● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 32 – ฟัด ฟัด ฟัด
เขายิ้มเอ็นดู ปล่อยคิมหันต์เอาหน้าซุกเป็นลูกหมาน้อยอย่างเดิมตามชอบใจ กะว่าหากเจ้าตัวไม่ลุกออกไปเองก็ตั้งใจจะนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นไปเรื่อย ๆ
ว่าแต่นี่เอาจริงหรือ?
ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอ้าไว้ กระดาษสองสามแผ่นปลิวจากโต๊ะร่อนลงบนพื้น และท่าทางว่าเด็กหนุ่มก็ยังพอใจกับตำแหน่งเดิม ผ่านไปนานใช้ได้เลยเชียว จนไอ้ตัวแสบคงคิดว่าก้มหน้าซุกอย่างเดียวไม่พอ มือไม้ยังตะกุยอกเสื้อเขาอย่างขัดอกขัดใจอีก ท่าทางแบบนั้นมันน่ามันเขี้ยวน้อยเสียเมื่อไรกัน
“คิดถึงพี่ขนาดนั้นเชียว?”
กินเวลาอีกครู่ใหญ่ทำเอาสามภพอดไม่ได้จะเอ่ยแซวเสียงเข้ม ซึ่งต้องพยายามอย่างยิ่งจะไม่ให้ออกมาเป็นกลั้วหัวเราะ แต่คิดดูอีกทีแล้วเขาไม่น่าเลย ทำไก่ตื่นเสียนี่ คิมหันต์ได้ยินคำพูดเขาจึงลุกขึ้นนั่งหน้าแดงเป็นน้ำแตงโมปั่น หลังจากนั้นก็ปีนลงจากตัวไปอย่างเนียน ๆ ลุกยืนแล้วยักไหล่ เดินวนไปมาแบบอาตี๋ขี้เก๊กเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เพ้อเจ้อว่ะ” เด็กเกรียนยังทำปากดี ทั้งที่เมื่อครู่ออกจะเกาะเขาแน่นหนึบ แถมยังพูดต่อน้ำเสียงเหยียดหยามอีก “ปีนเข้าห้องคนอื่นเกือบตกไปคอหักตายยังมีหน้ามาพูดงี้อีก”
สามภพยกตัวลุกขึ้นนั่งบนพื้น ยื่นเท้าไปขัดขาคิมหันต์ที่เดินวนอยู่ใกล้ ๆ จนเจ้าตัวสะดุดเกือบหัวทิ่ม ร้องอุทานหน้าเหวอ ตั้งหลักได้จึงหันกลับมาทำตาเขียวใส่เขาซึ่งกำลังกลั้นหัวเราะแทบแย่ด้วยกลัวเจ้าบ้านสาวจะได้ยิน
“แล้วตี๋น้อยจากไหนไม่รู้ที่มาซุกอยู่เมื่อกี้ล่ะ ว่าคนอื่นได้หรือ?”
“เงียบเลยปะ!”
“ชู่วว..” เด็กหนุ่มตั้งท่าจะโวยวาย แต่เขายกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเป็นเชิงห้ามไว้ก่อน “เดี๋ยวพี่สาก็จับได้หรอกว่าเอาผู้ชายเข้าห้อง”
คิมหันต์อ้าปากค้าง ตกลงกลายเป็นว่าเขาหิ้วสามภพเข้าห้องเองหรืออย่างไร?
“งั้นพี่ก็กลับไปสิวะ!” เด็กหนุ่มลดเสียงลงเป็นกระซิบแต่ยังไม่วายออกอาการกระฟัดกระเฟียด
สามภพปีนขึ้นบ้านคนอื่นเองแท้ ๆ แต่กลับมายัดเยียดตำแหน่งผู้สมรู้ร่วมคิดให้เขาเสียอย่างนั้น บ่นหงุงหงิงฟังไม่ได้ศัพท์พลางเดินอ้อมไปหยุดด้านหลังชายหนุ่มแล้วเอามือคล้องใต้ต้นแขนอีกฝ่าย รวมรวมกำลังแล้วร้อง “ฮึบ!!” พร้อมกับพยายามดึงตัวหนัก ๆ ให้ลุกขึ้นยืน
ทว่าออกแรงจนลมออกหูมนุษย์ร่างใหญ่ก็เพียงแต่ขยับเล็กน้อย แถมยังส่งเสียงหัวเราะ "หึ ๆ" ในลำคอให้เจ็บใจเล่นอีก
“ลุกเว้ย! มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”
ดูเหมือนเขาจะทำสามภพขยับก้นไปจากตำแหน่งเดิมได้อีกคืบ ห่างไกลจากเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างน่าห่อเหี่ยว ยิ่งออกแรงคนแกล้งก็ดูเหมือนจะยิ่งทิ้งน้ำหนักใส่อย่างได้ใจ ให้มันได้อย่างนี้สิ!
คิมหันต์สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เตรียมรีดเร้นพลังของวัยหนุ่มขั้นสุดอีกครั้ง จมูกย่นแทบขึ้นมาชนกับตาตี่ ๆ ก่อนจะออกแรงดึงเต็มที่
“ฮึ่ยยยยยยย!!!” พร้อมกับที่สามภพก็หยุดขืน ยอมปล่อยตัวเองโดนดึงแต่โดยดีเช่นกัน
“อ๊ะ!!” ตาตี่ ๆ เบิกค้างไปชั่วขณะ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นเป็นปกติในกรณีเดียวกับการชักเย่อกับใครสักคน แต่แล้วจู่ ๆ ใครคนนั้นกลับอุตริปล่อยเชือกจากมือในขณะที่อีกฝ่ายกำลังดึงเต็มแรง ครั้งนี้ก็คล้ายกัน คิมหันต์ผู้น่าสงสารซึ่งอุตส่าห์เตรียมการไว้อย่างดีว่าจะออกแรงสุดชีวิตถึงกับเซหวือไปด้านหลัง พร้อมกับร่างของชายหนุ่มอันเป็นปัญหาหลักในค่ำคืนนี้ทิ้งตัวตามไปติด ๆ แน่นอนว่าใส่แรงส่งเพิ่มเข้าไปนิดหน่อยด้วยวาระซ่อนเร้นบางอย่าง
ศีรษะด้านหลังของสามภพปะทะกับบริเวณแถวหน้าท้องเด็กหนุ่มเจ้าของห้อง พอตระหนักได้ถึงตำแหน่งตัวเองก็รีบทิ้งตัวลงไปทันที ส่งผลให้คนที่แค่เสียหลักไปข้างหลังและน่าจะกลับมาทรงตัวบนขาตัวเองได้ เปลี่ยนสถานะกลายเป็นหงายหลังโดยสมบูรณ์ มือสองข้างของคิมหันต์รีบตะครุบรอบคอเขาคล้ายจะหาที่ยึดไม่ให้ตัวเองล้มเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ ซึ่งหากเจ้าตัวรู้ว่าเขาตั้งใจล้มใส่อยู่แล้วคงเปลี่ยนใจไปคว้าอย่างอื่นเป็นแน่
“เหวอ!!!”
โครม!!
“อูย..ย..” ความโกลาหลขนาดย่อมจบลง และสามภพค่อนข้างถูกใจมากทีเดียวที่มันจบเช่นนี้
เสียงครางเบา ๆ ของคิมหันต์ลอยอยู่เหนือศีรษะเขาขึ้นไปเล็กน้อย เจ้าเด็กหัวทองกำลังลูบสะโพกตัวเองป้อย ๆ พร้อมกับทำหน้ายุ่ง คิ้วขมวดเป็นปมชวนคนมองให้นึกขำ ท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีเขาเองเกยอยู่เกือบจะเป็นนอนตักไม่ช่วยให้เจ้าตัวได้เปรียบในสถานการณ์ใดหลังจากนี้แน่นอน
“ทำไมพี่ดื้อด้านงี้วะ”
สามภพรู้สึกผิดคาดนิดหน่อยที่คิมหันต์ไม่โวยวาย ทำเพียงแต่บ่นเบา ๆ เหมือนกลัวพี่สาวได้ยิน (ทั้งที่เสียงล้มเมื่อครู่นั้นน่าห่วงกว่าตั้งเยอะ) ขยับตัวยุกยิกอย่างรำคาญใจครู่หนึ่งก่อนจะจ้องลงมายังเขาอย่างคาดโทษ
“ลุก!” เด็กหนุ่มเขย่าขา ซึ่งไม่รบกวนเขาแต่อย่างใดนอกจากจะทำให้นึกสนุกมากขึ้น “ไม่ใช่หมอน! นอนทับทำไม!?”
“เพิ่งล้ม...” เขาเลิกคิ้วยียวน พูดเหมือนทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจแม้แต่น้อย “..ยังลุกไม่ไหว”
“โกหกโคตร!!!” อีกฝ่ายสวนทันควัน แยกเขี้ยวแง่ง ๆ ใส่แต่หาความน่ากลัวไม่มีสักกระผีก
“คนเราไม่จำเป็นต้องนอนทับหมอนอย่างเดียวนี่” เขายักไหล่ทั้งที่ยังนอนแหมะอย่างเดิม แก้ตัวน้ำขุ่นกลับไปเมื่อเห็นว่าข้ออ้างแรกของตัวเองไม่ได้ผลนัก ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้คิมหันต์ซึ่งทำหน้ามู่ทู่ด้วยข้ออ้างอย่างที่สองของเขาก็ฟังดูไม่เข้าท่าพอกับก่อนหน้านี้ “อย่างถ้าชอบใคร...ก็นอนตักคนนั้น”
“....”
สีหน้าไอ้ตัวแสบตอนนี้ทำเขาหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อย ท่าทางจะทำตัวไม่ถูกเวลาโดนหมัดตรงอย่างนี้เข้าใส่ เขาพูดเรื่องพวกนี้ทีไรไปไม่เป็นทุกที
“...พี่แม่ง..บ้ามาก..” อีกฝ่ายพึมพำเบาหวิว ทำท่าคล้ายว่าจะเขินปนสยอง แค่นี้ต้องทำเป็นขนลุกด้วย!? ให้ตายเถอะ ทั้งที่เขาเองต่างหากควรสะพรึงกับรูปประโยคที่ปกติไม่เคยเอามาพูดกับใครที่ไหน
“ทำไมล่ะ”
“....พูดเรื่องแบบนี้กับผู้ชายได้หน้าตาเฉย รู้ไหมพี่ดูโรคจิตโคตร ๆ”
“เรียกเฮียสิ”
“..ห๊ะ” คิมหันต์อุทาน จากนั้นก็อ้าปากหวอจนเขาต้องอธิบายเพิ่มเติม
“แบบที่ชอบเรียกไง น่ารักดี”
และนั่นมีแต่จะทำให้เด็กหนุ่มยิ่งอ้าปากกว้างกว่าเก่า ไม่น่าแปลกใจหากจะมียุงบินเข้าไปวางไข่สักตัวสองตัว
“แล้วเฮียก็จะเรียกเราว่าตี๋น้อย”
ถึงจุดนี้คิมหันต์เหมือนเข้าสู่ภาวะเหวอ เอ๋อ งง ก๊ง โดยสมบูรณ์แบบ
“...อะไรนะ”
“หึ ๆ” เขาส่งเสียงในลำคอ และนั่นทำอีกฝ่ายเริ่มอยู่ไม่สุข
“ประสาทปะ!?" คิมหันต์เริ่มโวยเมื่อรู้ตัวว่าเหวอมานานเกินไปแล้ว "มีอะไรน่าขำวะ”
“ดูทำหน้าเข้า” สามภพส่งเสียงหัวเราะออกมาจนได้ ลำบากจริง ๆ กับการต้องพยายามเก็บเสียงในสถานการณ์เช่นนี้เมื่อมนุษย์ช่างโวยสองคนมาอยู่ด้วยกัน “ตลกโคตร! น้องครี—เอ้อ..คิม อย่างแบ๊ว ฮ่า ๆ ๆ”
“ไอ้พี่เพี้ยน!” เจ้าของชื่อพอรู้ตัวว่าโดนแกล้งเข้าแล้วก็ผลักเขาทีเผลอเกือบกลิ้ง “ออกไปเลย มาแม่งไม่มีสาระอะไรซักอย่าง!”
“เดี๋ยวสิ” เขาท้วง กดศีรษะตัวเองลงที่เดิมอย่างรู้ตัวว่าหน้าด้านสุดชีวิต “ไม่ลงทางหน้าต่างแล้ว”
“ขึ้นมาทางไหนก็ลงทางนั้นสิวะ”
“ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู”
“ถุย” คิมหันต์ส่งเสียงประชดพลางยกมือขึ้นบิดจมูกเขา “ตอนปีนขึ้นมาไม่เห็นพูดงี้”
ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็พี่สาวเราไม่ให้เข้าบ้านนี่”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียดแล้วเอนตัวไปด้านหลัง เอามือค้ำไว้กับพื้นเพื่อพยุงลำตัว “แน่แหละ มีน้องชายหล่อก็เงี้ย” พูดจบก็หัวเราะชอบใจคำพูดตัวเอง เขย่าขารบกวนการนอนของเขาอย่างไม่จริงจังนัก
“ไอ้เด็กหลงตัวเอง”
“ผิดตรงไหน” เจ้าตัวเถียงฉอด “มีดีให้หลง”
สามภพหัวเราะเบา ๆ เอามือตีขาเด็กหนุ่มแปะ ๆ ให้อยู่นิ่งอย่ายุกยิกนัก “หวงอะไรนักหนา ไม่เห็นมีดีสักอย่าง ผอมกะหร่อง ตาก็ตี่ หน้าอย่างจืด ผิวซีดเป็นจิ้งจก ปากหมาอีกต่างหาก”
คิมหันต์ได้ยินเป็นชุดเช่นนั้นถึงกับพ่นลมหายใจฟึดฟัด รีบค้านออกมาเป็นการเร่งด่วน “ผมลูกชายคนเล็กและคนเดียว เรียนดีกีฬาเด่น......เอ่อ...แค่ค่อนข้างเด่นก็ได้ ไม่อยากอวด...” ตอนท้ายน้ำเสียงติดจะแผ่ว ๆ อยู่นิดหน่อยก่อนจะกลับไปชัดถ้อยชัดคำอีกครั้งในประโยคถัดไป “แถมยังหล่อออกขนาดนี้”
เด็กหนุ่มยืดอกพร้อมกับยักคิ้วโอ้อวด มีสามภพพยักหน้าตามจริงจังเกินจำเป็นอย่างล้อเลียน
“ใช่มะ! จะปล่อยไปกับเกย์เฒ่าได้ไง”
เกย์เฒ่า? ดูปากเข้าสิ “เด็กเปรต!”
เด็กหนุ่มยื่นมือมาบิดจมูกเขาแรงขึ้นกว่าครั้งก่อน “พี่อะ วิธีจีบคนอย่างห่วย!”
“หืม” เสียงเขาติดจะอู้อี้นิดหน่อยเพราะคิมหันต์ยังไม่ปล่อยมือจนต้องหายใจทางปาก และดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบอกชอบใจทีเดียวเมื่อเห็นเขาทำปากพะงาบเป็นตะพาบลอยคอ
“ไม่เคยจีบหญิงอะดิ” ไอ้ตัวแสบยักคิ้วหลิ่วตา “เอาไว้ท่านคิมจะสอนหลักสูตรเร่งรัดให้”
สามภพยิ้มน้อย ๆ ช่างพูดจาโอ้อวดออกมาได้ไม่เจียมเลย ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงน่าเตะอะไรอย่างนี้ เขาเองตอนคบผู้หญิงไม่เห็นเคยต้องลงแรงจีบมากมายสักคน
“ไม่จีบหญิงแล้ว” เขาส่ายหน้า “จีบเราอยู่เนี่ย”
คนฟังย่นจมูก ใบหน้าเปลี่ยนจากที่เขาว่าสีผิวซีดเหมือนจิ้งจกเป็นสีแดงเข้มขึ้นนิดหน่อย “ถึงได้บอกไงว่าห่วย มีใครด่าคนที่กำลังจีบว่าเด็กเปรตมั่ง!”
“เฮียไง” เขาเฉลยพร้อมกับชี้ที่ตัวเอง
“...เฮียแม่ง!”
คิมหันต์ครวญเสร็จก็ส่งเสียงหัวเราะเหมือนคนสะอึกออกมาเอง พาเขาขำตามไปด้วย เผลอยกมือขึ้นเอานิ้วชี้เขี่ยคางที่อยู่เหนือขึ้นไปเบา ๆ ถ้านอนตักได้ก็น่าจะเกาคางได้สิน่า...ไม่เห็นเป็นไรสักหน่อย
“ตอนแรกกะชวนไปเที่ยวแท้ ๆ เลย” ชายหนุ่มพึมพำ วาดนิ้วเล่นเป็นรูปหัวใจใต้คางคิมหันต์แต่เจ้าตัวคงไม่ทันสังเกต เห็นแต่เก๊กทำท่ารำคาญใส่อยู่นิดหน่อยแล้วก็ยอมให้เอานิ้วเขี่ยเล่นแต่โดยดี ปล่อยเขาพูดต่อโดยไม่ได้ขัด “ออกช้าไปหน่อย คราวหลังจะระวังเรื่องเวลากว่านี้ มือถือก็แบตฯหมดอีกเลยไม่ได้โทรบอก”
เด็กหนุ่มก้มลงจ้องเขาตาปริบ ๆ ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง คิ้วขมวดน้อย ๆ แสดงอาการสงสัยใคร่รู้ แต่สีหน้านั้นไม่เหมือนว่ากำลังฟังที่เขาพูดอยู่สักนิด
“นี่...ไอ้ตี๋เกรียน”
“....”
คิมหันต์ไม่ตอบ คิ้วขมวดเป็นปมแน่นขึ้นอีกนิด เอียงคอพร้อมกับก้มหน้าลงมาใกล้ช้า ๆ ดวงตาขี้เล่นจ้องเป๋งแถวกลางใบหน้าเขา ขณะที่ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อยกระทั่งอยู่ในระยะน่าหวาดเสียว ใกล้เข้ามาจนรู้สึกได้ถึงจังหวะหายใจเข้าออกเมื่อลมอุ่นจากปลายจมูกเป่ารดใบหน้า และหัวใจเขาก็บีบตัวด้วยจังหวะหนักหน่วงเหมือนกำลังจะระเบิดอยู่ในอก
เรียวปากสีชมพูสดของเด็กหนุ่มซึ่งเม้มอยู่ในตอนแรกนั้นเผยอขึ้นเล็กน้อย เมื่อใบหน้าเคลื่อนลงมาอีกจนมองเห็นไม่ชัดเพราะใกล้เกินไป พร้อมกับเสียง
...ตุบ...ตุบ.. หนัก ๆ ที่บอกไม่ได้ว่าดังมาจากอกใครกันแน่ จึงได้ยินคำถามประหลาดของคิมหันต์
“ของปลอมหรือเปล่า?”
“??”
“ซิลิโคนสินะ”
พูดเพียงเท่านั้น ลมหายใจอีกฝ่ายก็ขาดห้วงไปเฮือกหนึ่งเมื่อเจ้าตัวโฉบเข้ามาอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
“งั่ม!”
“โอ๊ะ!!” “ของจริงหรอกเรอะ!?”
สามภพแทบทำคิ้วพุ่งหลุดออกจากหน้าผาก นี่มันหมายความอะไร(วะ)!? จมูกเขายังเจ็บอยู่เลย!
คิมหันต์อ้าปากจากที่งับลงมาบนดั้งจมูกเขา ถอนใบหน้าตัวเองออกไปพร้อมสายตาข้องใจสุดฤทธิ์ เอานิ้วลูบ ๆ แถวรอยกัดที่ฝากไว้บนดั้งคนอื่นโดยปราศจากการขออนุญาต สาเหตุเพียงเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยของตัวเองที่อยู่ ๆ ก็เกิดนึกอยากรู้ขึ้นมาว่าจมูกโด่ง ๆ ของสามภพนั้นเป็นของแท้แม่ให้มาหรือได้จากศัลยแพทย์ตกแต่งฝีมือดีสักคน
“มันเขี้ยวจมูก” ไอ้แสบยิ้มเกรียน แก้ตัวชนิดเอาสีข้างถูเลือดซิบ ยิงฟันใส่เขาอย่างน่าจับเหวี่ยงลงเตียง “นึกว่าทำมาซะอีก โด่งเกิ๊น”
“เล่นไม่เป็นเรื่อง” เขาแกล้งเอ่ยเสียงเย็น “เดี๋ยวจับปล้ำแม่ง”
คิมหันต์ทำปากจู๋ เลิกคิ้วท้าทายแล้วแค่นหัวเราะแบบคนถือไพ่เหนือกว่า “พี่ไม่ทำงั้นหรอก”
“รู้ได้ไง”
“พี่สัญญากับผมแล้ว” เด็กหนุ่มยิ้มร่า ก้มลงล็อคคอเขาไว้แล้วโยกไปมาอย่างได้ใจ “จะเป็นอาเฮียต้องรักษาสัญญาดิ...มีแต่ผมที่ฟัดพี่ได้ ฮ่า ๆ”
สามภพย่นคิ้ว หลังจากนั้นก็พ่นลมออกจมูกอย่างอ่อนใจ ตรรกะของคิมหันต์ประหลาดดีพิลึก เกาะแกะคนอื่นอย่างเป็นธรรมชาติ อยากกอดอยากงับก็ทำไปเรื่อยเปื่อย (แถมยังดูชอบใจมากเสียด้วย) แต่กลับไม่ยอมให้ตัวเองโดนบ้าง ก่อนหน้านี้แค่ดึงมากอดก็ออกอาการเขินจะเป็นจะตาย แล้วดูตอนนี้เข้าสิ ทำเป็นกอดรัดฟัดเหวี่ยงเหมือนพิศวาสกันมาเนิ่นนาน
“เอาเลย ฟัดให้พอ” เขาส่ายหน้า แม้ทำได้ไม่ค่อยถนัดเพราะแขนที่พาดอยู่รอบต้นคอ เอาศอกค้ำพื้นเพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งโดยมีปลิงหัวทองตามเกาะไม่ปล่อย
“เฮียเพี้ยนเหมือนหมาเลยว่ะ” เด็กหนุ่มบ่นหงุงหงิงกับท้ายทอยเขา
“เดี๊ยะ!”
“ตัวแม่งใหญ่ กอดเต็มไม้เต็มมือ”
ตั้งใจจะสวนสักหน่อย แต่พอได้ยินอย่างนั้นแล้วก็เถียงต่อไม่ออก กลับรู้สึกว่าทั้งขำทั้งน่าเอ็นดูมากกว่าเสียอย่างนั้น มือใหญ่เอื้อมไปขยุ้มเบา ๆ ที่กลุ่มผมสีทองด้านหลัง ตระหนักขึ้นมาอีกอย่างว่าคิมหันต์นอกจากจะเกรียนแล้วก็ยังขี้อ้อนน่าดู
“ยังทำอย่างนี้กับทุกคนหรือเปล่า”
แรงรัดจากแขนของคนข้างหลังคลายลงเล็กน้อย คิมหันต์ยื่นหน้าข้ามไหล่เขามาจ้องเขม็งจากข้างแก้ม หรี่ตาพร้อมกับเลิกคิ้วข้างเดียวด้วยมาดกวน ๆ ก่อนจะตอบชัดถ้อยชัดคำ
“แหงสิ”
บางทีก็ชัดถ้อยชัดคำเกินไปหน่อย “คิดว่าของพี่เป็นกรณีพิเศษหรือ?” เด็กหนุ่มโคลงศีรษะ “ไม่เอาน่า เข้าข้างตัวเองเกินไปแล้ว”
“.....”
“อ้าว..ช็อคเลย” คิมหันต์หัวเราะ ปล่อยมือออกจากสามภพแล้วผลักชายหนุ่มออกห่าง ลุกขึ้นจัดชายเสื้อให้เรียบร้อยแล้วหันหลังกลับไปนั่งที่โต๊ะหนังสือตัวเอง “มานานแล้ว พี่กลับเหอะ”
น่าแปลกที่พูดไปคิมหันต์ก็ใจหวิว ๆ เอง แถมสามภพยังไม่เถียงอะไรสักคำยิ่งทำให้บรรยากาศชวนกระอักกระอ่วน
“งอนหรือ?”
สามภพลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเอาคนถามชักนั่งไม่ติดที่ หมุนเก้าอี้มาทางเขาแล้วชะเง้อตามอย่างลังเลจนเขาเดินไปหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง
“เฮ่ย ๆ งอนจริงดิ” สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ร้องท้วงขึ้นเมื่อเขาปีนขึ้นไปนั่งคร่อมบนขอบวงกบ “แก่แล้วขี้ใจน้อยไม่ไหวนะเฮีย”
ชายหนุ่มเหลือบมองด้วยหางตา จากนั้นก็เหวี่ยงขาอีกข้างข้ามตามไป ไม่ปริปากอะไรออกมาสักพยางค์เดียว
“ตกลงไปตายผมไม่เก็บศพนะเว้ย” พอแซวไม่ฟังคิมหันต์ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นขู่ “ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ว่าลอบปีนขึ้นบ้านคนอื่นแล้วหล่นม่องเท่งนี่โคตรจะไม่เท่เลย”
เด็กหนุ่มหรี่ตา ลุกจากเก้าอี้มายืนเก้ ๆ กัง ๆ รู้ตัวอีกทีขาก็พาตัวเองเดินตามมาหยุดอยู่ที่ขอบหน้าต่างที่สามภพนั่งห้อยขาออกไปด้านนอก นี่โกรธจริงหรือ? เห็นอย่างนี้เขาก็ออกจะรักษาสัญญา ตั้งแต่ตกลงกันหลังกลับจากเที่ยวก็ไม่เคยไปเกาะแกะคนอื่นเลยสักครั้ง ขนาดกับปิ่นหยกยังไม่ฟัดกันนัวเนีย(ความจริงคือปกติเขาเป็นฝ่ายฟัดเอง)เหมือนเมื่อก่อน คันไม้คันมือแทบแย่ ล้อเล่นหน่อยเดียวโดนงอนใส่เสียอย่างนั้น
“ไม่ได้ไปลวนลามใครตั้งแต่วันนั้นเลยนะ” คิมหันต์บ่นงึมงำกับแผ่นหลังกว้าง ไม่ได้รู้เรื่องสักนิดว่าคนที่นั่งหันหน้าออกไปด้านนอกฉีกยิ้มยาวเหยียดแทบถึงใบหูแล้ว “เห็นงี้ผมก็รักษาสัญญานะเว้ย ล้อเล่นแค่นี้ทำงอนแต๋วแตกไปได้!”
สามภพพยายามกลั้นยิ้ม ปั้นเสียงเย็นเฉียบสุดความสามารถ “แล้วไง”
“....”
“ถ้าไม่มีอะไรงั้—”
“สอนการบ้านผมก่อน!”
โดนคิมหันต์สวนมาทันควันตั้งแต่ยังพูดไม่จบเลยทีเดียว กำลังคิดว่าจะแกล้งอะไรต่อก็มีมือดียื่นมาจากด้านหลัง คว้าเอวเขาหมับ จากนั้นก็ออกแรงกระชากรุนแรงแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
“เฮ่ย!?” ชายหนุ่มเบิกตากว้าง เผลอการ์ดตกขณะโดนดึงกะทันหันเช่นนี้ทำเอาหงายหลัง โชคดีที่ด้านหลังคือพื้นห้องไม่ใช่ตกออกไปนอกตัวบ้าน และอาจเรียกกว่าโชคดีกว่านั้นที่ก่อนถึงพื้นห้องก็มีคิมหันต์คั่นกลางอยู่ เสียงตึงตังดังลั่นและเขามั่นใจว่ามันต้องไปถึงหูพี่สาวคนโตของบ้านเป็นแน่
“ครีม!?” นั่นปะไร
“ผมลื่นล้มอ้ะ!” คราวนี้เจ้าของห้องตอบรับตั้งแต่ยังไม่ทันได้รับคำถาม “ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ว่านายตั้งใจจะทำอะไรอยู่” เสียงวัสสานะดังออกมาจากข้างนอก “แต่เจ้สั่งให้หยุดพยายามพังบ้านได้แล้วเข้าใจ๊!?”
คิมหันต์อยากต่อล้อต่อเถียงใจจะขาด แต่ก็เกรงว่าพูดมากกว่านี้อาจเรียกน้ำโหพาให้เจ้ใหญ่ของเขาเกิดอยากเข้าตรวจเยี่ยมสภาพห้องขึ้นมา แล้วเดี๋ยวจะได้งานเข้าโดยใช่เหตุ ตัดสินใจหลับหูหลับตาร้อง “ครับ” ออกไปอย่างว่านอนสอนง่ายเพื่อจบประเด็น ได้ยินเสียงเธอแว่วมาว่า “ซุ่มซ่ามจริง ๆ” ก่อนทุกอย่างจะกลับสู่ความสงบ
เด็กหนุ่มครางแง่ง ๆ อยู่ในลำคอแล้วพยายามดึงตัวเองออกจากใต้ท่อนขาสามภพซึ่งพาดอยู่อย่างทุลักทุเล หนักเป็นท่อนซุงเลยเชียว ลุกขึ้นได้แล้วก็เอาเท้าเขี่ย ๆ ด้วยความหมั่นไส้พร้อมกับเบ้ปาก เหมือนจะลืมนึกไปแล้วว่าเป็นฝ่ายดึงเอวคนตรงหน้าเข้ามาเอง
“สร้างปัญหาจริง ๆ เลย" เขาบ่นแต่ไม่ยอมสบตาคู่กรณี "มาช่วยผมทำการบ้านไถ่โทษนี่แล้วค่อยกลับ!”
สามภพมองตามมือเด็กหนุ่มซึ่งเลื่อนไปเกาท้ายทอยบ้าง เกาหูบ้าง พยายามกลบเกลื่อนอาการเก้อเขินเต็มที่ และฝ่ายเขาเองก็ต้องหนักแน่นไม่น้อยเช่นกันในการบังคับตัวเองไม่ให้ฉีกยิ้มออกมา
เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เอ็นที่เข่าลั่นกร๊อบคล้ายอยากโอดครวญ สะบัดขาไปมาแล้วเดินตามไปนั่งบนขอบโต๊ะที่คิมหันต์ก้มหน้าก้มตาไปประจำที่อยู่บนเก้าอี้ก่อนแล้ว
“ตกลงว่าไงนะ” เขาเผลอหลุดรอยยิ้มกริ่มออกมาจนได้ “เมื่อกี้บอกว่าไม่ได้ไปเกาะแกะใครแล้ว?”
คิมหันต์ค้อนใส่เขายกใหญ่ ท่าทางคงเริ่มจับได้แล้วว่าโดนแกล้ง “หูไม่ดีก็ช่างหัวเฮียเพี้ยน”
ชายหนุ่มหัวเราะ ยกมือขึ้นตบเบา ๆ ที่กลางอกตัวเองจากนั้นก็อ้าแขนรับแสดงอาการเชื้อเชิญ “บอกแล้วว่าถ้าอยากลวนลามใครก็มาซบอกเฮียนี่”
แทนที่จะได้รับการโผเข้าใส่ กลับกลายเป็นโดนหลังมือฟาดเข้าบนหน้าท้องเสียได้
“เพ้อเจ้อว่ะ! มาก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ดิ” คิมหันต์ก้มหน้าก้มตาเปิดหนังสือ ใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดงและท่าทางคงร้อนฉ่าน่าดู
สามภพก้มลงไปมองใกล้ ๆ เป่าลมใส่หูจนอีกฝ่ายหดคอหนี “จะสอบเข้าทันตะใช่ไหมปีนี้”
“อือ”
“มาสอบที่มหา’ลัยพี่” เขาสั่ง เลือกใช้เสียงทุ้มต่ำคล้ายกำลังสะกดจิต “สอบให้ติด”
คิมหันต์ทำเครียดใส่ “ที่อื่นมีเยอะแยะ”
“แต่เราก็อยากเข้าที่นั่นอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
เด็กหนุ่มควงปากกาแล้วเสมองไปทางอื่น สามภพจะรู้เรื่องเขาเยอะเกินไปแล้ว “...ก็ตั้งใจไว้ แต่ไม่เกี่ยวกับพี่เข้าใจปะ”
สามภพยิ้มมุมปาก ดักคอมาเชียว แถมยังรีบกำชับเพิ่มอีก
“ผมคิดไว้ตั้งแต่ก่อนเจอพี่แล้ว”
“ครับ ๆ” เขาพยักหน้าเออออพร้อมกับพูดต่อกลั้วหัวเราะ “ไม่ต้องร้อนตัว ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ”
“ไม่ได้หรอก” คิมหันต์เริ่มขูดขีดบางอย่างลงในสมุดแล้วกระตุกชายเสื้อเขาให้ก้มลงไปมอง ลายมือยึกยือเป็นสมการทางฟิสิกส์อยู่บนกระดาษขณะที่เจ้าตัวพูดต่อเป็นการส่งท้าย “เดี๋ยวเฮียหมาบ้าเข้าข้างตัวเองอีก” ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปยังการบ้านที่ทำค้างไว้
มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v