ยกที่ 48 (ต่อ)
สายของวันถัดมา หลังจากตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นเสร็จ สามภพเดินทางออกจากคอนโดฯ โดยมีจุดหมายอยู่ที่ราชบุรี ไม่ได้บอกใครไว้ล่วงหน้าแม้แต่เจ้าตัวแสบที่เขาตั้งใจจะไปดูให้เห็นกับตาว่าเป็นอยู่อย่างไรแล้ว
เขามาถึงตัวเมืองราชบุรีในเวลาใกล้เที่ยง จากนั้นจึงเริ่มตั้งต้นจากสถานที่เด่น ๆ ซึ่งปิ่นหยกเขียนไว้ให้ในแผนที่ เสียเวลาหลงทางอีกครู่หนึ่ง สุดท้ายก็มาจอดรถเยื้องกับประตูรั้วสีขาวหน้าบ้านเดี่ยวหลังใหญ่นอกตัวเมืองออกมานิดหน่อย คาดว่าคงจะเป็นตำแหน่งเดียวกับที่มีสัญลักษณ์รูปดาวสีแดงกาอยู่บนกระดาษ
ชายหนุ่มชะเง้อมองออกนอกหน้าต่างรถ หน้าบ้านนั้นเงียบสนิท ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจขับเลยไปเพื่อหาที่จอดหลบมุมสักนิด เผื่อว่าเป็นบ้านคิมหันต์จริงแล้วเจ้าเด็กนั่นเห็นเข้าต้องจำรถของเขาได้แน่ แม้จะยังไม่ชัดเจนกับตัวเองนักว่าหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปเพื่ออะไร
เขาเหลือบมองเค้กที่ซื้อมาเมื่อวานซึ่งยังวางอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ ตั้งใจว่าปล่อยมันไว้อย่างนั้นก่อนก็ได้ หากไม่ได้ให้เดี๋ยวค่อยซื้อใหม่วันหลัง
เมื่อได้ที่จอดรถเหมาะ ๆ ชายหนุ่มก็ดับเครื่อง ควานหาแว่นกันแดดกับหมวกแก๊ปในช่องเก็บของมาสวม ลงมายืนมองซ้ายมองขวาข้างนอก ทำทีเหมือนเป็นคนที่เดินสัญจรตามปกติ ย้อนกลับไปทางเดิมที่เพิ่งผ่านมา ก้าวขาอาด ๆ ผ่านรั้วหน้าบ้านขณะที่ลอบมองเข้าไปด้านใน
มาสด้าสองสีขาวจอดอยู่ในโรงจอดรถ เขาจำได้แม่นยำจากป้ายทะเบียนว่ามันเป็นของวัสสานะ เธออาจกลับบ้านด้วยเหมือนกัน แต่แน่นอนแล้วว่าเป็นบ้านของคิมหันต์อย่างไม่ต้องสงสัย ชีพจรเขาเร็วขึ้นนิดหน่อยด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เขาเคยตามป้วนเปี้ยนอยู่หน้าบ้านเด็กหนุ่มที่กรุงเทพครั้งแรก และคราวนี้เหตุการณ์ก็แทบไม่ต่าง เพียงแต่ย้ายสถานที่เกิดเหตุมาเป็นราชบุรีเท่านั้นเอง
ประตูหน้าบ้านเปิดอยู่แต่มองเห็นด้านในไม่ถนัด ส่วนประตูรั้วนั้นปิดสนิท และการจะเข้าไปยืนส่องใกล้ ๆ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ให้เจอตัวก็ออกจะสุ่มเสี่ยงไปสักหน่อย เขาชะลอฝีเท้าเพียงชั่วครู่ พยายามเก็บรายละเอียดให้มากที่สุดก่อนจะมีใครออกมาเจอ จากนั้นก็เดินผ่านเลยไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขาพาตัวเองมาหยุดพักที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวไม่ไกลออกไปนัก ไม่รู้จะทำอะไรต่อดีจึงเดินเข้าไปนั่งโต๊ะมุมร้านส่วนที่หลบจากสายตาผู้คน สั่งไปมั่ว ๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าไรแล้วหยิบมือถือขึ้นมาพลิกดูเรื่อยเปื่อย ครู่หนึ่งมือก็วางค้างอยู่ที่ปุ่มโทรออก หน้าจอแสดงเบอร์มือถือของคิมหันต์
หรือเขาควรโทรหาเจ้าเด็กนั่นเพื่อบอกว่าอยู่ใกล้ ๆ นี่แล้ว
ลังเลอยู่อีกพักใหญ่ สุดท้ายเขาก็กดทิ้ง จากนั้นเปิดแชทขึ้นมาแทน
‘อยู่ไหน ไอ้เบื๊อก’
ครู่เดียวก็มีข้อความเด้งกลับมา
‘บ้าน’
‘เมื่อไหร่จะกลับ’
‘คิดถึงอะดิ ผมติดธุระอยู่’
สามภพหยุดพิมพ์ นั่งจ้องมองตัวอักษรเหล่านั้นด้วยสายตาครุ่นคิด อีกฝ่ายส่งสติ๊กเกอร์หน้าตากวนประสาทมาให้อีกสองสามอัน จนเขาพิมพ์ข้อความใหม่กลับไป
‘ธุระอะไร’
คิมหันต์อ่านแล้ว แต่ก็เงียบไปครู่ใหญ่ จนกระทั่งก๋วยเตี๋ยวที่เขาสั่งยกมาเสิร์ฟ จึงได้ยินเสียงเตือนร้องขึ้นจากโทรศัพท์
‘ป๊าใช้ไปซื้อก๋วยเตี๋ยว เดี๋ยวค่อยคุย’
จากนั้นก็เงียบสนิท เกือบสิบนาทีที่เขาปล่อยให้เส้นเล็กน้ำของตัวเองลอยอืดเต็มชาม นึกสงสัยว่าร้านก๋วยเตี๋ยวที่ว่าคงไม่ใช่ที่...นี่....
“เฮียเพี้ยน!” ชายหนุ่มเสยผมแก้เก้อ แวบแรกรู้สึกราวกับกำลังทำผิดแล้วโดนจับได้คาหนังคาเขา ทว่าหลังจากนั้นก็นึกเซ็งตัวเองที่มัวแต่เหม่อจนการ์ดตกถึงเพียงนี้
“ไอ้เบื๊อก”
อีกฝ่ายเดินฉับ ๆ ผ่านโต๊ะของลูกค้าทั้งสองฝั่งตรงมายังจุดที่เขานั่งอยู่ เบิกตากว้างด้วยท่าทางตกตะลึง เอามือเท้าโต๊ะแล้วยื่นหน้าเข้ามาถาม “มาไงวะ ผมนึกว่าเฮียอยู่กรุงเทพฯ”
“ก็..” ชายหนุ่มยักไหล่ “มาเที่ยว”
คิมหันต์หรี่ตาอย่างจ้องจับผิด แม้หน้าตาเอาเรื่องแต่ใบหูสองข้างเป็นสีชมพู “เที่ยวไหน มาเมื่อไหร่ แถวนี้ไม่เห็นมีที่เที่ยวแล้วมาโผล่ได้ไง”
ถามเป็นชุดเชียว
“ยุ่งน่า”
“ตามผมมาหรือ” เจ้าตัวกระซิบกระซาบ ลากเก้าอี้มานั่งแหมะที่ฝั่งตรงข้าม ส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมนัยน์ตาวาววับมาให้ นั่นทำเขาข้องใจนักว่าตอนคุยโทรศัพท์กันปากก็พร่ำบอกว่าไม่ต้องมา ๆ แล้วพอมาโผล่เข้าจริง ๆ กลับทำท่าเหมือนลูกหมาเห็นเจ้าของใส่อย่างน่ารักแบบนี้คืออะไร
“คิดถึงผมใช่ปะ” ไอ้ตัวยุ่งยังไม่เลิก ทำตาเล็กตาน้อยใส่ ผิวหน้าตัวเองแดงเถือกไปหมดยังมีแก่ใจมาทำเป็นเล่นอีก “ทนไม่ไหวอะดิ”
“ไอ้เด็กเวร”
คิมหันต์หัวเราะร่วน ทำท่าดีอกดีใจเป็นเด็ก ๆ อย่างที่เขาเห็นแล้วต้องถอนหายใจพร้อมกับโคลงศีรษะน้อย ๆ ถ้าอยากให้มาหาจริงก็บอกเสียตั้งแต่ทีแรกไม่จบหรอกหรือ
“แล้วนี่พี่พักอยู่ไหนอะ”
“ยัง”
“หืม?”
“เพิ่งมาถึง”
“เพิ่งมาก็มาโผล่นี่เลย” เด็กหนุ่มกระซิบหงุงหงิง เสียงเบาหวิวด้วยไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน “ตกลงว่าตั้งใจมาหาผมจริง ๆ สินะ”
เขาพยักหน้าอย่างยอมจำนน ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกอยากเอื้อมมือไปลูบผมคนตรงหน้า ก็นึกขึ้นได้ถึงคำเตือนของปิ่นหยกบนแผนที่ คงไม่ดีหากเขามาทำอะไรประเจิดประเจ้อแถวนี้ให้อีกฝ่ายต้องเดือดร้อน
“แล้วมาถูกได้ไง”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ตอบสั้น ๆ “ปิ่นหยก” ก่อนจะได้รับเสียงสบถกลับมาจากคิมหันต์
“ไอ้เพื่อนเฮงซวย!”
พวกเขานั่งคุยกันอย่างพยายามทำให้เป็นปกติธรรมดาถึงที่สุดจนกระทั่งแม่ค้าเดินยกถุงก๋วยเตี๋ยวมาให้คิมหันต์ ส่งเสียงทักทายเด็กหนุ่มอย่างคนคุ้ยเคย “เอ้านี่อาตี๋ ร้อยเจ็ดสิบบาท”
คิมหันต์พยักหน้า ล้วงหากระเป๋าสตางค์ ทว่าพบแต่ความว่างเปล่า ขณะที่แม่ค้าก็ยังชวนคุยต่อ
“แล้วหนูแบมล่ะ ยังอยู่ที่บ้านด้วยไหม”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอีกครั้ง “อยู่ ๆ” มือก็ตบทั่วกางเกงไปด้วย เหมือนเขาจะลืมหยิบกระเป๋าเงินจากบ้านตอนเดินออกมา “เดี๋ยวนะ 'เป๋าตังค์ผม..”
“น่ารักดี” แม่ค้ายิ้มร่า ปล่อยคิมหันต์รื้อดูว่ามีเศษเงินเหลืออยู่ในกระเป๋ากางเกงอีกหรือเปล่า ปากก็ถามต่อไปเรื่อย “คบกันนานรึยังน่ะ”
เกิดความเงียบงันอันเย็นเฉียบขึ้นล้อมรอบโต๊ะนั้น แต่คุณแม่ค้าก็ดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
“แล้ววันนี้ไม่มาด้วยหรือ? วันก่อนเห็นป๊าเรามาอวดใหญ่ว่ามีว่าที่ลูกสะใภ้น่ารัก”
“...เจ๊..” คิมหันต์ครางเมื่อเห็นท่าไม่ดีแล้ว ต่อหน้าสามภพที่กำลังทำหน้าคร่ำเครียดจนน่ากลัว เขารีบท้วงเธอเป็นการเร่งด่วน “ไม่ใช่แฟ—”
“คิม!”
“....แบม...” เด็กหนุ่มแทบกัดลิ้นตัวเองขาด แม่เลสเบี้ยนติ่งเกาหลีคนสวยก็ช่างมาได้เวลาเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้
“นายนี่นะ”
บงกชเดินตรงเข้ามาทางพวกเขาอย่างมาดมั่น วางกระเป๋าสตางค์ที่เขาลืมไว้ที่บ้านแหมะลงตรงหน้า ยืนสาธยายตั้งแต่ก่อนจะทันสังเกตเห็นรังสีทะมึนจากชายหนุ่มที่นั่งอีกฝั่งโต๊ะ ด้วยนึกว่าเป็นเพียงคนไม่รู้จักซึ่งบังเอิญมานั่งด้วยกันเพราะที่เต็ม
“ลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้านแน่ะ! มัวแต่แชทอะไรอยู่นั่น คุณลุงเลยให้ตามเอามาให้ เดี๋ยวก็ไม่มีเงินจ่ายหรอก”
“อ่า...ขอบใจ” เขาอ้อมแอ้ม มือรับกระเป๋าเงินมาเปิดดู หยิบเงินจ่ายเป็นค่าก๋วยเตี๋ยว สายตาลอบมองไปยังชายหนุ่มซึ่งนั่งเงียบมาตลอดบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามไปด้วย สามภพราวกับกำลังปล่อยไอเย็นเฉียบจนน่ากลัวออกมาจากทุกรูขุมขนของร่างกาย บรรยากาศสบาย ๆ อย่างที่คุยเล่นกันอยู่เมื่อครู่หายวับไปกับตา
“ได้แล้วนี่” บงกชก้มลงมองถุงก๋วยเตี๋ยว “กลับบ้านกันเถอะ”
คิมหันต์กลั้นหายใจ แค่ไม่กี่วินาทีดูเหมือนอะไรต่อมิอะไรจะเลวร้ายในระดับร่วงดิ่งลงเหว แต่ละคนช่างพูดจากำกวมชวนให้เข้าใจผิดอะไรอย่างนี้ แต่ไอ้ครั้นจะมาประกาศต่อหน้าประชาชีว่าเขากับบงกชไม่ได้เป็นอะไรกันมันก็ยิ่งดูน่าสงสัยขึ้นไปอีก
จากหางตามองเห็นสามภพจ้องหน้าเขานิ่ง แววตาราวกับจะตราหน้าเขาว่าเป็นคนทรยศ (แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!) ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรงบางเฉียบ ตอนนั้นเองที่บงกชเริ่มสังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงเลื่อนสายตาไปยังบุคคลผู้ดูน่าจะเป็นสาเหตุของอาการที่ว่า
“คิม..คนนี้?”
“อา...” เด็กหนุ่มอ้าปากพะงาบ จะให้แนะนำว่าอย่างไรดี “นี่รุ่นพี่ที่คณะอะ พอดีเขามาเที่ยวราชบุรี ชื่อพี่ภพ” พูดจบก็เอื้อมมือไปกระตุกแขนเสื้อสามภพเบา ๆ แล้วแนะนำเด็กสาวให้ฟังบ้าง “พี่ภพ คนนี้ชื่อแบมเป็น..เพื่อนผม”
แทนที่สามภพจะตอบอะไรบ้าง สิ่งที่ไม่คาดคิดคือชายหนุ่มกลับปัดมือเขาออกต่อหน้าต่อตา
“!?”
“คิดเงิน” สามภพร้องเรียกคนขาย วางเงินไว้บนโต๊ะ เหลือบมองเขาเพียงแวบเดียวด้วยสีหน้าบึ้งตึง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินหนีออกจากร้านไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยเขานั่งมองตาค้างกับท่าทีกราดเกรี้ยวของอีกฝ่าย
“นั่นแฟนนายหรือ?” บงกชกระซิบ พอจับต้นชนปลายได้บ้างแม้ยังไม่แน่ใจนัก “เขาโกรธฉันเปล่าวะ”
“ไม่รู้” เขาหน้าเสีย แต่ยังไม่วายปฏิเสธเบา ๆ “แล้วก็ยังไม่ใช่แฟนด้วย” แต่ดูเหมือนบงกชจะไม่สนประโยคหลังแล้ว
“นี่ไม่ได้เล่าเรื่องฉันให้เขาฟังรึไง”
“ก็กะเคลียร์ให้จบก่อนค่อยเล่า”
“เขาหนีแล้ว” เธอต่อยไหล่เขาเบา ๆ “รีบตามสิไอ้บ้า”
“ทำไมต้องตามด้วย” เด็กหนุ่มเถียง ทิฐิขยายตัวขึ้นมานิดหน่อย “ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“แต่เขาตามนายมานะคิม”
“....”
“ไม่ใช่หรือ?” บงกชพูดเสียงเครียด ผลักไหล่เขาออกจากร้านอย่างพยายามช่วยแล้วหิ้วถุงก๋วยเตี๋ยวไว้เอง “เดี๋ยวฉันกลับไปหาคุณลุงก่อน จะบอกว่านายเจอเพื่อนเก่าสมัยประถมเลยคุยต่อ ถ้าโดนถามก็พูดให้ตรงกันด้วย แล้วอย่าให้นานนักล่ะ”
พูดจบเธอก็หันหลังตรงกลับไปทางบ้านเขา ส่วนสามภพนั้นมองเห็นแผ่นหลังไว ๆ ว่าแยกไปอีกทิศ
คิมหันต์ยืนลังเลครู่หนึ่งว่าจะไปทางซ้ายหรือขวา จนเมื่อเห็นสามภพเดินเลี้ยวหายไปตรงหัวมุม แวบหนึ่งที่รู้สึกราวกับว่าหากไม่ตามอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เขาก็ตัดสินใจวิ่งสุดฝีเท้าไปในทิศตรงข้ามกับบ้านตัวเอง
“เฮีย!” เด็กหนุ่มร้องตะโกนก่อนตัวจะไปถึงเสียอีก เพิ่งเห็นว่ารถวีออสคุ้นตาของอีกฝ่ายจอดอยู่หลังหัวมุมนี้
สามภพเพียงแต่ชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันหลังกลับมาตามเสียงเรียก
“ฟังผมก่อน”
ประตูรถเปิดออก เจ้าของรถย่อตัวลงเข้าไปนั่งข้างใน ปิดประตู สตาร์ทรถ หลังจากนั้นก็เริ่มออกตัว
“เดี๋ยว!”
เด็กหนุ่มร้องลั่น ประเมินแล้วหากยังวิ่งไปด้วยความเร็วเท่านี้ต้องไม่ทันแน่นอน ตัดสินใจหยุดอยู่แค่นั้นแล้วออกไปยืนขวางกลางถนนซึ่งเป็นทางผ่านเข้าออกทางเดียวในซอยนั้น แบบเดียวกับที่ชายหนุ่มเคยทำตอนไล่จับเขาไว้ได้บนรถตู้หัวหิน แหกปากเสียงดังอย่างที่มั่นใจว่าจะต้องได้ยินเข้าไปถึงในรถแน่นอน
“สามภพ พร้อมพิมาน!” เขาหอบหนัก เม็ดเหงื่อหยดลงจากหน้าผากผ่านหัวคิ้วแล้วไหลเข้าตา ไม่รู้ตัวว่าทำบ้าอะไรกลางแดดอย่างนี้ แต่ก็ทำไปแล้ว..
รถเคลื่อนตัวตรงเข้ามา และเขายังไม่ขยับไปไหน ขาสองข้างตรึงไว้มั่นกับพื้น เสียงแตรดังไล่ แต่เขาเชิดหน้าขึ้นน้อย ๆ จ้องตากับคนในรถอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ลงมา..”
ที่สุดแล้วล้อก็หยุดลง ป้ายทะเบียนหน้ารถห่างจากหน้าแข้งเขาเพียงแค่คืบเดียว
เขาวางมือไว้บนกระโปรงหน้ารถร้อน ๆ มือแทบพองตอนที่แตะลงไปแต่ยังไม่ยอมปล่อย เผื่อสามภพคิดจะใช้โอกาสที่เขากำลังอ้อมไปยังกระจกฝั่งข้างคนขับชิ่งหนีไปเสียก่อน พอเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างได้ก็จับตัวกระจกส่องข้างไว้แน่น กะว่าหากรถออกตัวตอนนี้ก็ตั้งใจจะติดไปด้วยนี่แหละ
คิมหันต์ทุบบนกระจกหน้าต่างข้างคนขับ ฟิล์มกรองแสงสีเข้มแต่ยังพอมองเห็นว่าคนข้างในทำสีหน้าเย็นชาใส่ และเขายิ่งทุบมันรัวขึ้นอีก นึกหงุดหงิดอีกฝ่ายว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรกลับมาทำเป็นโกรธขนาดนี้มันน่าไหม!
“เปิดเดี๋ยวนี้นะเว้ย!”
ความพยายามอย่างบ้าคลั่งของเขาสำเร็จในที่สุด กระจกแง้มลงเล็กน้อยพอให้เอานิ้วสอดเข้าไปได้ทัน เขากำมันไว้แน่น จ้องตากับอีกฝ่ายผ่านช่องแคบ ๆ นั้น ได้ยินสามภพแค่นเสียงเย็นเยียบออกมาจากข้างใน
“ธุระที่ว่าคือเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือ?”
“ใช่”
“งั้นคงไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว"
เท่านั้นเอง ก่อนกระจกไฟฟ้าทำท่าจะเลื่อนปิดอีกครั้ง แต่คิมหันต์ไม่ยอมเอามือที่สอดไว้ออก ถ้ากล้าหนีบจริงก็ลองดู
“คุยกับผมให้รู้เรื่องก่อน!”
ราวกับวัดว่าใครจะดื้อด้านกว่ากัน สุดท้ายแล้วกระจกก็หยุดลงโดยหนีบนิ้วมือเขาไว้หลวม ๆ ไม่ได้ปิดจนสนิท ขณะที่เขาได้แต่ยืนฮึดฮัดอยู่ด้านนอก เจ็บใจจนตาร้อนผ่าวไปหมด อยากตะโกนก็มีแค่เสียงสั่นพร่าผ่านริมฝีปาก
“ไอ้เฮียเพี้ยน! แม่งเปิดเดี๋ยวนี้เลยนะ...”
เงียบกันไปครู่หนึ่ง เงียบจนงุ่นง่าน จนรำคาญ จนอึดอัด เหงื่อหยด แสบตา เจ็บนิ้ว เจ็บใจ กระทั่งกระจกรถเปิดออก เป็นระบบไฟฟ้าซึ่งดูแล้วไม่ทันใจเลย เขากำลังจะคลั่งตายเพราะเรื่องบ้าบอคอแตกทั้งหมดนี่อยู่แล้ว
“เชี่ยเอ๊ย!” หนึ่งอึดใจอันชวนหงุดหงิดที่เขารอมันเปิดออกจนสุด เหงื่อหรือน้ำตาก็ไม่รู้หยดแหมะจากปลายคาง คิมหันต์มุดเข้าไปคว้าคอเสื้อสามภพไว้ในมือ กระชากให้ใบหน้าเลื่อนเข้ามาใกล้ บดเบียดริมฝีปากตัวเองแนบสนิทกับของอีกฝ่าย
“!?”
แล้วกัดลงไปเต็มแรง- หมดยกที่ 48 –
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
กลับมาแล้วค่าาา หายไปนานมากอย่างผิดวิสัย ฮือออ ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ สัปดาห์ที่ผ่านงานเยอะชีวิตเยิน จนตอนนี้ก็ยังจัดการชีวิตไม่เสร็จ แต่คิดถึงหนุ่ม ๆ ไม่ไหวแล้วเลยมาปั่นก่อน TTvTT
คิดถึงครอบครัวกุ๊กไก่ด้วย เป็นความช่วยเหลือหมายเลย 1 ค่ะ ส่วนน้องแบมเป็นหมายเลย 2 (หืม?) ลุ้นต่อว่าจะมี 3, 4..... อีกไหม (ฮา)
พบกันตอนหน้า วันนี้มีของแถมค่ะ ^o^
กอดฟัดคนอ่านนน ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกันค่ะ พราากกก
