที่เดินเข้ามาอยู่ข้างๆผม

   รุ้งพยักหน้า ก่อนจะเปิดหน้ากระดาษอีกครั้ง ทำให้เธอไม่ทันเห็นสายตาของผมที่กำลังมองไอ้ดิวอย่างไม่พอใจ ส่วนคนที่ถูกมองกับยักคิ้วก่อนจะหันไปมองใบหน้าหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มสนทนาอีกครั้ง

   “คนเกิดวันอาทิตย์เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย เรื่องความรักถือคติเสี่ยงเป็นเสี่ยงตามประสาคนชอบความสนุก เจ้าชู้...” รุ้งว่าพลางหันไปมองหน้าของไอ้ดิว ก่อนจะยิ้มออกมา

   “ดิวว่าเล่มนี้มันมั่วแน่เลย” ไอ้ดิวว่าพลางทำหน้ายุ่ง

   “สรุปว่าทั้งปอแล้วก็ดิวเป็นพวกเจ้าชู้ทั่งคู่เลยสินะ” รุ้งสรุปปิดท้าย ลางมองมาที่ผมก่อนจะเลื่อนไปมองอีกคนที่ยืนอยู่ข้างผม นัยน์ตาสวยนั้นกำลังแฝงแววบางอย่างที่ผมอ่านไม่ออก

   “ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าคนที่เจ้าชู้ต้องมาคบกับคนที่เจ้าชู้ด้วยกันสินะ” ไอ้หน้ายิ้มว่า ก่อนจะกอดคอของผมพร้อมกับหันมามอง “เนอะแมลงปอ”

   “ใครจะอยากไปคบกับมึง แล้วก็เอาแขนมึงออกไปเลยไอ้ดิว” ผมว่าเสียงขุ่น ไอ้นี้เผลอไม่ได้ต้องมาเกาะแกะผมตลอด ไม่รู้ว่าเป็นอะไรของมัน

   “อะไรกันทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้” ไอ้ดิวยังว่าต่อ ก่อนจะจะเอามือมาขยี้ผมในเวลาต่อมา นี่มันชักจะเอาใหญ่แล้วนะ!

   “เล่นอะไรของมึงเนี่ย ผมยุ่งหมดแล้ว!” ผมปัดมือของมันออก ก่อนจะชักสีหน้าใส่

   “มันจะยุ่งอะไรก็สั้นแค่นี้” ไอ้ดิวว่าต่อ พลางทำสีหน้าสงสัย ไม่ทันที่ผมได้ระเบิดอารมณ์ใส่ไอ้บ้าที่กำลังก่อกวนอยู่ตรงหน้า เสียงหัวเราะของรุ้งดังขึ้นเบาๆ

   เวรกรรม... ผมเผลอลืมไปได้ยังไงว่ารุ้งยังยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเผลอปล่อยอารมณ์แล้วเข้าไปอัดไอ้ดิวด้วยความโมโห ผมคงเสียภาพพจน์แย่...

   “เห็นไหมเข้ากันได้ดีขนาดนี้ จะไม่คบกันได้ยังไง” ไอ้หน้ายิ้มว่าต่อ

   ดีแตกล่ะสิไม่ว่า...

   ผมถอนหายใจออกมา รู้สึกอายนิดๆที่ต้องมาทำตัวเหมือนคนบ้าต่อหน้าผู้หญิงที่ตัวเองแอบชอบแบบนี้ ผมลอบมองใบหน้าของรุ้งที่เธอยังคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าไม่จางหาย

   “แหม..พูดแบบนี้คนที่ไม่เจ้าชู้ก็แย่นะสิ” รุ้งว่าพลางยิ้มน้อยๆ



:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …



   ในห้องเรียนของผมตอนนี้กำลังปั่นป่วนได้ที่เลยล่ะครับ ยิ่งสีหน้าไอ้กี้ที่ธรรมดามักจะยิ้มแย้มเสมอ แต่ตอนนี้ไอ้หน้าตี๋กลับทำหน้าเหมือนคนใกล้จะตาย ส่วนโต้งที่ธรรมดามักจะไม่แสดงท่าทีอะไร ในเวลานี้ก็แสดงสีหน้าที่อ่านได้ว่าประหลาดใจออกมา และสุดท้ายไอ้ดิวที่มักจะนอนกินลมชมวิวอยู่สมอนั้น ในตอนนี้ก็กำลังนั่งตัวตรงด้วยท่าทีเตร่งนิดๆ

   ไม่นับปฏิกิริยาของคนอื่นๆหรอกนะครับ ทุกคนต่างมีการตอบสนองกับคำว่า ‘ควิซ’ ที่ไม่รู้ล่วงหน้าอย่างรุนแรง อาจารย์คงกลัวพวกเราจะมัวยุ่งกับกิจกรรมต่างๆที่เข้ามาไม่หยุดหย่อน จนต้องเรียกร้องความสนใจจากนักเรียนด้วยการสอบแบบสายฟ้าแลบ

   “โธ่! อาจารย์ค่ะทำแบบนี้พวกเราก็แย่สิคะ ” แววโอดครวญ เอาเป็นว่าทุกคนในห้องตอนนี้ฝากความหวังในการเจรจาไว้กับหัวหน้าห้องอย่างเธอแล้วล่ะครับ

   “นี่พวกเธอข้อสอบมันก็ไม่ได้ยากนักหรอก ถ้าตั้งใจเรียน ยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว” อาจารย์ก็ยังคงยืนกรานเช่นเดิม และตอกย้ำจุดยืนของตัวเองว่าไม่ได้พูดเล่น ด้วยการเริ่มแจกกระดาษข้อสอบไปตามโต๊ะทีละคนด้วยตัวเอง

   “อาจารย์ไม่ให้พวกเราตั้งตัวแบบนี้ คะแนนก็ออกมาไม่ดีสิคะ” แววว่าต่อ พลางทำสีหน้าอ้อนวอนสุดๆ อาจารย์ก็ได้แต่ยิ้มส่งไปให้ แต่ทำไมผมถึงเห็นหางปิศาจงอกออกมาจากหลังท่านก็ไม่รู้

   “ไม่เห็นจะเป็นอะไร ถ้าตกฉันก็ให้ซ่อมอยู่แล้ว นี่เป็นการทดสอบว่าเธอมีความรู้มากแค่ไหน สำหรับการสอบกลางภาคที่จะมีหลังงานกีฬาสีจบนะ”

   “แบบนี้มีหวังตกกันทั้งห้อง” แววพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ โดยไม่ได้ลดเสียงของตัวเองลงเลยสักนิด แต่อาจารย์ท่านก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น ผมถอนหายใจ ก่อนจะก้มลงดูข้อสอบตรงหน้าราวกับเห็นผี

   นี่มันอะไร?!

   คงเพราะช่วงนี้มีอะไรหลายอย่างมากระทบกระเทือนจิตใจของผมมากเกินไป อีกทั้งตอนเย็นก็ต้องมาคอยซ้อมกีฬาสีอีก พอถึงบ้านผมก็แทบจะนอนหลับโดยไม่ได้อาบน้ำเลยด้วยซ้ำ คงไม่มีเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือทบทวนหรอกครับ

   “เอาๆ เลิกบ่นกันได้แล้ว เริ่มทำได้” อาจารย์ที่เริ่มจะรำคาญเพราะแววยังพูดไม่หยุดจนท่านต้องทำเสียงเข้ม ก่อนเวลาแห่งการตัดสินของผมก็เริ่มขึ้น

   กูจะตอบอะไรดีวะ?

   ผมนั่งหมุนดินสอในมือไปมา ถ้าเป็นข้อสอบแบบปรนัย ผมคงพอที่จะหลับตาจิ้มไหว อีกทั้งการจิ้มแต่ละครั้งมีสิทธิ์ตอบถูกถึงยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิดเป็นคำตอบที่ไม่รู้แต่คุ้นตาก็ช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการตอบถูกมากยิ่งขึ้น แต่เจอข้อสอบอัตนัยมาแบบนี้ บอกตามตรงว่านึกอะไรไม่ออกเลยครับ

   ผมถอนหายใจ ก่อนจะมองไปรอบๆห้อง ตอนนี้ทุกคนกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดกันใหญ่ ก็ไม่เชิงว่าจะทำไม่ได้เลยนะครับ อย่างน้อยตอนเรียนในห้องผมก็ตั้งใจเรียนพอที่จะคุ้นๆอยู่บ้าง แต่ที่มันน่าโมโหตรงที่ว่า มันแค่คุ้นๆหรือคลับคล้ายคลับคลา แต่นึกไม่ออกเนี่ยแหละ เหมือนหลอดไฟที่มันเกือบจะติดแต่ก็ไม่ติดเอาแต่กระพริบไปมาจนน่ารำคาญ สู้ไม่รู้เลยน่าจะดีกว่า!

   ผมจำใจหันไปมองคนข้างตัวที่นั่งเขียนอะไรหยุกหยิกในกระดาษข้อสอบ ข้อสอบของผมกับมันไม่เหมือนกันครับ อาจารย์เลยไม่ได้ให้นั่งแยกกัน คงเพราะกระแสจิตในการจ้องมองของผม มันรุนแรงพอที่จะเรียกสีหน้าเคร่งขรึมของไอ้ดิวที่หาได้ยาก ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนคำตอบให้หันมามอง

   ไอ้ดิวมันเลิกคิ้ว ก่อนจะมองเลยไปยังกระดาษที่เขียนคำตอบไปแค่บางข้อของผม ซึ่งแต่ละข้อที่เขียนผมก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ด้วย ตอนนี้ผมเหมือนคนที่ว่ายน้ำในกระแสน้ำเชี่ยวที่กำลังจะหมดแรงและปล่อยให้ตัวเองจม โดยไร้หนทางที่จะช่วยตัวเองจากการข้อสอบตรงหน้านี้ได้ มันไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะหันกลับไปเขียนอะไรบางอย่างต่อที่มุมกระดาษ

   ‘สลับกัน’

   ข้อความที่เขียนอยู่ที่มุมกระดาษ ทำให้ผมตาโตนิดๆ พลางมองไปยังอาจารย์ที่กำลังยืนดูไปรอบห้องอย่างมีความสุข? แน่นอนว่าผมเข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง

   ไม่ทันที่ผมได้คิดทบทวนซ้ำ ไอ้ดิวมันก็หยิบกระดาษข้อสอบของผมไปแล้วเลื่อนของมันมาให้ผมอย่างรวดเร็ว ก่อนผมจะอดแปลกใจไม่ได้ว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของข้อสอบมีคำตอบเขียนอยู่

   ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อว่าไอ้คนที่มักจะนอนตลอดเวลาเรียนจะซุ่มเงียบ ผมกวาดตามองคำตอบที่ตัวเองคุ้นอยู่บ้าง คุณคงไม่คิดว่าผมจะหลับหูหลับตาเชื่อมันไปหมดหรอกนะครับ ถึงแม้ในสภานการณ์แบบนี้ผมควรจะเชื่อแบบนั้นก็ตามเถอะ

   จริงๆ ผมก็แอบไม่สบายใจนิดหน่อยเหมือนกันที่ทำแบบนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับ เพราะเมื่อก่อนผมกับไอ้กี้ก็สามัคคีกันทำแบบนี้ตอนฉุกเฉินกัน แต่อย่างมากเราก็แค่เลื่อนเพื่อให้อีกคนดูคำตอบหรือไม่ก็ส่งซิกอะไรบางอย่างที่นัดแนะกันเอาไว้เท่าที่จะทำได้ แต่ไม่เคยถึงขั้นแลกข้อสอบกันทำแบบเป็นทางการขนาดนี้มาก่อน

   มันดูอุกอาจเกินไป....

   ไอ้ดิวมันไม่ได้พูดอะไรเลยครับ ตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบตรงหน้าอย่างเดียว ผมมองเวลาแล้วพบว่าเหลืออีกประมาณสิบห้านาที ก่อนจะเห็นข้อความที่มุมกระดาษข้อสอบของผมในมือมันอีกครั้ง

   ‘เปลี่ยนชื่อ’

   เฮ้ย! เอาจริงดิ

   ผมมองมันอย่างตกใจ แต่ไอ้ดิวมันไม่สนใจครับ ตอนนี้มันเปลี่ยนชื่อของผมเป็นของมันแล้ว ผมเลยต้องแก้ของตัวเองด้วยความจำใจ บางครั้งเหตุการณ์คับขันก็บีบบังคับให้เราต้องทำอะไรบางอย่างที่ไม่อยากจะทำจริงๆ ผมมองดูคำตอบที่เขียนด้วยดินสอของไอ้ดิว ก่อนจะจำไว้ แล้วนั่งแก้เป็นลายมือของตัวเอง

   บทจะโกงแล้ว ก็ต้องเอาให้เนียนล่ะครับ!

   “เอาล่ะ วางกระดาษข้อสอบ! แล้วทยอยส่งมาข้างหน้า”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2012 14:44:26 โดย marionatte »

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5

   เสียงของอาจารย์ที่ดังขึ้นเหมือนเป็นนาฬิกาบอกเวลา ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เหมือนกับใครหลายๆคนทีรู้สึกว่าเวลาเลวร้ายได้ผ่านไปแล้ว ส่วนเรื่องผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหนก็คงต้องวัดดวงเอาละครับงานนี้

   ผมหันไปมองไอ้ดิวที่มันทำหน้าเคร่งอย่างไม่ค่อยได้เป็นนัก ก่อนจะมองเลยไปยังกระดาษข้อสอบของผมในมือของมันที่มีคำตอบเขียนอยู่เกือบทุกข้อ ก่อนไอ้ดิวจะส่งคืนมาให้ผม เพื่อให้ลำดับของกระดาษข้อสอบสลับกันเหมือนเดิม

   “สัดเอ๊ย เหี้ยมาก!” ไอ้กี้บ่นทันทีที่อาจารย์ออกจากห้องไปแล้ว ก่อนมันจะถอนหายใจ “แล้วมึงเป็นไงบ้างวะ”

   “กูลอกไอ้ดิว” ผมพูด ก่อนจะหันไปมองไอ้ดิวที่ตอนนี้ มันคุยเรื่องข้อสอบเมื่อครู่กับโต้งอยู่

   “มึงลอกยังไงวะ ข้อสอบแม่งไม่เหมือนกันเลย กูก็ว่าจะลอกไอ้โต้งอยู่หรอก” ไอ้กี้มันถามอย่างสงสัย ผมถอนหายใจ ก่อนจะกวักมือเรียกให้ไอ้กี้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

   ผมมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครสนใจ รวมทั้งคนที่นั่งข้างๆที่ลุกจากเก้าอี้ไป สงสัยไปเข้าห้องน้ำ ผมเลยพูดกับไอ้กี้เบาๆ “มันทำให้เลยต่างหาก”

   “สาดดดดด!”

   มึงจะมาสาดอะไรใส่หน้ากูเนี่ย! ผมมองหน้ามันแบบไม่พอใจเล็กน้อย ไอ้กี้มันทำหน้าอิจฉาออกมาแบบไม่ปิดบัง

   “แม่งทุ่มทุนสร้างจริงๆ เพื่อนกู” ไอ้กี้มันบ่นออกมา ก่อนจะเข้ามาตบหัวผมแรงๆ “โว้ย! หมั่นไส้มึงไอ้เชี่ยปอ! นี่แน่ะๆ”

   “แล้วมึงจะมาตบหัวกูทำไมเนี่ย?” ผมบ่นก็มันตบแบบไม่ยั้งแรงเลยสักนิด

   “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูไปเล่นงานไอ้ดิวแม่งทีหลัง”

   “ไร้สาระจริงๆมึง”

   “ใช่สื! มึงมันมีแต่ได้กับได้นี่” ไอ้กี้ยังว่าต่อ พร้อมกับดวงตาเรียวที่เกือบจะเป็นเส้นตรงมองแบบจิกกัด ซึ่งผลที่ได้คือเหมือนคนจะหลับตามากกว่า

   “ไอ้กี้กูขอร้อง มึงอย่าทำหน้าแบบนั้น มันเหมือนมึงอยากหลับมากกว่าจะด่ากู” ผมแซวมัน พร้อมกับหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นไอ้หน้าตี๋ทำท่างอน

   “พวกมึงสองตัวต้องไปไถ่โทษให้กู” ไอ้กี้ว่าเสียงเข้ม

   “ไถ่โทษอะไรของมึง” ไอ้ดิวที่เพิ่งกลับมานั่งถามอย่างสงสัย ก่อนจะหันมาทางผมเพื่อหาคำตอบอีกทาง

   “มึงไม่ต้องไปมองไอ้เชี่ยปอมันหรอก เย็นนี้พวกมึงต้องพากูไปเลี้ยง โทษฐานที่แอบลอกข้อสอบกัน” ไอ้กี้ว่าอย่างข่มขู่ แน่นอนว่าไอ้ดิวก็ยังทำหน้าที่ของมันอย่างดีด้วยการหัวเราะเบาๆ

   “แล้วทำไมมึงไม่ทำบ้างล่ะ” ไอ้ดิวมันว่า

   “ห่า! มึงก้รู้คำตอบดีอยู่แล้ว อย่าให้กูต้องแฉนะมึงเชี่ยดิว” ไอ้กี้มันว่าเพื่อนมันต่อ

   “แฉ? มึงก็ลองดูสิ กูจะแฉเรื่องของมึงให้อาม่ามึงฟังคลายเครียดก็ดีเหมือนกัน”  ไอ้ดิวว่าแบบสบายใจ ผิดกับไอ้กี้ที่ทำหน้าตกใจ

   “ไอ้เลว! ไอ้เพื่อนชั่ว! ไอ้คนทรยศ! ไม่รู้ล่ะ ยังไงพวกมึงสองตัวต้องพากูไปเลี้ยงด้วย” ไอ้กี้ร้องบอกอย่างเอาแต่ใจ ก่อนมันจะชี้หน้าไอ้ดิวเหมือนคาดโทษ แล้วหันหลังกลับไปเพื่อเรียนวิชาต่อไป

   “แต่มึงคงต้องรอกูซ้อมบาสเสร็จก่อน” ผมพูดขึ้น ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องไปเลี้ยงอะไรอยู่แล้วครับ แอบสงสารมันเหมือนกัน ผมเข้าใจครับว่ามันเป็นคนเดียวที่มีแนวโน้มว่าจะเผชิญชะตากรรมอันเจ็บปวดสูง เมื่อผลคะแนนออกมา

   “ไม่มีปัญหาหรอก ” ไอ้กี้มันพูดขึ้น โดยไม่ได้หันหลังมาอีก มันไม่ได้โกรธผมกับไอ้ดิวหรอกนะครับ แต่เรียกว่างอนผสมน้อยใจมากกว่า งานนี้ต้องโอ๋มันครับ

   ผมยิ้มนิดๆเมื่อคิดได้อย่างนั้น ก่อนจะหันไปมองคนข้างตัวที่เริ่มทำตัวขี้เกียจอีกครั้ง ไอ้ดิวหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาทางผม

   “เรื่องข้อสอบขอบใจว่ะ” ผมคิดว่าควรจะบอกมันไปสักหน่อย การสอบในครั้งนี้มันช่วยผมได้เยอะจริงๆ คุณคงไม่คิดว่าผมจะใจแคบขนาดนั้นหรอกใช่ไหมครับ

   “กูไม่ได้ทำให้มึงฟรีๆหรอก”

   “เอ๋?”

   ไอ้หน้ายิ้มนอนหนุนแขนตัวเอง พร้อมกับหันหน้ามามองผม เสียงทุ้มๆของมันดังขึ้นเบาๆ “มึงติดหนี้กูครั้งนี้ต้องตอบแทนด้วยล่ะ”



:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …



   ตอนนี้เวลาประมาณหกโมงเย็นแล้วครับ ผมเดินออกมาจากสนามก็เห็นไอ้กี้กับไอ้ดิวรออยู่ที่ม้านั่ง ตอนนี้ไอ้กี้กำลังเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ ส่วนไอ้ดิวกำลังคุยโทรศัพท์อยู่

   “แล้วโต้งล่ะ”

   “มันไม่มา บอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับมัน” ไอ้กี้ว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “สงสัยกลัวต้องมาแชร์ค่าอาหารด้วยล่ะมั้ง ก็แน่ล่ะตอนนี้กูเป็นผู้เสียหายอยู่คนเดียวนี่”

   ผมไม่ได้ว่าอะไร แน่นอนผมไม่ได้คิดว่าโต้งจะคิดแบบที่ไอ้กี้ว่า มันคงไม่ว่างหรือไม่สะดวกมากกว่า ผมโทรบอกแม่เรียบร้อยแล้วครับว่าวันนี้จะแวะหาอะไรทานข้างนอกเลยไม่ต้องรอทานข้าวเย็น

   ผมกับไอ้กี้พูดคุยเล่นกันครู่เดียว ไอ้ดิวที่คุยโทรศัพท์อยู่ห่างออกไปก็เดินมา ก่อนจะส่งรอยยิ้มที่เห็นจนเจนตามาให้ ไม่นานพวกเราสามคนก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่ประจำใกล้โรงเรียนอีกครั้ง ตอนนี้มีนักเรียนเดินกันอยู่ประปรายครับ ไม่นับคนทำงานที่เลิกงานแล้วมาเดินเล่นหรือหาอะไรกินกันตอนเย็น

   “มึงจะกินอะไร” ไอ้ดิวมันถามขึ้น พร้อมกับมองหน้าไอ้กี้ที่มองไปรอบๆอย่างครุ่นคิด ก่อนมันจะชี้ไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นราคาแพงที่เยื้องออกไปจากจุดที่พวกเรายืนอยู่เล็กน้อย

   “เล่นของแพงเลยนะมึง” ผมบ่น ไม่อยากนึกถึงค่าอาหารวันนี้ที่ต้องจ่ายออกไปเลยครับ มีสิทธิ์ทำให้ผมต้องอดข้าวกลางวันที่โรงเรียนได้

   แม่ของผมท่านให้เงินเป็นรายเดือน แล้วให้หมุนบริหารเอาเองไม่มีให้ถอนเพิ่มครับ อีกอาทิตย์เดียวก็จะสิ้นเดือนแล้ว ตอนนี้สภาพคล่องทางการเงินของผมยังอยู่ในระดับพอกินพอใช้ครับ แต่หลังจากมื้อที่จะถึงนี้แล้วคงต้องดูกันอีกที

   “มึงมีสิทธิ์บ่นหรือไง ถ้ากูตกแล้วมึงจะตกเป็นเพื่อนกูไหม?” ไอ้กี้หันมาว่าผม ก่อนจะเดินยิ้มร่าไปหาพนักงานหน้าร้านที่รอต้อนรับอยู่

   ผมก็ได้แต่เดินตามมันไปแต่โดยดีครับ จะทำยังไงได้ก็ตอนนี้ไอ้กี้มันเป็นต่ออยู่นี่ครับ...

   ตอนนี้พวกเราเข้ามานั่งกันในร้านเรียบร้อยแล้วครับ โดยที่มีผมนั่งคู่กับไอ้กี้ ส่วนไอ้ดิวนั่งฝั่งตรงข้ามคนเดียว ผมมองดูราคาในเมนูแล้วก็ต้องลอบถอนหายใจ ขืนพูดอะไรไปอีกต้องโดนไอ้กี้มันตอกกลับ แอบรำคาญนิดนึงครับ

   “คงไม่ถึงกับให้กูต้องเดินกลับบ้านหรอกนะ” ไอ้ดิวมันว่า ไอ้กี้หัวเราะแบบไม่ใส่ใจ ก่อนมันจะสั่งอาหารญี่ปุ่นเซตใหญ่ราคาไม่ต่ำกว่าหกร้อยมา

   มึงสั่งอะไรช่วยนึกถึงกระเป่าตังกูนิดนึงเถอะ!...

   ผมเบิกตามองมันเลยครับ ส่วนไอ้หน้าตี๋มันก็ทำหน้ากวนตีนใส่ ก่อนจะสั่งต่อแบบไม่ได้แคร์คนจ่ายเงินเลยสักนิด ผมหันไปมองไอ้ดิวผู้ร่วมจ่ายเงินอีกคน แต่ไอ้หน้ายิ้มมันกำลังยิ้มให้พนักงานอยู่ครับ ผมเห็นพี่พนักงานมองมันตาเยิ้มเลย

   “มึงไม่สั่งอะไรเหรอ” ไอ้กี้หันมาถามผม เมื่อพวกมันสองคนสั่งกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว บอกตามตรงตอนนี้ผมเริ่มอิ่มทิพย์ขึ้นมาแล้วล่ะครับ

   “กูขอน้ำเปล่าพอ” ผมว่าอย่างเครียดๆ แต่ไอ้กี้มันกลับหัวเราะออกมาซะอย่างนั้น

   “มึงไม่ต้องห่วงเรื่องราคาหรอก เดี๋ยวเสี่ยดิวเขาจัดการเองนั่นแหละ ใช่ป่ะมึง” ไอ้กี้มันหันไปถามเพื่อนเก่ามัน ผมก็หันมองตามแบบว่าสงสัยว่า จริงเหรอวะ?

   “สรุปจะให้กูออกคนเดียวใช่ไหมเนี่ย” ไอ้ดิวมันขมวดคิ้ว แต่ริมฝีปากมันยังคงแต้มรอยยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะมองมาทางผม “เอาเถอะ มึงไม่ต้องคิดมากหรอก เดี๋ยวกูออกส่วนของกี้เอง”

   “เห็นป่ะ! กุชักอยากเกิดเป็นมึงแล้วสิไอ้ปอ” ไอ้กี้มันว่ายิ้ม พลางตบไหล่ผม ผมหันไปมองมันงงๆ ก่อนจะสั่งอาหารชุดธรรมดาราคาไม่โหดร้ายไปครับ

   “อยากเป็นแบบกูเนี่ยนะ? ได้ข่าวในกลุ่มนี่กูจนสุด” ผมบ่น ก็อย่างที่บอกล่ะครับ เนื่องจากพวกเราเรียนโรงเรียนเอกชน ฐานะทางการเงินของทางบ้านจึงถือว่าอยู่ในระดับดีพอสมควร แต่ถ้าวัดกันจริงๆภายในกลุ่ม ไอ้ดิวกับไอ้กี้นี่รวยพอๆกันครับ รองมาก็เป็นโต้ง สุดท้ายก็มาเป็นผมเนี่ยแหละ

   “ถึงมึงจะจนสุดในกลุ่มของเรา แต่มีคนรวยคอยเลี้ยงแล้วมันไม่ดีตรงไหนวะ” ไอ้กี้ว่า

   “ยังกับมึงเลี้ยงกูบ่อยนักนี่” ผมเบ้หน้าใส่มัน ไอ้กี้มันก็ยิ้มรับ

   “กูไม่ได้เลี้ยงมึง มึงก็ให้คนอื่นเลี้ยงสิวะ!”

   “คนอย่างกูไม่อยากให้ใครมาเลี้ยงหรอกเว้ย” ผมตอบ อะไรของมันล่ะเนี่ย! จะมารอให้ใครมาเลี้ยงก็เสียเชิงหมดสิครับ ถึงผมจะไม่ได้รวยล้นฟ้า แต่ก็ไม่คิดพึ่งใครหรอก

   “กูล่ะกลัวว่า คนอยากเลี้ยงมันจะไม่ยอมเอาล่ะสิ”

   “มึงหมายความว่าไงวะ”

   “กู...”

   “พูดมากจริงๆเลยมึงน่ะ”

   ไม่ทันที่ไอ้กี้ได้พูดอะไร ไอ้ดิวที่นั่งฟังมาพักใหญ่ก็เอ่ยปากในที่สุด ใบหน้าได้รูปของมันจ้องมองไปยังเพื่อนเก่าอย่างจับผิด ก่อนไอ้กี้จะหัวเราะเบาๆ ส่วนผมเนี่ยยังงงอยู่ครับว่ามันกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่

   “อะไรของพวกมึงวะ” ผมบ่นออกมาอย่างสงสัย พร้อมกับพี่พนักงานเริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ แต่ว่าไม่มีใครตอบคำถามของผมสักคน



TBC:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …

 :impress2: Note :::

ตอนนี้เอามาลงแบบแป้นร้อนๆ เหงื่อยังซึมนิ้วอยู่เลยค่ะ อิอิ
แมลงปอมันใกล้แล้วค่ะ พยายามบอกมันอยู่ สู้ต่อไปนะน้องดิว ! เอิ๊กๆ
ถ้ามีพิมพ์ผิดต้องขออภัยด้วยจ้า

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจมากเลยคะ ช่วยติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะคะ
++ แทนคำขอบคุณค่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2012 15:19:27 โดย marionatte »

ออฟไลน์ Lunatan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ค่อยๆรุกทีละนิดๆ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
โถอิหนู ไม่รู้ตัวเล้ยยยยว่าป๋าดิวเค้าอยากจะเลี้ยงดูปูเสื่อหนูอยู่นะ อิอิ

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
แวะมาแต่งคำโปรยเรื่องจ้า อิอิ

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
ปอช่างไม่รู้อะไรบ้างเล้ยยย

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
ค่อยๆรุกทีละนิดๆ

ถือคติมาช้าแต่ชัวร์จ้า อิอิ
อีกไม่นานแล้วค่ะ

โถอิหนู ไม่รู้ตัวเล้ยยยยว่าป๋าดิวเค้าอยากจะเลี้ยงดูปูเสื่อหนูอยู่นะ อิอิ

อิอิ นั่นสินะค่ะ ปอยังมึนกับตัวเองอยู่ เอิ๊กๆ


ปอช่างไม่รู้อะไรบ้างเล้ยยย

ไม่รู้ต่อมการรับรู้ของปอ มันผิดปกติหรือเปล่า ต้องกระตุ้นๆ อิอิ

++++++++++++++++++++++++++++

เม้นถ่วงเวลา อิอิ
ขอบคุณมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ naneku

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ฮิฮิ


ความจริงจะเปิดเผยแล้วสินะดิววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






nOsTrAdamUsz

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาเป็นกำลังใจให้ครับ :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
ฮิฮิ


ความจริงจะเปิดเผยแล้วสินะดิววว

ค่ะ มันน่าจะเร็วๆนี้นะค่ะ พยายามอยุ่ค่ะ อิอิ
ขอบคุณมากเลยค่ะ

แวะมาเป็นกำลังใจให้ครับ :impress2: :impress2:


ขอบคุณมากเลยค่ะ ยังไงช่วยติดตามต่อไปด้วยนะค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
ตอนที่ 8



ในที่สุดงานสัปดาห์ห้องสมุดก็มาถึงวันสุดท้ายแล้วครับ พร้อมกับการประกาศผลการจับฉลากในชื่องานที่ว่า ‘ถ่ายรูปกับบุ๊คคุง ลุ้นรับโชค’ งานนี้ถ้าขาดบุ๊คคุงมันก็คงจะไม่สมบูรณ์แบบใช่ไหมครับ! แน่นอนว่าไอ้ตัวบุ๊คคุงอย่างผมเนี่ยก็ต้องมาปรากฏกายขึ้นอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจนัก

   หลังจากการถ่ายรูปกับผมเพื่อลุ้นการจับฉลากจบลง พวกเพื่อนๆก็พอจะรู้แล้วครับว่าเจ้าตัวหัวกลมใส่แว่นยืนเอ๋ออยู่เนี่ยมันคือผม! มันช่างตรงกับคำกล่าวที่ว่า ความลับไม่มีในโลกจริงๆนะครับ ยิ่งผมปิดบังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้คนอื่นรู้มากขึ้นเท่านั้น งานนี้ผมก็โดนไอ้กี้แซวตามประเพณีไปนั่นแหละครับ

   ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ชั้นล่างของห้องสมุดที่เปิดแอร์จนเย็นเฉียบ ช่วยลดความร้อนที่ก่อตัวขึ้นได้มาก พร้อมกับบรรดานักเรียนที่ร่วมสนุกมายืนรอลุ้นของรางวัล แน่นอนว่าพวกเพื่อนๆของผมก็มายืนรออยู่ด้วยครับ

   บริเวณที่ว่างตอนนี้ถูกตกแต่งใหม่คล้ายกับงานปีใหม่ มีสายรุ้งประดับพร้อมกับของรางวัลที่วางเรียงราย มีตั้งแต่เครื่องเขียน ตลอดจนรางวัลใหญ่เป็นบัตรเงินสดครับ งานนี้พวกพี่เขาก็ทุ่มทุนพอตัวนะครับเนี่ย

   “เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเราหลายคนรอคอยแล้ว ซึ่งก็คือรางวัลใหญ่ของเราค่ะ! ขอเรียนเชิญอาจารย์ชุติมา อาจารย์ประจำชมรมห้องสมุดเป็นเกียรติในการจับฉลากครั้งนี้ด้วยนะคะ” พี่หนึ่งพูดผ่านไมค์ พร้อมกับอาจารย์ชุติมาที่เดินมาพร้อมกับรอยยิ้ม

   หลังจากที่ท่านได้ฟังว่ามีกิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้น ก็ชมพี่หนึ่งว่ามีความคิดสร้างสรรค์ งานนี้พี่เข้าก็ยิ้มหน้าบานล่ะครับ เพราะเงินค่าจับฉลากในครั้งนี้ไม่ใช่น้อยเลยนะครับ ยิ่งโรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนพวกคนที่มีฐานะอยู่แล้ว เงินเล็กน้อยไม่ได้สะกิดติ่งอะไรหรอกครับ เหอะๆ

   เสียงซาวด์เอฟเฟคดังขึ้น ซึ่งมีอั๋นเป็นคนดูแล นิ้งกำลังดูเรื่องของรางวัลกับพี่จอย ส่วนที่ตาลกำลังถ่ายรูปในงานกับพี่แหวนครับ ผมก็ยืนอยู่หลังอาจารย์เนี่ยแหละ มาถึงรางวัลสุดท้ายพวกเพื่อนของผมก็ไม่มีใครได้รางวัลเลยครับ

   ทันทีที่ชื่อถูกประกาศ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นเล็กน้อย ผมกวาดตามองไปรอบๆเพื่อหาเจ้าของผู้โชคดีในวันนี้ ก่อนกลุ่มคนจะถูกแหวกเป็นทางและเห็นรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินมา พร้อมกับเสียงนักเรียนหญิงร้องขึ้นดังไม่เป็นสรรพ

   “ว๊าย! พี่น็อตนี่” นิ้งร้องขึ้นด้วยความดีใจปนแปลกใจ

   ใครวะ?...

   เนื่องจากที่มาของรายชื่อการจับฉลากไม่ได้มาจากการที่ถ่ายรูปคู่กับผมเพียงอย่างเดียว ได้ยินแว่วๆมาว่า พวกพี่ๆเขาขายฉลากธรรมดาเฉยๆอีกทางหนึ่งด้วย รุ่นพี่คนนี้ก็คงเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น เพราะว่าผมไม่รู้สึกคุ้นหน้าพี่เขาเลยครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นคนช่างสังเกตก็ตามที แต่ผู้ชายที่มาถ่ายรูปกับผมไม่ได้มีเยอะจนจำหน้ากันไม่ได้นะครับ

   “ยินดีด้วยนะจ๊ะ” อาจารย์ชุติมารับป้ายขนาดใหญ่ที่แทนบัตรเงินสดจากนิ้งทื่ยืนแก้มแดงอยู่  ก่อนพี่หนึ่งจะบอกให้ผมไปยืนคู่กับพี่เขาเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกครั้ง พอมายืนข้างกันแล้วผมรู้สึกพี่เขาตัวสูงมากเลยครับ พวกเราถ่ายรูปกันไปหลายภาพ โชคดีที่ผมใส่หัวหุ่นเลยไปต้องมานั่งปั้นยิ้มจนเมื่อย ถึงอย่างนั้นก็มีนักเรียนหญิงมารุมล้อมไม่หยุด จนอาจาย์ต้องเอ่ยปากบอกว่าใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว พวกเธอถึงเริ่มเคลื่อนตัวออกไป สงสัยพี่น็อตที่ว่าเนี่ย คงดังมากเลยนะครับ

   หลังจากความเงียบกลับเข้ามาอีกครั้ง ผมก็ถอดชุดออก พลางหาเก้าอี้มานั่งแก้เมื่อยครับ ก่อนจะหันไปมองพี่หนึ่งกับพี่น็อตที่ได้รับรางวัลกำลังยืนคุยกันอยู่ไม่ห่างออกไปนัก

   “ไม่นึกเลยว่าพี่น็อตจะได้รางวัลนะเนี่ย” นิ้งพูดขึ้น พลางมองไปยังร่างของเจ้าของหัวข้อด้วยสายตาปลาบปลื้มอย่างไม่ปิดบัง ผมก็เกาหัวงงๆ โอเคครับ พี่เขาหน้าตาดีออกแนวเข้มๆ ผิวสีแทนตัวใหญ่ เป็นหุ่นแบบนักกีฬาเลยล่ะครับ

   “เดี๋ยวตอนคาบชมรมค่อยมาจัดการเก็บของอีกทีแล้วกัน” พี่แหวนพูดขึ้น หลังจากเก็บพวกเครื่องเสียงกับอั๋นเสร็จ ก็เหลือพวกเก็บกวาดทำความสะอาดกันเล็กน้อยครับ

   “โชคดีที่วันนี้มีเรียนชมรม ไม่งั้นต้องหาเวลามาทำอีก” พี่ตาลพูดขึ้นบ้าง ก่อนจะนั่งดูรูปที่ตัวเองถ่าย พี่น็อตเดินออกจากห้องสมุดไปแล้ว เหลือแต่พี่หนึ่งที่เดินเข้ามาหา

   “เดี๋ยววันนี้เราจะไปกินหมูกระทะกันนะ”

   “”จริงเหรอคะ” นิ้งถามขึ้นอย่างแปลกใจ พี่หนึ่งพยักหน้ารับ ก่อนจะแย้มรอยยิ้ม “พอดีพี่เพิ่งตกลงอะไรบางอย่างได้อ่ะนะ”

   “แล้วนึกครึ้มอะไรอะไรขึ้นมาเนี่ย” พี่แหวนถามขึ้นอย่างสงสัย นั่นสิครับ! หรือว่าเงินเหลือ ไม่น่านะ...

   “ก็ไอ้น็อตอ่ะ มันอยู่ห้องเดียวกับกูใช่ไหม มันเองก็ไม่ได้สนใจรางวัลอะไรนี่หรอก มารับพอเป็นพิธี” พี่หนึ่งอธิบาย ก่อนรอยยิ้มร้ายที่ผุดขึ้นที่มุมปากของรุ่นพี่คนสวย

   “มันจะดีเหรอหนึ่ง เราว่าถ้าอาจารย์รู้คงไม่ดีมั้ง” พี่จอยพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ ผมยังไม่เข้าใจว่าพวกพี่เขาหมายถึงอะไรกัน คงต้องรอฟังไปเรื่อยๆนั่นแหละ

   “แหมไม่ได้จะทำอย่างนั้นซะทีเดียวหรอก เดี๋ยวก็ให้มันไปด้วยนั่นแหละ” พี่หนึ่งหน้ามุ่ยลงเล็กน้อย

   “แต่ว่ามันยอมหรือวะ” พี่แหวนถามขึ้นอีกครั้ง

   “นี่ใครย่ะ! หนึ่งฤดีนะ มีอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง” พี่หนึ่งว่าพลางเท้าเอวยิ้มร่า



:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …



   ตอนนี้ผมกำลังทำความสะอาดพร้อมกับเพื่อนในชมรมครับ ในเวลานี้ผมรู้เรื่องที่พวกพี่เขาคุยกันแล้วครับ เห็นพี่ตาลเล่าให้ฟังว่า พี่หนึ่งไปตกลงกับพี่น็อตว่าอยากได้เงินรางวัลที่เจ้าของไม่อยากได้มาเลี้ยงพวกผม ซึ่งพี่น็อตผู้ไม่ได้สนใจของรางวัลก็ไม่ได้นึกแย้งอะไร และนั่นเป็นที่มาของการไปกินหมูกระทะในวันนี้ครับ

   “ปอมาช่วยนิ้งยกโต๊ะนี้หน่อย” นิ้งร้องบอก ผมเลยเอาไม้กวาดในมือไปเก็บ ก่อนจะไปช่วยเธอยกโต๊ะยาวออกไปเก็บให้เรียบร้อย ตอนนี้พวกร้านหนังสือที่มาตั้งบูธก็ทยอยเก็บของแล้วครับ พวกเราเลยต้องมารีบเคลียร์พื้นที่ให้กลับเป็นปกติอีกครั้ง

   “ตื่นเต้นจัง พี่หนึ่งบอกว่าพี่น็อตก็จะมากินด้วยล่ะ” นิ้งพูดขึ้นอย่างร่าเริง

   “อย่างนั้นเหรอ แต่ดูท่านิ้งจะขอบพี่เขามากเลยนะ” ผมแซวนิ้ง เธอก็ยิ้มรับพลางหน้าแดง

   “ก็นะ พี่เขาดูดีนี่ ” นิ้งพูดแบบอายๆ ทำให้ผมต้องยิ้มกับความน่ารักของเธอ คงเพราะเราอยู่ชมรมเดียวกันมานาน ทำให้ผมกับนิ้งค่อยข้างคุ้นเคยกันครับ

   “เราดูดีกว่าอีก” ผมแกล้งหยอกเธอ ผมไม่กล้าเอาตัวเองไปเปรียบกับรุ่นพี่สุดฮอตคนนั้นหรอกครับ

   “อย่างปอเนี่ยนะ! หลงตัวเองจังเลย” นิ้งทำท่างอนผม ก่อนที่เราทั้งคู่จะหัวเราะออกมาเบาๆในเวลาต่อมา

   “เอ้า! มาช่วยกันยกของตรงนี้หน่อย” พี่แหวนบอก ทำให้ผมกับนิ้งที่กำลังคุยเล่นต้องรีบไปหาพวกพี่เขาต่อ สงสัยคงต้องเก็บกวาดทำความสะอาดกันทั้งคาบล่ะครับ



:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …



   “ไอ้ปอ อย่าลืมไปซ้อมด้วยล่ะ!”

   “ครับพี่!”

   หลังจากที่เริ่มซ้อม ผมก็โดนรุ่นพี่จับได้ว่าการชู้ตระยะไกลของผมยังไม่เป็นที่น่าพอใจของพี่เขาครับ เพราะผมไม่ได้เล่นประจำหรือเอาใจใส่อย่างจริงจังด้วย เรียกว่ามาแบบเฉพาะกิจล้วนๆ งานนี้คงต้องหาเวลามาซ้อมจริงจังซะแล้ว ถึงแม้จะเริ่มแข่งอาทิตย์หน้าแล้วก็ตาม

   ผมถอนหายใจพลางเดินไปตามทางเดินที่มีแสงไฟที่เปิดขึ้นทั้วบริเวณโรงเรียน ก่อนผมจะล้มเกือบหน้าทิ่มเมื่อแรงกอดคอจากทางด้านหลังปะทะมาแบบไม่ได้ตั้งตัว

   “เหี้ย!”

   “เหี้ยอะไร กูเอง”

   ผมขมวดคิ้วมองมัน ไอ้ดิวมันส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนทุกๆครั้ง ผมกำลังจะอ้าปากด่าไอ้หน้ายิ้มที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เกิดผมหน้าแหกขึ้นมาใครจะรับผิดชอบเนี่ย มันก็ชูถุงขนมมาอวดผมซะก่อน

   “พายข้าวโพด”

   “แล้วทำไมวะ” ผมเอ่ยอย่างคนไม่สบอารมณ์ มันเองก็คงเพิ่งเลิกซ้อมเหมือนทุกที ผมขี้เกียจถามมันแล้วครับ ตอนนี้ผมเริ่มชินกับการที่เจอมันหลังจากเลิกซ้อมบาสในทุกๆวันแล้ว

   “สนใจป่ะ” ไอ้ดิวว่ายิ้มๆ ก่อนจะเอาพายมาล่อไปมาตรงหน้าผม “หอมน้า”

   กลิ่นพายที่อบมาใหม่กำลังวนเวียนตรงหน้าจนทำให้ผมอดไม่ได้ลอบสูดกลิ่นหอมนั่น แต่ว่าอีกไม่กี่นาทีนี้ผมจะได้ไปกินหมูกระทะแบบไม่อั้นแล้วนี่หน่า

   “มึงกินเองเหอะ เดี๋ยวกูต้องล้างท้องไว้รอกินอย่างอื่น” ผมดันมือมันที่แกว่งถุงขนมออกให้พ้นทาง กูไม่สนหรอกเว้ย!

   “เอ๋? จะไปกินอะไรเหรอ ทำไมต้องล้างท้องรอ” ไอ้ดิวถามอย่างสงสัย พลางเอาพายที่ล่อผมเมื่อครู่มากินเอง ก่อนจะยิ้มเผล่ยื่นมาที่หน้าผมอีกครั้ง “ไม่สนจริงอ่ะ”

   “ไม่สนเว้ย! กูกำลังจะไปกินหมูกระทะ” ผมบอกไปอย่างหงุดหงิด ไอ้นี่ก็มีความพยายามดีจริงๆ ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าความอดทนของผมต่ำจนถึงขั้นน่าได้รับการรักษาแล้วครับ ไม่นับอาการปั่นป่วนทางสภาวะจิตใจที่ไอ้บ้าข้างๆมันรบกวนอยู่เรื่อยในช่วงนี้ ผมกลัวตัวเองจะเส้นสมองแตกเอานะครับ

   “เฮ้ย! ไปด้วยคนดิ”

   “ไม่ให้ไป งานนี้เป็นงานเลี้ยงของชมรม!”

   “อย่าใจแคบดิแมลงปอ ไม่ได้บอกจะให้เลี้ยงซะหน่อย ขอแค่ไปด้วยเฉบๆอ่ะ” ไอ้ดิวทำเสียงอ้อน พลางมาเกาะแกะผมอีกครั้ง ผมก็ได้แต่หาทางสะบัดมันออกล่ะครับ

   “นะๆ ขอไปด้วยน้า”

   “มึงเป็นอะไรมากป่ะเนี่ย!”

   “ก็ไม่เป็นไรมากอ่ะ แค่อยากไปกินด้วย”

   “ไม่ต้องเลยมึง กลับไปกินข้าวบ้านมึงนู้น ไปๆ” ผมปัดมือไล่มัน ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้วะ

   ไอ้ดิวมันมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมันก็เลิกเกาะแกะผมไปเสียเฉยๆ ผมที่กำลังปัดมือมันให้วุ่นเมื่อครู่ก็ต้องหันไปมองมันแบบงงๆ ก็ตอนนี้สิครับใบหน้าที่มักแต้มไปด้วยรอยยิ้มกลับเรียบนิ่ง นัยน์ตาคมที่เปล่งประกายสดใสเสมอกลับหมองลง จนผมรู้สึกแปลก

   มึงเป็นอะไรอีกวะ?....

   “กูก็ลืมไปว่ามึงรังเกียจกู แค่ทุกวันนี้มึงคงอึดอัดแย่” ไอ้ดิวพูดเสียงเศร้า จนผมเริ่มตั้งตัวไม่ติดแล้วครับ “ก็จริงอย่างที่มึงพูด กูควรจะกลับบ้านไปกินข้าวที่บ้าน ถึงจะรู้ว่าที่นั่นกูจะไม่เจอใครรอกินข้าวพร้อมกูอยุ่ก็เถอะ”

   เฮ้ย!

   ไอ้ด้วมันหันมามองผมอีกครับ พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ “กูขอโทษที่ทำให้มึงลำบากใจมาตลอด กูมันคนนิสัยไม่ดีชอบเรียกร้องความสนใจ”

   “ไม่ใช่แบบนั้น” ผมพูดออกไปแบบไม่รู้ตัว เอาเถอะผมรู้สึกไม่สบายใจยังไงไม่รู้ที่เห็นคนที่มักจะมีรอยยิ้มทำสีหน้าหมดความหวังในชีวิตแบบนี้ แต่ว่า... กูแค่ต้องการให้มึงกลับไปกินข้าวที่บ้านแค่นี้ มันเศร้าขนาดนี้เลยเหรอวะ?

   “กูก็แค่เหงาที่ต้องนั่งทานข้าวคนเดียว เฮ้อ... จริงๆกูก็น่าจะชินกับมันได้แล้ว” ไอ้ดิวพูดพลางหันหน้าไปทางอื่นแล้วเดินต่อ จนมันเดินนำผมไปเล็กน้อยมันก็หันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเศร้าๆของมัน

   “งั้นกูกลับเลยแล้วกัน...  โชคดี”

   เหมือนบรรยากาศตอนนี้เงียบกริบ สายตาของผมยังคงจดจ้องแต่ใบหน้าที่ยิ้มแบบเศร้าๆนั่น ก่อนภาพแผ่นหลังที่คุ้นเคยนั้นจะห่างออกไปเรื่อยๆ  ผมได้แต่อึ้งจนนึกอะไรไม่ออก ทั้งๆที่ไม่เห็นต้องสนใจเลยว่ามันจะเป็นยังไง แต่ความรู้สึกในใจของผมกำลังร้องบอกว่า ไม่ควรปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปแบบนี้

   ต้องทำอะไรสักอย่าง...

   ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นอะไรไป ภาพเมื่อครู่ยังตรึงอยู่ในความทรงจำสุดท้าย ขาของผมที่ยืนอยู่กับที่กำลังก้าวออกไปช้าๆ สายตายังคงมองไปยังร่างของไอ้ตัวดีที่หาญกล้ามาสร้างตะกอนเกิดขึ้นในใจของผม ก่อนที่สติของผมจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อปลายนิ้วของผมสัมผัสกับเนื้อผ้าของชุดนักเรียนของคนตรงหน้า

   บ้าจริง!

   มือของผมกำลังกำเสื้อด้านหลังของมันอยู่ ก่อนใบหน้าคุ้นเคยนั้นจะหันกลับมามอง นัยน์ตาที่มักแสดงออกถึงความสดใส ตอนนี้กำลังมองมาที่ใบหน้าของผมที่กำลังไม่รู้จะปั้นหน้าตอนนี้ยังไง ก่อนสายตานั้นจะมองไล่ต่ำไปยังมือของผมที่จับเสื้อของมันไว้ ไอ้ดิวมองมาที่ผมอีกครั้งด้วยแววตาสงสัย

   “มึงออกค่าแท็กซี่แล้วกัน” นั่นเป็นคำพูดเดียวที่ผมคิดออกในเวลานี้ มือยังกำเสื้อของมันแน่นด้วยความเกร็ง ผมก้มหน้าลง เห็นแต่รองเท้าของตัวเองกับเงาที่ทอดตัวยาวจนซ้อนทับกับเงาของใครอีกคนจนกลายเป็นเงาเดียวกัน

   ไอ้ดิวจับมือที่เกร็งแน่นของผมออกจากเสื้อของมัน ทำให้ผมต้องเงยหน้าไปมองเจ้าของมือนั้น ก่อนจะเห็นรอยยิ้มคุ้นเคยเข้ามาในสายตาอีกครั้ง ทว่าหัวใจผมกลับเต้นแรงจนน่าตกใจ มือคู่นั้นไม่ได้ปล่อยออก แต่ยังกุมมือของผมอยู่

   “นึกว่าจะไม่ตามมาซะแล้ว” ไอ้ดิวมันยื่นหน้ามาใกล้ ก่อนจะพูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคน  ถึงแม้ระยะห่างของใบหน้าไม่ได้ใกล้ชิดจนน่าหวาดหวั่น แต่ตอนนี้ผมก็แทบจะหายใจไม่ออกขึ้นมาเฉยๆ ไม่นับความร้อนที่พุ่งพรวดมาที่ใบหน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนความอดทนต่อความประหม่าของผมจะหมดลง เมื่อจู่ๆไอ้กน้ายิ้มมันก็ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเลื่อนหน้าไปยังหูของผมที่คงแดงไม่แพ้ใบหน้าของผมในตอนนี้ น้ำเสียงที่แฝงแววอ่อนโยนดังขึ้นเบาๆ

   “ขอบใจนะแมลงปอ”

   “ไอ้บ้า!”

   ก่อนเสียงหัวเราะจะดังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับผมที่ได้แต่หงุดหงิดในใจ ความรู้สึกเมื่อครู่ยังไม่จางหาย ผมดึงมือของตัวเองออก ก่อนจะรีบเดินไปเรียกแท็กซี่โดยไม่ได้หันไปมองคนที่เดินตามมาด้านหลัง

   มึงร้ายกาจมาก ไอ้ดิว!


   
:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2012 15:44:08 โดย marionatte »

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
กว่าจะไปถึงร้านก็ปาไปหกโมงกว่าๆแล้วครับ ตอนนี้ที่ร้านก็มีสมาชิกในชมรมของผมอยู่กันครบทึม เหลือแต่เจ้าของงานตัวจริงที่ยังมาไม่ถึง ไม่แน่พี่น็อตอาจจะเปลี่ยนใจไม่มาแล้วก็ได้ครับ โต๊ะที่พวกเรานั่งกันเป็นโต๊ะยาวที่มีเตาอยู่สองเตา พี่ตาลบอกว่าให้แยกชายหญิงกันคนละเตาจะได้ไม่มีปัญหา เรื่องผู้หญิงเสียเปรียบเพราะโดนแย่งกินครับ เหอะๆ

   อั๋นที่แต่เดิมเป็นชายหนุ่มคนเดียวในหมู่หญิงสาวเลยย้ายตัวเองมาร่วมแจมด้วยชั่วคราว ทันทีที่เห็นผมมาถึงมันก็ยิ้มรับ ไม่วายเผื่อแผ่ไปอีกคนที่เดินมาพร้อมกับผม

   “มึงมาซะทีปอ กูกำลังรออยุ่เชียว” อั๋นทักขึ้น พร้อมกับผมที่นั่งลงตรงข้ามกับมัน ก่อนพวกพี่ๆจะหันมาทักผมพร้อมกับยิ้มรับไอ้ดิวที่กำลังทำหน้าระรื่นผิดกับสีหน้าของมันเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนไปอย่างสิ้นเชิง

   “วันนี้มีสุดหล่อมานั่งกินด้วยคงเจริญอาหารชะมัด” พี่แหวนเอ่ยขึ้นก่อน พร้อมกับคนอื่นๆที่หัวเราะออกมา แอบได้ยินอั๋นมันแหนบรุ่นพี่ว่า เก็บๆอาการหน่อย

   “นั่นสิ ไม่นึกว่าจะได้เจอเลยนะเนี่ย” พี่หนึ่งว่าต่อ ใบหน้ารุ่นพี่คนสวยยังคงประด้บด้วยรอยยิ้มเช่นเคย

   “บังเอิญแมลงปอชวนมาอ่ะครับ เลยไม่อยากปฏิเสธ” ไอ้ดิวตอบหน้ายิ้ม

   ผมสำลักน้ำเลยครับ กูไปชวนมึงตอนไหนเนี่ย!... แต่ว่าผมก็อนุญาตให้มันมาจริงๆนั่นแหละ เฮ้อ

   “ดีมากเลยน้องรัก!” พี่หนึ่งหันมาบอกผม พร้อมกับชูนิ้วโป้งมาให้ เรียกเสียงหัวเราะให้เกิดขึ้นอีกครั้ง ผมได้แต่ยิ้มตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้

   “ดีแล้วล่ะ มากินกันเยอะๆสนุกดี” พี่จอยพูดขึ้น

“เอ้า! อั๋นมึงไปตักปลาหมึกมาหน่อยจะหมดแล้ว” พี่แหวนว่าต่อ ก่อนจะหันไปบอกอั๋นน้องใหม่ผู้โดนใช้งานหนักสุด

   “ทำไมเจ๊ไม่ไปตักเองล่ะครับ” อั๋นหันมาบอกพี่แหวนที่หน้าหงิกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

   “เลดี้เฟิร์ส มึงเข้าใจไหม เอื้อเฟื้อต่อสุภาพสตรีน่ะ รู้จักหรือเปล่า!” พี่แหวนก็ยังต่อสู้ไม่หยุด พร้อมกับเอาตะเกียบในมือ ทำท่าจะจิ้มตาอั๋นที่รีบหลบวิถีอันตรายที่พุ่งเข้ามา

   “ทำไมต้องอั๋นด้วยวะ แล้วปอไม่เห็นจะใช้บ้าง”

   “ก็ปอมันเพิ่งถึง ส่วนมึงน่ะกินมานานแล้วย่ะ ไปๆ เสียเวลา”

   อั๋นบ่นอุบ แต่ก็ยอมลุกไปทำตามคพสั่งของรุ่นพี่แต่โดยดี ผมก็เดินไปกับมันพร้อมกับไอ้ดิวที่ลุกไปหาอะไรมาเพิ่มด้วย หลังจากขนอาหารกลับมาได้อีกกองใหญ่ๆ อั๋นก็ย้ายตัวเองมากินกับผมกับไอ้ดิวอีกเตานึง

   “ถ้ามึงไม่มากูคงโดนใช้จนขาลาก” อั๋นมันบ่น พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างไม่จริงจังนัก ผมก็พยักหน้ายิ้มรับ ก่อนจะเห็นพี่หนึ่งลุกจากโต๊ะออกไป นิ้งที่นั่งฝั่งเดียวกับผม ก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆ

   “พี่เขามาจริงๆด้วยอ่ะ” นิ้งพูดกับผมอย่างดีใจ

   “ดีใจด้วยนะ” ผมแซวเธอ

   “แล้วแบบนี้นิ้งจะทำตัวถูกไหมเนี่ย” นิ้งบ่นเบาๆ ก่อนจะหัวเราะกับผมอีกครั้ง ผมกำลังจะพูดกับนิ้งต่อ ไอ้คนที่นั่งข้างๆก็เขยิบมาพูดกับผมบ้าง

   “ใช่คนที่ได้รางวัลนี่หรือเปล่า” ไอ้ดิวถามผมเบาๆ ผมพยักหน้า ก่อนจะคีบข้าวโพดอ่อนเข้าปาก อืม อร่อยดีแฮะ

   ผมไม่ได้รู้จักพี่น็อตเท่าไหร่หรอกนะครับ แต่พอได้ฟังจากนิ้งเล่าใ
ห้ฟังมาบ้างตอนคาบชมรม ก็รู้ว่าพี่เขาเป็นนักฟุตบอลคนดังครับ เห็นนิ้งบอกว่าพวกผู้หญิงมักจะนั่งเฝ้าพี่เขาที่สนามกันประจำ นิ้งเองก็ยังเคยไปบ่อยๆ

   “แมลงปอกินตับไปเยอะๆ เลือดลมจะได้ดี” ไอ้ดิวว่าพลางหยิบตับใส่จานผม

   “กูไม่ขอบกินตับ!” ผมรีบคีบคืนไปให้เจ้าของ แต่ไอ้หน้ายิ้มมันไม่ยอมครับ มันไม่ได้ส่งชิ้นเดิมคืน แต่ดันส่งชิ้นใหม่อีกหลายชิ้นมาให้ผมราวกับเครื่องจักร พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “เรียนมาก็รู้ไม่ใช่หรอไงว่ามันมีประโบขน์ ทั้งวิตามินเอ วิตามินบีห้า บีหก บีสิบสอง ของดีแบบนี้ทำไมไม่กิน ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น”

   “อะไรของมึงเนี่ย!” มึงเป็นพ่อเป็นแม่กูหรือไง! ทำไมต้องมาบังคับกูด้วยวะ...

   “พี่เห็นด้วยนะ กินๆไปเหอะ เดี๋ยวมันก็ย่อยรวมกันไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว” พี่แหวนว่า พลางพยักหน้าเห็นด้วย

   “โธ่พี่แหวนครับ! พอดีผมไม่ชอบกินอ่ะ รสมันฝาดๆยังไงไม่รู้” ผมพยายามแย้ง อะไรที่เราไม่ชอบ แล้วต้องมาถูกบังคับให้กินบแบบนี้ มันลำบากใจมากเลยครับ

   “ให้กูป้อนป่ะ รับรองไม่ฝาด” ไอ้ดิวว่า แล้วมันก็คีบตับย่างจิ้มน้ำจิ้มจะส่งมาให้ถึงปากผม ผมรีบส่วยหน้าพร้อมจับมิอมันออกห่าง เอาเป็นว่าตอนนี้ผมไม่พร้อมสู้กับไอ้ดิวในช่วงนี้เลยครับ รุ้สึกโดนมันเล่นงานจนไม่เป็นตัวของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

   “ไม่ต้องๆ กูกินเอง ไอ้เหี้ยเอ๊ย!” ผมสบถออกมา ก่อนจะจำใจกินตับที่ไอ้หน้ายิ้มมันวางใส่จานให้แต่โดยดี นี่มันเวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ย!

   “ดิวเนี่ยน่ารักเหมือนกันเนอะ” นิ้งพูดขึ้นกับผม พร้อมกับยิ้มมองไอ้ดิวที่กำลังพลิกเนื้อบนเตาอยู่ ผมขมวดคิ้ว ผมว่ารสนิยมของนิ้งต้องมีปัญหาแล้วล่ะ

   “มึงนั่งตรงนั้นแล้วกัน”

เสียงพี่หนึ่งที่ดังขึ้น ดึงความสนใจจากทุกคนในโต๊ะที่กำลังวุ่นวายกับอาหารตรงหน้าให้หันไปมอง ก่อนใบหน้าคมเข้มที่เห็นเมื่อตอนกลางวันนี้จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง พี่น็อตที่อยู่ในชุดไปรเวทกำลังยิ้มน้อยๆส่งมาให้รอบโต๊ะ

“โทษที พอดีแวะอาบน้ำก่อน” พี่น็อตบอกกับทุกคน ก่อนจะนั่งลงข้างอั๋น เสียงทุ้มนั้นแฝงไปด้วยแววขอโทษอย่างไม่ปิดบัง แต่ตอนนี้ผมหน้าเสียหน่อยๆ

ไม่มีอะไรมากหรอกครับ คือพี่เขาอุตส่าห์อาบน้ำหลังเล่นกีฬามา ผิดกับผมเลยครับ เหงื่อท่วมยังไงก็เหงื่อท่วมอย่างนั้น เรียกว่าให้อากาศตามธรรมชาติอาบให้เรียบร้อย

“เดี๋ยวกูแนะนำคนอื่นให้รู้จัก นั่นพวกเพื่อนกูมึงรุ้จักอยู่แล้วนั่นแหละ นั่นนิ้ง ปอ ดิว แล้วคนที่นั่งข้างมึงชื่ออั๋น” พี่หนึ่งเอ่ยแนะนำตัวทีละคน ผมรู้สึกได้แวบนึงที่พี่น็อตหันมามองหน้าผม พี่เขายิ้มออกมานิดๆ ไม่รู้คิดไปเองหรอเปล่า บางทีอาจจะเป็นภาพหลอนเพราะเห็นไอ้ดิวมันยิ้มบ่อยเกินไป เหอะๆ

“ครับ ชื่อน็อตครับ”

“ไม่ต้องเกร็งมึง คนกันเองทั้งนั้น” พี่แหวนพูดขึ้น ท่าทางพวกพี่เขาจะรู้จักกันดีนะครับ

“กันเองอะไร เพิ่งจะรู้จักกันเนี่ย” พี่น็อตแย้งขึ้น พี่แหวนก็ยักไหล่อย่างไม่สนใจกับคำพูดนั้น

   หลังจากที่พี่น็อตมาถึงก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากครับ นิ้งที่นั่งข้างผมเริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะมีอยู่ครั้งนึงที่เธอลุกไปหยิบอาหารเพิ่มพร้อมกับพี่น็อตพอดี ส่วนผมก็สบายครับไม่ค่อยได้ย่างอะไรเองเลยเพราะไอ้คนที่นั่งข้างๆบริการให้ตลอดไม่ให้จานว่าง ถ้ามันจะตักอาหารที่ผมชอบบ้าง อย่างเช่นหมู ไก่ ไม่ใช่ดับที่ผมโคตรจะเกลียดมาให้เกือบตลอดแบบนี้

   “พอแล้วไอ้ดิว กูไม่ใช่คุ๊กแกต้องกินตับเยอะขนาดนี้” ผมพูดออกไป เมื่อเห็นว่าชิ้นที่เท่าไหร่ไม่รู้มาอยู่ในจานของผมอีกครั้ง

   “กูว่าตุ๊กแกก็ไม่น่าจะกินตับนะ นี่ทดแทนส่วนที่มึงไม่ได้กินมาหลายเดือนไง” ไอ้ดิวตอบด้วยท่าทางใสซื่อ

“เก็บไว้ในกูกินวันอื่นบ้างเหอะ ขอร้อง!”

   ไอ้ดิวมันก็หัวเราะออกมา แน่นอนคนอื่นก็หัวเราะครับ ช่วงนี้ดวงผมมันคงจะตกถึงขีดสุดจริงๆ ชีวิตมีแต่ความอับอาย ขนาดพี่น็อตที่เพิ่งรู้จักยังแอบหัวเราะเลยครับ เฮ้อ

   “กูว่าเลิกแกล้งไอ้ปอมันเถอะ” อั่นร้องบอก

   “มึงน่าจะพูดอย่างนั้นมาตั้งนานแล้ว” ผมบ่นเบาๆ กว่าจะแค่นกินที่ไอ้ดิวตักมาจนหมดเนี่ย ก็แทบหมดอารมณ์กินอย่างอื่น ผมกำลังคีบเนื้อหมูที่ย่างเอาไว้ ทว่าชิ้นเนื้อที่หย่อนเองไว้กับมือก็หายไปต่อหน้าต่อตา

   “นั่นของกู!” ผมหันไปโวยหัวขโมยที่มันเคี้ยวตุ้ยๆหน้าตาเฉย

   “เดี๋ยวอ้วนหรอก ดูดิพุงออกมาแล้ว”

   กูเริ่มหมดความอดทนแล้วโว้ย!!!!

   ถ้าผมกลายร่างเป็นก็อตซิลล่าได้ตอนนี้ คงจะระเบิดกระทะตรงหน้าทิ้ง แล้วพ่นไฟใส่ไอ้หน้ายิ้มที่มองผมด้วยแววตาใสซื่อ? พร้อมกับรอยยิ้มประจำคัว

   มึงเตรียมตัวได้เลยไอ้ดิว!

   ผมกำลังจะระเบิดอารมณ์ที่สะสมไว้ออกมา ทว่าเนื้อหมูที่ย่างกำลังดีก็มาปรากฏในจานของผมอย่างปริศนา ราวกับกดปุ่มหยุดชั่วคราวไว้ ผมกับไอ้ดิวที่กำลังปะทะสงครามทางสายตาอยู่เมื่อครู่กระพริบตา ก่อนจะมองตามไปยังที่มาดังกล่าว

   พี่น็อตกำลังส่งยิ้มสุภาพมาให้ พลางเสียงทุ้มที่ฟังนุ่มหูก็ดังขึ้น “พอดีพี่ย่างไว้หลายชิ้น ปอเอาชิ้นนี้ไปก่อนก็ได้”

   พ่อพระ!

คำๆนี้ผุดเข้ามาในความคิดของผมในทันที ยิ่งเห็นรอยยิ้มใจดีที่ส่งมาให้ก็เหมือนเห็นออร่าสว่างมาจากตัวของพี่เขาเลยล่ะครับ!
   
“ขแบคุณครับพี่” ผมบอกพลางส่งยิ้มขอบคุณไปให้พี่เขา ซึ่งพี่เขาก็พยักหน้ารับ ผมซาบซึ้งกับความใจดีของพี่เขาจริงๆเลยครับ นี่ขนาดไม่ได้สนิทกันนะเนี่ย

   “หึ”

   ขณะที่ผมกำลังเคี้ยวเนื้อหมูหมักรสชาติอร่อย เสียงหัวเราะในคอก็ดังขึ้นเบาๆ ผมหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น ก่อนจะเห็นไอ้ดิวมันกำลังมองไปยังใบหน้ารุ่นพี่คนดังที่กำลังมองมาที่มันเช่นเดียวกัน ผมคงไม่นึกใส่ใจนัก ถ้ารอยยิ้มนั้นมันดูแปลกไปจากเดิมที่มันมักยิ้มกับผม

   ผมไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นเอาเสียเลย...



TBC:|– ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: …

 :monkeysad: Note ::::

เอาตอนใหม่มาลงแล้วค่ะ แย้ๆ
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย จนคนเขียนเริ่มจะเป็นหวัดแล้วค่ะ รักษาสุขภาพกันด้วยเน้อค่ะ อิอิ

ขอบคุณทียังติดตาม รวมถึงกำลังใจที่ส่งมาด้วยนะค่ะ
อีกไม่นาน? แมลงปอและน้องดิวจะได้สมหวังกันซะที ตอนนี้ก็ได้สร้างตัวกระตุ้นมาเรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆ เอาน่าๆ คงจะกระตุ้นดิวได้บ้างล่ะน้า อิอิ
ถ้ามีพืมพ์ผิดไปบ้าง ขฉภัยด้วยค่ะ น้อมรับคำติชมเช่นเคยจ้า

ยังไงช่วยติดตามตอนต่อไปกันนะเจ้าค่ะ ขอบคุณมากจริงๆเลยค่ะ  :call:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2012 16:17:46 โดย marionatte »

ออฟไลน์ naneku

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
แหล่วๆๆๆๆๆๆๆ

ศึกชิงนาย 555

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
เพิ่งเห็นว่าพิมพ์ผิดเยอะมากๆ เลยแวะมาแก้ ถ้าหลุดสายตาไปบ้าง ก็ขอโทษด้วยจ้า

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
จะเกิดเป็นศึกชิงแมลงปอหรือเปล่าน๊าา

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
พี่น๊อตน่ารักกกกก

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เชื่อเถอะว่าอิหนูปอไม่รู้หรอกว่ากะลังจะเกิดศึกชิงตัวเองอ่ะ 555

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
แหล่วๆๆๆๆๆๆๆ

ศึกชิงนาย 555

555 หวังว่าไอ้คนถูกชิงจะรู้ตัว อิอิ

จะเกิดเป็นศึกชิงแมลงปอหรือเปล่าน๊าา

ใช่แล้วจ้า ฮ่าๆ

พี่น๊อตน่ารักกกกก

ขอบคุณค่าที่ชอบ อิอิ พี่เค้าน่ารักนะ

เชื่อเถอะว่าอิหนูปอไม่รู้หรอกว่ากะลังจะเกิดศึกชิงตัวเองอ่ะ 555

ฮ่าๆ มันบื้อ แต่อีกไม่นานก็จะหายและจ้า

################


ขอบคุณสำหรับคอมเม้นมากเลยค่ะ
 + คืนให้ค่ะ อิอิ

พรุ่งนี้น่าจะได้ลงค่ะ ตอนนี้เป็นหวัดไปแล้ว เหอะๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด