ผมก็เลยอดนอนทั้งคืน เพื่อให้ร่างกายเพลียถึงขีดสุด ก่อนจะใช้มารยาทุกอย่างที่มีอ้างกับแม่ว่าไม่สบาย แล้วนอนเกาะเตียงไม่ขยับไปไหน
ตอนนี้ผมกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียง ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะกำลังป่วยอยู่ ผมรอเวลาจนเกือบสี่โมงเย็น ถึงได้โทรศัพท์หาไอ้ดิว เพื่อถามความเป็นไป และไม่ต้องรอนานปลายสายก็พูดขึ้น
[ดิวเองครับ]
“แอ๊บว่ะ”
[นิดนึง... โทรมาเพราะคิดถึงใช่ไหม]
“ใครจะไปคิดถึงคนอย่างมึงกัน”
[บางทีพูดเอาใจกูบ้างก็ได้]
“กูอยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง”
[กูสบายดี ตอนนี้กำลังเฝ้าร้านอยู่]
“กูหมายถึงเรื่องที่มึงไปวางเพลิงไว้น่ะ เป็นยังไงบ้าง”
[เรื่องนั้นก็ไม่มีอะไร]
“จริงเหรอ”
[ดิวจะโกหกทำไม เดี๋ยวไปหยิบคักแปบนึง]
ผมถอนหายใจ ก่อนจะนอนกลิ้งไปกลิ้งมา แล้วหยิบตุ๊กตาที่มันเคยซื้อให้มากอดเล่น เพียงไม่นานเสียงทุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้ง
[มีคนพูดถึงเรื่องเมื่อวานอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีอะไรให้กังวลหรอก ส่วนใหญ่ก็มาถามว่าชอบมึงจริงเหรอ คบกับมึงแน่เหรอ]
“แล้วมึงตอบไปว่ายังไง”
[ก็บอกไปตามตรง]
“ว่า?”
]ก๊ชอบแมลงปอไง แล้วเราก็เป็นแฟนกันด้วย]
โอ้ มาย ก็อด!
“แล้ว...เขาตอบว่ายังไง”
[ไม่ว่าอะไร นอกจากยิ้มแล้วก็ซื้อเค้ก]
“เกี่ยวอะไรกับเค้กวะ”
[พอดีมีคนอยากรู้เยอะ กูจะตอบเฉพาะลูกค้าที่มาซื้อเค้กน่ะ]
มึงหัวการตลาดมาก...
[แมลงปออย่ากังวลไปเลย ถ้ามีใครทำให้มึงเสียหน้า กูจะจัดการเอง]
“แน่ใจว่ามึงจะจัดการได้”
[เรื่องบางเรื่องก็ต้องรอดูล่ะนะ]
ผมนึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมาพอสมควร ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า แต่คำบอกนั้นก็เหมือนกำแพงอีกชั้นที่ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจ
เราสองคนคุยเล่นกันได้สักพัก ก่อนที่ผมจะวางสาย พร้อมกับเสียงทุ้มที่ดังขึ้นผ่านคลื่นโทรศัพท์
[คิดถึงนะ]
:: +++++++++++++++ ::
ผมมีเรียนพิเศษในวันเสาร์เฉกเช่นปกติครับ ผมเดินลงมายังชั้นล่างของโรงเรียนกวดวิชา ก่อนจะรู้สึกอายขึ้นมา เมื่อเห็นพี่น็อตกำลังยืนรอดักทางอยู่ ใบหน้าหล่อเหลานั้นส่งยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้ง
“พี่มารอผมหรือครับ”
“ประมาณนั้นแหละ” พี่น็อตพูดขึ้น ก่อนจะยิ้มออกมา “พอดีพี่อดใจรอถึงวันพรุ่งนี้ที่เป็นเวลาโทรหาไม่ได้น่ะเลยต้องมาดักรอเจอหน้าแทน”
“พี่มีเรื่องอะไรเหรอ”
“เรื่องของปอกับไอ้หน้าจืด” พี่น็อตพูดขึ้น ก่อนจะมองตรงมาที่ผม “คบกันแล้วเหรอ”
ผมพยักหน้าอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ร้อนขึ้น ก่อนจะเสมองไปทางอื่น แล้วถอนหายใจออกมา ถึงจะเตรียมใจไว้แล้วว่าจะเจอคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ พอเอาเข้าจริงก็รู้สึกเขินไปหมด
“เมื่อวานมันมาบอกพี่” พี่น็อตว่า ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมกับผมที่เลิกคิ้วขึ้น “ดูก็รู้ว่าตั้งใจมาเยาะเย้ย”
“พี่คิดมากไปแล้ว”
“มันสั่งให้พี่เลิกยุ่งกับปอด้วย”
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่นึกย้อนไปถึงสีหน้าและท่าทางที่ผมเคยเห็นเมื่อไอ้ดิวเจอกับพี่น็อต
“แล้วยังไงล่ะครับ” ผมถามกลับ พี่น็อตยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่ควรทำตามที่มันบอกหรือเปล่า พี่ไม่เชื่อคำพูดของมันหรอกนะ แต่พี่เชื่อคำพูดของปอ”
ผมกะพริบตาสองสามที ก่อนจะมองพี่น็อตที่รอฟังคำตอบ
พี่เล่นโยนภาระมาให้ผมแบบนี้ก็เหมือนโยนระเบิดมาให้ผมแก้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ผมก็ต้องรับผิดชอบน่ะสิ!
“ผมว่า...แล้วแต่พี่จะคิดเอาเองเถอะครับ ผมไม่อยากบังคับใคร”
“พี่ก็ต้องทำตามใจตัวเองอยู่แล้ว”
“ผมขอแค่อย่าให้ผมต้องเดือดร้อนก็พอ” ผมตอบร แล้วส่งยิ้มไปให้ “ผมต้องไปก่อนนะ มีนัดไว้”
“อิจฉาไอ้หน้าจืดอยู่เหมือนกันนะ”
“พี่โชคดีแล้วล่ะครับ” ผมบอก ก่อนพี่น็อตจะยิ้มรับ
:: +++++++++++++++ ::
“มาช้า...”
เมื่อผมมาถึงสถานที่นัดหมาย คนตรงหน้าก็ทักทายด้วยใบหน้าบึ้งตึงที่ผมรุ้ว่าแกล้งทำ แต่ผมไม่ได้สนใจนัก ก่อนจะยกมือขยี้ผมของคนบ่นอย่างนึกกวนอารมณ์
“ช่วยไม่ได้ มึงดันมาก่อนกูเอง”
“อย่างน้อยต้องมาก่อนเวลานัดอยู่แล้ว” ไอ้ดิสพูดขึ้น ก่อนจะจับมือของผมมากุมไว้แทน “มาเล่นผมแบบนี้ที่เซตมาก็เสียทรงสิ”
“ไอ้สำอาง” ผมว่า ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ทีคนอื่นทำบ้างก็ไม่ชอบเหมือนกันนั่นแหละ” ไอ้ดิวบ่นต่อ กพร้อมกับลุกจากเก้าอี้
“ไอ้ดิว...มึงว่ากูหรือไง” ผมถามอย่างคนร้อนตัว
“ไม่ใช่มั้ง...” ไอ้ดิวพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมา “แมลงปอเรียกชื่อเฉยๆ ได้หรือเปล่า”
“แล้วที่กูเรียก...ไม่ใช่ชื่อมึงหรือไงวะ” ผมถามกลับอย่างสงสัย พร้อมกับได้รับสีหน้าหน่ายใจเป้นคำตอบ
“นั่นก็ใช่ แต่ช่วยตัดคำนำหน้านั่นออกจะได้ไหม” ไอ้ดิวบ่น ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เป็นแฟนกันเรียกให้มันเพราะๆ หน่อยสิ”
“เรื่องมากว่ะ แล้วจะให้เรียกยังไง” ผมถามกลับพลางนึกบ่นในใจ
ทำไมวะ! กูไม่รู้ กูไม่เคยมีแฟน กูผิดหรือไง....
“แบบว่า ‘ตัวเอง’ หรือไม่ก็‘’ที่รัก”
“มึงจะบ้าหรือไง” ผมพูดขึ้นอย่างไม่ต้องคิดให้สียเวลา ไอ้บ้านี่ก็ชักจะไปกันใหญ่ ไม่มีทางเสียหรอกที่ผมจะพูดอะไรน่าขนลุกแบบนั้น
“ดิวไม่ได้บ้าหรอก เอาเป็นว่าหยวนให้เรียกแค่ ‘ดิว’ ก็ได้”
“อืม” ผมบอกพลางพยักหน้ารับ
“ไหนลองเรียกหน่อยสิ” ไอ้ดิวพูดขึ้นอีกครั้ง แล้วยิ้มออกมา
“ดิว” ผมพูดไปตามปกติ แค้พอเห็นมันทำหน้าดีใจเหมือนเพิ่งเห็นผมพูดได้ครั้งแรกแบบนั้นเลยรู้สึกไม่ปกขึ้นมา “มึงเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะ”
“โอเค... คราวนี้ลองเปลี่ยนคำเรียกพวกกูมึงออกไป” คนตรงหน้าว่าต่ออย่างกระตือรือร้น
“กูไม่ถนัด มันติดปาก” ผมบอก ก่อนจะขมวดคิ้ว
“แต่ดิวไม่ชอบฟังอ่ะ”
“อะไรวะ! ทีเมื่อก่อนไม่เห็นจะพูด มึงอย่ามางอแงใส่กูนะเว้ย” ผมบ่นขึ้นบ้าง ก่อนจะชักสีหน้าใส่
ทำไมมันเรื่องมากและมากเรื่องแบบนี้วะ...
“งั้นเหลือแค่เรียกแทนตัวเองว่า ’ปอ’ ก็ได้” ดิวพยายามต่อรอง ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะปฏิเสธไปทันที
“ไม่เอาอ่ะ”
“ดิวยังเรียกชื่อแทนตัวเองเลย” ไอ้ดิวบอก ก่อนจะทำสีหน้าหงอยใส่ผม สงสัยไอ้บ้านี่คงรู้ว่าท่าทางแบบไหนที่ผมจะใจอ่อน แต่เรื่องนี้ถ้าผมไม่อยากทำ ใครก็มาบังคับไม่ได้
“กูไม่ชอบแบบนั้น” ผมบอกปัด จะมาให้เรียกชื่อแทนตัวเองแบบนั้นกับมัน ผมรู้สึกกระดากปากขึ้นมา
นอกจากจะไม่ชินแล้ว ผมคิดว่ามันดูนุ่มนิ่มอย่างบอกไม่ถูก ผมขอใช้กับคนที่บ้านหรือเครือญาติที่เคารพพอให้พวกท่านนึกเอ็นดูก็พอครับ
“สรุปว่าดิวต้องทำใจที่มีแฟนเป็นพวกชอบพูดคำหยาบต่อไป”
“กูเป็นผู้ชายนะเว้ย มันก็ต้องเป็นแบบนี้สิวะ” ผมพูดขึ้น ก่อนจะทำหน้ามุ่ยบ้าง “ถ้ามึงอยากได้คนพูดเพราะก็ไม่ต้องมาคบกับกู”
ไอ้ดิวหันมาสบตากับผมนิ่ง นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองไม่ละสายตา ในเวลานี้ถ้ามันทำอย่างที่ผมพูด รับประกันได้เลยว่าศพไม่สวยแน่
“ดิวรับได้...เราไปกันเถอะ” ไอ้ดิวตอบ ก่อนจะกุมมือผมไว้ แล้วเริ่มเดินอีกครั้ง ผมอมยิ้มขืนมาพลางกระชับมือที่ถูกจับไว้ให้แน่นขึ้น
:: +++++++++++++++ ::
ผมไม่อยากเชื่อเรื่องบังเอิญนัก แต่ตอนนี้เรื่องบังเอิญก็มาบังเกิดกับผมอีกครั้ง เมื่อเห็นไอ้เพื่อนซี้ตัวแสบและเพื่อนโต้งที่กำลังเดินดข้ามา
“ลัคกี้ว่ะ กูเจอพวกมึงด้วย” ไอ้กี้ร้องทัก แล้วทำหน้าล้อเลียนผม “เมื่อวานไม่มา โดนจัดหนักจนลุกไม่ขึ้นหรือไงวะ”
“พูดหมาๆ ว่ะ” ผมต่อว่า มันต้องตายแล้วไปเกิดใหม่ นิสัยปากมอมคงจะหายล่ะมั้ง
“แล้วมึงมาทำอะไรกัน” ไอ้ดิวถามกลับไปบ้าง ใบหน้าชวนมองดูไม่ค่อยพอใจนัก ซึ่งขัดกับสีหน้าเคนฟังที่มีความสุขเต็มใบหน้า
“พอดีกูมาเดินเล่น แล้วนัดไอ้โต้งมาดูหนังสือเพลงกัน แล้วก็เจอพวกมึงกำลังออกเดท”
“รู้ว่ากำลังเดท แล้วมึงเสือกมายุ่งทำไมวะ” ไอ้ดิวยังพูดต่อ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ผมมองคนที่ยืนข้างกันอย่างนึกประหลาดใจ
โอ้! ผมกำลังออกเดทแบบที่ไม่รู้ตัวเลยครับ
เมื่อคืนนี้ไอ้ดิวโทรศัพท์มาชวนผมไปเดินเล่น แล้วก็หาอะไรกินกัน ผมก็ไม่นึกแปลกใจ เพราะว่าช่วงนี้เราสองคนมักจะไปเที่ยวด้วยกันบ่อยขึ้น
แต่ตอนนี้อะไรหลายอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว พอคิดว่ากำลังมาเที่ยวกับแฟน ผมก็รุ้สึกเขินขึ้นมา
“กูบอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาทัก แต่ไอ้กี้มันชอบสอดรู้” โต้งบ่นขึ้น แล้วส่งสีหน้าอ่อนใจ
“ปั๊ดโธ่! ที่พวกมึงคบกันได้ ไม่ใช่เพราะกูหรอกเหรอ” ไอ้กี้ถามกลับ แล้วยิ้มกว้าง “กูกำลังมีโปรแกรมจะไปร้องคาราโอเกะอยู่พอดี พวกเราก็ไม่ได้ร้องด้วยกันนานแล้ว แบบนี้ต้องจัด!”
“ร้องเมื่อวานยังไม่พออีกหรือไง” โต้งพูดขึ้นอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย
“มันไม่เหมือนกันเว้ย เมื่อวานร้องด้วยหน้าที่ แต่วันนี้กูร้องด้วยใจ” ไอ้กี้ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
ผมถอนหายใจพลางยิ้มรับกับคำพูดนั้น ก่อนจะหันไปมองไอ้ดิวที่ถอนหายใจออกมาเช่นเดียวกัน ก่อนที่เราสองคนจะสบตากันอีกครั้ง แล้วเดินตามไอ้หนุ่มหัวใจดนตรีไปยังร้านคาราโอเกะโดยไม่ได้พูดอะไร
ยังไม่ทันได้รู้ตัว เดทแรกของผมก็ล่มไม่เป็นท่าเสียแล้ว...
TBC:::::::::::::::::::::::::
NOTE :::กว่าจะได้ฤกษ์มาลงจ้า แฮะๆ หวีงว่ายังไม่นานเกินรอ
คนเขียนมีความหวังอย่างยิ่งว่า จะยังมีคนที่ติดตามอยู่ (มีเถอะน้าาาา ^^)
และขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและแนะนำกันเหมือนเดิมจ้า
เนื้อเรื่องเข้าช่วงตอนสุดท้ายแล้ว อีก 3 ตอนก็จะจบแล้วจ้า
คาดว่าจะเริ่มเปิดให้จองหยังสือกันกลางเดือนหน้าแน่นอน
ใครที่สนใจติดตามรายละเอียดอีกทีนะคะ
ช่วงนี้อากาศแปรปรวนคนเขียนก็ไม่ค่อยสบาย รักษาสุขภาพกันด้วยจ้า
สำหรับเนื้อหาตอนนี้ไม่ขอพูดอะไรมาก นอกจาก หวานมากๆ งุงิ คริคริ แล้วกันจ้า
ติดตามตอนต่อไปในเร็ววัน
ขอบคุณมากเลยค่ะ
คิดถึงเสมอ อิอิ...