● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ภารกิจเดินสายรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งเสร็จสิ้น พบปะสังสรรค์เพื่อนเก่าเรียบร้อย เหลือวันให้พักผ่อนอีกสองสามวันก่อนจะเริ่มทำงานอีกครั้ง กับอากาศร้อนระอุระดับย่างสดสิ่งมีชีวิตกลางที่แจ้ง สุดท้ายคิมหันต์เลยเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน เปิดเครื่องปรับอากาศ โยนเหรียญหัวก้อยว่าจะหลบภัยอยู่เฉพาะในอาคาร หรือออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ท้าตายใต้แสงแดดดี
“ออก ไม่ออก ออก ไม่ออก...ออ..ก....ไ...ม่...อ..อ....ก....”
เหรียญกระทบพื้นผิวกระจกของโต๊ะเสียงดัง
กิ๊ง เบา ๆ หนึ่งหน หมุนติ้ว ๆ อีกพักหนึ่งแล้วทิ้งตัวล้มแปะ
“ก้อย! ไม่ออกจากบ้าน!” คิมหันต์กำหมัด
สามภพพยักหน้าแบบไม่ใส่ใจนัก เดินตรงเข้ามาหยิบรีโมตขึ้นกดเลือกฉากในหนังที่ดูค้างไว้แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างชายหนุ่มผู้กำลังจด ๆ จ้อง ๆ กับเหรียญที่ออกก้อยอยู่บนโต๊ะกระจก
ภาพบนจอขยับแล้ว แต่สมาธิคนดูไม่ได้จดจ่อกับหน้าจอเท่าไรนัก สายตาเขากลับปรายไปยังไอ้ตัวยุ่งข้างกาย เจ้ามนุษย์วุ่นวายตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกจนโตป่านนี้
“อืม..” ฝ่ายนั้นส่งเสียงในลำคอ หยิบเหรียญขึ้นมาพิจารณา ทำคิ้วขมวดมุ่นนิดหน่อย ปากอูมน้อย ๆ เหมือนเด็กขี้สงสัย “ทำไมออกแต่ก้อยวะ ตามหลักความน่าจะเป็นนี่มันไม่ใช่อะ”
“ถ้าอยากออกไปเล่นน้ำข้างนอกก็เลิกโยนเหรียญ” เขาร้องขัด ลูบผมคิมหันต์แปะ ๆ เหมือนเวลาลูบหัวหมา “เดี๋ยวพาไป”
“เปล่าสักหน่อย” เจ้าตัวหันมาปฏิเสธทันควัน เท่านั้นไม่พอ เมื่อได้เริ่มบทสนทนาแล้วคล้ายจะไปกดสวิตช์ขี้ลวนลามเข้าให้ จัดแจงปีนขึ้นมาเอาลำตัวท่อนบนพาดต้นขาเขาไว้อีก มือหนึ่งถือเหรียญ อีกมือมีการทำท่าปูไต่ไปบนหน้าท้องเขาแบบเนียน ๆ
เรื่องเกาะแกะนี่ต้องยกให้เป็นที่หนึ่ง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบหรอกนะ
สามภพยักไหล่ มองนิ้วมือที่ไต่ไปมาอยู่บนตัวอย่างอารมณ์ดี
“เฮียดูแดดเข้าดิ ใครจะอยากออกไปให้โดนเผาตายหอง ส่งเฮียเพี้ยนออกไปตอนนี้ได้กลายเป็นขี้เถ้าเอาไปลอยอังคารได้เลยนะ”
“ปากหมา” เขาดีดหน้าผากอีกฝ่ายเสียงดังแปะ แล้วชักนิ้วกลับมาทันก่อนโดนคิมหันต์งับเข้าให้ “ไม่ออกงั้นก็วางเหรียญได้แล้ว”
“ผมแค่สงสัย ทำไมมันออกแต่ก้อย”
“เหรียญเบี้ยวมั้ง”
“อืม..อาจเป็นไปได้” คิมหันต์พึมพำ พลิกเหรียญไปมาอีกสองสามครั้งในมือ จากนั้นดีดมันขึ้นไปหมุนคว้างในอากาศ ก่อนมันจะค่อยร่วงลงมาแปะอยู่บนโต๊ะ
ออกก้อยอีกหน
“เหรียญนี่ท่าทางจะเบี้ยวหนักจริงด้วย ออกอยู่หน้าเดียวเลย เจ็ดแปดหนแล้วเนี่ย!”
“ไร้สาระ” สามภพโคลงศีรษะ “ช่างมันเถอะ” ว่าพลางชิงเก็บเหรียญบนโต๊ะใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองได้ทันก่อนคิมหันต์จะหยิบมันขึ้นมาตั้งจิตพิจารณาองศาความเบี้ยวของมันอีกรอบ จากนั้นเขย่าต้นขาแรง ๆ จนคนที่นอนทับอยู่ตัวลอยเด้งขึ้นมา คว้าหมับไว้ทันด้วยสองมือ กอดรัดแน่น ๆ อย่างสุดแสนมันเขี้ยวครั้งหนึ่งจนคนโดนกอดทำจมูกย่น (ทั้งอย่างนั้นก็ยังแอบเห็นว่ายิ้มเผล่ไปด้วย) แล้วกึ่งดึงกึ่งหิ้วปีกให้ลุกขึ้นมานั่งเอาหลังพิงตัวเอง มีแขนเขาคล้องเอวฝ่ายนั้นไว้หลวม ๆ วางคางพาดไหล่อีกฝ่ายไว้ด้วยกันขยับตัวหยุกหยิก
แต่แน่นอน ถ้าไม่ดิ้นดุกดิก มีหรือจะใช่คิมหันต์ตัวจริง ไม่ทันเท่าไรก็ทำท่าเหมือนหนอนกำลังจะออกจากดักแด้
“นั่งนิ่ง ๆ” เขาส่งเสียงดุทีเล่นทีจริง
“เมื่อยอะ”
“งั้นก็พิงมา”
คิมหันต์จงใจก่อกวนด้วยการทิ้งน้ำหนักล้มตึงใส่ลงแรง ๆ แล้วท่าทางจะตั้งใจทิ้งศอกลงมาก่อนอีกต่างหาก
“หนักเว้ยไอ้ลูกหมา!”
“ก็บอกให้พิงเองอะ”
“พิงดี ๆ ไม่ใช่ล้มตึงอย่างนี้ ตัวไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว”
“ไหนเคยบอกผมก้างไง”
สามภพมองหน้าตายียวนของอีกฝ่าย เมื่อก่อนก็จริงหรอกว่าตัวเป็นขี้ก้าง แต่เดี๋ยวนี้ใช่จะผอมกะหร่องอย่างตอนมัธยมเสียที่ไหน พลางคิดไปด้วยว่านี่หรือหมอคิมสุดเท่ที่สาว ๆ กรี๊ดกร๊าดกันเกือบทั้งโรงพยาบาล น่าให้มาเห็นตอนทำหน้ามู่ทู่น่าดึงให้ปากหลุดอย่างนี้บ้าง
“เป็นก้างชิ้นใหญ่ก็หนักเว้ย” เขาทำหน้าดุขึ้นอีกหน่อย ซึ่งใช้ไม่เคยได้ผลกับคิมหันต์ คนในอ้อมแขนกลับหัวเราะหึ ๆ เอี้ยวตัวพลางหันหน้ามางับคางเขาเบา ๆ แถมตามด้วยเอาจมูกมาถูเล่นอีก
“แล้วเป็นก้างนี่จะติดคอได้ด้วยปะ”
ชายหนุ่มหรี่ตาลง กระซิบเสียงทุ้มต่ำ “ต้องลองกินก่อนถึงบอกได้”
คิมหันต์ได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้ว ส่งสายตาท้าทาย กะว่าท่าดี มาเหนือเต็มที่ ทว่าน่าสงสารนิดหน่อยเพราะได้แค่อึดใจเดียว พวงแก้มขาว ๆ กลับเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดตัดกับสีผิว ลามวาบขึ้นไปถึงใบหูในพริบตา พร้อมกับที่เจ้าตัวโพล่งขึ้นมาอย่างหลุดมาด ประหนึ่งว่าทนเก๊กต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
“เฮียแม่งงง! อ่อยผมเหรอ เดี๋ยวก็จับกินหรอก!”
สามภพพยักหน้า หลุดเสียงหัวเราะต่ำ ๆ ในลำคอไปด้วย นั่นมันไม่ใช่บทพูดเขาหรอกหรือ
“มาสิ มากินเลย” เขารวบแขนแน่นขึ้นอีกหน่อย จัดแจงจับท่านั่งอีกฝ่ายให้เรียบร้อยในอ้อมแขนตัวเอง พลางเอนตัวเอกเขนกบนโซฟาตัวใหญ่ที่คิมหันต์เลือกเอง (ความคลั่งไคล้ต่อโซฟาสารพัดแบบของคิมหันต์ยังเป็นเช่นเดิมตลอดมา และเขาก็ไม่เถียงว่าตัวเองก็ชอบมันทีเดียว เจ้าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ใหญ่โตพอจะให้ผู้ชายสองคนนั่งซ้อนกันได้สบาย ๆ )
เมื่อล็อคตัวไว้แน่นและนิ่งอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่พูดอะไร คิมหันต์เองดูจะหาท่าที่กำลังสบายของตัวเองได้เช่นกัน หรือไม่ก็อาจยังเขินจากเมื่อครู่ไม่หาย คราวนี้จึงยอมนิ่งแต่โดยดี พอกอดไว้กับตัวทีไรก็อดคิดไม่ได้ว่าไอ้เด็กนี่น่ารักชะมัด เขาเองทั้งรักทั้งหวงจะแย่ แต่ขืนพูดออกไปบ่อย ๆ ต้องได้ใจหนักพลางทำท่าระริกระรี้น่าหมั่นไส้แน่นอน สู้เก็บไว้เป็นท่าไม้ตายสำหรับแกล้งเล่นนาน ๆ ทีน่าสนุกกว่า
ชายหนุ่มกดจมูกลงไปกลางกระหม่อมคนรัก มองเห็นใบหูด้านหลังฝ่ายนั้นแดงแจ๋อีกแล้ว แต่คราวนี้เจ้าตัวไม่ได้ดิ้นหนี แถมยังคว้ามือเขาไปจับพลิกไปพลิกมาประหนึ่งว่าเพลินเพลินเต็มที่เสียอีก เป็นคนท่าเยอะที่เอาเข้าจริง หากรู้วิธีเข้าหาก็ออกจะว่าง่ายน่าเอ็นดูขนาดนี้
ไม่แน่ใจนักว่ามือคิมหันต์ที่เดี๋ยวก็จับมือเขาพลิกไปมา เดี๋ยวก็ลูบแขน เดี๋ยวก็เลื่อนมาลูบเอวเขา สุดท้ายแล้วนิ่งไปจริง ๆ ตอนไหน แต่เมื่อหนังจบ ก้มลงมาดูอีกที ไอ้ตัวแสบก็หลับปุ๋ยไปเรียบร้อย
ครั้นจะขยับตัวให้อีกฝ่ายนอนสบายกว่าเดิมหน่อย มือคิมหันต์กลับคว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อเขา แต่ตาหลับพริ้ม เอาปลายนิ้วกรีดขนตาเบา ๆ ยังไม่กระดิก แต่ขอโทษทีเถอะ มือที่จับชายเสื้ออยู่ดี ๆ เมื่อกี้ กลับล้วงเข้ามาใต้เนื้อผ้ากันดื้อ ๆ
“คิม” เขาเรียกเสียงต่ำ
“...อือ..”
ไม่มีทีท่าจะตื่น ว่าไปก็เนียนใช้ได้ แต่คนหลับบ้านไหนกัน ลูบเอา ๆ จนมือไต่ขึ้นแผ่นหลังเขาแล้วตอนนี้
“ไม่ต้องมาเนียนเลยไอ้แสบ” สามภพก้มลงไปกระซิบข้างหู ถือโอกาสขบเบา ๆ บนใบหูแดงแจ๋นั่นไปด้วย “อมยิ้มอยู่นี่เรา หืม?”
แล้วเสียงหัวเราะแหะก็หลุดจากปากคิมหันต์จนได้
“รู้แล้วน่าว่าแสนรู้ เฮียก็ยอม ๆ ผมหน่อยก็ได้”
คนฟังขำตาม เอานิ้วหัวแม่มือลูบเปลือกตาอีกฝ่ายแผ่วเบา
“ทุกวันนี้ยังไม่เรียกยอมอีกเรอะ” เขาส่ายหน้าน้อย ๆ ถือโอกาสรวบมือปลาหมึกของอีกฝ่ายที่เริ่มจะไต่หนักข้อมาไว้ในมือตัวเอง “ตกลงเอาไง อยากออกไปเล่นน้ำไหม”
คิมหันต์เหลือบมองผ่านหน้าต่างกระจกออกไปด้านนอก เห็นเปลวแดดไหวระริกอย่างน่ากลัว
“ถ้ายังจะเล่น เดี๋ยวพาออกไป”
อีกฝ่ายแสร้งทำหน้าครุ่นคิด “อืม..ผมไปเองก็ได้นะ”
“ไม่ได้หรอก" สามภพส่ายหน้าทันควัน "เดี๋ยวไปยั่วคนอื่น”
“หา?”
“ขี้เกียจตามเก็บทีหลัง”
อีกฝ่ายทำตาลุกวาวอย่างน่าหมั่นไส้ ฉีกยิ้มกว้างอวดฟันขาว “หึงผมอะดิ๊! ผมไม่ไปยั่วใครหรอก”
“หรือไม่ก็ไปยั่วโมโหคนอื่นเขา”
“โอ๊ย เฮียแม่ง” คิมหันต์พ่นลมพรืด เหมือนอยากขำก็ขำไม่สุด “พูดอะไรหวาน ๆ มั่งไม่ได้เล้ย!”
สามภพยักไหล่ไม่สนใจ พยักพเยิดไปด้านนอกอีกครั้ง “ตกลงเอาไง จะออกไปเล่นน้ำไหม”
แต่คิมหันต์ดูท่าทางตั้งเป้าหมายแล้ว ว่าจะขุดอะไรที่ฟังรื่นหูออกจากปากเข้าให้ได้ จึงมองมาด้วยสายตามุ่งมั่นเอาเรื่อง แทนที่จะตอบเขา กลับพูดถึงอย่างอื่นแทน
“เฮียชอบฤดูร้อนปะ”
สามภพฟังแล้วนึกเอ็นดูจนต้องยกมือขยี้ผมอีกฝ่ายเบา ๆ ไอ้วิธีถามอ้อมค้อมนั่น...ไม่รู้ไปหัดมาจากไหน
เขาเลยแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตอบเต็มปากเต็มคำว่า “เกลียด” จนคนฟังต้องทำปากขมุบขมิบ ครู่หนึ่งก็โพล่งขึ้นมาใหม่แบบชัดเจนกว่าเดิม ไม่พอยังมีแกล้งทำตาเล็กตาน้อยใส่ ของเดิมก็ตี่อย่างกับอะไรอยู่แล้วแท้ ๆ
“เฮียรักผมปะ!?”
นั่นละที่เจ้าตัวอยากถามแต่แรก สามภพพอเข้าใจความหมายแฝงก่อนหน้านี้อยู่หรอก เพียงแต่นานทีปีหนมาทำพูดจาอ้อมค้อมผิดวิสัยอย่างนี้ ย่อมอดไม่ได้จะแกล้งเล่นด้วยการทำไม่รู้ไม่ชี้ดูสักหน่อย ฤดูร้อนทรมานร่างจะตาย เขาโคตรเกลียดอย่างกับอะไรดี ยิ่งพักนี้นับวันยิ่งร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จะชอบลงเข้าไปได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นไอ้ตัวแสบที่ชื่อแปลว่าฤดูร้อนซึ่งกำลังกวนประสาทกันอยู่ตรงหน้านี่ก็เป็นอีกเรื่อง
เขาควานหารีโมต กดปุ่มปิดหน้าจอโทรทัศน์ลงเสีย เหลือแค่เสียงเครื่องปรับอากาศร้องหึ่งเบาจนแทบไม่ได้ยิน ที่ชัดสุดตอนนี้จึงเป็นเสียงแปะ ๆ จากการที่คิมหันต์เอามือตีหน้าท้องเขาเรื่อยเปื่อยประสามนุษย์อยู่ไม่สุข ผ่านไปไม่ทันกี่อึดใจ เห็นเขาไม่ตอบโต้สักทีจึงเงยขึ้นมาทำหน้ามุ่ย
“เร็ว ตอบหน่อย”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ยังทำไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อไป “ตอบว่า?”
“ว่าร้ากรัก”
“อือ รู้แล้วว่าเรารักพี่”
“บร๊ะ! ไม่ใช่สิ!”
เขาแสร้งเอียงคอน้อย ๆ ย่อตัวลงให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับอีกฝ่าย ปลายจมูกชิดจนแทบเรียกว่าใช้ลมหายใจเดียวกัน
“อ้าว ไม่รักเรอะ”
“รักสิ แต่ไม่ใช่ อ๊ะ! ทำไมกลายเป็นผมบอกเฮียเพี้ยนวะ!”
“นั่นสิ” เขาพยักหน้าเออออ “ทำไมกันนะ” ทำเอาอีกฝ่ายโถมน้ำหนักเข้ามาจนแทบจะกดเขานอนพังพาบลงกับโซฟาแล้ว
“บอกมั่งเร็ว ๆ รักผมปะ”
“อือ”
“ไม่เอาแค่อือสิ”
“แล้วจะเอาอะไรล่ะ”
คิมหันต์นิ่งคิดนิดหน่อย จากนั้นยิ้มเผล่จนตาหยี “เอาแบบหวาน ๆ อะ เร็ว ๆ ผมอยากเขินมั่ง”
สามภพหัวเราะพรืด “เรามันหน้าด้าน พูดอะไรก็เลิกเขินไปนานแล้วไม่ใช่หรือ?”
“เฮียแม่งงงง” อีกฝ่ายส่งเสียงจิ๊อย่างขัดใจ ปีนขึ้นมานั่งคร่อมบนท้องเขา ถลกแขนเสื้อขึ้นประหนึ่งว่าพร้อมขย้ำเหยื่อเต็มที่ ทำเอาเขายิ่งหยุดขำไม่อยู่ สุดท้ายต้องยื่นข้อเสนอใหม่
“เอางี้ไหม มาโยนเหรียญหัวก้อยกัน”
“หือ?”
สามภพหยิบเหรียญที่ยึดจากคิมหันต์ก่อนหน้านี้ออกมาถือไว้ เตรียมดีดมันขึ้นไปบนอากาศ
“ถ้าออกหัวคือก็งั้น ๆ แหละ ออกก้อยคือรัก”
“เอ๊ะ..แต่เหรียญนั่นมัน—”
ไม่ทันให้อีกฝ่ายพูดจบ นิ้วเขาก็สะบัดแรง ๆ ทีหนึ่ง เหรียญหมุนติ้วขณะที่ลอยหวือขึ้นไปจนสูง พร้อมกับที่เขาช้อนมืออ้อมแผ่นหลังคิมหันต์ ชั่วพริบตาก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมอีกฝ่ายที่ทำหน้าตาเหลอหลาอย่างคนไม่ทันตั้งตัว สายตาฝ่ายนั้นมองที่เขา แล้วเลื่อนไปจับจ้องตามการเคลื่อนไหวของเหรียญที่ลอยอยู่เหนือขึ้นไป ก่อนมันจะทิ้งตัวลงมาตามแรงโน้มถ่วง
“..ก้อย...ก้อยแหง ๆ..”
คิมหันต์พึมพำ แต่ก็ได้เท่านั้น
กะพริบตาอีกครั้งหนึ่ง ริมฝีปากก็ถูกปิดลงแนบสนิทด้วยปากเขาเอง
เสียงเหรียญกระทบพื้นดัง
กิ๊งงง..คิมหันต์ทำท่าจะลุกขึ้นไปดูหน้าเหรียญบนพื้น แต่เขาผลักไอ้ตัวยุ่งเบา ๆ ให้ล้มลงนอนที่เดิม แล้วโน้มใบหน้าตามลงไปกระซิบแผ่วเบาชิดหู
“รัก...รู้ไหม พี่โคตรรักเราเลย รักจนอยากจะจับกลืนเข้าไปทั้งตัว”
เงียบกันไปครู่หนึ่ง เป็นความเงียบที่เกือบจะคิดว่าหวานใช้ได้แล้วเชียว
“เดี๋ยวติดคอนะ” ยังไม่วายพูดให้เสียบรรยากาศอีก ปากว่างไม่ได้เลยจริง ๆ “แล้วเฮียรู้ได้ไงว่าเหรียญออกก้อย”
“รู้ ฉลาด” เขาตัดบท “แต่ถึงออกหัว เดี๋ยวจะจับมันพลิกด้านเอง โอเคไหม”
“เชื่อเลย” คิมหันต์หัวเราะ จมูกแดง แก้มแดง หูแดง ตาหยีอีกต่างหาก “ผมก็ออกก้อยกับเฮียเพี้ยนเหมือนกันนะ”
“หือ?”
“รักจนอยากจับกินทุกวันเลย”
เขาอึ้งไปอึดใจ จากนั้นค่อยส่งเสียงหึ ๆ อยู่ในคอ ก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมาจนได้ ขำจนหมดปอดแล้วจึงก้มลงกอดอีกฝ่ายไว้แน่น อยากจะกอดให้ตัวเหลวไปทั้งอย่างนี้เลย ฉกจูบซ้ำ ๆ ปิดปากช่างจ้อเอาไว้จนสนิท ไม่ให้ได้พูดอะไรเสียเส้นออกมาอีกสักพัก
ระหว่างนั้นสายตาเหลือบเห็นเหรียญเจ้ากรรมบนพื้น แต่ดันเอาด้านหัวขึ้นผิดคาด จึงเอื้อมมือข้างหนึ่งพลิกมันเป็นอีกด้านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลับมาจัดการธุระสำคัญกับคนในอ้อมแขนต่อ
ช่วยไม่ได้นี่นะ ตามใจเขาหน่อย
คิมหันต์บอกว่าออกก้อย...มันก็ต้องเป็นก้อยสิ
๑๓ เม.ย. ๕๙
แด่ฤดูร้อนที่ร้อนมาก..
(..และรักมากด้วย..)
สวัสดีปีใหม่ไทยค่าาา >3<
ร้อนเนอะคะ แฮร่กกกก ร้อนจะสิ้นลมเลยค่ะ ฮา
เข็นตอนพิเศษคู่นี้ดับร้อนเลย (หรือยิ่งร้อนกว่าเก่า) ชื่อเรื่องและชื่อตี๋คิมเหมาะกับฤดูร้อนพอดีเลยค่ะ 555
ขอความร่มเย็นจงมีแด่ทุกท่านนะคะ เราจะผ่านฤดูร้อนนี้ไปด้วยกัน
(อยากได้ต้นไม้เยอะ ๆ จังเลยค่ะ จะตายแหล่ว)
แล้วพบกันโอกาสหน้า ในเรื่องไหนสักเรื่องนะคะ แฮร่