● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 16 – สมมติฐานว่าด้วยการกอด
“..คิมหันต์”
นั่นเป็นเสียงที่เขาได้ยิน ถุงเท้าสีน้ำตาลอ่อนเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำจากเลือดของตัวเองซึ่งยังไหลซึมออกมาจากแผลฉีกขาดที่เข่าซ้าย
นั่นเป็นภาพที่เขามองเห็นเจ็บ...
ส่วนนั่นเป็นสิ่งที่เขารู้สึก..ฉิบหายเลยว้อย! และแหกปากอยู่ในใจ“..คิม”
ไอ้พี่เขี้ยวก็เรียกอยู่นั่นแหละ สามสี่รอบแล้วไม่เห็นพูดอะไรอย่างอื่น “ผมจำชื่อตัวเองได้”
“ยังจะกวนส้นอีก!” สามภพตวาด
คิมหันต์ก่นด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ ไอ้มนุษย์ร่างใหญ่ไร้อารยธรรม หลุดมาจากบ้านป่าเมืองเถื่อนแถวไหน!? เชื่อว่าเดี๋ยวต้องมีลงไม้ลงมืออะไรสักอย่างตามมาเช่นเคยแน่นอน อาจเป็นตบหัวสักทีซึ่งเขารู้สึกว่าโดนบ่อยสุด เด็กหนุ่มหดคอรอไว้ล่วงหน้าโดยไม่รู้ตัว คล้ายเป็นสัญญาณว่ายอมเจ็บตัวแต่จะให้หยุดกวนประสาทนั้นทำไม่ได้จริง ๆ
“....”
แต่น่าแปลก..ไม่มีมือไม้อะไรลงมาสักอย่าง “กดไว้”
“???”
ผ้าเช็ดหน้า...?“พูดไม่รู้เรื่อง เลือดออกหมดไม่มีอะไรไปเลี้ยงหัวหรือ?” เสียงโหดของสามภพเรียกสติเขากลับมาจดจ่ออยู่กับปัจจุบันในที่สุด หลังจากเพิ่งรู้ตัวว่าคิดช้าทำอะไรช้าลงไปราวสองสามวินาทีจากเหตุการณ์จริงมาได้ครู่ใหญ่ เด็กหนุ่มดึงขาตัวเองหนี เจ็บจะแย่และรู้ดีว่าควรหาอะไรกดเพื่อหยุดเลือดไว้ก่อนอย่างที่อีกฝ่ายแนะนำจริง แต่ไม่อยากทำตัวเชื่อฟังเลยให้ตาย
“ยุ่ง!” สามภพชะงัก จากที่ย่อตัวอยู่จึงต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าเด็กหัวทองปากเสีย คราวนี้ไม่มีคำเตือนล่วงหน้าใดทั้งสิ้นก่อนมือใหญ่จะโบกโฉบโดนปลายเส้นผมบนศีรษะโดยไม่ได้ลงน้ำหนัก ตั้งใจจะอบรมต่ออีกสักหน่อยแต่อาการหลับตาปี๋พร้อมกับย่อตัวหลบของอีกฝ่ายตั้งแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็เล่นเอาคำพูดทั้งหมดของเขาถูกกลืนหายลงคอไปหมด
“เจ็บไหม?” เขาถาม
และตอนนี้อยากตบปากตัวเองเป็นบ้าผลที่ได้จากคำถามปลายปิดนั้นคือคิมหันต์ทำสีหน้าเหมือนกำลังดูหนังสยองขวัญใส่เขา นอกจากไม่ยอมตอบอะไรสักคำแล้วยังขยับตัวหนีเสียอีก ทำเป็นพวกสัตว์เล็กเวลาบาดเจ็บไปได้ หรือเขาควรต้องพาไปพบสัตวแพทย์มากกว่าหมอรักษาคน?
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่มีทีท่าจะให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย และสามภพไม่สามารถถือผ้ากดแผลไว้ให้ขณะที่ต้องเป็นคนขับรถไปด้วยได้ กดดันด้วยสายตาแล้วไร้ผล ถึงด่าว่าหรือใช้วาจาเชือดเฉือนก็ทำอะไรคิมหันต์ไม่ได้(ต้องมีอะไรกวนอวัยวะเบื้องต่ำกลับมาให้ปรอทแตกแน่นอน) จะใช้กำลังบังคับก็เลือดไหลเอา ๆ อยู่นี่อีก สุดท้ายจึงเป็นเขาเองต้องยอมแพ้ ไม่รู้จะขุดหาวิธีอะไรมาต่อกร เกิดมาทั้งชีวิตยอมรับเลยว่าไม่เคยเจอเด็กที่ไหนดื้ออย่างนี้มาก่อน
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก ก้มลงไปดึงถุงเท้าเปื้อนเลือดออกจากข้อเท้าอีกฝ่ายซึ่งชุ่มเสียจนเลอะเต็มมือเขาไปด้วยก่อนจะโยนออกไปก่อน เห็นแล้วก็หวั่นใจอยู่ลึก ๆ แม้ไม่อยากยอมรับเอาเสียเลย ปากแผลที่เอาผ้ากดอยู่นั้นใช่ว่าฉีกขาดใหญ่โตแต่เลือดกลับซึมไม่ยอมหยุดสักที
“นิ่งหน่อยได้ไหม!?” เขาส่งเสียงดุเมื่อคนตรงหน้าเริ่มยุกยิกอีกแล้วตอนที่เขาพยายามเอาผ้าผูกรอบหัวเข่าหวังจะกดห้ามเลือดไว้บ้าง (นั่นมันผ้าเช็ดหน้าเชียวนะให้ตายเถอะ!) “ให้จับไว้เองก็ดื้อด้านอยู่นั่น”
ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาผูกผ้าจนเรียบร้อย ลุกขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่ายแปะ ๆ อย่างลืมตัว นึกขึ้นได้จึงรีบชักมือกลับ ไม่รู้จะไปแตะหรือแสดงความเอ็นดูอะไรนักหนาเกินจำเป็น บางทีอาจเป็นเพราะเขากำลังรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ ก็เป็นได้ ก้มลงไปดูเห็นรอยแดงเป็นคราบจางบนเส้นผมคิมหันต์ กลายเป็นว่าเขาเอาเลือดไปป้ายหัวอีกฝ่ายเล่นเสียอย่างนั้น
สามภพส่ายหน้าหงุดหงิดใจ ปิดประตูรถดังปังแล้วเดินอ้อมขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จจึงหันไปตรวจสอบความเรียบร้อยของไอ้ตัวแสบอีกครั้ง และเขาให้เวลาทายสักสามวินาทีว่าคิมหันต์ทำอะไร..
หนึ่ง..
สอง..
สาม..ปิ๊งป่อง! (ถ้าเผื่อจะมีคนทายถูก)
ไอ้เด็กแสบนั่นแกะผ้าเช็ดหน้าที่เขาบรรจงผูกออกแล้วโยนทิ้งต่อหน้าต่อตาเจ้าของเลยทีเดียว“คิม!”เด็กหนุ่มหันมายักคิ้วใส่แม้ดวงหน้าจะเริ่มซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผากกระตุกรอยยิ้มเหยียดเห็นแล้วน่าดึงให้ปากฉีก ยังคงประหยัดคำพูดคำจาอย่างที่เป็นมาตลอดตั้งแต่เขาหิ้วตัวแยกจากปิ่นหยกออกมา และเขาได้รู้อีกอย่างว่าคิมหันต์ตอนไม่พูดอะไรสักคำกลับทำตัวน่าหงุดหงิดได้เก่งกาจเสียยิ่งกว่าตอนส่งเสียงเจื้อยแจ้วกวนประสาทปาว ๆ เสียอีก
สามภพยกมือขึ้นนวดขมับ ทำไมช่างเป็นมนุษย์ที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ในการยั่วโมโหได้ขนาดนี้
“อยากโดนอีกหรือ!?”
“อย่ามาขู่ผมเลย รู้อยู่ว่าได้ผลที่ไหนกัน”
นั่นเป็นประโยคยาวที่สุดของคิมหันต์ตั้งแต่พวกเขาพากันเดินมาถึงรถเลยทีเดียว
“ไอ้เด็กกวนตีน!”
“ผมรู้ตัวว่ากวนตีน และบอกตัวเองเสมอว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นจากนิสัยแบบนั้นก็จะไม่โทษคนอื่น” เด็กหนุ่มจ้องเขาตาไม่กะพริบ สายตาไม่เชิงเกลียดชังแต่อารมณ์ซึ่งฉายอยู่ในนั้นไม่ใช่แสดงความพอใจอยู่แน่นอน พอเริ่มพูดออกมาได้ก็เหมือนที่เก็บกลั้นไว้พากันหลุดปากออกมายกใหญ่ “แต่พี่รู้ตัวเองหรือเปล่าว่าแม่งเถื่อน”
“.....”
“ผมเดาว่าไม่รู้”
เขาอาจจะไม่รู้จริง ๆ และไม่รู้ด้วยว่าจะรับมืออย่างไรกับคนตรงหน้าดี
“เกลียดขี้หน้าแล้วมาเจ๋ออะไรที่โรงเรียนคนอื่นวะ ถ้าเป็นเรื่องแก้แค้นไอ้เศษแก้วเมื่อกี้น่าจะโอเคไหม? หรือไม่พอผมยังมีให้พี่อีกยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอให้..”
คิมหันต์ยักไหล่ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่แล้วก็กลับปิดปากสนิทเหมือนเดิม หันไปปลดล็อคที่ประตูรถตัวเองแล้วขยับตัวเงอะงะก้าวขาลงจากรถ ก้มลงหยิบรองเท้าผ้าใบและถุงเท้าชุ่มเลือดซึ่งวางกองอยู่บนพื้นเงียบ ๆ แล้วลงไปยืนเขย่งอยู่ด้านนอก
“จะไปไหน?”
“ไม่เกี่ยวกับพี่เปล่าวะ”
“พี่ไม่อนุญาต!”
เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอ รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาจนยืนโงนเงนไปด้านหลังแต่ยังไม่วายทำปากดี “มีสิทธิอะไรมาอนุญาตหรือไม่อนุญาตผม”
“คิม!” สามภพตะโกนทั้งที่ยังไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ และถ้าเขาจะนับเสียบ้างว่าวัน ๆ ตัวเองเรียกชื่อนี้วันละกี่หนคงต้องตกใจมากทีเดียว
คิมหันต์ขมวดคิ้ว ถอยหลังออกมาจากตัวรถอีกก้าว แดดยามบ่ายแก่ร้อนจนเหงื่อซึมขึ้นมาตามไรผม ลำคอแห้งเป็นผงเหมือนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีน้ำลายไปแล้ว เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่มีอะไรผ่านลงท้องสักอย่างแม้แต่น้ำเปล่าตั้งแต่ตอนสาย ออกแรงวิ่งตั้งมากมาย เสียทั้งเหงื่อทั้งเลือดแล้วยังมายืนตากแดดให้น้ำในร่างกายเหือดแห้งเล่นอย่างนี้ไม่ดีเลย จบจากตรงนี้เขาควรไปจัดการกับแผลตัวเองให้เป็นเรื่องเป็นราวได้แล้ว
“ส่วนเรื่องโยนกระเป๋าตังค์พี่ไป" เขาผ่อนลมหายใจยาว ๆ ตั้งสติให้พูดเฉพาะสิ่งที่ควรพูดตอนนี้ "เรื่องปล่อยยางรถ ขังห้องน้ำ หรืออะไรที่แกล้งไว้ครั้งก่อน ๆ...”
เด็กหนุ่มกะเผลกออกห่างอีกนิดหน่อยพอให้มีที่ว่างเผื่อไว้สำหรับผลักประตูปิด สบตากับอีกฝ่ายนิ่งงัน ทิ้งช่วงเวลาให้ความเงียบอยู่อีกหนึ่งอึดใจ
ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้คนในรถซึ่งนั่งทำตัวไม่ถูกอยู่อย่างนั้น“ผมขอโทษ”“....”
ตรงไปตรงมา..และชัดถ้อยชัดคำ สามภพรู้สึกเหมือนที่ผ่านมาเขาเป็นคนบ้าอยู่ฝ่ายเดียวไปเลย
“..คิมหันต์” ชายหนุ่มกระซิบเสียงเบาหวิว เบาเสียจนแม้แต่เจ้าของชื่อก็ไม่ได้ยิน ให้คำตอบตัวเองไม่ได้ว่าควรทำอะไรหลังจากนี้ กระนั้นรู้ตัวอีกทีเขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัย เปิดประตูรถฝั่งตัวเองออกแล้วถลาออกมานอกตัวรถขณะที่คิมหันต์ยังพูดต่อโดยไม่ละสายตาจากเขาแม้แต่น้อย
“แต่ผมยังยืนยันเหมือนเดิม เรื่องไอ้ปิ่น” เด็กหนุ่มลดมือลงจากที่ประนมไว้ ขยับตัวถอยหลังไปอีกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคล้ายจะเดินอ้อมมาหา จับจ้องทุกอิริยาบถของชายหนุ่มด้วยสายตาแน่วแน่ ไม่ใช่เพียงแต่อยากท้าทายเอาสนุกเหมือนที่ผ่านมา “ถ้าพี่ทำอะไรไม่ดีกับมัน..”
สามภพเลิกคิ้ว พยายามทำความเข้าใจ
“พี่จะรู้ว่าผมร้ายกว่านี้ได้อีกเยอะ”ปิ่นหยก..? ว่ากันตามตรงเขาลืมนึกถึงไปแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งความจริงนั้นไม่ควรเลย เพราะตั้งแต่แรกเรื่องราวก็เริ่มต้นเพราะเด็กคนที่ว่าและน้องชายของอันนาแท้ ๆ
แต่ตอนนี้ความหงุดหงิดไม่รู้ต้นกำเนิดแน่ชัดเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายเอาแต่ห่วงคนอื่นทั้งที่สภาพตัวเองก็ใช่ว่าจะดีนัก เขาเกือบเดินอ้อมไปถึงตัวคิมหันต์แล้ว ตอนที่เด็กหนุ่มผลักประตูซึ่งเปิดค้างไให้ปิดลงแล้วหันหลังให้เขา สวมรองเท้าผ้าใบข้างซ้ายแบบเหยียบส้นไว้หลวม ๆ ก่อนจะลากขาออกจากตรงนั้น
“สภาพอย่างนั้นจะไปไหน!?”
“เสือก”
“ปากหมา!” ชายหนุ่มสวนกลับทันควัน สาวเท้าไม่กี่ครั้งก็ตามทันจนคว้าแขนเด็กหนุ่มไว้ได้ ออกแรงอีกเพียงนิดเดียวร่างโปร่งนั้นก็เซเข้ามาหา “ขอโทษแต่พี่บอกหรือยังว่าให้อภัยแล้ว?”
คิมหันต์มุ่นคิ้วใส่คนข้างกาย ท่าทางหงุดหงิดเต็มแก่แม้ในขณะที่หน้ามืดแทบยืนไม่อยู่ “นั่นมันเป็นเรื่องของพี่ ไม่ใช่หน้าที่ผมจะต้องมารอพี่หายโกร—”
ทว่าพูดไม่ทันจบภาพตรงหน้าก็พร่าเลือนจนดำมืดไปวูบใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็ไม่สามารถพยุงน้ำหนักตัวเองไว้บนขาทั้งสองข้างได้แล้วทั้งที่ยังมีสติรับรู้เหตุการณ์ดีอยู่
“แต่เป็นหน้าที่พี่ต้องพาเราไปโรงพยาบาล”คิมหันต์ไม่มั่นใจนักว่าเขาได้พูดอะไรออกไปหรือเปล่า ความทรงจำช่วงนั้นดูขาดหายพิกล ที่แน่ใจและจำได้ว่าเกิดขึ้นจริง มีเพียงการที่เขารู้สึกว่าขาทั้งสองของตัวเองลอยขึ้นเหนือจากพื้น เข่าซ้ายไร้ความรู้สึกเจ็บเหลืออยู่้อีกแล้ว อะไรบางอย่างโอบรัดแน่นอยู่รอบไหล่ อุ่นจนรู้สึกอยากซุกอยู่อย่างนั้นอีกนาน ๆ
“คิมหันต์..อย่าเพิ่งหลับ!”
เขาก็ไม่ได้อยากหลับหรอก..ให้ตาย! นี่ก็ลืมตาพยายามเพ่งมองอยู่..อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าอย่างนั้น ทว่ากลับมองไม่เห็นสิ่งใดสักอย่าง
“เป็นอะไรไปพี่ไม่ให้อภัยหรอกนะไอ้ตี๋เกรียน!”อยากสวนกลับไปเป็นบ้าว่าเขาไม่ใช่ไอ้ตี๋เกรียน อย่างน้อยเรียกกิมจิเกรียนก็ยังดี
แต่ร่างกายปฏิเสธจะเชื่อฟังกันเสียแล้วนี่สิ............................................
.........................
.
.
.
.
.
“แค่เป็นลมน่ะค่ะ”
หญิงสาวร่างโปร่งในกาวน์สั้นสีขาวหันมาแจ้งให้เขาทราบหลังจากก้ม ๆ เงย ๆ ตรวจร่างกายคิมหันต์ได้ครู่ใหญ่ และตอนที่พยาบาลสาวอีกคนเจาะเลือดจากปลายนิ้วเด็กหนุ่มหยดลงบนแผ่นตรวจซึ่งเสียบอยู่กับเครื่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ในมือก่อนจะหันไปรายงานผลให้เจ้าหล่อนฟัง คนไข้ก็ตื่นขึ้นมาทำหน้าเหวอกับเพดานสีขาวของห้องฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว
“สัญญาณชีพและผลตรวจร่างกายปกติดี ระดับน้ำตาลในเลือดก็ดี ความเข้มข้นเลือดปกติ” เธอหันมายืนยันอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม “เลือดที่แผลหยุดไหลแล้ว ประวัตินอกจากบาดแผล ก็มีเรื่องตากแดด เสียเหงื่อและเกลือแร่ ยังไม่ได้ทานอะไรด้วยใช่ไหมคะ?”
สามภพพยักหน้า มองดูหญิงสาวบันทึกข้อมูลลงไปในแฟ้มประวัติ คิดดูดี ๆ แล้ว ทั้งเสียเหงื่อ เสียเกลือแร่หรือเสียเลือดอะไรนั่นเกี่ยวของกับเขาทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
“เดี๋ยวให้ไปเย็บแผลก่อน คนไข้ตอนเด็กได้รับวัคซีนครบไหมคะ?”
ชายหนุ่มชะงักไป เหลือบมองเด็กหนุ่มที่ลุกขึ้นมานั่งงง ๆ คิมหันต์ได้วัคซีนตอนเด็กครบหรือเปล่าเขาจะไปรู้ได้อย่างไร
“เอ่อ..เป็นอะไรกับคนไข้นะคะ?”
“เป็น...”
ปัญหาที่สอง..เป็นอะไรดี เขายังจ้องคนที่กำลังถูกนำตัวไปยังเตียงเตรียมจะเย็บแผล เห็นลุกขึ้นมานั่งได้ก็ให้โล่งใจอย่างน่าประหลาด ตอนเด็กนั่นหลับไม่รู้เรื่องเขาผุดลุกผุดนั่งอยู่ตั้งไม่รู้กี่เที่ยว มันน่าโมโหจริง ๆ ที่นอกจากจะเกรียนขนาดนี้แล้วยังทำให้ต้องเป็น....ห่วง.....อีก...?
แล้วทีนี้จะเป็นอะไรดี?“เป็นพี่ชายครับ”
ตัดสินใจตอบส่ง ๆ ก่อนแล้วไปรับยาและจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย วัคซีนตอนเด็กคงครบมั้ง ดูจากลักษณะทางบ้านที่น่าจะดูแลกันมาดี เป็นลูกชายคนเดียวแถมยังเป็นคนเล็กอีก คิดแล้วเขาแทบไม่รู้เรื่องราวก่อนพบกันเกี่ยวกับคิมหันต์เลย รู้แต่เด็กนั่นกวนตีนมากเท่านั้นเอง
อ้อ..วันนี้รู้เพิ่มอีกอย่างด้วยว่าดื้อมากก่อนหน้านี้ก็พูดท้าทายเหมือนเคยโดนกระทืบมาแล้ว ซึ่งนิสัยเช่นนั้นแม้จะเป็นเรื่องจริงสามภพก็ไม่ได้แปลกใจนัก ไอ้อาการเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนรักชื่อปิ่นหยกเสียออกหน้าออกตานั่นอีก ทั้งสองคนสนิทกันมาแบบไหนเป็นเรื่องเกินกว่าเขาจะรู้ แต่คอยกางปีกปกป้องอยู่ตลอดเวลาอย่างที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่ดูไม่ใช่ความสัมพันธ์ในระดับธรรมดาเอาเสียเลย ช่างเป็นเด็กที่มีแต่อะไรน่าสงสัยและชวนหงุดหงิดจริง ๆ
ชายหนุ่มนั่งรอหน้าห้องยา ปล่อยตัวเองความคิดตัวเองลอยไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านโดยไม่ทันได้รั้งเอาไว้
ที่ทำเขาประหลาดใจมากคงเป็นตอนคิมหันต์ยกมือไหว้แล้วเอ่ยคำขอโทษนั่นแหละ ดูจากนิสัยชอบเอาชนะแล้ว นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาคาดว่าจะได้ยินจากปากอีกฝ่าย แต่เจ้าตัวกลับพูดมันออกมาโดยปราศจากร่องรอยของอาการเสแสร้งแม้สักนิด ไม่เหมือนทุกครั้งที่ต่อให้แกล้งทำใสซื่อหรือใช้คำพูดน่าฟังอย่างไรก็จะมีอาการหรือน้ำเสียงบางอย่างซึ่งบอกให้รู้ว่าเด็กหนุ่มกำลัง
‘เล่น’ อยู่เสมอ
สามภพฟุ้งซ่านตั้งแต่ออกจากห้องฉุกเฉินจนจัดการเรื่องรับยาเสร็จกลับมานั่งรอที่เก้าอี้สำหรับญาติก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสงบจิตสงบใจได้อย่างที่ควรเป็น
มือใหญ่ยกขึ้นเสยผม มืออีกข้างกุมอยู่ที่อกเสื้อตัวเองแน่น ตอนอีกฝ่ายหมดสติไปหัวใจเขาร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม ขนาดอุ้มขึ้นมากอดไว้ทั้งตัวยังไม่ดิ้นรนหรือแม้แต่จะรู้ตัวสักนิด คิมหันต์ไม่ได้ตัวเล็กมาก แต่พอเทียบกับเขากลับแทบจมหายไปในอกได้อยู่แล้ว เห็นอย่างนี้จึงทำให้รู้ว่าตัวเองทำเกินไปจริง ๆ ยิ่งอีกฝ่ายขอโทษจริงจังถึงขั้นยกมือไหว้เขายิ่งรู้สึกผิดขึ้นมาแบบเป็นภาคบังคับเลยทีเดียว
“ไอ้เด็กเกรียนเอ๊ย” ชายหนุ่มพึมพำกับฝ่ามือ เสื้อนักศึกษายับย่นไปหมดเพราะมืออีกข้างก็ยังขยุ้มมันอยู่อย่างนั้น สัมผัสร้อนผ่าวจากอุณหภูมิร่างกายยังรู้สึกได้ที่แผ่นอกเขาอยู่เลย และถึงตอนนี้เขาเริ่มกลัวตัวเองขึ้นมาแล้ว
ตอนอุ้มไอ้เปี๊ยกนั่นขึ้นมา หัวใจเขาเต้นแรงเหมือนตอนที่ลิ้นของคิมหันต์พลาดมาแตะโดนปากเขาไม่มีผิด
“...เย็นไว้สามภพ” เขากระซิบบอกตัวเอง ตั้งหน้าตั้งตาสงบสติอารมณ์แต่ดูคล้ายจะกลายเป็นเถียงกับตัวเองในหัวเสียมากกว่า จะอะไรนักหนากับแค่เด็กมัธยม เขาแค่ไม่เคยเจอเด็กที่ไหนมาปั่นหัวถึงเพียงนี้มาก่อนเลยไขว้เขวไปนิดหน่อย ไอ้อาการหัวใจเขย่าซี่โครงไม่ควรเกิดขึ้นอีกหากเขาตั้งสติได้ดีพอ ต่อให้กอดหรืออะไรมากกว่านั้นอย่างไรก็แค่เด็กผู้ชาย
รู้สึกอะไรที่ไหนกัน ถ้าโผล่มาตรงนี้จะกอดให้ดูเลยก็ยังได้ เสียงหนึ่งในหัวร้องท้าขึ้นมาว่าอย่างนั้น
“พี่เป็นคนพาผมมาส่งหรือ?”
สามภพแทบสะดุ้ง เมื่อคนที่กำลังวนเวียนอยู่ในความคิดวิตกจริตของเขาอยู่ ๆ ก็มาโผล่จากทางด้านหลังแบบไม่ทันให้ตั้งตัว เขาหันไปมอง ทำหน้าเคร่งขรึมใส่ก่อนจะกวาดสายตาไปยังหัวเข่าข้างซ้ายที่มีผ้าก็อซพันไว้แล้วกลับขึ้นมามองใบหน้าเด็กหนุ่มอีกครั้ง คราวนี้เห็นมีสีเลือดบนแก้มบ้างก็ค่อยโล่งใจ....
โล่งใจบ้าสิ...เขาไม่ได้คิดอะไรกับเด็กนี่เสียหน่อย!“ถ้าคิดจะเอาคำขอบคุณ ผมคงต้องทำให้พี่ผิดหวัง” คิมหันต์คนเดิมกลับมาแล้ว พร้อมกับอาการยักคิ้วหลิ่วตาน่าเตะ มันน่าปล่อยให้นอนเป็นลมตากแดดอยู่ที่เดิมนักโดยเฉพาะตอนได้ยินอะไรตามมาจากปากเด็กหนุ่ม “ยุ่งไม่เข้าเรื่องเอง”
ถ้าโผล่มาตรงนี้จะกอดให้ดูเลยก็ยังได้ชายหนุ่มพิจารณาอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า นี่มันเด็กผู้ชายแบบโคตรจะเด็กผู้ชาย แถมยังปากมอมระยะสุดท้ายอีกต่างหาก ไม่มีอะไรน่าดึงดูดแม้แต่น้อย ใครจะไปกอดลงวะ!?
“หมดธุระแล้ว ผมกลับละ”
“เดี๋ยวก่อน!”
สิ้นสุดถ้อยคำนั้น ก้มลงดูก็พบว่าเขาคว้าข้อมือคิมหันต์เอาไว้ในมือตัวเองเรียบร้อยแล้ว
บ้าฉิบ!เด็กหนุ่มจ้องเขาอย่างหวาดระแวงสลับกับมองข้อมือที่ถูกกุมไว้มั่น พยายามแกะมันออกมาขณะที่ปากก็พูดไปด้วย “มีอะไรวะ!?”
“เอ้อ...” สามภพรีบปล่อยมือปุบปับเหมือนกับโดนของร้อน นี่ชักแย่แล้วจริง ๆ “ยา..เอายากลับไปกินด้วย” เขาว่าพลางเอาถุงพลาสติกสีขาวมีตราสัญลักษณ์ของโรงพยาบาลยัดใส่มืออีกฝ่าย
คิมหันต์รับมันไว้พร้อมกับพยักหน้าขอไปที หันหลังเดินเขย่งห่างออกไป
และสามภพเดินตามคิมหันต์เดินไปได้อีกเพียงนิดเดียวก็รู้สึกได้ว่ามีบุคคลไม่ได้รับเชิญเดินตามต้อย ๆ
"......."
เด็กหนุ่มชะงักฝีเท้าลงฉับพลันเพียงแค่นั้น
และสามภพหยุดเดินเช่นกัน ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนนั้นราวเมตรกว่าตอนที่เด็กหนุ่มหันมามองแล้วทำหน้ายุ่งใส่ พ่นลมหายใจฮึดฮัดแล้วหันหลังเพื่อจะเดินต่ออีกครั้งพร้อมกับที่สามภพตะโกนด้วยคำพูดซึ่งไม่เข้ากับสถานการณ์เอาเสียเลยว่า “วิธีกินยาอยู่ที่หน้าซอง!”
คิมหันต์พยักหน้าท่าทางเหมือนเพิ่งกลืนมะนาวลงคอไปทั้งลูกโดยปฏิเสธจะหันมามอง นึกสงสัยว่าระหว่างนั่งรอเขาอยู่ตรงนั้นสามภพโดนจับฉีดยาอะไรไปหรือเปล่าจึงได้ดูเพี้ยนพิกล
แต่เดี๋ยวสิ......รอ.....? คงไม่ใช่ว่า..
เด็กหนุ่มเดินไปได้ถึงมุมตึกก็หยุดเดินอีกครั้ง หันขวับกลับไปด้านหลังกะทันหัน และพบว่าเป็นจริงดังคาด
สามภพเดินตามมา และตอนนี้ก็กำลังหยุดเดินเหมือนที่เขาหยุดอีกแล้ว“พี่ตามผมทำไมวะ!” “เปล่านี่” ชายหนุ่มปฏิเสธ ยกมือขึ้นกอดอก คิ้วขมวดแทบเป็นปม ใครตาม..? เขาจะไปตามเด็กนี่เพื่ออะไรกัน
คิมหันต์ทำหน้าไม่เชื่อสุดชีวิตเท่าที่กล้ามเนื้อบนใบหน้ามนุษย์จะแสดงออกมาได้ และสามภพเพียงแต่ยักไหล่เบา ๆ
เขาแค่อยากพิสูจน์บางอย่างซึ่งยังคาใจอยู่เท่านั้นเอง
"แบบ..สงสัยอะไรนิดหน่อย"
ทำไมตอนเขากอดไอ้ตี๋หัวทองนี่แล้วถึงใจเต้นแรงนักชายหนุ่มครุ่นคิดมาตลอดทางที่เดินตามมา (โอเค...ตามก็ตามวะ!) เขาคาดเดากับตัวเองไว้ว่าอาจเป็นเพราะตอนนั้นสถานการณ์กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เมื่อทะเลาะกันอยู่ดี ๆ ไอ้ตัวแสบก็วูบหมดสติไป เลยอาจตื่นตระหนกบ้างแถมยังต้องใช้แรงอุ้มขึ้นมาอีก กล้ามเนื้อหัวใจจึงขยันทำงานกันโครมครามปานนั้น
และถ้าสมมติฐานที่ว่าเป็นความจริง หากเขากอดคิมหันต์อีกครั้งตอนนี้..ในยามที่ไม่มีเรื่องน่าระทึกใจอะไรเกิดขึ้น มันก็ไม่ควรมีภาวะใจเต้นระรัวเช่นเดิมอีกจริงไหม? แล้วทีนี้จะได้กลับไปเกลียดขี้หน้าเด็กนั่นต่ออย่างสบายใจเสียที
“คิม!” สามภพร้องเรียก คิดจะกวักมือแต่ก็นึกได้ว่าคิมหันต์คงไม่เดินกลับมาแน่นอนจึงเป็นฝ่ายก้าวเข้าไปหาเอง
เจ้าของชื่อยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม บรรยากาศรอบตัวเด็กหนุ่มเป็นส่วนผสมระหว่างความหวาดแระแวงและอยากรู้อยากเห็น อยากหนีก็อยาก แต่ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าสามภพมีปัญหาอะไรอีกนักหนาจึงได้ทำตัวประหลาดเช่นนี้ สุดท้ายอย่างหลังก็ชนะเพราะคิมหันต์ไม่ได้ขยับหนีไปไหนขณะที่ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาประชิดตัว
“มีอะไ—!”
ก่อนวงแขนแกร่งจะรวบทั้งร่างเขาไว้ในอ้อมกอด“เฮ่ย!!”“ชู่วว!”สามภพส่งเสียงดุ ยิ่งออกแรงรัดขึ้นอีกจนอีกฝ่ายตัวลอยตามมาขณะที่ชายหนุ่มหมุนเปลี่ยนทิศทางให้พวกเขาทั้งสองคนผลุบหายเข้าไประหว่างซอกตึกเผื่อว่าจะมีใครอยู่แถวนี้ เขายังไม่อยากบังเอิญเจอคนรู้จักแล้วถูกเอาไปนินทาว่าเป็นพวกนิยมไม้ป่าเดียวกัน
“พี่ทำเชี่ยอะไรวะ!?” คิมหันต์ยังโวยวายอย่างอื่นต่อเสียงอู้อี้ แต่ไม่ได้ดังออกมามากนักเพราะมือเขาโอบอยู่ที่หัวกลม ๆ สีทองของอีกฝ่ายกดลงมาจนใบหน้าฝังอยู่กับอกกว้าง แขนอีกสองข้างถูกรวบไว้ด้วยแขนข้างเดียวของเขาอย่างไม่ต้องใช้ความพยายามมากมาย ขาไอ้ตัวยุ่งเตะไปมาได้ไม่เต็มที่เพราะมีแผลที่ป่านนี้ยาชาคงเริ่มหมดฤทธิ์แล้ว
“นิ่ง ๆ แป๊บสิวะ! เด็กเวรนี่” ชายหนุ่มกระซิบดุ ก้มลงเอาคางวางไว้กลางกระหม่อมคนในอ้อมแขนกันไว้อีกทางจะได้เลิกยุกยิก ขอเวลาเขาฟังเสียงก้อนเนื้อในอกอีกแค่ครู่เดียว จะได้สบายใจว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของตัวเองจริง ๆ “บอกให้นิ่ง ๆ แล้วก็หยุดโวยวายซะทีไอ้เบื๊อก! เดี๋ยวก็ปล่อยแล้วน่ะ!”
สามภพสูดลมหายใจเข้าออกเชื่องช้า คืนนี้กลับไปจะได้หลับเต็มตา จบเรื่องจบราวเสียที
แต่ให้ตายเถอะ...ทำไมเสียงหัวใจเขาถึงดังกว่าเสียงประท้วงอู้อี้ของไอ้เด็กหัวทองนี่ไปได้ล่ะ!?- หมดยกที่ 16 -
=============================
ตบตีพี่ภพด้วยความขวยเขิน เขียนเองเขินเอง สับสนอะไรนักหนาคะเฮียยยยยย!!!
เดี๋ยวคิม ๆ อยู่นั่นแหละ =3=
ตอนนี้ไม่มีของแถมอีกแล้ว ยังไม่ค่อยว่างวาดเลยค่ะฮืออ ๆ มีแต่รูปอะไรก๊อกแก๊กที่ fb แต่ไม่ค่อยสื่อเท่าไหร่เลยไม่ได้เอามาลง ไว้รอตอนมีรูปก่อนนะคะ

พบกันตอนหน้า ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนค่ะ รักมากมายแงงง *กอดดดดด*

ปล.หลังจากให้จิ้นเองไปสองตอน มาเฉลยจากเฮียว่าลิ้นน้องครีมโดนปากคุณพี่นะคะ
//เล่นกับคิม คิมเลียปาก (ห๊ะ!?) << แต่ก็ยังไม่ใช่จูบน้าาาา 5555