● เล่ห์รักฤดูร้อน ●
ยกที่ 35 – สู้หน้า
คิมหันต์เอื้อมมือมากดปิดเสียงนาฬิกาปลุก ขยี้ตางัวเงียอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจ อากาศตอนเช้ากำลังสบาย เมื่อคืนเขาหลับเพลินทีเดียว แล้วยังรู้สึกเหมือนว่าฝันดีเสียด้วย แต่แย่หน่อยที่จำเหตุการณ์ในความฝันไม่ได้สักนิด
เมื่อคืนโชคดีที่เขาไม่ได้ดื่มไปมากมาย แค่มึน ๆ นิดหน่อย ตื่นมาจึงไม่มีอาการปวดหัวหรือเมาค้างมารบกวนให้หงุดหงิด เขาแหกปากร้องเพลงเริงรื่นในหมู่เพื่อนฝูง แล้วยังกินอิ่มจนพุงกาง อาหารฝีมือเอมจิตก็สุดยอดอย่างทุกที จนงานเลิกโน่นจึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้—!?
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อความทรงจำที่ควรเป็นขั้นเป็นตอนอย่างที่ผ่านมาเกิดอาการสะดุด
เมื่อคืนเขาขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านหรือ? ไม่ใช่สักหน่อย “แล้วกลับมาไงวะ”
คิมหันต์พึมพำเสียงเบาหวิว ริมฝีปากสั่นระริกเมื่อสมองกำลังพยายามฉายซ้ำภาพเหตุการณ์บางอย่างขึ้นมา
เมื่อคืนนี้เขาเดินออกมาจากร้านเค้กทานตะวัน และเจอสามภพ...ใช่แล้ว...เจอสามภพรออยู่ข้างหน้า เจอปุ๊บเขาก็จัดการกระโดดกอดหมับแล้วตามอีกฝ่ายขึ้นรถมาอย่างว่าง่าย เสียงเพลงจากนักร้องเกาหลีวงโปรดยังลอยอยู่ในหัว เขาฟังเพลงพวกนั้นมาตลอดทางพร้อมกับฮัมตามไปด้วย เพลินสุด ๆ จนกระทั่งรถของสามภพมาจอดสนิทอยู่หน้าบ้านเขา...จากนั้นก็...
...ก็..... “ฉิบหายแล้....” คิมหันต์หน้าซีดเผือด จะสบถให้จบประโยคยังทำไม่ได้ หัวใจร่วงไปกลิ้งหล่นอยู่ใต้เตียง พร้อมกับที่รู้สึกราวกับอุณหภูมิเลือดในร่างกายเข้าใกล้จุดเยือกแข็ง แต่ใบหน้ากลับร้อนฉ่าจนใกล้ระเบิดออกมาเต็มที ขณะที่เหตุการณ์น่าอับอายก็ค่อย ๆ ย้อนกับมาทีละฉาก ซึ่งยิ่งคิดก็มีแต่จะยิ่งทำให้ขายหน้ากับพฤติกรรมตัวเองแทบแทรกแผ่นดินหนี
“..ก..ก็ว่าไม่เมา” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปิดหน้า มืออีกข้างกำอกเสื้อแน่น ขดตัวแทบเป็นก้อนกลมอยู่บนเตียง “แล้วแม่งทำอะไรลงไปวะเนี่ย”
ประเด็นสำคัญคือเขาเป็นคนเริ่มเองทั้งหมดด้วย อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะไม่ห้าม แล้วไอ้การที่เขาไปเซ้าซี้อะไรประหลาดทั้งหลายแหล่กับสามภพนั่นอีก ชาตินี้จะกล้ามองหน้าไหมยังไม่อยากคิดเลยจริง ๆ
เขาขยี้ผมตัวเองจนยุ่ง รู้สึกเหมือนยังมีอะไรค้างคาที่นึกไม่ออก นอกจากเรื่องไปปล้ำจูบชายหนุ่มแล้วยังกระแซะให้กอดให้รัก ราวกับว่ามีเรื่องมากกว่านั้นที่ยังถูกกลบ ๆ อยู่ในความทรงจำกระท่อนกระแท่น ตอนเขาพยายามถอดเสื้อสามภพ...กับเข็มขัด แล้วก็....
“เฮ้ยยยย..!” คิมหันต์ถึงกับร้องเสียงหลง ขนลุกเกรียวทั่วร่าง รู้สึกเหมือนกำลังจะตัวระเบิดออกมาให้ได้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้
เขาจับ...ไอ้นั่น...จับไปแล้ว จับเต็มไม้เต็มมือเลยด้วย! สามภพน้อยร้อน ๆ ที่เขาล้วงเข้าไปหาเองกับมือ ก่อนจะโดนโยนออกนอกรถแล้วผลักเข้าบ้าน
“ไอ้เชี่ยย!” เด็กหนุ่มลนลานจนไม่อาจอยู่เฉยได้ รีบเอามือเช็ดถูกับกางเกงสุดชีวิตแม้ว่าตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรติดอยู่ คลานเปะปะลงจากเตียงแล้วสะดุดผ้าห่มหัวทิ่ม หน้าร้อนวูบวาบจนทำตัวไม่ถูก ลงมาทรุดอยู่บนพื้นเงอะงะอยู่ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงเตือนข้อความแชตจากโทรศัพท์ดังขึ้น
ตะดึ๊ง! คิมหันต์สะดุ้งสุดตัว แทบสติหลุดกับแค่เสียงร้องเบา ๆ จากเครื่องมือสื่อสาร เด็กหนุ่มเอื้อมมือสั่นเทาไปหยิบมันขึ้นมาด้วยอาการหวาดระแวง กดดูข้อความแล้วก็เกิดมือไม้อ่อนเกือบปล่อยโทรศัพท์ร่วง ตัวหนังสือเหล่านั้นถูกส่งมาจากคู่กรณีในเหตุการณ์เมื่อคืนนั่นเอง
‘หายเมายัง’ เป็นคำถามสั้น ๆ ที่มีผลเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและปริมาณเลือดซึ่งถูกสูบฉีดไปทั่วร่างอย่างไม่น่าเชื่อ
ตะดึ๊ง!
‘มอไซค์ยังอยู่ร้านเค้ก? เดี๋ยวเช้านี้จะรับไปส่งโรงเรียน’ คิมหันต์รีบเหวี่ยงมือถือกระเด็นลงบนฟูก ทำราวกับมันเป็นของร้อนจนไม่อาจถือไว้ได้ กระโจนออกห่างพร้อมกับดวงตาเบิกกว้าง สามภพบอกจะมาที่นี่ตอนเช้า ช่างกล้าโผล่หน้ามาได้อย่างไร ไม่คิดว่าเขาจะรู้สึกอยากซุกอยู่เงียบ ๆ หลังเหตุการณ์สยิวสยองเหล่านั้นบ้างเลยหรือ
ตะดึ๊ง! เด็กหนุ่มแทบร่วงลงไปกองกับพื้นเมื่อได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง เขาหายใจติดขัดไปหมดแล้ว ตัดสินชะเง้อไปกดดูข้อความพร้อมกับพยายามสงบสติอารมณ์ไปด้วย แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถสั่งมือตัวเองให้นิ่งได้เลย
‘7:45 เจอกัน’ คิมหันต์ส่ายหน้าอย่างจิตหลุด สามภพบ้าไปแล้ว ยังจะมาอีกหรือ ใจคอจะไม่เว้นช่วงเลยรึไง เขาหลับหูหลับตาเขี่ยโทรศัพท์กลิ้งไปคว่ำหน้าบนเตียง จากนั้นก็รีบถอยออกมาจากตรงนั้นเป็นการด่วน คว้าผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำเหมือนกลัวว่าหากอยู่ตรงนั้นต่อไป ต้องโดนรังสีอะไรบางอย่างจากมือถือจนหัวใจระเบิดคาอกแน่ ๆ
กว่าเด็กหนุ่มจะแต่งตัวกินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็เกือบถึงเวลาที่สามภพบอกไว้ วัสสานะทำหน้าประหลาดใจนิดหน่อยเมื่อเขาบอกว่าทิ้งมอเตอร์ไซค์ไว้ที่หอพักปิ่นหยกเมื่อคืนนี้ แต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยเมื่อเขาแก้ต่างว่าคนจากร้านเค้กขับรถมาส่งเพราะเป็นห่วง ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของเขาตอนนี้คือประเป๋าสตางค์หายไป คาดว่าคงหล่นอยู่ในรถสามภพเมื่อคืนนี้เป็นแน่
คิมหันต์กัดริมฝีปากครุ่นคิดอย่างหนัก วัสสานะบอกว่าจะไปส่งเขาที่โรงเรียนเองวันนี้ แต่เขายังไม่ได้บอกเธอเรื่องกระเป๋าสตางค์ติดรถคนอื่นไปเรียบร้อยแล้ว เงินค่าขนมสำหรับทั้งสัปดาห์อยู่ในนั้น รวมทั้งบรรดาบัตรทั้งหมดของเขา แล้วก็...ถุงยางด้วย
“ครีม ใกล้เสร็จหรือยัง เดี๋ยวเจ้ต้องกลับมาเตรียมของไปทำงานอีก” วัสสานะร้องเรียก “ยังไงกันนะเรา เอามอเตอร์ไซค์ไปทิ้งไว้ซะได้ แล้วตอนเย็นจะกลับเองได้ไหม?”
“เดี๋ยวตอนเย็นผมติดรถเพื่อนไปเอามอเตอร์ไซค์ที่ร้านเค้กก็ได้”
หญิงสาวส่ายหน้าอ่อนใจ “ไปได้ใช่ไหม? จะให้เจ้ไปรับก็บอก”
“ได้น่า” เขาพึมพำ รีบหิ้วกระเป๋าหนังสือขึ้นสะพายไหล่ ตอนนี้สามภพยังไม่มา เขาควรรีบออกจากบ้านก่อนจะมาจะเอ๋กันเข้า แต่วัสสานะทั้งที่เป็นคนเร่งเขาแท้ ๆ กลับนวยนาดอยู่นั่น “เจ้เสร็จยังอ้ะ เดี๋ยวผมไปเรียนสาย”
“จ้ะ ๆ เจ้าตัวแสบ ถ้านายจะบอกเจ้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าเช้านี้ให้ไปส่งน่ะ!”
คิมหันต์จ๋อยลงนิดหน่อย ขืนบอกไปวัสสานะก็รู้หมดสิว่าเขากลับบ้านดึกขนาดนั้น พอเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแย่และไม่เป็นผลดีกับตัวเองก็เดินเข้าไปอ้อนเป็นเด็กน้อย
“ปะ ๆ เจ้ใหญ่คนสวย เดี๋ยวผมเปิดปิดประตูรั้วให้”
หญิงสาวส่ายหน้าอ่อนใจ เจอลูกอ้อนของพ่อน้องชายคนเล็กทีไรก็ใจอ่อนทุกที
คิมหันต์ผลักประตูรั้วบ้านเปิด เหลือบมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่ายังไม่ถึงเจ็ดโมงสี่สิบห้านาที เช้านี้ไม่น่ามีปัญหา เขาคงพอเอาตัวรอดไปได้อีกวัน ให้เจอหน้าสามภพวันนี้ใครจะไปทำหน้าถูก อย่างน้อยก็เว้นระยะให้เขาได้หายใจหายคอบ้าง
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือก รอให้เจ้ใหญ่ของเขาเอารถออกพ้นเขตบ้าน จากนั้นพอเขาปิดประตูรั้วไปขึ้นรถ ก็ไม่มีอะไรน่า....ห่วง....แล้ว....
แล้วไอ้วีออสสีบรอนซ์ทองนั่นมาโผล่ได้ไงวะ!? เขาเกือบแหกปากออกมาแต่ยังพอรู้จักระงับอารมณ์ตัวเองได้บ้าง ซึ่งก็ได้แค่ระงับอาการภายนอก แต่ในใจปั่นป่วนไปหมดแล้ว
เจ้าของรถปริศนาที่จอดหลบอยู่หลังกำแพงรั้วบ้านเดินตรงเข้ามาหาวัสสานะ ทำท่าเหมือนจะกล่าวทักทายและคุยอะไรบางอย่างกับเจ้าบ้านสาวซึ่งเขาไม่ได้ยินจากตรงนี้ แต่ครั้นจะให้แจ้นเข้าไปฟังใกล้ ๆ ใจก็คอยจะเต้นโครมคราม ตั้งใจหลบหน้าแท้ ๆ แล้วให้เอาความกล้าที่ไหนวิ่งเข้าใส่ ได้แต่ยืนทำหน้าร้อนฉ่าอยู่ข้างประตู ก่อนที่วัสสานะจะเป็นฝ่ายขับรถกลับเข้าบ้านโดยเขาได้แต่ยืนงง
พาหนะสีขาวของพี่สาวเคลื่อนตัวผ่านรั้วเข้ามาช้า ๆ แล้วจอดอยู่ตรงหน้าเขา กระจกรถค่อย ๆ เลื่อนลงให้เธอได้โผล่หน้าออกมาร้องเรียก
“..ครีม”
คุณพี่สาวที่รักส่งเสียงหวานมาเชียว ซึ่งครั้งนี้นับว่าเป็นสัญญาณไม่ค่อยนักสำหรับเขา
“เจ้รีบออกรถดิ! ขับกลับมาทำไม” เขาท้วงเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะเก็บรถเข้าบ้าน รีบอ้างเรื่องเรียนขึ้นมาเรียกร้องความเห็นใจ “เดี๋ยวผมไปเรียนสาย”
หญิงสาวส่ายหน้าใส่ ท่าทางติดจะระอาใจนิดหน่อย ถามกลับมาตามที่เธอได้ยินจากผู้มาเยือน “นัดกับพี่ภพไว้แล้วทำไมไม่บอกเจ้ หืม?”
คำพูดว่าเขาเปล่านัดคล้ายจะติดอยู่ที่ปาก สามภพพูดเองเออเองทั้งนั้น เขาเหลือบมองชายหนุ่มที่ยืนโบกมือให้ด้วยท่วงท่าสบายใจอยู่ข้างนอกแล้วก็เกิดอาการหน้าร้อนวาบขึ้นมาอีก แล้วสภาพแบบนี้จะให้ไปด้วยกันได้อย่างไร(วะ!?)
“ไปส่งผมหน่อย...นะ...ไปเถอะ” คิมหันต์ครางเสียงอ่อน แต่วัสสานะเอารถกลับไปจอดที่เดิมพร้อมกับดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว
“เจ้ต้องเตรียมของไปที่ร้าน นี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
“เจ้ผิดสัญญากับผมอ้ะ” เด็กหนุ่มประท้วง แทบจะลงไปกอดแข้งกอดขาพี่สาวที่เพิ่งเดินลงมาจากรถ
“เอ๊ะเจ้ไปสัญญากับเราตอนไหนนะ” เธอกอดอกมองหน้าเขา จากนั้นก็โคลงศีรษะไปมา “แล้วที่เราไปสัญญากับพี่ภพว่านัดกันเช้านี้แต่มาตะแง้ว ๆ ให้เจ้ไปส่งนี่ไม่เรียกผิดสัญญาหรือ?”
คิมหันต์ถึงกับพูดไม่ออก ไม่นึกว่าจะโดนสวนมาแบบนี้ หากเป็นเวลาปกติหรือเรื่องคนอื่นเขาคงมีแก่ใจหาข้ออ้างที่ฟังเข้าท่าสักอย่างมางัดข้อกับพี่สาว แต่กับเฮียเพี้ยนร่างใหญ่ที่ยืนรอยู่หน้ารั้วบ้าน แค่ได้ยินชื่อตอนนี้เขาก็วิตกจริตจนใจสั่นระรัวไปหมดแล้ว
“...ไม่ไปส่งผมจริงดิ..”
เขาลองพยายามครั้งสุดท้าย ส่งสายตาออดอ้อนสุดชีวิต แต่พี่สาวกลับทำเหมือนจะรู้ทันเสียนี่ เธอเลี่ยงการสบตาเขาอย่างเห็นได้ชัด กระนั้นก็ยังมีรอยยิ้มขบขันอยู่บนใบหน้า (นี่มันไม่ขำเลย!) ก่อนจะก้าวขาฉับ ๆ เข้าบ้านจัดการธุระของตัวเอง
คิมหันต์อยากนั่งลงคร่ำครวญตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด วัสสานะช่างทำกับเขาได้ลงคอ เขาระบายลมหายใจพร้อมกับส่งเสียงกึ่งสะอื้นปนสะอึก ตั้งใจจะหันกลับไปมองว่าสามภพอยู่ไหนแล้ว ก็ต้องตกใจจนสะดุ้งสุดตัวเมื่อพบว่าอีกฝ่ายโผล่มาอยู่ใกล้กว่าที่คิด เผลอแผล็บเดียวมายืนซ้อนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“หายเมายังเรา” เป็นคำแรกที่สามภพเอ่ยทักพร้อมร้อยยิ้มที่มุมปาก
“....ฮ...เฮีย..เพี้—” ได้แค่นั้นแล้วก็เงียบไป เขาพูดไม่จบคำอีกแล้ว
“ฮื้อออ!” และครั้งนี้ถึงกับลงไปนั่งยองเอาหน้าซุกเข่า เกินกำลังจะทนมองสามภพตรง ๆ ได้อีก ใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดงแจ๋พร้อมกับร้องโอดครวญออกมาอย่างน่าสงสาร “...ทำไมวะ!”
ก่อนจะโดนลากขึ้นรถทั้งที่ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มสักแอะนั่นเอง บนรถคันเดิม ตำแหน่งเดิม เพลงก็จากซีดีแผ่นเดิม (สามภพช่างขยันมาเปิดเพลงเกาหลีให้เขาฟังเหลือเกินช่วงนี้) คิมหันต์นั่งขดเป็นก้อนอะไรสักอย่างที่มีกระจุกทอง ๆ โผล่ออกมาด้านบน และยังทุบสถิติทำหูแดงนานที่สุดตั้งแต่สามภพเคยเห็นมาเลยทีเดียว
ชายหนุ่มเหลือบมองก้อนจุมปุ๊กบนเบาะนั่งข้างคนขับ แล้วก็ต้องส่ายหน้าน้อย ๆ ออกมาอย่างนึกขัน คิมหันต์สงบปากสงบคำอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วก็เขินได้น่าเอ็นดูปนน่าแกล้งได้อย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน
“คิม”
...
เงียบ.. “นี่ไอ้ตี๋”
...
ยังคงเงียบสนิท สามภพหัวเราะเบา ๆ แอบเอานิ้วไปเขี่ยใบหูแดง ๆ ของเด็กหนุ่มเล่น เจ้าตัวส่งเสียงครางฮือออกมาแล้วรีบขยับหนีไปติดประตูรถโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสักนิด
“ลืมเอาปากมาหรือ?”
คิมหันต์ไม่เถียงสักคำ ซึ่งนั่นผิดวิสัยเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็พอจะเข้าใจอยู่ แม้จะสงสัยว่าเรื่องเมื่อวานทำไอ้ตัวแสบเขินได้ขนาดนี้เชียว เห็นพฤติกรรมแล้วมันน่าจับเอาเหล้ากรอกปากนัก แต่คงต้องรอให้หมดสัญญาก่อน ไม่เช่นนั้นอาจเป็นเขาเองที่งานเข้า
“ไม่ยักรู้ว่าเป็นเด็กขี้อาย” ชายหนุ่มกระเซ้าอย่างได้ที เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ต่อปากต่อคำก็แซวไปเรื่อย “เมื่อวานงี้อ้อนเป็นลูกหมา จูบยังไม่เป็นเลยเด็กน้อย”
“....”
“ถ้าจะขี้อ้อนอย่างนี้ก็ยกเลิกสัญญากันเลยดีกว่า เดี๋ยวสอนจูบแบบเจ๋ง ๆ ให้”
"....."
"แต่ถ้าอยากได้มากกว่านั้นก็บอก" ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม "เรามีถุงยางด้วยนี่?"
“ว้ากกกกกก!” คิมหันต์ทนอยู่นิ่งไม่ไหวในที่สุด โวยวายออกมาจนได้อย่างเหลืออด “เงียบเดี๋ยวนี้เลยเฮียเพี้ยน!”
สามภพประหลาดใจกับเสียงตะโกนเพียงอยู่แวบเดียว ก็เปลี่ยนเป็นเหลือบมองด้วยความเอ็นดู ไอ้ตัวแสบยอมเงยหน้าขึ้นมาแล้ว สีบนแก้มก็แบบเดียวกับบนใบหูนั่นเอง ท่าทางคงร้อนมากแหง ๆ
“ก็เอาปากมาด้วยนี่นา”
ว่าแล้วก็หัวเราะเบา ๆ เสียงทุ้มต่ำทำเอาคนฟังยิ่งใกล้สติแตก
“...พ..พี่แม่ง...พี่อะนะ....พี่อะ..!” คิมหันต์ตะกุกตะกัก หันไปตั้งท่าจะเอาเรื่องชายหนุ่มเต็มที่ แต่ปากกลับขยับไม่ออกเสียอย่างนั้น จะพูดอะไรต่อหัวยังตื้อไปหมด จังหวะเดียวกับที่รถเลียบจอดลงช้า ๆ ตรงหน้าประตูโรงเรียน และสามภพหันมามองหน้าเขานิ่ง
ก่อนจะรอยยิ้มละมุนจะวาดขึ้นบนริมฝีปากชายหนุ่ม
“พี่ทำไมหรือ..?”
ตุบ.. อะไรบางอย่างในอกส่งเสียงประท้วง จากเดิมที่เรียบเรียงคำพูดไม่ถูกอยู่แล้ว คราวนี้เด็กหนุ่มแทบลืมภาษาไปเลย ริมฝีปากสั่น ๆ ส่งเสียงได้เพียงพยางค์สั้น ๆ ที่ฟังไม่ออกว่าพูดอะไร และนั่นมีแต่จะทำให้สามภพยิ่งคลี่ยิ้มกว้าง
คิมหันต์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายให้ได้เลย
“...ม....ไม่เอา..แล้ว” ในที่สุดก็ออกมาเป็นคำจนได้ แต่ก็ทั้งสั่นและเบาจนต้องเงี่ยหูฟังดี ๆ จึงได้ยิน ผิวหน้าแดงซ่านไปหมดจนสามภพแทบลืมสีผิวขาว ๆ แบบเดิมของคิมหันต์ไปแล้ว ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรต่อเด็กหนุ่มก็หันไปวุ่นวายกับประตูดังกุกกัก ก่อนจะผลักมันเปิดออกอย่างแรงแล้วเตรียมจะถลาออกไป
แต่ไม่เร็วไปกว่ามือเขาที่ยื่นไปคว้าแขนคิมหันต์ไว้ได้ก่อน “!?” เด็กหนุ่มชะงักงัน ก่อนจะถูกดึงตัวลอยกลับมานั่งที่เบาะ แม้อยากยียวนกวนอวัยวะเบื้องต่ำอย่างเคยเพียงใดก็ยังไม่กล้าหันไปมองคู่กรณีที่เอี้ยวตัวมาหา ถ้าหันไปเจอหน้าเข้าตอนนี้เขาต้องตายจริงแน่ ๆ
“...อ..อะไรอีกวะ!?”
เขาหลับตาปี๋ ร้องถามเสียงสั่น ไม่เหลือฟอร์มให้รักษาแล้ววันนี้ ได้ยินสามภพหัวเราะด้วยโทนเสียงต่ำ ๆ เรียกเลือดลมให้ขึ้นมาไหลเวียนกันบ้าคลั่งบนใบหน้าอีกแล้ว
“มีตังค์กินขนมหรือ?”
คิมหันต์ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดถึงความหมายในประโยคนั้น แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ากระเป๋าสตางค์เขาซึ่งมีเงินที่ได้เป็นรายสัปดาห์จากพี่สาวน่าจะหล่นอยู่บนรถคันนี้ตั้งแต่เมื่อคืน
“เอ้า..นี่”
สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ของที่เขาลืมทิ้งไว้ก็ลอยข้ามศีรษะจากด้านหลังมาหล่นตุบอยู่บนตัก กางแผ่หงายอยู่ต่อหน้า มัวแต่อับอายจนเกือบลืมมันไปแล้วจริง ๆ
“เดี๋ยวก็ไม่ได้กินข้าวเที่ยงหรอก” สามภพพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่อให้ไม่ต้องหันไปมองก็ยังเดาออกว่าต้องกำลังยิ้มอยู่แน่ มันน่าหงุดหงิดที่เป็นแค่เฮียหมาบ้าแท้ ๆ จะมาแจกยิ้มอะไรเรี่ยราดกัน แล้วยังมีหน้ามาว่าเขาอีก “ตัวยิ่งผอมกะหร่อง”
“ยุ่ง!” เขาสะบัดแขน เตรียมถลาลงจากรถอีกครั้ง
“ไม่คิดจะเช็คของก่อนรึไง?”
เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ย รู้สึกแย่จริงที่ตัวเองประมาทได้ขนาดนี้ ก้มลงเปิดกระเป๋าดูลวก ๆ อย่างเสียมิได้ ไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่อสักแม้แต่วินาทีเดียว แต่ให้หนีไปเช็คดูที่อื่น เกิดสามภพเอาอะไรไปเดี๋ยวจะไม่ได้คืนอีก
เขาเม้มปากแน่น รีบรื้อดูทีละช่องพลางนึกว่าของเดิมมีอะไรอยู่บ้าง เงินครบ บัตรครบ คูปองส่วนลดก็ยังอยู่ มีกระทั่งใบเสร็จจากร้านสะดวกซื้อที่ลืมทิ้ง กระดาษทิชชูเปื่อย ๆ ซึ่งซุกไว้นานแล้วยังอยู่ที่เดิมเลยด้วยซ้ำ ว่าแต่เหมือนมีอะไรสักอย่างหายไป...อะไรกันนะ..?
“ถุงยางพี่ยึดไว้แล้ว”
ใช่แล้ว! ถุงยาง! และความคิดถึงของสิ่งนั้นก็เรียกความทรงจำเมื่อคืนกลับมาชัดเจนอีกรอบ ซึ่งนั่นไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากจะทำให้ยิ่งอารมณ์ปั่นป่วนและขายหน้าหนักขึ้นเท่านั้น
“อ..เอาไปทำอะไร” เขาถามโดยยังไม่หันกลับไปมองหน้า ถ้าไม่เห็นกันก็ยังพอพูดเป็นภาษามนุษย์ได้บ้าง “ไม่มีเงินซื้อเองหรือไง”
อะไรบางอย่างวางแหมะลงบนศีรษะของเขา จากนั้นก็ขยุ้มเบา ๆ บนเส้นผม เป็นมือของสามภพนั้นเองที่เอื้อมมาแปะเอาไว้
“เผื่อว่าเราเกิดจะหยิบขึ้นมาใช้ แล้วนึกได้ว่าไม่มี.." อีกฝ่ายเอ่ยเสียงนุ่ม ไม่รู้ว่าเป็นอะไรนักหนากันวันนี้ถึงได้ทำตัวใจดี แถมยังยิ้มหน้าบานอยู่เกือบตลอด "จะได้รู้ตัวว่าห้ามไปยุ่งกับใคร”
“พูดบ้าอะไรวะ!?”
“แต่ถ้าอยากใช้ ก็มาหาเฮีย” สามภพหลุดหัวเราะออกมาแผ่วเบา ก่อนจะพูดต่อพร้อมกับยีผมสีทองนุ่มนิ่มของคิมหันต์เล่นอีกครั้ง “เข้าใจไหมครับตี๋น้อย?”
แล้วยังเอานิ้วมาเขี่ยเล่นแถวใบหูเขาอีก!
เสียงออดเรียกเข้าแถวดังแว่วขึ้นมาพอดี คิมหันต์ยกมือขึ้นปิดหน้า พูดอะไรไม่ออกสักคำ หน้าร้อนจนแทบทนไม่ไหว คว้าทั้งกระเป๋าหนังสือและกระเป๋าสตางค์วิ่งออกจากตัวรถไม่คิดชีวิต แต่ยังอุตส่าห์ได้ยินเสียงสามภพร้องตามหลังว่าตอนเย็นจะมารับกลับบ้าน
กลับไปคนเดียวสิว้อย! นั่นเป็นสิ่งที่เขาเถียงอยู่ในใจ แต่เอาเข้าจริงแค่มองหน้ายังไม่ได้เลยนี่สิจะทำอย่างไรดี
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
คิมหันต์เดินส่ายหน้างุ่นง่าน รับไม่ได้อย่างที่สุดกับสภาพตัวเองเมื่อเช้านี้
เขายกมือกุมหน้าผาก พยายามตั้งสติดี ๆ จะหวั่นไหวอะไรนักหนา เหลียวมองรอบห้องจะหาเพื่อนคุยเล่นที่ไว้ใจได้ ปิ่นหยกก็ขาดเรียนอีก อาทิตย์ยังไม่มาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
เด็กหนุ่มสะบัดศีรษะแรง ๆ เขาเพิ่งปฏิเสธคำชวนไปกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนร่วมชั้นด้วยเหตุผลว่าไม่หิว แต่เอาจริง ๆ อาจต้องเรียกว่ากินไม่ลงต่างหาก ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปต้องไม่ดีต่ออนาคตของเขาแน่นอน อะไรช่างดลบันดาลให้เฮียหมาบ้ามาคอยตามเฝ้าเขาเช้าเย็นอย่างนี้ หรือจะเป็นเพราะคำแช่งไร้สาระของปิ่นหยกนั่น ตกลงว่าไอ้เพื่อนเวรเล่นไสยศาสตร์กับเขาหรือเปล่า
พอนึกถึงปิ่นหยกก็เกิดสงสัยขึ้นมาอีก ปกติออกจะเป็นพวกรักเรียนแท้ ๆ วันนี้กลับขาดไปโดยไม่มีการแจ้งลา จะป่วยหรือเป็นอะไรไหม ที่น่าสงสัยหนักคือหายไปคู่พร้อมกับอาทิตย์ด้วยนี่แหละ
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ละเลยตัวเลขแจ้งเตือนข้อความแช็ตจากสามภพไปก่อน ขืนเปิดอ่านตอนนี้คงไม่เหลือสมาธิทำบ้าอะไรได้แล้ว จัดการกดเลือกเบอร์โทรศัพท์ร้านเค้กที่ปิ่นหยกทำงานขึ้นมาแล้วโทรออก จะโทรตามเจ้าตัวโดยตรงก็ไม่ได้เพราะปิ่นหยกไม่มีโทรศัพท์เป็นของตัวเอง เครื่องที่ได้มาจากอันนาก็ไม่ชอบพกอีก
ถือสายรอเพียงไม่นานก็มีเสียงตอบรับจากอีกฝั่ง เป็นเอมจิต ชายหนุ่มเจ้าของร้านผู้เป็นนายจ้างนั่นเองที่กล่าวทักทายกลับมา
“พี่เอม นี่ผมเอง คิมนะ"
"อื้อ..วันนี้มีเรื่องอะไรกับเปล่าอ้ะพี่ ทำไมขาดเรียนกันทั้งไอ้ปิ่นทั้งไอ้อาทิตย์”
"พี่เอมล้อเล่นอะไรแบบนี้.."
เขานิ่งฟังอีกฝ่ายส่งเสียงตอบช้า ๆ ผ่านสัญญาณโทรศัพท์ คิดว่าตัวเองฟังผิดไปจึงถามอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันกลับมาเช่นเดิม เรื่องที่เพิ่งได้รับรู้ทำเขาใจหายวาบ
“...ทำไมล่ะ...”
เสียงเด็กหนุ่มอ่อนระโหย แทบหมดหมดแรงไปตรงนั้น ยากเกินกว่าจะเชื่อว่านี่เป็นความจริง “...ก็วันนั้นผมยังคุยกับน้าเพชรอยู่เลย...เมื่อวานเขาก็ยังโทรมาหาไอ้ปิ่น..”
คิมหันต์เงียบไป ฟังเอมจิตอธิบายเรื่องราวเท่าที่เจ้าตัวรู้ ซึ่งก็ไม่ได้เรียกว่ามากมายนัก และนั่นยิ่งทำให้สถานการณ์ดูแย่กว่าเก่า เขาพยักหน้าน้อย ๆ อย่างเหม่อลอย กลับตาลงทั้งที่หูยังพยายามฟังและจับใจความให้ได้มากที่สุด
"ครับ" เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามถามอะไรที่จำเป็นและพอนึกออกตอนนี้ “..ที่โรง’บาลอะไรหรือพี่เอม?”
เสียงพูดนั้นเบาหวิว ตอนที่กรอกเสียงลงไปก็ยังขาสั่นจนต้องทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้แล้วแนบหูสนิทกับโทรศัพท์เพื่อรอคำตอบ
“..อ้อ..ครับ...แล้วมันเป็นอะไรไหม”
"ครับ.."
“เดี๋ยวผมก็จะไป.."
เด็กหนุ่มบอกลาแล้วกดวางสาย ตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง นึกสงสารเพื่อนรักขึ้นมาจับใจ ทำไมต้องเป็นปิ่นหยกที่สูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าด้วย เจ้านั่นจะอาภัพเกินไปแล้ว
เขายังจำกิ่งเพชรซึ่งเป็นแม่ของปิ่นหยกได้แม่นยำจากครั้งที่ไปพักบ้านเจ้าตัว เธอเป็นผู้หญิงใจดีและขี้เล่น ทำอาหารเก่ง ให้ความเอ็นดูเขาเหมือนเป็นลูกอีกคน บางครั้งยังได้คุยกันทางโทรศัพท์ยามที่เธอโทรมาหาลูกชายที่ร้านเค้กทานตะวัน รู้สึกราวกับเพิ่งได้คุยกันเมื่อไม่นานนี้เท่านั้นเอง แล้วทำไมจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้
“...อึก.." คิมหันต์ยกมือขึ้นขยี้ตา ตรงนั้นร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มองทิวทัศน์นอกหน้าต่างไม่ค่อยชัดเหมือนมีม่านมัว ๆ อะไรขวางอยู่อีก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย
และเป็นเรื่องน่าแปลกเหลือเกิน เมื่อสายถัดไปที่เขากดโทรออกโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กลับเป็นเบอร์โทรศัพท์ของสามภพ
- หมดยกที่ 35 -
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
กลับมาแล้วค่า ^o^
ไม่ดราม่านะคะ ไม่ต้องตกใจ แต่เป็นช่วงดราม่าของเรื่อง "รัก...ติดดิน" ของอีกคู่ค่ะ ฮืออออ TT___TT
ดึกแล้ว อัพดึกตลอดเลย ถ้ามีอะไรผิดพลาดจะค่อย ๆ ทยอยแก้ไขนะคะ
คิดถึงคนอ่านสุด ๆ ตอนหน้าจะพยายามรีบปั่นค่ะ *กอดฟัด*

:mew1:ระหว่างนี้ทวงได้คุยได้ที่ทวิตเตอร์และ fb นะคะ ^^
ขอบคุณที่แวะเวียนมาค่ะ ของแถมวันนี้งดก่อนนะคะ ยังไม่ค่อยได้วาด พบกันตอนหน้าน้าาา ^o^