● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 25 – คิงหรือควีน?
จูบตอนตื่น..ก็ไม่เลวนักคิมหันต์เบิกตากว้าง เงียบกริบไปหนึ่งอึดใจ พอรู้ตัวก็รีบตะเกียกตะกายอยู่ใต้ร่างเขา แต่ตัวผอมกะหร่องเช่นนั้นจะทำอะไรได้?
“ผ..ผม! ไม่เอา..!”
“อยู่นิ่ง ๆ”
“ผมจะกลับบ้าน!”
“คิมหันต์ อย่าดื้อ”
เขากระซิบ ทว่าท่าทีเต็มไปด้วยอำนาจ มากพอจะทำให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดของอีกฝ่ายหยุดชะงัก
“....”
สามภพจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าซึ่งไหวระริก แต่เพียงครู่เดียวก็เคลื่อนสายตามาหยุดที่ริมฝีปาก
“คิม”
"ทำไม!?"
ชายหนุ่มเอานิ้วชี้แตะเรียวปากบางเฉียบของคิมหันต์ “เคยจูบมาก่อนไหม?”
ผิวหน้าอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มแทบจะในทันที
“..ถ..ถามเชี่ย’ไรวะ”
“ไม่เคยสินะ”
“เคยว้อย!” พูดเสร็จเจ้าตัวก็ตะครุบปากตัวเอง ทำตาปริบ ๆ จากด้านล่าง พร้อมกับใบหูที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับดวงหน้า
“กับใคร?”
“เสือกอะไร”
สามภพดึงมืออีกฝ่ายออกแล้วกดมันไว้กับเตียง “ถามดี ๆ ช่วยตอบดี ๆ ด้วย”
คิมหันต์หายใจติดขัด หัวคิ้วขมวดมุ่น ก้มหน้าไม่ยอมสบตา บ่นพึมพำอุบอิบ
“ก็ต้องกับแฟนดิ”
คำตอบนั้นคล้ายว่าทำให้อารมณ์ชายหนุ่มกระตุกไปนิดหน่อย จู่ ๆ ก็ขุ่นมัวขึ้นมาจนอยากกดร่างตรงหน้าเอาไว้แล้วกัดปากฉีกสักที
“ใคร?”
“บอกแล้วพี่จะรู้จักไหมล่ะ?” อีกฝ่ายเริ่มดิ้น เสียงกลับมาชัดถ้อยชัดคำเป็นปกติ คงหายจากอาการตกใจลงได้บ้างแล้ว
เขาลองเดา ชื่อเด็กผู้ชายคนที่คิมหันต์ห่วงนักหนาลอยขึ้นมาในหัว “ปิ่นหยก?”
“จะบ้าเรอะ!?”
“ห่วงนักไม่ใช่หรือ?”
“ก็ห่วงสิวะ มันเป็นเพื่อนผม”
ชายหนุ่มถอนหายใจ พยายามพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเป็นเพียงคำถามธรรมดาสามัญ “ถ้างั้นใคร แล้วยังคบกันอยู่หรือเปล่า?”
คิมหันต์มองหน้าเขานิ่งอย่างชั่งใจ ยังคล้ายมีความหวาดหวั่นเจืออยู่ แต่ไม่เท่าความอยากรู้อยากเห็นอันเป็นเอกลักษณ์ในแววตา
“พี่สนใจผมหรือ?”
ถามตรงมาเชียว แต่คงดีกว่านี้ถ้าเปลี่ยนเป็นตอบตรง ๆ มากกว่าจะย้อนถามเขา
“หรือแค่อยากงาบ?”
ตบหัวทอง ๆ นี่สักป้าบได้ไหม?“ถ้าแค่มีรสนิยมอย่างนี้ไปหาที่อื่นดีกว่าน่า ไม่ต้องอายไป” คิมหันต์กล้าพอจะขยับมุมปากเป็นรอยยิ้มยียวนได้อีกแล้ว “หรือถ้าไม่รู้จะหาจากไหน ผมก็พอชี้แหล่งได้นิดหน่อยเหมือนกัน”
สามภพหรี่ตา เด็กอะไรน่าหงุดหงิดเป็นบ้า
“ไม่ต้อง”
“ตามใจ”
“พี่รู้แล้วว่าต้องหาที่ไหน”
“ก็ดี..งั้นปล่อยผ—
อ๊ะ!”
ชายหนุ่มไม่รอจนอีกฝ่ายพูดจบ คิมหันต์ดิ้นขลุกขลักอย่างไร้ผล ทว่าทั้งร่างกลับกระตุกเฮือกตอนเขากัดลงไปบนซอกคอเจ้าตัว
“..พี่..!”เผลอออกแรงขบมากขึ้นอีกนิดหน่อย ยิ่งกัดยิ่งมันเขี้ยว เสื้อก็คอกว้างเหลือเกิน
“..ม..ไม่เอาแล้ว เลิก...ละ...เลิกเหอะ!”
คิมหันต์ละล่ำละลัก แหงนหน้าหนีริมฝีปากซึ่งปล่อยจากจุดที่กัดบนคอเขาอยู่เมื่อครู่แล้วไล่จูบมูมมามขึ้นมาตามต้นคอ เขาร้อนวูบไปหมดทั้งตัว และอกก็เหมือนจะระเบิดออกให้ได้ แรงบดจูบหนักหน่วงข้างกกหูทำเขาหลับตาปี๋ คล้ายว่านอกจากกดแนบลงมาแล้วยังสลับกับดูดเม้มอยู่แถวนั้นด้วย
ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูงจนถึงลิ้นปี่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร เรียกสติได้อีกครั้งก็ตอนฝ่ามือร้อนผ่าวลากผ่านผิวเนื้อแถวท้องเรื่อยไปจนถึงช่วงอก
เขาพยายามดิ้นให้หลุดแต่ข้อมือทั้งสองโดนตรึงไว้แน่นด้วยมือสามภพเพียงข้างเดียว ต้นขาถูกกดทับไว้ด้วยน้ำหนักตัวชายหนุ่ม เข่าของอีกฝ่ายดันเบา ๆ อยู่ที่เป้ากางเกง รู้สึกปวดหน่วงตรงตำแหน่งนั้นพร้อมกับความต้องการบางอย่างพองขยายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“....อึ้ก!”นี่มันเลยเถิดไกลกว่าที่คิดมากนัก
“...พี่ภพ...”เขาเค้นถ้อยคำสั่นพร่าผ่านริมฝีปาก ถูกกระตุ้นด้วยสัมผัสจากผู้ชายแบบนี้ไม่ดีเลย..ไม่ดีเอามาก ๆ ทีเดียว
“..ผ...ผม...อือ...”สามภพชะงักกับสุ้มเสียงผิดปกติของอีกฝ่าย ถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อจะมองให้ชัด ๆ
“คิมหันต์...?”
เจ้าของชื่อตัวสั่น ทั้งหน้าแดงซ่านเหมือนอุณหภูมิบริเวณนั้นกำลังเข้าใกล้จุดเดือด แต่ริมฝีปากบางกลับเม้มแน่นจนซีด ต้นคอขาวจัดมีรอยจ้ำแดงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่ำลงไปกว่านั้นรอยฟันยิ่งเห็นชัดเจน เขาตกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยที่พลั้งมือทำถึงขนาดนี้
แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือส่วนนูนบางอย่างต่ำกว่าขอบกางเกงของเด็กหนุ่มซึ่งสะดุดสายตาอย่างช่วยไม่ได้
“..ผ...ผมจะไปห้องน้ำ” อีกฝ่ายกระซิบตะกุกตะกัก ก้มหน้าหนีคางแทบชิดอก “...ปล่อยก่อน”
“นี่เรา...?”
“ปล่อยเร็ว!” คิมหันต์สะบัดมือเขาออกตอนทีเผลอจนได้ พอหลุดออกมาก็รีบดึงชายเสื้อตัวเองลงจนคลุมส่วนนั้นไว้แล้วขยับตัวจะลุก “มีอะไรไว้ค่อยคุย”
“เดี๋ยวก่อน!”
ชายหนุ่มคว้าไหล่สองข้างอีกฝ่ายไว้ ออกแรงผลักอีกเพียงนิดหน่อยไอ้ตัวแสบก็สิ้นท่าหงายหลังกลับไปนอนที่เดิม
“!?”“เป็นเด็กดี นอนนิ่ง ๆ”
เขาสั่งแผ่วเบาทว่าชัดถ้อยชัดคำ โน้มตัวลงไปปัดผมหน้าม้าสั้น ๆ ของคิมหันต์ออกจากหน้าผากชื้นเหงื่อกลางสายตาตกตะลึงของเจ้าตัว
“เดี๋ยวทำให้”“ทำอะไร..” เด็กหนุ่มส่ายหน้า ปากอ้าค้าง ขยับร่างถอยกรูดแต่ไปได้ไม่ถึงไหนก็จนมุมอยู่ที่หัวเตียง “ไม่เอา!”
สามภพยิ้มมุมปาก ทำหน้าตาตื่นแบบนั้นช่างชวนให้เอ็นดู เอื้อมมือออกไปนิดเดียวก็คว้าเอวอีกฝ่ายไว้ได้ มืออีกข้างจัดการปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกงเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว พอรูดซิปลงสุด เนินนูนบนกางเกงชั้นในซึ่งซ่อนอยู่ข้างใต้ก็ปรากฏต่อสายตา
ชายหนุ่มขยับยิ้มกว้างขึ้นนิดหน่อย นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับตอนเงยขึ้นไปมองหน้าคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง หายใจหอบทั้งใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ
“แฟนเคยทำให้อย่างนี้ไหม?”
คิมหันต์ไม่ตอบ และเขาก็ไม่ได้รอฟัง
เขาก้มลงผลักต้นขาอีกฝ่ายให้แยกออก แนบริมฝีปากแผ่วลงบนส่วนแข็งขืนใต้เนื้อผ้าซึ่งเริ่มชื้นแฉะ ดูดเม้มเบา ๆ จากด้านนอก รู้สึกได้ว่าส่วนนั้นขยายตัวขึ้นอีกพร้อมกับเสียงลมหายใจของเด็กหนุ่มที่สะดุดลงกะทันหัน
“ไม่เคยสินะ”
ครั้งนี้อีกฝ่ายก็ไม่ตอบเช่นกัน
สามภพหัวเราะ “หึ” สอดมือเข้าไปประคองสิ่งนั้นไว้ สัมผัสกับผิวร้อนผ่าวในจุดที่เริ่มตื่นตัวโดยยังไม่ได้ละริมฝีปากตัวเองออกมา พรมจูบหนักบ้างเบาบ้างไปตลอดทางจนถึงส่วนยอด ตวัดปลายลิ้นหยอกเย้าเพียงครู่เดียวหยาดหยดเปียกชื้นก็เริ่มซึมออกมาพร้อมกับเสียงครางไม่เป็นภาษาของคิมหันต์
“...อ...อืออ...ออ...”มือซึ่งพยายามดันไหล่กว้างออกในตอนแรก บัดนี้เปลี่ยนเป็นขยุ้มเสื้อยืดของเขาเอาไว้แน่นแทน ปลายเท้าสองข้างเกร็งจิกจนผ้าปูที่นอนยับย่น ใบหน้าก้มคุดคู้แต่ยังรั้งไหล่เขาอย่างหาที่พึ่ง ดูท่าทางเท่านี้ก็พอบอกได้แล้วว่าเป็นเด็กประเภทเก่งแต่ปาก
“....พี่...ไอ้เฮียเพี้ยน...ผม....”“ว่าไง?”
คิมหันต์หายใจขาดห้วง ขมวดคิ้วเป็นปม ปากสั่นจนดูน่าสงสาร นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มมองมายังเขาเพียงแวบหนึ่งแต่พอสบตากันก็รีบหลุบลงต่ำ
“..ยะ..หยุดก่อน ..อืออ..เชี่ยเอ๊ย” เวลาอย่างนี้ยังไม่วายปากเสีย ขณะที่เขาก็ยังไม่หยุดอะไรซึ่งทำค้างอยู่เช่นกัน
“...ผ....ผมทำเอง....แ..ม่..ง...!”ชายหนุ่มชะงักลงนิดหน่อยกับน้ำเสียงกระเส่าจนเผลอใจสั่นแม้จะเป็นคำด่า จากนั้นก็รอยยิ้มพรายก็วาดขึ้นบนใบหน้าคมสัน
“ได้”เขาถอยออกมาเล็กน้อย ปล่อยคิมหันต์นั่งหอบหนักอยู่เพียงสองสามครั้งจึงลุกขึ้นรวบเอวเด็กหนุ่มไว้ในวงแขน จับพลิกตัวทีเดียวอีกฝ่ายก็ขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตักเขา เรียกเสียงโวยวายจากคนที่ไม่ทันตั้งตัว
“ไหนบอกว่าได้ไง!!”“ก็ได้ไง” สามภพยิ้มละไม ก้มลงกระซิบข้างหูเด็กเกรียนในอ้อมแขน “ทำเองสิ”
“งั้นก็ปล่อยสิวะ ผมจะใช้ห้องน้ำ”
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจท่าทางขบขัน พึมพำกับลาดไหล่ขาวจัดซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อตรงหน้าแล้วประกาศเจตนาชัดเจน “ทำตรงนี้แหละ”
ก่อนจะงับลงไปบนต้นคออีกฝ่ายเต็มปากเต็มคำ ค้างไว้อย่างนั้นให้รู้ว่าอย่าได้คิดหนีไปไหน
“...ฮ...เฮียหมาบ้า...”
คิมหันต์เสียงอ่อน ยิ่งขยับตัวหนีแรงจากฟันซึ่งขบลงมาก็ยิ่งแรงขึ้นจนไม่กล้ากระดุกกระดิก ได้แต่ดึงเสื้อยืดลงมาคลุมน้องชายที่ยังตื่นตัวอยากรู้อยากเห็นไม่ไว้หน้าเจ้าของ
“ทำเองหรือให้พี่ทำให้?”
“ทำไมพี่โรคจิตงี้วะ...อ๊ะ!”
เด็กหนุ่มสะดุ้ง เสียววาบไปตลอดแนวสันหลัง นอกจากฟันจะงับแน่นก็ยังมีลิ้นร้อนตวัดลงบนผิวเนื้ออีกด้วย
“ยังไม่ทันครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย” สามภพตอบเสียงอู้อี้ รวบเอวเขาแล้วดึงเข้าหาตัวอีกจนอะไรที่ชูชันอยู่ชนกับหน้าท้องอีกฝ่าย แรงเสียดสีดึงอารมณ์วาบหวิวให้ลอยฟุ้งจนเผลอส่งเสียงครางออกมาอีกครั้ง
“ตอนแรกว่าจะพาเที่ยวต่อ แต่ดื้อนักก็อยู่ในนี้ไม่ต้องไปไหนแล้ว”
เวรเอ๊ย...คิมหันต์กัดฟัน เป็นแบบนี้กว่าจะถึงบ่ายโมงมีหวังได้กินถั่วดำจนแห้งเหี่ยวกันพอดี
“...ผมไม่ดื้อ”
เขายื่นข้อเสนอ และภาวนาด้วยความหวังริบหรี่ว่าจะรอด
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ ฟังดูชวนขนลุกพร้อมกับเซ็กซี่อย่างน่าประหลาด “แล้วที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร?”
“ป้องกันตัว” คิมหันต์เถียง กลั้นเสียงอื่นไม่ให้หลุดลอดออกมาด้วยความหน่วงแถวท้องน้อยทุกครั้งที่เนื้อผ้าเสียดสีกับจุดอ่อนไหว “....อยากเที่ยว....ไปกันเหอะ...”
ความจริงคืออยากทำอะไรก็ได้ให้มันรอดจากตรงนี้ไปก่อน “นะ...? เฮียเพี้ยนสุดหล่อ” เด็กหนุ่มส่งเสียงอ้อนแบบเดิม มือก็พยายามทำเนียนแกะมือสามภพออกจากเอวไปด้วย
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทัน “ได้ งั้นทำให้เสร็จ”
สามภพว่าพลางจับมือเขามาวางไว้ในตำแหน่งเหมาะสมสำหรับสิ่งที่เขาเรียกร้องว่าจะทำเอง ย้ำเสียงหนักแน่นว่า
“ตรงนี้” พร้อมสายตาที่ชวนให้ใจร่วงไปอยู่ตาตุ่มแบบหาสาเหตุไม่ได้
“แล้วเราค่อยไปเที่ยว”
“.....”
“โอเคไหม?”
“บ้าเอ๊ย!”สามภพได้ยินเสียงคิมหันต์ร้องโวยว่าอย่างนั้นเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะมืดมิดไปหมด
ไอ้ตัวแสบดึงชายเสื้อเขาขึ้นมาคลุมศีรษะคนใส่เอาไว้ จะเอามือมาดึงลงก็เงอะงะไม่ถนัดเพราะใช้กอดรัดเอวอีกฝ่ายอยู่
“เล่นบ้าอะไรไอ้เด็—!”
“พี่อยู่อย่างนั้นแหละ!” ประโยคคำสั่งดังขึ้นในระยะประชิด จากนั้นจึงรู้สึกได้ถึงท่อนแขนฝ่ายตรงข้ามข้างหนึ่งที่โอบรอบศีรษะเขาแน่นไม่ให้เสื้อซึ่งคลุมอยู่ร่วงลงมา สร้างความมั่นใจกับเจ้าตัวว่าเขาจะมองไม่เห็นสิ่งใดจนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น
"..อ..เอาแบบนี้ก่อน"
แม้มองไม่เห็น แต่สามภพรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของคนบนตัก “..อ...อา....”และไอ้มองไม่เห็นแต่ได้ยินเสียงนี่แหละตัวดี ภาพในหัวคิดไกลไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ขณะที่แรงรัดรอบศีรษะยังไม่หายไปไหน เสียงหายใจระส่ำก็ยังเป่าอยู่ข้างหู น้ำหนักจากศีรษะของเด็กหนุ่มซบลงบนไหล่เขา ส่วนมืออีกข้างขยับอยู่แถวหน้าท้องซึ่งแทบจะแนบชิดกันอยู่
คิมหันต์หลุดครางออกมาอีกสองสามครั้ง แต่ละครั้งทำเขาแทบสติหลุด
ครู่ใหญ่ต่อมาทุกสิ่งก็นิ่งสนิท เหลือเพียงเสียงหอบเบา ๆ ของอีกฝ่ายปะทะบนไหล่ แรงโอบรอบศีรษะคลายลง เสื้อที่ปิดอยู่ร่วงลงมาครึ่งหน้า
คิมหันต์ยังซบหน้าผากอยู่ที่เดิม เห็นแต่ใบหูและแก้มแดงแจ๋เพียงเสี้ยวหนึ่ง
สามภพก้มลงมองสถานที่เกิดเหตุ ของเหลวสีขาวขุ่นเกาะอยู่ตามหน้าท้องเขาและเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ส่วนกางเกงเจ้าตัวถูกรูดซิปขึ้นกลัดกระดุมเรียบร้อย
...เสร็จแล้ว“...ม...มีทิชชูไหม?”
คิมหันต์ถามเสียงอ่อนระโหย ขยับตัวจะลุกขึ้นก็ติดแขนเขาซึ่งยังประคองอยู่
“เสร็จแล้ว ปล่อยเว้ย!”
เจ้าตัวเริ่มโวยวาย เสียงดังขึ้นอีกหน่อยจึงดึงสติเขากลับมาได้หลังจากหลุดลอยไปครู่ใหญ่แค่ฟังเสียงและรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหว ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของจินตนาการล้วน ๆ ซึ่งนั่นมีแต่จะยิ่งทำให้อารมณ์เตลิด
“เออ..รู้แล้ว”
สามภพตอบรับ คลายอ้อมแขนออกช้า ๆ สัมผัสจากเนื้อผ้าซึ่งขยับเสียดสีกันแผ่วเบาตอนคิมหันต์ลุกออกไปทำให้รู้ตัวว่าแม้อีกฝ่ายเสร็จไปเรียบร้อย...
แต่เขาเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเองความหน่วงหนักแถวกลางลำตัวคล้ายเรียกร้องความสนใจให้เขาจัดการทำอะไรสักอย่าง แค่ขยับร่างกายท่อนล่างก็รู้สึกชัดเจนจนต้องสูดลมหายใจยาวเหยียด
“นี่พี่ก็...!?”พูดได้แค่นั้นคิมหันต์ก็เหมือนได้น้ำยาเร่งสี หน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนขณะที่รีบกระโจนออกห่าง
ตาตี่ขนาดนี้ทำไมถึงได้ช่างสังเกตนักจะทำเกินเลยกว่านี้ก็กระไรอยู่ แค่จูบไปทีสองทีก็แตกตื่นแย่แล้ว ขืนจับปล้ำได้มีสติแตกแน่นอน แถมเขาก็ยังไม่เคยทำกับผู้ชายมาก่อน มาเงอะงะให้ขายหน้าเด็กตอนนี้ึคงไม่ดีนัก
“รอพี่อยู่นี่”
สามภพชี้ที่เตียง ก่อนจะรีบผุดลุกขึ้น เอาโทรศัพท์มือถือของคิมหันต์ติดตัวไปด้วย สายตามองเห็นกระเป๋าสตางค์อีกฝ่ายร่วงอยู่บนผ้าปูที่นอนก็รีบคว้าเอาไว้เป็นตัวประกันอีกอย่างพร้อมกับเพิ่มถ้อยคำกำชับ
“อย่าไปไหน ถ้าออกมาแล้วไม่เจอ...”
เด็กหนุ่มหรี่ตา เกือบถลาไปถึงประตูห้องแล้วด้วยซ้ำหากไม่โดนดักทางไว้ก่อน
“ไม่เจอแล้วจะทำไม?”
สามภพยิ้มเย็น ซึ่งคิมหันต์ไม่ชอบเอาเสียเลย
“จะได้รู้ว่าเป็นแฟนแบบผู้ใหญ่เขาทำกันยังไง”แล้วชายหนุ่มก็รีบร้อนหายเข้าไปในห้องน้ำ
............................................................
...............................
.
.
.
.
“จะได้รู้ว่าเป็นแฟนแบบผู้ใหญ่เขาทำกันยังไง...” คิมหันต์นั่งดัดเสียงล้อเลียนอยู่ตรงขอบเตียง “โด่เอ๊ย!”
แต่กล้าออกจากห้องไหม?
...ก็ไม่กล้า...อย่าให้ตัวใหญ่ อย่าให้มีกล้ามเยอะ อย่าให้เขาบ้าพลังร้อยแรงม้าบ้างละกัน!
เด็กหนุ่มเหลียวมองอีกฝั่ง หลังประตูห้องน้ำนั้นเงียบสนิท ไม่มีเสียงเปิดน้ำ ไม่มีเสียงกดชักโครก ไม่มีเสียงบ้าบออะไรเลยสักอย่าง
แต่เขาพอจะรู้หรอกว่าสามภพกำลังทำอะไรอยู่ร่างกายผู้ชายที่ตอบสนองกับสัมผัสพวกนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร...(อย่างนั้นใช่ไหม?)นี่แย่จริง ๆ
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยิบกระดาษทิชชูมาถูที่เสื้อจนเป็นขุยติดเนื้อผ้า เขาไม่มีชุดจะเปลี่ยนแล้ว คงต้องใส่อย่างนี้ไปก่อน ไม่ได้เปื้อนมากมายเท่าไร ให้เทียบกันแล้วสามภพเปรอะกว่าเขาเสียอีก อาจโชคดีไม่ได้เลอะเทอะตามผ้าผ่อนนักเพราะเขาดึงเสื้ออีกฝ่ายขึ้นไปคลุมศีรษะไว้ก่อน แต่ก็กระจายเต็มหน้าท้องเลยทีเดียว
คิดได้แค่นั้นก็หน้าร้อนผ่าว แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาของวัยหนุ่มอยู่แล้วก็เถอะ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่โดนจับปล้ำ
นึกอีกทีหรืออีกฝ่ายเป็นเกย์ควีนเลยไม่รุกรานช่องทางอื่น? ดันลืมถามก่อน หากเป็นอย่างนั้นเรื่องอาจง่ายขึ้น ถ้าไม่ต้องมีอะไรเสียหายกับเขาก็น่าจะพอทำใจได้เผื่อสถานการณ์คับขันขึ้นมาจริง ๆ
“บ้าฉิบหาย”
คิมหันต์กุมขมับ นั่งอยู่เฉย ๆ ก็เกิดฟุ้งซ่านขึ้นมาอีก ทำอะไรอย่างนั้นกับตัวเองต่อหน้าคนอื่น แต่คิดเสียว่าอย่างน้อยเขาก็เอาเสื้อปิดหน้าปิดตาสามภพไว้หมดแล้ว
แค่นี้เรื่องธรรมดาใช่หรือเปล่า? มนุษย์ผู้ชายหน้าไหนไม่เคยช่วยตัวเองบ้าง เขายังพยายามปลอบใจตัวเอง
แต่ไอ้ที่อยู่บนคอนี่สิกระจกบานใหญ่ฝั่งตรงข้ามสะท้อนภาพตัวเขา สิ่งที่เห็นคือผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเป็นสีแดงเข้มกว่าควรจะเป็น เสื้อยืดลายขวางตัวเก่งมีรอยยับเต็มไปหมด คอเสื้อกว้างสวมสบายแบบที่เขาชอบตอนนี้เริ่มเป็นปัญหาใหญ่
จะทำอย่างไรกับรอยหมากัดพวกนี้ดี?เด็กหนุ่มลุกจากเตียง เดินไปหยุดอยู่หน้ากระจก พิจารณาเงาสะท้อนของตัวเองในนั้น ยิ่งเห็นสภาพรอยฟันและรอยจูบใกล้ ๆ ยิ่งรู้สึกว่าดูไม่ได้เอาเสียเลย แค่ครั้งเดียวก็รู้สึกว่าชีวิตตกอับแย่แล้ว ไอ้เพื่อนรักปิ่นหยกทนใส่เสื้อติดกระดุมครบทุกเม็ดมาเกือบตลอดเวลาตั้งแต่คบกับอาทิตย์ได้อย่างไร
“ถ้าเจ้ใหญ่เห็น....”
เขาพึมพำกับตัวเองได้เพียงเท่านั้น แล้วก็รู้สึกสยองเกินกว่าจะคิดต่อ วัสสานะอาจเข้าใจว่าเขาไปป้อสาวที่ไหนจนได้รอยแบบนี้กลับมา และนั่นดูไม่ค่อยเป็นผลดีต่อประวัติส่วนตัวเวลาเธอไปรายงานความประพฤติของเขาต่อป๊ากับม้าเลย
เสียงน้ำจากก๊อกดังขึ้นครู่หนึ่ง แล้วประตูห้องน้ำก็เปิดออก
สามภพเดินออกมาสภาพเรียบร้อยดี เว้นแต่เขาจะสังเกตเห็นแก้มสองข้างของชายหนุ่มแต้มสีชมพูระเรื่ออยู่นิดหน่อยแต่ไม่กล้าจ้องอะไรมากไปกว่านั้น แค่รู้ว่ายืนใกล้กันในรัศมีสองสามเมตรเช่นนี้ก็ใจสั่นแย่แล้ว
“เอ้า!”
คิมหันต์สะดุ้ง อะไรบางอย่างถูกโยนมาคลุมบนศีรษะเขา
“??”
“สวมทับไว้” ชายหนุ่มพึมพำ เบนสายตาไปทางอื่น เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่รู้สึกไม่กล้าสู้หน้า “พี่ให้ยืม”
เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก ดึงเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่คลุมศีรษะอยู่ลงมาสวม ไหล่ตกมาเกือบถึงข้อศอกทีเดียว ก้มหน้าก้มตาติดกระดุมทีละเม็ดด้วยมือสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ มันน่าฟาดมือตัวเองให้หักนักเชียว
“ติดอย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ!?”
อีกฝ่ายท้วง เงยขึ้นก็เห็นสามภพกำลังส่ายหน้าอ่อนใจมองมาทางเขา
“มานี่”
ชายหนุ่มกวักมือเรียก แต่ก็อย่างทุกที เรียกแบบนั้นไม่เคยทำให้คิมหันต์เดินมาหาได้สักครั้ง สุดท้ายจึงต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปเอง
มือใหญ่ยื่นเข้าช่วยติดกระดุมให้ทีละเม็ด ไล่ตั้งแต่ข้างล่างไปยังเม็ดบนสุดที่ต้นคอ อีกฝ่ายฮึดฮัดอยู่นิดหน่อย ทว่าพอเขาส่งสายตาดุพร้อมกับก้มลงไปใกล้ก็ยืนนิ่งให้จับแต่งตัวแต่โดยดี
“....”
สามภพถือโอกาสเหลือบมองคนตรงหน้าไปด้วย ผิวขาวจริงเชียว ทั้งรอยฟันรอยจูบเลยยิ่งเด่นไปหมด
"นี่"
รอยกัดตรงซอกคอที่ย้ำลงไปด้วยความมันเขี้ยวนั่น โชคดีที่อยู่ในส่วนที่เสื้อปิดไว้ได้ แต่ท่าทางคงเห็นชัดไปอีกนาน
“เจ็บไหม?”
“อะไร?” คิมหันต์ทำตาขวาง มองหน้าเขาแวบเดียวแล้วรีบก้มงุด
“ที่โดนกัด”
คนฟังยกมือขึ้นกุมคอเสื้อโดยอัตโนมัติ ขยับถอยหนีไปอีกนิดหน่อย งับซะเต็มเขี้ยวช่างกล้าถามมาได้ว่าเจ็บหรือเปล่า!?
“เวลาพี่โดนหมากัดแล้วเจ็บไหมล่ะ!?”
สามภพอมยิ้ม มองอีกฝ่ายที่แยกเขี้ยวแง่ง ๆ ใส่ ไม่รู้ที่ถามอย่างนั้นหมายถึงหมาจริง ๆ หรือเจ้าหมาหัวทองที่งั่มมือเขา
“หมาตัวไหนล่ะ?” เขาตามไปลูบผมอีกฝ่ายเบามือ “ถ้าหมาคิมก็ไม่เจ็บหรอก”
“เฮียแม่งเพี้ยน!” เด็กหนุ่มเอ่ยสรรเสริญ แต่แล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “นี่..เฮียเพี้ยน?”
“หืม?”
“พี่เป็นเกย์คิงหรือควีน”สามภพแทบทำคิ้วพุ่งหลุดออกจากหน้าผาก
“จะบ้าเรอะ!?”
“พี่นั่นแหละบ้า! บอกมา จะได้ช่วยประกอบการตัดสินใจ”
ชายหนุ่มถอยออกมากอดอก พิจารณาไอ้เด็กแสบตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “ตัดสินใจอะไร?”
“ว่าจะหาแบบไหนให้พี่ไง..แบบ...เผื่อว้าเหว่” คิมหันต์ยักไหล่ เสมองไปทางอื่น “จะได้เลิกทำตัวประหลาดกับผมเสียที”
สามภพระบายลมหายใจยาวเหยียด ทีเรื่องอื่นละรู้มาก ฉลาดไปหมด แต่เรื่องอย่างนี้ทำไมไม่เห็นรู้ตัวสักที นี่เรียกบื้อหรือหนีความจริง?
“ไม่ต้องหาแล้ว”
“หือ?”
“พี่เจอแล้ว”
“อ้อ”
แม้จะตอบรับเช่นนั้นแต่สายตาคิมหันต์ก็ยังเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ ชายหนุ่มส่ายหน้า สองมือประคองข้างแก้มเด็กช่างสงสัยแล้วก้มลงไปจุ๊บเบา ๆ กลางหน้าผากเหม่ง
“อยู่ตรงหน้านี่แหละ”คิมหันต์อ้าปากค้าง ครู่หนึ่งทีเดียวกว่าจะร้อง
“ห๊ะ!?” เสียงหลงออกมาได้
“ตามนั้น”
ชายหนุ่มพูดต่อราบเรียบ เดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นสะพายไหล่เตรียมออกจากโรงแรม ยังยึดโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์คิมหันต์ไว้กับตัว
เขามองนาฬิกาข้อมือ สิบโมงกว่าแล้ว อีกนิดเดียวก็บ่ายโมง หมดเวลาที่ตกลงกันไว้ แต่การที่คิมหันต์มีเจตนาโกงเขาเมื่อเช้า หากจะขอเลทไปหน่อยเป็นการตอบแทนคงไม่เรียกว่าเอาเปรียบจนเกินไปนัก
“มาเร็ว”
สามภพหันไปเรียก แต่คิมหันต์ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ยิ่งอยู่ในเสื้อเชิ้ตหลวมโพรกและผมสีทองเป็นกระเซิงขับให้แก้มแดง ๆ เด่นชัดขึ้นไปอีกยิ่งน่าขำ ทำช็อคไปได้ แต่คิดว่าคงเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว
“อยากไปเพลินวานหรือว่าทะเล” เขาถามความเห็น ตามใจให้เสียเด็กอีกวันคงไม่เป็นไร
อีกฝ่ายไม่ตอบ นิ่งงันอย่างกับรูปปั้นที่คนเอาสีแดงละเลงไว้บนแก้ม เริ่มจะน่าสงสารเกินไปแล้ว
“ไม่ตอบดี ๆ จะลากลงเตียงแล้วนะครับ”
คิมหันต์สะดุ้ง รีบขานรับตะกุกตะกัก
“..ป..ไปเพลินเล!!”ท่าทางจะเครื่องรวนไปแล้วจริง ๆ- หมดยกที่ 25 -
=================================
เขินเนอะ...คนเขียนก็เขินค่ะ อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่ยังนะ ยังไม่ได้ปั่มป๊ามอะไรนะ ฮือออ

แหม ห่างเหินอารมณ์นี้มานาน
ขอบคุณคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ *กอดฟัด*

ช่วงระหว่างตอนที่แล้วกับตอนนี้หายไปนานขึ้นนิดนึงเพราะติดภารกิจและตกอยู่ในสภาวะจิตตกนิดหน่อยค่ะ
//พราากกกก
ตอนนี้สภาพจิตใจโอเคแต่เรื่องธุระยังไม่โอเค (ฮา) แต่จะพยายามรีบ ๆ มาต่อนะคะ ม๊วฟฟฟฟ
อย่าลืมของแถมรีพลายถัดไป
พบกันตอนหน้าค่ะ ^o^