● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 22 – หัวขโมยผู้ล้มเหลว
“หัวหิน!?”
“ใช่ หัวหิน” สามภพตอบเสียงราบเรียบ ไม่แม้แต่จะหันมาสนใจท่าทางแตกตื่นของเขาสักนิดด้วยซ้ำ “อย่าให้ต้องพูดหลายรอบได้ไหม”
คิมหันต์ขมวดคิ้ว ถูกจู่โจมด้วยอารมณ์หวาดระแวงทั้งกองทัพ “ไปทำเกลืออะไร!? คิดเรื่องไม่ดีอยู่เปล่าวะ”
ชายหนุ่มปล่อยคำถามลอยผ่านไปราวกับไม่ได้ยิน ยังคงสนใจอยู่กับเส้นทางจราจรตรงหน้า ส่วนคิมหันต์เอื้อมมือไปปิดเพลงซึ่งตอนนี้ถูกจัดหมวดหมู่เป็นสิ่งรบกวนขณะที่ยังจ้องคนขับด้วยสายตาคาดคั้น เริ่มวิตกว่าครั้งนี้จะเป็นการตีตั๋วเที่ยวเดียวชนิดไร้ขากลับของเขาหรือเปล่า “พี่คงไม่ได้กะเอาผมไปถ่วงทะเลใช่ไหม?”
“ตอนแรกก็ว่าไม่ เดี๋ยวน้ำเสียหมด” สามภพเหลือบมานิดหน่อยเพื่อส่งสายตาอนาถใจระคนรำคาญให้เด็กหนุ่มก่อนจะพูดต่อเสียงเย็น พยายามเต็มที่จะไม่หงุดหงิด “แต่ถ้ายังเซ้าซี้ก็ไม่แน่”
“ไอ้พี่ภพ ไอ้ฆาตกร”
โดนกล่าวหาตั้งแต่ยังไม่ทันได้ทำ เล่นเอาความพยายามจะไม่หงุดหงิดของเขาจบลงในระยะเวลาแสนสั้น
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลยว้อย!”
“งั้นไปทำไม?”
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก จริงอยู่ที่เขาควรบอกผู้โดยสารตัวแสบสักหน่อยว่าจะพาไปไหน ไปทำอะไร แต่ให้พูดตรง ๆ นี่มันก็ออกจะตะขิดตะขวงใจไม่น้อย แล้วดูทำหน้าเข้า สุดท้ายก็ทนแววตาอยากรู้อยากเห็นของคิมหันต์ซึ่งส่งมาพร้อมกับท่าทีวิตกจริตไม่ไหวต้องยอมเอ่ยปากจนได้
“ไปเที่ยว”
“เชื่อฉิบหายแล้ว!” คิมหันต์เบะปากกวนประสาท แต่ยังพอดูรู้ว่าตั้งใจทำเพื่อกลบเกลื่อนอาการโล่งอก “อย่างพี่เนี่ยนะจะพาไปเที่ยว”
“บอกดี ๆ แม่งก็ไม่เชื่ออีก”
เด็กหนุ่มจ้องเอา ๆ ชนิดไม่ปกปิดอาการสักนิดว่ากำลังพยายามจับผิด แต่กลับไม่เจออะไรให้คว้าแม้แต่น้อย จ้องอยู่เป็นนานจึงทำได้เพียงถามกลับเสียงลังเล “จริงดิ?”
“ครับ”
“เห็นผมหล่อใสแต่ใช่จะไร้สมองนะเว้ย” เด็กหนุ่มยังไม่วายพึมพำปากขมุบขมิบ แม้ท่าทีจะโอนอ่อนลงไปไม่น้อย เรียกเสียงหัวเราะในลำคอชายหนุ่มให้กับถ้อยคำหลงตัวเองของอีกฝ่าย ก่อนเจ้าตัวจะยอมกลับไปนั่งสงบเสงี่ยมอีกครั้ง ละสายตาจากเขาแล้วหันไปมองทิวทัศน์ข้างทางซึ่งวิ่งฉิวผ่านกระจก สงบปากสงบปากสงบคำให้โล่งหูได้ครู่ใหญ่ก็เริ่มฮัมอะไรบางอย่างออกมาเป็นทำนอง
“หัวหิน..เป็นถิ่นมีหอย~”
“.....”
“....ฝรั่งนั่งคอย จนหอ—”
“หยุด!”คิมหันต์ชะงัก หันมามองเขาตาปริบ ๆ ประหนึ่งตัวเองเป็นเด็กน้อยใสซื่อ
สามภพกลอกตา อย่างน้อยก็หยุดทันก่อนจะพากันเสื่อมไปมากกว่านี้ อยู่นิ่งได้ไม่นานเลยจริง ๆ ไอ้เด็กเวรนี่ เริ่มปวดหัวตั้งแต่ยังไม่ทันถึงไหน น่าสงสัยว่าจะพากันไปถึงหัวหินโดยสวัสดิภาพหรือได้มีฆ่าหมกศพทิ้งไว้แถวริมถนนเสียก่อน
“ไม่ต้องแหกปากร้องแล้ว” เขาสั่ง เอื้อมมือไปเปิดเพลงอะไรก็ได้ขึ้นมาสักอย่างหลังจากคิมหันต์ปิดมันไปพักใหญ่ “อยู่เงียบ ๆ ชอบวงไหนไว้จะซื้อแผ่นมาเปิดให้ฟัง”
“อุ๊ย!” คิมหันต์กระเซ้าพลางยกมือขึ้นทาบอกบีบเสียงใสแบ๊ว “ป๋าโคตรเลยฮะ ถ้าอยากได้คอนโดจะซื้อให้ผมด้วยเปล่าฮะ” ก่อนจะนึกได้ว่าพูดเช่นนั้นราวกับจะมีครั้งต่อไปที่ต้องมานั่งรถคันนี้อย่างนั้นแหละ
ชายหนุ่มส่ายหน้าอ่อนใจ พยายามมองข้ามพฤติกรรมน่าเตะหล่นรถของคุณผู้โดยสารกิตติมศักดิ์ “วงอะไรนะ..? ไชน่า?”
“ชายนี่!” เด็กหนุ่มหลุดหัวเราะ เลิกทำแบ๊วสมองกลวงกลับสู่โหมดปกติ “พี่งงจริงหรือแกล้งวะ”
“แกล้ง”“.....”
ไร้เสียงตอบรับ เขาหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งอ้าปากหวอ “ทำหน้าอย่างนั้นแล้วดูงั่งดีนะ”
คิมหันต์รีบหุบปากฉับ หันกลับไปนั่งสนใจทิวทัศน์ต่อประหนึ่งเป็นเพื่อนรักผู้ไม่ได้เจอกันเนิ่นนาน
“เขินหรือ?”
“เชี่ย!”เขินจริงหรือเปล่านั้นสามภพไม่คิดคาดเดา แต่ก็ทำเด็กหนุ่มสงบปากสงบคำไปได้อีกเป็นชั่วโมง เยี่ยมเลย
.
.
.
.
“คิม?”
“.....”
“หลับ?” สามภพกระซิบถาม แม้ความจริงอาจไม่จำเป็นเพราะเด็กหนุ่มนั่งคอพับคออ่อนซบกระจกประตูรถเป็นที่เรียบร้อย แต่คล้ายจะได้ยินเสียงเขาทั้งที่พูดเบาออกปานนั้นจึงได้ผงกศีรษะขึ้นมาทำตาหรี่ปรือ ดูแทบไม่ออกว่าหลับตาหรือลืมตาอยู่ ช่างเป็นไอ้เบื๊อกที่ตลกได้ทุกอิริยาบถเสียจริง “นอนไป ๆ แค่จะบอกว่าถึงชะอำแล้ว”
“อือ”
“หิวไหม หรืออยากแวะไหนก่อน?”
คิมหันต์เอนศีรษะกลับไปซบประตูรถอีกรอบพร้อมกับปรายตามาทางเขา ผมสีทองยุ่ง ๆ ที่เห็นแล้วต้องบอกว่าเสียเวลาเซ็ตมาสิ้นดีร่วงลงปรกใบหน้างัวเงีย ซึ่งน่าทึ่งทีเดียวว่าดูง่วงงุนขนาดนี้ยังไม่ทิ้งลายยียวนชวนเตะ
“ชักหิวน้ำว่ะ” ไอ้แสบว่าเสียงแหบแห้ง ท่าทางคล้ายจะเดินทางกลับสู่ดินแดนนิทราอีกรอบ สะลึมสะลือเป็นหมาง่วงแต่แล้วกลับลุกนั่งหลังตรงขึ้นมาฉับพลัน สายตามองเลยผ่านเขาไปยังอีกฝั่ง ได้ยินเสียงพึมพำแว่ว ๆ ว่า “ชิงช้าสวรรค์”
ชายหนุ่มโคลงศีรษะพร้อมคลี่รอยยิ้มน้อย ๆ รู้ได้โดยไม่ต้องหันไปมองว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงอะไร “ซานโตรินี”
“อ้อใช่ เคยได้ยิน”
“เคยเข้ายัง?”
“ยัง”
“อยากไปไหม?”
คิมหันต์จ้องเขาเขม็ง ทำสีหน้าเหมือนเห็นตัวประหลาดจากต่างดาวที่มาเพื่อทำลายล้างโลก “ตามใจจังวะเฮ่ย!? ไม่น่าไว้ใจเลย”
สามภพพ่นลมออกจมูกเหนื่อยหน่าย ความประทับใจแรกพบช่างติดทนนานในหัวอีกฝ่ายจนแก้ยากเสียจริง ระแวงนั่นนี่อยู่ได้ ดูก็รู้ว่าสนใจออกปานนั้นยังทำเป็นอิดออด “รอแดดร่มกว่านี้หน่อยละกันค่อยพาไป ตอนนี้เดี๋ยวร้อน แวะที่อื่นก่อน”
“เอาเห๊อะ ไปไหนก็ไป” เด็กหนุ่มยักไหล่ พึมพำทำเหมือนต้องไปด้วยเสียมิได้แต่หน้าตานี่คนละเรื่องมาเชียว ขนาดตอนพูดตาก็ยังมองตามชิงช้าสวรรค์อันเป็นสัญลักษณ์ของซานโตรินีเสียจนเหลียวหลัง “วันนี้ผมยกให้พี่”
สามภพเลิกคิ้ว
'วันนี้ผมยกให้พี่'...จะว่าไม่มีอะไรก็ไม่มี แต่ถ้อยคำนั้นช่างชวนให้คนฟังคิดมากแปลก ๆ
“ถ้าไม่อยากงั้นก็ไม่ต้อง” เขาแสร้งทำไม่แยแสพลางลอบสังเกตอาการอีกฝ่ายไปด้วย “เสียเวลา”
“ไปดิ” คิมหันต์บ่นงุบงิบแทบไม่ได้ยิน
“อะไรนะ”
“ไป”
“ไปไหน?”
“ไหนบอกจะพาแวะไงว้า!?” เด็กหนุ่มโอดครวญเหลืออด ไม่รู้จะคาดคั้นอะไรนักหนา เห็นสามภพหัวเราะชอบใจแล้วยิ่งรู้สึกว่าน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกิน
“ไอ้เด็กดื้อ อยากเที่ยวบอกมาดี ๆ ซะก็จบ”
“ตัวเองโตแย่แล้วแม่ง” คิมหันต์บ่น หน้าเจื่อนไปเล็กน้อยตอนสามภพเงื้อมือขึ้นมาทางเขา รีบเอนตัวหนีไปอีกฝั่งพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไปด้วย คนอะไรแขนยาวฉิบหาย นั่งอยู่ตั้งไกลยังจะเอื้อมมาถึง เด็กหนุ่มหรี่ตารอรับเผื่อมีอะไรฟาดลงมา แต่แล้วกลับมีเพียงฝ่ามือซึ่งวางลงอ่อนโยนบนศีรษะ ขยุ้มเบา ๆ บนเส้นผมจนหัวยุ่ง พร้อมกับเสียงหัวเราะ “หึ ๆ” น่าขนลุกของอีกฝ่ายซึ่งดังมาเข้าหูก่อนเขาจะปัดมือนั้นออก “เพี้ยน’ไรอีกวะเนี่ย”
“เดี๋ยวแวะนี่ก่อน” สามภพดึงมือกลับ ชัดเจนว่าสนใจคำพูดอีกฝ่ายเสียที่ไหน ทำหูทวนลมแล้วตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง ผ่านตัวหนังสือสีขาวขนาดใหญ่ซึ่งจัดเรียงไว้บนกำแพงอิฐสีส้มสดว่า
‘SWISS SHEEP FARM’ ตรงไปยังลานจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยว
“ฟาร์มแกะ?”
ชายหนุ่มพยักหน้า เปิดประตูรถลงมาก่อน เงยขึ้นมองฟ้าก็คิดว่าช่างโชคดีเพราะดูครึ้มมาได้สักพัก แดดจ้าหายเกลี้ยงทั้งที่เพิ่งเป็นเวลาบ่ายแก่ เมื่อครู่ยังแผดแสงจัดจ้านอยู่เลยแท้ ๆ
“ลงมาเร็ว”
คิมหันต์เปิดประตูตามลงมางง ๆ เหลียวมองสถานที่รอบตัว ทางโน้นรถแทรคเตอร์สีแดงกับฟางอัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยม อีกฝั่งหลังกำแพงเตี้ยซึ่งมีป้ายบอกชื่อสถานที่นั้นมีม้ายืนเอ้อระเหยอยู่กลางสนามหญ้าเขียวสด ส่วนแกะคงอยู่ตรงไหนสักแห่งซึ่งยังไม่พบ มองออกไปไกลเห็นกังหันใหญ่และภูเขาเขียวขจีเป็นฉากหลัง โดยรวมเมื่อพิจารณาการตกแต่งประกอบกับป้ายชื่อแล้วดูเป็นฟาร์มแนวคันทรี่จัดไว้สำหรับท่องเที่ยว แต่ถ้าแดดแรงคงร้อนฉิบหายวายป่วงจนสิ่งมีชีวิตขนปุยสีขาวกลายเป็นแกะแดดเดียว(หรืออาจจะหลายแดด)ก็เป็นได้
เด็กหนุ่มหันรีหันขวางเดาอารมณ์อีกฝ่ายไม่ออก อะไรก็ตามที่เขาเตรียมทำใจไว้ว่าคงได้เจอแน่นอนในช่วงเวลาที่ถูกประมูลไปได้เริ่มไม่เป็นดังคาด สถานการณ์เช่นนี้ดูอย่างไรก็เหมือนทริปเฮฮาปาร์ตี้ธรรมดามากกว่าจะลากตัวมากลั่นแกล้ง “มาทำอะไรที่นี่วะ”
“พัก ดูแกะ หากาแฟกิน” สามภพไล่รายการเรื่อยเปื่อย เดินเข้าไปลากแขนเด็กหนุ่มให้ตามมา ไม่อย่างนั้นเห็นทีจะได้มัวแต่ยืนทะเลาะกันตรงนี้อีกยาว อย่างน้อยเดินไปเถียงไปก็ยังดี “เคยมายัง?”
คิมหันต์ส่ายหน้า หันขวับไปพบอะไรที่ต้องการมากกว่า รีบแกะมือสามภพออกจากแขนแล้วปรี่เข้าร้านกาแฟหน้าทางเข้าฟาร์มราวกับเจอโอเอซิสกลางทะเลทราย
“ไปไหนน่ะเรา?”
ชายหนุ่มตามมาดึงแขนเขาไว้ น่ารำคาญอะไรอย่างนี้!?
“หิวน้ำฉิบหาย!” เขาบ่นออกมาดัง ๆ ซึ่งหากสามภพจะถือว่านั่นเป็นคำตอบเด็กหนุ่มก็ไม่ว่าอะไร มือนี่ถ้าไม่ปล่อยก็ลากมาด้วยกันซะรู้แล้วรู้รอด เขาจัดการคว้าแขนอีกฝ่าย ล็อคไว้ด้วยแขนตัวเองซึ่งก็ดูจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีเพราะหากเทียบกำลังกายกันแล้วคงไม่ยากหากชายหนุ่มจะสะบัดออก ตัดไปได้หนึ่งปัญหาก็เดินจ้ำอ้าวเข้าร้านกาแฟของฟาร์มท่าทางมุ่งมั่นสุดฤทธิ์
“โกโก้เย็นครับ” คิมหันต์ชี้เป้าราวกับเตรียมคิดเอาไว้แล้วตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน เจออุณหภูมิเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศก็เริงร่าขึ้นมาอีกครั้ง เดินดูนั่นดูนี่ได้ครู่หนึ่งก็วนกลับมาเขย่งบนปลายเท้ายื่นมือไปตบบ่าอีกฝ่ายแปะ ๆ พลางดัดเสียงขรึมใส่ “ไม่สั่งอะไรหน่อยหรือคุณสามภพ?”
“พี่สั่งแล้ว กวนตีนละครับน้องครีม”
“ใครใช้ให้เรียกงั้นวะ!” เด็กหนุ่มโวย เก๊กขรึมได้อีกครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะร่า “นี่ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่าพี่เป็นคนยังไงนะ ต้องคิดว่ากะพามาเที่ยวชิล ๆ ประสาพี่น้องแน่นอนอะ”
สามภพกอดอก พยักหน้าน้อย ๆ ค่อนข้างสนใจประเด็นของคิมหันต์พอดูทีเดียว “แล้วนี่รู้มาก่อน..คิดว่ายังไงล่ะ?”
“โกโก้เย็นได้แล้วค่ะ”
คิมหันต์ยักคิ้วกวนประสาทให้เขาแล้วหันไปรับโกโก้มาไว้ในมือ กำลังจะหยิบเงินขึ้นจ่ายเขาก็ยกมือเป็นเชิงบอกพนักงานว่าเดี๋ยวจ่ายรวมกับส่วนของเขาด้วย
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วจ้องเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยักไหล่เป็นเชิงว่าอยากเลี้ยงก็ตามใจ ก้มลงดูดเฮือกสองทีเครื่องดื่มลดวูบไปถึงก้นแก้วบอกให้รู้ว่ากระหายน้ำจริง ทำหน้าชื่นมื่นแล้วจึงกลับมามองหน้าเขาอีกครั้งเพื่อจะพบว่าเขายังรอฟังอยู่ ไอ้แสบวาดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ก่อนจะตอบคำถามที่ค้างเมื่อครู่ช้า ๆ ชัด ๆ
“คิดว่าต้องมีอะไรไม่ดีรออยู่แน่”
“อย่างเช่น?”
“มอคคาเย็นได้แล้วค่ะ”
พนักงานก็ช่างขัดจังหวะเหลือเกิน คราวนี้คิมหันต์ไม่ตอบ อาศัยช่วงที่เขากำลังรับของเดินเริงร่าออกจากร้านหน้าตาเฉย กว่าเขาจะรีบจ่ายและรอเงินทอนเสร็จจึงได้เดินออกมาพบเด็กหนุ่มปีนขึ้นไปนั่งบนรถแทรคเตอร์สีแดงที่จอดโชว์อยู่ด้านหน้าเรียบร้อย มือถือยกขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้มเล็งถ่ายรูปตัวเองกับรถคันใหญ่ไปหลายแชะก็ยังทำหน้ามุ่ยไม่ถูกใจ กำลังจะอ้าปากถามว่าถ่ายให้ไหมแต่กลับโดนตัดหน้าจากใครบางคน
“ถ่ายให้ไหมจ๊ะ?”
หญิงสาวหน้าตารุ่นราวคราวเดียวกับเขาแย้มยิ้มเป็นมิตรให้เด็กหนุ่มบนรถแทรคเตอร์ คิมหันต์ยิ้มร่าพลางพยักหน้าหงึกหงัก เตรียมส่งมือถือตัวเองให้อีกฝ่าย ทว่ายังไม่ทันถึงมือผู้รับ ชายหนุ่มผู้ยืนจ้องอยู่ได้ครู่ใหญ่ก็มาโผล่ข้างหลังเธอแล้วรับโทรศัพท์นั้นไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวผมถ่ายเอง”
“??”
คู่สนทนาเอียงคอแสดงท่าทีสงสัยจนเขาต้องขยายความเพิ่ม “มาด้วยกันครับ ผมดูแลได้”
หญิงสาวชะงักไปชั่วครู่ กะพริบตาปริบ ๆ อยู่สามสี่ครั้งหลังจากนั้นก็ทำหน้าเหมือนเข้าใจบางอย่างก่อนจะส่งยิ้มให้เขา “งั้นถ่ายรูปคู่ให้ดีไหมคะ?”
ครั้งนี้กลับเป็นชายหนุ่มที่ชะงักไป เหลือบมองไอ้ตี๋หัวทองที่ดูจะยิ่งเป็นสีทองสว่างยิ่งขึ้นเมื่ออยู่กลางแจ้งสลับกับมองผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง สุดท้ายก็ตัดสินใจส่งมือถือของคิมหันต์ให้เธอ แถมด้วยของตัวเองอีกเครื่อง
“งั้นฝากอันนี้ด้วยครับ”
“เฮ่ย ๆ ๆ ๆ!” คิมหันต์โวยเมื่อสามภพพยายามจะปีนขึ้นมายืนใกล้ ๆ กะถ่ายคนเดียวแล้วออกมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร ยังตัดพ้อไม่ทันจบคุณพี่สาวใจดีที่อุตส่าห์ตั้งใจยื่นมือมาช่วยก็เอามือนั้นไปรัวชัตเตอร์ถ่ายรูปเขาคู่กับมนุษย์หมาบ้าอารมณ์แปรปรวนไปเสียหมด
หลังเสียงชัตเตอร์ราวครั้งที่สี่ เด็กหนุ่มก็เริ่มปลงตก ถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งแล้วเปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มกว้าง เอื้อมมือไปคล้องคอคนที่ยืนตำแหน่งเตี้ยกว่าจึงโอบไว้ได้ถนัดถนี่
ชูสองนิ้วสู้กล้องเสียรู้แล้วรู้รอด!.
.
.
คิมหันต์เดินแกว่งหญ้าหนึ่งกำมือสำหรับเลี้ยงแกะตามหลังเขามาต้อย ๆ ยังพยายามจะฮัมเพลงหัวหินเป็นถิ่นมีหอยงึมงำพร้อมกับกระโดดหมุนตัวควงท่อนหญ้าประหนึ่งเป็นกระบี่ไร้เทียมทานจากหนังจีนกำลังภายในสักเรื่อง สามภพหันไปมองแล้วส่ายหน้าอ่อนใจ ไม่รู้ควรบ่นหรือขำดี อายุก็ห่างกันไม่เท่าไรทำไมดูเด็กอย่างนี้ก็ยังน่าสงสัย
“หยุดเล่นได้แล้ว! เวียนหัว”
“แก่แล้วอะดิ” เด็กหนุ่มยักคิ้ว โบกหญ้าไปมาตรงหน้าเขา “ไปนั่งพักก่อนก็ได้นะลุง”
“เด็กเวร!” สามภพกำก้านหญ้าซึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าไว้มั่นแล้วใช้มันดึงคนที่จับอยู่อีกฝั่งให้ถลาเข้ามาใกล้ “เดี๋ยวโบกหัวทิ่ม”
คิมหันต์เงยหน้าขึ้นมองหลังตั้งหลักได้จากตอนที่เซถลาเข้ามา ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเรียกร้องสิทธิ “ไหนบอกจะเลิกตบหัวแล้วไงวะ!?”
“อ้อ..” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เห็นฟันเขี้ยวชัดเจนยิ่งดูเจ้าเล่ห์ “อยากให้กอดก็ไม่บอก”
“..ไอ้พี่ภพ” คิมหันต์ถอยกรูด แกว่งหญ้าสำหรับเลี้ยงแกะโบกไปมาระหว่างพวกเขาสองคนโดยมีแกะสีตุ่น ๆ ขนหยอยเกือบขาวผิดจากที่จินตนาการไว้พยายามไล่งับ “ถ้ายังทำตัวพิลึกอย่างนี้ผมจะเปลี่ยนเป็นเรียกพี่เพี้ยนแทนแล้วนะเว้ย!”
ชายหนุ่มลอบยิ้ม ยอมปล่อยเด็กหนุ่มไปยืนบ่นอีกครั้ง นี่เป็นประเภทลวนลามคนอื่นได้แต่ไม่ชอบให้ใครลวนลามหรืออย่างไร ทีเวลากอดคอเกาะแขนเขาด้วยตัวเองไม่เห็นจะตะขิดตะขวงสักนิด แต่พอถูกกอดบ้างทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว บางทีคิมหันต์ก็เป็นเด็กเข้าใจยากพอดู
“ไปกันยัง?” สามภพร้องถามหลังมองอีกฝ่ายโดนแกะมะรุมมะตุ้มอยู่ยกใหญ่ ส่วนเขาโยนหญ้าทั้งกำในมือทิ้งไปนานแล้ว แกะตัวไหนอยากกินก็ให้ตามไปแย่งกันเอง ต่างจากเด็กหนุ่มผู้ร่วมเดินทางที่ดูจะชอบอกชอบใจเวลาสิ่งมีชีวิตขนฟูสีตุ่นเดินเข้าใส่ คิมหันต์ฉีกยิ้มกว้างทุกครั้งที่ได้เรียกแต่ละตัวว่าดุ๊กดิ๊กอย่างกับมีปมอะไรกับชื่อนั้น เพลินจนขนาดเขายกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปก็ยังไม่รู้ตัว
“เร็วไอ้น้อง เดี๋ยวพาวนไปดูซานโตรินี”
คิมหันต์โยนหญ้าทั้งหมดทิ้งลงพื้นทันที หันมาทำตาใสเป็นประกายวิบวับซึ่งไม่รู้ว่าแกล้งหรือจริง “ป้ะ! ไปกัน”
สามภพหัวเราะ ส่วนคนพูดรีบกลับไปเก๊กขรึมทันทีที่รู้ตัว
“ขำ’ไร ไอ้พี่เพี้ยน!?”
ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อย ๆ ไม่ได้ตอบอะไรขณะที่คิมหันต์เดินเข้ามาเขย่งแล้วโอบไหล่เขาทุลักทุเล ตบป้าบ ๆ เหมือนซี้กันมาเนิ่นนาน และคงคิดว่าเขาไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังพยายามทำเนียนเอามือมาเช็ดกับเสื้อ
“ขำลูกหมา จะโอบไหล่ยังไม่ถึง”
คิมหันต์จ้องเขาตาเขียว ทว่าคงไร้ข้อโต้แย้งในด้านความสูงจริง ๆ จึงได้แต่ฟึดฟัดอยู่ครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นครวญท่อน
“หัวหิน..เป็นถิ่นมีหอยยยย~” น้ำเสียงเซ็งโลกอีกครั้งพร้อมกับเลื่อนแขนลงมาเกาะเอวเขาแทน
สามภพยังคงหัวเราะในลำคอ ยื่นแขนอ้อมด้านหลังไปวางไว้บนไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ ไม่ได้ลงน้ำหนักให้เจ้าตัวแตกตื่น ปล่อยไอ้เด็กแสบลวนลามตามชอบใจไปก่อน ดูจะชอบเกาะแกะคนอื่นเสียเหลือเกิน
ไว้โดนบ้างอย่ามาทำเป็นเขินก็แล้วกัน…………………............................
……………………..
ยังมีต่อค่ะ
v
v
v