ยกที่ 39 (ต่อ)
“คิม!”
เจ้าของชื่อสะดุ้ง ก่อนประตูห้องจะเปิดผาง กำลังนอนสบาย ไอ้เพื่อนบ้าช่างไม่มีมารยาทในการปลุกคนหลับบ้างเลย
“กะจะสิงอยู่นี่ไปจนถึงเมื่อไหร่!?
เด็กหนุ่มเกาหัวสีทองแกรก ๆ เพิ่งนึกออกว่าไม่ได้อยู่ห้องตัวเอง กระนั้นก็มิได้นำพาความเกรงใจให้บังเกิดแต่อย่างใด ยังคงเกลือกกลิ้งบนเตียงอย่างเกียจคร้านชนิดไม่เกรงใจเจ้าของห้องพร้อมกับบ่นหงุงหงิงไปด้วย
“อะไรว้า? แค่นี้ทำไล่”
“พี่ภพมาที่ร้านอีกแล้ววันนี้”
คิมหันต์ชะงัก เหลือบมองปิ่นหยกซึ่งกำลังเดินเข้ามา วางโกโก้ปั่นที่เขาเรียกร้องฝากซื้อไว้ให้บนโต๊ะ จากนั้นก็หันไปจ้องเพดานห้องสีขาวราวกับว่ามันน่าสนใจเสียเหลือเกิน
“มาบ่อยเลยหรือ?”
“ก็บ่อยอยู่ ช่วงที่แกกลับบ้านด้วย” เด็กหนุ่มเจ้าของห้องพยักหน้า ย่อตัวลงมานั่งตรงขอบเตียงแล้วพยายามเอาเท้ายันเพื่อนรักซึ่งนอนแผ่อยู่ให้ร่วง “บ้านอยู่ราชบุรี ทำไมต้องให้บอกว่ากลับเพชรบุรีด้วยวะ เลวว่ะ บังคับเพื่อนโกหก พูดไปแม่งไม่กล้ามองหน้าเลย”
“เออน่า”
“ดีนะไม่โดนจับได้ แกก็รู้ฉันโกหกไม่ค่อยเนียน”
“ฝึกสกิลไง” เด็กหนุ่มผู้มาสิงห้องตอบอย่างขอไปที
“หลบเขาอยู่หรือไง?”
ขาคิมหันต์ไถลหล่นเตียงไปข้างหนึ่ง
“เปล่านี่”
“อย่ามาแหลกับฉัน ไอ้เวร!” ปิ่นหยกยันโครมอีกครั้งด้วยความแรงมากกว่าเก่า คราวนี้เพื่อนคิมกิมจิเกือบร่วงลงไปทั้งตัว
“ไอ้ควายปิ่น! ถีบทำไมวะ!” ผู้ตกเป็นเหยื่อฝ่าเท้าเขาปีนกลับขึ้นมาได้ก็ร้องโวยทันทีพร้อมกับส่งเท้ากลับมารัว ๆ “แม่งมือหนักเท้าหนัก ยันมาได้!”
“ก็ไม่พูด” เขาหัวเราะ ลุกหนีออกจากเตียงไปอยู่อีกฝั่งให้ปลอดภัยจากอาการคุ้มคลั่งของคิมหันต์ อ้างเรื่องสิทธิในความสัมพันธ์ฉันท์มิตรด้วยสีหน้าจริงจังอย่างไม่เนียนเท่าไรนัก “เป็นเพื่อนกันเปล่าวะ”
“อย่ามาทำดราม่า” อีกฝ่ายตามมาผลักเขาหัวทิ่มพร้อมกับออกปากไล่ “กลับไปหาคุณชายลูกเจี๊ยบแกเลยไป”
“ไอ้เวร อย่าเปลี่ยนเรื่อง! แถมนี่ห้องฉัน จะให้กลับไปไหนวะ!?” ปิ่นหยกร้องลั่นอย่างร้อนตัว โดนแซวเรื่องอาทิตย์ทีไรก็หน้าร้อนอยู่เรื่อย รีบโจมตีก่อนเพื่อจบประเด็นเก่า “แกแม่งคบกับพี่ภพไม่บอกฉันสักคำ”
และดูท่าว่าโจมตีแบบนี้จะได้ผลเสียด้วย “เชี่ย!” คิมหันต์ทำตาเหลือก แก้มขาวเกือบซีดเปลี่ยนเป็นสีชมพูจาง ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว “ใครบอกคบ”
เขาขมวดคิ้ว หรี่ตามองตรงไปยังเพื่อนรักที่ออกอาการประหลาด เป็นเพื่อนกันมาหลายปี แต่เขาไม่เคยเห็นคิมหันต์แสดงท่าทีเช่นนี้มาก่อน ขนาดเขามักโดนว่าเสมอเรื่องความรู้สึกช้าอย่างนั้นอย่างนี้ยังจับสังเกตได้
“แกดูอาการหนักว่ะคิม” เขายิ้มกริ่ม ย่อตัวลงนั่งพร้อมกับดึงคิมหันต์ลงมาด้วย ตบหลังเพื่อนรักป้าบ ๆ ทั้งที่คิดว่ายั้งมือแล้วแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าเหยเกใส่ จนบัดนี้ก็คล้ายจะยังไม่ตระหนักว่าคนที่ทนมือทนเท้าเขาได้ขนาดนั้นคงมีแต่อาทิตย์ “มีอะไรคุยกันได้”
“คุยบ้าอะไร” อีกฝ่ายยังทำเฉไฉ
“เผื่อต้องการความช่วยเหลือ” ปิ่นหยกเอ่ยเสียงเย็น เห็นโอกาสเอาคืนรำไรจากที่คิมหันต์เคยเอาเจลหล่อลื่นลึกลับมาให้อาทิตย์จนเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อนานมาแล้ว “ถุงยางไหม? หรืออะไรอย่างอื่นดีครับเพื่อนคิม”
“ไอ้ควายปิ่น!”
"แต่แกออกตังค์นะ แล้วจะยอมแบกหน้าไปซื้อให้ ฮ่า ๆ ๆ"
"จะเอาคืนแม่งยังไม่ลงทุนเลย!"
ปิ่นหยกลงไปนอนหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ทั้งที่พูดเองก็หน้าแดงเองไปด้วย “รู้ปะ ฉันแช่งแกทุกวันเลยให้มีหนุ่มสักคนรับตัวไปดูแล ไม่นึกว่าจะได้ผลจริง สงสัยต้องเอาดีด้านแช่งแล้ว ขอพรท่านเทพแห่งเงินตรานี่ไม่ได้เคยสมพรปากงี้เลย”
“ไอ้เพื่อนเฮงซวย!”
คิมหันต์ร้องโวย ก้มลงไปจี้เอวคนที่นอนขำอยู่จนดิ้นตัวงอ แต่ปิ่นหยกกลับทำหน้าระรื่นอยู่ได้ทั้งที่ส่งเสียงโอดโอยพร้อมกับหัวเราะไม่ยอมหยุด มือพยายามฟาดเขาเปะปะแต่ยังร้องตอบเขาอย่างยากเย็น “นั่นแหละที่ฉัน...ฮ่า ๆ ๆ ..อยากบอกแกตั้งแต่วันที่เห็นหลอดเควายเจลนั่น...ไอ้เพื่อนเฮงซวย! ฮ่า ๆ ๆ สะใจปะ”
“เวรเอ๊ย! ไม่ทะเลาะด้วยละ”
เด็กหนุ่มผมทองทำหน้าเซ็งแล้วหยุดมือดื้อ ๆ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แวะดูดโกโก้ปั่นที่ปิ่นหยกเอาขึ้นมาวางไว้ให้พลางเหลือบมองนาฬิกา
สองทุ่มครึ่งแล้ว เขาเพิ่งกลับมาจากราชบุรีวันนี้เอง โทรบอกวัสสานะไว้แล้วว่าจะแวะร้านเค้กทานตะวันก่อน และคืนนี้อาจนอนที่หอพักปิ่นหยกด้วยเลยตั้งแต่ยังไม่ทันได้ขออนุญาตเจ้าของห้อง โดยไม่ลืมกำชับเธอไว้ว่าหากใครมาหาให้บอกว่ายังไม่กลับ แม้เขาคิดว่าสามภพคงไม่โผล่ไปที่บ้านตอนกลางคืน แต่กันไว้ก่อนอาจเข้าท่ากว่า
“นี่..ไอ้ปิ่น” เขาร้องเรียกพร้อมกับเอาเท้าสะกิดหน้าแข้งเพื่อน
“หือ?”
“คืนนี้นอนด้วยดิ”
ปิ่นหยกหันมาขมวดคิ้ว “มีบ้านก็กลับไปนอนสิ”
“มืดแล้ว ไม่ได้เอามอ’ไซค์มา” คิมหันต์อ้าง “ขี้เกียจหารถกลับ”
“งั้นก็เดินไป”
“งกแล้วยังใจดำบัดซบ”
คนฟังหัวเราะ “รู้ดีนี่หว่า”
เด็กหนุ่มผมทองเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระตุกชายเสื้อเพื่อนเบา ๆ แต่ไม่ได้พุ่งเข้าฟัดอย่างที่เคยเป็นมาตลอดอย่างผิดวิสัย “ไม่ให้นอนด้วยจริงดิ?”
ปิ่นหยกถอนหายใจเป็นคนแก่ หันมาจ้องเขาด้วยท่าทางเหมือนตัวเองเป็นคุณแม่โดยไม่รู้ตัว
“นอนน่ะมันก็ได้ มีอาทิตย์เสนอหน้ามาแล้วคน เพิ่มแกอีกคนก็ไม่เท่าไหร่หรอก แคบไปหน่อยแต่ก็โอเค”
คิมหันต์ยักไหล่ “ก็แค่เนี้ย”
“แต่สงสัยว่าทำไมแกไม่กลับไปนอนบ้านวะ”
ช่างทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไมผิดเวลาเสียจริง เขาถอนหายใจตามเพื่อนรักไปติด ๆ เหยียดแข้งเหยียดขาเต็มเตียงทั้งที่ก็นอนมาตั้งแต่บ่ายแล้ว
“อยู่คนเดียวแล้วฟุ้งซ่านว่ะ”
ปิ่นหยกมองเขาอย่างชั่งใจ ครู่หนึ่งก็คลานมาลูบหัวเขาแปะ ๆ ดูเหมือนจะปลอบ หากไม่ติดเรื่องมือหนักไปหน่อย
“ฟุ้งซ่านเรื่อง?”
“หลายเรื่อง ระบุเป็นข้อ ๆ ไม่ได้หรอก ไม่งั้นจะเรียกฟุ้งซ่านได้ไง”
เจ้าของห้องกลอกตาเหนื่อยหน่าย “เชื่อละว่าฟุ้งซ่านจริง พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย แล้วทำไมต้องให้โกหกพี่ภพด้วย?”
เขากระดิกนิ้วเท้าไปมา คีบผ้าห่มปลายเตียงขึ้นมากอดฟัด อารมณ์ว่าฟัดคนไม่ได้ ขอกอดรัดกับผ้าห่มหน่อยก็ยังดี
“หือ?”
ปิ่นหยกยังเรียกร้องคำตอบ ส่วนเขาได้แต่เออออส่ง ๆ
“รำคาญเฮียเพี้ยน”
“เฮียเพี้ยน? พี่ภพน่ะหรือ” ประกายวาววับบางอย่างปรากฏในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเพื่อนรัก “ฉันว่าเขาอาจจะคิดถึงน้องคิมจนเพี้ยนก็ได้”
“ไอ้ปิ่น ไอ้ปากหมา!”
“อย่าทำเขินหน่อยเลย” ปิ่นหยกหัวเราะลั่น ตบไหล่อีกฝ่ายป้าบ ๆ คิมหันต์หน้าแดงแย่แล้ว เขาไม่ยักรู้ว่าเพื่อนรักที่คิดมาตลอดว่าไม่น่ามีอะไรมาทำให้สะทกสะท้านได้มากนักจะทำสีหน้าแบบนี้เป็นด้วย “แกชอบเขาแล้ว ท่าแม่งออกเยอะ”
“อ้อ” คนฟังพยายามยิ้มเยาะ ขุดหาเรื่องมาให้อับอายกันโดยถ้วนหน้าแม้ตัวเองก็ดูจะไปไม่รอดเท่าไร “ท่านปิ่นผู้มีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้มาก่อนสินะ กับคุณชายอาทิตย์เป็นยังไงบ้างล่ะ”
ปิ่นหยกหน้าร้อนผ่าว แต่ถึงจุดนี้ถือว่ายอมพลีชีพ อาทิตย์ไม่ได้อยู่ฟังด้วย ขอยืมชื่อมาอ้างหน่อยคงไม่เป็นไร
“ก็ดี อยู่ในโอวาท ไม่ขี้เก๊ก ไม่ทำตัวน่ากลัวอย่างเฮียภพของแก ฮ่า ๆ ๆ" เขายักไหล่ หยุดพูดก่อนเพื่อหัวเราะอย่างสะใจ ก่อนจะชักนำเข้าสู่เรื่องเก่า "เรียนจบมอปลายแล้ว เมื่อไหร่จะเอามาเปิดตัวจริงจังวะ”
คิมหันต์กำลังจะอ้าปากเถียงทั้งใบหน้าร้อนฉ่า เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะพวกเขาเสียก่อน
“อาทิตย์?” ปิ่นหยกสะดุ้ง ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งอ้างถึงอีกฝ่ายหน้าชื่นตาบานแท้ ๆ พอตัวจริงมาเกิดจะทำตัวไม่ถูกเสียเดี๋ยวนั้น “ทำความสะอาดร้านเสร็จแล้วเรอะ!?”
ก๊อก ๆ เสียงดังอีกครั้งที่หน้าประตูทำเขาขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ นึกขึ้นได้ว่าปกติอาทิตย์ไม่เคาะประตูห้องนี้ ด้วยถือว่าตัวเองเป็นผู้อยู่อาศัยประจำอีกคนหนึ่งไปแล้ว
“ใครครับ?”
ไม่มีเสียงตอบรับ
เขาพยักพเยิดให้คิมหันต์รออยู่ทีเดิมก่อน ส่วนตัวเองลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังประตู สองมือตบเบา ๆ ที่แก้มเป็นการทำใจและหวังว่ามันจะไม่แดงมากนักจากบทสนทนาเมื่อครู่ ก่อนจะหมุนลูกบิดประตูแล้วแง้มออกช้า ๆ
“...อาทิตย์”
เป็นหมอนั่นจริง ๆ
แต่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังนี่สิที่ทำเขาเบิกตากว้าง เงยขึ้นมองหน้าแขกผู้มาเยือนทีมองอาทิตย์ทีด้วยความประหลาดใจระคนสยองแทนคิมหันต์อย่างไม่ทราบสาเหตุ
“..พี่ภพ...” ปิ่นหยกอุทานเสียงแหบแห้ง หวังลึก ๆ ว่าคิมหันต์จะได้ยินเสียงเขาและรีบหาที่ซ่อนตรงไหนสักแห่งหากไม่อยากเจอหน้าผู้ชายคนนี้ เขาจ้องอาทิตย์อย่างคาดคั้นก็ได้รับสายตาเป็นทำนองว่าได้ทำการปฏิเสธอย่างถึงที่สุดแล้วแต่ไม่สำเร็จจริง ๆ
“พี่ภพ” เขาเน้นเสียงอีกครั้งอย่างจงใจ เผื่อว่าเมื่อครู่นี้คิมหันต์อาจไม่ได้ยิน “มาทำอะไรครับ”
“คิมหันต์อยู่ไหม?”
อา..เป้าหมายชัดเจน สองคนนี้เล่นอะไรกัน(วะ)
“อยู่หรือเปล่า?” สามภพถามซ้ำเพราะเห็นเขามัวแต่อ้ำอึ้ง เอามือดันประตูให้เปิดออกมากขึ้นอย่างถือวิสาสะ “โทษนะ ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม”
“...อ่า..” ปิ่นหยกชะงัก เกาะบานประตูอย่างมีพิรุธ เผลอก้มหน้ามองเท้าตัวเองขณะที่พูดโกหกซึ่งไม่ถนัดอย่างแรง “ไม่อยู่ครับ ทำไมพี่ถึงคิดว่ามันจะอยู่ที่นี่”
สามภพถอนหายใจ ยกมือกอดอกขณะที่ยืนขวางประตูไว้ ส่วนอาทิตย์อ้อมมายืนด้านข้างพร้อมกับเนียนโอบเอวเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทันรู้ตัว
“เด็กจริง..” ชายหนุ่มพึมพำ ส่งสายตาอ่อนใจมาทางเขาพร้อมกับโคลงศีรษะไปด้วย “อย่างแรกเลย..โกหกไม่เก่งนะเรา ไม่มองตาคู่สนทนาสักนิด”
อาทิตย์ดึงเขาเข้าไปใกล้หน้าตาเฉย พูดอะไรไม่ได้เข้ากับสถานการณ์ “ปิ่นหยกน่ารักอย่างนี้แหละครับ”
สามภพกลอกตากับความมึนของอาทิตย์ “เรื่องที่สอง คิมหันต์บ้านอยู่ราชบุรี แล้วที่พากันพูดเป็นเสียงเดียวทั้งคู่ว่ากลับเพชรบุรีคืออะไร?”
ปิ่นหยกหน้าเจื่อนไปนิดหน่อย ก่นด่าอยู่ในใจว่าทำไมรู้มากอย่างนี้ แล้วยังลามไปถึงเพื่อนรักที่ให้ข้อมูลอะไรไม่เนียนเอาเสียเลย
“แล้วก็อีกอย่าง”
สามภพหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา เลือกเบอร์ของคิมหันต์แล้วกดโทรออก ครู่เดียวก็มีเสียงสั่น
วืดดด...วืดดด.. ดังมาจากในห้อง แม้ปิดเสียงแล้วใช้ระบบสั่น แต่ท่ามกลางความเงียบระหว่างพวกเขาก็ยังได้ยินชัดเจน คิมหันต์คงเข็ดที่เคยโดนจับได้จากการโทรเข้าแล้วมือถือแผดเสียงร้องครั้งก่อน แต่ตั้งสั่นแบบนี้ก็ใช่ว่าจะรอด จนเมื่อเขากดวางสาย โทรศัพท์ของอีกฝ่ายจึงเงียบลง นั่นยืนยันสิ่งที่คาดได้เป็นอย่างดี
“มือถือของคิมหันต์อยู่ในห้องนี้ไม่ใช่หรือ?”
ปิ่นหยกอับจนด้วยคำพูด แวบหนึ่งที่คิดขึ้นมาได้ว่าสองคนนี้ช่างเหมาะสมกันอย่างกับอะไรดี คนหนึ่งเจ้าเล่ห์เกรียนแตก อีกคนรู้มาก ฟ้า(หรือไม่ก็อันนา)คงส่งมาปราบเกรียนได้ถูกคู่แล้ว
“..อาจจะลืมไว้เมื่อนานมาแล้วก็ได้นะครับ”
เขาแถเสียงเบาหวิวอย่างไร้ผล ตั้งใจจะถ่วงเวลาอีกนิด คนข้างในจะซ่อนหรือโผล่มาดี ๆ ก็ช่วยเลือกเอาสักอย่างแล้วกัน
สุดท้ายสามภพก็เดินเข้าไปด้านในเงียบเชียบเหมือนเสือล่าเหยื่อ มีเจ้าของห้องทั้งสองเดินตามมาด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ปิ่นหยกได้แต่บ่นหงุงหงิงรั้งท้ายอย่างเจ็บใจตัวเองโดยไม่มีใครได้ยิน “..บอกแล้วว่าโกหกไม่เก่ง”
ชายหนุ่มกวาดตามองจนทั่ว โกโก้ปั่นค่อนแก้ววางค้างอยู่บนโต๊ะ ถัดออกไปสายตาก็สะดุดเข้ากับมือถือที่เขาจำได้ว่าเป็นของคิมหันต์นอนนิ่งอยู่บนเตียง หยิบขึ้นมาดูจึงเห็นว่ามีสายไม่ได้รับของเขาเองเมื่อครู่นี้ แต่เจ้าของโทรศัพท์ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว
เขาขมวดคิ้ว เหลียวมองรอบตัว ห้องค่อนข้างแคบ เครื่องเรือนมีอยู่ไม่กี่ชิ้น ไม่น่ามีที่ให้ซุกเยอะแยะ ประตูทางเข้ามีอยู่บานเดียวซึ่งเขาเพิ่งเดินผ่านมา อย่างไรเสียก็ต้องอยู่ในนี้
ใต้เตียง?
เขาก้มลงมอง และพบเพียงความว่างเปล่า
ในห้องน้ำ ในตู้ ใต้โต๊ะ ที่ไหนก็ไม่มีทั้งนั้น
จากหางตาเขามองเห็นปิ่นหยกยืนทำหน้ากังวล(ส่วนอาทิตย์ทำหน้ามึน) ท่าทางทั้งสองกำลังมองไปรอบห้องเหมือนกับเขา เดาว่าเจ้าตัวก็คงไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองอยู่ไหนแล้ว
เหลือที่ยังตกสำรวจคือระเบียง เขารีบสาวเท้าผ่านประตูเชื่อมระหว่างตัวห้องกับระเบียงด้านหลัง กวาดตามองอย่างละเอียดตั้งแต่พื้นจรดเพดานก็ไม่พบวี่แววของสิ่งมีชีวิตสักอย่าง
“ชอบเล่นซ่อนหาหรือไงไอ้เบื๊อก”
เขาชะเง้อมองออกไปข้างนอก ห้องนี้อยู่ชั้นสอง ด้านล่างเป็นพื้นคอนกรีต ดูแล้วไม่มีอะไรให้เกาะปีนลงไปได้หากไม่มีอุปกรณ์ช่วย โดดลงไปเป็นความคิดซึ่งไม่เข้าท่านัก จุดที่น่าสงสัยอยู่ที่ระเบียงห้องข้าง ๆ มากกว่า ประเมินจากระยะห่าง พิจารณาร่วมกับความคล่องแคล่วของคิมหันต์คิดว่าทำได้ไม่ยาก จากจุดนี้เป็นห้องซึ่งอยู่ตรงมุมพอดี หากจะข้ามไปห้องอื่นทางระเบียงก็เหลือทางเดียวให้ไปได้คือฝั่งซ้ายมือ
“ด้านโน้นห้องใคร?” เขาหันไปถามปิ่นหยกที่เดินตามมาท่าทางเป็นกังวล “มีคนอยู่หรือเปล่า"
"..เอ.."
"มองตาเวลาตอบด้วย”
คนฟังกัดริมฝีปาก หนักใจแทนเพื่อนรักขึ้นมานิดหน่อย
“พี่ตามหามันทำไม”
“ถามเจ้านั่นดีกว่าว่าหลบหน้าทำไม”
ปิ่นหยกกุมขมับ ไม่รู้เรื่องและไม่ได้คำตอบจากใครสักคน “เรื่องนั้นผมไม่รู้หรอก”
“งั้นตอบเรื่องที่รู้” สามภพรวบรัดตัดความ “ห้องข้าง ๆ นั่นใคร แล้วตอนนี้เจ้าของห้องอยู่ไหม?”
เด็กหนุ่มถอนใจเฮือก ถ้าคิมหันต์ปีนข้ามไปจริงป่านนี้คงรอดแล้วมั้ง
“ห้องอุ่นใจ น้องชายเจ้าของหอพัก ตอนนี้คงอยู่มั้งครับ”
สามภพชะเง้อมองไปยังระเบียงข้างเคียงนั้น ยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับ “ขอบใจมาก” เป็นคำพูดทิ้งท้ายสั้น ๆ ก่อนชายหนุ่มจะสาวเท้าเร็ว ๆ ออกจากห้องเขา เป้าหมายคือห้องของอุ่นใจที่อยู่ติดกันอย่างไม่ต้องสงสัย
“คิม...เล่นอะไรวะ” ปิ่นหยกทำหน้ามู่ทู่ให้หลังเมื่อสามภพเดินออกไปพ้นสายตาแล้ว “ยังอยู่แถวนี้ปะเนี่ย”
จุกยางอุดท่อระบายน้ำของอ่างล้างหน้าลอยมาโดนศีรษะเขาแล้วกลิ้งหล่นบนพื้น วิถีกระสุนพุ่งฉิวมาจากระเบียงของอีกห้อง เขารีบหันไปมองก็พบคิมหันต์กำลังส่งเสียงกระซิบกระซาบถามเขาจากตรงนั้นว่าสามภพไปหรือยัง
“ไปแล้ว” เขากระซิบตอบพร้อมกับโบกไม้โบกมือไปด้วย “รีบปีนกลับมา เขากำลังจะไปห้องนั้น”
“เชี่ยละ!” คิมหันต์อุทาน เร่งตะกายระเบียงกลับมาเป็นการด่วน
ปิ่นหยกเห็นท่าแล้วให้หวาดเสียวแทน กลัวเพื่อนรักจะตกลงไปกระแทกพื้นคอนกรีตเดี้ยงก่อนวัยอันควร ดันหลังอาทิตย์ซึ่งแขนขายาวกว่าให้รีบไปช่วยดึงกลับมาเป็นการด่วน พอเท้าอีกฝ่ายเหยียบพื้นระเบียงห้องเขาได้ก็เริ่มบ่นทันที
“เล่นบ้าอะไรกัน โปลิศจับขโมยตอนใกล้สามทุ่มหรือไง”
“เออน่า..” คิมหันต์ยกมือลูบหน้าลูบตา เหงื่อซึมตามไรผมทั้งจากอากาศร้อน ออกแรงเยอะ ผนวกกับความตื่นเต้น “จู่ ๆ โผล่มาอย่างนั้นก็ตกใจหนีดิ มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ”
“ไอ้บ้า ทำอ้างไปเรื่อย เขาท่าทางเอาเรื่องเลยนะเว้ย” ปิ่นหยกใส่ไฟ
“พี่ภพไม่ทำอะไรหรอกครับ” อาทิตย์ช่วยแก้ “จริง ๆ แล้วเขาใจดี”
“หน้าตอนขู่ไม่ให้โกหกนี่เหมือนจะกินหัวกันได้เลย” ปิ่นหยกมองอาทิตย์อย่างขัดใจที่พูดกันคนละทาง แต่อีกฝ่ายยังทำหน้ามึนยื่นข้อเสนอสมานฉันท์ต่อ
“คิมก็ยอมมอบตัวไปดี ๆ เถอะครับ พี่เขาออกจะเอ็นดูนาย”
ปิ่นหยกทำท่าวิตกจริต “ไอ้คิม ฉันว่าแกหนีกลับบ้านเหอะ”
แต่อาทิตย์ยังดึงกลับทางเดิม “คิม พี่ภพดูเป็นห่วงนะครับ”
“คิม! แกทำประกันยังวะ เอาที่ครอบคลุมเรื่องโดนฆาตกรรมด้วย”
“คิม ฉันรู้จักพี่ภพดี”
คิมหันต์รู้สึกเหมือนจะสติหลุด “สองผัวเมียนี่แม่งตกลงกันก่อนได้ปะ!”
เขาส่ายหน้างุ่นง่าน เดินกลับเข้ามาในห้องตั้งใจว่าจะหามือถือตัวเองที่หล่นอยู่บนเตียงตอนกระโจนหนี เห็นยังวางอยู่ที่เดิมก็รู้สึกว่าช่างโชคดีที่สามภพไม่ได้เก็บไปด้วย
ทว่าวินาทีถัดมา คิมหันต์กลับพบว่านี่มันเรียกโชคร้ายชัด ๆ
ปัง! ประตูห้องเปิดผางออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มที่ควรจะไปยุ่งกับห้องข้าง ๆ ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกสักครู่เดินกลับเข้ามา ตามด้วยคำพูดซึ่งทำคิมหันต์นึกอยากหวีดกับความซวยของตัวเองให้ลั่นห้อง
“พี่ว่าจะยึดมือถือคิมหันต์ไว้ก่อ—”
อยู่กันพร้อมหน้าทั้งมือถือทั้งเจ้าของเลยทีเดียว “คิมหันต์!”
“ไง...เฮียเพี้ยน” เด็กหนุ่มร้องทักอย่างหมดอาลัยตายอยาก จนมุมชนิดงี่เง่าสุดติ่งอีกแล้ว “เหนื่อยปะ? โกโก้ปั่นหน่อยไหม?”
“มอบตัวเถอะครับ” เสียงอาทิตย์ยังกรอกหูอยู่ข้างหลัง
ด้วยความปรารถนาดีอย่างสุดซึ้ง - หมดยกที่ 39 –
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
เรียนจบม.ปลายแล้ว แต่งเข้าบ้านเฮียได้ละ //เดี๋ยว ๆ (ฮา)
สองคนนี้เล่น(?)กันน่าเหนื่อยจริง ๆ ค่ะ 5555
ปล.ตอบคำถามของตอนที่แล้ว ไฟดับตั้งแต่ตอนเย็นถึงพลบค่ำค่ะ ตอนแรกเลยยังพอมองเห็นอยู่ ต้องขอโทษด้วยค่ะที่อธิบายไม่เคลียร์ แฮร่ ๆ
คราวนี้มีของแถมรีพลายถัดไปปป